“เจ้า…”เด็กหนุ่มเม้มปาก เจ้าท่อนไม้ไป๋กล้าดีอีกแล้ว จื่อฟางเปลี่ยนมายิ้มอย่างรักษาท่าที “ข้าจะป้อนขนมอี้ให้”กล่าวจบก็ลุกจากที่นั่งหยิบถ้วยขนมอี้เดินไปนั่งบนตักของชายหนุ่ม ไป๋ผูอวี้เลิกคิ้วอย่างคาดไม่ถึงแต่ก็กลับคืนสู่ท่าทีได้อย่างรวดเร็ว ร่างบางที่นั่งอยู่บนตักยื่นช้อนที่ตักขนมคำเล็ก ๆจ่อที่ริมฝีปากพร้อมเอ่ยเสียงหวาน
“สามี อ้าปากสิ”จื่อฟางแสร้งเอ่ยหยอก ยกช้อนจ่อปากอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงเอาแต่จ้องมองตน ไป๋ผูอวี้ยกยิ้มจาง ไม่รู้ว่าอยากกินสิ่งใดมากกว่ากัน ชายหนุ่มไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของคุณชายรูปงามแม้แต่เสี้ยววิทำให้มือของจื่อฟางสั่นน้อยๆก่อนที่ไป๋ผูอวี้จะอ้าปากกลืนขนมที่อีกร่างป้อนให้ ร่างบางเอี้ยวตัวหยิบจอกสุราส่งให้ชายหนุ่มก่อนร่วมดื่มสุรามงคลเงียบ ๆ ฝามือใหญ่ของเขาวางแหมะอยู่ที่รอบเอวเล็ก ลูบไล้ขึ้นลงเบา ๆจนทำให้อีกร่างรู้สึกจั้กจี้ จื่อฟางเห็นว่าบนโต๊ะยังมีไหสุราจึงเทใส่จนเต็มจอก ยกดื่มเป็นจอกที่สองอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะมึนเมา คืนนี้เขาไม่จำเป็นต้องยับยั้งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
“ข้าไม่อยากให้เจ้าเมา”เสียงกระซิบของไป๋ผูอวี้ดังอยู่ข้างหู ก่อนที่จมูกได้รูปจะกดสูดดมกลิ่นหอมอ่อนจากซอกคอของร่างบาง เด็กหนุ่มย่นคอ แต่ริมฝีปากอุ่นนั้นไม่ลดละกลับขบเม้มพรมจูบไปจนถึงกกหูก่อนอ้าปากงับเบาๆ อีกมือวางอยู่ที่ต้นขา ความร้อนจากฝามือนั้นแผ่ซึมผ่านผ้าแพร
“ข้าไม่เมาหรอก”จื่อฟางเอ่ยอย่างดื้อดึง วางจอกสุราลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนักจนได้ยินเสียงเพล้งดังตามมา เขาพยายามแกะเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกอย่างยากลำบาก เสื้อผ้ายุคนี้ยุ่งยากเสียจริง ไป๋ผูอวี้หัวเราะขบขัน
“เจ้าใจร้อนนัก”
“ข้าจะแสดงตัวตนให้เจ้าดูอย่างไร”จื่อฟางดูดเม้มปากที่ยังมีรสชาติสุราฟุ้งกระจาย ชายหนุ่มอีกคนจ้องมองเขา เอื้อมมือไปที่โต๊ะอาหารด้านหลังหยิบไหสุรามากระดกอึกใหญ่ เด็กหนุ่มจ้องมองลูกกระเดือกของร่างนั้นขยับขึ้นลงจึงใช้มือลูบไล้ ไป๋ผูอวี้วางไหสุรา โน้มใบหน้ามาใกล้ มือหนาคว้าปลายคางของเขาก่อนประทับจูบ มือข้างนั้นบีบกรามเขาเบา ๆเพื่อให้เปิดปากออกรับสุรากลิ่นหอมจากอีกฝ่าย จื่อฟางหายใจสะดุด รับรู้ว่าสุราไหลออกจากมุมปากระหว่างที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของอีกฝ่ายจูบเร่งร้อนแนบชิดมากขึ้น รสสุรากระจายฟุ้งหอมอวลอยู่ในปาก ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างจับลำคอก่อนบดเบียดริมฝีปากหนาเข้าใกล้ดูดเม้มจนเจ็บแสบ กระทั่งจื่อฟางยอมให้เรียวลิ้นซุกซนของอีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาอย่างจาบจ้วง มืออีกข้างที่ลูบเอวอยู่เปลี่ยนมาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง
เด็กหนุ่มผละออกมาหายใจ ลากปลายนิ้วมือไปตามสันกรามของอีกฝ่าย สัมผัสราวขนนกทำให้ไป๋ผูอวี้ร้อนผ่าวไปทั้งร่าง อารมณ์รุนแรงคุกรุ่นแต่ก็ไม่อยากเร่งร้อน คืนนี้เขามีเวลาทรมานอีกฝ่ายทั้งคืน เมื่อริมฝีปากของทั้งสองผละออก ต่างก็ใช้เวลาแกะดึงเสื้อผ้าท่อนบน ใช้เวลาไม่นานทั้งสองร่างก็เปล่าเปลือย จื่อฟางกวาดตามองแผ่นอกกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอีกฝ่าย สีผิวที่เข้มขึ้นยิ่งทำให้รู้สึกว่าน่าขบกัด เขาทำตามอย่างที่คิดโน้มตัวไปประทับจูบตามกล้ามเนื้อแกร่ง ปลายลิ้นเลื่อนหยอกล้อยอดอกของร่างนั้น ไป๋ผูอวี้ส่งเสียงต่ำเบา ๆในลำคอ สองมือแกร่งเลื่อนมาขยำบั้นท้ายเบา ๆ เด็กหนุ่มส่งเสียงในลำคอระหว่างที่จูบย้ำอยู่ที่ลาดไหล่ ฝามือนุ่มลูบไปตามแผ่นอกกำยำเลื่อนต่ำลงไปที่ท้องน้อย ไป๋ผูอวี้ผ่อนลมหายใจดึงมือของอีกคนออกจากจุดอันตราย ริมฝีปากของจื่อฟางประทับจูบเบาๆที่ซอกคอ มุมปากฉีกเป็นรอยยิ้ม
จื่อฟางเบียดร่างกายเข้าหาเนื้อตัวท่อนบนเปล่าเปลือยสัมผัสกันและกันแนบชิดจนอารมณ์พลุ่งพล่าน รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของบุรุษที่เขานั่งกดทับอยู่ เด็กหนุ่มนึกอัศจรรย์ใจว่าคนผู้นี้ควบคุมตัวเองได้ดีเกินไปแล้ว ยังทรงตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไร้พนักในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ไป๋ผูอวี้ส่งเสียงอยู่ในลำคออีกครั้งมือแกร่งลูบคลำบริเวณบั้นท้ายของเขา ส่วนริมฝีปากพรมจูบไปทั่วลำคอขาว จื่อฟางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนขยับตัวเลื่อนลงมาจากตักของอีกฝ่าย ร่างนั้นย่นคิ้วคล้ายกับไม่พอใจกับช่องว่างที่เกิดขึ้น ฝามือหนากระตุกผ้าเกล้าผมของร่างบางออก เส้นผมสีดำราวม่านราตรีหล่นสยายมาถึงกลางหลัง จื่อฟางสบตากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตางดงามมีประกายเร่าร้อนจากเพลิงอารมณ์ที่รุกโหม มือเล็กยื่นมากระตุกเชือกมัดกางเกงออก ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้ใช้ริมฝีปากสัมผัสความแข็งแกร่งผ่านผ้าแพรนุ่ม ไป๋ผูอวี้ปล่อยเสียงครางออกมาอย่างระงับไม่อยู่ ขยุ้มเกี่ยวเส้นผมนุ่มลื่นของอีกฝ่ายอย่างเบามือ
กลิ่นกายบุรุษทำให้จื่อฟางใจเต้นแรง เหลือบตามองชายอีกคนที่ก้มมองเขาด้วยดวงตาสีดำเข้มที่เต็มไปด้วยความปราถนา เด็กหนุ่มไม่คิดแกล้งอีกจึงดึงกางเกงของอีกฝ่ายลงจนความเป็นบุรุษอันแข็งแกร่งปรากฏให้เห็น ฝามืออ่อนนุ่มกอบกุมความใหญ่โตไว้ เริ่มขยับมือขึ้นลงช้า ๆ ได้ยินเสียงสูดหายใจเฮือกหนึ่งของอีกร่าง
“ฟางเอ๋อร์...”ไป๋ผูอวี้ส่งเสียงเรียกผ่านฟันที่ขบแน่นอย่างอดกลั้น หากอีกฝ่ายยังคงหยอกล้อเขาอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มคิดว่าอีกไม่นานเส้นความอดทนคงได้ขาดสะบั้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยังคงรักษาท่วงท่าทีสุขุม จื่อฟางมองเห็นประกายอันตรายในแววตาอีกฝ่ายจึงไม่อยากเสี่ยงแกล้งอีก รีบก้มใช้ริมฝีปากแตะกับความใหญ่โตนั้น เรียวลิ้นลากสัมผัสทุกสัดส่วน ไป๋ผูอวี้ขยับตัวจนเสียงเก้าอี้ลากครูดดังอยู่ในห้อง มือหยาบเลื่อนมานวดคลึงติ่งหูของเขาเบา ๆ ระหว่างที่หอบครางในลำคอ จื่อฟางผ่อนลมหายใจ ค่อยๆอ้าปากดูดกลืนส่วนนั้นช้าๆ ไป๋ผูอวี้ส่งเสียงออกมาอย่างทนไม่ไหว ริมฝีปากอ่อนนุ่มครอบส่วนนั้นจนเขาแทบหลอมละลาย ก้มมองร่างบางที่ทรมานตนอยู่ด้วยดวงตาล้ำลึก มองริมฝีปากแดงเรื่อที่เลื่อนขยับขึ้นลงตามความเป็นชายของตน ภาพนั้นมากเกินกว่าที่เขาจะรับไหว เส้นความอดทนขาดผึง อารมณ์ปั่นป่วนในท้องน้อยเพิ่มขึ้น เขาจับต้นคอของอีกฝ่ายจากนั้นเป็นผู้ควบคุมจังหวะเอง ร่างบางส่งเสียงครางเบาๆอยู่ในลำคอ มือเล็กจับต้นขาของเขาไว้ ลมหายใจขาดห้วง ใบหน้าขาวๆแดงก่ำ ชายหนุ่มหอบครางรู้สึกเหมือนแทบระเบิดแต่ก็อดกลั้นไว้ เขาต้องการลิ้มรส ต้องการให้สัมผัสนี้อยู่นานอีกหน่อย
จื่อฟางพยายามสุดความสามารถ แม้จะเริ่มรู้สึกเมื่อยจากความคับแน่นแต่ก็ค่อยๆขยับศีรษะเป็นจังหวะ อาการมวนท้องเริ่มทำให้เขาเร่งจังหวะ นึกอยากให้เจ้าท่อนไม้พอใจเร็ว ๆจึงแกล้งส่งเสียงครางเบาๆ เป็นการกระตุ้นอีกฝ่าย ไป๋ผูอวี้ลูบมือหยาบกร้านตามลำคอของเขาก่อนจะยกบั้นเอวสวนเข้ามาจนเด็กหนุ่มส่งเสียงขลุกขลัก กระทำเช่นนี้อีกไม่กี่ครั้งก็รับรู้ว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มร้อนผ่าว ร่างบางรีบผละริมฝีปากออกมาก่อนที่ไป๋ผูอวี้จะปลดปล่อยธารอารมณ์ แต่ก็ไม่ทันของเหลวที่อีกฝ่ายปลดปล่อยเปรอะเปื้อนตามแผ่นอกและใบหน้าของเขา จื่อฟางอยากกรีดร้อง รีบเอาใบหน้าถูไถกับท่อนขาอีกคน นั่งพักให้ลมหายใจคงที่ หน้าผากแนบอิงอยู่กับท่อนขาของไป๋ผูอวี้ ชายหนุ่มไม่รอให้เขาได้ตั้งตัวก็ฉุดดึงร่างให้มานั่งคร่อมทับบนตักอีกครั้ง ริมฝีปากหนาพุ่งเข้ามาประกบจูบบนเรียวปากเล็กของจื่อฟางอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ เด็กหนุ่มลูบไล้ฝามือไปตามหน้าอกแกร่ง ส่วนนั้นของชายหนุ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะแรงอารมณ์หรือฤทธิ์สุราที่มีสิ่งอื่นปนมาด้วย ไป๋ผูอวี้รู้ว่าซูเหลียนฮวาเป็นคนจัดเตรียมสุรามงคลและนางก็ไม่มีทางนำสุราธรรมดามาใช้ในงานแต่งของตนแน่
“ไป๋ผูอวี้ ใจเย็นๆ”จื่อฟางพึมพำ ใช้มือดันหน้าอกอีกคน เมื่อฝ่ายนั้นพยายามสอดใส่ความแข็งแกร่งเข้ามาบริเวณช่องทางคับแคบ
“อย่าเพิ่งสิ”เขาน้ำตาแทบไหล หมอนี่จะอดทนไม่ได้หรือไร ทำเขาปวดเมื่อยกรามไม่พอยังจะดันทุรังทำเช่นนี้อีก
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแหบแห้งยิ่งทำให้เขาใจเต้นกระหน่ำ กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ “รออีกนิด”เด็กหนุ่มยื่นหน้าขบกัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่าย ปลายลิ้นเกี่ยวพันกันชั่วครู่ก่อนที่ไป๋ผูอวี้จะเลื่อนริมฝีปากซุกไซร้ลำคอขาวเป็นรอยช้ำอย่างไม่เบามือ ไป๋ผูอวี้เจ้ามันเป็นปีศาจร้ายจริง ๆ
