#1
“จงตื่นขึ้นมาเถิดบุตรแห่งข้า รัสเทล” เสียงทุ้มที่กังวานไปทั่วทุ่งกว้างที่มีเพียงร่างของชายหนุ่มต่างวัยสองคนอาศัยอยู่ตามลำพัง ชายหนุ่มที่นอนหลับตาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างตน ชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาจนไม่สามารถบรรยายได้ส่งรอยยิ้มเอ็นดูกลับมาที่เขา
“ท่านผู้สร้าง” เสียงที่นุ่มละมุนดังออกมาจากริมฝีปากบนใบหน้าที่ระบุเพศจากสายตาไม่ได้เพียงนิด หากแต่ความราบเรียบบริเวณหน้าอกที่ยืนยันว่าเป็นบุรุษเพศเพียงเท่านั้น
“หากเจ้ายังมิเลิกจมอยู่กับความเศร้าโศกจากพวกเขาเมื่อนานมาเช่นนี้ แล้วเจ้าจักมีความสุขในวันต่อไปได้เช่นไรบุตรข้า” ฝ่ามือที่ลูบอยู่บนศีรษะด้วยความเอ็นดูเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าสวยที่แฝงความเศร้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ข้ามิอาจลืมเลือนช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดที่พวกเขาทอดทิ้งข้ามิได้ พวกเขารับปากว่าจะช่วยเหลือข้าช่วยรักษาผืนป่าและสัตว์น้อยใหญ่ที่ข้าดูแลในนั้น พวกเขากลับทอดทิ้งมันจนเกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้น พวกเขาบีบบังคับข้าให้ต้องทำร้ายลูกๆที่รักของตัวเอง พวกเขามิรักษาสัญญาที่จะดูแลสัตว์พวกนั้น พวกเขาทอดทิ้งพวกมัน และสุดท้ายก็หันหลังทิ้งข้าไว้กับปัญหาที่ข้ามิเกี่ยวข้องใดๆ ข้าผิดอะไร ลูกๆข้าผิดอะไร ข้าแตกต่างกับพวกเขาเช่นไร ถึงทอดทิ้งข้ากัน เหตุใดจึงหวาดกลัวข้ากัน ข้าใช้เวลานานนับพันปีเพื่อหาเหตุผลมาตอบตัวเอง แต่ไม่มีอะไรที่บอกกล่าวแก่ข้าได้ว่าเหตุใดพวกเข้าถึงหวาดกลัวตัวข้าที่ปกป้องพวกเขาเช่นนี้”
“เจ้าบอกว่าเจ้าคือผู้ปกป้องพวกเขาเหล่าลูกแกะผู้หลงทางเช่นนี้ แล้วการที่เจ้าหนีพวกเขามานับหมื่นปีเช่นนี้ ใครเล่าที่ปกป้องเขาต่อกันบุตรแห่งข้า”
“ท่านผู้สร้าง ข้ารักและพร้อมปกป้องพวกเขาด้วยใจจริง แต่การที่พวกเขาทอดทิ้งข้ามันก็ทำให้ข้ามิสามารถมองพวกเขาดำเนินชีวิตต่อไปได้ พวกเขาต่างรักในพวกพ้องแล้วข้าเล่า มิรักพวกพ้องเช่นกันหรือ ข้าอยากมอบบทเรียนกับพวกเขา อยากให้พวกเขาได้ดูแลตนเอง อยากให้พวกเขาต่างเติบโตด้วยตนเองโดยไร้ข้าที่อยู่เฝ้ามอง”
“บุตรแห่งข้า ณ ตอนนี้ดินแดนด้านล่างกำลังระส่ำระส่ายยิ่งนัก หากเจ้ามิเชื่อจงส่องกระจกนี้เพื่อรับรู้เรื่องราวเถิด” ชายหนุ่มรับกระจกมามองโลกด้านล่างที่เขาเคยอาศัยเมื่อนานมาแล้ว
ความวุ่นวายในทุกย่อมหญ้าหลังจากที่เขาจากมาไม่นานจวบจนเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดความแตกแยกของสองดินแดนจนเกิดสงครามอยู่ต่อเนื่อง ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจากโรคประหลาด ผืนป่าที่เขาดูแลมิเปลี่ยนไปจากเดิม ไอเวทย์ที่ครอบคลุมไว้ทำให้เข้ารับรู้ได้ว่าที่นี่มีการดูแลรักษาที่สม่ำเสมอ ไอเวทย์จากปีศาจและพ่อมดแม่มดและเทคโนโลยีจากสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่ปกป้องคุ้มครองผืนป่าและสัตว์ภายใน ความเจ็บปวดเริ่มที่จะเลือนลางเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้ายังคงอยู่
“พวกเขาอาจจะหลงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า แต่บทเรียนที่พวกเขาได้รับทำให้พวกเขาเข้าใจเจ้ามากขึ้น พวกเขากำลังรักษาสัญญาของเจ้าเช่นกาลก่อนแล้วบุตรแห่งข้า เจ้าสามารถละทิ้งความเจ็บปวดในอดีตครั้งก่อนได้หรือไม่เมื่อประจักษ์กับสายตาเจ้าแล้ว ว่าตอนนี้เจ้าเองก็ทอดทิ้งพวกเขาจากบทเรียนของเจ้าเช่นกัน บุตรแห่งข้า”
“ท่านผู้สร้าง ข้าไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายลงเช่นนี้ เป็นข้าเองที่ทอดทิ้งพวกเขามานานนับหมื่นปีเช่นนี้ ข้าทอดทิ้งพวกเขาจนเหตุการณ์เลวร้ายกว่าเดิม ข้าจะทำอย่างไรดี พวกเขาจะให้อภัยกับโทษที่ข้าทอดทิ้งเขาครั้งนี้หรือไม่” เสียงของเด็กหนุ่มสั่นเทาจากความเสียงใจที่คิดว่าตนทอดทิ้งบุคคลที่ตนบอกว่าปกป้องไว้นานเกินไปจนแผ่นดินด้านล่างเริ่มระส่ำระส่ายเช่นนี้ ความแตกแยกของสองอาณาจักรที่ไร้ผู้ช่วยเหลือ ทุกอย่างดูหนักเกินไปที่อาณาจักรเวทย์แห่งนั้นจะช่วยได้
“หากเจ้าอยากจะรู้สิ่งใดก็จงตรองดูเอาเถิด หากแต่ไร้ซึ่งหนทางแล้ว ข้าผู้เป็นพ่อจักช่วยเหลือเจ้าเอง” อ้อมกอดที่กระชับเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย ความสงบที่หาได้เสมอในอ้อมกอดนี้ทำให้เกิดประกายในดวงตาของเด็กหนุ่ม
“ท่านผู้สร้าง ข้าอยากปกป้องพวกเขาอีกครั้ง แต่ข้ากลัวว่าหากพวกเขาจำข้าได้จะหวาดกลัวข้าอีกหน”
“ข้าจะช่วยเจ้าเองบุตรแห่งข้า” แสงสว่างเกิดขึ้นก่อนที่จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่กลับเหลือเพียงชายหนุ่มวัยกลางคนที่ยืนยิ้มอยู่เพียงลำพัง
“ไม่ว่าเจ้าจะหนีมันมาอีกสักกี่พันครั้งชะตาของเจ้าก็จะคงเดิม พวกเขาจักใช้ประโยชน์จากเจ้าเช่นเดิม อยู่ที่มุมมองของเจ้าแล้วว่าจะมองว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากเจ้าหรือเพียงขอยืมแรงของเจ้าเช่นมิตรสหายกัน พ่อคนนี้จักอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอไม่ว่ายามใด ขอให้เจ้าได้ประสบแต่สิ่งที่ดีเถิดหนา ลูกรัก” ภาพทุกอย่างกลายเป็นความมืดมิดเหมือนทุกครั้งที่เหตุการณ์จบลง เปลือกตาที่ปิดอยู่ถูกเปิดออก ร่างบางของเด็กผู้ชายที่อยู่บนเตียงซ้อนทับกับภาพของเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งนิมิตฝัน ไม่ว่าส่วนใดของร่างกายที่ไม่แตกต่างจากกันที่แตกต่างคงเป็นเพียงขนาดของร่างกาย เพราะร่างบนเตียงเป็นเพียงแค่เด็กน้อยวัยสิบสามปีเท่านั้น
ร่างนั้นขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมานั่งนิ่งๆ ความงุนงงจากภาพฝันที่เห็นทุกครั้งยามหลับตานอนตั้งแต่จำความได้จากที่ตกใจที่เห็นคนที่หน้าคล้ายตัวเองกลายเป็นความชินชา หลังจากที่บอกเล่าความฝันกับบิดามารดาเขาก็ถูกหาว่าเพ้อฝัน เด็กน้อยจึงไม่เคยเล่าความฝันของตนเองแก่ใครอีก แม้จะจดจำเหตุการณ์ ชื่อและหน้าของเด็กหนุ่มในฝันได้แต่กลับเลือนรางเมื่อนึกถึงชายที่พูดคุยตรงหนาในฝันเสมอ
เมื่ออายุครบสอบขวบจึงเข้าโรงเรียนประจำอาณาจักรตามกฎระเบียบ และความฝันยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้ามาที่โรงเรียนแห่งนี้ในวัยสิบปี และทุกครั้งที่หลับตาภาพของเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนตนก็ปรากฏขึ้นเสมอ
“ราส ถ้านายตื่นแล้วก็ไปจัดการตัวเองเร็วเข้า เรากำลังจะไปสายแล้ว” เสียงรูมเมทของเด็กหนุ่มดังขึ้นความคิดต่างๆจางหายเมื่อได้ยินคำว่าสาย
ขาสั้นที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นรีบวิ่งไปจัดการตัวเองแล้วพากันออกจากหอพักไปที่อาคารรวมทันทีเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมขึ้นปีที่สี่ของพวกเขาเหล่าพ่อมดแม่มดรุ่นใหม่ สิ่งที่ตื่นเต้นก็คือจากนี้ไปอีกสามปีพวกเขาจะได้เรียนภาคปฏิบัติกันเสียทีและวันนี้พวกเขาจะได้รู้ว่าพวกเขามีเวทย์อะไรกันบ้างและสามารถใช้ได้ในรูปแบบไหนกันบ้าง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเขาสู่ดินแดนแห่งเวทย์มนต์นะครับ กระผม ราสเต้ ดีนเซอร์ ผมจะขอทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายหลักนะครับ ที่โลกที่ผมอยู่เรียกกันว่า ฮอตโตริ ในโลกนี้แบ่งออกเป็นสามดินแดนนะครับ เราจะเรียกกันว่าอาณาจักรนะครับ
มาเริ่มกันที่อาณาจักรแรกกันครับ เป็นอาณาจักรของเหล่าปีศาจทุกชนิดทุกสายพันธุ์มีชื่อว่า อาณาจักรรัสเทียร์ ต่อมาอาณาจักรที่มีเหล่ามนุษย์ที่ไร้เวทย์อาศัยอยู่แต่ถึงจะไร้เวทย์ก็มีวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีมาทดแทนสิ่งที่ขาด มีชื่อว่าอาณาจักรฟาซอลเทียร์และมาถึงอาณาจักรสุดท้ายที่ผมภูมิใจนำเสนอ อาณาจักรบ้านเกิดของผมเองครับ อาณาจักรอิลเทียร์
ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพ่อมดแม่มดรายละเอียดเบื้องต้นเป็นเนื้อหาสามปีที่เราเรียนทฤษฎีกันมาทั้งหมดครับ ที่นี่เราจะแบ่งลำดับการเรียกชื่อชั้นตามหน้าที่และพลังเวทย์ด้วยนะครับ ชนชั้นสูงหรือกษัตริย์ผู้ปกครองเราเรียกว่าจอมเวทย์ รองลงมาเป็นเหล่าสภาเวทย์อาวุโส ทำหน้าที่คัดกรองและออกกฎต่างๆ ต่อมาเป็นปราชญ์เวทย์ทำหน้าที่ส่งต่อคำสั่งและดูแลหน่วยงานต่างๆในระดับสูง ต่อมาเป็นนักเวทย์คือเหล่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาทุกคน สุดท้ายคือพ่อมดและแม่มด เป็นคำเรียกบุคคลที่ไม่ได้รับตำแหน่งใด เรียงลำดับจากบนลงล่างตามนี้ครับ
จอมเวทย์
สภาเวทย์อาวุโส
ปราชญ์เวทย์
นักเวทย์
พ่อมด,แม่มด
ในส่วนของชื่อเรียกของพวกเราตามลำดับขั้นพลังเวทย์จะมีลำดับจากบนลงล่างตามนี้นะครับ
มหาปราชญ์จอมเวทย์ (ปัจจุบันสาบสูญ)
จอมเวทย์
ปราชญ์เวทย์
นักเวทย์
พ่อมด,แม่มด
พ่อมด,แม่มดฝึกหัด
ระดับขั้นในแต่ละขั้นนั้นจะแบ่งได้อีกสามส่วนคือ ขั้นสูง ขั้นกลาง และขั้นเริ่มต้น ชนิดของเวทย์แบ่งเป็นสองชนิดคือแบบพื้นฐานและพิเศษ โดยเริ่มจากพื้นฐานคือ ดิน , น้ำ , ลม , ไฟ แบบพิเศษคือ แสง , มืด , น้ำแข็ง , ไม้ , ไฟฟ้า , ทำนาย(สาบสูญ) , ห้วงเวลา(สาบสูญ)และว่างเปล่า(สาบสูญ)
นี่เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับพวกเรานะครับ ที่อาณาจักรนี้จะมีโรงเรียนเพียงแห่งเดียวที่ฝึกสอนเหล่าพ่อมดแม่มดน้อยให้เติบโตกลายเป็นพ่อมดแม่มดหรือบุคลากรด้านต่างๆ ที่โรงเรียนนี้จะรับเด็กทุกคนในดินแดนเข้ามาเมื่ออายุครบสิบปีบริบูรณ์
สามปีแรกทางโรงเรียนจะสอนเฉพาะด้านทฤษฎีเท่านั้นเพื่อวัดระดับความรู้ พอปีที่สี่จะเริ่มวัดระดับพลังที่จะบ่งบอกว่าเจ้าตัวจะต้องอยู่หรือเดินทางไปตามเส้นทางใดในอนาคตของตน เด็กทุกคนเกิดมาจะยังไม่สามารถใช้เวทย์ได้จนกว่าจะผ่านการวัดระดับพลังจากที่นี่ก่อนเสมอ ผมและเพื่อนคนอื่นเลยอดที่จะตื่นเต้นไปกับมันไม่ได้เพราะอยากจะรู้ว่าผมได้พลังอะไร
“ต่อไปจะเป็นการแยกย้ายนักเรียนชั้นปีที่สี่ไปตามห้องวัดระดับพลังนะครับ” เสียงของอาจารย์ที่ทำหน้าที่ในงานปฐมนิเทศนักเรียนในครั้งนี้
เอ ผมลืมบอกชื่อโรงเรียนหรอครับ โรงเรียนนี้จะมีชื่อเดียวกับอาณาจักรเลยครับและอีกสองดินแดนก็เช่นกันครับ โรงเรียนอิลเทียร์ ชุดเครื่องแบบเป็นสีเทาเข้มทุกคนแต่ไทจะเปลี่ยนสีตามแต่ละชั้นปี ง่ายๆครับเราต้องเปลี่ยนไทใหม่ทุกปีครับเรียงจากปีแรกไปก็เป็น ขาว ครีม ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ครามและสุดท้ายดำครับ แต่จะมีเข็มกลัดชื่อย่อตัวหนังสือ IT ติดไว้ทุกคนแต่จะเป็นสีเงินครับ ส่วนพวกมีตำแหน่งจะเป็นสีทองครับผมรู้แค่นี้เพราะไม่ได้สนใจมากมายถ้าเจอสีทองก็เลี่ยงเดินไปอีกทางก็จบครับ
ผมไม่ได้มีความผิดหรอกนะครับแต่มันไม่ชอบไงครับ ผมคิดว่าพวกคุณก็เป็นเวลาเจออาจารย์ฝ่ายปกครองใช่ไหมละครับ แหมรู้กันๆ ต่อครับตอนนี้นักเรียนสีไทอื่นๆเริ่มแยกย้ายออกจากหอประชุมอาคารรวมไปแล้วที่อยู่ก็เป็นพวกไทฟ้าอ่อนแบบพวกผมที่บ่งบอกว่าเป็นเด็กปีสี่
“ราส ทางนี้ ฉันโคตรจะตื่นเต้นเลยหวะ” เสียงของรัล เพื่อนร่วมชั้นและรูมเมทของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับจูงแขนผมดินตามไปทางห้องวัดพลัง
ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วครับที่มีหลายคนคอยเข้ามาถามมาคุยตั้งแต่เรื่องมีสาระจนเรื่องไร้สาระที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมที่ร่าเริงเข้ากับใครก็ได้มีเพื่อนเยอะแยะเป็นที่รู้จักจากรุ่นพี่รุ่นน้องมากมายแต่กลับไม่มีใครสักคนที่ผมเรียกว่าเพื่อนสนิทสักคนเดียว เมื่อมีคนเข้ามาใกล้ผมมากเกินเขตที่ขีดไว้ผมจะถอยห่างออกมา อะไรบางอย่างในตัวผมกลัวการไว้วางใจใครสักคนมาโดยตลอด ผมไม่เคยที่จะเชื่อใจใครนอกจากตัวเอง
“คนต่อไปเชิญครับ” รุ่นพี่ไทสีครามบ่งบอกชั้นปีที่ห้าทำหน้าที่ขานเรียกรุ่นน้องและเช็คชื่อคนที่ผ่านเข้าห้องไปจนกระทั่ง
“เชิญครับน้องราส” ผมพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้พี่เขาทั้งที่จำชื่อพี่เขาไม่ได้ก็ตาม ผมเดินเข้ามาภายในห้องวัดพลัง กำลังจะได้รู้แล้วสินะครับ ตื่นเต้นสุดๆเลย
TBC.