ตอนที่ ๑๙
วันอาทิตย์ คือ วันพักผ่อน
แต่วันอาทิตย์ของผมนี่มัน
“โอ๊ต เมื่อไหร่จะให้ลุงชัยแกมารับหรอ นี่ก็จะเที่ยงแล้วนะ”
ผมเดินไปเขย่าตัวเด็กม.๕ ที่นอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“เออน่า เดี๋ยวเย็นๆโน่นแหละ กูอยากอยู่กับมึงนานๆว่ะ ”
“พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอยู่แล้ว ลุกไปล้างหน้าล้างตาไป เดี๋ยวบีนจะถอดปอกหมอนไปซัก ไปๆ”
ผมจัดการทำความสะอาดห้องนอนเสร็จ เด็กตัวโตก็เดินออกมากจากห้องน้ำ พันผ้าขนหนูปิดท่อนล่างไว้ตัวเดียว มือก็ถือเสื้อที่ใส่นอนเมื่อคืน
“มีเสื้อให้กูยืมไหมบีน”
“เดี๋ยวบีนไปเอาให้แล้วกัน” เด็กบ้าอะไรว่ะหุ่นดีชะมัด ถึงผมจะเคยเห็นมาแล้วก็เถอะแต่มันก็อดหน้าร้อนไม่ได้เมื่อมาอยู่กันสองต่อสอง
เอ ไอ้เสื้อตัวใหญ่ๆอยู่ไหนนะ อยู่ชั้นข้างบนแน่นอน ผมเขย่งเท้าขึ้นเพื่อเอื้อมมือไปหยิบเสื้อจากชั้นบนของตู้เสื้อผ้า แต่พยายามเอื้อมก็เอื้อมไม่ถึง
“มานี่เดี๋ยวหยิบให้”
“เออดี แต่นี่ให้บีนออกไปก่อนสิ อย่าดัน” โอ๊ตที่โผล่พร้อมกับดันตัวมันเองเข้าข้างหลังผมมือซ้ายมันกอดผมไว้ ส่วนมือขวาเอื้อมไปดึงเสื้อด้านบนและเสื้อที่มีอยู่ห้าหกตัวก็ตกลงมาใส่หน้าพวกผม
“ดึงแรง เสื้อตกหมดเลย เลือกเอาแล้วกันนะ แล้วนี่กางเกงหัวยืด คงใส่ได้นะ”
“ขอบใจว่ะ”
...................................................................................................
“บีน บีน”
“อะไรโอ๊ต ” ผมยืนล้างจานข้าวที่โอ๊ตใช้กินข้าวเที่ยงไปเมื่อกี้ สงสัยต้องหัดให้น้องมันล้างจานบ้างแล้วล่ะ
“มีคนโทรมา ไม่มีชื่อว่ะ เบอร์แปลกเดี๋ยวกูรับให้นะ”
“อ่ะ ไม่ต้องล้างเสร็จพอดี ”
ผมวิ่งจากครัวไปหยิบมือถือ เอ๊ะเบอร์ใครวะ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ”
“ขอสายใครครับ”
“ก็คนที่พูดอยู่ไง”
“นี่ใครครับ” ผมถามไปเพราะสงสัย นอกจากเพื่อนๆก็ไม่มีใครรู้จักเบอร์นี้แล้วนะ
“จำพี่ไม่ได้หรอครับน้องบีน เมื่อคืนพี่ยังทายาให้อยู่เลย”
อ่อ พี่อิฐ แต่เอ๊ะ พี่แกเอาเบอร์มาจากไหน แต่ก่อนที่ผมจะถามกลับไป ผมก็เดินเลี่ยงจากโอ๊ตที่นั่งดูทีวีเพลินๆอยู่เข้ามาคุยในห้องนอน
“พี่เอาเบอร์มาจากไหนครับ ใครให้”
“ไม่ต้องรู้หรอกครับ ว่าแต่เราทำอะไรอยู่หรอ จะรบกวนหรือเปล่าถ้าพี่จะชวนไปทานข้าวด้วยเย็นนี้ ” นี่ถ้าให้เดาคงเป็นไบท์แน่นอนที่ให้เบอร์ผมไป ผมต้องโทรไปด่ามันแล้วล่ะ
“เอ่อพี่อิฐ คือผมยังไม่ได้ทำการบ้านเลยครับ กลัวว่าถ้าออกไปข้างนอกจะเสร็จไม่ทัน”
“อ้าวหรอ ถ้ากลัวไม่ทันอย่างนั้นก็ทานแถวๆ คอนโดบีนก็ได้”
“เดี๋ยวนะพี่ พี่รู้จักคอนโดผมด้วยหรอครับ”
“รู้จักสิ”
“พี่ไปถามไบท์มันใช่ไหมครับ”
“อย่าไปว่าไบท์มันเลยครับ เอาเป็นว่าห้าโมงเย็นเดี๋ยวพี่ไปรอเราที่ข้างล่างคอนโดนะ เดี๋ยวถึงแล้วจะโทรไปหาอีกที อยากทานอะไรคิดไว้เลยครับ พี่เลี้ยง”
“เอ่อ พี่ เดี๋ยวๆๆ” ตู๊ดๆๆๆ ตัดสายไปแล้วครับ ไบท์นะไบท์
ผมกดเบอร์โทรไปหาไบท์ด้วยอาการโมโหลมออกหูทันที
“นี่ไบท์”
“เฮ้ย มึงกูขอโทษ กูไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆว่ะ แต่กูให้พี่เขาสัญญากับกูแล้วนะเว่ยว่าห้ามทำอะไรล่วงเกินมึงเด็ดขาด”
นี่ขอโทษขอโพย ร่ายยาวมาเป็นชุดขนาดนี้ก็รู้แล้วครับถึงตัวต้นเหตุ
“แล้วพี่เขาไปบังคับอะไรนายหรอไบท์”
“ก็เมื่อวานกูแอบเอาสาวมานอนที่บ้านแต่พี่อิฐแม่งเสือกจับได้สิวะ มันเลยเอาเรื่องนี้มาต่อรอง ถ้ากูไม่ให้เบอร์มึงมันจะบอกพ่อกู”
“เออเอาเถอะ” ผมล่ะเหนื่อยใจกับเด็กพวกนี้ ถ้าผมไปกินข้าวกับพี่อิฐสักมื้อก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้งนะ
“มึงไว้ใจพี่อิฐได้นะ พี่เขาไม่ทำอะไรมึงหรอก ถ้าเขาล่วงเกินมึงบอกกูได้เลยเดี๋ยวกูจัดการพี่กูให้เอง”
“แล้วนายจะไปจัดการอะไรได้วะ แต่ว่าเรื่องนี้อย่าไปบอกโอ๊ตมันนะ”
“เออๆ ได้ๆ เจอกันพรุ่งนี้มึง”
ผมวางสายไปก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้องนอนแล้วมองไปที่โอ๊ตที่หลับอยู่บนโซฟาหน้าทีวี อย่างแรกคือต้องปลุกโอ๊ตแล้วให้เด็กมันกลับบ้านไปก่อนที่พี่อิฐจะมา
“โอ๊ต ตื่นๆ กลับบ้านได้แล้ว บ่ายสองแล้ว”
“อ้าว กูเผลอหลับไปหรอวะ เดี๋ยวโทรหาลุงชัยก่อน ” โอ๊ตโทรหาลุงชัยก่อนที่จะได้ความว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะมาถึงเพราะลุงแกขับรถออกมาจากบ้านโอ๊ตก่อนหน้านี้แล้ว
ไม่นานลุงชัยก็มาถึงคอนโดผม ผมจึงเดินไปส่งโอ๊ตหน้าประตูห้องและสิ่งที่เด็กมันทำกับผมคือ
ฟอด
“ไปก่อนนะมึง เฮ้ย กูแค่หอมแก้มเฉยๆทำไมต้องหน้าแดงว่ะ” หอมแก้มนี่เป็นเรื่องปกติหรอกหรอ มันใช้คำว่า เฉยๆ
“เปล่าซะหน่อย รีบไปเลย” ผมรีบปิดประตูแล้ววิ่งไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองในห้องน้ำ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย ผมหน้าแดงจริงๆ
...
“เสร็จหรือยังครับน้องบีน”
ผมยืนส่องกระจก สำรวจดูเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองพี่อิฐก็โทรเข้ามาหาพอดี
“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
ผมเดินลงไปหน้าคอนโดก็เจอกับรถยุโรปคันหรูบีบแตรส่งสัญญาณให้ผม คงเป็นคนนี้แหละ
“สวัสดีครับพี่อิฐ”
“สวัสดีครับ คิดไว้แล้วหรือยัง ว่าอยากทานอะไร”
“เอ่อ ยังนึกไม่ออกเลยครับ แล้วแต่พี่อิฐเลยครับ”
“แล้วพี่จะรู้ได้ยังไงครับว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ให้บีนเลือกเองดีกว่านะ”
“อย่างนั้นก็ อาหารญี่ปุ่นแล้วกันครับ ขอเป็นร้านที่เงียบๆเป็นส่วนตัวแล้วกันครับ” เพื่อตัดปัญหา ผมตัดสินใจบอกอาหารที่พึ่งนึกได้ว่าอยากกินไป เอาวะอย่างน้อยก็ของฟรี พี่อิฐก็ดูเต็มใจเลี้ยงด้วย
“โอเคครับ อย่างนั้นเป็นร้าน...........นะ บรรยากาศดี หวังว่าคงจะยังไม่เต็ม” ร้านนี้แพงมากนะครับ ผมเคยได้ยินชื่อในเน็ต
เราเดินทางมาถึงร้านก็พบว่ายังมีโต๊ะว่างอยู่มาก ร้านออกแนวดูเงียบๆไม่วุ่นวาย พี่อิฐเลยขอเป็นห้องส่วนตัวเป็นห้องมิดชิด มีโต๊ะญี่ปุ่นตั้งอยู่ตรงกลาง ผมกับพี่เขานั่งลงตรงข้ามกันก่อนที่จะมีพนักงานเดินเลื่อนประตูเข้ามาเสิร์ฟน้ำชา
“สักครู่จะมารับออเดอร์นะคะ” พนักงานยื่นเมนูอาหารมาให้แล้วเดินออกไป
ตายแล้วมีแต่ของแพงๆ
“หึหึ ทำไมเห็นเมนูแล้วทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ สั่งได้เต็มที่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เหลือก็ห่อกลับไปทานที่ห้องได้”
“ครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มเขินๆ
ของแพงๆนี่ก็สั่งได้อยู่หรอกนะ ชื่อเมนูก็มีภาษาไทยเขียนกำกับไว้อยู่ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าไม่เคยกินสักอย่างนี่แหละ จะมีแค่ซูชิที่อยู่หน้าหลังๆที่ว่าเคยกินมาก่อนแล้ว
ครืดๆ พนักงานเปิดประตูมารับออเดอร์แล้วครับ ผมก็อาศัยดูภาพอันไหนน่ากินก็จะสั่งอันนั้นแหละ
สั่งๆไปตามเมนูตามภาพพนักงานก็เดินออกไป ถึงเวลาที่ต้องอยู่กันสองคนอีกครั้งผมก็อดประหม่าไม่ได้ พี่อิฐแกเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดี ดูมีภูมิฐาน มีความเป็นผู้ใหญ่ ผมรู้นะว่าแกชอบผมเลยนัดมากินข้าวด้วยกันแต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้ผมกลัวคือนัยน์ตาของพี่แกดูแล้วแกเป็นคนดูมีแผนการซ่อนอยู่ตลอดเวลา
คนแบบนี้น่ากลัว อ่านใจยาก
“จ้องหน้าพี่ มีอะไรติดหน้าพี่หรือเปล่าครับ”
“โอ๊ะ เปล่าครับ” ผมเผลอจ้องหน้าพี่อิฐไปเสียนาน
“ไม่ต้องกลัวพี่นะ พี่ไม่ทำอะไรหรอก เมื่อวานนี้พี่ขอโทษด้วยนะครับ ตัวเราหอมไปหน่อยพี่ก็เลยเผลอตัวจะหอมแก้ม” คนจะหอมแก้มกันนี่เขาเรียกว่าเผลอกันด้วยเหรอครับ
“ไม่ใช่ตัวผมหอมหรอกครับ หอมน้ำยาปรับผ้านุ่มมากกว่า”
“ฮ่าๆ อย่างนั้นเองหรอกหรอ แล้วนี่เราย้ายมาจากที่ไหนหรอ ไอ้ไบท์มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”
“ย้ายมาจากขอนแก่นครับ”
“แล้วเรายังไม่มีแฟนจริงเหรอ” เมื่อวานก็บอกไปแล้วไงวะ
“ยังครับ ถามทำไมหรอครับ” จะจีบล่ะสิ แต่พี่แกจะกล้าพูดตรงๆหรือเปล่านะ
“จะจีบไง ให้โอกาสพี่นะครับน้องบีน ตอนนี้พี่ก็โสดเหมือนกัน ไม่เชื่อถามไบท์มันได้พี่กับมันค่อนข้างจะสนิทกัน ถึงจะอายุห่างกันสิบกว่าปีก็เถอะ”
“เอ่อ แต่ว่า”
“หืม หรือว่าพี่แก่เกินไปครับ เถอะนะๆ พี่ยังไม่ ๓๐ นะครับ”
“อย่างนั้นก็ดูๆกันไปก่อนแล้วกันครับ” ไม่กล้าปฏิเสธไปตรงๆครับ ยอมรับเลยว่าเกรงใจ ข้อเสียอีกอย่างของผมคือถ้าเจอคนที่ดูมีทั้งวัยและความคิดที่ดูแก่กว่า มีอายุมากกว่า ผมจะดูอ่อนลงไปเลย ใจไม่แข็งเหมือนกันตอนอยู่กับคนที่เด็กกว่า
“ขอบคุณมากนะครับ” ถ้าหลังจากนี้แกนัดอะไรหรืออยากพาผมไปไหนก็ค่อยๆบอกว่าไม่ว่างก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่แกก็คงจะเลิกสนใจผมไปเอง
หลังจากกินข้าวเสร็จพี่อิฐก็มาส่งผมที่คอนโดปกติ ไม่มีอะไรมากและแกก็ไม่มีท่าทีว่าจะล่วงเกินผม สงสัยคงรอจังหวะที่เหมาะๆแน่ๆ ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้อยู่ดี ขอรอดูต่อไปก่อนแล้วกัน
...............................................................................................
