*** ไม่ใช่ตอนต่อนะคะ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเรื่อง
เป็นฟิกที่คนเขียนเขียนเอง....
คั่นเวลา ฮ่าๆ จู่ๆ ก็อยากเขียนให้คุณพนิตเป็นกินรน นายโจเป็นพรานป่า นายกั้งเป็นพรานเพื่อนนายโจ ส่วนคุณภูมิเป็นคนธรรพ์ เพื่อนกินนรพนิตอีกที
เราเข้าป่าหิมพานต์กันเถอะ ฮ่าๆๆๆ
(โดนคนอ่านเตะ
)
----------------------------------------
Fic Out of order.
กินนรและพรานไพร
ณ ป่าหิมพานต์อันเลื่องชื่อ (?)
พรานหนุ่มน้อย(?)หน้ามน นามว่าโจ(?) ที่รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาพอจะส่งไปแข่งประกวดนายแบบที่เขาพระสุเมรุแข่งกับพวกคนธรรพ์ได้ กำลังเดินเที่ยวมองหาผลหมากรากไม้แปลกๆ เพื่อเอาไปขายตลาดในเมือง แต่เผอิญเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำจากแม่น้ำบนเขาพระสุเมรุไหลหลากเข้าท่วมป่าหิมพานต์ จนพืชพรรณต่างๆ พากันอพยพลี้ภัยไปงอกใหม่ที่เขาเหลียงซานจนหมด ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงอพยพกลับ เลยไม่ค่อยมีพืชอะไรให้หาไปขายมากนัก
ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นายพรานหนุ่มน้อย (?) ต้องเดินดั้นด้นเข้าไปในป่าลึกกว่าที่เคยเดิน เพื่อเสาะหาสินค้ามีมูลค่าไปปล่อยในตลาดมืด (เฮ้ย!) ระหว่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ มองหาของป่า หูของเขาก็ได้ยินเสียงน้ำดังจ๋อมแจ๋ม
เฮ้ย!! หรือว่ามีน้ำป่าไหลหลากอีก!!!!
พรานโจใจหายวาบ ไหนรับฐาลสารขันย้ำนักย้ำหนา ว่ารอบหน้าจะเอาน้ำจากเขาพระสุเมรุอยุ่แน่นอน ไหงผ่านไปไม่กี่เพลา น้ำมาอีกแล้วล่ะ?!!
แต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นพราน(มีจริงเรอะ?) พอได้ยินเสียงซ้ำอีกครั้ง นายพรานหนุ่มจึงรู้ว่า นี่ไม่ใช่เสียงน้ำป่า แต่เป็นเสียงน้ำในลำธารต่างหาก แต่ว่าเสียงแบบนี้คงไม่ใช่แค่เสียงน้ำไหลธรรมดา มันต้องมีตัวอะไรอยู่ในน้ำด้วยแน่ๆ ฟังจากเสียงแล้ว คงไม่ใช่ปลาบึกยักษ์หรอก
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พรานโจเลยเดินย่องไปตามเสียงที่ได้ยิน พอก้าวพ้นดงไม้ใหญ่ที่กำลังฟื้นตัวจากการต้องแช่น้ำท่วมสองเดือน ก็พบสระน้ำขนาดใหญ่ คั่นอยู่ระหว่างลำธาร น้ำในลำธารใสจนเห็นปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายอยู่ ในลำธารไม่มีพืชน้ำ แต่กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หัวใจพรานหนุ่มเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมา
จ๋อม!
ใครบางคนกำลังแหวกว่ายอยู่ในลำธารใส พรานหนุ่มแทบหยุดหายใจ ตอนที่ร่างนั้นโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ผิวขาวจัดราวหยวกที่มีหยดน้ำเกาะพราวสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลอดร่มไม้ลงมา เป็นประกายระยับ เรือนผมสีดำสนิท ร่างนั้นหันหลังให้ แต่ก็พอจะมองออกว่าผอมเพรียว ซ้ำช่วงล่างยังแน่นน่าจับ... เอ๊ะ แต่นี่มันผู้ชายนี่นา...!!?!!
จ๋อม...!
เสียงน้ำกระเพื่อม พร้อมกับดวงหน้าที่เบือนกลับมา หัวใจนายพรานหนุ่มเต้นตึกๆ ทั้งปากทั้งคางมนได้รูป ดวงตาสีดำเป็นประกายเชื่อมแสง ถึงจะดูมีอายุแล้ว แต่แบบนี้มันน่ารักสุดๆ ไปเลย
ไม่รู้กามเทพบินมาตั้งแต่ตอนไหน ยามนี้ได้แผลงศรรักปักอกพรานโจจนทะลุ น่าเสียดาย ศรกลับไม่แผลงไปโดนผู้ที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในสระด้วย จะเห็นได้จากร่างนั้นยังคงแหวกว่ายน้ำอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกแอบมองอยู่
พรานโจมัวแต่มองร่างในน้ำอย่างตื่นตะลึง ลืมนึกเลยว่าไม่น่ามีมนุษย์คนไหนเข้ามาว่ายเล่นในสระกลางป่าแบบนี้ จวบจนกระทั่งร่างผอมบางนั้นก้าวเท้าขึ้นจากสระ สวมเสื้อผ้าพร้อมปีกหางที่วางเอาไว้ตรงโคนต้นไทรใกล้ๆ โผบินขึ้นไปในอากาศ พรานหนุ่มจึงได้สติ
นั่นมันกินนรนี่นา!!
ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าออกไปด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ไม่ทันจะเรียกกินนรตัวนั้นเอาไว้ ไม่สิ ถ้ารู้ว่ามีคนอยู่ตรงนี้ล่ะก็ กินนรตัวนั้นคงบินหนีไปนานแล้วล่ะ
หัวใจพรานหนุ่มหล่นวูบ กินนรอาศัยอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งลึกเกินกว่าที่มนุษย์อย่างเขาจะดั้นด้นเข้าไปได้ แล้วจะทำอย่างไรดี ถ้าต้องการจะพบกินนรตัวนั้นอีกครั้ง
ถ้าหากว่ามารอที่สระนี้ล่ะ?
นายพรานหนุ่มตั้งใจแน่วแน่ ทำแผนที่และจุดสังเกตเพื่อมาที่สระแห่งนี้ หากคราวหน้ามีโอกาสได้พบเจออีก แสดงว่าตัวเขาคงมีวาสนากับกินนรตนนั้นเหมือนกัน ถึงจะเป็นกินนรก็ไม่เกี่ยง เพราะศรรักมันปักอกไปแล้ว จะถอนอย่างไรก็คงถอนไม่ออก
---------------------------------
หลังจากนั้นอีกสองวัน พรานโจกลับเข้าป่าอีกครั้ง คราวนี้จุดประสงค์คือไปยังสระน้ำที่ได้พบกับกินนรปริศนาวันก่อน คราวนี้เขาเตรียมพร้อม ทั้งเสบียงและกล้องส่องทางไกล(?) กะว่าถ้าไม่เจอจะรออยู่สักสองคืน แม้การค้างคืนในป่าหิมพานต์จะอันตรายมาก แต่การต้องนอนเปล่าเปลี่ยวอยู่ที่บ้านมันหว้าเหว่ใจเกินจะทน
พรานหนุ่มรูปหล่อเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อย ก็ออกเดินทางบุกป่าฝ่าดง ตามแผนที่และสัญลักษณ์ที่ได้ทำไว้ เพื่อกลับไปยังสระน้ำนั้นอีกครั้ง จนเวลาสาย เขาก็ไปถึงยังสระน้ำดังกล่าว แต่กลับไร้วี่แววของผู้ใดอยู่ที่นั่น มีเพียงสระน้ำใสสะอาด และเหล่าปลาเล็กปลาน้อยที่ว่ายไล่กันอยู่
ถึงกระนั่นพรานน้อย(?)ก็ยังคอยอย่างอดทน
หลังจากรอคอยจนแทบจะงีบหลับ เพราะความเงียบสงบในบริเวณดังกล่าว เสียงกระพือปีกในอากาศก็ดังขึ้นไกลๆ นายพรานหนุ่มตื่นตัวทันที เขาเข้าหลบในพุ่มไม้ และสอดสายตา มองหาว่าจะมีใครลงมาที่สระแห่งนี้บ้างไหม
พึ่บ!!
กินนรตัวหนึ่งร่อนลงที่ลานกว้างข้างสระ เล่นเอาหัวใจพรานหนุ่มเต้นรัวเป็นกลองยาว ใช่กินนรตนวันก่อนจริงๆ สองวันที่ผ่านมาเข้าเฝ้าจินตนาการถึงใบหน้าและรูปทรงองเอวจากความทรงจำที่ได้เห็นในครั้งแรก แต่พอได้มาเจอของจริง จินตนการก่อนหน้าถึงกับดูไร้สีสันไปเลย
กินนรมีอายุ(?) ผลัดเสื้อผ้าและถอดปีกหากออก ก่อนจะหย่อนตัวลงไปแหวกว่ายในสระ
อากาศรอบๆ เย็นสบาย เพราะมีทั้งต้นไม้ใหญ่ และสระน้ำ แต่พรานหนุ่มนามว่าโจกลับเหงื่อแตกซิก ขณะจ้องมองกินนรที่กำลังแหวกว่ายน้ำในสระตนนั้นผ่านกล้องส่องทางไกลที่เตรียมมา
ทั้งรูปหน้า ช่วงคอ แผงอก ปั้นเอว เวลาขยับว่ายในน้ำช่างยั่วเย้าเสียนี่กระไร แค่มองเฉยๆ ยังรู้สึกดีขนาดนี้ ถ้าได้สัมผัสล่ะก็....
พรานหนุ่มแทบจะโยนกล้องทิ้ง แล้ววิ่งเข้าไปแหวกว่ายกับกินนรตนนั้น เผื่อจะได้โอกาสสัมผัสเนื้อตัวบ้าง แต่ก็ระลึกได้ว่า ขืนทำแบบนั้น อย่าว่าแต่ได้ว่ายน้ำด้วย วันหน้าวันหลังคงไม่มีโอกาสได้พบเห็นอีก เพราะกินนรคงจะบินหนีไปด้วยความตระหนก แล้วคงไม่กลับมาที่นี่อีกเลย
พอคิดว่าจะไม่ได้เจออีก อาการกระสันอยากชิดใกล้ของพรานหนุ่มก็ลดน้อยลงทันที
ไม่เป็นไรหรอก ถึงไม่มีวาสนาจะได้อยู่เคียงคู่ ขอให้ได้แอบมองอยู่อย่างนี้ก็พอ
พรานน้อยแอบดูกินนร(แก่ๆ?)อาบน้ำอย่างเต็มอิ่ม รอจนกินนรตัวนั้นบินจากสระ แล้วจึงค่อยเดินทางกลับ หัวใจเต็มไปด้วยความอิ่มเอม ขอเพียงได้ยลโฉมก็นับว่ามีความสุขเพียงพอ
--------------------------------------
เนื่องจากติดภารกิจ ต้องไปช่วยงานเพื่อนบ้าน กว่าที่พรานโจจะได้กลับไปที่สระแห่งนั้นอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปเกือบสัปดาห์แล้ว ในหัวใจของพรานหนุ่มมีแต่ภาพของกินนรตนนั้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะยังไปว่ายน้ำที่สระนั้นอยู่อีกมั้ย บางทีอาจจะเปลี่ยนสระไปแล้วก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำอย่างไรดี ไม่เจอแค่เจ็ดวันก็แทบจะคลั่งตายแล้ว ถ้าไม่ได้เห็นหน้าอีกเลยล่ะ
นายพรานหนุ่มคิดไปแล้วรู้สึกกลัดกลุ้มในจิตใจ ยิ่งพอไปถึงสระไม่เห็นใครยิ่งว้าวุ่น แต่พอสักพักก็ได้ยินเสียงกระพือปีก หัวใจที่กำลังวุ่นวายก็พองตัวขึ้นแทบจะในทันที
ช่างงามเสียเหลือเกิน
ยังคงเป็นกินนรตนเดิม และมาเพียงผู้เดียว พรานหนุ่มชักสงสัยว่า หรือกินนรตนนี้จะถูกลงโทษอะไรบางอย่าง จึงต้องมาเล่นน้ำอย่างเดียวดายเช่นนี้ แต่ทว่า แอบมองมาสองวันแล้ว ไม่เห็นว่ากินนรที่ตนหลงรักมีสีหน้าวิตกทุกข์ใจแต่อย่างใด หรือจะเป็นกินนรรักสันโดษ แล้วยังไม่มีคู่
ยังไม่มีคู่....!!!
หัวใจพรานหนุ่มเต้นแรง หรือตนอาจมีวาสนาได้เคียงคู่กับกินนรตนนี้ แต่คิดอีกทีก็มองไม่เห็นว่าจะมีทางเป็นไปได้ ทั้งเพศ ทั้งฐานะมันช่างห่างไกลความจริงเสียเหลือเกิน เอาเถอะ แค่ขอให้ได้แอบมองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็พอ แค่ได้มองก็มีความสุขแล้ว
วันนี้กินนรตนนั้นแหวกว่ายน้ำตามปกติ แต่เพราะกอบัวที่ริมสระกำลังผลิดอกบานสวย ร่างเพรียวบางจึงว่ายเข้ามา ดอมดมดอกบัวใหญ่น้อย ก่อนจะเด็ดติดมือไปสองสามดอก แล้วขึ้นจากสระ บินกลับที่พักไป
หัวใจของพรานหนุ่มเต้นแรงขึ้นอีกหลายเท่า ดูท่ากินนรตนนี้จะชอบดอกไม้ หากวันหลังตนพกดอกไม้มาวางไว้ คงจะได้เห็นสีหน้าพออกพอใจเป็นแน่
------------------------------------------------
พรานโจกลับบ้านไป ก็จัดแจงทำแปลงปลูกดอกไม้ เลือกเฟ้นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ที่สวยงามแปลกตา แต่ดอกอะไรเล่าจะแปลกตาสำหรับชนในป่าหิมพานต์ หลังจากเลือกอยู่นาน สุดท้ายก็ต้องจำใจชื่อดอกดาวกระจายมาปลูก เพราะเงินที่มีติดตัวอยู่ไม่มีพอจะไปซื้อดอกไม้อย่างอื่น ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่พรานหนุ่มก็ไม่ย่อท้อ ลงมือพรวนดิน รดน้ำ และให้ปุ๋ยอย่างเอาใจใส่ หวังว่าวันหนึ่งเมื่อมันออกดอก จะได้เป็นไปเป็นกำๆ วางไว้ที่ข้างสระ
ระหว่างนั้นเอง เพื่อนบ้านที่ชื่อกั้งซึ่งเป็นพรานด้วยกัน เป็นพฤติกรรมผิดไปจากปกติของเพื่อน ก็เลยเดินเข้ามาถาม
“เจ้าจะปลูกอะไรน่ะ?”
“ดอกดาวกระจาย” พรานโจตอบ พรานกั้งถึงกับเลิกคิ้วเหมือนว่าตัวเองฟังผิด ก่อนจะถามอีก “จะปลูกไปทำไมกัน?”
พรานโจหน้าแดงด้วยความขวยเขิน “ข้าจะปลูกไปให้คนรัก”
คราวนี้พรานกั้งสำลักน้ำลายทันที “ว่าไงนะ คนรัก หน้าอย่างเจ้าเนี่ยนะ มีคนรัก” เว้นจังหวะไปพักหนึ่ง พรานกั้งก็พูดขึ้นอีก “หน้าตาเจ้าก็ดีอยู่หรอก เสียแต่ทำนิสัยอ้ำๆ อึ้งๆ แถมพักนี้ยังชอบแอบเข้าป่าไปคนเดียว ของเขิงก็ไม่เอามาขาย เฮ้ย อย่าบอกนะว่า..... ไปหลงรักกับนางพรายในป่าเข้าน่ะ โอ๊ย ตายๆๆๆ เสียชื่อพรานหมด”
เพื่อนบ้านสรุปเองเออเองเสร็จ ไม่เปิดโอกาสให้พรานหนุ่มพูดน้อยอย่างโจพูดเลย ถึงอย่างนั้นพรานหนุ่มรูปหล่อก็ไม่ว่าอะไร ตั้งหน้าตั้งตาปลูกดอกไม้ต่อไปอย่างมีความสุข เพราะคาดหวังสีหน้าตื่นเต้นดีใจของกินนรมีอายุตนนั้น
“ท่าจะบ้า” พรานกั้งว่า แล้วตัดสินใจปลีกตัวออกไป เพราะเห็นแล้วว่าอยู่ต่อก็คงต้องเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวแน่นอน
----------------------------------------------
ระหว่างนั้นพรานโจเข้าป่าไปอีกหลายครั้ง ทั้งนี้เพื่อหาของป่ามาประทังชีวิต ถ้าวันไหนหาของได้พอ ก็จะรีบแวะไปยังสระน้ำที่กินนรตนนั้นลงมาเล่นน้ำด้วย แล้วก็มักได้เจอแทบทุกครั้ง จนเคลิ้มคิดไปว่าอาจจะเป็นวาสนาชักนำก็ได้
ยิ่งได้เห็นมากเท่าไร ยิ่งรู้สึกหลงรักมากเท่านั้น
จนถึงตอนนี้ ไม่ต้องหลับตา นายพรานหนุ่มก็แทบจะจินตนาการทุกทรวดทรงองเอวของกินนรตนนั้นออก เสียแต่ยังไม่รู้ว่าชื่ออะไร ถึงไม่มีโอกาสได้พูดคุย แต่อยากจะรู้ชื่อไว้สักหน่อย จะได้เอาไว้เรียกในความฝัน ความฝันหวานหยดที่ตนได้ลงไปหยอกล้อกินนรตนนั้นในสระ ได้โอบเอวบางๆ ได้ลูบสะโพกแน่นๆ ซ้ำยังได้เชยปรางอุ่นให้วาบหวามใจด้วย
ถึงแม้ตื่นมาจะพบว่าเป็นเพียงหมอนข้างก็ตามที
ในที่สุด ดอกดาวกระจายที่ปลูกไว้ก็ออกดอกเสียที แต่ออกมาเป็นดอกเล็กๆ แค่ดอกเดียว เล่นเอาพรานหนุ่มในแป้ว แต่เอาเถอะ ยังมีที่ตูมอยู่อีกเยอะ เอาดอกนี้ไปให้ก่อน ลองเชิงว่าฝ่ายนั้นเห็นแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างใด
วันนี้พรานหนุ่มจึงดั้นด้นเข้าป่าไปแต่เช้า พร้อมห่อดอกไม้ ซึ่งมีแค่ดอกดาวกระจายดอกเล็กๆ ดอกเดียว แต่พรานโจก็ประคับประคองมันราวกับของมีค่าหาประมาณไม่ได้ จนในที่สุดก็ลุถึงสระน้ำใส นายพรานหนุ่มค่อยๆ แกะห่อดอกไม้ออก และพบว่ามันยังสดดี จากนั้นเขาก็วางดอกไม้ดอกนั้นเอาไว้ตรงลานฝั่งตรงข้าม ใกล้ๆ กับที่ตนใช้เป็นที่ซุ่มดู กะว่าถ้ากินนรตนนั้นเห็น ตัวเองคงมีโอกาสได้มองสีหน้าชัดๆ
พอได้ยินเสียงกระพือปีกดังแว่วมาในอากาศ พรานหนุ่มก็รีบหลบเข้าที่ซ่อนทันที
กินนรตนเดิมลงมาเล่นน้ำอีกแล้ว ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน น่าสงสัยที่ยังไม่มีคู่ครอง หรือบางทีอาจจะเป็นหม้ายก็ได้ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไร มาให้ยลโฉมแบบนี้บ่อยๆ พรานโจก็พอใจแล้ว
แต่วันนี้เป้าหมายสายตาของพรานหนุ่ม นอกจากจะอยู่ที่กินนรมีอายุ(?)ตนนั้นแล้ว ยังอยู่ที่ดอกดาวกระจายที่วางอยู่บนขอบสระอีกด้วย หัวใจของพรานโจกระดอนอยู่ในอกด้วยความตื่นเต้น ตอนที่กินนรตนนั้นว่ายเข้ามาใกล้ แต่พอเหลือบเห็นดอกไม้สีเหลืองอร่ามวางอยู่ ร่างผอมบางก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง
“ใครน่ะ?”
เสียงพูดดังสะท้อนเข้าไปในหัวใจของพรานหนุ่ม ช่างไพเราะเหลือเกิน อยากจะให้มาเรียกอยู่ทุกเช้าเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าตอบไป ด้วยกลัวว่าจะทำกินนรตนนั้นหนีเตลิด
กินนรมีอายุ(?)ถามหาเจ้าของดอกไม้ อยู่อีกสองครั้ง พอไม่ได้เสียงตอบ ก็ค่อยๆ เอื้อมมือมาหยิบดอกดาวกระจายดอกนั้นไป
หัวใจของพรานหนุ่มเต้นแรงด้วยความยินดีทันที
ได้เห็นสีหน้าแสดงความประหลาดใจของกินนรตนนั้น แล้วยังได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แทบทำเอาพรานโจลงไปนอนดิ้นด้วยพิษรักแพร่กระจายไปทั่วอก จากนั้น กินนรรูปงาม(?) ก็ค่อยๆ ขดก้านของดอกดาวกระจาย ทำเป็นวงแหวน แล้วสวมเอาไว้ตรงนิ้วนางด้านซ้าย ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออย่างไร แต่เล่นเอาพรานโจแทบจะร้องไห้ด้วยความตื้นตัน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า จะสามารถเอาดอกดาวกระจายดอกเดียว มาขอหมั้นกินนรได้
แต่ก็แค่ฝันเท่านั้นแหละ
กินนรตนนั้นก็แค่ทำไปตามความสนุก คงนึกว่ามีกินนรตนอื่นมาวางทิ้งเอาไว้ ถึงอย่างนั้นแล้ว หัวใจของพรานหนุ่มก็อดเต้นแรงด้วยความดีใจไม่ได้อยู่ดี แค่กินนรตนนั้นรับดอกไม้ เขาก็ดีใจมากแล้ว ยิ่งพอเห็นว่าเอาไปทำเครื่องประดับ คนปลูกยิ่งดีใจขึ้นไปอีก
พอได้แหวนที่ทำจากดอกดาวเรืองแล้ว กินนรตนนั้นก็ขึ้นจากสระ บินกลับทีพักไป พร้อมกับพาหัวใจพรานหนุ่มโบยบินไปด้วย
--------------------------------------
หลังจากนั้น พรานหนุ่มก็ได้ความคิด พอดอกดาวกระจายบานเมื่อไหร่ จะเอามาถักเป็นสร้อยข้อมือบ้าง สร้อยคอบ้าง หวังเรียกร้องความสนใจจากกินนรตนนั้น ซึ่งก็เหมือนจะได้ผล เพราะกินนรมีอายุ(?)ดูสนอกสนใจ และเอาไปลองใส่เล่นทุกครั้ง ท่าทางน่ารักจนแทบอยากจะกระโจนเข้าไปจับไว้ ไม่อยากให้บินกลับไปที่พักเลย
พรานโจมีความสุขอยู่กับการประดิษฐ์เครื่องประดับจากดอกดาวกระจาย จนเพื่อนบ้านอดไม่ได้ ต้องเดินเข้ามาถาม
“นี่ เห็นทำอยู่หลายวันแล้วนะ เอาไปให้ใครที่ไหนน่ะ”
“ให้คนรัก” พรานหนุ่มพูด แล้วหน้าแดงจัด ที่จริงยังไม่รู้เลยว่าจะรักเขารึเปล่า แถมไม่ใช่คนด้วยซ้ำ แต่เขาก็โมเมเป็นคนรักไปเรียกร้อยแล้ว พรานกั้งฟังแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“คนรักที่ไหน ข้าเห็นเจ้าเอาแต่เข้าป่า หรือเจ้าถูกผีพรายล่อลวงเอา ต้องใช่แน่ๆ แบบนี้ต้องทำพิธีปัดเป่าอาคมแล้ว”
จากนั้นก็เดินเข้ามา ทำท่าจะลากตัวออกไป เลยถูกอีกฝ่ายเอามือไม้ปัดป้องเป็นพัลวัน “ไม่ใช่ผีพราย ข้าแอบชอบกินนรตนหนึ่งอยู่ต่างหาก”
“หา!?” พรานกั้งร้องเสียงหลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น “เจ้าพูดจริงๆ หรือ ไปเจอที่ไหนน่ะ แต่เอ๊ะ กินนรมันตัวผู้นี่? ดูผิดรึเปล่า?”
“ไม่ผิดหรอก” พรานโจตอบ แล้วหน้าแดงอีก “ตัวผู้ก็น่ารักจนหลงรักไปหมดหัวใจเลยแหละ” พอพูดถึงก็ทำหน้าเคลิ้มจนเพื่อนรู้สึกสยอง
“นี่! ไปเจอที่ไหนน่ะ?”
“ในสระ”
“หืม? อย่าบอกนะว่าไปแอบดูเขาอาบน้ำน่ะ?!”
อีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่หน้าแดงอยู่อย่างนั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะ “เจ้านี่ลามกชะมัด ไปแอบดูกินนรอาบน้ำได้ เออ แล้วนี่ก็ร้อยดอกไม้ไปจีบเขาล่ะสิ เป็นไงบ้างล่ะ เขาสนมากมั้ย?”
“อือ เขาชอบนะ” พรานโจตอบด้วยสีหน้ามีความสุข “ยิ้มทุกครั้งที่เห็นเลยล่ะ”
“อ้อ... แล้วทำไมไม่ชวนเขามานี่เลยล่ะ กินนรถอดปีกถอดหางแล้วก็เหมือนคนธรรมดานี่นา”
“เอ่อ...” อีกฝ่ายอึกอัก “เขายังไม่เคยเห็นหน้าข้าเลยน่ะ”
“ห๊า!!” พรานกั้งร้องเสียงหลง “อะไรนะ ยังไม่เคยเห็นหน้า แล้วที่เจ้าร้อยดอกไม้ไปตั้งเยอะตั้งแยะนี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าไปวางเอาไว้เฉยๆ”
“อือ”
“โอ๊ยย ทึ่มจริงๆ เลย!!” เพื่อนพรานพูดออกมาอย่างทนไม่ได้ “อุตส่าห์ร้อยดอกไม้ไปตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วเขาก็ชอบด้วยไม่ใช่หรือไง เขาไม่เคยถามหาเจ้าของดอกไม้เลยหรือ?”
“ถาม” พรานโจตอบ จากนั้นก็โดนเพื่อนฟาดไหล่ดังป้าบ “ถ้าไปอีกคราวนี้น่ะ ตอบเขาไปเลย กลัวอะไรเล่า”
“กลัวเขาหนีหายไปน่ะ” อีกฝ่ายตอบ แล้วทำหน้าเศร้า “ถ้าเขาหนีไป ข้าคงจะเสียใจไปจนวันตายแน่”
“บ้าเรอะ เขาชอบดอกไม้เจ้าใช่ไหมล่ะ เขาคงอยากเจอตัวเจ้าน่ะ นี่... เขาคงไม่คิดว่าเป็นกินนรด้วยกันเอามาวางไว้หรอก อีกอย่าง หน้าตาเจ้าก็เข้าที ข้าว่าต่อให้เป็นกินนรก็ไม่น่าจะปฏิเสธลงนะ”
“แต่ว่า...” พรานโจพูดอย่างลังเล “ถ้าเกิดเขาเจอข้าแล้วหนีไปล่ะ ไม่เอาดีกว่า ไม่ออกไปหรอก”
“โอ๊ยยย” พรานกั้งร้องอย่างขัดใจ ก่อนจะพูดออกมา “แค่ไม่ให้หนีไปไหนก็พอใช่ไหมล่ะ?”
“?!”
“จะไปอีกเมื่อไหร่?”
“วันนี้”
“งั้นไปด้วย”
“หา?!”
“ไม่ไปแอบดูกินนรอาบน้ำหรอกน่า จะไปช่วยให้ความรักเจ้าสมหวังน่ะ”
“ข้าว่าอย่าดีกว่า” พรานโจพูด แต่แล้วกลับโดนเพื่อนกระชากคอเสื้อ “กล้าปฏิเสธความหวังดีหรือไง นี่ ข้าไม่ทำเขาหนีไปหรอก สาบานได้ ถ้าทำเขาหนีไปล่ะก็ ข้าจะดั้นด้นเข้าไปตามหาเขาให้เจ้าเลย”
“ไม่เอา” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้ข้ามีความสุขดีอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องลำบากหรอก ข้าไม่อยากเสียเพื่อน”
พรานกั้งมีสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมรามือไป “ตามใจ อยากแอบรักเขาไปจนแก่ก็เชิญ” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไป ทิ้งพรานโจให้วุ่นอยู่กับการถักมงกุฎดอกไม้ต่อ
-------------------------------
วันนี้ท้องฟ้าครึ้มฝนนิดหน่อย พรานโจดั้นด้นเข้าป่าไปยังสระน้ำอีกครั้ง วางมงกุฎดอกดาวกระจายสีทองอร่ามเอาไว้ตรงขอบสระเหมือนเดิม แล้วเฝ้ารอให้กินนรตนนั้นมาหยิบไป
เสียงกระพือปีกดังในอากาศ นายพรานหนุ่มรีบหลบเข้าที่ซ่อนอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เขากลับต้องขมวดคิ้ว เพราะกินนรไม่ได้มาตนเดียว เหมือนจะมีคนธรรพ์มาด้วยอีกตนหนึ่ง ท่าทางมีอายุแล้ว แต่รูปหล่อไม่เบาเลยทีเดียว และท่าทางจะสนิทกันมากเสียด้วย เพราะพอมาถึงก็ช่วยถอดปีกถอดหางให้ เห็นแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาในตาทันที
“นี่ไง วันนี้ก็มีอีกแล้วล่ะ?” กินนรตนั้นพูด พลางแหวกว่ายสายน้ำเข้ามายังมงกุฎดอกดาวกระจายที่วางอยู่ตรงขอบสระ เจ้าคนธรรพ์ตนนั้นเลิกคิ้วหน่อยๆ แล้วถามออกมา “ใครเอามาวางไว้น่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน” อีกฝ่ายตอบ จากนั้นก็หยิบมงกุฎมาลูบๆ คลำๆ “ท่าทางตั้งใจทำมากนะ อาจจะเป็นฝีมือพวกพรายก็ได้ พวกนั้นชอบไปขโมยข้าวของจากมนุษย์มาทำของเล่น”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง ถ้าเป็นฝีมือพวกพรายจริง ทำไมต้องเอามาวางไว้ตรงนี้ทุกวันด้วยล่ะ สระนี้มีแต่เจ้ามาเล่นอยู่ตนเดียวไม่ใช่หรือไง?”
“...................” อีกฝ่ายนิ่งไปทันที “งั้น.... เป็นฝีมือมนุษย์จริงๆ เหรอ? ถ้าอย่างนั้น ทำไมเวลาข้าถามหา เขาถึงไม่ยอมออกมาล่ะ ถ้าจะมวางกับดักอะไรล่ะก็ น่าจะรีบหลอกล่อให้ข้าไปติดกับสิ นี่แค่เอาดอกไม้มาวาง ข้าหยิบมาเล่นตั้งหลายวันแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย”
คนธรรพ์ตนนั้นยกมือลูบคางอย่างครุ่นคิด “เขาอาจจะอยากจีบเจ้าก็ได้นะ”
“หา?!” กินนรร้องออกมา “เป็นไปไม่ได้หรอก ใกล้ๆ แถวนี้ไม่มีนายพรานผู้หญิงหรอกนะ”
“ก็ไม่ได้พูดถึงพรานหญิงนี่ ข้าหมายถึงผู้ชายน่ะ”
“บ้า!” อีกฝ่ายโพล่งทันที “พูดอะไรน่าเกลียดชะมัด ผู้ชายจะมาจีบข้าได้ยังไง ข้าก็เป็นตัวผู้นะ”
“นี่... ขนาดกินนรเองยังมีที่ชอบตัวผู้ด้วยกันเลยไม่ใช่หรือไง” คนธรรพ์ว่า คราวนี้กินนรขึ้นเสียงทันที “อย่าไปเหมารวมกับคนธรรพ์อย่างพวกเจ้านะ เราไม่รักมั่วแบบพวกเจ้าหรอก”
คนธรรพ์กะพริบตาอย่างอดทน “เอาล่ะ ข้าจะไม่บอกหัวหน้าแล้วกัน ว่าเจ้าพูดจาหมิ่นเกียรติพวกเราอีกแล้ว แต่ว่านะ ชายรักชายมันก็มีอยู่นะ พนิต”
หัวใจพรานหนุ่มเต้นตึกๆ นั่นชื่อกินนรตนนั้นหรือ... พนิต... นิต.... ได้เอาไปเรียกในฝันคงน่ารักดี
ขณะที่กำลังจินตนาการถึงภาพความฝันแสนหวานอยู่ เสียงของกินนรตนนั้นก็ดังขึ้น
“งั้นต่อไปข้าจะไม่มาที่สระนี้แล้ว”
หัวใจของพรานหนุ่มเหมือนถูกบีบให้หยุดเต้นทันที
ตะกี้เขาว่าไงนะ?!
“อ้าว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ” คนธรรพ์ถามต่อ กินนรพนิตยกมือลูบหน้า “ก็ไม่อยากถูกมนุษย์ผู้ชายจีบนี่”
ผู้ได้ฟังหัวเราะออกมา “ถึงขนาดจะย้ายที่อาบน้ำเลยเหรอ? แต่เขาอุตส่าห์ปลูกดอกไม้ แล้วถักมาให้เจ้าทุกวันแบบนี้ เขาคงชอบเจ้ามากอยู่นะ ใจคอจะตัดรอนเขาแบบนี้เลยหรือ?”
“แล้วจะให้ข้าทำยังไงล่ะ?” อีกฝ่ายตอบ “เขาเป็นใครก็ไม่รู้ หน้าตาข้าก็ไม่เคยเห็น ถ้าจีบข้าก็น่าจะแสดงตัวสิ แต่ว่าข้าคงจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้หรอก เพราะงั้น ข้าไปเองดีกว่า เขาจะได้ตัดใจได้”
“คิดแทนคนอื่นอีกแล้ว” คนธรรพ์พึมพำ “น่าสงสารเขานะ เอางี้สิ เจ้าบอกเขาหน่อย เขาจะได้ไม่ต้องบากปั่นเข้ามาเก้อ เขียนสารทิ้งเอาไว้ เขาอ่านแล้วจะได้ไม่ต้องเข้ามาอีก”
“อืม... ฟังดูเข้าท่าดี งั้น ข้าเขียนเลยดีกว่า” พูดจบก็ว่ายไปเด็ดใบโพธิ์มาเพื่อจะเขียนข้อความ ฝ่ายพรานโจที่นั่งแอบอยู่ ได้ยินทุกถ้อยคำก็แทบจะร้องไห้ออกมา
ไม่เอานะ ไม่อยากให้กินนรตนนี้ย้ายที่อาบน้ำไปไหน เขาแค่อยากเจอทุกวัน แค่อยากจะมองเท่านั้น แต่ว่าจะให้วิ่งออกไปทั้งแบบนี้ กินนรตนนั้นคงตกใจแล้วบินหนีไปจริงๆ แน่ แต่ถ้าปล่อยไว้คงไม่ได้เจอกันอีก
แล้วจะทำยังไงดี
ระหว่างที่กำลังว้าวุ่นใจจนน้ำตาแทบไหล เสียงของกินนรตนนั้นก็ดังขึ้นอีก “อืม... ข้าเกิดเห็นใจเขาขึ้นมานิดหน่อย ข้าจะเขียนทิ้งเอาไว้แล้วกันว่าพรุ่งนี้ข้าจะมาเป็นวันสุดท้าย ให้เขาแสดงตัวออกมา ยังไงเขาก็คงตามข้าไม่ได้อยู่แล้ว ข้าอยากเห็นหน้ามนุษย์ที่อุตส่าห์ทำของพวกนี้มาน่ะ”
คนธรรพ์ยิ้มที่มุมปาก “ก็เป็นซะอย่างนี้แหละนะ เอาเถอะ พรุ่งนี้เจ้ามาตนเดียวนะ ข้าต้องไปธุระกับหัวหน้า”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ชวนเจ้ามาออกความเห็นน่ะ” กินนรพูด ก่อนจะวางสารเอาไว้ ตรงที่เคยวางมงกุฎดอกไม้ ก่อนจะก้าวขึ้นจากสระ
“นี่ จะเอาดอกไม้กลับไปด้วยหรือไง?” คนธรรพ์ถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายถือมงกุฎดอกไม้ไว้แนบอก กินนรเลิกคิ้ว “ก็มันสวยดีนี่ เขาอุตส่าห์ทำมา จะทิ้งก็น่าเสียดายใช่ไหมล่ะ”
ได้ยินคนธรรพ์หัวเราะหึๆ ก่อนจะช่วยอีกฝ่ายใส่ปีกใส่หาง แล้วบินกลับไปด้วยกัน
พรานโจรอเวลาสักพัก ก็ค่อยๆ ย่องไปหยิบสารใบไม้นั้นขึ้นมาอ่านด้วยมือสั่นเทา
ถึงเจ้ามนุษย์ที่ข้าไม่เคยเห็นหน้า
ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ข้าไม่ชอบเลยที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เดาเหตุผลไม่ออกเช่นนี้ ถ้าเจ้าอยากจะคุยกับข้า พรุ่งนี้พอข้าเรียกจงแสดงตัวออกมา
บอกกับเจ้าไว้ก่อน ข้าไม่ชอบมนุษย์ผู้ชาย ถ้าเจ้าเป็นผู้ชายล่ะก็... ข้าจะบินหนีไปเสีย เจ้าจะได้เลิกว้าวุ่นกับข้าอีก
น้ำอุ่นๆ ไหลหยดลงมาบนสารใบไม้ พรานหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา
ผิดอะไรหรือที่เขาเป็นผู้ชาย ผิดอะไรหรือถ้าเขาอยากจะรัก
เขาแค่อยากแอบมอง อยากเห็นฝ่ายนั้นมีความสุข
พรุ่งนี้... ถึงเขาแสดงตัว ฝ่ายนั้นก็คงจากไปอยู่ดี
ความรักข้างเดียวที่แสนสุขของเขากำลังจะจบสิ้นแล้วหรือ.....
-----------------------------------------------
**ฟิกช่างดราม่ากว่าเนื้อหาจริง (เฮือก!!) เขียนออกมาอย่างกับพาร์ตความรู้สึกนายโจ (ฮา~) โจแอบลามกอ่ะ ชอบดูพี่นิตอาบน้ำอ่ะเดะ เอากล้องไปส่องเลยทีเดียว (ก๊ากกก)
แอบรู้สึกสงสารนายโจจริงจัง รักอ้ำอึ้งกระทั่้งในฟิก โจเอ๊ย ขนาดพระสุธนมีพรานบุญมาช่วย ยังต้องง้อนางกินรีแทบตาย เรื่องนี้พรานโจไม่ใช่พระสุทน แต่มีนายกั้งมาช่วย กระนั้นจะง้อกินรนพี่นิตได้ขนาดไหนหนอ...
โปรดติดตามตอนต่อไป (โว้ยย ยาวอีกแล้วอ๊ะ)
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