เด็กหนุ่มอมนิ้วมือในปาก ยกบั้นท้ายเล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วมือทำให้คุ้นชิ้น ส่งเสียงร้องตะโกนเบาๆเมื่อไป๋ผูอวี้ใช้มือหนายกขาเขาข้างหนึ่ง ทำให้เขาต้องใช้ขาอีกข้างทรงตัวจับบ่าของอีกฝ่ายไว้เพื่อกันล้ม นิ้วมือของชายหนุ่มสอดเพิ่มเข้ามาด้วย จื่อฟางเม้มริมฝีปาก บิดเอวเมื่อนิ้วมือนั้นคว้านเข้ามาจนลึกก่อนเริ่มขยับเข้าออก ไป๋ผูอวี้กวาดสายตามองร่างตรงหน้าที่คล้ายกับถูกเขาย่ำยีจนแดงก่ำไปทั้งตัว จื่อฟางสบตากับอีกคนระหว่างที่ร่างนั้นสอดนิ้วมือเข้าออก ไป๋ผูอวี้ยกยิ้มมุมปากยื่นอีกมือมาสัมผัสกอบกุมส่วนกลางลำตัวของร่างบาง เมื่อถูกฝามือหยาบกระตุ้น ท้องน้อยยิ่งบีบรัด จื่อฟางครางเบาๆ ขาสั่นจนต้องเอนพิงชายหนุ่ม ไป๋ผูอวี้ปล่อยท่อนขาเรียวของร่างบางลง ก่อนเปลี่ยนมาโอบกอดหลวม ๆ เมื่อคิดว่าเด็กหนุ่มสามารถรองรับความแข็งแกร่งของตนได้ก็ค่อยดันส่วนนั้นเข้าไปที่ช่องทางช้า ๆ นวดคลึงบั้นท้ายของร่างนั้นไปด้วยก่อนจะออกแรงกระทั้นเอว
“อา”จื่อฟางซุกหน้ากับลาดไหล่แกร่ง เมื่อปรับลมหายใจจนเข้าที่ บทรักก็เริ่มขึ้น เขาใช้สองมือเกาะบ่าร่างใหญ่ก่อนจะขยับเอว ภายในห้องหอมีเพียงเสียงหอบคราง เสียงขาเก้าอี้ครูดกระแทกพื้นและเสียงน่าอายของผิวกายยามกระทบกัน เด็กหนุ่มออกแรงเกร็งร่างโยกเอวสอดรับจังหวะของชายอีกคน ส่งเสียงครางเครือ รู้สึกว่าร่างกายเริ่มรับไม่ไหวจึงผ่อนแรงลง ไป๋ผูอวี้จึงยกร่างบางไปที่เตียงวิวาห์ วางร่างนั้นลงอย่างเบามือ
“ฟางเอ๋อร์ ข้าเป็นสามีเจ้าแล้ว”ชายหนุ่มกระซิบ พรมจูบลงบนไหล่มน จื่อฟางได้แต่เอียงหน้าไปอีกทางเพราะเรียวลิ้นลากเลียมาที่ลำคอก่อนจะขบจูบเบา ๆ เขายกท่อนขาโอบเอวแกร่ง ไป๋ผูอวี้โถมตัวมาหา เคลื่อนกายเข้าออกตามแรงอารมณ์ที่คุกรุ่น อาการบิดมวนในท้องน้อยเริ่มก่อตัวบีบเค้นให้เร่งจังหวะ ชายหนุ่มกระทั้นกายจนกระทั่งคนใต้ร่างเริ่มบิดร่างขยับเอวโต้ตอบ จื่อฟางเม้มปากปล่อยให้อีกฝ่ายคุมจังหวะ ท้องน้อยปั่นป่วนไปด้วยแรงอารมณ์ ชายหนุ่มเปลี่ยนท่วงท่ากดแทรกความแข็งแกร่งเข้ามาจนสุด เสียงครางต่ำดังอยู่ในลำคอ ผิวกายกระทบกันอย่างน่าอาย ร่างบางร้องครางอย่างกลั้นไม่ไหวเมื่อร่างกำยำขยับเข้าออกรวดเร็วกว่าจังหวะก่อนหน้า
“ไป๋ผูอวี้”จื่อฟางขยำเส้นผมอีกฝ่ายกระตุกเป็นเชิงบอกว่าอีกไม่นานก็จะถึงสรวงสววรค์ ไป๋ผูอวี้จึงเลื่อนฝามือกอบกุมส่วนกลางลำตัวของอีกร่างกระตุกเป็นจังหวะ เด็กหนุ่มใต้ร่างโอบกอดร่างด้านบนแนบแน่นระหว่างที่อารมณ์ไต่ถึงจุดสูงสุด ฝังหน้าลงกับลำคอหนา หอบหายใจ เมื่อธารอารมณ์พลั่งพรูออกมา จื่อฟางถูกอีกฝ่ายทรมานเกือบทั้งคืน แม้ว่าเขาจะหมดสติไปเพราะความเหนื่อยล้าก็ตาม คุณชายรูปงามตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าไป๋ผูอวี้ยังคงตักตวงจากเรือนร่างของเขาไม่หยุด สติเริ่มจับเป็นรูปร่าง รับรู้ว่าช่องทางยังคงคับแน่นไปด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มบิดเอวครางเบา ๆเมื่อถูกกระทั้นกายเข้ามาซ้ำๆ
“เจ้าฟื้นแล้ว”ไป๋ผูอวี้ชะโงกหน้ามาหา ก้มประทับจูบที่แก้มขาว ร่างบางหรี่ตามอง
“เจ้าไม่เหนื่อยหรือ”เขาถามเสียงเครือ คนด้านหลังใช้ฝามือลูบไล้ที่ซอกขาด้านใน ก่อนจะจับท่อนขายกขึ้น ขยับสอดความแข็งแกร่งเข้าออก จื่อฟางกัดริมฝีปากซุกใบหน้ากับท่อนแขนอ่อนแรงของตัวเอง ไป๋ผูอวี้ปัดเส้นผมชื้นเหงื่อออกจากใบหน้าและลำคอขาว ประทับจูบไปทั่วใบหน้าของอีกคน เลื่อนมาที่ลำคอสองแขนแกร่งโอบรอบเอวก่อนจะเบียดกายจนลึกขยับเข้าออกกระทั่งร้อนผ่าววูบวาบไปทั้งร่าง สัมผัสใกล้ชิดยิ่งเรียกเสียงครางดังมาจากเด็กหนุ่ม กระทั้นความแข็งแกร่งเข้ามาในความคับแคบอีกไม่กี่หนไป๋ผูอวี้ก็ปลดปล่อยความต้องการจนแทบหมดแรง จื่อฟางลืมตารู้สึกราวกับว่าร่างกายเหือดแห้งจากการที่ปลดปล่อยมาไม่รู้กี่ครั้ง ชายหนุ่มด้านหลังยังคงกอดก่ายอยู่ไม่ห่าง เขาเอี้ยวตัวไปหา จุมพิตลงเบาๆที่ปลายคางของอีกฝ่าย
“ไป๋ผูอวี้ ยามที่ข้ามาอยู่ในโลกนี้ ข้าหวาดกลัวยิ่งนัก ยามนี้มีเจ้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหนักอึ้ง ข้าดีใจยิ่งที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”จื่อฟางเอ่ยเสียงแผ่วอย่างง่วงงุ่น
“ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า”ชายหนุ่มโน้มตัวปิดริมฝีปากของอีกฝ่าย “นอนเถอะ”ค่ำคืนร่วมหอจึงผ่านไปอย่างเหน็ดเหนื่อย
คนที่อยู่ด้านนอกใช้เวลาก่อกวนอยู่หน้าประตูได้ไม่นานก็เขินอายเสียจนพากันหนีไปร่ำสุรา จางต้าหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินเสียงคุณชายของเขาถูกเจ้าคนแซ่ไป๋ทรมานจนแทบขาดใจ หยางชวีได้แต่นั่งเหม่ออยู่นอกลานบ้านถือไหสุราข้างตัว จางต้าไม่ค่อยเข้าใจเจ้านั่นมากนัก คิดว่าคงเป็นห่วงคุณชายเสิ่นเช่นเดียวกับตน แต่คงเป็นความห่วงที่แตกต่างกัน เว่ยหลง กุ้ยตาน คุณชายจ้าวนั่งฟังเสียงดีดพิณของซูเหลียนฮวาด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้มเหมือนคนเมากึ่งง่วงนอน ส่วนใต้เท้าเฉินพอเสร็จธุระก็ขอตัวกลับที่โรงเตี๊ยมบอกว่าไม่อยากข้องเกี่ยวอีกแต่ก็มอบทองจำนวนหนึ่งให้แก่เสิ่นจิ้งเฟยและไป๋ผูอวี้ จางต้ายกจอกสุราดื่มจนหมดเงยมองท้องฟ้ามืดเบื้องบน แสงจันทร์ทอแสงนวล เป็นค่ำคืนที่งดงามเงียบสงบในเรือนหลังเล็กแห่งนี้
……….
จื่อฟางได้สติอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็นของอีกวัน ไป๋ผูอวี้ยังคงอยู่ข้างกายไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าเขาตื่นก็รีบนำถ้วยยาร้อน ๆมาป้อนดื่ม ร่างนั้นช่วยประคองเขาลุกนั่งรีบนำหมอนมารองแผ่นหลัง
“เวลาใดแล้ว”เขาเอ่ยถาม นวดขมับที่ปวดตุบๆ ร่างกายก็ปวดร้าวไปทั้งร่าง โดยเฉพาะช่วงเอวและบริเวณต้นขา สงสัยออกแรงและเกร็งมากไป
“ยามซวี(19.00น - 20.59น.)”ไป๋ผูอวี้ตอบระหว่างที่รับถ้วยยาที่หมดแล้ววางลงที่โต๊ะข้างเตียง จื่อฟางรู้สึกแปลกๆกับการถูกปรนนิบัติพัดวี จึงไม่ได้สบสายตากับชายหนุ่มอีกคน
“เหตุใดไม่มองหน้าข้าเล่า ภรรยา”
“ข้า...ข้าไม่คุ้นชิน เจ้าทำตัวปกติไม่ได้รึ”เขาขึงตาใส่ให้กับสีหน้าหยอกล้อของอีกฝ่าย ร่างนั้นหัวเราะเบาๆ
“ข้าเป็นสามีเจ้าแล้ว กระทำเจ้าจนเป็นเช่นนี้ก็ต้องรับผิดชอบมิใช่หรือ”ชายหนุ่มเอ่ยตอบเสียงนุ่ม ลูบเส้นผมดำขลับของอีกฝ่ายไปด้วย ร่างบางเอนเข้าหาสัมผัสของเขา
“ข้าอยากอาบน้ำ ต้องรีบกลับจวนสกุลเสิ่นข้าจากมานานแล้วเกรงว่าคนทางนั้นจะเป็นห่วง”จื่อฟางบอก แม้ว่าจะเสียดายที่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับไป๋ผูอวี้อีก เขาปัดเส้นผมยาวสยายไปด้านหลังอย่างนึกรำคาญหากจบเรื่องวุ่นวายแล้วเขาไม่มีทางเก็บผมยาวๆไว้แน่ ไป๋ผูอวี้พยักหน้าเห็นด้วยเข้ามารวบร่างบางอุ้มในท่าหญิงสาว อ้อมแขนแกร่งโอบรอบให้ความรู้สึกว่าพึ่งพิงได้
