Time to tears
Chapter 4
“ พรุ่งนี้ผมจะเริ่มสำรวจรอบบ้านแบบจริงๆจังๆซักทีนะครับ สองวันมานี่ฝนเริ่มซาเม็ดแล้ว น่าจะได้งานคืบหน้าขึ้นมาบ้าง นั่งๆนอนๆหลายวันตัวขี้เกียจจะเกาะเอา ” กันต์บอกกับเจ้าของบ้านในขณะที่นั่งกินน้ำชาตอนบ่ายที่เจ้าตัวแอบค่อนขอดในใจหลายครั้งว่าทำตัวเหมือนพวกผู้ดีอังกฤษ แต่พอกินบ่อยๆเข้าก็ชักจะติดเพราะมีทั้งชาหอมๆที่กินแล้วรู้สึกสดชื่นกับขนมสารพัดอย่างที่มะลิจะนำมาเสิร์ฟ แต่ส่วนมากจะเป็นเขาที่กินอยู่คนเดียวในขณะที่เพชรมักจะนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ เช่นเดียวกับในตอนนี้ชายหนุ่มละสายตาจากหนังสือแล้วมองมาที่ใบหน้าของกันต์แทน
“ ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องรีบ ”
“ ผมมาทำงานนะคุ๊ณ... ไม่ได้มาพักร้อน มาแล้วไม่ได้งานถ้าเจ้านายผมโทรมาเช็คแล้วจะให้ผมตอบว่าไง อ่อ พอดีผมมัวแต่นั่งจิบชายามบ่ายอยู่ครับเลยยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยนอกจากสเกตแบบคร่าวๆไว้ แบบนี้หรอครับ ? ” คนตัวเล็กอดแขวะเจ้าของบ้านที่นั่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ใกล้ๆไม่ได้ ในขณะที่เจ้าของบ้านหนุ่มได้แต่หัวเราะเบาๆในลำคอ หนังสือเล่มหนาถูกวางลงบนโต๊ะก่อนที่มือเรียวจะหยิบที่คีบๆน้ำตาลก้อนลงในแก้วของกันต์แล้วเทชาราคาแพงที่ชายหนุ่มหอบหิ้วมาจากเมืองนอกลงไป
“ นี่คุณ ... ” กันต์เอ่ยเรียกชายหนุ่มเบาๆ
“ หืม ? ”
“ จะมอมชาจนผมท้องผูกเลยหรือไง ? ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงเมื่อโดนคนตัวเล็กแขวะอีกรอบ
“ ผมเห็นคุณก็ซดเอา ซดเอา ไม่เห็นคุณปฏิเสธ ”
“ ผมแค่เกรงใจคุณเห็นเทจัง ถ้าน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นผมคงท้องผูกตายล่ะ ” กันต์ใช้ช้อนคันเล็กคนน้ำตาลในแก้วให้ละลายก่อนจะยกชาขึ้นจิบ พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาชอบบรรยากาศของบ้านหลังนี้
ความโบราณที่ทรงคุณค่า ไม้ทุกแผ่น เสาทุกต้นดูมีประวัติที่น่าค้นหา ฉลุไม้ที่ทำเป็นกรอบประตูดูอ่อนช้อย
“ ผมว่าบ้านหลังนี้มันดูผสมผสานยังไงไม่รู้เหมือนมีกลิ่นอายของจีนปนๆมาด้วย ”
“ จริงๆบรรพบุรษของผมเป็นคนจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่นี่เมื่อสองสามร้อยกว่าปีก่อน เหมือนที่ทราบๆกันมาว่าเมื่อก่อนคนจีนเข้ามาทำมาค้าขายในสยามกันเยอะมีทั้งทีเป็นใหญ่เป็นโตอย่างบรรพบุรุษของผมกับที่เป็นพ่อค้า บ้านหลังนี้ก็เลยถูกออกแบบให้ก่ำกึ่งระหว่างบ้านแบบไทยและบ้านแบบจีน ”
“ ไม่ทราบว่าสร้างมากี่ร้อยปีแล้วครับ ? ” กันต์ซักประวัติบ้านด้วยความสนใจ เพชรขยับนั่งในท่าทางที่สบายขึ้นก่อนจะเริ่มเล่าประวัติบ้านหลังนี้ในกันต์ฟังด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
“ บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อสามร้อยปีก่อน ลูกหลานที่เป็นรุ่นต่อๆมาดูแลรักษาให้คงสภาพเดิมอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งร้อยกว่าปีก่อน การดูแลสะดุดลงในรุ่นของคุณทวดของผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่คงสภาพบ้านหลังนี้ไว้ ”
“ ทำไมล่ะครับ ? ”
“ เพราะเกิดเหตุร้ายกับลูกชายของบ้านหลังนี้น่ะครับ ค่อนข้างเป็นเรื่องน่าเศร้า ” เพชรส่งยิ้มขื่นๆให้กับอดีตของบรรพบุรุษของตนเองที่ได้ยินมา
“ คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ ? ” กันต์ขยับเก้าอี้ไปนั่งใกล้ชายหนุ่มอย่างลืมตัวจนเพชรจ้องมองอยากแปลกใจในท่าทีกระตือรือร้นของอีกคน กันต์เริ่มรู้สึกตัวก็หัวเราะออกมาแห้งๆ
“ คือผมเป็นพวกชอบดู ชอบฟังเรื่องสมัยก่อนน่ะครับ ได้ยินแล้วอะดรีนาลีนวิ่งพล่าน ”
“ ผมเป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง ยังไงถ้าทำให้สะดุดจนหงุดหงิดก็ขอโทษด้วยนะครับ ” ชายหนุ่มออกตัวอย่างเขินๆ กันต์รีบโบกมือไปมา
“ โอ้ย... ไม่เป็นไรครับ ผมมันพวกจินตนาการสูง คุณเล่ามาเหอะเดี๋ยวผมนึกภาพตามเองได้ ”
“ บรรพบุรุษของผมเป็นข้าราชการขั้นสูงจากเมืองจีน... ” ชายหนุ่มเริ่มเล่าเรื่องของบรรพบุรุษของตนเองให้กับกันต์ฟัง เริ่มจากต้นตระกูลที่เดินทางไกลจากแผ่นดินใหญ่เพื่อรับราชการกับทางสยามเพื่อสอดแนมและรายงานเหตุการณ์บ้านเมืองจากทางนี้กลับบ้านเกิดแม้กระทั่งสมรสกับลูกสาวของขุนนางฝ่ายไทยเรื่อยมาจากรุ่นสู่รุ่นนับร้อยๆปี จนกระทั่งถึงรุ่นของแม่เจ้าพระยาวาณิชย์พิพัฒน์
“ พวกเค้าใช้ชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองทางหน้าที่การงาน มีพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติและอำนาจ คุณเทียดของผมมีลูกชายเพียงคนเดียว สมัยนั้นการค้าทาสเฟื่องฟูบ้านหลังนี้ซื้อทาสเด็กมาฝึกให้ทำงานหลายสิบคน มีคนหนึ่งที่ถูกส่งมาเป็นทาสรับใช้ของคุณทวดผม คุณทวดของผมท่านมีหัวด้านดนตรีแต่คุณเทียดอยากให้ท่านรับราชการเหมือนบรรพบุรุษท่านอื่นๆ ”
“ กรรณ ... ”
“ ขอรับนายน้อย ? ”
“ เจ้าอยากหัดซอหรือไม่ ? ”
กรรณที่บัดนี้เติบโตเป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ตวัดตามองแผ่นหลังของนายน้อย
แผ่นหลังกว้างสมชายชาตรี เด็กหนุ่มหมอบลงกับพื้นอย่างนอบน้อม
“ บ่าวไม่กล้าหรอกขอรับ ? ”
“ ทำไมล่ะข้าจะหัดให้เจ้าเอง ข้ารู้นะว่าเจ้าอยากเล่น เอามั้ย? ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างปราณีจนหัวใจคนฟังรู้สึกอุ่นวาบ
นายน้อยใจดีกับเขาเสมอตั้งแต่เล็กจนโต สำหรับทาสที่ตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่นเสมอๆนั้น การที่เจ้าชีวิตอีกคนหนึ่งให้ความเมตตาเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจของทาสที่ซื่อสัตย์อย่างเขา
“ นายน้อยจะหัดให้ข้าจริงๆเหรอขอรับ ? ” ดวงตากลมจ้องผู้เป็นนายเขม็ง
“ จริงสิมานั่งนี่สิ ข้าจะสอนเจ้าเอง ” ร่างบางค่อยๆคลานเข้าไปหาผู้เป็นนายแต่ทว่านายน้อยกลับมานั่งซ้อนข้างหลังตัวของกันต์ พลางจับมือเล็กให้ประทับที่สายซอ เสียงทุ้มเอ่ยบอกว่านิ้วไหนคือโน้ตตัวใด อีกมือก็จับมือเล็กให้จับคันชักถูกวิธีแล้วสอนการสีที่ถูกวิธี
“ ขั้นแรกเจ้าต้องหัดสายเปล่าก่อนจะไล่เสียงไปก่อนแล้วค่อยขึ้นเพลง เข้าใจหรือไม่ ? ” เสียงทุ้มที่เอ่ยชิดใบหู สัมผัสอุ่นที่มือทั้งสองข้างทำให้แก้มขาวขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้ ใจดวงน้อยเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ มุมปากสวยปรากฏรอยยิ้มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ซักนิด
“ กันต์ ... กันต์... ” เสียงทุ้มเสียงเดิมเอ่ยเรียกชื่อ กันต์รู้สึกตัวก่อนจะขานรับ
“ ครับ นายน้อย ”
“ ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนในห้องสิครับ เห็นมั้ยผมบอกแล้วว่าผมเล่าเรื่องไม่เก่ง คุณฟังแล้วยังหลับเลย ”
หลับ...หลับหรอ... ใครหลับ ?
เฮือก!!!
ร่างบางเด้งตัวขึ้นจากการนอนซบลงกับท่อนแขนของตัวเองเป็นเวลานาน
เขาหลับไปตอนไหนกัน คนตัวเล็กยกมือขึ้นสำรวจมุมปากตัวเองก็พบกับสายตาที่มองมาอย่างขบขัน
“ เรียบร้อยดีครับ น้ำลายไม่ยืด ขี้ตาไม่มี เข้าบ้านเถอะครับฝนตั้งเค้ามาแล้ว เอาเป็นว่าคุณเริ่มต้นทำงานวันไหนก็บอกนะครับ อีกสองวันเลขาผมจะตามมา เขาจะพาคุณเดินดูรอบๆบริเวณบ้าน ทุ่มหนึ่งเจอกันที่ห้องอาหารนะครับ ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง กันต์ยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาดู น่าแปลกที่ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ได้รับ
“ ทำไมครั้งนี้รู้สึกเหมือนจริงมากๆเลยล่ะ แล้วทำไมตั้งแต่กันต์คนนั้นโตเราไม่เห็นหน้านายน้อยเลยนะ ”
“ คุณช่างจะไปไหนคะ ? ” แม่บ้านร่างท้วมที่เริ่มคุ้นชินกับคนตัวเล็กที่เดินไปทางนู้นทีทางนี้ที เอ่ยถามเมื่อร่างบางกำลังก้าวยาวๆผ่านบริเวณครัวไป กันต์ชะงักเท้าก่อนหันมายิ้มให้จนคนมองอดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“ วันนี้จะเดินสำรวจบ้านในทั่วน่ะครับ ต้องรีบทำก่อนฝนจะตกลงมาอีก นั่งๆนอนๆนานนานแล้วตัวขี้เกียจชักจะเกาะ ต้องสะบัดออกซะบ้างน่ะครับ ”
“ งั้นมารับของว่างก่อนมั้ยคะแล้วค่อยไปทำงาน ? ” แม่บ้านชราไม่รอคำตอบ นางจัดแจงหยิบจานอาหารว่างที่เด็กรับใช้เดินตามมาให้อย่างคล่องแคล่วเป็นการปิดประตูไม่ได้กันต์เอ่ยปากกฏิเสธ
“ ทำแบบนี้ผมก็แย่สิครับ ” กันต์ยื่นมือไปรับแก้วเครื่องดื่มพลางย่นจมูก
“ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ผมไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันเลย วันๆเอาแต่กินกับนอนจนตอนนี้ผู้สึกมีห่วงยางที่ท้องนิดๆแล้วครับ ” กันต์พลางตักขนมเข้าปาก
“ ไม่อ้วนหรอกค่ะ คุณเป็นคนโครงร่างเล็กรับรองทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ทานเยอะๆนั่นแหละค่ะดี คุณช่างต้องทำงานใช้สมองใช้แรง ถ้ากินไม่อิ่มจะเป็นลมเอาได้นะคะ ” มะลิตรวจดูความเรียบร้อยพลางพยักหน้าอย่างพอใจ
“ ไม่ทราบว่าวันนี้จะเดินดูตรงจุดไหนบ้างคะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ? ” หญิงชราที่มองคนตัวเล็กนั่งเอนกายบนเก้าอี้ตัวใหญ่ในมือมีแปลนบ้านแผ่นใหญ่ที่คลี่ดูด้วยความสนใจเอ่ยถามขึ้น
“ ตรงปีกซ้ายน่ะครับ คิดว่าวันนี้จะเริ่มจากตรงนี้ก่อน ”
“ อ่อ... เรือนกล้วยไม้น่ะเหรอคะ ” กันต์ทำตาโตอย่างสนใจ
“ เรือนกล้วยไม้ ชื่อเพราะจังเลยครับ ”
“ เรือนหลังนั้นสวยมากๆด้วยนะคะ ” มะลิเลื่อนขนมอีกจานไปตรงหน้าคุณช่างของเธอ กันต์รีบกลืนขนมลงคอก่อนจะถามด้วยความสนใจ
“ ถ้าให้เดา เจ้าของเรือนหลังนั้นต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆเลยใช่มั้ยครับ ? ” มะลิมองหน้าคุณช่างก่อนจะส่งยิ้มอ่อนๆ ช่วยให้ใบหน้าของหญิงชราดูมีชีวิตชีวามากกว่าวันแรกที่ได้เจอกัน
“ ว่ากันว่าเรือนกล้วยไม้เป็นเรือนหอของนายน้อยกับคุณสบันงามาก่อนค่ะ ”
“ เอ๋...เรือนหอเหรอครับ ? ” กันต์วางส้อมในมือก่อนทำหน้าสงสัย เท่าที่เขาทราบประวัติคร่าวๆของเรือนโบราณแห่งนี้ เจ้าของรุ่นสุดท้ายถึงแก่กรรมตั้งแต่อายุรุ่นหนุ่ม ทายาทที่สืบเชื้อสายรุ่นถัดมาเป็นลูกจากบรรดาเมียรองลงมาของท่านเจ้าพระยาวาณิชย์พิพัฒน์
“ ใช่ค่ะ เรือนหอของนายน้อยรุ่นก่อน คุณสบันงาเธอเป็นธิดาของอำมาตย์ท่านหนึ่ง ว่ากันว่ารูปโฉมของนางงดงามกว่าสตรีใดๆในยุคนั้นเลยนะคะ ”
“ อยากเห็นจัง สมัยนั้นน่าจะนิยมจ้างช่างมาถ่ายรูปแล้วใช่มั้ยครับ ? น่าจะยังมีรูปหลงเหลืออยู่บ้าง ”
“ รูปก็เหมือนจะเคยมีนะคะ คงอยู่ในห้องเก็บของ แต่ของมันเยอะดิฉันว่าคุณช่างอย่าเสียเวลาไปเสาะหาเลยค่ะ เรือนหลังนี้กว้างจะตายกี่เดือนจะปรับปรุงเสร็จก็ไม่รู้ ”
“ ถ้าเร่งทำจริงๆไม่เกิน 3 เดือนหรอกครับ ผมไม่ชอบดองงานเดี๋ยวเจ้าของเขาจะหาว่าผมโอ้เอ้เพื่อชาร์จเงิน ” กันต์ขยับตัวลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเป้ที่ใส่สิ่งของจำเป็นในการทำงานไว้ขึ้นสะพายบ่า
“ แล้วอย่าทำงานเพลินจนลืมเวลาอาหารเย็นนะคะ ” มะลิเอ่ยเตือนคุณช่างของหล่อนก่อนจะบอกให้เด็กรับใช้เก็บจานของว่างที่คนตัวเล็กทานทิ้งไว้ กันต์หันมาโบกมือให้หญิงชราก่อนเดินลับหายไป
“ น่าเสียดายจัง ถ้าดูแลอย่างดีกล้วยไม้พวกนี้คงสวยมากแน่ๆ ” มือเรียวแตะลงบนเถาและใบของกล้วยไม้ที่อดีตคงเป็นกล้วยไม้หลายพันธุ์ที่สวยงาม แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นซากของสิ่งมีชีวิตที่สภาพร่วงโรยเพราะขาดการดูแลบำรุง คนตัวเล็กสเกตภาพเรือนตรงส่วนต่างๆ บางจุดเขียนกำกับลงรายละเอียด กันต์ขยับระเบียง บานประตูหน้าต่างตรวจเช็คความแข็งแรง
แอ๊ด....บานประตูไม้หนาถูกเลื่อนเปิดลำแสงที่ทอดผ่านช่องลมทำให้เห็นละอองฝุ่นทอดตัวอยู่ในนั้น กันต์ยกมือปัดไล่ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ
ห้องนอนของเรือนนี้กว้างจนแทบจะเป็นบ้านหลังหนึ่งได้เลย
“ ลายไม้ที่ฉลุตรงขอบเตียงและหัวเตียงบ่งบอกถึงความล้ำค่า ความโบราณ โทนสีในห้อง สีแบบนี้นอนไปไม่ร้อนไม่แสบตาหรือไง แสดงว่าเจ้าของห้องนี่คงร้อนแรงซู่ซ่าน่าดู ”
“ บังอาจ !!! ”
เฮือก !!!
กันต์สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงตวาดก้อง คนตัวเล็กหันขวับกลับไปมองด้านหลังที่ได้ยินเสียงทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ห้องนอนเงียบกำลังอับแสงเพราะความสว่างจากดวงตะวันกำลังจะลาลับ
ขนอ่อนตามแขนลุกซู่จนกันต์ต้องใช้มือของตัวเองลูบไปมา
“ ผีไม่มีในโลก กันต์แกแค่หูฝาดน่ะ ” คนตัวเล็กมองบริเวณรอบเพื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตพอที่จะตวาดก้องแบบเมื่อครู่ สองเท้าก็ค่อยๆก้าวถอยหลังอย่างหวาดๆ
ตุ่บ!!!
“ อะ!!!... อื้อ.... อ่อยอ๊ะ อ่วยอ้อวยยยยยยยย ” ร่างบางที่ถอยหลังไปชนกับใครคนหนึ่งกำลังจะแหกปากร้องด้วยความตกใจ แต่มือหนาของเจ้าของร่างนั้นก็ตะครุบเข้าที่ปากของตนเองซะก่อน แขนแกร่งอีกข้างรัดเอวบางรั้งเข้าหาตัว กันต์ตาลีตาเหลือกพยายามใช้แรงที่มีต่อสู้กับแรงของคนที่กักตนไว้ด้วยแขนพียงข้างเดียว
“ ชู่วววววว...คุณ... ผมเอง ” เพชรกระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่ทำท่าจะสู้สุดฤทธิ์ กันต์ชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นหู ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะกระทุ้งศอกกใส่หน้าท้องเจ้าของเรือนโบราณที่บังอาจทำให้ตกใจทันที
“ โอ้ย...คุณ มันเจ็บนะ ” ชายหนุ่มตัวงอกุมท้องทันทีเมื่อโดนศอกแหลมๆของคนที่ดีดตัวออกไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่อีกด้าน
“ เจ็บสิดี มันน่าถองให้ใส่ทะลักนัก เป็นบ้าอะไรของคุณมาไม่ให้สุ่มให้เสียง ถ้าผมลืมตัวเตะก้านคอคุณสลบขึ้นมาจะทำไงเนี่ย ”
“ ขอโทษ... พอดีผมเพิ่งกลับจากไปธุระ กลับมาไม่เห็นคุณที่ห้อง ถามมะลิรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่เลยมาตามคุณไปทานข้าวเย็น ไม่คิดว่าคุณจะตกใจ ” เพชรถอยห่างออกจากกันต์เล็กน้อยอย่างสุภาพ ดวงตาคมฉายแววขบขันอย่างเห็นได้ชัด
“ หัวเราะอะไรของคุณ ? ” กันต์เอ่ยถามอย่างไม่ชอบใจ
ก็ในสายตาน่ะมันเหมือนกับมีคนนับร้อยกำลังตะโกนล้อเลียนเขาว่า กันต์กลัวผี กันต์กลัวผี กันต์กลัวผี... ซ้ำๆอยู่ในนั้นน่ะสิ
ฮึ่ย...เห็นแล้วอยากเอาเสียมแซะลูกกะตา
“ ผมเปล่า ” ชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธทันที
“ คุณหัวเราะเยาะผม ” คนตัวเล็กเถียงอย่างไม่ลดละ
“ ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณ ”
“ คุณไม่ได้หัวเราะ แต่ตาคุณมันกำลังไหวระริกๆๆๆเชียว คุณหัวเราะเยาะผมผ่านสายตา ”
“ โห... คุณ... หาเรื่องน่า ” ชายหนุ่มหันหลังเดินออกมาจากเรือนกล้วยไม้ทันที มีหรือคนตัวเล็กจะไม่รีบแจ้นตามออกมาอย่างเอาเรื่อง
“ ผมไม่ได้หาเรื่องนะ ก็คุณน่ะหัวเราะเยาะผมผ่านสายตาจริงๆ ”
“ ตาผมมันสื่อขนาดนั้นเชียวเหรอ ? ”
“ นั่นไง คุณยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าคุณหัวเราะเยาะผม ” คนตัวเล็กชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง เพชรมองนิ้วเรียวที่แทบจะจ่อจมูกของเขาก่อนจะ
งับ....
“ เฮ้ย...คุณ ทำไรเนี่ย ปล่อยนะ ” กันต์พยายามดึงนิ้วของตัวเองออกจากปากของเพชรที่งับหมับเข้าให้อย่างหมั่นเขี้ยว ร่างสูงนอกจากจะไม่ทำตามที่คนตัวเล็กขู่ฟ่อๆราวกับลูกแมวตัวน้อยแล้วยังรั้งเอวบางเข้าหาตัวอีกต่างหาก
“ ย๊าห์!!! บอกให้ปล่อยไง คุณเป็นหมาหรือไงเนี่ยมาเที่ยวไล่กัดชาวบ้านเขาเนี้ย ปล๊อยยยย ”
“ ทำอะไรกันน่ะ !!! ? ”
เสียงแหลมเล็กที่ดังจากด้านหลังทำให้ทั้งสองคนผละออกจากกันอย่างตกใจ เมื่อหันไปมองก็พบกับมัลลิกาที่ยืนจ้องคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ใบหน้าสวยเครียดขึงอย่างเห็นได้ชัด
มันอะไรกันกับสิ่งที่เห็น ภาพที่เพชรใช้ปากงับเข้าที่นิ้วของกันต์มันอะไรกัน
“ จัส... มาได้ยังไงครับ ” เป็นชายหนุ่มที่เรียกสติของตัวเองกลับมาได้ก่อนในขณะที่กันต์ยืนทำตาแป๋วอย่างไม่รู้จะอธิบายภาพเมื่อครู่ว่าอย่างไร
มัลลิกาพยายามนับหนึ่งถึงร้อยในใจ หล่อนไม่อยากแสดงกริยาไม่ดีให้เพชรเห็น
ภาพลักษณ์ของหล่อนคือดารานางแบบสาวที่แสนน่ารัก หญิงสาวถอนหายใจก่อนปั้นยิ้มหวานหยดให้กับชายหนุ่มและ....คุณช่างที่แม่บ้านเรียกกันก่อนจะเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่มือเรียวก็คล้องแขนชายหนุ่มไว้ราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ กันต์ถอยห่างออกมาอย่างเก้อๆ บรรยากาศที่รู้สึกมันวิ๊งค์ๆเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น ยังไม่ทันทีมัลลิกาจะพูดอะไรก็มีบุคคลที่ 4 ก้าวพรวดเข้ามา
“ อยู่นี่เองนะครับนายน้อย ผมตามหาแทบแย่ ” ร่างบางของผู้ชายที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มกล่าวจบก็คำนับผู้เป็นเจ้านายก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้
“ งานที่จีนเรียบร้อยแล้วหรอจิ” เพชรแกะตัวออกจากการเกาะกุมของมัลลิกาอย่างเนียนๆ ด้วยการก้าวเข้าไปตบไหล่ของจิรายุเบาๆ
ทำไมจะไม่รู้ว่าเพชรหลีกเลี่ยงที่จะให้หญิงสาวสัมผัส จิรายุลอบยิ้มอย่างขำๆกับการทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ว่าผู้หญิงข้างหลังจะไม่พอใจขนาดไหน
เจ้านายของเขาไม่ได้โง่ เพียงแต่ไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวว่าเป็นการทำให้ผู้หญิงเสียหน้า
“ เรียบร้อยดีครับนายน้อย มิสเตอร์หว่องให้มาเรียนนายน้อยว่าให้นัดเซ็นสัญญาร่วมทุนสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าได้เลย แล้วท่านก็ฝากมาบอกว่าโครงการที่จะสร้างห้างสรรพสินค้า ท่านอนุมัติแล้วนะครับให้เตรียมนำเสนอแผนงานเข้าที่ประชุมได้เลยครับ ” จิรายุรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่เพชรมอบหมายให้ไปทำโดยละเอียดและครบถ้วน มัลลิการู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความสำคัญในที่นี่จึงแสร้งกระแอมไอจนจิรายุที่แกล้งทำเป็นไม่เห็นเลิกคิ้วอย่างเสแสร้ง
“ โอ๊ะ... คุณจัสมินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย ? ดาราดังคิวดกขนาดคุณมีเวลาว่างนั่งรถมาไกลขนาดนี้เชียวหรือครับ ”
“ ทำไมคะ ฉันมาไม่ได้เหรอคะ ในเมื่อพ่อของฉันก็เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งในโครงการพัฒนาเรือนนี้เหมือนกัน ” จัสมินรู้ว่าจิรายุไม่ชอบหล่อน เช่นเดียวกับที่หล่อนก็ไม่ชอบเลขาของเพชรที่ทำหน้าเหมือนรู้อะไรไปซะทุกเรื่อง
จิรายุไม่เคยแสดงว่าจะยอม ‘ ลง ’ให้แก่หล่อนเพราะฉะนั้นมัลลิกาก็ไม่จำเป็นต้องทำดีกับจิรายุ
“ ผมไม่ได้พูดว่าคุณมาที่นี่ไม่ได้นี่ครับ ผมแค่ถามคุณมายังไงแค่นั้นเองทำไมต้องอ้างถึงเรื่องการเป็นหุ้นส่วนด้วยล่ะครับ ไม่เอาแล้วคุยกับคุณไม่สนุก เอาเป็นว่าคุณจะนั่งรถมาหรือเหาะมาผมก็ไม่สนใจคุณแล้วก็ได้ ” จิรายุลอยหน้าลอยตาพูดกับมัลลิกา หญิงสาวสั่นเหมือนโดนเจ้าเข้าทรง
เกลียด...
เกลียดเลขาของเพชรคนนี้ที่สุด มันทำตัวเหมือนรู้อะไรต่อมิอะไรของหล่อนจนตั้งตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมาอย่างออกนอกหน้า
“ จิ... ” เพชรเรียกชื่อลูกน้องคนสนิทด้วยเสียงกดต่ำอย่างปรามๆ จิรายุทำหัวหดราวกับเกรงกลัวเสียเต็มประดาแต่ความจริงเพชรรู้ว่าจิรายุแกล้งทำ
“ โอ๊ะ !... นั่น คุณช่างของคุณนมใช่มั้ยครับ ? ผมจิรายุเป็นเลขาคนสนิทของนายน้อยครับเรียกจิเฉยๆก็ได้นะครับ ” จิรายุยื่นมือออกไปตรงหน้าของกันต์ที่ทำหน้านิ่งยืนดูเหตุการณ์ต่างๆเงียบๆ กันต์มองหน้าจิรายุที่ระบายยิ้มอ่อนโยนให้ไม่มีท่าทีจิกกัดเหมือนที่พูดกับจัสมิน สายตาดูเป็นคนจริงใจก็ยื่นมือไปสัมผัสกับมือของจิรายุ
“ สวัสดีครับ ผมกรกันต์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ”
“ ฝากเนื้อฝากตัวก็พอฝากได้นะครับแต่ถ้าฝากหัวใจอันนี้คงต้องรบกวนให้ฝากกับนายน้อยแทนนะครับ ” จิรายุจงใจยั่วมัลลิกาโดยเฉพาะ คนปากร้ายแอบขำกับปฏิกิริยาของอีกคน
ถ้ามีซาวด์เอฟเฟ็คเหมือนในหนังคงจะได้ยินเสียง ฉ่า... เพราะตอนนี้ใบหน้าของกันต์กับนายน้อยของเขาแดงเห่อถึงใบหู ส่วนหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นี้ก็เหมือนกัน แต่ไม่ได้แดงเพราะเขินอายเหมือนผู้ชายที่ยืนทำหน้ามึนตรงหน้าเขาทั้งสองคน
หล่อนกำลังโกรธพร้อมกับส่งสายตาราวกับจะควักตับของเขาออกมากระทืบเล่น
“ นี่จะยืนคุยกันตรงนี้อีกนานมั้ยคะ ? จัสเมื่อยแล้ว ยุงก็เยอะ เข้าบ้านกันไม่ได้เหรอคะ ? ” น้ำเสียงแหลมห้วนเจือกระแสไม่พอใจพร้อมกับสีหน้าบึ้งตึงทำให้เพชรรู้สึกตัว
แสงสีส้มของยามเย็นนำความมืดมาเยือนชายหนุ่มขยับตัวก่อนเอ่ยปากชวนทุกคนเข้าบ้านโดยมีจัสมินกลับมาทำตัวเป็นปลิงเกาะแขนชายหนุ่มแจ
“ ผมว่าคราวหลังคุณจัสต้องพกเข็มทิศกับแผนที่ของเรือนมานะครับ จะได้ไม่กลัวหลง ” อดที่แขวะหญิงสาวอีกไม่ได้ ในขณะที่กันต์เดินตามรั้งท้ายยังแอบขำ
ไม่รู้ว่าไปโกรธแค้นอะไรกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน
ตั้งแต่เจอกันจิรายุกัดมัลลิกาจนเลือดซิบหลายต่อหลายครั้งโดยที่มีเพชรคอยเรียกชื่อปรามๆ
หากแต่ก็ไม่สามารถหยุดจิรายุได้ซักที
“ จัสไม่ได้กลัวหลงหรอกค่ะ จัสกลัวพวกแมวขโมยที่ชอบมาขโมยปลาย่างเวลาที่เจ้าของเค้าไม่อยู่มากกว่าค่ะ ” จัสมินจงใจตวัดสายตาไปให้คนที่เดินตามท้ายแถวจนกันต์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาตะหงิดๆ
เขาไปทำอะไรให้ทำไมมาคราวนี้จัสมินถึงแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเขา
“ แต่ที่นี่ไม่มีแมวนะครับ แล้วเราก็ไม่ชอบกินปลาย่างด้วย จริงมั้ยครับนายน้อย ? ”
“ ครับ ” เพชรที่ถูกโยนขี้มาให้ตอบรับแบบไม่ทันตั้งตัวเป็นผลให้จิรายุหัวเราะหึหึ ในขณะที่จัสมินปล่อยแขนชายหนุ่มพลางสะบัดหน้าเดินฉับๆนำเข้าบ้านไปอย่างไม่พอใจ
“ ทำไมชอบยั่วโมโหเขานักจิ ” เพชรหันมาทำเสียงนิ่งใส่เลขาที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทไปในตัวอย่างไม่จริงจังนัก
“ หมั่นไส้ล้วนๆครับ ไม่มีเหตุผลอื่น ”
..................................................................................