วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ก็เลยมีเวลาเขียนไปจนเกือบจบแล้วครับ แต่ตอนจบคงยังไม่เขียนวันนี้
ไหนๆ จะจบแล้วก็ต้องเอาให้ประทับใจ (หรือเปล่า) ซะหน่อย-----------------------------------------------------
ตอนที่ 35: ไฟความหวังที่ริบหรี่เป็นเวลากว่าสามสัปดาห์แล้วที่สนไม่กลับมาหาต้นอีกเลย ไม่แม้แต่จะโทรศัพท์มาหา จนต้นเองก็ไม่กล้าแม้จะโทรไปหาหรือตามไปดูว่าเป็นอยู่อย่างไรบ้าง สนจะรู้ไหมว่าต้นทั้งคิดถึงและเป็นห่วงมากแค่ไหน ไม่ได้รักกันแบบนั้น...ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ทำไมจะต้องหนีหายไปแบบนี้ด้วย ถึงต้นจะเจ็บแค่ไหน แต่เขาก็เข้าใจทุกอย่าง รู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ แค่เขารู้ว่าสนรักเขา...แค่นี้ก็มากเกินพอสำหรับชีวิตต้นแล้ว แต่ก็นั่นแหละ...สนก็คงหวังเอาไว้มาก พอไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเขาก็คงเสียใจมากเป็นธรรมดา
ต้นถามตัวเองว่าเขาโง่หรือเปล่าที่ยังรักสนอยู่ แม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ แม้ว่าเขาหมดสิทธิ์ที่จะรอคอย แต่คำตอบในใจของต้นก็ยังเหมือนเดิม ไม่หรอก...ต้นไม่เคยคิดว่าตัวเองโง่ ต้นก็โตมากพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วล่ะ การพยายามไม่รักทั้งที่ยังรักมันเหนื่อยยิ่งกว่า เพราะมันคือการหนีและดิ้นรน แต่การปล่อยใจให้รักอย่างมีสตินั้นเหนื่อยน้อยกว่า เรื่องเจ็บ...มันก็เป็นธรรมดา รักที่ไม่สมหวังที่ไหนๆ มันก็เจ็บอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเมื่อเจ็บก็ยังรู้ว่าเจ็บ ไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเอง ไม่ต้องไปดึงใครเข้ามาให้เจ็บช้ำใจอีก ต้นได้เรียนรุู้แล้วล่ะว่าชีวิตมีเงื่อนไขมากกว่านั้น เหตุและปัจจัยก็มีหลายอย่าง คงไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราอยากให้เป็นทุกอย่าง ต้นเข้าใจดี
"สนเป็นไงบ้างวะปั้นจั่น" ต้นเริ่มการสนทนาเมื่อมีคนเอากาแฟกับเบเกอรี่สองสามชิ้นมาเสิร์ฟ วันนี้ปั้นจั่นแวะมาใกล้ๆ แถวคอนโดต้นก็เลยแวะมาหา
"ขอกินก่อนนะต้น...หิวมาก ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าละ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง" ปั้นจั่นบอกพลางใช้ช้อนเล็กๆ ตักเบเกอรี่กินด้วยอาการมือไม้สั่น คงจะหิวจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็คอยชำเลืองเพื่อนที่นั่งตาละห้อยด้วยความอยากรู้
พอค่อยยังชั่วแล้วปั้นจั่นจึงเริ่มเล่า "กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะต้น...สงสารมันชิบเป๋งเลยว่ะ" แล้วก็ถอนหายใจ "มันผอมลงไปเยอะเลย หน้าตาดูไม่มีความสุข ดูเครียดๆ ไม่รู้จะบอกยังไงว่ะ มึงต้องไปเห็นเอง แต่กูสงสารมัน...ไม่รู้ว่ามีวิบากกรรมอะไรนักหนาว่ะ"
ต้นได้ฟังแล้วก็ห่อเหี่ยวใจ ต้นเองช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่สนหายไปเขาก็ยอมรับว่าเขาอาการหนักเหมือนกัน แต่ต้นเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย เข้าใจคน เข้าใจชีวิต เขาจึงค่อยๆ ฟื้นตัวจากความหดหู่เศร้าหมอง แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกอย่างนั้นอยู่ เขาไม่โกรธอะไรสนเลยจริงๆ ไม่ได้คิดว่าสนผิดสัญญา ต้นแยกแยะได้ว่ารักกันก็เป็นเรื่องหนึ่ง ความรับผิดชอบก็เป็นเรื่องหนึ่ง มีหลายคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งที่ไม่ได้รัก แต่เมื่อมันเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้ว ต้นกลับชื่นชมคนที่กล้ายืดอกรับผิดแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะทำอย่างอื่นก็ได้ แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เสียสละของคนๆ นั้น
ต้นอาจจะเสียใจที่คงไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับสนอย่างที่วาดฝันเอาไว้ แต่ต้นก็ไม่ได้เสียใจที่สนยอมเสียสละความสุขของชีวิตเพื่อรับผิดชอบเด็กที่เกิดมา ไม่ว่าจะเกิดมาจากความรักหรือไม่ก็แล้วแต่ เขาก็เกิดมาแล้วและไม่ได้รับรู้หรอกว่าพ่อกับแม่ของเขารักกันหรือเปล่า ตรงกันข้าม...ต้นชื่นชมในความเสียสละของสนมากทีเดียว อย่างน้อย...เด็กคนนั้นก็จะมีพ่อเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป ถ้าเป็นต้น...ต้นก็คงทำแบบเดียวกับสนแม้ใครจะมองว่าโง่ก็ตาม
"ถามจริงๆ นะต้น มึงโกรธไอ้สนหรือเปล่าวะ" ปั้นจั่นถามแล้วก็จิบกาแฟ แต่ก็คอยมองหน้าต้นตลอด
"ไม่โกรธหรอก" ต้นยิ้มจางๆ แต่ก็ยังดูเศร้าอยู่ในที "ตรงกันข้าม...กูชื่นชมสนนะ เขามีส่วนทำให้เด็กเกิดมา ไม่ว่าจะเกิดมาจากความรักหรือไม่รัก เขาก็รับผิดชอบ กูอาจจะเสียใจ...แต่กูก็ดีใจแทนเด็กคนนั้น...เขาจะได้มีพ่อเหมือนลูกคนอื่นๆ" พูดจบแล้วต้นก็ยกกาแฟขึ้นมาจิบบ้าง แต่ก็ไม่ได้แตะต้องเบเกอรี่เพราะเห็นปั้นจั่นหิวเลยไม่อยากแย่งกิน
"แต่มึงก็ยังรักมันอยู่ใช่ไหม"
ต้นพยักหน้ายอมรับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้นจะปฏิเสธ ปั้นจั่นรู้จักเขามาหลายปีต้นจะไปโกหกได้อย่างไร
แล้วปั่นจั่นก็ถอนหายใจอีก สีหน้าเขาดูเครียดมากทีเดียว "ไอ้เรื่องรับผิดชอบกูก็ไม่ว่าหรอก แต่ถ้ามันไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน ก็ไม่รู้จะทนไปทำไมว่ะ แล้วเด็กที่เกิดมา ถ้าเกิดว่ามันรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่รักกัน หรือเกิดต่อไปสนมันเลิกกับนาขึ้นมา เด็กก็จะมีปัญหานะเว้ย กูละปวดหัวแทนว่ะ กูพูดจริงๆ นะต้น กูอยากช่วยมันว่ะ กูไม่อยากให้มันอยู่ให้มันอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเลย จะเป็นไปได้ไหมวะที่พอลูกมันโตสักหน่อย ก็ให้สนมันหย่ากับนาไปเลย แล้วก็มาอยู่กับมึง เอาลูกมันมาเลี้ยงด้วย มึงจะรังเกียจลูกติดของมันหรือเปล่าวะต้น"
ต้นพยายามคิดตาม เขาคงไม่รังเกียจหรอกถ้ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ "ไอ้รังเกียจน่ะคงไม่หรอก แต่เรา...ไม่อยากไปพรากลูกพรากแม่เขา อีกอย่าง...เด็กมันจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าเรากับสนเป็นมากกว่าเพื่อนกัน"
"ไม่รู้ว่ะ กูก็แค่ลองคิดหาทางออกให้มัน อาจจะไม่ใช่วิธีนี้ก็ได้ เออ...ว่าแต่ว่า...ไอ้สนมันไม่ยอมติดต่อมาหามึงเลยเหรอวะ ขนาดกูไปหามันที่คอนโด พอจะเล่าเรื่องมึงให้มันฟังมันรีบยกมือห้ามเลย ทำไมมันต้องอะไรขนาดนั้นด้วยวะ แล้ววันนั้นมันก็โทรมาร้องห่มร้องไห้บอกกูกับไอ้นิกให้ช่วยดูแลมึงด้วย ทำอย่างกับจะไม่กลับมาหามึงอีกเลยงั้นแหละ มันจะทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอวะต้น"
ต้นถอนหายใจยาวแล้วก็ก้มลงมองถ้วยกาแฟของตัวเองที่พร่องไปไม่มากนัก ต้นไม่ค่อยชอบดื่มเท่าไร นานๆ ทีถึงจะดื่มสักครั้ง "สนเขาตั้งความหวังไว้เยอะ เขาก็เลยผิดหวังมาก แล้วมันก็เป็นเพราะว่า...สนเคยสัญญากับเราไว้ ถ้าเขาทำให้เราเจ็บอีกครั้ง เขาก็จะเป็นคนไปจากเราเอง นั่นแหละ...สนก็เลย...ไม่ยอมติดต่อ ไม่ยอมมาหาเราอีก" ต้นพูดแล้วก็จะร้องไห้ ความผูกพันของเขากับสนมีมากเหลือเกิน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าสนจะทำอย่างที่บอกได้จริงไหม แต่ต้นก็กลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
"มึงเชื่อกูอย่างหนึ่งละกันต้น สนมันอยู่กับนาได้ไม่นานหรอก ยังไงก็เลิกกันชัวร์ รอแค่ว่าเมื่อไหร่ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าเลิกกันแล้วจะไปไหนเท่านั้น ถ้ามันเลิกกัน...มึงจะยอมให้ไอ้สนกลับมาหามึงหรือเปล่าวะต้น"
ดูเป็นคำถามที่เหมือนจะตอบง่าย แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะตอบ "กูยังรักสนอยู่เหมือนเดิมนะ แต่ทุกอย่าง...ก็ขึ้นอยู่กับสนว่าเขายังอยากจะกลับมาหากูไหม ถ้าอยากมา...กูก็ยังยินดี แต่ทุกวันนี้กูก็ไม่ได้แช่งให้เขาเลิกกันนะเว้ย ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก แต่กูแค่ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้ชีวิตมากขึ้น"
ปั้นจั่นพยักหน้าเข้าใจ "ก็ดีแล้วล่ะ แต่ยังไงๆ พวกกูก็เห็นมึงเป็นคนดีคนหนึ่งแหละ เชื่อกูดิ ไอ้สนมันไปไหนไม่พ้นหรอก เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมาหามึง มันไม่มีทางที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นได้ กูว่ามันเกลียดผู้หญิงคนนั้นไปแล้วล่ะ เป็นกูกูก็เกลียดว่ะ"
ดูเหมือนปั้นจั่นจะมั่นใจอย่างนั้น แต่ต้นก็ไม่อยากไปคาดหวังอย่างนั้นหรอก ตอนนี้ต้นรู้สึกว่าเขาทำอย่างที่เคยตั้งใจไว้ได้มากขึ้นแล้ว ต้นยินดีที่จะรักและอยู่ตรงนี้ของต้นไป ปัญหาเดียวของต้นตอนนี้ก็คือ...เขาเป็นห่วงสน คิดถึง อยากเจอ อยากถามไถ่ ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งสนคงจะกลับมาหาเขาอย่างที่ปั้นจั่นว่า สำหรับต้นแล้ว ขอแค่ให้สนกลับมาหาเขาในฐานะเพื่อนที่รักและผูกพันกัน ต้นก็พอใจแล้ว ขอแค่ให้สนกลับมาเท่านั้น
---------------------------------------------
สนพาร่างที่น่าจะเรียกได้ว่าไร้วิญญาณกลับมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านในวันหยุดวันหนึ่ง วันนี้สนตั้งใจจะมาพูดเรื่องสำคัญบางอย่างกับแม่ แล้วก็จะให้แม่ไปคุยกับพ่ออีกทอดหนึ่งเพราะเขาคิดว่าเรื่องนี้คงคุยกับพ่อตรงๆ ไม่ได้ ถึงเขากับต้นอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก แต่เขาก็อยากจะบอกให้พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้ อย่างน้อย...ถึงมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไร สนก็ยังได้ทำอย่างที่เขาตั้งใจ ทำในสิ่งที่เขาเคยคุยกับต้นไว้ว่าจะทำ
"ไม่ไปหาแม่พรกับพ่อแอ๊ดหน่อยล่ะสน เขาถามถึงสนทุกวันเลยนะลูก" แม่ของสนบอกลูกชายที่นั่งหน้าเครียด ไร้วี่แววของความสุข สนดูผ่ายผอมไปมากจนเธอชักจะเป็นห่วง
สนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ผมละอายใจครับแม่ ผมไม่กล้าไปหาใคร กับต้นเอง...ผมก็ไม่ได้ไปหาหรือติดต่อเขามาจะเป็นเดือนแล้วครับ"
"อ้าว...ทำไมล่ะสน สนทะเลาะอะไรกับต้นหรือเปล่า" แม่ถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับแม่..." แล้วสนก็หยุดคิด ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ว่าเขาคงจะต้องบอกความจริงเรื่องนี้ให้แม่รู้
"แม่ครับ...ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกแม่...เกี่ยวกับผมและต้นครับ แต่ก่อนที่ผมจะบอกไป ผมอยากให้แม่...เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี เพราะผมคิดว่า...ถ้าแม่รู้แล้ว...แม่อาจจะตกใจ...หรืออาจจะรับไม่ได้ไปเลยก็ได้ครับ"
ได้ยินสนพูดแบบนั้นแล้วคนเป็นแม่ก็ยิ่งหวั่นใจ กลัวว่าสนจะไปมีเรื่องอะไรกับต้นร้ายแรงจนอาจจะถึงกับเลิกเป็นเพื่อนกันหรือร้ายแรงกว่านั้น
สนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็หันไปถามแม่ว่า "แม่พร้อมจะฟังหรือยังครับ...ที่ผมยังไม่บอกพ่อ เพราะผมกลัวว่า...พ่อจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุยกับแม่แล้วแม่เข้าใจ แม่อาจจะช่วยพูดกับพ่อให้ผมได้ แล้วผม...จะคุยกับพ่ออีกทีครับ"
แม่ของสนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเธอพร้อมที่จะฟังแล้ว แม้จะดูไม่น่าไว้วางใจแต่ก็คงไม่มีอะไรน่ากลัวมากไปกว่าเรื่องของสนกับนาแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรที่เธอจะรับไม่ได้มากไปกว่านี้
"แม่ก็คงสังเกตใช่ไหมครับว่า...ผมกับต้น...สนิทกันมาก ไม่เคยห่างกัน ช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด ต้นเขาดีกับผมมาก...ดีกับผมทุกเรื่อง ไม่ว่าผมจะเดือดร้อนเรื่องไหน ต้นก็ไม่เคยทิ้งผม" สนหยุดเพื่อดูปฏิกิริยาของแม่
"แม่รู้จ้ะ แล้วมันยังล่ะสน แม่ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าลูกกำลังจะบอกแม่เรื่องอะไร"
สนนิ่งไปสักพักก็ตัดสินใจบอกไปว่า "ผมกับต้น...เราสองคน...รักกันครับแม่"
แม่ขมวดคิ้ว แต่ก็ดูเหมือนแม่จะไม่ได้แปลกใจมากเท่าไรนัก "อืม...แม่ก็รู้นะลูก ไม่เห็นจะเป็นความลับตรงไหนเลย คนแถวนี้เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าต้นกับสนเป็นเพื่อนรักกัน"
ตอนแรกสนก็แอบดีใจที่ดูเหมือนแม่จะไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่เขาบอก แต่พอรู้ว่าแม่เข้าใจผิดว่าเขารักต้นแบบเพื่อน สนก็เลยต้องรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วบอกไปใหม่ว่า "ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่...ผมกับต้น...รักกันมากกว่าเพื่อนครับ เรารักกัน...เหมือนผู้หญิงกับผู้ชายรักกันครับ"
นั่นแหละจึงทำให้แม่อึ้งได้ คราวนี้อึ้งจริงๆ ไม่ได้เข้าใจผิดอีกแล้ว "อะไรนะสน สนพูดว่าไงนะ"
เอาล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่สนจะต้องกลัว ชีวิตสนเจอความเจ็บปวดมามากจนเขามีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้ามันเป็นความจริงแล้วสนก็จะไม่กลัวมันอีกแล้ว "ผมกับต้นรักกัน...เหมือนที่ผู้หญิงผู้ชายเขารักกันครับแม่ ไม่ใช่แค่เพื่อน"
แล้วแม่ก็เงียบไป เงียบจนสนเดาไม่ออกและรู้สึกกลัวใจของแม่ ก็แน่ล่ะ...คงไม่มีแม่ที่ไหนหรอกที่จะไม่ช็อกเมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองรักผู้ชายด้วยกัน แต่เมื่อผู้ชายคนนั้นเป็นต้น สนก็หวังว่าแม่จะเข้าใจ
แม่ของสนถอนหายใจหลังจากที่เงียบไปนาน แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า "แล้วต้น...เขาคิดแบบเดียวกับสนหรือเปล่า หรือว่า...สนแค่จะบอกแม่ว่าสนคิดอย่างนั้นกับต้นฝ่ายเดียว"
"เราสองคนคิดตรงกันครับแม่ เรารักกันมานานแล้ว เพราะเหตุนี้แหละครับ ผมถึง...ไม่กล้าไปสู้หน้าต้น" สนพูดแล้วก็จะร้องไห้ ช่วงนี้เขาร้องไห้บ่อยเหลือเกิน บ่อยจนเขาไม่รู้ว่าเขายังมีความเป็นผู้ชายเหลืออยู่ไหม
แม่พยักหน้าเข้าใจแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง ถ้าต้นกับสนจะรักกันแบบนั้น มันก็ไม่น่าจะแปลกหรอก มันก็มีโอกาสที่คนสองคนที่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้จะรักกันได้ แม้ว่าจะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม "มันก็...น่าตกใจสำหรับคนเป็นแม่นะ แต่ว่า...แม่ก็...เข้าใจลูกนะ พวกเราเอง...ก็รักต้นกันทุกคน ถ้าสนจะรักต้นแบบนั้น...แม่ก็เข้าใจ แล้วต้น...เขาไม่เสียใจแย่เหรอลูกที่ลูก...ต้องมาอยู่กินกับยัยนา"
สนน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจ ดีใจที่แม่เข้าใจและยอมรับได้ ถึงมันจะไม่มีประโยชน์นักในตอนนี้เพราะเขามีห่วงผูกคอแล้ว แต่เขาก็อยากให้แม่รู้ สนโผเข้ากอดแม่แล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กๆ ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่และอ่อนแอมาก แต่เขาก็จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างอดทนและก้าวผ่านเรื่องราวร้ายๆ เหล่านี้ไปให้ได้
"แม่ครับ...ช่วยสนด้วย ผมรักต้นมาก...ผมอยากอยู่กับเขา แต่ผม...ก็ทำให้เขาเสียใจจนผมไม่กล้าไปสู้หน้าเขาอีกแล้ว ผมไม่ได้ไปหาเขามาเกือบเดือน ผมคิดถึงต้น เป็นห่วงเขา อยากไปดูแล อยากไปทำกับข้าวให้เขากิน...แต่ผมก็ไปหาต้นไม่ได้"
แม่ของสนก็พลอยร้องไห้ไปกับลูกชายด้วย สนเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ ความรักทั้งหมดของครอบครัวจึงมาตกที่สนคนเดียว เห็นลูกเป็นทุกข์ คนเป็นแม่ก็ย่อมไปทุกข์ไปด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาแบบนี้เพิ่มเข้ามาอีก สนคงไม่ได้พูดเล่น จากอาการที่สนเป็นอยู่ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วล่ะ สนคงรักต้นจริงๆ อย่างที่เขาบอก แล้วก็ดูท่าจะรักมากเสียด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่สนจะรักต้นมากขนาดนั้น
แล้วเธอจะช่วยลูกชายของเธอยังไงดีล่ะ สนก็อยู่กินกับทางนั้นแล้วแถมยังมีจะมีลูกด้วยกัน นี่ก็คงเป็นอีกปัญหาที่เธอจะต้องนอนก่ายหน้าผากอีกแล้ว ไหนจะต้องไปคุยกับพ่อของสนให้เข้าใจอีกล่ะ แต่เธอก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรยากเกินไป ทุกคนรักต้นด้วยกันทั้งนั้น ถ้าสนจะรักต้นแบบนั้น...พ่อของสนอาจจะตกใจบ้างเหมือนเธอตอนนี้ แต่สุดท้ายเธอก็เชื่อว่าสามีจะเข้าใจลูกชายเหมือนที่เธอกำลังพยายามเข้าใจเขาอยู่ในตอนนี้
"สนเอ้ย...ถ้ามันเจ็บปวดนัก แล้วลูกจะไปทนอยู่กับเขาทำไมล่ะลูก บางครั้ง...เราก็ไม่ควรจะเป็นคนดีมากเกินไปนะลูก คนบางคน...พอเขารู้ว่าเรายอมเขาก็จะเอาเปรียบเรา อย่าไปยอมคนแบบนั้นมากเกินไป ลูกของสน...หลานของแม่ พ่อกับแม่ช่วยกันเลี้ยงได้ แต่แม่...ไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้น ถ้าลูกไม่ได้รักเขา ก็อย่าไปอยู่กับเขาให้มันทรมานจิตใจกันไปเปล่าๆ เลยนะลูก ออกมาเถอะ ยังไงลูกของเราเราก็รับผิดชอบอยู่แล้ว"
"ผมมีเหตุผลบางอย่างครับแม่ เขาทำลายชีวิตผมขนาดนี้...ถ้าที่ผ่านมาเขาเจ็บไม่พอ ผมก็จะทำให้เขาเจ็บเสียให้พอ"
คำตอบของสนดูจะทำให้คนเป็นแม่ตกใจมากทีเดียว ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายของเธอจะกลายเป็นคนอาฆาตพยาบาทแบบนี้ไปได้
"สน...อย่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาอีกเลยนะลูก ไม่งั้นมันจะไม่จบไม่สิ้น เกิดชาติหน้าเราก็อาจจะต้องมาชดใช้เวรกรรมให้เขาอีก หยุดเถอะนะลูก...แม่ยินดีที่จะให้เขามาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย บ้านหลังนี้น้าเขาก็ยกให้เราแล้ว ถ้าจะต้องขายบ้านหลังนี้เอาเงินให้เขาไป แม่กับพ่อก็จะยอม จะให้ไปอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่แม่ไม่อยากให้สนมีชีวิตแบบนี้เลยลูก เห็นลูกทุกข์...พ่อกับแม่ก็ไม่มีความสุขหรอกนะลูก"
ไม่รู้ว่าสนจะเข้าใจที่แม่พูดหรือไม่ แต่แม่ก็บอกด้วยความรักและเป็นห่วง แม่ของสนลูบผมลูกชายด้วยความรักและเอ็นดู เธอรู้ว่าสนคงต้องการเวลาไตร่ตรอง และเธอก็มั่นใจว่าสุดท้ายสนก็จะหยุด สนไม่ใช่คนจิตใจโหดร้ายแบบนั้นหรอก
-----------------------------------------------------
สนกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นๆ ก็เห็นนานั่งดูทีวีพร้อมกับกินมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกกับเกลือราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร เธอท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว บางวันก็แพ้ท้องหนักมากจนบางทีเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ก็แค่สงสาร...ไม่ได้รัก
ดูเหมือนว่าพอสนกลับมาแล้วบรรยากาศภายในห้องกลับดูอึมครึมมากขึ้น สนมาถึงก็ไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้มไม่แย้มใดๆ ตรงเข้าไปในครัวเป็นอันดับแรก เห็นจานชามกองไว้ยังไม่ได้ล้างแล้วสนก็ชักหงุดหงิด เขาจึงต้องลงมือล้างและเก็บเอง
จากนั้นเขาก็ทำกับข้าว ทำเสร็จแล้วก็นั่งกินคนเดียว นาเหมือนอากาศธาตุในบ้านนี้จริงๆ แต่จริงๆ อาจจะหนักกว่านั้น สนเห็นเธอเป็นเพียงสิ่งน่ารังเกียจ ไม่ควรแม้แต่จะปรายตาไปมองด้วยซ้ำ กินข้าวเสร็จแล้วสนก็เอาจานไปล้าง ส่วนนาจะกินตอนไหนก็เรื่องของเธอ แล้วสนก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์เขาไปเงียบๆ คนเดียว
ตั้งแต่นามาอยู่กับเขา สนก็ทำแบบนี้ทุกวัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่พูดด้วยอย่างเด็ดขาด อาจจะคอยดูแลบ้างเวลาที่เธอแพ้ท้องหนักๆ หรืออยากกินอะไรบางอย่างตามประสาคนแพ้ท้อง ของอะไรที่คนท้องจำเป็นต้องมีต้องกิน เขาก็ซื้อมาไว้ให้ แต่อยากกินอยากใช้ก็ทำเอง เขาทำให้ได้เท่านี้จริงๆ บางทีมันก็มากไปด้วยซ้ำ
นาดูเหมือนจะหงุดหงิดมากทีเดียว เธอมายืนเท้าสะเอวมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่นั่งหันหลังทำงานด้วยความไม่พอใจ ยิ่งกำลังท้องกำลังใส้แบบนี้เธอก็ยิ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่จากคนที่เป็นพ่อของลูกมากเป็นพิเศษ แต่สนก็เอาแต่ทำตัวเฉยชากับเธอ แถมดูจะหนักกว่าตอนก่อนที่จะแต่งงานด้วยซ้ำ
พอเห็นสนทำเป็นไม่สนใจแบบนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ทำเสียงกระฟัดกระเฟียด เดินลงเท้าหนักๆ เข้าไปหาอะไรกินเองในครัว แต่ไม่ว่าเธอจะเรียกร้องความสนใจอย่างไร สนก็ไม่หันมามอง พอถึงเวลานอน สนก็ปล่อยให้เธอไปนอนในห้องคนเดียว แต่สนก็ยังนั่งทำงานที่เขารับมาทำจนดึกจนดื่น พอง่วงนอนจริงๆ สนก็จะนอนข้างนอกห้องบนโซฟา
ตื่นเช้ามาสนก็ไปทำงานตามปกติ ปล่อยให้นาอยู่ในห้องคนเดียว ตอนนี้นาขอหยุดงานหนึ่งสัปดาห์เพราะเธอแพ้ท้องมาก ไปทำงานไม่ไหว ตอนนี้เธอเองก็ชักเริ่มหงุดหงิดกับที่ทำงานจนคิดอยากจะเปลี่ยนงานอยู่เหมือนกัน ใครๆ ต่างก็นินทาเธอไปต่างๆ นาๆ ที่จบออกมาทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ท้องซะแล้ว แถมสามียังไม่มาส่งที่ทำงานอีก ตอนเย็นๆ สนอาจจะไปรับบ้าง แต่ถ้าเขามีธุระกับบริษัทหรือลูกค้า สนก็จะให้เธอกลับเอง อาจจะดูเหมือนคนใจดำ แต่สนก็จำเป็นต้องสั่งสอนให้ผู้หญิงคนนี้รู้สำนึกสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดเสียบ้าง
สภาวะจิตใจตอนนี้ของนาจึงย่ำแย่และกดดันมาก เธอนอนร้องไห้แทบทุกคืน บางวันทนไม่ไหวเธอก็จะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ กลับมาก็หวังว่าสนคงจะคิดถึงเธอบ้าง ก็เปล่าเลย...ไม่มีท่าทางแบบนั้นจากสน ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากสนถ้าไม่จำเป็น มีแต่ท่าทางรังเกียจและเฉยชาที่แทบจะทำให้เธอเป็นบ้าไปทุกขณะจิต
-----------------------------------------------------------------
เป็นเวลาเกือบเดือนที่ทดแทนไม่ได้เจอต้นเลย ตั้งแต่งงานของสนผ่านไปทดแทนก็เงียบหายไป แต่เขาก็ได้รับรู้ข่าวสารและเรื่องราวของต้นกับสนตลอดผ่านนิกกับปั้นจั่นอยู่เสมอ ที่เขาไม่ได้มาหาเพราะเขาเองก็อยากให้ต้นใช้เวลากับตัวเองเพื่อที่จะคิดและทบทวนให้เต็มที่ ทดแทนรู้ว่าต้นเป็นคนเข้มแข็ง ต้นจะไม่เสียใจฟูมฟายและคิดสั้นอย่างแน่นอน และเขาก็ดีใจที่วันนี้ต้นก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
ช่วงวันหยุดสบายๆ ทดแทนจึงนัดต้นออกมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขามานั่งรออยู่ก่อน พอต้นมาถึง เขาก็เห็นว่าต้นยังดูแจ่มใสอยู่เหมือนเดิม อาจจะมีแววตาเศร้าๆ บ้างแต่เขาก็ดูออกว่านี่คือแววตาของคนที่เข้าใจชีวิตและทำใจกับบางสิ่งบางอย่างได้แล้ว
พอต้นนั่งลง ทดแทนก็ถามพลางยิ้มว่า "เป็นไงต้น สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน"
ต้นยิ้มตอบ "สบายดีครับพี่...ไม่เจ็บไม่ป่วย...แต่งานก็อาจจะเยอะนิดหน่อย"
ทดแทนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ "อะ...สั่งอาหารก่อนดีกว่า กินได้ตามสบายเลยนะวันนี้ พี่เลี้ยงเอง อย่าเพิ่งห้าม...พี่จำได้ว่าคราวที่แล้วต้นเป็นคนจ่าย คราวนี้ก็เป็นตาของพี่" ทดแทนรีบดักไว้อย่างรู้ทันเมื่อเห็นต้นทำท่าจะห้าม
"อ๋อ...ครับ" ต้นว่าแล้วก็หยิบเมนูอาหารมาดู ทดแทนก็หยิบมาดูเช่นกัน แล้วก็สั่งสิ่งที่แต่ละคนอยากกินไป
ในระหว่างรออาหาร ทดแทนก็ถามขึ้นว่า "ดูเหมือนต้น...จะทำใจได้แล้วใช่ไหม พี่หมายถึง...เรื่องของต้นกับสน"
สีหน้าของต้นหม่นลงเล็กน้อย "ก็...น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมลืมเขานะครับ แต่ผมแค่...กลับมาทำตามความตั้งใจเดิมของผม"
ทดแทนทำสีหน้าแสดงให้รู้ว่าเขาอยากรู้ว่าต้นหมายถึงอะไร ต้นจึงพูดสืบไปว่า "เมื่อก่อน...ที่ผมรักสน ผมก็ไม่เคยคิดจะบอกเขาเลยนะครับ พยายามทำใจเสมอมา แล้วก็คิดว่า...ผมก็จะรักเขาแบบนี้แหละ ไม่เรียกร้องอะไรจากเขา ปล่อยให้เขามีชีวิตอย่างที่เขาต้องการ เราก็มีความสุขไปตามประสาที่ได้รักเขา ได้ดูแลเขาบ้างตามโอกาส แต่เรื่องมันก็มาวุ่นวายขึ้นตอนที่สนเขารู้ว่าผมคิดอะไรกับเขาโดยบังเอิญ แล้วตอนหลังมันก็กลายเป็นว่า...สนเขาก็รักผมเหมือนกัน เราต่างก็รักกัน...แต่อุปสรรคก็เยอะเหลือเกินนะพี่ จนถึงตอนนี้...ความหวังมันก็ริบหรี่ไปมาก หรืออาจจะดับไปแล้วด้วยซ้ำ"
"ต้นเสียใจหรือเปล่าที่มันเป็นแบบนี้"
ต้นพยักหน้าน้อยๆ "แรกๆ ก็หนักอยู่ครับ แต่ตอนนี้...ผมคิดว่า...ผมสามารถที่จะรักและเป็นห่วงเขาได้โดยที่ไม่ต้องทุรนทุราย ผมก็ยังรอเขาได้...ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน ผมไม่อยากเหนื่อยกับการเสแสร้งหรือบังคับใจตัวเอง ถ้ามันยังรักอยู่...ผมก็จะรักต่อไป จนกว่าจะไม่อยากรักอีกแล้ว"
ทดแทนยิ้มด้วยความชื่นชม ถึงเขาจะรักผู้ชายคนนี้...แต่เขาก็ไม่อยากจะไปบังคับฝืนใจเมื่อรู้ว่าต้นยังรักเขาไม่ได้ มีแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นที่เขาเผลอใจไปบ้าง เห็นต้นมีความสุขกับชีวิตและทำใจได้ เขาก็ดีใจด้วยจริงๆ
"ดีแล้วล่ะต้น...ดีแล้วที่ต้นรอได้โดยไม่ต้องเจ็บปวดทรมาน มีไม่กี่คนในโลกนี้หรอกนะที่จะทำใจได้แบบนี้ เชื่อพี่นะ รอสนอีกสักหน่อย...ชีวิตของสนเขาก็มีแต่ต้นเท่านั้นแหละ ถ้าเขาไม่กลับมาหาต้น เขาก็คงไม่รู้จะไปหาใคร พี่ดูผู้ชายคนนี้ออกนะ เขาเป็นคนแสดงออกชัดเจนว่าเขาคิดอะไร พี่ว่าก็ดีเหมือนกัน...พอสนเขาได้บทเรียนชีวิตที่หนักขนาดนี้แล้ว ถ้าเขากลับมาหาต้นได้ เขาก็จะยิ่งรักต้นมาก และเขาจะระมัดระวังกับการใช้ชีวิตมากขึ้น เขาอาจจะเข็ดผู้หญิงไปจนชั่วชีวิตก็ได้"
ต้นได้แต่ยิ้มแล้วก็ขำเบาๆ จังหวะนั้นอาหารก็เริ่มทยอยมา ต้นกับทดแทนจึงหันไปสนใจกับอาหารอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาคุยกันหลังจากที่บรรเทาความหิวไปได้บ้างแล้ว
"ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับพี่แทน ขอบคุณที่เข้าใจผม ไม่บังคับผม อย่างน้อย...ถึงเราจะไม่ได้รักกัน แต่ผมก็คิดว่าผมโชคดีที่ผมได้มารู้จักคนดีๆ อย่างพี่ ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากให้พี่...เป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของผม"
ทดแทนหยุดกินข้าวแล้วก็ยิ้ม เขาเองก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากแล้วล่ะ เจ็บกับความรักมาก็หลายครั้ง เขาก็เริ่มทำใจได้ไวขึ้น รู้ว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไร
"ยินดีครับน้องต้น...พี่ดีใจนะ...ที่พี่จะมีน้องชายที่น่ารักอย่างต้น เป็นครั้งแรกเลยล่ะ...ที่ความรักของพี่...ไม่ได้จบไปแล้วก็จบไปเลย ที่ผ่านมา...พอเลิกกันแล้ว...ต่างคนก็ต่างไป บางทีไม่อยากจะกลับมาเจอกันอีกด้วยซ้ำ พี่ดีใจที่ความรักของพี่ครั้งนี้ไม่ได้จบแบบนั้น ถ้ามันจบแบบนั้นพี่คงเสียใจมาก พี่ดีใจที่มันจบลงด้วยการที่เราเป็นพี่น้องกัน"
เห็นรอยยิ้มของทดแทนแล้วต้นก็ค่อยสบายใจและหายใจได้อย่างโล่งคอมากขึ้น ที่ผ่านมาต้นกังวลมาตลอดและรู้สึกผิดที่ดึงทดแทนเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ นึกโมโหตัวเองก็หลายครั้งที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย
"ขอบคุณครับ...พี่ชาย" ต้นยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
สักพักก็หันกลับมาสนใจกับอาหารต่อ
"แล้วตอนนี้...สนเขาไม่หาต้นเลยเหรอ" ทดแทนถามหลังจากกินข้าวไปได้สองสามคำ
"ครับ...เป็นเดือนแล้วครับพี่" ต้นตอบพลางยกช้อนอาหารค้างไว้
"โห...แล้วต้นไม่คิดถึงเขาแย่เลยเหรอ" ทดแทนทำสีหน้าเห็นใจ
ต้นพยักหน้า "คิดถึงครับ...เป็นห่วงมาก แต่ผมก็คิดว่า...สนโตแล้ว เขาก็น่าจะจัดการปัญหาของเขาเองได้ แต่...ไม่ว่าจะยังไง ผมก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ไม่เคยจากกันกับเขานานขนาดนี้เลยครับ เมื่อก่อน...โกรธกันบ้าง แต่ก็ยังเห็นหน้ากัน แต่นี่...ไม่ได้เห็นเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียง ไม่เห็นแม้แต่เงา"
เห็นต้นทำหน้าเศร้าแล้วทดแทนก็ยื่นมือไปบีบมือต้นให้กำลังใจ
"อดทนอีกนิดนะต้น...เชื่อพี่...สักวันสนเขาจะต้องกลับมาหาต้น เขาจะกลับมาอย่างแน่นอน พี่เอาหัวเป็นประกันได้เลย..."
TO BE CONTINUED...