“ให้ข้าช่วยเจ้าเถิด”ไป๋ผูอวี้ก้มมองคุณชายรูปงามในอ้อมแขน อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักเขาจึงพาร่างนั้นเดินอ้อมฉากกั้นพาไปที่อ่างน้ำอุ่นที่บ่าวรับใช้เพิ่งยกเข้ามาเมื่อสักครู่ยังคงอุ่นร้อน เขาวางเรือนร่างเปล่าเปลือยลงในน้ำอุ่น พับแขนเสื้อของตนขึ้น ระหว่างนั้นก็ใช้ไยบวบช่วยขัดถูแผ่นหลังขาวอย่างเบามือ
“เจ้าเจ็บปวดที่ใดหรือไม่”ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงสุภาพไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเขินอาย
“ไม่เจ็บปวด ข้าสบายดี”จื่อฟางตอบ ร่างกายผ่อนคลายเมื่อรับรู้ว่านิ้วมือยาวของอีกคนเกลี่ยผิวบริเวณต้นคอของเขา เชื่อว่าที่ตรงนั้นมีรอยช้ำแดงจากการถูกขบกัด
“ตรงนี้เล่า?”
“ไม่เจ็บ”เขาพึมพำตอบ ริมฝีปากของอีกฝ่ายประทับจูบแผ่วเบาก่อนที่ร่างนั้นจะใช้ไยบวบขัดถูร่างให้เขาอย่างตั้งใจ ไม่ได้ทำการล่วงเกินใดอีก หลังจากที่อาบน้ำเสร็จชายหนุ่มก็ช่วยเขาสวมเสื้อผ้า เขาเลือกชุดสีน้ำเงินอมฟ้าปักลายกระเรียนคู่สง่างามเข้ากับชุดที่ไป๋ผูอวี้สวมใส่
ไป๋ผูอวี้ให้กุ้ยตานจัดเตรียมโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มไม่ชอบให้คนปรนนิบัติ มื้ออาหารจึงผ่านไปอย่างเรียบง่าย จางต้าทำอึ่งคี้ตุ๋นไก่ดำเพื่อจื่อฟางโดยเฉพาะเพื่อบำรุงร่างกาย หลังจากที่อิ่มท้อง เด็กหนุ่มออกมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านนอกลานบ้านระหว่างที่ไป๋ผูอวี้ให้นางมารหมื่นพิษมาตรวจร่างกายของเขา ผ้าแพรสีแดงยังคงอยู่ กลิ่นสุราเหม็นคลุ้งอวลอยู่ในอากาศ ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้ดื่มหรืออาบสุรากันแน่ เขาไม่เจอจ้าวเซียวชิงแต่คนผู้นั้นมอบพัดหายากให้เขา จื่อฟางชอบมากแต่อยากใช้พัดของไป๋ผูอวี้จึงได้แต่เก็บไว้ในหีบอย่างเสียดาย
เขาอ้าปากหาวหวอด ๆกระพริบตามองซูเหลียนฮวาตรวจชีพจรและลมปราณให้ตนเองมาครู่หนึ่งแล้ว นางมีรอยยิ้มที่ไม่น่ามองนัก ส่วนไป๋ผูอวี้กำลังชงชาเหียนตงอยู่ที่โต๊ะด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย เขาปรายตามองนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็หน้าร้อน คนผู้นี้ปีศาจชัด ๆ! ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้หรือ ตอนที่เปิดประตูห้องออกมาก็พบจางต้าเฝ้าอยู่หน้าประตูกอดไหสุราต่างหมอนทำเอาจื่อฟางคิดวุ่นวายว่าเจ้าบ่าวรับใช้ได้ยินเสียงที่พวกเขาสองคนทำหรือไม่ เด็กหนุ่มจ้องมองจนชายหนุ่มรู้ตัวเงยมองด้วยสายตาเปื้อนรอยยิ้ม เขารีบเบนสายตาไปทางอื่น พบว่าจางต้าและหยางชวีต่างก็จ้องมองมาที่เขากับไป๋ผูอวี้ตาไม่กระพริบ
“ว่าอย่างไรบ้าง”เด็กหนุ่มเอ่ยถาม กระแอมกระไอเบา ๆ ไป๋ผูอวี้รินชาใส่จอกเลื่อนส่งมาให้ เขารับมาถือเป็นการอุ่นมือ
“คุณชายแข็งแรงขึ้นมาก ชีพจรคงที่ลมปราณก็ดีขึ้น แม้ต้องรับมือกับคุณชายของข้าจนเกือบรุ่งสางก็ยังไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี”นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขาขึงตาใส่พยายามไม่ใส่ใจเว่ยหลงและกุ้ยตานที่กวาดลานบ้านอยู่ไม่ไกลนัก
“เช่นนั้นก็ดี”เขาตอบเสียงเรียบ
“คุณชาย ข้าคิดว่าเราควรกลับจวนสกุลเสิ่นได้แล้วขอรับ”หยางชวีเอ่ยเตือนเมื่อได้จังหวะ ใบหน้าของผู้ติดตามไร้ความรู้สึก เขาพยักหน้าจิบชาเล็กน้อยก่อนหันมองไป๋ผูอวี้
“เจ้าไปเถิด ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการเช่นกัน”
“อืม เช่นนั้น หากมีโอกาสค่อยเจอกัน ข้าไปล่ะ ”จื่อฟางรีบโน้มตัวไปจุมพิตที่แก้มของอีกคนแล้วเร่งรีบสืบเท้าจากมาโดยไม่หันมอง ได้ยินเสียงเว่ยหลงกระแอมกระไอ จื่อฟางบิดมือในแขนเสื้อไม่ได้มองหน้าบ่าวรับใช้ รีบก้าวเข้าไปในรถม้าที่จอดรออยู่ทันที จางต้ายกมือถูจมูก นั่งขดตัวอยู่ใกล้ๆหยางชวีที่ยังคงไม่เอ่ยวาจาออกความเห็นเรื่องการแต่งงาน แต่เขาก็เข้าใจหากเจ้าคนหน้าตายจะไม่เห็นด้วยแค่ไม่เอาไปบอกเสิ่นมู่หยางก็ถือว่าดีแล้ว รถม้าแล่นกลับจวนสกุลเสิ่นอย่างเร่งรีบ จื่อฟางใจลอยเมื่อคิดได้ว่าวันพรุ่งนี้คืองานคล้ายวันเกิดของหลิวอ๋อง ความกังวลบางอย่างก็เริ่มก่อตัว
“จางต้า ชุดใหม่ของข้าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง”เขาเอ่ยถามทำลายความเงียบ บ่าวคนสนิทรีบตอบรับทันที “เรียบร้อยแล้วขอรับ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ามองออกไปนอกบานหน้าต่าง กว่าจะถึงจวนสกุลเสิ่นก็กินเวลาพักหนึ่ง เขารีบลงจากรถม้า จางต้าจ่ายเงิน เขากับหยางชวีรีบสืบเท้าผ่านเข้าไปในประตูชั้นใน เสิ่นมู่หยางนั่งดื่มชาอยู่ในสวนเมื่อรู้ว่าบุตรชายที่หายหน้าหายตาไปสองวันเต็มกลับมาก็รีบรุดออกมาเจอ เสิ่นจิ้งเฟยกำลังเดินกลับเรือนของตัวเองพอดี
“เฟยเอ๋อร์ เจ้าหายไปที่ใดมา”เสนาบดีเสิ่นถามอย่างเป็นกังวล สีหน้าเคลือบแคลงใจฉายชัด
“ข้าไปหาลู่เจียงที่นอกเมือง”จื่อฟางเอ่ยตอบอย่างไม่มีพิรุธใด เนื่องจากคิดคำตอบไว้แล้ว เสิ่นมู่หยางกวาดตามองร่างของเสิ่นจิ้งเฟยขึ้นลง มงดูจากสภาพที่ดูไม่ได้ของมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
“ลู่เจียง?หญิงคณิกาจากหอผูเยว่น่ะหรือ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะชอบใจนางถึงเพียงนี้”เสิ่นมู่หยางพึมพำ มองบุตรชายก่อนถอนหายใจ “เจ้าเองก็ควรระวังตัวหน่อย ยามนี้สถานการณ์ในฉางอันไม่ค่อยสูดีนัก”
“ข้าทราบดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”เด็กหนุ่มเอ่ยตอบ
เสิ่นมู่หยางแค่นเสียงในลำคอ เมื่อได้ยินคำตอบอวดดีจากร่างนั้น “วันรุ่งขึ้นที่วังหลิวอ๋อง ฝ่าบาทอย่างไรก็ได้รับเชิญแน่อยู่แล้วเจ้าก็อยู่ห่าง ๆพระองค์ไว้ล่ะ”เขากล่าวเตือน ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าชายงามเจาเฟิงจะมาด้วยหรือไม่ หากมาชายงามผู้นั้นคงผูกใจฮ่องเต้เจี่ยผิงได้ บางทีบุตรชายของตนอาจเป็นอิสระ
“ขอบใจท่านพ่อที่เป็นห่วง ข้าจะอยู่ห่างๆฮ่องเต้”ไม่ต้องบอกจื่อฟางก็ทำเช่นนั้น แต่เขาอยากคุยกับเสิ่นจิ้งเฟย ไม่รู้ว่าจะสามารถหลบเลี่ยงได้หรือไม่
“ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน”พูดจบเขาก็รีบหมุนตัวจากมา เดินไปตามเฉลียงทางเดินเพื่อกลับไปที่เรือนของตน บ่าวรับใช้ยังคงทำงานกันอย่างขมักเขม้น บางคนก็นั่งจับกลุ่มนินทาแต่เมื่อเห็นคุณชายเสิ่นก็รีบแยกย้ายทันที
“หยางชวี เจ้าโกรธข้ารึ”เขาได้โอกาสเอ่ยถามระหว่างที่เข้ามาในห้องหนังสือ คืนนี้ว่าจะวาดรูป ออกปากบอกไป๋ผูอวี้ไว้แล้วว่าจะวาดภาพเปลือยของตนเองให้ดู ไม่ใช่เรื่องแปลกเสียหน่อย เขาไม่ได้มองว่าเป็นภาพอนาจาร
“ข้าน้อยมิกล้า”ผู้ติดตามตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา จื่อฟางเงยหน้ามองจากโต๊ะเขียนหนังสือ ระหว่างที่คัดเลือกสีสังเคราะห์ในจานหมึก
“ข้าไม่ได้อยากรู้ว่าเจ้ากล้ารึไม่กล้า”
“ข้า...”หยางชวีมีสีหน้าลังเล “ข้าน้อยไม่รู้”
เด็กหนุ่มเดาะลิ้นเบา ๆ ท่าทางเจ้าคนหน้าตายจะสับสนมากทีเดียว เขาไม่ได้เอ่ยถามอีก ลงมือวาดรูปอย่างเงียบเชียบ ผู้ติดตามนั่งมองอยู่เงียบ ๆเมื่อเห็นว่าคุณชายเสิ่นวาดรูปใดก็กระแอมเสียงดัง ใบหน้าร้อนผ่าวแต่ยังคงปราศจากความรู้สึก
“คุณชาย...เหตุใดวาดรูปพวกนี้เล่า”เขาเอ่ยถาม เอียงศีรษะมองก็พบว่าคนในรูปคือชายในฝันที่คุณชายเคยเอ่ยถึง
“ข้าอยากวาด ทำไมรึ”
“เป็นภาพโป๊เปลือย ดูมิดีมิงาม”หยางชวีถอนหายใจ เรื่องเท่านี้ต้องให้บอกด้วยหรือ จื่อฟางเลิกคิ้วหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าไปมาก่อนกลับไปสนใจวาดภาพต่อ ใช้เวลาหลายชั่วยามก็ยังไม่เสร็จ
“ข้าจะนอนที่ห้องหนังสือ”เด็กหนุ่มเอ่ยบอกกับบ่าวรับใช้ วางพู่กันลง บิดเนื้อบิดตัวไปมา รู้สึกอ่อนเพลียยิ่งนักจึงรีบคลานกลับไปที่หลังฉากกั้น หยางชวีมองคุณชายเสิ่นด้วยสายตาอ่อนใจแต่ก็มีรอยยิ้มขบขัน นึกถึงไป๋ผูอวี้ก็ได้แต่แค่นเสียงเย็นชา ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดคุณชายถึงยอมทำเรื่องผิดขนมธรรมเนียมเช่นนี้ เรื่องบุรุษแต่งงานกันมิเท่าไหร่ แต่ลอบทำเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้มันถูกต้องหรือไร หากนายท่านเสิ่นมู่หยางสืบรู้เข้าจะเป็นอย่างไร ไป๋ผูอวี้คงถูกนายท่านเล่นงานเป็นแน่ แต่เจ้าคนแซ่ไป๋...เขานับถือความเด็ดเดี่ยวตั้งมั่นของคนผู้นั้น หากเป็นเขาให้เลือกระหว่างทำผิดกฎสกุลมาแต่งงานกับคุณชายเสิ่นเขาย่อมไม่ทำ แต่ไป๋ผูอวี้...นึกถึงถ้อยคำที่ได้ยินจากคฤหาสน์ก็ทำให้เขาได้แต่ส่ายศีรษะ เขายอมให้บิดากลับเมืองหลานโจวเพื่อแลกกับการเข้าร่วมราชสำนัก อีกทั้งเหตุผลส่วนใหญ่ก็มาจากคุณชายเสิ่นจิ้งเฟย หยางชวีไม่เข้าใจจริง ๆ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ตนเองก็ยอมละทิ้งเป้าหมายในการตอบแทนบุญคุณของนายท่านเสิ่นมารับใช้คุณชายผู้นี้...มันแตกต่างหรือไม่เล่า?
-----------
กรี๊ดดดด //หวีดร้อง ปิดหน้าขวยเขิน ตอนหน้าก่อกบฏแล้วนะคะ (อิ_อิ) หนักใจนิดนึง เขียนฉากอารมณ์ไม่ค่อยออก T.T ยืนยันว่าจบแฮปปี้ และก็ไม่ปลายเปิดด้วย
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดติดตาม