ตอนที่ 26
Rrrrrrrrrrrrrrrrr
“อื้อ...” เสียงโทรศัพท์ราคาถูกร้องขึ้นเหนือหัว ผมที่สะดุ้งตื่นคว้านมือสะเปะสะปะไปมา พอคว้ามือถือขึ้นมาได้ก็กดรับทันทีอย่างไม่สนใจว่าใครโทรมา “ฮัลโหล..”
/ตื่นยัง?/
“รับโทรศัพท์ได้เนี่ย ยังไม่ตื่นหรอก”
/แปลว่าตื่นแล้วสินะ ถ้าตื่นแล้วก็ฟังฉันให้ดีๆ/
“หื้ม?” ผมที่กำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ลุกขึ้นนั่งพิงหลังไปกับขอบเตียง น้ำเสียงร้อนรนและกำลังเดือดร้อนทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวตามไปด้วย “มีอะไรหรอ?”
/ชั่วโมงก่อนป้าสร้อยเขาโทรมา ลูกของป้าสร้อยที่อยู่อีกจังหวัดหนึ่งล้มป่วยก็เลยต้องไปหาลูกฉุกเฉิน ไม่รับประกันว่าจะไปโรงเรียนที่หนึ่งได้ทันตอนบ่ายที่เขากิจกรรมวันแม่น่ะ/
“อ้าว! แล้วงี้ทำไง!?”
/ฉันคุยกับที่หนึ่งไว้แล้วด้วย ถ้าไม่มีแม่ไปร่วมงานตอนบ่าย ที่หนึ่งโกรธแน่ๆ ยิ่งเป็นเรื่องแม่ด้วยแล้วก็ไม่รู้จะโกรธมากแค่ไหนด้วย/
นั่นสิ ไอ้เด็กนั่นยิ่งเป็นลูกแหงอยู่ เรื่องแม่นี่อ่อนไหวเป็นพิเศษ
“พี่ลองคิดดิว่ามีใครคนอื่นอีกไหมที่จะไปแทนได้แบบฉุกเฉิน เพื่อนที่ทำงานพี่ก็ได้ ใครก็ได้อะที่รู้จักที่หนึ่ง แบบเดินเข้าไปหาที่หนึ่งได้โดยไม่ต้องถามคนอื่นว่าที่หนึ่งหน้าตายังไงคะอะ มีไหม!”
/ก็ถึงโทรมาหานายอยู่นี่ไง/
“ผมนึกไม่ออกเหมือนกันอ่ะ นึกออกอีกคนก็แม่พี่เลย แก่มาก แต่สมมุติว่าเป็นแม่ที่หนึ่งได้อยู่มั้ง..ประมาณว่ามีลูกตอนหกสิบไรเงี่ยนะ...”
/ฉันหมายถึงที่โทรมาหานายก็เพราะจะให้นายช่วยต่างหาก/
“ผมก็ช่วยอยู่นี่ไง คิดอยู่เนี่ย ปลุกผมตั้งแต่เช้าให้มาใช้สมองเนี่ยนะ รู้สึกหมดแรงขึ้นมาเลย”
/หมายถึง นายช่วยไปเป็นแม่ให้ที่หนึ่งตอนบ่ายแทนป้าสร้อยทีสิ/
“หะ...”
/อย่างที่พูด/
“...”
/.../
รู้สึกสมองอันกระจิ๊ดริ๊ดของผมจะหยุดสั่งการชั่วคราว เมื่อกี้ไอ้พี่ตุลย์ว่าอะไรนะ ได้ยินว่า อะไร แม่ๆ ผมๆ แทนๆ เนี่ยแหละ
“พี่...พูดว่าอะไรนะ?”
/ไปเป็นแม่ที่หนึ่งตอนบ่ายให้หน่อย/
กรี๊ดดดดดดด งานนี้ต้องขอกรี๊ดเลยครับ ไอ้พี่ตุลย์แม่งใช้หัวสมองส่วนไหนคิดดดดดด แค่เพศก็ไม่ใช่แล้วคิดได้ไงเนี่ย ดูละครมากไปเปล่าา ผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชายแค่ติดหนวด ผู้ชายปลอมตัวเป็นผู้หญิงแค่ใส่วิกมันใช้ไม่ได้กับชีวิตจริงนะโว๊ยยยยย!
“ไม่! พี่จะบ้าหรอ คิดได้ไงเนี่ย”
/ก็เห็นเมื่อวานยังใส่ชุดผู้หญิงเลย ยังคิดว่าอยากลองดูซะอีก แถมเมื่อคืนก็บอกว่าวันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่หรอ/
“เมื่อวานก็แค่แต่งหญิง แต่ไม่ได้อยากไปเป็นแม่โว๊ย เขาใจคำว่าแต่งเล่นไหมอะ แต่งเล่นอะ!”
/นั่นแหละ ก็แค่ไปแต่งเล่นอีกรอบแล้วไปโรงเรียนที่หนึ่งหน่อยก็แค่นั้นเอง!/
“แล้วทำไมไม่ทำเองเล่า!”
/ที่โรงเรียนเขารู้จักหน้าฉันไง!/
“ไม่รู้แหละ ยังไงผมก็ไม่!”
/ถ้านายไม่ทำ ก็เตรียมตัวย้ายออกจากคอนโดฯ ฉันไปได้เลย!/
ผมถอนหายใจรอบที่สิบระหว่างที่กำลังนั่งเป็นหุ่นให้รุ่นพี่ชมรมการแสดงแต่งหน้าให้อีกครั้ง
“น้องเอสอย่าขยับสิ เดี๋ยวกรีดตาพลาดขึ้นมาได้เป็นงิ้วแน่เลยนะจ๊ะ”
“ขอโทษครับ” ผมพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะนั่งนิ่งๆ ให้พวกรุ่นพี่ละเลงหน้าได้ตามสบาย
สุดท้ายผมก็ต้องยอมทำตามไอ้ที่พี่ตุลย์พูดจนได้ ก็ดูเล่นขู่ดิ โอ้โห ถ้าออกตอนนี้แล้วจะไปอยู่ไหน ไม่พอ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเช่าด้วย ในเมื่อเงินที่ทำงานพิเศษตอนนู่นก็เอาไปใช้หนี้ไอ้พี่ตุลย์หมดเหลือพอเป็นค่าขนมอยู่นิดเดียว ทุกวันนี้เวลาพักเที่ยงนี่ถ้าไม่อดก็แทบจะขึ้นรถเมล์กลับมารื้อตู้เย็นของไอ้พี่ตุลย์อยู่ทุกวันแล้วเนี่ย
“แล้วทำไมมึงต้องมาแต่งหญิงอีกรอบด้วยวะ เมื่อคืนลองแล้วติดใจหรืออะไร?” ไอ้ธันที่นั่งอยู่ดูอยู่ข้างๆ คนที่มันกำลังจีบเอ่ยปากถามขึ้นมา งานนี้ต้องขอบคุณมันเนี่ยแหละ ที่บังเอิญว่ามาหาผู้หญิงที่ชมรมพอดี ก็เลยติดต่อรุ่นพี่ให้มาช่วยผมแต่งหน้าในเวลาสายๆ ของวันแบบนี้ได้
ในมหา’ลัยผมมีเพื่อนเยอะนะตามภาษาคนเฟรนลี่แต่ไอ้นี่เป็นคนที่ผมสนิทที่สุดครับ เพราะมันแม่งก็นิสัยคล้ายๆ กัน คุยไปคุยมาถูกคอรู้ตัวอีกที ผมกับมันก็ไปไหนๆ ด้วยกันแล้ว มันเป็นคนที่ผมถามว่าชื่อ ‘ธัน’ เนี่ยมาจากอะไร ธันเดอร์? ธันวา? แต่มันบอกว่าชื่อมันมาจากคำว่า ‘ทันใจ’ พ่อตั้งให้ประมาณว่าชมแม่ที่มีลูกทันใจจังเลยอะไรประมาณนั้น แล้วมันบอกว่าคำว่า ‘ทัน’ แม่งไม่เก๋ ก็เลยเขียนว่า ‘ธัน’ ตั้งแต่ประถม
เป็นบุคคลตอแหลโลกตั้งแต่เด็ก
“เมื่อวานมีคนลุกให้กูนั่งที่รถเมล์ด้วยนะเว๊ย”
“จริง? เขาต้องตาถั่วมากแน่ๆ ที่เห็นกระเทยเสาไฟฟ้าอย่างมึงเป็นผู้หญิงได้เนี่ย”
“เขาตาดีเว๊ย ก็พี่ๆ ที่ชมรมนี่แต่งหน้าโคตรเก่งไง คิดดูขนาดคนภายนอกยังเห็นกูเป็นผู้หญิงได้เลย ใช่ไหมครับ~” ประโยคท้ายจงใจพูดยอรุ่นพี่ที่กำลังช่วยกันละเลงหน้าให้ผมอยู่พอให้ได้ยินเสียงหวีดว๊ายปฏิเสธอย่างถ่อมตน
“เอส แล้วคราวนี้จะใส่ชุดแบบไหน นางพยาบาล?”
“เดี๋ยวววว ผมรู้สึกตั้งแต่ชุดนักศึกษาและ นี่ยังมาชุดพยาบาลอีก พี่เก็บชุดแนวปลุกใจเสือป่าเอาไว้ใช่ไหมบอกมา”
“ฮ่าๆ ก็นะ ชมรมการแสดงมันก็มีทุกชุดแหละจ๊ะ”
“เอส ลืมตาได้แล้ว” ผมลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกขัดๆ ที่เหนือตาเหมือนเวลาที่ร้องไห้จนตาบวม พี่ที่กรีดตาให้เลยหยิบกระจกขึ้นมาส่องให้ดูว่าพี่เขาเอาที่ทำตาสองชั้นแปะให้ผมด้วย อายไลน์เนอร์ที่กรีดหนากว่าเมื่อวานก็เลยดูคมเฉี่ยวมากขึ้น เหมือนไม่ใช่ตาของผมเอง “เป็นไงสวยไหม?”
“ผมไม่รู้ว่าสวยนี่ต้องเป็นยังไงอะ แต่ผมชอบนะ” ผมส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่ที่กรีดตา
“แล้วเอสจะเอาชุดแบบไหน?” ผมหันไปหารุ่นพี่อีกคนที่กำลังกรีดนิ้วเลือกชุดจากราวเสื้อผ้า
“ผมขอชุดธรรมดาครับ แต่ขอเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ถ้าเป็นไปได้ขอกางเกงก็จะดีมากครับ”
“กางเกงไม่ได้หรอก ทรงเอก็ไม่ได้ ถ้าจะใส่พวกนั้นก็ต้องแต๊บก่อน”
“เอ่อ ถ้างั้นแล้วแต่พี่จะเลือกเลยครับ” พอได้ยินคำว่าแต๊บหน้าผมก็รู้สึกซีดขึ้นมาอัตโนมัติจนพี่ที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องสีผิว ถึงกลับต้องหยิบบรัชออนมาปัดให้ผมใหม่อีกรอบ
“งั้นชุดนี้แล้วกัน” ชุดตัวหนึ่งถูกหยิบออกมาจากราว เป็นชุดแซกผ้าหนาลายกุหลาบขนาดใหญ่ทั้งตัว สีเนื้ออมน้ำตาล คอกลม เสริมไหล่ แขนสั้น เป็นทรงทิ้งตัวแต่เข้ารูปตรงช่วงเอว
จะบอกว่าดูสวยก็ได้เรียบแต่ดูหรู แต่จะบอกว่าลายแก่ก็แก่...
“ฮัลโหลล พี่อยู่ไหนแล้วอะ?” ผมกรอกเสียงไปหาคนปลายสายอย่างร้อนใจขณะยืนซุ่มหลบหลังต้นไม้ใหญ่หน้าโรงเรียนประหนึ่งโจรโฉด ถึงเมื่อวานผมจะใจกล้า เดินช้า ใส่ชุดหญิงอาดๆ ไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่วันนี้กลับรู้สึกใจแป๋ว โหวงเหวง กลัวโป๊ะแตกอะเอาจริง เกิดมาผมไม่เคยกินยาคุม ไม่เคยกินตัวเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงอะไรทั้งสิ้น ทั้งตัวตั้งแต่ปลายผมจรดปลายตีนเนี่ยมีแต่ฮอร์โมนเพศชาย ถ้าสมมุติวันนี้รอดไปได้ ผมว่าไอ้เพื่อนในห้องของที่หนึ่งเนี่ยคงไม่ล้อว่าไม่มีแม่แล้วแหละ แต่จะล้อว่าแม่มึงเหมือนกระเทยมากแทน
/กำลังจะถึงแล้ว แค่นี้นะขับรถอยู่/
“เฮ้ย!” ผมอุทานมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในใจภาวนาให้พี่ตุลย์รีบมาถึงสักที
งานนี้แม้พี่ตุลย์จะบังคับให้ผมมาทำหน้าที่แทนป้าสร้อยได้สำเร็จ แต่เพราะผมกลัวพลาด และพี่ตุลย์เองก็คงไม่ไว้ใจเท่าไหร่เลยเป็นอันตกลงว่าพี่เขาจะลางานครึ่งวันมาโรงเรียนที่หนึ่งด้วยกันกับผม แล้วตอนนี้อีกสิบนาทีกิจกรรมวันแม่ก็จะเริ่ม ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลยสักนิด!
Rrrrrrrr
ทันทีที่มือถือดังผมก็รีบคว้าขึ้นมาดู แล้วยิ่งเห็นว่าเป็นไอ้คนที่ผมบ่นอยู่ในใจก็รีบกดรับอย่างรวดเร็ว
“อยู่…”
/นายอยู่ตรงไหน? ฉันอยู่โรงเรียนแล้ว/ สิ้นคำพูดทุ้มของคนปลายสาย ผมรีบกวาดตาไปทั่วหน้าโรงเรียนทันที ถึงแม้ผมจะเห็นรถของพี่ตุลย์ไม่บ่อยมากนักแต่ก็ไม่ยากเลยที่จะรู้ว่าคันไหนเป็นรถที่กำลังรอ เท่านั้นแหละผมกดวางสาย แทบจะวิ่ง 4x100 เข้าไปหา
ก๊อก ก๊อก!
“ทำไมมาช้างี้อะ!” ทันทีที่พี่ตุลย์กดลดกระจกผมก็รีบร้องเฮ้วขึ้นมาเสียงดัง
“นี่ก็รีบสุดแล้ว วันนี้แต่งหน้าดีนะ ไม่หนาเหมือนเมื่อวาน”
“ใช่เวลามาชมเครื่องสำอางไหมถาม ช่วยรู้สึกร้อนใจอะไรบ้างก็ได้มั้งเนี่ย เออ ใช่สิ! ผมนี่ไม่ใช่พี่ที่ต้องไปเล่นเกมเสี่ยงดวงน่ะ”
“ฉันว่านายกังวลมากไปแล้วล่ะ” พี่ตุลย์ว่าพลางออกมาจากรถ “จับมือไหม?”
“หะ?”
“ก็เห็นกังวล จะให้ยืมมือจับ เป็นแม่ที่หนึ่งอยู่นี่ ก็ต้องเป็นภรรยาฉันถูกไหม?”
...
ฉิบหาย เขิน
“ไม่ต้องอะ สมมุติว่าหย่าแล้ว” ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดเสียงห้วนนะ แต่...ฮึ่ย! เออออ หงุดหงิดแก้เขินไงครับ ใจผมก็ยังเต้นแรงเหมือนเดิม รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงเป็นบ้าแถมยังใส่ชุดผู้หญิงอีก ทั้งๆ ที่ไอ้พี่ตุลย์ใส่สูทมาซะหล่อ!
“หย่าแล้วก็จับมือได้นะ”
“ไม่จับ อย่ามาทำตัวน่าขนลุกแถวนี้หน่า มางานวันแม่ไม่ได้มางานวันวาเลนไทน์เข้าใจปะ?” ผมทำทีไม่สนใจหมุนตัวตั้งท่าจะเดินนำหน้าอีกฝ่ายเข้าไปในโรงเรียน แต่เพราะผมเดินเก้งก้างไม่สมเป็นแม่หญิงไปหน่อยพี่ตุลย์ก็เลยต้องรีบคว้าตัวผมเอาไว้แล้วบอกให้เดินดีๆ
50%
บอกแล้ว ว่าจะมาวันนี้ ก็ต้องมาวันนี้สิเนาะ
กลัวรอนาน รีบลงเลย อีกครึ่งหนึ่งพรุ่งนี้แจกันน~~
ต่ออีกครึ่งนึงที่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47193.720