รายงานสังคม พร้อมพรีเซ้นต์หน้าห้องสั่งวันอังคาร ส่งวันศุกร์ ครูแกจะรีบไปไหนครับ
ครูประจำวิชาให้นักเรียนจับกลุ่มกันเอง กลุ่มละ ๔ คน ก็ได้พอดี ๑๐ กลุ่ม ๑๐ หัวข้อ โดนผมก็ต้องเป็นตัวแทนของกลุ่มไปจับ
หัวข้อและลำดับการพรีเซ้นต์
และแจ็กพ็อตก็แตก
ผมจับได้กลุ่มที่ต้องพรีเซ้นต์กลุ่มแรก
“นี่พวกนายไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะ รีบแบ่งเลยใครจะไปหาข้อมูลเรื่องอะไร” เด็กสามคนมองหน้าผมเหมือนกับคิดว่า มึงไม่น่าจับได้กลุ่มแรกเลย
“กูว่าอะไรมึงไม่ได้อยู่แล้วครับบีน” ไบท์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็มีแต่ต้องยอมๆผมไป
“กูว่าเดี๋ยวเราดูเนื้อหาก่อนแล้วค่อยแบ่ง” อดปลื้มใจไม่ได้ครับ ที่โอ๊ตมีความเป็นผู้นำขึ้นเยอะ
“แล้วถ้าได้ข้อมูลมาแล้ว เราจะทำยังไงต่อวะ” อ๊อฟที่นั่งดูเนื้อหาที่ได้แล้วถามขึ้นมา
“วันนี้เราแยกกันไปทำ พรุ่งนี้เอาเนื่อหามารวมเป็นรายงาน แล้ววันศุกร์เราไปซ้อมพรีเซ้นต์ด้วยกัน” โอ๊ตนั่งบอกแผนการทำงานของกลุ่มเรา
“จะไปซ้อมที่ไหนดีวะมึง”
ผมฟังเด็กๆมันแบ่งงานกัน แล้วสามคนนั้นก็มองมาที่ผม
“ห้องมึงได้ไหมบีน” อ๊อฟถามเชิงขออนุญาต
“เอาเป็นบ้านกูดีกว่า บ้านกูมีห้องฉายโปรเจคเตอร์ วันพฤหัสไปค้างบ้านกูกัน โอเคนะ งานที่แบ่งก็ตามนี้ พรุ่งนี้หอบโน๊ตบุ๊คมาด้วยทุกคน”
เย็นวันพฤหัสบดีผมกับเพื่อนก็มาถึงบ้านโอ๊ตที่ไม่ได้มาสองสามเดือนได้
วันนี้จะเจอคุณบิ๊กไหมนะ ปกติมาเจอแต่คุณปู่กับคุณย่าและก็พวกแม่บ้าน
“อ้าวมาแล้วเหรอโอ๊ต”
“สวัสดีครับคุณย่า”
พวกผมสามคนเดินเข้าไปในโถงบ้านก็เจอกับคุณย่าของโอ๊ตที่นั่งดูทีวีจอใหญ่อยู่พอดี
“สวัสดีจ้ะเด็กๆ ทานอะไรกันมาหรือยัง มาๆมานั่งกับย่าก่อนนะเด็กๆ เดี๋ยวย่าบอกให้แม่บ้านไปเอาของว่างมาให้”
“ขอบคุณมากครับคุณย่า เดี๋ยวโอ๊ตพาเพื่อนไปทำงานข้างบนห้องก่อนดีกว่า แล้วอีกสักชั่วโมงถ้าได้เวลาทานข้าวเย็นค่อยขึ้นไปเรียกพวกผมก็ได้ครับ” แหม ทำไมโอ๊ตอยู่กับครอบครัวมันดูสุภาพจัง
พวกผมขึ้นไปข้างบนห้องนอนโอ๊ตก็แยกย้ายกันหาที่นั่งทำงาน
“ที่นั่งมีเยอะแยะนะโอ๊ต ห้องก็กว้างมาเบียดทำไม”
“กูแค่จะมาดูงานของมึง เสร็จยัง”
“เสร็จแล้ว นี่ตรวจอยู่จะได้เอาไปรวมกัน ว่าแต่ของนายเถอะ พาวเวอร์พ้อยที่จะพรีเซ้นต์น่ะเสร็จยัง”
“เสร็จแล้ว ก็เลยมากวนมึงได้ไง อากาศหนาวขอกอดหน่อยสิวะ”
“เฮ้ย ไม่เอาอายเพื่อน ปล่อย” โอ๊ตไม่แค่จะกอด แต่เหมือนน้องมันจะตะครุบตัวผมเหมือนหยื่อ
“เฮ้ย ไอ้โอ๊ต มึงมาแก้หน้าพรีเซ้นต์หน้านี้เลย เลิกกวนไอ้บีนมันได้แล้ว” ไบท์เรียกโอ๊ตไปแก้งานได้ถูกเวลาพอดี
ก๊อกๆ
แกรก
อุ่ย
คุณบิ๊ก
ทำอะไรไม่ถูกครับ ได้แค่ยกมือไหว้หน้าตื่นๆ ปกติเจอกันแค่คอนโด อยู่ที่บ้านน้องโอ๊ตไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่
“สวัสดีครับคุณอา” สองคนนั้นยกมือไหว้
“ พาเพื่อนๆไปทานข้าวกันได้แล้วโอ๊ต คุณย่าให้มา”
“ครับ เดี๋ยวผมลงไป”
คุณบิ๊กหันหลังกลับจะเดินออกจากห้องไปก็ไม่วายยิ้มเล็กๆให้ผม เดี๋ยวความก็แตกกันพอดี
หลังจากทานข้าวกันเสร็จพวกผมก็ย้ายห้องทำงานมาที่ห้องทำงานของคุณบิ๊กที่มีโปรเจคเตอร์ คุณอาก็ไม่วายมาป้วนเปี้ยนช่วยหลานชายต่ออุปกรณ์ ก่อนโอ๊ตจะบอกว่าที่เหลือจัดการเองได้จึงยอมออกไป ดูไปแล้วความสัมพันธ์ของอากับหลานคู่นี้ก็ไม่ได้ห่างเหินกันมากนะครับ อาจเป็นเพราะคุณบิ๊กแกคงไม่ได้มีเวลามาดูแลน้องโอ๊ตมากกว่า
พวกเราใช้เวลาซ้อมพรีเซ้นต์งานที่ใช้เวลาพรีเซ้นต์จริงแค่สิบนาทีและยังไม่รวมตอบคำถามเพื่อนอีกห้านาที เกือบชั่วโมงครึ่ง ซ้อมหลายๆรอบจนพอใจกันทั้งสี่คนก็ถึงเวลาอาบน้ำเข้านอนกัน
“แล้วจะให้พวกกูนอนไหนวะ” อ๊อฟถามโอ๊ตขณะที่เรากำลังเก็บคอมเข้ากระเป๋า
“เตรียมห้องไว้แล้ว เดี๋ยวแม่บ้านกำลังจะมา ส่วนมึงนอนกับกูนะบีน” ผมไม่รอดหรอกครับ ตามที่คิดไว้มาก่อนหน้านี้
“คุณหนูขา พี่ต้องขอโทษ พี่ลืมทำความสะอาดห้องรับแขกค่ะ”
“อ้าวพี่แป้ง ผมบอกล่วงหน้าสองวันแล้วนะ”
“พี่ขอโทษจริงๆค่ะ เดี๋ยวพี่จะรีบไปทำไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เสร็จค่ะ”
“เออๆไม่เป็นไรโอ๊ต เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกผมนอนรวมกันที่ห้องโอ๊ตก็ได้ครับ ” ผมเสนอวิธีแก้ปัญหาไป
“เอาอย่างนั้นก็ได้ นอนรวมกันสนุกดีๆ” ไบท์สนับสนุนความคิดผม
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่” ผมพูดขึ้นพร้อมมองหน้าไปที่โอ๊ตเชิงบอกว่าห้ามเถียง
“เดี๋ยวพี่แป้งไปเอาหมอน ผ้าห่มกับเบาะปูนอนมาให้คุณหนูนะคะ”
แม่บ้านที่ชื่อแป้งรีบไปเอาอุปกรณ์หมอนผ้าห่มมาให้พวกผม ในขณะนั้นผมก็เข้าคิวกันอาบน้ำโดยอ๊อฟมันเข้าไปอาบก่อน ส่วนโอ๊ตขออาบคนสุดท้ายแล้วก็ลงไปที่ฟิตเนส สงสัยไปออกกำลังกาย ในห้องเลยเหลือแค่ผมกับไบท์สองคน
“เมื่อวานเป็นยังไงบ้างวะมึง” ไบท์ก็ใช้โอกาสนี้ถามเรื่องผมกับพี่อิฐ
“ก็ไม่มีอะไร กินข้าวกันเฉยๆ เออจริง แต่พี่อิฐเขาบอกว่าจะจีบเรานะไบท์”
“กูว่าแล้วไง พี่กูแม่งหัวงูเห็นเด็กเป็นไม่ได้ ปกติมันไม่ได้เป็นแบบนี้นะมึง เห็นคบแต่กับคนที่อ่อนกว่ากันไม่มาก”
ถ้านับจริงๆ พี่อิฐก็แก่กว่าผมแค่ห้าหกปีเองหรอก เฮ้อ “แล้วมึงตอบมันว่ายังไงวะ ตอนที่มันบอกจะจีบ”
“ก็บอกว่าดูๆไปก่อน เราไม่กล้าปฏิเสธวะไบท์ อยู่ๆก็เกรงใจขึ้นมา ข้าวฟรีด้วยยิ่งไปกันใหญ่”
“เออๆ เดี๋ยวกูบอกมันเองว่าไม่ให้ทำอะไรมึงมาก แล้วนี่ถ้าไอ้โอ๊ตมันรู้เข้าจะทำยังไงวะ”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้คิดไม่ออก เอาว่าสนใจเรื่องเรียนกันดีกว่าแล้วกัน เดี๋ยวเรื่องนี้เราว่าเราจัดการได้” ผมตอบไบท์ไปอย่างมั่นใจ แต่ก็จริงว่าตอนนี้ผมมั่นใจว่าน้องโอ๊ตมันก็ชอบผม พี่อิฐก็ชอบผม เอาแล้วไง งานหนักมาอีกแล้ว
...........................................................................................
“โอ๊ตก็นอนบนเตียงคนเดียวเลย เดี๋ยวเราสามคนจะนอนข้างล่างเอง”
“เออจริง มึงเป็นเจ้าของเตียงก็นอนเถอะ”
“บีนมันก็บอกแล้วว่ามันไม่ชินที่ กว่าจะนอนหลับคงดิ้นไปดิ้นมา เดี๋ยวจะกวนมึงเปล่าๆให้มันนอนข้างล่างกับกูที่แหละ พี่แป้งแกอุตส่าห์เข้ามาปูให้ซะกว้าง” ไบท์พูดจบก็นอนแล้วห่มผ้าเตรียมตัวหลับ
“แต่เตียงกูกว้างนะมึง นะๆบีน มึงขึ้นมานอนเป็นเพื่อนกูเถอะ” โอ๊ตอ้อนผมดูวุ่นวายไม่เลิก ผมส่ายหน้าขี้เกียจต่อปากต่อคำ
“นอนๆ เหนื่อยแล้ว เฮ้ยๆแล้วนี่ลงมาทำไม” ผมกำลังจะห่มผ้านอนแต่โอ๊ตก็ลงจากเตียงมานอนเบียดข้างๆผม
“กูว่าเอาแบบนี้ ไอ้ไบท์ ไอ้อ๊อฟมึงไปนอนข้างบนเตียง ส่วนกูกับบีนจะนอนข้างล่างเอง”
“มากเรื่องนะมึง เห็นว่าเป็นบ้านมึงหรอกนะ ไปๆไบท์ขึ้นไปนอนเตียงมัน มันจะได้จู๋จี๋กับบีน” อ้าวทำไมอ๊อฟมันว่าง่ายขึ้นมาล่ะ
“เฮ้ยไปหมดเลยหรอ”
“จะกลัวอะไรบีน เดี๋ยวโอ๊ตไปปิดไฟก่อนนะ” โอ๊ตมันลุกขึ้นไปปิดไฟก่อนจะลงมานอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวผมกับน้องมันไว้แล้วดึงผมไปกอดแน่นๆ แน่นจริง
“กอดแน่นไปโอ๊ต ปล่อย”
“ไม่ปล่อย ”
“อย่างนั้นก็คลายออกหน่อย อย่ากอดแน่นสิ”
“ได้แต่หันหน้ามาก่อน”
“หันไปทำไม แล้วอย่าทำอะไรเรานะเดี๋ยวเพื่อนเห็น”
“เออน่า พวกมันหลับเร็วจะตายหันมาก่อน”
ผมก็พลิกตัวหันไป น้องมันก็คลายกอดออกจริงๆครับ แต่
อุ๊บ
ไอ้โอ๊ต
โอ๊ตมันจูบผม น้องมันจูบผม ผมพยายามเม้มริมฝีปากไว้แต่ต้านไม่ไหวครับ โอ๊ตใช้ลิ้นเข้ามาเลียลิ้นผมพร้อมกับขบปากเบาๆ ก็ไม่ได้ห่วยเหมือนที่อีกี้บอกนี่นา แต่เดี๋ยวนะผมที่นึกไปถึงเรื่องที่กี้บอกว่าโอ๊ตห่วยเรื่องนี้จนลืมตัวจูบตอบโอ๊ตไปด้วย เด็กมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผมด้วย เราจูบกันจนอิ่มน้องมันก็ถอนปากออกก่อนจะจูบที่หน้าผากผมอีกครั้ง ดึงผมเข้าไปกอด ก่อนบอกกับผมว่า
“นอนเถอะ”
หน้าผมที่ซุกอยู่กับอกของโอ๊ต ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ครับว่าตัวผมเองยิ้มที่มุมปากเล็กๆ
โอ๊ตเลิกเสื้อที่หลังผมขึ้นแล้วเอามือลูบหลังเบาๆกล่อมผมนอน
นี่ผมมาให้หลานเจ้านายกอดถึงบ้านเขาเลยหรือนี่
เขาจ้างมาให้ดูแล
หรือว่าผมดูแลดีเกินไปหรือเปล่านะ
...
บีนมีคนมาชอบอีกแล้วนะทุกคน เอายังไงดีน้อ แล้วพี่อิฐนี่จะมาดีหรือเปล่า
โอ๊ตนี่จะจัดการยังไงดี เด็กมันดื้อเงียบบอกไม่ฟังเหมือนจะติดใจบีนไปซะแล้ว
และคุณบิ๊กล่ะ นานๆทีออกมา ออกมาก็มานิดเดียว ฮ่าๆ แต่ก็ยังมีคนเชียร์บิ๊กบีนอยู่ คุณบิ๊กนี่แฟนคลับเยอะจริง
...
สวัสดีนักอ่านทุกคนนะครับ
วันนี้คนเขียนมาดึกๆ หวังว่าจะยังมีคนอ่านเรื่องนี้อยู่นะ เราหายไปเป็นอาทิตย์เลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ
งานยุ่งเดินทางบ่อยไม่ได้เอาคอมไปด้วย ยังไงก็อยากให้ติดตามกันตลอดนะ เนื้อเรื่องสบายๆ ไม่มีดราม่าอีกหรอกม้างงงงง
:katai2-1:ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันทุกคนนะครับ เดี๋ยวจะรออ่านคอมเม้นของเพื่อนๆนะ คิดเห็นอย่างไรอยากด่าคนเขียน ชมหรือเชียร์ใครในเรื่องก็ตอบกันมาได้เลย คืนนี้ฝันดีจ้า