▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓  (อ่าน 136503 ครั้ง)

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
แก้ไขยังไงเหรอค่ะ

เอาตรงๆในฐานะผู้หญิงนะ เราไม่เข้าข้างผู้หญิงแบบนี้ โดยพื้นฐานของตัวเองแล้ว หากเค้าไม่รัก ก็คือไม่รัก

เราจะไม่พยายามทำอะไรที่ทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง เพื่อแย่งชิงของที่ไม่ใช่ของเรามาค่ะ การกระทำแบบนา มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับเราอยู่แล้วแน่ๆ ความรักไม่เคยทำให้เราตาบอดจนมองไม่เห็นอะไรที่ไม่ควร

การกระทำแบบนา มันไม่ใช่ความรัก หากอ้างว่ารักแล้วทำทุเรสๆแบบนี้ ต่อให้ทำดีให้ตายก็ไม่มีใครเห็นความดีหรอก

วิธีแก้เหรอ เรื่องนี้จะจบเมื่อนาถอนตัว และทั้งต้นและสน ต้องมั่นคงที่จะรักและรอ สงสารนะ มันเหมือนเรื่องจะจบ แต่ไม่จบ ทำเวรทำกรรมอะไรมามากมายก็ไม่รู้ สงสัยชาติที่แล้ว สองคนนี้ต้องทำอะไรไว้กับนามากมายแน่ๆ ชาตินี้เลยต้องมาชดใช้กัน

ส่วนนา ผู้หญิงคนนี้ หากไม่รู้จักคำว่าให้ และปล่อยวาง รวมไปถึงการตัดใจ ชีวิตของเธอจะไม่มีวันสุข ใจจะไม่มีทางสงบ ทั้งสองคน ถึงอยู่ด้วยกันไป แต่ถามสักคำว่า สนจะทำใจนอนร่วมเตียง อยู่ร่วมบ้านได้เหรอ สนเองเป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงออกมาชัดเจนอยู่แล้ว ทุกวันนี้นายังเจ็บไม่พออีกหรือ ยิ่งเวลามีลูกแล้ว คิดว่าสนจะรักลูกได้เต็มใจเหรอ ไม่มีทางอ่ะ (เอาความคิดของตัวเองเข้าว่านะ เป็นเราน่ะ เกลียดแทบตาย ถ้าต้องรับผิดชอบ เราจะรับผิดชอบแต่ลูก กับแม่น่ะเหรอ หายใจร่วมกัน เรายังไม่อยากเลย) บางทีก็อยากให้สนเลวกว่านี้นะ ทิ้งแม่งเลย แต่อย่างว่า หมามันยังรักลูก แต่นะ รักลูกหนิ ไม่ได้รักแม่

นาทำผิดมากเกินไป จนเกินจะให้อภัยจริงๆ ปล่อยเธอให้จมกับความสุขจอมปลอม ชัยชนะที่ไม่มีวันมีจับต้องได้เถอะ

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
ร้องไห้ไม่หยุดเลยกับเรื่องนี้
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ชักรำคาญแระ อีนานี่หน้าด้านหน้าทนจังพอๆกับพระเอกควายซำ้ควายซ้อน เบื่อ!!! รอจบค่อยอ่านดีกว่ามันหงุดหงิด

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ววว มาม่าไซส์ XXXXL  :o12:
แล้วต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไง
สงสารก็สงสารทั้งต้น สน แล้วก็ลูกของสน
เพราะนาคนเดียว TT TT

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ขอให้อยู่ด้วยกันยืนยาว  ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะสน
ส่วนต้นไปให้ไกล ๆ จากสน  อย่าทำให้เขาลังเล  และอย่าเป็นเมียเก็บใคร
อย่าให้ตัวเองเป็นสาเหตุให้เขาต้องแยกทางกัน
คิดไปคิดมา  สนกับนาก็เหมาะสมกันดี  คนหนึ่งเป็นเหยื่อ  คนหนึ่งเป็นผู้ล่า

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


ยัยนาต้องแอบใช้เข็มจิ้มถุงยางเหมือนละครเรื่องหนึ่งที่เราเคยดูแน่เลย เหอๆ ครูก็เคยสอนด้วยว่าห้ามให้ผู้หญิงใส่ให้นะจ๊ะ

คุณผู้ชายดีๆทั้งหลาย เดี๋ยวจะแพ้มารยาหญิงไม่รู้ตัว อิอิ

 :beat: :beat: :beat:


:::ทำการบ้านเครียดๆอ่านตอนนี้ช่วงท้ายเกลียดหนักเลย สงสารต้นกับสนจับใจ กว่าจะผ่านอะไรต่อมิอะไรมาได้ทำไมอุปสรรค

มันมากมายแสนเข็ญขนาดนั้น เราว่านาท้องกับสนจริงๆนั้นแหละ แล้วจะแก้สถานการณ์ยังไงล่ะเนี่ย คิดไม่ตกจริงๆ

ต่อให้สนรับลูกเลี้ยงแต่ต้นก็คงไม่อยากกลับไปอยู่กับสนหรอกมั้ง เพราะต้องรู้สึกผิดแน่ๆ เรื่องมันชักจะตีกันใหญ่แล้ว

เกลียดผู้หญิงชื่อนา มาตั้งแต่เวอร์ชั่นที่แล้วแล้ว มาเวอร์ชั่นนี้ยัยนาข้าวก็ยังตามมาหลอกหลอนกันเหมือนเดิม  :angry2:

ดูท่าจะออกตัวแรงกว่าด้วยซ้ำ เห้อ

สนเหมือนผู้ชายอ่อนแอเลย อย่าท้อนะ สู้ต่อไป ห้ามแพ้มารยาชะนีอีกต่อไปนะ

กอดๆต้นสน สมหวังกันไวไวเน้อ รออยู่ๆๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:




ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ขนาดผู้ชายแท้ๆ ผู้หญิงท้องลูกยังต้องเป็น single mom เลย  เพราะไม่รักไม่พร้อมพอที่จะแต่งด้วย  แต่จะส่งเสียลูกหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง แต่เกย์นี่ถ้าไม่เพราะอยากแต่งงานบังหน้า ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่กับผู้หญิง



คนแบบสนนอกจากนิยายนี่จะมีจริงๆ เหรอ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
สงสารเด็กที่ต้องเป็นลูกของแม่แบบนี้ชะมัด -*-
เธอก็คงรักลูกแหละ แต่รักตัวเองมากกว่า ไม่อยากคิดว่าเด็กคนนี้จะต้องเจออะไร
เพราะถูกใช้เป็นเครื่องมือตั้งแต่อยู่ในท้องเพื่อจับผู้ชาย
แล้วได้ตัวสนไปแล้วไง  ไม่ได้ดั่งใจจะขู่เอาอะไรอีก? ที่สำคัญจะใช้ลูกขู่
แบบนี้ร้อยละ 90 ไม่ได้ดั่งใจก็ไปลงที่ลูกแหงๆ
เด็กที่โตมาเห็นพ่อแม่มึนตึงใส่กัน.... ไม่ต้องทะเลาะแต่แค่ไม่พูดกันก็แย่แล้ว


โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก ผู้หญิงคนนี้แย่ที่สุด

ผู้ชายแบบสนมีเยอะแยะไปในชีวิตจริง ไม่ได้เป็นเกย์(ในความหมายที่ว่าไม่ได้สนใจผู้ชายแบบจริงจัง)
แต่รักผู้ชาย ที่จริงก็ไม่รู้จะไประบุทำไมนะเนี่ย

เอาแค่รักใครก็อยากอยู่กับคนนั้น แต่มีข้อบังคับทางสังคม ครอบครัวให้อยู่ด้วยกันไม่ได้
เลยต้องอยู่กับอีกคนนึง
ชีวิตบัดซบสิ้นดี

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
มันแย่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก TT___TT

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:z3: :z3:  :sad4: :sad4: :o12: :o12:

เริ่มจะเชื่อแล้วว่า...มันคงเป็นวิบากกรรมของสนกับต้นที่เกิดมา...ทำได้แค่รักกัน...(หรือเปล่า?)
แล้วจากนี้......ยังจะพอมีความหวังอยู่มั้ย ทำไมมันดูริบหรี่จัง :m15: :m15: :m15:

+1 ให้กับดราม่าจัดหนักตอนนี้ค่ะ
หน่วง................................สุดใจ
 :L2: :L2: :L2:




ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ปวดใจแต่ก็ชอบค่ะ มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงๆ
สนคงได้บทเรียนราคา(โคตร)แพงไปแล้วที่ไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองให้ถึงที่สุดได้
ประมาทเพียงครั้งเดียวอาจทำให้อนาคตพังครืนลงมาเลยก็ได้ใครจะรู้

อันที่จริงก็เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากเหมือนกันนะ
คิดว่าในฐานะที่มีส่วนทำให้เด็กเกิดมาแม้ไม่ตั้งใจก็ควรที่ต้องรับผิดชอบส่วนหนึ่ง
แต่ก็ไม่น่าจะต้องรับผิดชอบมากขนาดนำทั้งชีวิตตัวเองไปผูกติดกับผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนาเลย
สงสารที่สุดคือลูกที่กำลังจะเกิดมาโดยความไม่ได้ตั้งใจร่วมกัน เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกลับต้องมารับกรรมไปด้วย

สำหรับนาคำว่าศักดิ์ศรีชีคงไม่เหลือแล้วล่ะ ที่ทำไปนี่ตอนนี้มันยังฮึกเหิมสะใจที่เห็นความทุกข์ของคนอื่นสินะ
แต่ถ้าอยู่ไปเรื่อยๆ แล้วสนไม่สนใจไม่รักเธอจริงๆแบบที่ได้พูดไว้ มันจะมีความสุขจริงเหรอนา
คิดดูว่าอีกกี่สิบปีที่ต้องผูกติดกันแบบนี้ต่อไป ภาวนาให้เจ้าตัวคิดได้ในเร็ววัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2012 00:57:49 โดย RoseBullet »

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
เจ็บปวดอีกแล้ว  คิดว่าจะได้สมหวัง

เวอร์ชั่นนี้ ยังคงปวดจายยยยยยยยย แถมมากกว่าเดิมอีก :monkeysad:

แล้วต้นจะทำงัยต่อไปล่ะ

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
บอกได้คำเดียวเศร้าค้อด!

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ก็เลยมีเวลาเขียนไปจนเกือบจบแล้วครับ แต่ตอนจบคงยังไม่เขียนวันนี้
ไหนๆ จะจบแล้วก็ต้องเอาให้ประทับใจ (หรือเปล่า) ซะหน่อย


-----------------------------------------------------

ตอนที่ 35: ไฟความหวังที่ริบหรี่



เป็นเวลากว่าสามสัปดาห์แล้วที่สนไม่กลับมาหาต้นอีกเลย ไม่แม้แต่จะโทรศัพท์มาหา จนต้นเองก็ไม่กล้าแม้จะโทรไปหาหรือตามไปดูว่าเป็นอยู่อย่างไรบ้าง สนจะรู้ไหมว่าต้นทั้งคิดถึงและเป็นห่วงมากแค่ไหน ไม่ได้รักกันแบบนั้น...ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ทำไมจะต้องหนีหายไปแบบนี้ด้วย ถึงต้นจะเจ็บแค่ไหน แต่เขาก็เข้าใจทุกอย่าง รู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ แค่เขารู้ว่าสนรักเขา...แค่นี้ก็มากเกินพอสำหรับชีวิตต้นแล้ว แต่ก็นั่นแหละ...สนก็คงหวังเอาไว้มาก พอไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเขาก็คงเสียใจมากเป็นธรรมดา

ต้นถามตัวเองว่าเขาโง่หรือเปล่าที่ยังรักสนอยู่ แม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ แม้ว่าเขาหมดสิทธิ์ที่จะรอคอย แต่คำตอบในใจของต้นก็ยังเหมือนเดิม ไม่หรอก...ต้นไม่เคยคิดว่าตัวเองโง่ ต้นก็โตมากพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วล่ะ การพยายามไม่รักทั้งที่ยังรักมันเหนื่อยยิ่งกว่า เพราะมันคือการหนีและดิ้นรน แต่การปล่อยใจให้รักอย่างมีสตินั้นเหนื่อยน้อยกว่า เรื่องเจ็บ...มันก็เป็นธรรมดา รักที่ไม่สมหวังที่ไหนๆ มันก็เจ็บอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเมื่อเจ็บก็ยังรู้ว่าเจ็บ ไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเอง ไม่ต้องไปดึงใครเข้ามาให้เจ็บช้ำใจอีก ต้นได้เรียนรุู้แล้วล่ะว่าชีวิตมีเงื่อนไขมากกว่านั้น เหตุและปัจจัยก็มีหลายอย่าง คงไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราอยากให้เป็นทุกอย่าง ต้นเข้าใจดี

"สนเป็นไงบ้างวะปั้นจั่น" ต้นเริ่มการสนทนาเมื่อมีคนเอากาแฟกับเบเกอรี่สองสามชิ้นมาเสิร์ฟ วันนี้ปั้นจั่นแวะมาใกล้ๆ แถวคอนโดต้นก็เลยแวะมาหา

"ขอกินก่อนนะต้น...หิวมาก ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าละ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง" ปั้นจั่นบอกพลางใช้ช้อนเล็กๆ ตักเบเกอรี่กินด้วยอาการมือไม้สั่น คงจะหิวจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็คอยชำเลืองเพื่อนที่นั่งตาละห้อยด้วยความอยากรู้

พอค่อยยังชั่วแล้วปั้นจั่นจึงเริ่มเล่า "กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะต้น...สงสารมันชิบเป๋งเลยว่ะ" แล้วก็ถอนหายใจ "มันผอมลงไปเยอะเลย หน้าตาดูไม่มีความสุข ดูเครียดๆ ไม่รู้จะบอกยังไงว่ะ มึงต้องไปเห็นเอง แต่กูสงสารมัน...ไม่รู้ว่ามีวิบากกรรมอะไรนักหนาว่ะ"

ต้นได้ฟังแล้วก็ห่อเหี่ยวใจ ต้นเองช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่สนหายไปเขาก็ยอมรับว่าเขาอาการหนักเหมือนกัน แต่ต้นเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย เข้าใจคน เข้าใจชีวิต เขาจึงค่อยๆ ฟื้นตัวจากความหดหู่เศร้าหมอง แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกอย่างนั้นอยู่ เขาไม่โกรธอะไรสนเลยจริงๆ ไม่ได้คิดว่าสนผิดสัญญา ต้นแยกแยะได้ว่ารักกันก็เป็นเรื่องหนึ่ง ความรับผิดชอบก็เป็นเรื่องหนึ่ง มีหลายคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งที่ไม่ได้รัก แต่เมื่อมันเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้ว ต้นกลับชื่นชมคนที่กล้ายืดอกรับผิดแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะทำอย่างอื่นก็ได้ แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เสียสละของคนๆ นั้น

ต้นอาจจะเสียใจที่คงไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับสนอย่างที่วาดฝันเอาไว้ แต่ต้นก็ไม่ได้เสียใจที่สนยอมเสียสละความสุขของชีวิตเพื่อรับผิดชอบเด็กที่เกิดมา ไม่ว่าจะเกิดมาจากความรักหรือไม่ก็แล้วแต่ เขาก็เกิดมาแล้วและไม่ได้รับรู้หรอกว่าพ่อกับแม่ของเขารักกันหรือเปล่า ตรงกันข้าม...ต้นชื่นชมในความเสียสละของสนมากทีเดียว อย่างน้อย...เด็กคนนั้นก็จะมีพ่อเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป ถ้าเป็นต้น...ต้นก็คงทำแบบเดียวกับสนแม้ใครจะมองว่าโง่ก็ตาม

"ถามจริงๆ นะต้น มึงโกรธไอ้สนหรือเปล่าวะ" ปั้นจั่นถามแล้วก็จิบกาแฟ แต่ก็คอยมองหน้าต้นตลอด

"ไม่โกรธหรอก" ต้นยิ้มจางๆ แต่ก็ยังดูเศร้าอยู่ในที "ตรงกันข้าม...กูชื่นชมสนนะ เขามีส่วนทำให้เด็กเกิดมา ไม่ว่าจะเกิดมาจากความรักหรือไม่รัก เขาก็รับผิดชอบ กูอาจจะเสียใจ...แต่กูก็ดีใจแทนเด็กคนนั้น...เขาจะได้มีพ่อเหมือนลูกคนอื่นๆ" พูดจบแล้วต้นก็ยกกาแฟขึ้นมาจิบบ้าง แต่ก็ไม่ได้แตะต้องเบเกอรี่เพราะเห็นปั้นจั่นหิวเลยไม่อยากแย่งกิน

"แต่มึงก็ยังรักมันอยู่ใช่ไหม"

ต้นพยักหน้ายอมรับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้นจะปฏิเสธ ปั้นจั่นรู้จักเขามาหลายปีต้นจะไปโกหกได้อย่างไร

แล้วปั่นจั่นก็ถอนหายใจอีก สีหน้าเขาดูเครียดมากทีเดียว "ไอ้เรื่องรับผิดชอบกูก็ไม่ว่าหรอก แต่ถ้ามันไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน ก็ไม่รู้จะทนไปทำไมว่ะ แล้วเด็กที่เกิดมา ถ้าเกิดว่ามันรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่รักกัน หรือเกิดต่อไปสนมันเลิกกับนาขึ้นมา เด็กก็จะมีปัญหานะเว้ย กูละปวดหัวแทนว่ะ กูพูดจริงๆ นะต้น กูอยากช่วยมันว่ะ กูไม่อยากให้มันอยู่ให้มันอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเลย จะเป็นไปได้ไหมวะที่พอลูกมันโตสักหน่อย ก็ให้สนมันหย่ากับนาไปเลย แล้วก็มาอยู่กับมึง เอาลูกมันมาเลี้ยงด้วย มึงจะรังเกียจลูกติดของมันหรือเปล่าวะต้น"

ต้นพยายามคิดตาม เขาคงไม่รังเกียจหรอกถ้ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ "ไอ้รังเกียจน่ะคงไม่หรอก แต่เรา...ไม่อยากไปพรากลูกพรากแม่เขา อีกอย่าง...เด็กมันจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าเรากับสนเป็นมากกว่าเพื่อนกัน"

"ไม่รู้ว่ะ กูก็แค่ลองคิดหาทางออกให้มัน อาจจะไม่ใช่วิธีนี้ก็ได้ เออ...ว่าแต่ว่า...ไอ้สนมันไม่ยอมติดต่อมาหามึงเลยเหรอวะ ขนาดกูไปหามันที่คอนโด พอจะเล่าเรื่องมึงให้มันฟังมันรีบยกมือห้ามเลย ทำไมมันต้องอะไรขนาดนั้นด้วยวะ แล้ววันนั้นมันก็โทรมาร้องห่มร้องไห้บอกกูกับไอ้นิกให้ช่วยดูแลมึงด้วย ทำอย่างกับจะไม่กลับมาหามึงอีกเลยงั้นแหละ มันจะทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอวะต้น"

ต้นถอนหายใจยาวแล้วก็ก้มลงมองถ้วยกาแฟของตัวเองที่พร่องไปไม่มากนัก ต้นไม่ค่อยชอบดื่มเท่าไร นานๆ ทีถึงจะดื่มสักครั้ง "สนเขาตั้งความหวังไว้เยอะ เขาก็เลยผิดหวังมาก แล้วมันก็เป็นเพราะว่า...สนเคยสัญญากับเราไว้ ถ้าเขาทำให้เราเจ็บอีกครั้ง เขาก็จะเป็นคนไปจากเราเอง นั่นแหละ...สนก็เลย...ไม่ยอมติดต่อ ไม่ยอมมาหาเราอีก" ต้นพูดแล้วก็จะร้องไห้ ความผูกพันของเขากับสนมีมากเหลือเกิน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าสนจะทำอย่างที่บอกได้จริงไหม แต่ต้นก็กลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

"มึงเชื่อกูอย่างหนึ่งละกันต้น สนมันอยู่กับนาได้ไม่นานหรอก ยังไงก็เลิกกันชัวร์ รอแค่ว่าเมื่อไหร่ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าเลิกกันแล้วจะไปไหนเท่านั้น ถ้ามันเลิกกัน...มึงจะยอมให้ไอ้สนกลับมาหามึงหรือเปล่าวะต้น"

ดูเป็นคำถามที่เหมือนจะตอบง่าย แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะตอบ "กูยังรักสนอยู่เหมือนเดิมนะ แต่ทุกอย่าง...ก็ขึ้นอยู่กับสนว่าเขายังอยากจะกลับมาหากูไหม ถ้าอยากมา...กูก็ยังยินดี แต่ทุกวันนี้กูก็ไม่ได้แช่งให้เขาเลิกกันนะเว้ย ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก แต่กูแค่ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้ชีวิตมากขึ้น"

ปั้นจั่นพยักหน้าเข้าใจ "ก็ดีแล้วล่ะ แต่ยังไงๆ พวกกูก็เห็นมึงเป็นคนดีคนหนึ่งแหละ เชื่อกูดิ ไอ้สนมันไปไหนไม่พ้นหรอก เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมาหามึง มันไม่มีทางที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นได้ กูว่ามันเกลียดผู้หญิงคนนั้นไปแล้วล่ะ เป็นกูกูก็เกลียดว่ะ"

ดูเหมือนปั้นจั่นจะมั่นใจอย่างนั้น แต่ต้นก็ไม่อยากไปคาดหวังอย่างนั้นหรอก ตอนนี้ต้นรู้สึกว่าเขาทำอย่างที่เคยตั้งใจไว้ได้มากขึ้นแล้ว ต้นยินดีที่จะรักและอยู่ตรงนี้ของต้นไป ปัญหาเดียวของต้นตอนนี้ก็คือ...เขาเป็นห่วงสน คิดถึง อยากเจอ อยากถามไถ่ ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งสนคงจะกลับมาหาเขาอย่างที่ปั้นจั่นว่า สำหรับต้นแล้ว ขอแค่ให้สนกลับมาหาเขาในฐานะเพื่อนที่รักและผูกพันกัน ต้นก็พอใจแล้ว ขอแค่ให้สนกลับมาเท่านั้น

---------------------------------------------

สนพาร่างที่น่าจะเรียกได้ว่าไร้วิญญาณกลับมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านในวันหยุดวันหนึ่ง วันนี้สนตั้งใจจะมาพูดเรื่องสำคัญบางอย่างกับแม่ แล้วก็จะให้แม่ไปคุยกับพ่ออีกทอดหนึ่งเพราะเขาคิดว่าเรื่องนี้คงคุยกับพ่อตรงๆ ไม่ได้ ถึงเขากับต้นอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก แต่เขาก็อยากจะบอกให้พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้  อย่างน้อย...ถึงมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไร สนก็ยังได้ทำอย่างที่เขาตั้งใจ ทำในสิ่งที่เขาเคยคุยกับต้นไว้ว่าจะทำ

"ไม่ไปหาแม่พรกับพ่อแอ๊ดหน่อยล่ะสน เขาถามถึงสนทุกวันเลยนะลูก" แม่ของสนบอกลูกชายที่นั่งหน้าเครียด ไร้วี่แววของความสุข สนดูผ่ายผอมไปมากจนเธอชักจะเป็นห่วง

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ผมละอายใจครับแม่ ผมไม่กล้าไปหาใคร กับต้นเอง...ผมก็ไม่ได้ไปหาหรือติดต่อเขามาจะเป็นเดือนแล้วครับ"

"อ้าว...ทำไมล่ะสน สนทะเลาะอะไรกับต้นหรือเปล่า" แม่ถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับแม่..." แล้วสนก็หยุดคิด ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ว่าเขาคงจะต้องบอกความจริงเรื่องนี้ให้แม่รู้

"แม่ครับ...ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกแม่...เกี่ยวกับผมและต้นครับ แต่ก่อนที่ผมจะบอกไป ผมอยากให้แม่...เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี เพราะผมคิดว่า...ถ้าแม่รู้แล้ว...แม่อาจจะตกใจ...หรืออาจจะรับไม่ได้ไปเลยก็ได้ครับ"

ได้ยินสนพูดแบบนั้นแล้วคนเป็นแม่ก็ยิ่งหวั่นใจ กลัวว่าสนจะไปมีเรื่องอะไรกับต้นร้ายแรงจนอาจจะถึงกับเลิกเป็นเพื่อนกันหรือร้ายแรงกว่านั้น

สนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็หันไปถามแม่ว่า "แม่พร้อมจะฟังหรือยังครับ...ที่ผมยังไม่บอกพ่อ เพราะผมกลัวว่า...พ่อจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุยกับแม่แล้วแม่เข้าใจ แม่อาจจะช่วยพูดกับพ่อให้ผมได้ แล้วผม...จะคุยกับพ่ออีกทีครับ"

แม่ของสนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเธอพร้อมที่จะฟังแล้ว แม้จะดูไม่น่าไว้วางใจแต่ก็คงไม่มีอะไรน่ากลัวมากไปกว่าเรื่องของสนกับนาแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรที่เธอจะรับไม่ได้มากไปกว่านี้

"แม่ก็คงสังเกตใช่ไหมครับว่า...ผมกับต้น...สนิทกันมาก ไม่เคยห่างกัน ช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด ต้นเขาดีกับผมมาก...ดีกับผมทุกเรื่อง ไม่ว่าผมจะเดือดร้อนเรื่องไหน ต้นก็ไม่เคยทิ้งผม" สนหยุดเพื่อดูปฏิกิริยาของแม่

"แม่รู้จ้ะ แล้วมันยังล่ะสน แม่ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าลูกกำลังจะบอกแม่เรื่องอะไร"

สนนิ่งไปสักพักก็ตัดสินใจบอกไปว่า "ผมกับต้น...เราสองคน...รักกันครับแม่"

แม่ขมวดคิ้ว แต่ก็ดูเหมือนแม่จะไม่ได้แปลกใจมากเท่าไรนัก "อืม...แม่ก็รู้นะลูก ไม่เห็นจะเป็นความลับตรงไหนเลย คนแถวนี้เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าต้นกับสนเป็นเพื่อนรักกัน"

ตอนแรกสนก็แอบดีใจที่ดูเหมือนแม่จะไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่เขาบอก แต่พอรู้ว่าแม่เข้าใจผิดว่าเขารักต้นแบบเพื่อน สนก็เลยต้องรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วบอกไปใหม่ว่า "ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่...ผมกับต้น...รักกันมากกว่าเพื่อนครับ เรารักกัน...เหมือนผู้หญิงกับผู้ชายรักกันครับ"

นั่นแหละจึงทำให้แม่อึ้งได้ คราวนี้อึ้งจริงๆ ไม่ได้เข้าใจผิดอีกแล้ว "อะไรนะสน สนพูดว่าไงนะ"

เอาล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่สนจะต้องกลัว ชีวิตสนเจอความเจ็บปวดมามากจนเขามีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้ามันเป็นความจริงแล้วสนก็จะไม่กลัวมันอีกแล้ว "ผมกับต้นรักกัน...เหมือนที่ผู้หญิงผู้ชายเขารักกันครับแม่ ไม่ใช่แค่เพื่อน"

แล้วแม่ก็เงียบไป เงียบจนสนเดาไม่ออกและรู้สึกกลัวใจของแม่ ก็แน่ล่ะ...คงไม่มีแม่ที่ไหนหรอกที่จะไม่ช็อกเมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองรักผู้ชายด้วยกัน แต่เมื่อผู้ชายคนนั้นเป็นต้น สนก็หวังว่าแม่จะเข้าใจ

แม่ของสนถอนหายใจหลังจากที่เงียบไปนาน แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า "แล้วต้น...เขาคิดแบบเดียวกับสนหรือเปล่า หรือว่า...สนแค่จะบอกแม่ว่าสนคิดอย่างนั้นกับต้นฝ่ายเดียว"

"เราสองคนคิดตรงกันครับแม่ เรารักกันมานานแล้ว เพราะเหตุนี้แหละครับ ผมถึง...ไม่กล้าไปสู้หน้าต้น" สนพูดแล้วก็จะร้องไห้ ช่วงนี้เขาร้องไห้บ่อยเหลือเกิน บ่อยจนเขาไม่รู้ว่าเขายังมีความเป็นผู้ชายเหลืออยู่ไหม

แม่พยักหน้าเข้าใจแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง ถ้าต้นกับสนจะรักกันแบบนั้น มันก็ไม่น่าจะแปลกหรอก มันก็มีโอกาสที่คนสองคนที่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้จะรักกันได้ แม้ว่าจะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม "มันก็...น่าตกใจสำหรับคนเป็นแม่นะ แต่ว่า...แม่ก็...เข้าใจลูกนะ พวกเราเอง...ก็รักต้นกันทุกคน ถ้าสนจะรักต้นแบบนั้น...แม่ก็เข้าใจ แล้วต้น...เขาไม่เสียใจแย่เหรอลูกที่ลูก...ต้องมาอยู่กินกับยัยนา"

สนน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจ ดีใจที่แม่เข้าใจและยอมรับได้ ถึงมันจะไม่มีประโยชน์นักในตอนนี้เพราะเขามีห่วงผูกคอแล้ว แต่เขาก็อยากให้แม่รู้ สนโผเข้ากอดแม่แล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กๆ ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่และอ่อนแอมาก แต่เขาก็จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างอดทนและก้าวผ่านเรื่องราวร้ายๆ เหล่านี้ไปให้ได้

"แม่ครับ...ช่วยสนด้วย ผมรักต้นมาก...ผมอยากอยู่กับเขา แต่ผม...ก็ทำให้เขาเสียใจจนผมไม่กล้าไปสู้หน้าเขาอีกแล้ว ผมไม่ได้ไปหาเขามาเกือบเดือน ผมคิดถึงต้น เป็นห่วงเขา อยากไปดูแล อยากไปทำกับข้าวให้เขากิน...แต่ผมก็ไปหาต้นไม่ได้"

แม่ของสนก็พลอยร้องไห้ไปกับลูกชายด้วย สนเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ ความรักทั้งหมดของครอบครัวจึงมาตกที่สนคนเดียว เห็นลูกเป็นทุกข์ คนเป็นแม่ก็ย่อมไปทุกข์ไปด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาแบบนี้เพิ่มเข้ามาอีก สนคงไม่ได้พูดเล่น จากอาการที่สนเป็นอยู่ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วล่ะ สนคงรักต้นจริงๆ อย่างที่เขาบอก แล้วก็ดูท่าจะรักมากเสียด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่สนจะรักต้นมากขนาดนั้น

แล้วเธอจะช่วยลูกชายของเธอยังไงดีล่ะ สนก็อยู่กินกับทางนั้นแล้วแถมยังมีจะมีลูกด้วยกัน นี่ก็คงเป็นอีกปัญหาที่เธอจะต้องนอนก่ายหน้าผากอีกแล้ว ไหนจะต้องไปคุยกับพ่อของสนให้เข้าใจอีกล่ะ แต่เธอก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรยากเกินไป ทุกคนรักต้นด้วยกันทั้งนั้น ถ้าสนจะรักต้นแบบนั้น...พ่อของสนอาจจะตกใจบ้างเหมือนเธอตอนนี้ แต่สุดท้ายเธอก็เชื่อว่าสามีจะเข้าใจลูกชายเหมือนที่เธอกำลังพยายามเข้าใจเขาอยู่ในตอนนี้

"สนเอ้ย...ถ้ามันเจ็บปวดนัก แล้วลูกจะไปทนอยู่กับเขาทำไมล่ะลูก บางครั้ง...เราก็ไม่ควรจะเป็นคนดีมากเกินไปนะลูก คนบางคน...พอเขารู้ว่าเรายอมเขาก็จะเอาเปรียบเรา อย่าไปยอมคนแบบนั้นมากเกินไป ลูกของสน...หลานของแม่ พ่อกับแม่ช่วยกันเลี้ยงได้ แต่แม่...ไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้น ถ้าลูกไม่ได้รักเขา ก็อย่าไปอยู่กับเขาให้มันทรมานจิตใจกันไปเปล่าๆ เลยนะลูก ออกมาเถอะ ยังไงลูกของเราเราก็รับผิดชอบอยู่แล้ว"

"ผมมีเหตุผลบางอย่างครับแม่ เขาทำลายชีวิตผมขนาดนี้...ถ้าที่ผ่านมาเขาเจ็บไม่พอ ผมก็จะทำให้เขาเจ็บเสียให้พอ"

คำตอบของสนดูจะทำให้คนเป็นแม่ตกใจมากทีเดียว ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายของเธอจะกลายเป็นคนอาฆาตพยาบาทแบบนี้ไปได้

"สน...อย่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาอีกเลยนะลูก ไม่งั้นมันจะไม่จบไม่สิ้น เกิดชาติหน้าเราก็อาจจะต้องมาชดใช้เวรกรรมให้เขาอีก หยุดเถอะนะลูก...แม่ยินดีที่จะให้เขามาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย บ้านหลังนี้น้าเขาก็ยกให้เราแล้ว ถ้าจะต้องขายบ้านหลังนี้เอาเงินให้เขาไป แม่กับพ่อก็จะยอม จะให้ไปอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่แม่ไม่อยากให้สนมีชีวิตแบบนี้เลยลูก เห็นลูกทุกข์...พ่อกับแม่ก็ไม่มีความสุขหรอกนะลูก"

ไม่รู้ว่าสนจะเข้าใจที่แม่พูดหรือไม่ แต่แม่ก็บอกด้วยความรักและเป็นห่วง แม่ของสนลูบผมลูกชายด้วยความรักและเอ็นดู เธอรู้ว่าสนคงต้องการเวลาไตร่ตรอง และเธอก็มั่นใจว่าสุดท้ายสนก็จะหยุด สนไม่ใช่คนจิตใจโหดร้ายแบบนั้นหรอก

-----------------------------------------------------

สนกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นๆ ก็เห็นนานั่งดูทีวีพร้อมกับกินมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกกับเกลือราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร เธอท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว บางวันก็แพ้ท้องหนักมากจนบางทีเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ก็แค่สงสาร...ไม่ได้รัก

ดูเหมือนว่าพอสนกลับมาแล้วบรรยากาศภายในห้องกลับดูอึมครึมมากขึ้น สนมาถึงก็ไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้มไม่แย้มใดๆ ตรงเข้าไปในครัวเป็นอันดับแรก เห็นจานชามกองไว้ยังไม่ได้ล้างแล้วสนก็ชักหงุดหงิด เขาจึงต้องลงมือล้างและเก็บเอง

จากนั้นเขาก็ทำกับข้าว ทำเสร็จแล้วก็นั่งกินคนเดียว นาเหมือนอากาศธาตุในบ้านนี้จริงๆ แต่จริงๆ อาจจะหนักกว่านั้น สนเห็นเธอเป็นเพียงสิ่งน่ารังเกียจ ไม่ควรแม้แต่จะปรายตาไปมองด้วยซ้ำ กินข้าวเสร็จแล้วสนก็เอาจานไปล้าง ส่วนนาจะกินตอนไหนก็เรื่องของเธอ แล้วสนก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์เขาไปเงียบๆ คนเดียว

ตั้งแต่นามาอยู่กับเขา สนก็ทำแบบนี้ทุกวัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่พูดด้วยอย่างเด็ดขาด อาจจะคอยดูแลบ้างเวลาที่เธอแพ้ท้องหนักๆ หรืออยากกินอะไรบางอย่างตามประสาคนแพ้ท้อง ของอะไรที่คนท้องจำเป็นต้องมีต้องกิน เขาก็ซื้อมาไว้ให้ แต่อยากกินอยากใช้ก็ทำเอง เขาทำให้ได้เท่านี้จริงๆ บางทีมันก็มากไปด้วยซ้ำ

นาดูเหมือนจะหงุดหงิดมากทีเดียว เธอมายืนเท้าสะเอวมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่นั่งหันหลังทำงานด้วยความไม่พอใจ ยิ่งกำลังท้องกำลังใส้แบบนี้เธอก็ยิ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่จากคนที่เป็นพ่อของลูกมากเป็นพิเศษ แต่สนก็เอาแต่ทำตัวเฉยชากับเธอ แถมดูจะหนักกว่าตอนก่อนที่จะแต่งงานด้วยซ้ำ

พอเห็นสนทำเป็นไม่สนใจแบบนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ทำเสียงกระฟัดกระเฟียด เดินลงเท้าหนักๆ เข้าไปหาอะไรกินเองในครัว แต่ไม่ว่าเธอจะเรียกร้องความสนใจอย่างไร สนก็ไม่หันมามอง พอถึงเวลานอน สนก็ปล่อยให้เธอไปนอนในห้องคนเดียว แต่สนก็ยังนั่งทำงานที่เขารับมาทำจนดึกจนดื่น พอง่วงนอนจริงๆ สนก็จะนอนข้างนอกห้องบนโซฟา

ตื่นเช้ามาสนก็ไปทำงานตามปกติ ปล่อยให้นาอยู่ในห้องคนเดียว ตอนนี้นาขอหยุดงานหนึ่งสัปดาห์เพราะเธอแพ้ท้องมาก ไปทำงานไม่ไหว ตอนนี้เธอเองก็ชักเริ่มหงุดหงิดกับที่ทำงานจนคิดอยากจะเปลี่ยนงานอยู่เหมือนกัน ใครๆ ต่างก็นินทาเธอไปต่างๆ นาๆ ที่จบออกมาทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ท้องซะแล้ว แถมสามียังไม่มาส่งที่ทำงานอีก ตอนเย็นๆ สนอาจจะไปรับบ้าง แต่ถ้าเขามีธุระกับบริษัทหรือลูกค้า สนก็จะให้เธอกลับเอง อาจจะดูเหมือนคนใจดำ แต่สนก็จำเป็นต้องสั่งสอนให้ผู้หญิงคนนี้รู้สำนึกสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดเสียบ้าง

สภาวะจิตใจตอนนี้ของนาจึงย่ำแย่และกดดันมาก เธอนอนร้องไห้แทบทุกคืน บางวันทนไม่ไหวเธอก็จะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ กลับมาก็หวังว่าสนคงจะคิดถึงเธอบ้าง ก็เปล่าเลย...ไม่มีท่าทางแบบนั้นจากสน ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากสนถ้าไม่จำเป็น มีแต่ท่าทางรังเกียจและเฉยชาที่แทบจะทำให้เธอเป็นบ้าไปทุกขณะจิต

-----------------------------------------------------------------

เป็นเวลาเกือบเดือนที่ทดแทนไม่ได้เจอต้นเลย ตั้งแต่งงานของสนผ่านไปทดแทนก็เงียบหายไป แต่เขาก็ได้รับรู้ข่าวสารและเรื่องราวของต้นกับสนตลอดผ่านนิกกับปั้นจั่นอยู่เสมอ ที่เขาไม่ได้มาหาเพราะเขาเองก็อยากให้ต้นใช้เวลากับตัวเองเพื่อที่จะคิดและทบทวนให้เต็มที่ ทดแทนรู้ว่าต้นเป็นคนเข้มแข็ง ต้นจะไม่เสียใจฟูมฟายและคิดสั้นอย่างแน่นอน และเขาก็ดีใจที่วันนี้ต้นก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

ช่วงวันหยุดสบายๆ ทดแทนจึงนัดต้นออกมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขามานั่งรออยู่ก่อน พอต้นมาถึง เขาก็เห็นว่าต้นยังดูแจ่มใสอยู่เหมือนเดิม อาจจะมีแววตาเศร้าๆ บ้างแต่เขาก็ดูออกว่านี่คือแววตาของคนที่เข้าใจชีวิตและทำใจกับบางสิ่งบางอย่างได้แล้ว

พอต้นนั่งลง ทดแทนก็ถามพลางยิ้มว่า "เป็นไงต้น สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน"

ต้นยิ้มตอบ "สบายดีครับพี่...ไม่เจ็บไม่ป่วย...แต่งานก็อาจจะเยอะนิดหน่อย"

ทดแทนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ "อะ...สั่งอาหารก่อนดีกว่า กินได้ตามสบายเลยนะวันนี้ พี่เลี้ยงเอง อย่าเพิ่งห้าม...พี่จำได้ว่าคราวที่แล้วต้นเป็นคนจ่าย คราวนี้ก็เป็นตาของพี่" ทดแทนรีบดักไว้อย่างรู้ทันเมื่อเห็นต้นทำท่าจะห้าม

"อ๋อ...ครับ" ต้นว่าแล้วก็หยิบเมนูอาหารมาดู ทดแทนก็หยิบมาดูเช่นกัน แล้วก็สั่งสิ่งที่แต่ละคนอยากกินไป

ในระหว่างรออาหาร ทดแทนก็ถามขึ้นว่า "ดูเหมือนต้น...จะทำใจได้แล้วใช่ไหม พี่หมายถึง...เรื่องของต้นกับสน"

สีหน้าของต้นหม่นลงเล็กน้อย "ก็...น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมลืมเขานะครับ แต่ผมแค่...กลับมาทำตามความตั้งใจเดิมของผม"

ทดแทนทำสีหน้าแสดงให้รู้ว่าเขาอยากรู้ว่าต้นหมายถึงอะไร ต้นจึงพูดสืบไปว่า "เมื่อก่อน...ที่ผมรักสน ผมก็ไม่เคยคิดจะบอกเขาเลยนะครับ พยายามทำใจเสมอมา แล้วก็คิดว่า...ผมก็จะรักเขาแบบนี้แหละ ไม่เรียกร้องอะไรจากเขา ปล่อยให้เขามีชีวิตอย่างที่เขาต้องการ เราก็มีความสุขไปตามประสาที่ได้รักเขา ได้ดูแลเขาบ้างตามโอกาส แต่เรื่องมันก็มาวุ่นวายขึ้นตอนที่สนเขารู้ว่าผมคิดอะไรกับเขาโดยบังเอิญ แล้วตอนหลังมันก็กลายเป็นว่า...สนเขาก็รักผมเหมือนกัน เราต่างก็รักกัน...แต่อุปสรรคก็เยอะเหลือเกินนะพี่ จนถึงตอนนี้...ความหวังมันก็ริบหรี่ไปมาก หรืออาจจะดับไปแล้วด้วยซ้ำ"

"ต้นเสียใจหรือเปล่าที่มันเป็นแบบนี้"

ต้นพยักหน้าน้อยๆ "แรกๆ ก็หนักอยู่ครับ แต่ตอนนี้...ผมคิดว่า...ผมสามารถที่จะรักและเป็นห่วงเขาได้โดยที่ไม่ต้องทุรนทุราย ผมก็ยังรอเขาได้...ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน ผมไม่อยากเหนื่อยกับการเสแสร้งหรือบังคับใจตัวเอง ถ้ามันยังรักอยู่...ผมก็จะรักต่อไป จนกว่าจะไม่อยากรักอีกแล้ว"

ทดแทนยิ้มด้วยความชื่นชม ถึงเขาจะรักผู้ชายคนนี้...แต่เขาก็ไม่อยากจะไปบังคับฝืนใจเมื่อรู้ว่าต้นยังรักเขาไม่ได้ มีแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นที่เขาเผลอใจไปบ้าง เห็นต้นมีความสุขกับชีวิตและทำใจได้ เขาก็ดีใจด้วยจริงๆ

"ดีแล้วล่ะต้น...ดีแล้วที่ต้นรอได้โดยไม่ต้องเจ็บปวดทรมาน มีไม่กี่คนในโลกนี้หรอกนะที่จะทำใจได้แบบนี้ เชื่อพี่นะ รอสนอีกสักหน่อย...ชีวิตของสนเขาก็มีแต่ต้นเท่านั้นแหละ ถ้าเขาไม่กลับมาหาต้น เขาก็คงไม่รู้จะไปหาใคร พี่ดูผู้ชายคนนี้ออกนะ เขาเป็นคนแสดงออกชัดเจนว่าเขาคิดอะไร พี่ว่าก็ดีเหมือนกัน...พอสนเขาได้บทเรียนชีวิตที่หนักขนาดนี้แล้ว ถ้าเขากลับมาหาต้นได้ เขาก็จะยิ่งรักต้นมาก และเขาจะระมัดระวังกับการใช้ชีวิตมากขึ้น เขาอาจจะเข็ดผู้หญิงไปจนชั่วชีวิตก็ได้"

ต้นได้แต่ยิ้มแล้วก็ขำเบาๆ จังหวะนั้นอาหารก็เริ่มทยอยมา ต้นกับทดแทนจึงหันไปสนใจกับอาหารอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาคุยกันหลังจากที่บรรเทาความหิวไปได้บ้างแล้ว

"ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับพี่แทน ขอบคุณที่เข้าใจผม ไม่บังคับผม อย่างน้อย...ถึงเราจะไม่ได้รักกัน แต่ผมก็คิดว่าผมโชคดีที่ผมได้มารู้จักคนดีๆ อย่างพี่ ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากให้พี่...เป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของผม"

ทดแทนหยุดกินข้าวแล้วก็ยิ้ม เขาเองก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากแล้วล่ะ เจ็บกับความรักมาก็หลายครั้ง เขาก็เริ่มทำใจได้ไวขึ้น รู้ว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไร

"ยินดีครับน้องต้น...พี่ดีใจนะ...ที่พี่จะมีน้องชายที่น่ารักอย่างต้น เป็นครั้งแรกเลยล่ะ...ที่ความรักของพี่...ไม่ได้จบไปแล้วก็จบไปเลย ที่ผ่านมา...พอเลิกกันแล้ว...ต่างคนก็ต่างไป บางทีไม่อยากจะกลับมาเจอกันอีกด้วยซ้ำ พี่ดีใจที่ความรักของพี่ครั้งนี้ไม่ได้จบแบบนั้น ถ้ามันจบแบบนั้นพี่คงเสียใจมาก พี่ดีใจที่มันจบลงด้วยการที่เราเป็นพี่น้องกัน"

เห็นรอยยิ้มของทดแทนแล้วต้นก็ค่อยสบายใจและหายใจได้อย่างโล่งคอมากขึ้น ที่ผ่านมาต้นกังวลมาตลอดและรู้สึกผิดที่ดึงทดแทนเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ นึกโมโหตัวเองก็หลายครั้งที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย

"ขอบคุณครับ...พี่ชาย" ต้นยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง

สักพักก็หันกลับมาสนใจกับอาหารต่อ

"แล้วตอนนี้...สนเขาไม่หาต้นเลยเหรอ" ทดแทนถามหลังจากกินข้าวไปได้สองสามคำ

"ครับ...เป็นเดือนแล้วครับพี่" ต้นตอบพลางยกช้อนอาหารค้างไว้

"โห...แล้วต้นไม่คิดถึงเขาแย่เลยเหรอ" ทดแทนทำสีหน้าเห็นใจ

ต้นพยักหน้า "คิดถึงครับ...เป็นห่วงมาก แต่ผมก็คิดว่า...สนโตแล้ว เขาก็น่าจะจัดการปัญหาของเขาเองได้ แต่...ไม่ว่าจะยังไง ผมก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ไม่เคยจากกันกับเขานานขนาดนี้เลยครับ เมื่อก่อน...โกรธกันบ้าง แต่ก็ยังเห็นหน้ากัน แต่นี่...ไม่ได้เห็นเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียง ไม่เห็นแม้แต่เงา"

เห็นต้นทำหน้าเศร้าแล้วทดแทนก็ยื่นมือไปบีบมือต้นให้กำลังใจ

"อดทนอีกนิดนะต้น...เชื่อพี่...สักวันสนเขาจะต้องกลับมาหาต้น เขาจะกลับมาอย่างแน่นอน พี่เอาหัวเป็นประกันได้เลย..."

TO BE CONTINUED...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:38:17 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
อ่าาาา มันไม่ริบหรี่หรอกเนอะ

อย่างที่แม่ว่า บางทีเราก็ไม่ควรเป็นคนดีมากก็ได้ กับคนที่จ้องแต่จะทำร้ายเราน่ะ

เริ่มมองเห็นเหมือนนาจะทิ้งลูกเล้ยยยย

evaeveevaeve

  • บุคคลทั่วไป
ขอบอกว่าเรื่องนี้ จุดสำคัญคือความผูกพันธ์ จนขาดกันไม่ได้ ของต้นกับ สน อ่านแล้วรู้สึกรำคาญ สน อ่ะ
แต่ต้องบอกว่า ภาษาเขียนเอาไป10
ผูกเรื่องได้ดีน่ะแต่ไม่เท่าเรื่องที่แล้ว เอาไป7
ตัวละครน้อยไปหน่อย มันเลยดูไม่มีเรื่องอะไรมากมาย เอาไป7
 แต่รวมๆๆแล้วดีคับไม่ผิดหวัง
เออที่สำคัญอันนี้ขอติเลย อิมเมจตัวละคร มันดูขัดๆๆ เรื่องที่แล้วรักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต วางอิมเมจดีมาก
แต่อันนี้ผมว่าไม่ดีเลย ดป๊ปตัวจริงดูคุณหนูมากอ่ะ คุณน่าจะหาแบบ หล่อแมน ผิวคล้ำมาเป็น สน แจต่จะคล้ำมากไม่ได้ไอ้สนมันเด็กเหนือแต่ก็น่ะควรจะมองใครที่ลูกบ้านๆๆหน่อน ที่มิใช่พี่โป๊ป
ส่วนต้น ok แล้วคับ

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านตอนนี้แล้วสงสารสนจัง  :sad4:

แต่กับยัยนา ผู้หญิงร้าย วางแผนเก่ง สมควรแล้วที่สนทำเหมือนเป็นอากาศธาตุ

น่าจะเครียดจนไม่สบายไปเลย  คนอย่างนี้ไม่น่าจะเป็นแม่คนได้หรอก สงสารเด็กที่จะเกิดมา

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ถึงความหวังจะริบหรี่ แต่ก็ยังพอมีความหวัง ล่ะนะ
อยากให้สนเชื่อแม่ การให้อภัยเลิกแล้วต่อกัน กรรมที่เคยมีจะได้จบ จบที่เรานี่ล่ะ
จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ

ดีใจที่ต้นทำใจได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือการยอมรับความจริงและอยู่กับมันอย่างเข้าใจ
ต้นเป็นไอดอลทางความคิดของเราเลยนะเนี่ย

ยังหน่วงๆอยู่ แต่เหมือนโล่งอกไปเปราะหนึ่ง
อย่างน้อยแม่ของสนก็ได้รู้และเข้าใจเรื่องที่สนกับต้นรักกันแล้ว
ต่อไปก็รอแค่ให้นาทนไม่ไหว เดินจากไป เท่านั้นเอง
รอ...ร๊อ....รอ......

+1 ขอบคุณคนแต่งค่ะ
เสพความหน่วงวันละนิด เป็นการสร้างภูมิต้านทานชั้นดีให้กับหัวใจ :yeb:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ก็เลยมีเวลาเขียนไปจนเกือบจบแล้วครับ แต่ตอนจบคงยังไม่เขียนวันนี้
ไหนๆ จะจบแล้วก็ต้องเอาให้ประทับใจ (หรือเปล่า) ซะหน่อย

ไม่หรือเปล่าครับ ขอแฮปปี้เอนดิ้ง TT

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
สงสัยตอนนี้คนอ่านคงจะเริ่มเหนื่อยกับดราม่าแล้ว นึกว่าจะสุขก็ไม่สุข
ถ้าอย่างนั้นหยุดพักอารมณ์กันก่อนดีกว่านะครับ
เอาไว้ให้รู้สึกคิดถึง อยากอ่านแล้วค่อยอ่านดีกว่า ไม่อยากเอามาให้อ่านตอนที่ไม่อยากอ่าน
ผมเขียนตอนจบไว้แล้วล่ะ
ตอนนี้...ขอพักดราม่าเอาไว้ก่อน พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกมาได้เลยครับ
เดี๋ยวจัดให้
ป.ล.
ตอนนี้คนเขียนก็เริ่มลากอารมณ์ตามไม่ไหว อาจจะดูไม่ค่อยมีอะไรแต่ใช้พลังงานไปกับการสร้างอารมณ์เยอะมาก
จบเรื่องนี้แล้วคงต้องพักยาว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2012 23:51:58 โดย sarawatta »

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
ความรักของต้นนี่ชั่งบริสุทธิ์จริงๆ  ถึงไม่ได้ครอบครอง แต่ก็ยังคงมีความปรารถนาดีเสมอ o13

แล้วก็ยังรอคอยแบบไม่เรียกร้องด้วย :กอด1:


คุณ sarawatta ลงเมื่อไหร่ ผู้อ่านก็จะรออ่านตลอดค่ะ  มาถึงขั้นนี้แล้ว

ก็จะรอลุ้น เชียร์ทั้งคู่ ให้ฝ่าฟันอุปสรรค จนได้รักกัน อยู่ด้วยกันจริงๆสักที  :z2:

ออฟไลน์ Salome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 343
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
จัดมาเลยเถอะค่ะ ให้มาทีเดียวเลย เพื่อหลังฝนฟ้าจะสดใสบ้าง  :z3:
อ่านตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นนี้ ปวดตับกว่าเยอะ
แต่ดูสมเหตุสมผลขึ้นเลยนะ
มาตามอ่านทีเดียวเลย รอให้เยอะๆก่อน เพราะคิดแล้วว่ายี่ห้อคนเขียนต้องซดมาม่าชามพี่บิ๊กกก
กลัวค้าง หวังแค่ว่าขอจบแบบhappyๆเท่านั้นแหละ มาม่าระหว่าทางรับได้ค่ะ

light_kung

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ คนแต่ง :L2: คนอ่าน รออยู่น๊าครับ :m15:

     รอ รอ รอ และก็รอ...คอยอย่างมี ความหวัง  :impress2:

          <ต้นสน> :กอด1:

ปล.จำได้ลางๆในความทรงจำ ว่าเวอร์ชั่นเก่านั้น...  :a5:
ต้องซดมาม่าไปเต็มที่พอสมควร แต่ ก็ผ่านมาได้
แต่ไม่รู้ว่ารอบนี้จะไหวไหม เพราะ ได้ซดมาม่าในชีวิตจริงของตัวเองไปหนักหนาสาสมแก่ใจแล้ว
:sad4: หวังว่าภูมิคุ้มกันดราม่าจะสูงขึ้น
รอลุ้นเวอร์ชั่นนี้  :serius2:

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ลงมาเถอะค่ะ  มาต่อเร็วดราม่าก็จะผ่านไปเร็ว

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ความรักของสองคนนี้มีอุปสรรคเยอะมาก มากจนหากเป็นเรา เราว่าเราก็ท้อ
แตายอมรับต้นที่มองโลกในแง่ที่กว้างออกไป รักกอย่างมีเหตุผล รักอย่างอดทน
เจ็บแบบไม่ทำร้ายตัวเอง ใช้สมองมากกว่าหัวใจ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ตอนที่ 36: นั่นแหละคือความกดดัน



ผ่านไปเดือนกว่าแล้วที่สนเงียบหายไปจากชีวิตของต้น แต่ต้นก็ได้รับรู้เรื่องราวของสนผ่านนิกบ้าง ปั้นจั่นบ้าง แต่หลังๆ สองคนนั้นก็ไม่ค่อยได้ไปหาหรือคุยกับสนเท่าไหร่ ข่าวคราวของสนจึงเงียบไป ส่วนสนเองนั้น เขาไม่เคยถามถึงต้นจากใครเลย เขาไม่อยากรู้...เพราะเขากลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะทำใจไม่ได้ แล้วก็กลับเอาปัญหามาให้ต้นอีกเหมือนเดิม แต่ในใจของเขานั้น...เป็นห่วงและคิดถึงต้นอยู่แทบทุกลมหายใจ ยิ่งชีวิตต้องมาอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก ขาดอิสรภาพ สนก็ยิ่งคิดถึงและเห็นความสำคัญของสิ่งที่เขาสูญเสียไปมากขึ้น แต่ถ้าต้นจะตัดใจ ลืมเขาไป สนก็พอจะเข้าใจได้ มันก็เป็นสิ่งที่สมควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว

วันนี้สนได้รับมอบหมายจากบริษัทให้มาพบลูกค้าที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งจะว่าจ้างให้บริษัทของเขาช่วยพัฒนาระบบเน็ตเวิร์กให้ สนมาถึงที่บริษัทดังกล่าวในช่วงสายๆ เขาไปนั่งรออยู่สักพักคนที่นัดเขาไว้ก็ออกมาหา

"สวัสดีครับ อ้าว...สน" เสียงร้องทักนั้นทำให้สนรีบวางแก้วน้ำที่เขากำลังจะดื่มลง พอเห็นว่าเป็นใครสนก็ทำหน้าแปลกใจเช่นเดียวกัน

"พี่ปิ๊ก" แล้วสนก็ยกมือสวัสดีอย่างงงๆ

"สนจริงๆ ด้วย โลกมันช่างกลมเสียจริงๆ เลย พี่เห็นชื่อเราแล้วล่ะ แต่ไม่เคยรู้ชื่อจริงไงก็เลย...ไม่รู้ว่าเป็นสน ดีใจนะครับที่ได้เจอกันอีกครั้ง" ปิ๊กยิ้มแล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับสน ดูเหมือนเขาจะดีใจที่จริงๆ ที่ได้เจอสนอีกครั้ง

แต่การมาเจอพี่ปิ๊กก็ทำให้ความทรงจำเก่าๆ ของเขากับต้นเริ่มย้อนกลับมาอีกแล้ว ไม่รู้จะตอกย้ำไปถึงไหนนะว่าชีวิตเขาจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีต้น

"ดื่มน้ำก่อน โทษที...มัวแต่ดีใจก็เลยขัดจังหวะ" พี่ปิ๊กบอกพลางขำ

สนจึงดื่มน้ำแก้วนั้น แล้วก็เตรียมตัวจะคุยงานทันที

"คุยงานเสร็จแล้ว ไปกินข้าวกับพี่หน่อยนะ พี่อยากคุยด้วย อยากถามเรื่องต้น...ไม่รู้เป็นไงบ้าง" ปิ๊กรีบบอกไว้ก่อนที่จะเริ่มคุยงานกัน

สนพยักหน้าและยิ้มจางๆ พอดีเพื่อนร่วมงานอีกคนของพี่ปิ๊กมาร่วมวงด้วย การสนทนาธุรกิจจึงเริ่มต้นขึ้น

จนกระทั่งคุยงานเสร็จแล้วปิ๊กก็ชวนสนมานั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับบริษัท เมื่อได้อาหารตามที่ต้องการแล้วจึงนั่งกินไปคุยกันไป

"ต้นเป็นไงบ้าง...นี่ไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย...สามสี่ปีได้แล้วมั้ง" ปิ๊กถามโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนถูกถาม แต่พอเริ่มสังเกตเห็นสนทำหน้าตาเครียดๆ ปิ๊กก็เลยรีบบอกไปว่า "อย่าเพิ่งเครียดสิ ที่ถาม...พี่ไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปจีบต้นซะหน่อย พี่มีแฟนแล้ว แค่อยากรู้ว่าต้นเป็นไงอยู่ที่ไหนเท่านั้นเอง"

แต่สนก็ยังเครียดอยู่ดีเพราะเขาไม่ได้กลัวเรื่องนั้น "คือ...ผมกับต้น...เราไม่ได้...เราไม่ได้คบกันแล้วครับ" สนพูดออกไปอย่างยากเย็น

"หา!!! อะไรนะ จริงเหรอสน...ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น พี่ก็นึกว่าเราสองคนจะ..." ปิ๊กทำหน้าตกใจระคนแปลกใจ

สนทำท่าทางอึกอักๆ ปิ๊กจึงเริ่มรู้ตัวว่ากำลังทำให้สนลำบากใจอยู่ "โทษทีๆ ถ้าไม่สะดวกใจที่จะตอบก็ไม่เป็นไร"

สนยิ้มเจื่อนๆ กินข้าวแทบไม่ลงแต่ก็ต้องฝืนกิน ช่วงหลังๆ มานี้เขากินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ จนผมกระหร่องไปหมดแล้ว

"น่าเสียดายนะ..." ปิ๊กพูดเหมือนรำพึงเบาๆ "ว่าแต่ว่า...สนไม่รู้เลยเหรอว่าต้นเขาอยู่ไหน ทำงานที่ไหน"

"อ๋อ...เขาเป็นวิศวกรครับ ทำงานที่บริษัท...." ถ้าเป็นข้อมูลแบบนี้สนก็คงพอตอบได้

"โห...บริษัทใหญ่ซะด้วย คงได้เงินเดือนเยอะน่าดู" ปิ๊กทำท่าคิดตาม "รู้ไหมว่า...พี่จำได้เราสองคนได้ดีเลยนะ ตอนนั้นนะ...จะว่าโมโหก็โมโหนะ แต่ตอนนี้นึกๆ ดูแล้วก็ขำ เรานี่กันท่าพี่สุดฤทธิ์เลย" ปิ๊กพูดแล้วก็ขำ

แต่คนฟังกลับทำสีหน้าลำบากใจมากขึ้น สนคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเขาจะทนอยู่กับชีวิตแบบนี้ไปได้อีกกี่น้ำ เขาไม่เคยห่างจากต้นโดยไม่ติดต่อกันนานขนาดนี้เลย สุดท้ายแล้วเขาก็กลัวว่าเขาจะทนไม่ได้ แล้วก็กลับเอาปัญหาไปให้ต้นอีกจนได้

"โทษทีสน...พี่ลืมตัวอีกแล้ว เอาล่ะๆ พี่จะไม่พูดเรื่องนี้ละ" ปิ๊กพูดขึ้นเมื่อนึกได้ ท่าทางต้นกับสนคงจะมีปัญหาอะไรบางอย่างกันแน่ๆ ท่าจะหนักซะด้วยเพราะอาการนั่งเหม่อของสนมันฟ้อง

"ไม่เป็นไรครับพี่" สนบอกแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวไป สนพยายามที่จะไม่คิดถึงต้น แต่พอมาเจอพี่ปิ๊กก็เลยทำให้ความทรงจำต่างๆ หลายอย่างในช่วงนั้นของเขากับต้นหวนคืนกลับมา

--------------------------------------------------------

สนรู้สึกว่าเขาคงจะทนไม่ไหวต่อไปอีกแล้ว พอได้เจอพี่ปิ๊ก มันก็ยิ่งทำให้เขาอดที่จะคิดถึงต้นและเรื่องราวเก่าๆ ไม่ได้ พอเลิกงานแล้วสนก็ตรงดิ่งมาที่คอนโดของต้นทันที เขาไม่รู้หรอกว่าต้นกลับมาหรือยัง แต่เขาก็อยากมาหา มาให้เห็นหน้าสักหน่อย ได้รู้ว่าอยู่สุขสบายดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แค่นี้...สนก็คงพอใจแล้ว

พอมาถึง สนก็นั่งรออยู่ตรงส่วนรับแขกเพราะเขาไม่มีคีย์การ์ดเข้าไปแล้ว รปภ. ที่นั่นจำสนได้เพราะเขามาบ่อยๆ บางครั้งสนก็จะซื้อขนมติดไม้ติดมือมาฝากอยู่เรื่อยๆ เขาก็เลยเดินมาถามสนว่า

"มาหาคุณต้นเหรอครับ"

สนเงยหน้าขึ้นมอง วางนิตยสารที่เขาหยิบมาอ่านลงแล้วก็พยักหน้า

"เพิ่งขึ้นไปเมื่อกี้เองครับ เดี๋ยวให้ผมโทรเรียกไหมครับ" รปภ. วัยกลางคนอาสา แต่สนก็รีบห้ามไว้

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผม..." สนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เขาคงไม่กล้าโทรหาต้นเอง แล้วก็ไม่อยากให้ รปภ. คนนั้นโทรขึ้นไปบอกต้นด้วยว่าเขามาหา

"เดี๋ยวผมจะกลับแล้วครับ" สนต้องยอมตัดใจ เขาไม่ควรจะขึ้นไปหาต้น เพราะเขาก็บอกแล้วว่าเขาจะไม่กลับมาอีก ต้นเป็นคนเข้มแข็ง สนรู้ว่าต้นอยู่ได้ อีกไม่นานต้นก็จะทำใจได้ อย่ามาทำให้ต้นไขว้เขวอีกเลย

คิดได้แล้วสนก็เดินกลับไปที่ลานจอดรถโดยมีสายตา รปภ. คนนั้นที่มองตามไปอย่างงงๆ

สนกลับมาถึงบ้านด้วยใจคอห่อเหี่ยว แต่พอเปิดเข้าไปแล้วพบว่านาไม่อยู่เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง วันนี้เธอคงกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านเพราะเธอก็คงเบื่ออาการเฉยชาของเขา เขาเองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องกลับมาเจอผู้หญิงคนนี้ แล้วต่างคนก็ต่างอยู่เหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน จะว่าไปมันก็เป็นชีวิตที่กดดันมากทีเดียว จนสนชักไม่แน่ใจแล้วว่าไม่ใครก็ใครคงต้องบ้ากันไปก่อน

สนเข้ามาในห้องนอนของเขาที่บัดนี้เขาไม่ได้เข้ามานอนเลยเป็นเดือนแล้ว แล้วก็นั่งลงค้นเอาอัลบั้มรูปเก่าๆ ที่เก็บไว้ในที่เก็บของเล็กๆ บนหัวเตียงออกมา แต่ละรูปที่สนเก็บไว้เขาจะเรียงตามลำดับก่อนหลังเป็นอย่างดี เขาคิดถึงต้นจนทนไม่ไหว เมื่อหาทางออกไม่ได้สนก็เลยต้องหยิบเอารูปเก่าๆ มาดูแก้ขัดไปก่อน

สนค่อยๆ พลิกดูทีละรูปอย่างช้าๆ แต่ละรูปล้วนแต่มีความทรงจำที่ดีๆ ที่ทำให้เขาได้แต่นึกเสียดายกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปเพราะความประมาทของเขาเอง น้ำตาสนไหลลงมาอีกแล้ว มันอดไม่ได้ที่มันจะต้องไหล เขาได้แต่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้เข้มแข็งและทำใจได้ง่ายเหมือนต้น ทุกวันนี้สนจึงยังทรมานอยู่

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่สนนั่งดูรูปของเขากับต้นแล้วก็น้ำตาไหลอยู่แบบนี้ รู้ตัวอีกทีก็เหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง สนหันมาดูแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นนา เขาคงมัวแต่ดูรูปอยู่ก็เลยไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่ทำให้นาต้องมาเห็นเขาในสภาพอ่อนแอแบบนี้ สนเอามือเช็ดน้ำตา เก็บอัลบั้มรูปเข้าที่แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ดูเหมือนนาจะข้องใจมากทีเดียวที่เห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีนั่งดูรูปของเพื่อนแล้วก็ร้องไห้

"หมายความว่าไงคะ" นาถามพลางขมวดคิ้ว เธอเห็นกับตาว่าสนร้องไห้ตอนที่นั่งดูรูปเก่าๆ ของต้น แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร

"อยากรู้เหรอ...ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเธออยากรู้ ฉันก็จะบอกให้" สนมองหน้าของนาด้วยสายตาที่ฉายแววรังเกียจเช่นเดิม คิดแล้วก็ยังเสียดาย ทำไมเขาถึงนึกเรื่องนี้ไม่ออกเสียตั้งแต่แรกนะ

"ที่ฉันบอกเธอว่า...ฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว เธอคงสงสัยใช่ไหมว่าเป็นใคร ฉันจะบอกให้ก็ได้ว่า...คนที่ฉันรัก...ก็คือต้น เพื่อนของฉันเอง" สนกระแทกเสียงในตอนท้าย

นาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง จะบอกว่าสนโกหกหรือล้อเล่นก็คงไม่ใช่แบบนั้น เพราะที่เธอเห็นเมื่อกี้มันก็บอกอะไรบางอย่างได้อยู่แล้ว

"อะไรนะคะ นี่พี่เป็น..." นาไม่กล้าพูดคำนั้นเพราะเธอรับไม่ได้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเธอจะมีรสนิยมทางเพศแบบนี้

"ใช่...ฉันชอบผู้ชาย คนที่ฉันรัก...ก็เป็นผู้ชาย ฉันรักต้น...รักมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันกับต้นก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้" สนพูดเสียงดัง

"ไม่จริง...นาไม่เชื่อ" นาพูดพลางส่ายหน้า

"เธอก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ฉันรักต้น...ไม่ได้รักเธอ ได้ยินไหม รักมาตั้งนานแล้ว รักมากกว่าใครทั้งหมด"

"ไม่จริง" นาหวีดร้องลั่น

"ทำไมจะไม่จริง ก็ฉันเป็นคนยืนยันอยู่นี่ไงว่าเป็นเรื่องจริง" สนเถียง

"มันจะเป็นไปได้ยังไง พี่เป็นผู้ชายนะ พี่จะชอบผู้ชายด้วยกันได้ยังไง"

"ทำไมจะไม่ได้ ฉันรักใครก็ได้ที่เขาเป็นคนดี ต้นเป็นคนดี ฉันก็รักเขา มันผิดตรงไหน ถ้ามันจะผิด มันก็ผิดที่ฉันต้องมาอยู่กับเธอมากกว่า เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ เธอยังไม่สามารถทำให้ฉันรักได้เลย มันเป็นเพราะว่าเธอ...ไม่มีอะไรสักนิดที่ฉันจะรักได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ฉันก็ไม่รักเธอ เพราะเธอไม่จริงใจกับฉัน เพราะเธอรักแต่ตัวเธอเอง ไม่มีความดีอะไรสักอย่างให้ฉันรักเธอได้ เธอเข้าใจไหมนา...ฉันไม่ได้รักเธอ ฉันรักต้น ได้ยินไหม" สนระเบิดอารมณ์ออกไปอย่างสุดกลั้น

นาหวีดร้องแล้วก็เอามือปิดหูแน่น สนเห็นแล้วก็รีบเดินออกมา แต่พอนึกได้ก็กลับไปเปิดเอาอัลบั้มรูปทั้งหมดที่เขาเก็บไว้ออกมาด้วย เพราะเขากลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะบ้าคลั่งจนถึงขั้นเอารูปของเขาไปทำลาย

"เชิญเธอบ้าอยู่คนเดียวในนี้ก็แล้วกัน" สนว่าแล้วก็เดินหนีออกมาจากห้องโดยไม่สนใจใยดี

พอออกมาจากห้องสนก็ลงไปที่ลานจอดรถ ระหว่างทางก็โทรหาปั้นจั่น "เฮ้ยปั้นจั่น คืนนี้กูไปนอนบ้านมึงได้ไหมวะ กูอยู่ไม่ไหวแล้ว กูจะบ้าตายกับผู้หญิงคนนี้"

"เออๆ มาสิๆ แต่ว่าตอนนี้กูยังไม่ถึงบ้านนะเว้ย เดี๋ยวกูไปส่งแฟนก่อน ถ้ามึงมาถึงก่อนก็รอกูอยู่ในบ้านนะ เดี๋ยวกูจะโทรไปบอกที่บ้านให้ เขาจะได้ไม่ตกใจ"

"ขอบใจมากเพื่อน ขอโทษที่ต้องรบกวน กูไม่รู้จะไปหาใครจริงๆ ตอนนี้"

"เออๆ ไม่เป็นไร ทำใจให้สบายๆ ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวค่อยเจอกัน"

สนวางโทรศัพท์ เก็บใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก็เดินไปที่รถ ปล่อยให้นานอนร้องห่มร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง อย่าหาว่าเขาใจร้ายเลย เพราะสิ่งที่เธอทำกับเขามันก็ใจร้ายไม่แพ้กัน

ส่วนนา พอสนไปแล้วเธอก็ทุ่มตัวลงไปบนที่นอนแล้วก็ร้องไห้อย่างหนักด้วยความน้อยอกน้อยใจที่สนไม่ใยดีกับเธอ หนำซ้ำยังต้องมารู้ความลับอีกว่าสนชอบผู้ชาย เพิ่มความเจ็บปวดให้เธอมากยิ่งขึ้นไปอีก เธอทนไม่ไหวแล้ว ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปเธอคงต้องบ้าตายแน่ๆ

"แม่ขอโทษ แม่ขอโทษนะลูก" นาคร่ำครวญพลางทุบมือลงบนหมอน

"พ่อเขาไม่รักเราสองคนเลย เขาไม่รักเราเลย แม่ขอโทษจริงๆ"

นาพร่ำรำพันแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา สภาพจิตใจของเธอตอนนี้ล่อแหลมต่อการทำสิ่งที่ขาดความยั้งคิดอย่างมาก คนที่กำลังท้องกำลังใส้อย่างเธอมักมีอารมณ์อ่อนไหวและน้อยใจง่ายอยู่แล้ว เจออาการเฉยชาของคนที่เป็นสามีในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้เธอก็ยิ่งน้อยใจมากขึ้นไปอีก

หลังจากที่ฟูมฟายจนสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอน แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนคนหนึ่ง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอคุยอะไรกับเพื่อนคนนั้น แต่ในสภาวะจิตใจและสถานการณ์กดดันแบบนี้ เธอทำอะไรก็ได้จริงๆ

-------------------------------------------------------

ปั้นจั่นพาสนมานั่งคุยกันตรงริมสระว่ายน้ำในบ้าน เห็นสภาพสนนั่งคอตก หน้าตาเศร้าหมองแล้วปั้นจั่นก็ได้แต่สงสาร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เพื่อนของเขาสองคนนี้จะหมดทุกข์หมดโศกเสียที ปัญหาก็ช่างเกิดขึ้นได้ไม่หยุดไม่หย่อน จนเขาเองยังเหนื่อยแทน

"รู้ไหมวันนี้กูไปเจอใครมา" สนถามขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน แล้วเหม่อมองไปที่ผืนน้ำในสระที่กระเพื่อมไปมาและส่งแสงวิบวับยามต้องแสงไฟ

"ใครวะ" ปั้นจั่นเลิกคิ้วอย่างสงสัย

"พี่ปิ๊ก เขาเพิ่งมาเป็นลูกค้าบริษัทกู วันนี้กูเพิ่งไปคุยงานก็เลยเจอกับเขา" สนตอบเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ยินดียินร้ายกับอะไรอีกแล้ว

"จริงเหรอวะ ทำไมโลกกลมแบบนี้ แล้วพี่เขาสบายดีไหม"

"ก็สบายดี" สนตอบแล้วก็ก้มหน้า

"แต่เขาคงถามมึงเรื่องต้นใช่ไหมล่ะ" ปั้นจั่นถามอย่างรู้ทัน

สนพยักหน้าแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าที่มองไม่เห็นดวงดาวเพราะแสงไฟบดบังจนหมด

"สน...มึงแวะไปหาต้นมันบ้างก็ดีนะเว้ย ต้นมันคิดถึงมึง มันรอมึงอยู่...รู้หรือเปล่า"

ปั้นจั่นจะทำให้สนร้องไห้อีกแล้ว เขาพยายามที่จะไม่ถามอะไรเกี่ยวกับต้น แต่เขาก็ดันคิดถึงขึ้นมามากขึ้นเพราะพี่ปิ๊ก แถมปั้นจั่นยังเอ่ยซ้ำให้เขาได้ยินว่าต้นรอเขาอยู่ ยิ่งทำให้สนรู้สึกคิดถึงมากขึ้นไปอีก แต่เขาจะกล้ากลับไปหาต้นได้อย่างไร

"กูไปมาแล้ว..." สนบอกแล้วก็หันมามองหน้าเพื่อน "แต่...กูก็ไม่กล้าขึ้นไปหาต้นว่ะ กูละอายใจจริงๆ"

"เฮ้ย...ละอายใจอะไรของมึงวะ ต้นมันเข้าใจ...มึงกลับไปหาต้นบ้างเถอะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้นมาบ้าง กูรู้...ไม่มีใครทำให้มึงยิ้มได้หรอก นอกจากไอ้ต้นมัน กูกลัวมึงจะบ้าไปซะก่อน"

สนถอนหายใจแล้วก็ครุ่นคิด "กูไม่กล้าไปเจอหน้าต้นจริงๆ ว่ะปั้นจั่น มึงอย่าบังคับกูเลย อีกอย่าง...กูไม่อยากเอาปัญหาของกูไปให้ต้น ต้นเขาเจ็บกับกูมามากแล้ว ให้เขาอยู่สบายๆ เถอะ กูสัญญากับต้นไว้แล้วว่า...ถ้ากูทำให้ต้นเสียใจอีก กูก็จะจากไปเอง กูตัดสินใจแล้ว...วันนั้นที่กูบอกต้นเรื่องนี้ ต้นร้องไห้...กูเสียใจจนแทบจะเป็นบ้า กูไม่อยากเห็นต้นร้องไห้เพราะกูอีก มึงเข้าใจกูใช่ไหมปั้นจั่น"

"ไม่เข้าใจว่ะ..." ปั้นจั่นบอกไปตามตรง ทำให้สนต้องหยุดมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ปั้นจั่นก็เลยอธิบายไปว่า

"ที่ไม่เข้าใจเพราะกูคิดว่า...ต้นมันไม่ได้โกรธเคืองอะไรมึงหรอก มันเสียใจก็จริง แต่มันก็เข้าใจว่าความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจนะเว้ย มันเข้าใจมึงนะสน มันรอมึงอยู่ เลิกกับผู้หญิงคนนี้เสียทีเถอะ ไม่ต้องไปทนอยู่กับเขาหรอก ต่างคนต่างก็ไม่ได้รักกัน จะทนไปทำไมวะ ส่วนลูก...มึงก็คอยเลี้ยงดูส่งเสียเขาไปสิวะ เผลอๆ ถ้าเขาเกิดไม่อยากเลี้ยงลูกขึ้นมา มึงก็เอาลูกมาอยู่กับมึงซะ ไอ้ต้นมันไม่รังเกียจหรอก มันรักมึง...มันก็รักลูกของมึงด้วย"

ดูเหมือนสนจะเริ่มคล้อยตามสิ่งที่ปั้นจั่นพูดอยู่บ้าง เขาเองก็เริ่มจะเหนื่อยกับการเล่นสงครามประสาทกับนามากขึ้นทุกวันๆ จนเริ่มจะไม่ไหวแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะทำอย่างนั้น สนคงจะต้องดูให้มั่นใจก่อนว่าครอบครัวของนาจะไม่มาหาเรื่องครอบครัวเขาอีก แค่นี้พ่อกับแม่เขาก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่อยากเพิ่มปัญหาให้พ่อกับแม่

"ว่าไง มึงคิดยังไง" ปั้นจั่นถามซ้ำเมื่อเห็นสนนิ่งเงียบไป

สนถอนหายใจแล้วก็เหยียดแขนออกเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายและจิตใจ จากนั้นก็เอามือกลับมาประสานกันแล้วก็มองดูมือของตัวเอง

"มันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีนะ กูเองก็เริ่มเหนื่อย กูยอมรับตามตรงว่า...ที่กู...ตัดสินใจให้เขามาอยู่ด้วย เพราะกูอยากเล่นสงครามประสาทกับเขา กูอยากให้เขาเจ็บ...เหมือนที่เขาทำกับกู อยากจะตอกย้ำให้เขารู้ว่า...ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางที่จะได้ตัวหรือใจของกูไป แต่ตอนนี้...กูก็เหนื่อยจริงๆ ว่ะ เหนื่อยที่จะทะเลาะกับเขา เหนื่อยที่จะปั้นหน้า เหนื่อยที่จะทนอยู่ทั้งที่ไม่รัก ถ้ามันจบได้กูก็อยากให้มันจบ ส่วนลูก...กูจะขอเขามาเลี้ยงเอง เขาไม่ควรจะอยู่กับแม่แบบนั้น เราไม่อยากให้ลูกของเราต้องเป็นเหมือนเขา"

ปั้นจั่นยิ้มดีใจที่สนเริ่มคิดได้ "ดีแล้วสน...กูดีใจนะเว้ยที่มึงคิดได้แบบนี้"

สนหันไปยิ้มกับเพื่อน นี่คงเป็นเพียงไม่กี่รอยยิ้มที่เขามีในช่วงเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมา

"แต่ว่า...กูก็คงต้องไปคุยกับพ่อแม่เขาก่อน เดี๋ยวเขาก็จะมาหาเรื่องพ่อแม่กูอีก กูไม่อยากสร้างปัญหาให้พ่อกับแม่ว่ะ กูสงสารเขา แค่นี้เขาก็เป็นทุกข์กับกูมากพอแล้ว"

"มึงไม่ต้องกลัวหรอกสน เดี๋ยวกูหาทนายเก่งๆ ให้ มึงลองไปศึกษากฎหมายดีๆ ละกัน เผลอๆ เขาอาจจะฟ้องร้องอะไรมึงไม่ได้ด้วยซ้ำ นาเองเขาก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ใช่ผู้เยาว์ มึงก็รอดประเด็นนี้ไปแล้วล่ะ กูก็ไม่ได้รู้เรื่องกฎหมายอะไรมาก แต่กูว่ามันต้องมีทางออกว่ะ เชื่อกูสิ"

สนพยักหน้า เขารู้สึกค่อยมีความหวังขึ้นมาบ้าง อาจจะเป็นเพราะเขาเองมัวแต่อยากจะแก้แค้น อยากทำให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บบ้าง เขาก็เลยลืมคิดหาทางออกอย่างอื่นไป ถ้าเขาปล่อยวางและไม่จองเวร มันก็อาจจะง่ายกว่านี้ คำสอนของแม่วันนั้นย้อนกลับมาให้สนได้คิด พอได้คิดอีกครั้งก็ทำให้สนเห็นทางออกของปัญหามากขึ้น เอาล่ะ...ขอเวลาอีกหน่อย สนคิดว่าสนน่าจะจัดการปัญหานี้ได้ในเร็ววันนี้

"ขอบใจมากปั้นจั่น ที่ผ่านมาที่กูพูดไม่ค่อยดีกับมึง มึงก็อย่าถือสากูละกัน แต่กูไม่มีอะไรหรอก มึงกับไอ้นิก...เป็นเพื่อนที่กูรักและไว้ใจไม่น้อยเลยนะเว้ย" สนถือโอกาสนี้ขอโทษเพื่อนไปในตัวด้วย

"เออ...กูไม่เคยคิดมากเรื่องนั้นหรอก บางทีพวกกูก็เล่นกับมึงแรงไปด้วยซ้ำ ยังไงกูกับไอ้นิกก็เห็นมึงเป็นเพื่อนที่น่าคบคนหนึ่่งเลยแหละ พวกกูไม่ทิ้งมึงหรอก แต่มึง...อย่าทิ้งไอ้ต้นก็แล้วกัน"

ปั้นจั่นทิ้งระเบิดไว้ในตอนท้าย จากที่สนกำลังจะยิ้มๆ ก็เลยหน้าเจื่อนๆ ไป

------------------------------------------------------------

"คุณต้น จะไปทำงานแล้วเหรอครับ"

เสียงเรียกของ รปภ. ที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกทำให้ต้นต้องหันกลับมามองก่อนที่กำลังจะออกไปทำงาน

"ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ต้นหยุดถามอย่างแปลกใจ

"อ๋อ...เมื่อวาน...คุณสนเขามาหาคุณต้นครับ เนี่ย...นั่งรออยู่ตรงนี้ครับ แต่แปลกนะครับ ปกติคุณสนก็จะขึ้นไปเอง แต่คราวนี้ไม่ยอมขึ้นไป ผมบอกคุณสนว่าคุณต้นเพิ่งกลับมาถึง เดี๋ยวผมจะโทรไปบอกให้ แต่คุณสนก็กลับไปเลยครับ"

"เหรอครับ" ต้นพูดเสียงแผ่วเบาจนแทบจะฟังไม่ได้ยิน ในใจก็ครุ่นคิด

สนมาหาเขาอย่างนั้นหรือ ปกติถ้าลองว่าสนได้ตัดสินใจแล้ว เขาก็มักจะไม่คืนคำง่ายๆ หรอก บอกว่าจะไม่มาก็คือไม่มา เลิกก็คือเลิก แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของเขากับสนดูจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดขาดกันได้ง่ายๆ ถ้าสนมา...ก็แสดงว่าเขาคงตัดไม่ขาดหรอก สนคงคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงสน

"ขอบคุณนะครับ"

ต้นกล่าวขอบคุณแล้วก็เดินลงบันไดไป เขายังไม่คิดจะโทรหาสนตอนนี้หรอก ต้นจะรอวันที่สนพร้อมและกลับมาหาเขาเอง หรือแม้ว่าสนจะไม่กลับมา ต้นก็ยังยินดีจะรอต่อไปจนกว่าจะมีอะไรมาเปลี่ยนใจเขาในที่สุด แต่จะมีวันนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าอดทน อีกไม่นานสนก็คงจะกลับมาหาเขาเหมือนเดิม ไม่ว่าจะกลับมาในฐานะอะไรต้นก็ไม่ขัดข้อง เราจะรอนายนะสน...นานแค่ไหนเราก็จะรอ...

TO BE CONTINUED...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:38:42 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
โอยยยยย กลัวเรื่องราวจะไปกันใหญ่ เพราะผู้หญิงคนนั้นจริงๆ

เมื่อไหนนางจะยอมรับความจริงสักทีเนี่ย

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
แม่หนูนาเธอจะทำอะไรอีกล่ะ  เห็นแม่หนูนาเป็นอย่างนี้แล้วนึกถึงข่าวที่คน ๆ หนึ่งเรียกร้องให้ผู้ชายคนหนึ่งรับผิดชอบตัวเองซะจริง ๆ เฮ้อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด