>.ม.ปลายอีกครั้ง.< (ตอนที่ ๓๐ ๙/๑๒/๒๕๕๘)/หน้าที่ ๑๐/โอ๊ตบีน(ตอนจบ)ย้ายได้ครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >.ม.ปลายอีกครั้ง.< (ตอนที่ ๓๐ ๙/๑๒/๒๕๕๘)/หน้าที่ ๑๐/โอ๊ตบีน(ตอนจบ)ย้ายได้ครับ  (อ่าน 75984 ครั้ง)

ออฟไลน์ ummax

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รีบมาเลยครับ
เค้ารอกันเต็มแล้วเนี่ย
ไม่ไหวๆๆ

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
 :hao3:

ตอนที่  ๑๗

ผมเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินนานาชาติอุดรธานีและรีบเดินออกมาจากตัวอาคารเพื่อจะไปขึ้นแท็กซี่ไปที่สถานีขนส่งในเมืองแล้วขึ้นรถตู้ต่อไปหนองคาย  เมื่อวานผมหาเรื่องโกหกโอ๊ตแทบจะเอาตัวไม่รอดครับ  ว่าต้องขาดเรียนไปทำธุระจริงๆ ผมเข้าใจโอ๊ตนะว่าเป็นห่วงกลัวผมจะทำอะไรแบบคิดสั้นหรือหนีหายไปอีกหนึ่งคนเลยไม่ค่อยอยากให้ผมอยู่คนเดียว

กว่าจะถึงหนองคายซึ่งระยะไม่ไกลกันมากครับแต่ที่ลำบากก็คือ  รถตู้ไปส่งไม่ถึงในตัวเมืองครับ  ส่งแค่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่นอกเมืองออกมาอีกนิดๆผมเลยต้องขึ้นรถสายไปลงท่าเสด็จเพราะว่าผมค้นที่อยู่ตามชื่อถนนแล้วบ้านบอยจะอยู่ใกล้ๆกับท่าเสด็จ

“อ๋อซอยนี้อยู่ติดๆกับซอยริมโขงเลยครับน้อง   คงจะมีบ้านเลขที่ติดอยู่  ถ้าพี่จำไม่ผิดตรงนี้ที่น้องจะไปมันเป็นเกสท์เอ้าส์นะ”

“ครับๆ ขอบคุณมากครับพี่”  ผมเอาที่อยู่ให้พ่อค้าแถวๆนั้นดูก่อนจะเดินสะพายเป้ไปตามถนนริมโขงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่ตามหาไป

เดินมาถึงประตูรั้วบ้านที่คิดว่าเป็นบ้านของบอย  บ้านเลขที่ถูกต้องตามที่อยู่ที่ได้มา  ผมตีระฆังที่ห้อยไว้เป็นสัญญาณแทนกริ่ง
สักพักก็มีหญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากตัวบ้านซึ่งดูแล้วมันไม่น่าเหมือนเกสท์เฮ้าส์เลยสักนิด

“สวัสดีค่ะ  มาหาที่พักเหรอคะ”

“เปล่าครับ  พอดีผมมาหาบอยครับผมเป็นเพื่อนบอย” ผมยกมือไหว้แก ผู้หญิงคนนนี้น่าจะเป็นแม่ของบอยนะดูจากหน้าตาแล้ว  แต่แกก็ยังทำหน้างงๆแล้วพูดออกมาว่า “แต่บอยไม่ได้บอกแม่ไว้เลยนะลูกว่าเพื่อนจะมา”

“ผมมาเองครับ  ไม่ได้นัดกับบอยไว้  พอดีผมโทรหาบอยไม่ติดด้วยเลยไม่ได้บอกไว้ก่อน”

“อ้าว  ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามากินน้ำในบ้านก่อนลูก  เดี๋ยวแม่จะโทรหาบอยดูก่อน  ว่าแต่หนูชื่ออะไร”

“ชื่อบีนครับ”

“เดี๋ยวแม่ไปโทรหาบอยก่อนนะ   พ่อ พ่อ พ่อ  เพื่อนไอ้บอยมันมาหา  เอาเบอร์ลูกมาให้แม่หน่อยมันเปลี่ยนเบอร์เมื่อวานเบอร์มันว่ายังไงนะ”

ถึงว่าบอยมันเปลี่ยนเบอร์เมื่อเช้าก่อนขึ้นเครื่องผมโทรหาแต่ว่าไม่ติดเลย

“ขอบคุณครับ”  ผมไหว้ขอบคุณคนที่เอาน้ำมาให้ผมซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นพ่อของบอย

“เป็นเพื่อนไอ้บอยมันหรอไอ้หนู   ทำงานที่เดียวกันใช่ไหม”

“ครับ  พอดีผมอยากมาเที่ยวต่างจังหวัดแต่ไม่ได้บอกบอยไม่ก่อน”

“ดีๆพักที่นี่ก็ได้  ดีนะที่มาช่วงนี้  ถ้ามาช่วงอาทิตย์ก่อนนะคนเยอะมากเพราะมันเป็นวันออกพรรษา เ กสท์เฮ้าส์ของลุงที่เปิดให้แขกเข้าพักก็เต็มแล้วเต็มอีก”

“ผมพึ่งรู้นะครับว่าบ้านของบอยเป็นเกสท์เฮ้า”

“บ้านเราก็ไม่ได้เปิดแบบทางการหรอกไอ้หนู  ถ้าช่วงเทศกาลถึงจะรับแขก   วันนี้ก็พักที่นี่แล้วกันลุงให้อยู่ฟรี”

“ขอบคุณครับ”

“แม่โทรบอกบอยให้แล้วนะบีน  บอยมันไปโรงไม้อยู่เดี๋ยวมันบอกจะเข้ามาแล้วล่ะรอก่อนนะลูก บ่ายโมงกว่าๆแล้วกินข้าวมาหรือยัง”

“กินมาแล้วครับ” ผมคงกินอะไรไม่ลงหรอกครับ   กำลังคิดอยู่ว่าถ้าบอยมาจะทำหน้ายังไงอยู่  ผมนั่งรอบอยเกือบชั่วโมงก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดที่โรงรถ

“บอยมาแล้วบีน  เดี๋ยวแม่ไปรับมันก่อนนะ”  แม่ออกไปรับบอยหน้าบ้าน  ผมได้ยินเสียงแม่พูดกับบอยว่าผมนั่งรออยู่ข้างใน
บอยเดินเข้ามาในบ้านก่อนมองมาที่ผม  ผมก็มองไปที่บอยเรามองหน้ากันไม่นานแม่ของบอยก็พูดขึ้นมา

“พาเพื่อนเอาของไปเก็บในห้องพักก่อนก็ได้บอย    บีนเขาเดินทางมาเหนื่อยๆเผื่ออยากนอนพัก”

ผมยืนรอบอยที่ไปเอากุญแจห้องพักที่ทางเดินก่อนที่บอยจะเดินผ่านแล้วนำหน้าผมไปแล้วเปิดประตูห้องพัก  กดเปิดแอร์  ผมเดินตามเข้าไป  ถอดรองเท้า  วางกระเป๋าไว้ที่เตียงและถอดเสื้อคลุมที่เปียกเหงื่อออกเหลือแค่เสื้อกล้าม
บอยยังคงเช็คของในห้องก่อนจะเดินมาหาผม  เราไม่พูดกัน  ไม่มีคำทักทายจากผมและจากบอย  เรายืนจ้องหน้ากันมาสองนาทีแล้วและเป็นผมที่เคลื่อนตัวเข้าหาบอย   ก่อนจะกอดบอยแล้วเอาหน้าซบลงที่บ่าของบอย

“บีนมาเหนื่อยๆนอนพักก่อนนะ”

“อืม” ผมตอบก่อนคลายกอดออกจากตัวบอยแล้วเดินไปไปล้างหน้าล้างตา  เปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงสบายๆในห้องน้ำก่อนที่จะออกมาแล้วพบว่าบอยไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

ผมนอนหลับไปเกือบสองชั่วโมงและจะรู้สึกตัวขึ้นเมื่อมีคนเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงอยู่ที่โซฟา 
ผมลืมตาขึ้นแล้วมองดูบอยนั่งกดมือถือที่โซฟาอย่างเบื่อ q


“ตื่นแล้วหรอ  ไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าไป  เดี๋ยวบอยจะพาไปนั่งเล่นริมโขง”


...



เราเดินออกมาจากซอยบ้านบอยไม่ไกลก็มาถึงริมแม่น้ำโขงที่มีม้านั่งเล็กๆให้นั่งชมวิวทิวทัศน์กับอากาศที่เริ่มจะเย็นแล้วในเวลาห้าโมงเย็น  ผมนั่งลงกับม้านั่งก่อนมองไปที่แม่น้ำโขงเห็นมีเรือนำเที่ยว เรือหาปลาเล็กๆ มองข้ามแม้น้ำไปก็เป็นฝั่งประเทศลาวดูไปแล้วที่นี่ก็สงบดี  แต่ผมเชื่อว่าผมและคนข้างๆที่พึ่งนั่งลงจิตใจคงไม่สงบอยู่แน่ๆ


“บอยมากลับบ้านทำไมไม่บอกบีน” เงียบมานานกว่าสิบนาทีผมก็เลยทำลายความเงียบด้วยคำถามเบาๆเหมือนเพื่อนงอนกันเพราะไม่บอกว่าจะไปไหน

“บอยบอกแล้วไง  วันที่บอยกำลังจะกลับแต่บีนนอนอยู่”

“บอกแล้วแต่บอกไม่ละเอียดหรือเปล่า”

“............”  ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจเบาๆจากบอย  แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเราเงียบกับไปอีกรอบ  ไม่ได้แล้วผมจะปล่อยให้เงียบไปอีกไม่ได้ 

“บอยต้องกลับบ้านมาเพราะอะไรหรอ”

“............”

“บอย  บีนมาไม่ได้มาฟังบอยถอนหายใจนะ  บอกอะไรบีนสักอย่างสิ  อะไรก็ได้” ผมเริ่มโมโหนิดๆ

“บีนรู้เรื่องเราหมดแล้วใช่ไหม  รู้แล้วใช่ไหมว่าเราไม่ใช่เด็กมัธยม   เราโกหกบีนไหนจะยังหนีบีนมา   บีนก็ยังอุตส่าห์ตามมา  บอยรู้สึกว่าตัวเองแย่ว่ะ”

“เราเป็นเพื่อนสนิท  เป็นคนรู้ใจกันนะบอย  เอาจริงๆบีนโกรธนะตอนแรกที่รู้ว่าบอยทำอาชีพเดียวกันกับบีนแต่ไม่ยอมบอก  แต่บีนก็เข้าใจว่ามันเปิดเผยไม่ได้  แต่ถ้าต้องเลิกทำก็น่าจะบอกกันบ้างหรือบีนเข้าใจผิดไปเองว่าบอยมีความรู้สึกที่พิเศษเศษกับบีนมากกว่าคนอื่น ”  ผมพูดออกไปอย่างน้อยใจ

“บอยก็พึ่งรู้ว่าต้องลาออกจากงานแล้วต้องกลับบ้านก็ตอนเราไปเที่ยวนั่นล่ะ   บอยปฏิเสธพ่อแม่ไม่ได้เพราะเคยสัญญากับท่านไว้ว่าถ้ามีงานทำที่หนองคายจะกลับมาทำ  แม่บอยอยากให้ทำงานใกล้บ้านมากกว่า”

“เรื่องแค่นี้เองบอย  บอยก็น่าจะบอกกัน  บอยไม่สงสารเราบ้างหรอที่อยู่ดีๆคนที่เรารู้สึกดีด้วยก็ดันหายไปเฉยๆรู้ไหมว่าเราและเพื่อนๆเป็นห่วงมากขนาดไหน  บีนไม่โอเคเลยนะกับการที่บอยหนีปัญหาออกมาเลยนะ”

“เรากลัวบีนเสียใจ”  นี่คือเหตุผลของบอยเหรอนี่  เหตุผลของคนอายุมากกว่าผม

“มีแค่นี้จริงๆใช่ไหมเหตุผลของบอย   มองหน้าบีนสิบอย” บอยหันมามองหน้าผมแบบไม่สู้ดีนัก “บอย  แล้วบีนต้องทำยังไงต่อไป”

“บอยอยากให้บีนลืมบอยนะ  ลืมไปเลย  เราก็เหมือนเพื่อนร่วมงาน  งานที่มันไม่มีอยู่จริงเมื่อเลิกทำก็ควรเลิกติดต่อ  เลิกรู้จักกัน  บอยอ่อนแอเกินกว่าจะคบกับบีนแล้วพัฒนาความสัมพันธ์กับไปเรื่อยๆ”

“บีนต้องลืมยังไงวะบอย  ลืมคนที่เข้าหาเราก่อนโดยที่เราไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย  ความรู้สึกมาสวนทางกันมากเลยนะบอยมาเต็ม ๑๐๐ แต่บีนเริ่มจาก ๐ แต่ตอนนี้บีนเต็ม ๑๐๐ นะบอย  ไม่อย่างนั้นไม่มาถึงขนาดนี้หรอกหรือว่าบอยไม่ได้คิดอะไรกับเราแล้ว  บอยตัดใจง่ายขนาดนั้นเลยหรอ” บอยยังคงนั่งก้มหน้ารับฟังผม

“บีนโกรธบอยมากไหม  บอยไม่อยากให้บีนรู้สึกแบบนั้นนะ”

“ไม่ได้โกรธ  แต่มันเจ็บใจเข้าใจไหม  มันติดอยู่ที่ใจเหมือนมันลบไม่ออก”

“บีนอาจต้องใจเวลา  ไม่ใช่ว่าเราตัดใจได้เลย  บอยก็พยายามอยู่  เชื่อบอยตอนนี้เราไม่เหมาะกันแล้ว  ด้วยระยะทาง ด้วยความเข้าใจ  ด้วยเหตุผลที่มันซับซ้อน”

ผมลุกขึ้นและเดินออกมาจากริมทางเดินก่อน  ผมคงต้องกลับแล้วล่ะครับ  คงไม่มีประโยชน์แล้วถ้าพูดกันแล้วไม่ได้เหตุผลอะไรที่มันเพียงพอ  บอยบอกว่ามีเหตุผลของเขาที่ผมฟังดูแล้วมันไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่แล้วเหตุผลที่ซับซ้อนคืออะไร

“จะไปไหน”  บอยรีบวิ่งตามผมมาก่อนจะจับแขนผมดึงไว้ไม่ได้เดินต่อ

“จะกลับแล้ว  พอก็พอบอย  บีนเหนื่อยแล้ว” ผมเหนื่อย  อยู่ดีๆก็อยากยอมแพ้ขึ้นมา  อารมณ์ตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้วมันจุกขึ้นมาที่คอ  ขืนยังพูดกันอีกผมคงได้ร้องไห้แน่ๆซึ่งมันเป็นอารมณ์ที่ผมไม่อยากให้ใครมาเห็น

ผมเดินเข้าบ้านแล้วตรงไปที่ห้องก่อนจะเจอกับแม่ของบอย

“อ้าวกับมาแล้วหรอหนู  มาๆมากินข้าวกัน  วันนี้แม่ทำหลายอย่างเลย  นานๆทีไอ้บอยมันจะมีเพื่อนมาที่บ้าน  ข้าวเหนียวก็มีกินไม่ได้แม่ก็มีข้าวสวยร้อนๆให้”  แม่ดึงตัวผมเข้าครัวไปก็เจอพ่อบอยนั่งรออยู่แล้ว

“อ้าวไอ้บอยละหนู”

“สงสัยกำลังเดินมาครับ”

“มาๆบอยมากินข้าวลูก”  แม่เรียกบอยให้มานั่งข้างๆผม

“อันนี้อร่อยนะลูกลาบหมู”  แม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมแกตักลาบหมูให้ผม

“เออเราชื่อบีนใช่ไหม” พ่อถามผม  ผมพยักหน้ารับแล้วแกก็พูดต่อ “เดือนหน้าจะมาบ้านบอยอีกไหมบีน    เดือนหน้ามีงานใหญ่นะ”

“งานอะไรหรอครับ” ผมถามพ่อบอยไป

“อ้าวไอ้บอย  แกยังไม่บอกเพื่อนแกหรอวะ”

“พ่อ” บอยดูตกใจแล้วเรียกพ่อเหมือนจะห้ามๆไว้ไม่ให้บอกผม

“เดือนหน้าบอยจะแต่งงานแล้วบีน  นี่เดือนหน้าอย่าลืมมานะกินข้าวเสร็จเอาที่อยู่มานะเดี๋ยวแม่ส่งการ์ดไปให้”
สุดท้ายแม่ก็พูดเอง  แม่บอกเรื่องที่บอยยังไม่บอกผม  เหตุผลที่มันคงดูยากเย็นบอยถึงไม่ยอมบอกผม

“...................”

“..................” ทั้งผมกับบอยนั่งเงียบไม่มองหน้ากัน  ไม่ตอบโต้  ไม่คุย

เคยเป็นไหมครับ  เวลาโดนดุ โดนว่า หรือมีเรื่องเสียใจตอนเรากินข้าวอยู่  เราจะกลืนข้าวลงคอไม่สะดวกเลยต้องอมไว้ในปาก  ซึ่งตอนนี้ผมก็เป็นแบบนั้น  กว่าจะกลืนได้แต่ละคำก็แทบแย่

“บอยเขาแต่งกับเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ  เป็นคู่หมั้นกัน  พ่อฝ่ายเจ้าสาวก็ชอบบอยนะอีกทั้งยังให้งานมันด้วย  มันเลยต้องรีบกลับมาทำงานที่บ้านนี่แหละ” 

ผมรับฟังผู้ใหญ่สองคนที่อธิบาย  เล่าเรื่องราวของลูกชายตัวเองกับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างภูมิอกภูมิใจ   ก็แน่ล่ะลูกชายคนเดียวของบ้านกำลังจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา

ผมรีบกินข้าวให้หมดจานแล้วขอตัวพ่อกับแม่กลับไปที่ห้อง  จะกลับก็กลับไม่ได้หรอกครับตอนนี้รถสาย  รถเมล์  ตามจังหวัดที่ไม่ใหญ่มากมักจะหมดเร็วเป็นธรรมดา  ผมกลับมาที่ห้องด้วยอาการที่เสียใจก็ไม่ใช่  จะทุกข์ใจ  เศร้าก็ไม่ใช่ 


ยิ้ม 

ผมยิ้ม  ผมยิ้มให้กับตัวเองที่กระจกห้องน้ำ 

ผมยิ้มแบบเหนื่อยๆให้กับตัวเองที่ตามผู้ชายมาถึงบ้าน  ผู้ชายที่เขาหนีผมมา  ผู้ชายที่เขากำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว 

หึ หึ ผมขำออกมาด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายกับชีวิต  ถ้ามีแฟนอยู่แล้วแล้วมาให้ความหวังกันทำไมวะบอย  คงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็วๆจะได้รีบไปจากที่นี่แล้วกลับไปตั้งใจทำงานเสียที




ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมที่นอนอยู่บนเตียงดิ้นไปดิ้นมาเพราะนอนไม่หลับ  อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

แกร๊ก  เมื่อผมไม่เดินไปเปิดมันก็เปิดเข้ามาเอง  ผมแกล้งหลับในขณะที่บอยเดินเข้ามาแล้วนั่งอยู่ที่ริมเตียงก่อนจะโน้มตัวเข้ามาแล้วเอามือลูบหัวผม  พูดกับผมเบาๆว่า

“พี่ขอโทษนะบีน  พี่รักบีนนะ  แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว”

ผมค่อยๆลืมตาขึ้น  ทำเหมือนพึ่งตื่น  เรามองหน้าหันสักพักก่อนที่บอยจะนอนตะแคงลงข้างๆผมแล้วดึงผมเข้าไปกอด  ผมมองที่ใบหน้าของบอยที่ตอนนี้ผมคงหอมคงจูบไม่ได้แล้วเพราะว่าบอยมีเจ้าของแล้ว

“มีแฟนแล้วไม่ใช่หรอ  มากอดทำไม”

“พ่อแม่ก็พูดไปแบบนั้น  ผู้หญิงคนนั้นชื่อดา  ดาเป็นเพื่อนกับเราตั้งแต่เด็กๆแล้ว  พ่อของเราเป็นเพื่อนกันเลยหมั้นกันไว้แบบเล่นๆว่าถ้าลูกชายลูกสาวโตแล้วจะให้แต่งงานกัน”

“จะบอกว่าตัวเองโดนคลุมถุงชนว่างั้น”

“แม่ก็พึ่งบอกบอยวันที่ไปเยี่ยมบอยเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง  บอยกลัวบีนเสียใจ ผิดหวังเลยไม่บอกบีนไง”

“ถ้าบอกก็คงทำใจไปนานแล้ว  คงไม่ต้องมาถึงขนาดนี้หรอก  คนจะแต่งงานกันเราไม่ห้ามหรอกนะบอย  ได้เป็นลูกเขยโรงค้าไม้นี่ไม่ธรรมดานะ”  ผมพูดออกไปด้วยอารมณ์เหนื่อยๆ

“บอยก็ไม่ได้รักเขามากขนาดนั้นหรอก  แต่ก็คงอยู่กันไปเพราะมันปุบปับทางนั้นอยากแต่งก็แต่งเลย  แถมค่าสินสอดก็ออกให้เองตั้งครึ่งนึง”

“เขาคงอยากได้บอยมาก  บีนจะทำใจแล้วกัน  แต่บอยอย่าหายไปจากบีนได้ไหม” สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายง้อบอย

“อยากให้เป็นอย่างนั้นหรอ”

“อย่างน้อยก็มีเบอร์มีถือไว้ก็ยังดี  เผื่อได้คุยกันทางไลน์บ้างเวลาคิดถึงนะ”  อยู่ดีๆน้ำตาผมก็ไหล  ไม่เอานะผมปลอบตัวเองในใจ  ไม่ร้องไห้สิบีน

“อย่าร้องสิครับคนเก่งของพี่”

“ฮึก ฮือ” ยิ่งปลอบยิ่งร้อง  ผมร้องโฮออกมากหลังจากที่เก็บไว้นาน  ร้องนานเป็นสิบกว่านาทีก็ยังไม่หายสะอื้น

ผมเริ่มหยุดร้องก่อนที่บอยจะคลายกอดจากผมออกเล็กน้อยแล้วเอามือมาเช็ดน้ำตาผมออกจากหน้า

“ร้องไห้ตาบวม  ไม่น่ารักเลย”

“ก็เพราะใครล่ะ”

“บอยจะยังติดต่อกับบีนนะ  แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือบอยต้องแต่งงานแล้วนะ”

“เข้าใจ  ขอแค่อยู่ในฐานะอะไรก็ได้”

“เราก็เป็นเพื่อนกันต่อไปหรือบีนอยากให้บอยเป็นพี่    จริงสิบีนอายุน้อยกว่าเราตั้งสองปี”

“สามปีต่างหาก  บอยอย่าหายไปอีกนะ  ขอเถอะถือว่าสงสารกัน”

“ได้ๆ  เดี๋ยวเอาเบอร์ให้  ป่ะนอนกันคืนนี้บอยจะนอนลูบหลังให้” ผมทำตามบอยอย่างว่าง่าย  ทั้งที่ยังเศร้าเสียใจกับเรื่องของบอยและหลับไปกับเรื่องที่เราคุยกันไว้ที่ดูเหมือนจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี

...



“จองตั๋วไว้แล้วหรือยัง” บอยเดินเข้ามาในห้องพักแล้วตรงเข้ามาลูบหัวผมขณะที่ผมกำลังยัดเสื้อใส่กระเป๋าเป้

“จองไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

“เมื่อคืนหลับสบายไหม”

“สบาย” แต่ตื่นขึ้นมาแล้วใจมันหวิวๆนี่สิ  ปกติถ้านอนด้วยกันตื่นมาบอยจะนอนอยู่ข้างผมถึงจะไม่ได้กอดกันก็เถอะ  แต่นี่ตื่นมาแล้วบอยดันหายไป  ผมต้องทำใจแล้วสินะ

“เดี๋ยวบอยขับรถไปส่งนะ   ใกล้ๆเองจะได้ไม่ต้องรีบ”

ผมได้ตั๋วเครื่องบินรอบเที่ยงครับ  เรากินข้าวเช้ากันประมาณเก้าโมงก็ออกเดินทางไปยังสนามบิน

“หาบ้านบอยเจอได้ยังไงหรอ  ทำไมเก่งจัง”

“ก็ไปที่หอบอย  แล้วมันมีที่อยู่บอกในใบสัญญาเช่า”

“ขอบคุณนะบีนที่มาหาบอย  ทั้งที่บอยก็ไม่น่าทำให้มันยุ่งยากแบบนี้เลย”

“บางอย่างถ้าเรารู้อยู่แล้วก็คงไม่ทำหรอก  ถ้าอย่างนั้นคนคงไม่บ่นกันหรอกว่า  ถ้ารู้อย่างนี้นะ”

เหมือนผมก่อนที่จะรู้เหตุผลของบอยก็เคยบ่นกับตัวเองนะว่าถ้ารู้อย่างนี้นะว่าผมกับบอยจะลงเอยกันแบบนี้  คงไม่ไปยุ่งกับบอยหรอก  แต่ตอนนี้ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้  ผมก็คงอยากจะรู้จักกับบอยเหมือนเดิม  คิดเสียว่ายังไงก็ได้เพื่อนเพิ่มแล้วกัน  คิดไปแล้วทำไมผมเป็นคนหายโกรธง่าย  ให้อภัยคนง่ายอย่างนี้นะ

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม  ตอนนี้ก็เกือบสิบโมงอีกตั้งนาน” บอยถามผมที่พึ่งไปเช็คอินมาก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา

“แล้วจะให้ทำอะไรรอ  บอยรีบกลับไปเถอะเผื่อมีงานต้องทำ”

“วันนี้วันอาทิตย์นะ  ไม่มีหรอกงาน”

“เผื่ออยากพักผ่อนไง  เดี๋ยวเราไปนั่งรอที่ห้องพักชั้น ๒”

“อืม  เอาอย่างนั้นก็ได้  ถ้าบอยจะไปกรุงเทพแล้วไม่มีที่นอนจะโทรหาไลน์หานะ”

“โอเค  เจอกันใหม่อีกทีแล้วกัน”

ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนที่มันเลื่อนขึ้นเรื่อยๆช้า  เหมือนความห่างเหินของเราที่เริ่มห่างกันมากขึ้นช้าๆ  มันก็เป็นธรรมดาของโลก  มีพบก็ต้องมีจาก  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำใจยากสำหรับผมนะ  ถึงจะบอกกันว่าพบกันใหม่นะแต่ต่างฝ่ายก็รู้ดีว่ามันอาจจะไม่มีทางพบกันอีกก็ได้   ผมขึ้นบันไดเลื่อนมาจนสุดท้ายแต่ไม่หันหลังกับไปดูบอยเพราะกลัวตัวเองจะรับไม่ได้เสียเองว่าหันไปแล้วจะไม่เจอบอย  จะเจอกับความว่างเปล่า

เครื่องบินกำลังเคลื่อนตัวอยู่บนรันเวย์ก่อนที่มันจะเหินตัวขึ้นไปบนฟ้า 


ผมมองลงไปที่สนามบิน 



ตอนนี้บอยจะกลับหรือยังนะ  บอยจะยังยืนมองเครื่องบินที่ผมนั่งอยู่หรือเปล่า

...

https://youtu.be/6NypylpPPQI   เพลงที่คิดน่าจะเข้ากันดีกับตอนนี้  "พบกันใหม่"

...


มาแล้วหลังจากหายไปนานเกือบหนึ่งอาทิตย์  ขอโทษที่ทำให้รอกันนะครับ  เอ๊ะหรือว่าไม่มีคนรอ ฮ่าๆ

อยากบอกว่าที่บีนไม่เรียกบอยว่าพี่เพราะไม่อยากให้บอยเป็นคนอื่นนะครับ  อยากให้บอยเป็นบอยที่เคยรู้จักกัน :katai1:

บีนเป็นคนง่ายๆบางครั้งก็ดูยอมง่ายเกินไปเนาะ แต่ก็นะบีนเป็นคนมีความเป็นผู้ใหญ่สูงที่จะเข้าใจอะไรที่มันยากๆให้ง่ายได้นะ  แต่คนจะไปก็ต้องไป คนมันจะแต่งงานแล้วจะให้บีนร้องกรี๊ดๆเอาพวงหรีดไปงานแต่งก็ยังไงอยู่  บีนยอมแต่บีนก็ยังเสียใจอยู่ :hao5:

วันนี้มาสายๆ ฝนที่บ้านเราก็ตกปรอยๆ  ช่วงนี้มรสุมเข้าๆออกๆ ปลายหน้าฝนฝนก็เร่งตกกลัวมันจะขึ้นหน้าหนาวไปก่อน  ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ 

รักคนอ่านและคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน  จุ๊บๆนะ :mew1:



ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :z3:   ปล่อยเขาไปเถอะบีน  วันนึงเราจะทำใจได้เอง
เขาไปแต่งงานแล้วเราก็เป็นแค่เพื่อนเนอะ เซ็งบอยอะ ถ้าไม่ตามไปชาตินี้คงไม่รู้อะนะว่าแฟนตัวเองหายไปไหน รักแล้วทำงี้เหรอ  :mew5: บอกให้ลืม แสรด

ตอนนี้ทีมโอ๊ตเต็มตัวแล้ว ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นคนอกหัก งั้นไปรักกันเถอะไป 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2015 13:47:00 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ ummax

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ช้า แต่ ซึ่ง มากอ่ะ
ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :ruready เหตุผลตลกเนอะง่ายๆจริงด้วย

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อืม บอยมาให้ความหวังบีนทำไม
ดีแล้วที่ตัดใจบีน เจ็บวันนี้ดีกว่าทรมานไปจนตาย
ผู้ชายมีเยอะแยะหาใหม่เลย

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :fire:

บอยแม่มเลวมาก

ทำงี้กะบีนได้ไง ห๊าๆๆๆๆๆ


เซงฟร่ะ เปลี่ยนพระเอกเป็นโอ๊ตเลยค่ะ  :hao3: เอ๊ะ หรือจะเป็นคุณบิ๊กดีน้ออออ  :laugh:

ออฟไลน์ pim14

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รมณ์เสียอ่ะ แรกๆก็แอบียร์โอ๊ต แต่เห็นว่าบีนเอียงมาทางบอย ก็เลยตามมาเชียร์บอย สุดท้ายมาตกมาตายแบบนี้ สงสารบีนนะ เอาล่ะ กลับมาตั้งสติใหม่ สรุปว่าบทพระเอกจะตกที่ใคร ชีวิตของน้องบีนช่างมีคนมาพัวพันมากมาย หวังว่าคนต่อไปน่าจะเป็นตัวจริงเสียงจริงนะคะ เพี้ยง ขอให้คู่กับโอ๊ตละกัน สมฐานะดี อิอิ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ตอนแรกที่บีนรับงานคอยดูแลโอ๊ตนี่เชียร์ให้ โอ๊ตบีน คู่กันนะ
พอเจอบอยที่คอยมาทำดีมาเอาใจมาคอยเป็นที่พึ่งและบีนเองก็มีใจให้นี่ทุ่มใจให้ บอยบีน เต็มที่
แต่พอเจอแบบนี้จุกฉิบหายเลย  อยากโดดถีบขาคู่ใส่บอยมากกกกกกกกกกก :fire: :fire: :fire:
บีนตัดใจให้ขาดมองคนใหม่เถอะ รักษาใจตัวเองให้หายดีแล้วมีชีวิตที่ทำให้บอยต้องเสียใจ
ที่บอยเลือกที่จะแต่งงานจนยอมทิ้งบีนให้เสียใจ


ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Anonimo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อุตส่าห์เอนมาทางบอย  อย่าเสียใจไปเลยบีนยังมีโอ๊ตอยู่นะ :katai2-1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
คงไม่ใช่เนื้อคู่กันเนอะ อย่าเสียใจเลยนะบีน :กอด1:

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
สรุป โอ๊ตเป็นพระเอก?

ออฟไลน์ clock_nuchchee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เข้าใจความรู้สึก บีนเลยอะ แบบว่า เริ่มจาก 0 มาจน 100 แต่สุดท้าย ต้องลดไปเหลือ 0 อย่างเดิม แม่งโครตยาก  ส่วนบอย ถึงจะเข้าใจแต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี ทำไมไม่บอกบีนไปเลย ต้องให้บีนมารู้จาก พ่อแม่ ตัวเอง ซะงั้น เห้อ

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เกือบร้องไห้แน่ะ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2

ออฟไลน์ pancakesexy

  • ~๐แพนด้าน้อย๐~
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • Rattiya Papaoay
อ่านแล้วน้ำตาไหลตามบีนเลย เข้าใจความรู้สึกนี้ดี ฮืออออออ

ช่างมันเถอะนะบีน เอาล่ะถึงคิวหนุ่มโสดคนต่อไปปปปปปปปปปป

#ทีมโอ๊ต

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ตอนที่ ๑๘

อย่างที่มีคนเคยบอกไว้  งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา  มีพบก็ต้องมีจาก  มันเป็นเรื่องธรรมดาและมันก็คือความจริงของชีวิตที่ต้องสู้และอยู่ให้ได้  ต้องขอบคุณแฟนคนก่อนๆที่ทำให้ผมรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ควรทำตัวอย่างไรไม่ให้คิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องความรักที่ผิดหวัง

งานของผมช่วงนี้ก็เป็นไปอย่างราบรื่นครับ  จากที่ผมได้รับมอบหมายให้มาดูแค่โอ๊ต  แต่สุดท้ายเด็กๆในกลุ่มผมก็ได้รับผลดีไปด้วยทั้งอ๊อฟที่พ่อแม่บังคับให้ไปเรียนพิเศษ  อ่านหนังสือก็เรียนดีขึ้นหรือไบท์ที่ดูจะขยันอยู่แล้วก็ช่วยส่งเริมเพื่อนๆในกลุ่มให้เรียนดีขึ้นเรื่อยๆ นี่ยังไม่รวมวิทย์ลูกของคุณรัชนีที่มาเข้ากลุ่มผมเพราะไม่มีเพื่อนสนิทอย่างบอยเหมือนแต่ก่อน ผลลัพธ์ของการทำงานของผมออกมาเป็นแบบนี้ผมก็โล่งใจเป็นอย่างมากจากที่ตอนแรกๆกลัวว่าจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

“นะๆมึง   ไปดูหนังเรื่องนี้กับกูก่อนนะ  เดี๋ยวกูบอกให้คนขับรถไปส่ง”

“ก็บอกแล้วโอ๊ตไงว่าบีนไม่ชอบหนังแนวนี้”

พักหลังโอ๊ตเริ่มที่จะเข้ามาใกล้ชิดกับผมมากขึ้นกว่าเดิมครับ  จากแต่ก่อนที่ผมมีบอยอยู่นั้นผมก็ดูออกว่าเด็กคนนี้คงไม่ได้คิดกับผมแค่เพื่อนแน่ๆและยิ่งตอนนี้ผมก็ดูไม่มีใครโอ๊ตก็เริ่มรุกเข้ามาเรื่อยๆ  แต่ผมก็ยังไม่ได้ตอบสนองเด็กมันไปมากนัก  ก็คนมันไม่ได้ชอบนี่นา  อีกอย่างนี่มันหลานเจ้านายตัวเองนะบีน  ผมย้ำกับตัวเองเสมอ

“ไปนอนในโรงก็ได้  กูไม่มีเพื่อนจริงๆ”

“นี่โอ๊ต พวกไบท์มันก็ยังไม่ไปดู  ทำไมถึงไม่ชวนล่ะ” ผมยืนกอดอกคุยกับโอ๊ตอยู่หน้าโรงเรียน  คนขับรถขับมารับโอ๊ตแล้วแต่น้องมันยังไม่ขึ้นไปเสียทีเพราะว่ายังยืนตื๊อให้ผมไปดูหนังหุ่นยนต์ด้วยกัน  แต่ที่ผมไม่อยากไปก็เพราะว่าวันนี้ตั้งใจว่าจะไปซื้อ
ของเข้าห้อง

“พวกมันกลับไปแล้วนี่หว่า  ป่ะๆ ไปกันเดี๋ยวขากลับไปส่ง”
เป็นแบบนี้เกือบมาเกือบเดือนแล้วครับที่โอ๊ตกับผมจะไปดูหนังด้วยกัน  ดูเสร็จน้องมันก็บังคับให้ไปกินข้าวด้วยแบบที่ผมก็ขัดไม่ได้

วันเสาร์ผมตื่นสายๆก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำแล้วเดินออกมาที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะยืนคิดอยู่ในใจคนเดียว  จะใส่ชุดอะไรไปดี  วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของไบท์  ไบท์ชวนผมและเพื่อนๆไปปาร์ตี้วันเกิด 

...

งานวันเกิดไบท์จัดที่บ้านของพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของไบท์ครับ  เห็นโอ๊ตบอกว่าพี่ของไบท์แล้ว  มีบ้านส่วนตัวเลยมาจะที่บ้านที่ดีกว่าเพราะมันไม่อยากไปรบกวนพ่อแม่  พูดง่ายๆจัดที่บ้านพี่จะได้ฉลองกันให้เต็มที่ 

โอ๊ตไปรับผมที่คอนโดก่อนที่เราจะมาถึงบ้านพี่ไบท์  บรรดาเพื่อนในห้องทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่เพื่อนประถมมัธยมไบท์ก็มาเต็มกันไปหมด  ดูจากสายตาน่าจะเกือบ ๕๐ คน 

“บริการตัวเองเลยนะมึงวันนี้เพื่อนกูเยอะ ส่วนของขวัญขอบใจมากนะโอ๊ต  บีน  พวกไอ้อ๊อฟมันอยู่ข้างๆสระว่ายน้ำเห็นมันรอพวกมึงอยู่”  ไบท์ออกมารับพวกผมหน้าบ้านก่อนที่จะรับของขวัญไป

“เออได้  มึงรับแขกไปเถอะ ป่ะบีน”

“เดี๋ยวๆไม่ต้องจูงมือก็ได้  อายเขา” ผมทักท้วงน้องก่อนจะดึงมือออกจากมือโอ๊ตเบา  แต่มันไม่ฟังและจับมือผมแล้วจูงมือเดินต่อไป

“พี่อิฐสวัสดีครับ” โอ๊ตปล่อยมือผมก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า

“สวัสดีครับ  เจอไบท์มันแล้วใช่ไหม”

“เจอแล้วครับ”  เดาไม่ผิดคนนี้ต้องเป็นลูกพี่ลูกน้องของไบท์แน่ๆหน้าตาคล้ายๆกัน

“แล้วนี่เพื่อนใหม่หรือ  พี่ไม่เคยเห็นหน้า” 

“สวัสดีครับ  ผมชื่อบีนครับ”ผมยกมือไหว้แกก่อนจะบอกชื่อแกไป

“บีนย้ายมาได้เทอมกว่าๆแล้วครับ”

“น่ารักดีนะ” ใช่  ใช่ไหม  อยู่ๆคือมาชมกันต่อหน้าตาต่อตา ด้วยสายตากรุ้มกริ่มไม่ธรรมดาผมมองออก

“ถ้าอย่างนั้นผมเข้าไปหาเพื่อนๆก่อนนะครับ”

“เชิญครับ”

โอ๊ตรีบจูงมือผมไปที่สระน้ำทันที  “ระวังไว้นะบีน  ไอ้ไบท์มันเคยบอกว่าพี่มันชอบเด็กมัธยม   อย่าอยู่ใกล้มันเด็ดขาด”

“เข้าใจ”  ผมก็ตอบไปอย่างว่าง่าย

ไปหาเพื่อนเราก็คุยกันเฮฮา  พวกเพื่อนกลุ่มผมก็แนะนำผมให้รู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆหรือเพื่อนเก่าของไบท์  ก่อนที่ผมจะเดินไปตักอาหารกินบ้าง   ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าเพราะมัวแต่นอน

“ตักกินเยอะๆนะ  อยู่ต่างจังหวัดคงไม่เคยมางานวันเกิดแบบหรูๆแบบนี้สินะ” ผมหันหน้ามองไปตามเสียง  อ๋อ แบงค์  ตุ๊ดเด็กหน้าขาวหนึ่งในสมาชิกกลุ่มติดหน้าต่างที่เคยแกล้งผมเมื่อตอนต้นๆเทอมแรก
ผมไม่ตอบโต้อะไร  เดินถือจานฮอทดอกก่อนจะเดินไปหยิบเอาแก้วน้ำส้ม

“นี่คนพูดด้วยทำไมไม่ตอบ  หยิ่งนักหรอ”

“ไปพูดกับเพื่อนนายเถอะแบงค์  เราไม่มีอะไรจะพูดกับนาย”

“เพื่อนกูนะมี  แต่กูสงสัยว่าเพื่อนชายคนสนิทของมึงนี่หายไปไหนหรอ  ได้ข่าวว่าลาออกไปโดยไม่บอกใครสักคำ  แม้กระทั่งมึงที่คั่วกับมันอยู่”

“นี่  จะมาพูดมาถามเรื่องแค่นี้ใช่ไหม  ไร้สาระ”

“ก็เพื่อนแค่เป็นห่วงก็แค่นั้น  ทำไมต้องพูดเสียงแข็งด้วย  ไม่ดีเลยนะบีน”

“จะมาหาเรื่องก็บอกเถอะ  เราแค่เพื่อนร่วมห้องกันไม่ได้สนิท  ต่างคนต่างอยู่  จบนะ”

ผมพูดเสร็จก็หันหลังกำลังจะเดินกลับไปหาเพื่อนแต่กลับลืมระวังตัวเอง  โดนแบงค์ยื่นขามาจากข้างหลังมาขัดขาผมทำให้ผมล้มหน้าคะมำไปกับพื้น  ขนม ฮอทดอกหล่นกระจายไปหมด  ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มทั้งหลายที่มีร่วมงาน  นี่จะเอาให้อายกันเลยใช่ไหม  ดีนะกำแก้วไว้แน่นเลยไม่แตก  ผมรีบลุกขึ้นเพราะอายคนพร้อมกับหันไปประจันหน้ากับแบงค์

“นี่จะมาแกล้งกันทำไม  มีเหตุผลอะไร”

“แกล้งอะไร  ล้มเองจะมาบอกว่าคนอื่นแกล้งได้ยังไง” แบงค์ยืนกอดอกพูดหน้าตาใสซื่อ

“หาเรื่องกันใช่ไหม”  ผมเดินเข้าไปผลักอกแบงค์จนมันเซไปด้านหลัง 

“เฮ้ยๆ บีนใจเย็นๆ ”  อ๊อฟกับวิทย์เดินมาดึงตัวผมเอาไว้  “เป็นอะไรกันวะ”

“อยู่ๆบีนมันก็มาหาเรื่องแบงค์ก่อน  แล้วก็มาผลักอกแบงค์  พวกนายดูเพื่อนตัวเองให้ดีๆเหนื่อยสิ  อย่าให้เที่ยวกัดคนอื่นไปทั่ว”

“นี่พูดดีๆนะ  ใครหาเรื่องใครก่อน  ที่ล้มลงไปทุกคนก็เห็น  นายต่างหากที่อยู่ดีๆก็มาขัดขาเรา”

“เงียบไปเถอะบีน  คนทั้งงานเขาก็เห็นว่าแกล้มลงเอง  จะมาว่าแบงค์ได้ยังไง” เพื่อนของแบงค์เดินเข้ามาเถียงช่วย  แต่ผมกลับเห็นพวกเพื่อนในกลุ่มมันยิ้มเล็กยิ้มน้อยเหมือนสะใจอะไรบางอยาก

“โน่น  กล้องวงจรปิดแน่จริงก็ไปดูกันสิ  ใครหาเรื่องใครก่อน”  ผมตาไวชี้ไปที่กล้องวงจรปิดที่ติดไว้ริมสระว่ายน้ำ

“กลุ่มโน้นทำอะไรกันครับ  จะเป่าเค้กกันแล้ว  มารวมตัวกันได้แล้วครับ” 

สงสัยเสียงเพลง  เสียงดนตรีจะดังเลยทำให้อีกฝั่งไม่เห็นว่ามีกลุ่มเล็กๆกำลังยืนทะเลาะกันอยู่   พิธีกรประจำงานจึงเรียกกลุ่มผมที่ยืนเถียงกันให้ไปรวมตัวร้องเพลงฉลองวันคล้ายวันเกิดให้ไบท์ 

ส่วนโอ๊ตนี่ก็หายไปเลยหลังจากที่เจอเพื่อนเก่าสมัยประถมก็ไหลไปตามเพื่อนไม่มีท่าทีว่าจะมาอยู่ข้างๆผม  เราร้องเพลงเป่าเค้ก  กินเค้กกันเสร็จบางคนก็กลับไปก่อน  แต่ก็มีอีกส่วนที่ยังอยู่เพื่อรอช่วงเวลาของแอลกอฮอล์ การฉลองแบบจริงจังของหนุ่มวัยมัธยมขบเผาะ   หลายคนยกเพียวแก้ผ้าลงเล่นน้ำกันร้องโหวกเหวกโวยวายตามประสา  บ้างก็ยืนเต้นบนขอบสระ  อย่างกับปาร์ตี้ของฝรั่ง ส่วนผมนั่งจิบฟูลมูนเป็นเพื่อนวิทย์กันสองคนก่อนจะย้ำกับวิทย์ว่าอย่าเมานะ  เพราะดูทรงคุณรัชนีแกจะค่อนข้างเป็นห่วงลูกชาย  วันนี้วิทย์บอกว่าคุณแม่จะมารับด้วย

“นี่เดี๋ยวบีนไปล้างมือก่อนนะวิทย์  ว่าแต่โอ๊ตมันไปไหนแล้ววะ”

“โน่น  กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ในสวนฝั่งโน้น” วิทย์ชี้ให้ผมดูโอ๊ตที่ตอนนี้นั่งคุยกับเพื่อนเก่าอยู่ในสวนอีกฝั่งของสระน้ำ  ผมจึงเดินเข้าไปล้างมือที่ถลอกนิดๆจากที่ล้มเมื่อกี้ที่ห้องน้ำซึ่งมันอยู่ในตัวบ้าน

แสบเหมือนกันนะนี่  ผมคิดอยู่ในใจคนเดียวก่อนจะเอามือที่เปียกไปกับผ้าเช็ดมือ



“อุ้ย”  ตกใจหมด

“อ้าว  ไม่ไปเล่นกับเพื่อนข้างนอกหรอครับน้องบีน”  พี่อิฐที่เดินผ่านห้องน้ำมาก็เจอกับผมที่ออกมาจากห้องน้ำพอดี

“มาเข้าห้องน้ำครับ”  ผมว่าพร้อมกับจับที่มือขวาของตัวเองเพราะอยู่ๆมันก็แสบขึ้นมา

“มือเราเป็นอะไรหรือเปล่านั่น”

“อ๋อ  พอดีมันถลอกนิดหน่อยครับไม่เป็นอะไรมาก” ผมยกมือขวาขึ้นโชว์พี่อิฐ  ก่อนที่แกจะยิ้มๆก่อนถามผมขึ้นว่า

“พี่ขอดูหน่อยนะครับ”  ว่าแล้วแกก็ดึงมือผมไว้ดู  “ทายาไหมเดี๋ยวพี่มียา ไปเล่นซนอะไรมา  หืม”

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ”  ผมตอบไปอยากเกรงใจก่อนดึงมือตัวเองกลับเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า  พี่เต็มใจยาอยู่ชั้นสอง  ไปด้วยกันสิเดี๋ยวพี่ทาให้”

“เอ่อ”  ผมมัวแต่อึกอัก  ไม่ทันแล้วครับแกดึงมือผมให้เดินตามขึ้นไปบนชั้นสองก่อน

ชั้นสองของบ้านก็มีโถงที่เป็นเหมือนห้องรับแขกแต่เปิดแค่ไฟมืดๆสลัวๆไว้เท่านั้น
“นั่งตรงนี้ก่อนนะ  พี่ไปเอายาก่อน” แกคงไม่ทำอะไรหรอกมั้ง  ผมคิดปลอบใจตัวเอง  ไม่น่าขึ้นมากับเขาเลย

“นิ่งๆนะ  เอามือมา   ไม่แสบมากหรอกครับพี่เป็นคนมือเบา”

“ผมไม่ได้กลัวยาแดงเหมือนเด็กเสียหน่อย   แผลไม่ต้องติดผ้าก็ได้ครับ  รอให้มันแห้งเองดีกว่า”

“อ๋อ  อย่างนั้นหรอ  ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่เอายาไปเก็บก่อนนะครับ” 

ระหว่างที่พี่อิฐแกเอาของไปเก็บผมก็เดินดูของตามชั้นหนังสือที่ดูแล้วน่าจะเป็นตู้เก็บของสะสม
หืม  นี่แฟ้มอะไรนะ  ผมหยิบแฟ้มที่มีโปสเตอร์หนังติดอยู่หน้าแฟ้มออกมากจากตู้ก่อนจะเปิดออกดูอย่างไม่เกรงใจ

“ชอบสะสมตั๋วหนังไหมครับ”

“อุ่ย”  ทำไมแกต้องโผล่มาแบบน่ากลัวด้วยนะ  แล้วไม่พูดแบบปกติด้วยนะครับ  ชอบมาชอบใกล้หู  ขนลุก “ชอบสะสมครับ  แต่ปกติบีนจะเก็บตั๋วใส่ถุงใสไว้แยกเป็นปีๆ  ไม่ได้เอาใส่แฟ้มให้ดูเป็นระเบียบแบบนี้”

“อืม  แต่ก่อนที่ก็ทำแบบนี้นะ  ว่าแต่เราชอบดูหนังแนวไหนหรอ”

“ได้ทุกแนวครับ  แต่ช่วงนี้จะไม่ค่อยดูหนังแอ็คชั่นสักเท่าไหร่  เบื่อๆ”  ผมตอบแล้วยิ้มให้แกก่อนที่จะเก็บแฟ้มไว้ที่เดิม “เดี๋ยวผมลงไปหาเพื่อนก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิ  อยู่คุยกันก่อนนะ  คุยกับเราแล้วสนุกถูกคอดี”  มันสนุกตรงไหนวะ ผมก็พูดๆไปงั้นๆ

“เอ่อ  ครับ”  ผมยอมกลับไปนั่งคุยที่โซฟากับพี่อิฐอย่างว่าง่าย  เหมือนแกมีแรงดึงดูดอะไรสักอย่างให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ  พี่อิฐต้องชอบผมแน่ๆ

“ดูหนังไหมหรือจะเล่นเกมส์”

“ผมเล่นเกมส์เพลย์ไม่เป็นหรอกครับ  ขอเป็นดูหนังก็ได้ครับ”

“แต่หนังต้องไปดูที่ห้องพี่นะครับ ในห้องพี่เจอใหญ่กว่า” แกพูดเสร็จก็ยิ้มแบบยิ้มปกติ  แต่ดวงตาแกมีเลศนัย

“ผมคงไม่รบกวนพี่ขนาดนั้นหรอกครับ  ผมลงไปข้างล่างก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิ  อย่าพึ่งลุก  อยู่กับพี่แล้วกลัวแฟนหึงหรอครับน้องบีน” 

“แฟน  เอ่อ  ผมไม่มีแฟนนะครับ”  โอ๊ตนะเหรอ  พี่อิฐแกคงเข้าใจผิด

“อ้าวพี่ก็นึกว่าโอ๊ตเป็นแฟนเราเสียอีก  อย่างนั้นพี่ก็มีโอกาสสินะ”

“พี่ผมหิวข้าว  ให้ผมลงไปข้างล่างเถอะนะ”  ผมดึงมือออกจากมือแกแล้วรีบลุกขึ้นแต่ไม่ทันพี่อิฐกอดตัวผมจากข้างหลังแล้วเอาผมเข้าไปนั่งตักกอด 

“เอ่อพี่ปล่อยเถอะ  มันหนัก”

“อยู่นิ่งๆสิบีน  ตัวหอมจังเลย”




“พี่อิฐ”  ทำอะไรครับ   

โอ๊ต  โอ๊ตเดินขึ้นมาชั้นสองก็เจอกับพี่อิฐที่กำลังจะหอมแก้มผม ดีที่แกก็ตกใจไปเสียก่อนจึงรีบปล่อยตัวผม  ผมไม่รอช้ารีบลุกขึ้นวิ่งไปหลบอยู่หลังโอ๊ต

“ก็ไม่มีอะไรครับ  พี่ชวนน้องบีนเขามาคุยด้วยเฉยๆแต่น้องคงไม่มีแรง  คงหิวข้าวและก็หน้ามืดจะล้ม  พี่ก็เลยประคองไว้”

“จริงหรอบีน”  ถ้าผมขี้ฟ้องว่าพี่อิฐคิดกับผมเกินน้องนุ่ง  เรื่องราวคงไปกันใหญ่แน่

“จริงๆ ลงไปข้างล่างกันเถอะ” ผมก็ยอมโกหกโอ๊ตไป

“อืม  อย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ  กลับบีน”  พี่อิฐมองตามผมอย่างเสียดาย  ก็ต้องขอบคุณโอ๊ตนะที่มาได้จังหวะพอดี   




“วันนี้กูขอนอนกับมึงนะบีน”

“อะไรนะ   ลุงชัยก็มารับโอ๊ตแล้วไง  ทำไมต้องไปนอนห้องบีนด้วย”

“เถอะนะๆ  เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆค่อยให้ลุงชัยมารับกูกลับบ้าน”

“สงสารลุงมา  ทั้งไปรับไปส่ง  ทีหลังถ้าจะนอนค้างที่อื่นก็นั่งแท็กซี่เอาก็ได้”

ผมนั่งบ่นให้โอ๊ตขณะที่เรากำลังนั่งอยู่บนรถ  โดยมีลุงชัยเป็นคนขับ

“ไม่หรอกมึง  ลุงชัยแกไม่เหนื่อยหรอก  ใช่ไหมครับลุง”

“ใช่ลุงได้ตามสบายเลยครับคุณหนู  อยู่บ้านลุงก็ไม่มีอะไรทำ  คุณท่านให้ลุงทำแค่ขับรถรับส่งคุณหนู”



เอากันเข้าไป  ให้มันได้อย่างนี้สิ






“หลับยังมึง” ผมกับโอ๊ตกลับมาจากงานวันเกิดก็รีบอาบน้ำนอนเพราะว่ามันค่อนข้างดึกแล้ว  แต่จังหวะที่ผมจะเคลิ้มหลับโอ๊ตมันก็ถามขึ้นมา

“อืม  กำลังจะหลับมีอะไรอีก  เฮ้ย  อย่าเข้ามาใกล้สิ”  ถามเฉยๆไม่พอทำไมน้องมันต้องขยับเข้ามาใกล้ผมด้วย

“กูแค่จะบอกมึงว่า  กูเป็นห่วงมึงนะบีน  แล้วก็ไม่ต้องระแวงกูหรอกว่ากูจะทำอะไร  ทีคนอื่นมึงไม่ระวังตัวเลยนะบีน”

“เออรู้แล้ว  ต่อไปจะระวังตัว  แต่บีนไม่ใช่ผู้หญิงนะโอ๊ต”

“ก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นผู้หญิงนี่หว่า   กูจะบอกว่ามึงน่ารักต่างหาก  คนอื่นถึงอยากเข้าใกล้มึงนัก  แล้วไหนที่บอกว่าเจ็บมือ  ไปทำยังไงให้ล้มไปแบบนั้น”

“ชั่งมันเถอะ  แผลเด็กๆแค่หกล้ม  เฮ้ยไม่ต้องเป่า  ไม่เจ็บแล้ว”  น้องมันดึงมือผมไปจ่อไว้ที่ปากมันแล้วเป่าแต่ก็ต้องหยุดเพราะผมห้ามไว้

“ก็แค่อยากทำให้หายเจ็บนี่นา”

“........................................” จริงหรอโอ๊ต    ผมคิดในใจแต่ไม่พูดออกไป

“ มึงหายเจ็บหรือยังวะบีน”

“ ยังหรอก  ยังแสบๆอยู่ถ้าไปโดนแผล  ยิ่งนายจับมือเราที่เป็นแผลมันก็จะยิ่งเจ็บนะ  ปล่อยให้แผลมันแห้งเองเถอะ”

“ มึงเป็นคนเข้มแข็งนะบีน  แต่กูก็ยังอยากช่วยมึงให้หายเจ็บ ”

“ ช่วยยังไง ”

“ ช่วยอยู่ใกล้ๆไง ”  โอ๊ตดึงผมเข้าไปกอดซึ่งผมก็ลืมที่จะขัดขืน  ก่อนน้องจะพูดต่อว่า “ กูรู้ว่ากูอาจจะแทนคนนั้นไม่ได้  แต่กูจะไม่มีวันหนีไปไหนนะบีน ”

ทำไมต้องพูดแบบนี้  ทำไมต้องมาสัญญากับผมด้วยนะ
“ มีพบก็ต้องมีจาก  มันเป็นเรื่องธรรมดา  สักวันเราก็ต้องแยกย้ายไปในเส้นทางที่เหมาะสมกับเรานะโอ๊ต ”

“ กูจะช่วยทำให้มึงลืมเองนะ ”

“ ไม่ต้องช่วยอะไรมากหรอกโอ๊ต  เพราะทุกวันที่ทั้งนายและเพื่อนๆก็ช่วยเราให้ลืมเขาได้อยู่แล้ว ”

เพื่อนๆมีส่วนช่วยมากเลยนะครับ  เวลาเราอกหักแล้วได้อยู่กับเพื่อน  อย่างน้อยก็ทำให้เราลืมเรื่องที่ไม่สบายใจไปได้

“  กูเต็มใจ  นอนเถอะบีน  กูจะกอดมึงไว้ทั้งคืนไม่หนีหายไปไหน ”

ไม่ได้นะโอ๊ต   โอ๊ตจะเข้ามาเป็นเครื่องมือของผมที่ทำให้ผมลืมบอยโดยไม่รู้ตัว



แล้วถ้าวันหนึ่งผมไม่เสียใจ  ไม่อกหักและลืมบอยไปแล้วล่ะ  จะทำอย่างไร



ถ้าผมต้องเลิกทำงานนี้แล้วเลิกติดต่อกับโอ๊ตไป  ความรู้สึกมันจะเป็นอย่างไร  โอ๊ตจะเสียใจแบบผมไหม
ที่ผมยังคิดมากอยู่แบบนี้ก็เพราะกลัวว่าสักวันผมอาจเป็นคนทำร้ายโอ๊ตที่เต็มใจจะเข้ามาช่วยทำให้ผมลืมบอยนั่นเอง




...

บีนจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ   แต่ที่แน่ๆคงต้องใช้เวลา  โดยบีนก็คงเลี่ยงที่จะให้โอ๊ตมาใกล้ชิดกับตัวเองมากเพราะกลัวโอ๊ตที่เป็นแค่เครื่องมือที่ทำให้บีนลืมบอย  แต่บีนก็ยังเผลอให้โอ๊ตมาอยู่ใกล้ๆอยู่ดี

คนเราที่ภายนอกดูเข้มแข็ง  แต่ที่จริงมันอ่อนแอมาก



...


สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเราลงนิยายอาทิตย์ละตอน  ฮ่าๆ ตอนนี้ผู้แต่งยุ่งๆนะ  เดินทางบ่อย  แต่ก็เข้ามาอ่านนิยายเรื่องอื่นในเล้าอยู่เรื่อยๆ  ยังไงก็ขอให้ติดตามเรื่องราวของบีนกันต่อไปนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะครับ   ยังรออ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆอยู่นะครับ  ตอบกันมาเลยจะด่าใคร  จะให้กำลังใจตัวละครไหน  เต็มที่  วันนี้ไปก่อนนะ  บ๊ายบาย  จุ๊บเหม่งคนอ่านสิบเอ็ดที :mew1:


 :katai2-1:


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:  เชียร์บีน-โอ๊ตต่อไป
กินเด็กเป็นอมตะ ท่องไว้ๆ
คนเขียนดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :-[

/ยื่นเหม่งให้จุฟ 55+

ชอบบีนนะ รุ้ตัวเอง รู้ว่าอะไรควรไม่ควร

แต่โอ้ตเนี่ย .......พระเอกเปล่าน้อ  :o8:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ไม่มี บอยบีน แล้ว
เป็น บิ๊กบีน ละกันนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ไม่รู้จะเชียร์ใครมีแต่คนมาหลงเสน่ห์หนูบีน

แต่คนที่หนูบีนรักดันเป็นบอยที่เลือกจะทิ้งหนูบีนไปแต่งงานแต่งการ

เอาเป็นว่าขอให้หนูบีนเจอคนที่หนูบีนรักและคนนั้นก็รักหนูบีน

ไม่ทำให้หนูบีนต้องเป็นนายเอกมิวสิคPOTATO เหมือนอย่างที่บอยทำ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ patoya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
หักมุมสุดๆ ช็อกมากตอนที่บอยจะแต่งงาน
เชียร์พี่บิ๊กนะ เพราะโอ๊ตท่าทางครอบครัวจะหวงสุดๆ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
เชียร์พี่บิ๊กแทนโอ๊ตได้ม่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ummax

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ตอนที่ ๑๙
วันอาทิตย์  คือ วันพักผ่อน

แต่วันอาทิตย์ของผมนี่มัน   

“โอ๊ต   เมื่อไหร่จะให้ลุงชัยแกมารับหรอ  นี่ก็จะเที่ยงแล้วนะ” 
ผมเดินไปเขย่าตัวเด็กม.๕ ที่นอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

“เออน่า  เดี๋ยวเย็นๆโน่นแหละ  กูอยากอยู่กับมึงนานๆว่ะ ”

“พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอยู่แล้ว  ลุกไปล้างหน้าล้างตาไป  เดี๋ยวบีนจะถอดปอกหมอนไปซัก  ไปๆ”
ผมจัดการทำความสะอาดห้องนอนเสร็จ  เด็กตัวโตก็เดินออกมากจากห้องน้ำ  พันผ้าขนหนูปิดท่อนล่างไว้ตัวเดียว  มือก็ถือเสื้อที่ใส่นอนเมื่อคืน

“มีเสื้อให้กูยืมไหมบีน”

“เดี๋ยวบีนไปเอาให้แล้วกัน”  เด็กบ้าอะไรว่ะหุ่นดีชะมัด  ถึงผมจะเคยเห็นมาแล้วก็เถอะแต่มันก็อดหน้าร้อนไม่ได้เมื่อมาอยู่กันสองต่อสอง

เอ  ไอ้เสื้อตัวใหญ่ๆอยู่ไหนนะ  อยู่ชั้นข้างบนแน่นอน  ผมเขย่งเท้าขึ้นเพื่อเอื้อมมือไปหยิบเสื้อจากชั้นบนของตู้เสื้อผ้า แต่พยายามเอื้อมก็เอื้อมไม่ถึง

“มานี่เดี๋ยวหยิบให้”

“เออดี  แต่นี่ให้บีนออกไปก่อนสิ  อย่าดัน” โอ๊ตที่โผล่พร้อมกับดันตัวมันเองเข้าข้างหลังผมมือซ้ายมันกอดผมไว้  ส่วนมือขวาเอื้อมไปดึงเสื้อด้านบนและเสื้อที่มีอยู่ห้าหกตัวก็ตกลงมาใส่หน้าพวกผม

“ดึงแรง  เสื้อตกหมดเลย  เลือกเอาแล้วกันนะ  แล้วนี่กางเกงหัวยืด  คงใส่ได้นะ”

“ขอบใจว่ะ”

...................................................................................................

“บีน  บีน”

“อะไรโอ๊ต ”  ผมยืนล้างจานข้าวที่โอ๊ตใช้กินข้าวเที่ยงไปเมื่อกี้  สงสัยต้องหัดให้น้องมันล้างจานบ้างแล้วล่ะ   

“มีคนโทรมา  ไม่มีชื่อว่ะ  เบอร์แปลกเดี๋ยวกูรับให้นะ”

“อ่ะ  ไม่ต้องล้างเสร็จพอดี ” 
ผมวิ่งจากครัวไปหยิบมือถือ  เอ๊ะเบอร์ใครวะ

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ”

“ขอสายใครครับ”

“ก็คนที่พูดอยู่ไง”

“นี่ใครครับ” ผมถามไปเพราะสงสัย  นอกจากเพื่อนๆก็ไม่มีใครรู้จักเบอร์นี้แล้วนะ

“จำพี่ไม่ได้หรอครับน้องบีน  เมื่อคืนพี่ยังทายาให้อยู่เลย”
อ่อ  พี่อิฐ  แต่เอ๊ะ  พี่แกเอาเบอร์มาจากไหน  แต่ก่อนที่ผมจะถามกลับไป  ผมก็เดินเลี่ยงจากโอ๊ตที่นั่งดูทีวีเพลินๆอยู่เข้ามาคุยในห้องนอน

“พี่เอาเบอร์มาจากไหนครับ  ใครให้”

“ไม่ต้องรู้หรอกครับ  ว่าแต่เราทำอะไรอยู่หรอ  จะรบกวนหรือเปล่าถ้าพี่จะชวนไปทานข้าวด้วยเย็นนี้ ”  นี่ถ้าให้เดาคงเป็นไบท์แน่นอนที่ให้เบอร์ผมไป  ผมต้องโทรไปด่ามันแล้วล่ะ

“เอ่อพี่อิฐ  คือผมยังไม่ได้ทำการบ้านเลยครับ  กลัวว่าถ้าออกไปข้างนอกจะเสร็จไม่ทัน”

“อ้าวหรอ  ถ้ากลัวไม่ทันอย่างนั้นก็ทานแถวๆ คอนโดบีนก็ได้”

“เดี๋ยวนะพี่  พี่รู้จักคอนโดผมด้วยหรอครับ”

“รู้จักสิ”

“พี่ไปถามไบท์มันใช่ไหมครับ”

“อย่าไปว่าไบท์มันเลยครับ  เอาเป็นว่าห้าโมงเย็นเดี๋ยวพี่ไปรอเราที่ข้างล่างคอนโดนะ  เดี๋ยวถึงแล้วจะโทรไปหาอีกที  อยากทานอะไรคิดไว้เลยครับ  พี่เลี้ยง”

“เอ่อ พี่  เดี๋ยวๆๆ”  ตู๊ดๆๆๆ   ตัดสายไปแล้วครับ  ไบท์นะไบท์

ผมกดเบอร์โทรไปหาไบท์ด้วยอาการโมโหลมออกหูทันที

“นี่ไบท์”

“เฮ้ย  มึงกูขอโทษ  กูไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆว่ะ  แต่กูให้พี่เขาสัญญากับกูแล้วนะเว่ยว่าห้ามทำอะไรล่วงเกินมึงเด็ดขาด”
นี่ขอโทษขอโพย  ร่ายยาวมาเป็นชุดขนาดนี้ก็รู้แล้วครับถึงตัวต้นเหตุ

“แล้วพี่เขาไปบังคับอะไรนายหรอไบท์”

“ก็เมื่อวานกูแอบเอาสาวมานอนที่บ้านแต่พี่อิฐแม่งเสือกจับได้สิวะ  มันเลยเอาเรื่องนี้มาต่อรอง  ถ้ากูไม่ให้เบอร์มึงมันจะบอกพ่อกู”

“เออเอาเถอะ”  ผมล่ะเหนื่อยใจกับเด็กพวกนี้  ถ้าผมไปกินข้าวกับพี่อิฐสักมื้อก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้งนะ 

“มึงไว้ใจพี่อิฐได้นะ  พี่เขาไม่ทำอะไรมึงหรอก  ถ้าเขาล่วงเกินมึงบอกกูได้เลยเดี๋ยวกูจัดการพี่กูให้เอง”

“แล้วนายจะไปจัดการอะไรได้วะ  แต่ว่าเรื่องนี้อย่าไปบอกโอ๊ตมันนะ”

“เออๆ ได้ๆ  เจอกันพรุ่งนี้มึง”

ผมวางสายไปก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้องนอนแล้วมองไปที่โอ๊ตที่หลับอยู่บนโซฟาหน้าทีวี   อย่างแรกคือต้องปลุกโอ๊ตแล้วให้เด็กมันกลับบ้านไปก่อนที่พี่อิฐจะมา

“โอ๊ต  ตื่นๆ กลับบ้านได้แล้ว  บ่ายสองแล้ว”

“อ้าว  กูเผลอหลับไปหรอวะ  เดี๋ยวโทรหาลุงชัยก่อน ” โอ๊ตโทรหาลุงชัยก่อนที่จะได้ความว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะมาถึงเพราะลุงแกขับรถออกมาจากบ้านโอ๊ตก่อนหน้านี้แล้ว

ไม่นานลุงชัยก็มาถึงคอนโดผม  ผมจึงเดินไปส่งโอ๊ตหน้าประตูห้องและสิ่งที่เด็กมันทำกับผมคือ


ฟอด

“ไปก่อนนะมึง  เฮ้ย  กูแค่หอมแก้มเฉยๆทำไมต้องหน้าแดงว่ะ”   หอมแก้มนี่เป็นเรื่องปกติหรอกหรอ  มันใช้คำว่า เฉยๆ

“เปล่าซะหน่อย  รีบไปเลย”  ผมรีบปิดประตูแล้ววิ่งไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองในห้องน้ำ  ไอ้เด็กบ้าเอ้ย  ผมหน้าแดงจริงๆ


...


“เสร็จหรือยังครับน้องบีน”
ผมยืนส่องกระจก  สำรวจดูเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองพี่อิฐก็โทรเข้ามาหาพอดี

“เสร็จแล้วครับ  เดี๋ยวลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

ผมเดินลงไปหน้าคอนโดก็เจอกับรถยุโรปคันหรูบีบแตรส่งสัญญาณให้ผม  คงเป็นคนนี้แหละ
“สวัสดีครับพี่อิฐ”

“สวัสดีครับ  คิดไว้แล้วหรือยัง  ว่าอยากทานอะไร”

“เอ่อ  ยังนึกไม่ออกเลยครับ แล้วแต่พี่อิฐเลยครับ”

“แล้วพี่จะรู้ได้ยังไงครับว่าเราชอบอะไร  ไม่ชอบอะไร  ให้บีนเลือกเองดีกว่านะ”

“อย่างนั้นก็  อาหารญี่ปุ่นแล้วกันครับ  ขอเป็นร้านที่เงียบๆเป็นส่วนตัวแล้วกันครับ”  เพื่อตัดปัญหา  ผมตัดสินใจบอกอาหารที่พึ่งนึกได้ว่าอยากกินไป  เอาวะอย่างน้อยก็ของฟรี  พี่อิฐก็ดูเต็มใจเลี้ยงด้วย

“โอเคครับ   อย่างนั้นเป็นร้าน...........นะ  บรรยากาศดี  หวังว่าคงจะยังไม่เต็ม” ร้านนี้แพงมากนะครับ  ผมเคยได้ยินชื่อในเน็ต 


เราเดินทางมาถึงร้านก็พบว่ายังมีโต๊ะว่างอยู่มาก  ร้านออกแนวดูเงียบๆไม่วุ่นวาย  พี่อิฐเลยขอเป็นห้องส่วนตัวเป็นห้องมิดชิด  มีโต๊ะญี่ปุ่นตั้งอยู่ตรงกลาง  ผมกับพี่เขานั่งลงตรงข้ามกันก่อนที่จะมีพนักงานเดินเลื่อนประตูเข้ามาเสิร์ฟน้ำชา

“สักครู่จะมารับออเดอร์นะคะ” พนักงานยื่นเมนูอาหารมาให้แล้วเดินออกไป 

ตายแล้วมีแต่ของแพงๆ

“หึหึ  ทำไมเห็นเมนูแล้วทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ  สั่งได้เต็มที่เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ  เหลือก็ห่อกลับไปทานที่ห้องได้”

“ครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มเขินๆ
ของแพงๆนี่ก็สั่งได้อยู่หรอกนะ  ชื่อเมนูก็มีภาษาไทยเขียนกำกับไว้อยู่  แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าไม่เคยกินสักอย่างนี่แหละ  จะมีแค่ซูชิที่อยู่หน้าหลังๆที่ว่าเคยกินมาก่อนแล้ว 

ครืดๆ  พนักงานเปิดประตูมารับออเดอร์แล้วครับ  ผมก็อาศัยดูภาพอันไหนน่ากินก็จะสั่งอันนั้นแหละ

สั่งๆไปตามเมนูตามภาพพนักงานก็เดินออกไป  ถึงเวลาที่ต้องอยู่กันสองคนอีกครั้งผมก็อดประหม่าไม่ได้  พี่อิฐแกเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดี  ดูมีภูมิฐาน  มีความเป็นผู้ใหญ่  ผมรู้นะว่าแกชอบผมเลยนัดมากินข้าวด้วยกันแต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้ผมกลัวคือนัยน์ตาของพี่แกดูแล้วแกเป็นคนดูมีแผนการซ่อนอยู่ตลอดเวลา

คนแบบนี้น่ากลัว  อ่านใจยาก

“จ้องหน้าพี่  มีอะไรติดหน้าพี่หรือเปล่าครับ”

“โอ๊ะ  เปล่าครับ” ผมเผลอจ้องหน้าพี่อิฐไปเสียนาน

“ไม่ต้องกลัวพี่นะ  พี่ไม่ทำอะไรหรอก  เมื่อวานนี้พี่ขอโทษด้วยนะครับ  ตัวเราหอมไปหน่อยพี่ก็เลยเผลอตัวจะหอมแก้ม” คนจะหอมแก้มกันนี่เขาเรียกว่าเผลอกันด้วยเหรอครับ

“ไม่ใช่ตัวผมหอมหรอกครับ  หอมน้ำยาปรับผ้านุ่มมากกว่า”

“ฮ่าๆ อย่างนั้นเองหรอกหรอ  แล้วนี่เราย้ายมาจากที่ไหนหรอ  ไอ้ไบท์มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”

“ย้ายมาจากขอนแก่นครับ”

“แล้วเรายังไม่มีแฟนจริงเหรอ” เมื่อวานก็บอกไปแล้วไงวะ

“ยังครับ   ถามทำไมหรอครับ”  จะจีบล่ะสิ  แต่พี่แกจะกล้าพูดตรงๆหรือเปล่านะ

“จะจีบไง  ให้โอกาสพี่นะครับน้องบีน  ตอนนี้พี่ก็โสดเหมือนกัน  ไม่เชื่อถามไบท์มันได้พี่กับมันค่อนข้างจะสนิทกัน  ถึงจะอายุห่างกันสิบกว่าปีก็เถอะ”

“เอ่อ  แต่ว่า”

“หืม  หรือว่าพี่แก่เกินไปครับ  เถอะนะๆ พี่ยังไม่ ๓๐ นะครับ”

“อย่างนั้นก็ดูๆกันไปก่อนแล้วกันครับ” ไม่กล้าปฏิเสธไปตรงๆครับ  ยอมรับเลยว่าเกรงใจ  ข้อเสียอีกอย่างของผมคือถ้าเจอคนที่ดูมีทั้งวัยและความคิดที่ดูแก่กว่า  มีอายุมากกว่า  ผมจะดูอ่อนลงไปเลย  ใจไม่แข็งเหมือนกันตอนอยู่กับคนที่เด็กกว่า

“ขอบคุณมากนะครับ”  ถ้าหลังจากนี้แกนัดอะไรหรืออยากพาผมไปไหนก็ค่อยๆบอกว่าไม่ว่างก็แล้วกัน  เดี๋ยวพี่แกก็คงจะเลิกสนใจผมไปเอง

หลังจากกินข้าวเสร็จพี่อิฐก็มาส่งผมที่คอนโดปกติ  ไม่มีอะไรมากและแกก็ไม่มีท่าทีว่าจะล่วงเกินผม สงสัยคงรอจังหวะที่เหมาะๆแน่ๆ ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้อยู่ดี  ขอรอดูต่อไปก่อนแล้วกัน

...............................................................................................


รายงานสังคม  พร้อมพรีเซ้นต์หน้าห้องสั่งวันอังคาร  ส่งวันศุกร์  ครูแกจะรีบไปไหนครับ 

ครูประจำวิชาให้นักเรียนจับกลุ่มกันเอง  กลุ่มละ ๔  คน ก็ได้พอดี ๑๐ กลุ่ม ๑๐ หัวข้อ  โดนผมก็ต้องเป็นตัวแทนของกลุ่มไปจับ

หัวข้อและลำดับการพรีเซ้นต์

และแจ็กพ็อตก็แตก
ผมจับได้กลุ่มที่ต้องพรีเซ้นต์กลุ่มแรก

“นี่พวกนายไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะ  รีบแบ่งเลยใครจะไปหาข้อมูลเรื่องอะไร” เด็กสามคนมองหน้าผมเหมือนกับคิดว่า  มึงไม่น่าจับได้กลุ่มแรกเลย

“กูว่าอะไรมึงไม่ได้อยู่แล้วครับบีน”  ไบท์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็มีแต่ต้องยอมๆผมไป

“กูว่าเดี๋ยวเราดูเนื้อหาก่อนแล้วค่อยแบ่ง” อดปลื้มใจไม่ได้ครับ  ที่โอ๊ตมีความเป็นผู้นำขึ้นเยอะ

“แล้วถ้าได้ข้อมูลมาแล้ว  เราจะทำยังไงต่อวะ” อ๊อฟที่นั่งดูเนื้อหาที่ได้แล้วถามขึ้นมา

“วันนี้เราแยกกันไปทำ  พรุ่งนี้เอาเนื่อหามารวมเป็นรายงาน   แล้ววันศุกร์เราไปซ้อมพรีเซ้นต์ด้วยกัน”  โอ๊ตนั่งบอกแผนการทำงานของกลุ่มเรา

“จะไปซ้อมที่ไหนดีวะมึง” 
ผมฟังเด็กๆมันแบ่งงานกัน  แล้วสามคนนั้นก็มองมาที่ผม 

“ห้องมึงได้ไหมบีน”  อ๊อฟถามเชิงขออนุญาต

“เอาเป็นบ้านกูดีกว่า  บ้านกูมีห้องฉายโปรเจคเตอร์  วันพฤหัสไปค้างบ้านกูกัน  โอเคนะ  งานที่แบ่งก็ตามนี้  พรุ่งนี้หอบโน๊ตบุ๊คมาด้วยทุกคน”




เย็นวันพฤหัสบดีผมกับเพื่อนก็มาถึงบ้านโอ๊ตที่ไม่ได้มาสองสามเดือนได้ 

วันนี้จะเจอคุณบิ๊กไหมนะ  ปกติมาเจอแต่คุณปู่กับคุณย่าและก็พวกแม่บ้าน

“อ้าวมาแล้วเหรอโอ๊ต”

“สวัสดีครับคุณย่า” 
พวกผมสามคนเดินเข้าไปในโถงบ้านก็เจอกับคุณย่าของโอ๊ตที่นั่งดูทีวีจอใหญ่อยู่พอดี

“สวัสดีจ้ะเด็กๆ  ทานอะไรกันมาหรือยัง  มาๆมานั่งกับย่าก่อนนะเด็กๆ  เดี๋ยวย่าบอกให้แม่บ้านไปเอาของว่างมาให้”

“ขอบคุณมากครับคุณย่า  เดี๋ยวโอ๊ตพาเพื่อนไปทำงานข้างบนห้องก่อนดีกว่า  แล้วอีกสักชั่วโมงถ้าได้เวลาทานข้าวเย็นค่อยขึ้นไปเรียกพวกผมก็ได้ครับ”  แหม  ทำไมโอ๊ตอยู่กับครอบครัวมันดูสุภาพจัง

พวกผมขึ้นไปข้างบนห้องนอนโอ๊ตก็แยกย้ายกันหาที่นั่งทำงาน

“ที่นั่งมีเยอะแยะนะโอ๊ต  ห้องก็กว้างมาเบียดทำไม”

“กูแค่จะมาดูงานของมึง  เสร็จยัง”

“เสร็จแล้ว  นี่ตรวจอยู่จะได้เอาไปรวมกัน  ว่าแต่ของนายเถอะ  พาวเวอร์พ้อยที่จะพรีเซ้นต์น่ะเสร็จยัง”

“เสร็จแล้ว  ก็เลยมากวนมึงได้ไง  อากาศหนาวขอกอดหน่อยสิวะ”

“เฮ้ย  ไม่เอาอายเพื่อน  ปล่อย” โอ๊ตไม่แค่จะกอด  แต่เหมือนน้องมันจะตะครุบตัวผมเหมือนหยื่อ

“เฮ้ย  ไอ้โอ๊ต   มึงมาแก้หน้าพรีเซ้นต์หน้านี้เลย  เลิกกวนไอ้บีนมันได้แล้ว” ไบท์เรียกโอ๊ตไปแก้งานได้ถูกเวลาพอดี


ก๊อกๆ

แกรก


อุ่ย

คุณบิ๊ก 

ทำอะไรไม่ถูกครับ  ได้แค่ยกมือไหว้หน้าตื่นๆ  ปกติเจอกันแค่คอนโด  อยู่ที่บ้านน้องโอ๊ตไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่

“สวัสดีครับคุณอา”  สองคนนั้นยกมือไหว้

“ พาเพื่อนๆไปทานข้าวกันได้แล้วโอ๊ต  คุณย่าให้มา”

“ครับ  เดี๋ยวผมลงไป”

คุณบิ๊กหันหลังกลับจะเดินออกจากห้องไปก็ไม่วายยิ้มเล็กๆให้ผม    เดี๋ยวความก็แตกกันพอดี

หลังจากทานข้าวกันเสร็จพวกผมก็ย้ายห้องทำงานมาที่ห้องทำงานของคุณบิ๊กที่มีโปรเจคเตอร์  คุณอาก็ไม่วายมาป้วนเปี้ยนช่วยหลานชายต่ออุปกรณ์  ก่อนโอ๊ตจะบอกว่าที่เหลือจัดการเองได้จึงยอมออกไป  ดูไปแล้วความสัมพันธ์ของอากับหลานคู่นี้ก็ไม่ได้ห่างเหินกันมากนะครับ  อาจเป็นเพราะคุณบิ๊กแกคงไม่ได้มีเวลามาดูแลน้องโอ๊ตมากกว่า

พวกเราใช้เวลาซ้อมพรีเซ้นต์งานที่ใช้เวลาพรีเซ้นต์จริงแค่สิบนาทีและยังไม่รวมตอบคำถามเพื่อนอีกห้านาที  เกือบชั่วโมงครึ่ง   ซ้อมหลายๆรอบจนพอใจกันทั้งสี่คนก็ถึงเวลาอาบน้ำเข้านอนกัน 

“แล้วจะให้พวกกูนอนไหนวะ” อ๊อฟถามโอ๊ตขณะที่เรากำลังเก็บคอมเข้ากระเป๋า

“เตรียมห้องไว้แล้ว  เดี๋ยวแม่บ้านกำลังจะมา  ส่วนมึงนอนกับกูนะบีน” ผมไม่รอดหรอกครับ  ตามที่คิดไว้มาก่อนหน้านี้

“คุณหนูขา  พี่ต้องขอโทษ  พี่ลืมทำความสะอาดห้องรับแขกค่ะ”

“อ้าวพี่แป้ง  ผมบอกล่วงหน้าสองวันแล้วนะ”

“พี่ขอโทษจริงๆค่ะ  เดี๋ยวพี่จะรีบไปทำไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เสร็จค่ะ”

“เออๆไม่เป็นไรโอ๊ต  เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกผมนอนรวมกันที่ห้องโอ๊ตก็ได้ครับ ”  ผมเสนอวิธีแก้ปัญหาไป

“เอาอย่างนั้นก็ได้  นอนรวมกันสนุกดีๆ” ไบท์สนับสนุนความคิดผม

“แต่ว่า”

“ไม่มีแต่”  ผมพูดขึ้นพร้อมมองหน้าไปที่โอ๊ตเชิงบอกว่าห้ามเถียง

“เดี๋ยวพี่แป้งไปเอาหมอน  ผ้าห่มกับเบาะปูนอนมาให้คุณหนูนะคะ” 

แม่บ้านที่ชื่อแป้งรีบไปเอาอุปกรณ์หมอนผ้าห่มมาให้พวกผม  ในขณะนั้นผมก็เข้าคิวกันอาบน้ำโดยอ๊อฟมันเข้าไปอาบก่อน  ส่วนโอ๊ตขออาบคนสุดท้ายแล้วก็ลงไปที่ฟิตเนส  สงสัยไปออกกำลังกาย  ในห้องเลยเหลือแค่ผมกับไบท์สองคน

“เมื่อวานเป็นยังไงบ้างวะมึง”  ไบท์ก็ใช้โอกาสนี้ถามเรื่องผมกับพี่อิฐ

“ก็ไม่มีอะไร  กินข้าวกันเฉยๆ  เออจริง  แต่พี่อิฐเขาบอกว่าจะจีบเรานะไบท์”

“กูว่าแล้วไง  พี่กูแม่งหัวงูเห็นเด็กเป็นไม่ได้  ปกติมันไม่ได้เป็นแบบนี้นะมึง  เห็นคบแต่กับคนที่อ่อนกว่ากันไม่มาก”
ถ้านับจริงๆ พี่อิฐก็แก่กว่าผมแค่ห้าหกปีเองหรอก  เฮ้อ  “แล้วมึงตอบมันว่ายังไงวะ  ตอนที่มันบอกจะจีบ”

“ก็บอกว่าดูๆไปก่อน  เราไม่กล้าปฏิเสธวะไบท์  อยู่ๆก็เกรงใจขึ้นมา  ข้าวฟรีด้วยยิ่งไปกันใหญ่”

“เออๆ เดี๋ยวกูบอกมันเองว่าไม่ให้ทำอะไรมึงมาก  แล้วนี่ถ้าไอ้โอ๊ตมันรู้เข้าจะทำยังไงวะ”

“ไม่รู้สิ  ตอนนี้คิดไม่ออก  เอาว่าสนใจเรื่องเรียนกันดีกว่าแล้วกัน  เดี๋ยวเรื่องนี้เราว่าเราจัดการได้”  ผมตอบไบท์ไปอย่างมั่นใจ  แต่ก็จริงว่าตอนนี้ผมมั่นใจว่าน้องโอ๊ตมันก็ชอบผม  พี่อิฐก็ชอบผม  เอาแล้วไง  งานหนักมาอีกแล้ว

...........................................................................................

“โอ๊ตก็นอนบนเตียงคนเดียวเลย  เดี๋ยวเราสามคนจะนอนข้างล่างเอง”

“เออจริง  มึงเป็นเจ้าของเตียงก็นอนเถอะ”

“บีนมันก็บอกแล้วว่ามันไม่ชินที่  กว่าจะนอนหลับคงดิ้นไปดิ้นมา  เดี๋ยวจะกวนมึงเปล่าๆให้มันนอนข้างล่างกับกูที่แหละ  พี่แป้งแกอุตส่าห์เข้ามาปูให้ซะกว้าง” ไบท์พูดจบก็นอนแล้วห่มผ้าเตรียมตัวหลับ

“แต่เตียงกูกว้างนะมึง  นะๆบีน  มึงขึ้นมานอนเป็นเพื่อนกูเถอะ” โอ๊ตอ้อนผมดูวุ่นวายไม่เลิก  ผมส่ายหน้าขี้เกียจต่อปากต่อคำ

“นอนๆ เหนื่อยแล้ว  เฮ้ยๆแล้วนี่ลงมาทำไม”  ผมกำลังจะห่มผ้านอนแต่โอ๊ตก็ลงจากเตียงมานอนเบียดข้างๆผม

“กูว่าเอาแบบนี้  ไอ้ไบท์ ไอ้อ๊อฟมึงไปนอนข้างบนเตียง  ส่วนกูกับบีนจะนอนข้างล่างเอง”

“มากเรื่องนะมึง  เห็นว่าเป็นบ้านมึงหรอกนะ  ไปๆไบท์ขึ้นไปนอนเตียงมัน  มันจะได้จู๋จี๋กับบีน” อ้าวทำไมอ๊อฟมันว่าง่ายขึ้นมาล่ะ

“เฮ้ยไปหมดเลยหรอ”

“จะกลัวอะไรบีน  เดี๋ยวโอ๊ตไปปิดไฟก่อนนะ” โอ๊ตมันลุกขึ้นไปปิดไฟก่อนจะลงมานอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวผมกับน้องมันไว้แล้วดึงผมไปกอดแน่นๆ แน่นจริง

“กอดแน่นไปโอ๊ต  ปล่อย”

“ไม่ปล่อย ”

“อย่างนั้นก็คลายออกหน่อย  อย่ากอดแน่นสิ”

“ได้แต่หันหน้ามาก่อน”

“หันไปทำไม  แล้วอย่าทำอะไรเรานะเดี๋ยวเพื่อนเห็น”

“เออน่า  พวกมันหลับเร็วจะตายหันมาก่อน”


ผมก็พลิกตัวหันไป  น้องมันก็คลายกอดออกจริงๆครับ  แต่


อุ๊บ


ไอ้โอ๊ต

โอ๊ตมันจูบผม  น้องมันจูบผม  ผมพยายามเม้มริมฝีปากไว้แต่ต้านไม่ไหวครับ  โอ๊ตใช้ลิ้นเข้ามาเลียลิ้นผมพร้อมกับขบปากเบาๆ ก็ไม่ได้ห่วยเหมือนที่อีกี้บอกนี่นา  แต่เดี๋ยวนะผมที่นึกไปถึงเรื่องที่กี้บอกว่าโอ๊ตห่วยเรื่องนี้จนลืมตัวจูบตอบโอ๊ตไปด้วย  เด็กมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผมด้วย  เราจูบกันจนอิ่มน้องมันก็ถอนปากออกก่อนจะจูบที่หน้าผากผมอีกครั้ง  ดึงผมเข้าไปกอด  ก่อนบอกกับผมว่า

 “นอนเถอะ” 


หน้าผมที่ซุกอยู่กับอกของโอ๊ต  ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ครับว่าตัวผมเองยิ้มที่มุมปากเล็กๆ


โอ๊ตเลิกเสื้อที่หลังผมขึ้นแล้วเอามือลูบหลังเบาๆกล่อมผมนอน

นี่ผมมาให้หลานเจ้านายกอดถึงบ้านเขาเลยหรือนี่

เขาจ้างมาให้ดูแล

หรือว่าผมดูแลดีเกินไปหรือเปล่านะ


...


บีนมีคนมาชอบอีกแล้วนะทุกคน  เอายังไงดีน้อ  แล้วพี่อิฐนี่จะมาดีหรือเปล่า
โอ๊ตนี่จะจัดการยังไงดี  เด็กมันดื้อเงียบบอกไม่ฟังเหมือนจะติดใจบีนไปซะแล้ว
และคุณบิ๊กล่ะ  นานๆทีออกมา  ออกมาก็มานิดเดียว  ฮ่าๆ  แต่ก็ยังมีคนเชียร์บิ๊กบีนอยู่  คุณบิ๊กนี่แฟนคลับเยอะจริง :ling1:


...


สวัสดีนักอ่านทุกคนนะครับ
วันนี้คนเขียนมาดึกๆ หวังว่าจะยังมีคนอ่านเรื่องนี้อยู่นะ  เราหายไปเป็นอาทิตย์เลย  ต้องขอโทษด้วยนะครับ
งานยุ่งเดินทางบ่อยไม่ได้เอาคอมไปด้วย  ยังไงก็อยากให้ติดตามกันตลอดนะ  เนื้อเรื่องสบายๆ ไม่มีดราม่าอีกหรอกม้างงงงง

 :katai2-1:ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันทุกคนนะครับ  เดี๋ยวจะรออ่านคอมเม้นของเพื่อนๆนะ  คิดเห็นอย่างไรอยากด่าคนเขียน  ชมหรือเชียร์ใครในเรื่องก็ตอบกันมาได้เลย  คืนนี้ฝันดีจ้า :mew1:
 :mew1:



ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
บอกทีว่าใครเป็นพระเอก  :mew1:
 :katai3:  เสน่ห์แรงเหลือเกินค่ะคุณน้องบีนขา เรายังเชียร์โอ้ตอยู่นะ อยากให้บีนเป็นอมตะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด