“วิเชียร”
กลางดึกคืนหนึ่ง ในคืนที่วิเชียรนอนอยู่บนเตียงร่วมกับเฮียตามปกติ
ความสัมพันธ์ยังคงห่างเหิน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น และก็เหมือนทุกวัน เซ็กส์ก่อนนอนจบไปแล้ว และก็ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า หลังอาบน้ำเรียบร้อย วิเชียรกลับขึ้นมานอนบนเตียง
ไฟในห้องดับไปตั้งนานแล้ว และต่างคนต่างนอนเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แต่มีสิ่งที่แตกต่างไปจากคืนอื่น ๆ ในเวลานี้ก็คือ.....
วิเชียรถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในตอนกลางดึก
งัวเงีย และพยายามลืมตาขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นนั่งและยกหลังมือขยี้ตาเพื่อให้ตัวเองตื่นเต็มตา
“ครับ....เฮีย...”
หันไปถามคนที่ลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงกับพนักเตียงอยู่ก่อนแล้ว โคมไฟที่หัวเตียงสว่างมากพอที่จะทำให้มองเห็นคนที่นั่งอยู่ได้
เฮียมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนปกติ และวิเชียรก็พอเข้าใจได้ลาง ๆ
เฮียอาจมีอารมณ์รอบดึกหรือเปล่า เลยปลุกให้ลุกขึ้นมาทำเรื่องอย่างว่าด้วยกันอีกรอบ
บางทีคงจะใช่
และวิเชียรที่เข้าใจทุกอย่างดี ก็พยายามใช้ฝ่ามือตบเบา ๆ ที่แก้ม เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่น ทั้งที่เมื่อมองไปที่นาฬิกาแล้วก็เป็นเวลาเกือบตีสอง
ตีสองเลยนะ ทำไมต้องมามีอารมณ์ตอนนี้ด้วยวะ พรุ่งนี้กูคงได้ไปทำงานในสภาพคนไม่ได้นอนแน่ ๆ
แต่จะไปทำอะไรได้ ก็คงต้องทำใจ
“......................”
เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องถาม หลายๆ เรื่องไม่จำเป็นต้องพูดแต่ก็ไม่ยากที่จะรู้ และวิเชียรก็ขยับเข้ามาใกล้กับเฮียอีกนิด
“แค่ปากได้มั้ยครับ ถ้า....ไม่เข้าไปข้างในได้มั้ยครับ”
ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อย่างที่คิดหรอก แต่อย่างน้อย นอนด้วยกันมาก็ตั้งหลายครั้ง เผื่อเฮียจะมีเมตตาให้ใช้แค่ปากจะได้ไม่ต้องไปอาบน้ำอีกรอบ อาบน้ำตอนตีสองมันไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก คงได้ตื่นเต็มตา แล้วก็ไม่ต้องหลับต้องนอนอีกจนกระทั่งเช้า
เดาเรื่องถัดจากนี้ได้ไม่ยาก กูคงต้องไปทำงานในสภาพคนอดนอน
“.....เรื่องนั้นพักไว้ก่อนเถอะ....เฮียมีเรื่องจะถามซักเรื่อง”
ก็ดีครับ เรียกให้กูตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก เพื่อจะถามเรื่องอะไรก็ไม่รู้ซักเรื่อง
ก็ดีครับ ที่ทำกับผมแบบนี้
มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปขัดใจได้อยู่แล้ว หน้าที่ผมคือทำอะไรล่ะ ก็ตามนั้น ต่อให้เฮียปลุกให้ลุกขึ้นไปวิ่งรอบสนามตอนตีสองกูก็ต้องไปสินะ โคตรน่าสมเพชเลยว่ะชีวิตกู ขนาดจะนอนยังไม่มีปัญญาจะได้หลับได้นอนอย่างมีความสุขเลย
“.....เฮียจะถามอะไรครับ...ถ้าผมพอจะรู้ผมก็ตอบให้ได้”
“วิเชียรพอจะนวดเป็นมั้ย”
นวด.............. นวด....เนี่ยนะ.... กูเนี่ยนะ นวดเหรอ....นวด.........
“เอ่อ..........ผม....ก็พอจะทำเป็นอยู่บ้างสมัยเด็ก ๆ แม่ผมใช้ให้นวดให้บ่อย ๆ”
คือกูไม่เข้าใจครับ เฮียจะถามเรื่องนี้ไปทำไม แถมซ้ำยังถามในเวลาดึกดื่นป่านนี้ด้วย มันหมายความว่ายังไงกันวะ กูชักสงสัย
“นวดต้นคอให้เฮียหน่อยได้มั้ย”
นวด.......... นวดต้นคอให้เฮีย..... นวดต้นคอให้เฮียเนี่ยนะ กูจะกล้าเหรอวะ กูจะ.....กล้าเหรอวะเนี่ย......พูดเป็นเล่น
“ปวดจนนอนแทบไม่ได้เลย พอจะนวดให้หน่อยได้มั้ยวิเชียร”
ไอ้เรื่องนวด......มันก็พอจะนวดให้ได้อยู่หรอกครับ......แต่...คือแบบว่า.....
“จะดีเหรอครับให้ผมนวด เฮียไปให้หมอกระดูกดูให้ไม่ดีกว่าเหรอครับ”
ไปให้หมอกระดูกดูให้ ก็คงต้องเป็นพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้แค่รู้สึกปวดเมื่อย แค่วิเชียรนวดให้ก็น่าจะอาการดีขึ้น
“ทำไมถึงคิดว่าไม่ดีล่ะ มีตรงไหนไม่ดีเหรอวิเชียร”
ไม่มีตรงไหนไม่ดีหรอก แต่มันใช่แล้วเหรอวะ
คือยังไงล่ะ เฉพาะเวลามีอะไรกันเท่านั้น ถึงจะแตะเนื้อต้องตัวเฮียได้ตามใจชอบ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้เฮียมากที่สุด แต่เวลาอื่น กูไม่เคยแตะตัวเฮียเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ก็เลย......... ยังไงล่ะ มันจะยังไง.....
“งั้นนวดต้นคอให้เฮียหน่อยแล้วกันนะ”
คุณวิษณุค่อย ๆ ขยับนั่งหันหลังให้วิเชียร และวิเชียรก็มึนงง ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
ยกมือไหว้ขอโทษเฮียก่อนที่จะลงมือนวด
และนั่นก็ทำให้เฮียต้องมองหน้าของวิเชียรอ เริ่มมีรอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปาก
แล้ว....เฮียจะยิ้มทำไมวะ เฮียจะยิ้มทำไม....กูยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่เลยครับ
“ทำไมต้องไหว้”
ก็เฮียเป็นผู้อาวุโส ผมไหว้เฮียก็ถูกแล้ว
“ให้ความเคารพครับ”
“แล้วทำไมต้องเคารพเฮียตอนนวด เวลาอื่นไม่เคารพหรือไง”
เฮียนี่พูดยังไงวะ คนเขาไหว้ด้วยความเคารพก็มาถามอะไรแปลก ๆ อีก
“เวลาอื่นก็เคารพครับ แต่ไหว้ทุกเวลาไม่ได้ เดี๋ยวเฮียจะคิดว่าผมเป็นบ้า”
มันคือครั้งแรก ๆ ที่คนสองคนที่มีช่องว่างระหว่างกันที่แสนจะห่างไกลมาก ๆ เริ่มร่นระยะห่างขยับเข้ามาใกล้ชิดกันทีละนิด
เป็นครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันมาแล้วพูดจาต่อปากต่อคำกัน พูดจากันมากกว่าที่เคย ไม่ใช่การทักทายหรือพูดกันเฉพาะเรื่องที่ต้องพูด ไม่ใช่เรื่องของการบอกกฎระเบียบเวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่เป็นการคุยกัน คุยอย่างที่คนที่ใช้ชีวิตด้วยกัน เขาคุยกัน
“โทษนะครับ”
เอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง และวิเชียรก็ขยับเข้ามาใกล้และวางมือไว้บนต้นคอของเฮีย กดฝ่ามือลงไปและค่อย ๆ บีบคลึงเพื่อคลายอาการปวดให้
“แบบนี้พอได้มั้ยครับ แรงไปหรือเปล่าครับ”
แบบนี้เหรอ
“กำลังดีนะ”
วิเชียรพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่เฮียบอกและค่อย ๆ คลึงปลายนิ้วไปที่ต้นคอของเฮียอย่างช้า ๆ และจากต้นคอก็เปลี่ยนเริ่มลามลงมาที่ไหล่...........บ่า......สะบักที่หลัง และนวดลงมาจนถึงเอว....
“อืมมมมม น้ำหนักมือกำลังดีเลยนะ”
ได้รับคำชม และเฮียก็นั่งหลับตาเพราะรู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าได้มาก เพราะฝีมือการนวดของวิเชียร
“เมื่อยหรือยัง”
ไม่กล้าเมื่อยหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของผม ผมเมื่อยไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเฮียเมื่อยคงไม่ดี ท่าทางจะมีปัญหากว่าผมเยอะ
“ก็นวดได้อีกเรื่อย ๆครับ”
ตอบไปแบบกลาง ๆ และเฮียก็ส่งเสียงตอบรับในลำคอให้วิเชียรได้ยิน
“อืม....ไม่ใช่ตรงนั้นนะวิเชียร ถอยมาอีกหน่อย”
ถอยมาอีกหน่อยเหรอ ถอยมาก็........น่าจะเป็นตรงนี้หรือเปล่าวะ
“ใช่มั้ยครับ”
ไม่ใช่หรอก
“ทางขวา”
ทางขวาก็ต้องเป็นตรงนี้สิ ใช่มั้ย ทางขวาก็ต้องเป็นตรงนี้แน่ ๆ วิเชียรพยายามลากมือไปให้โดนจุดที่เฮียบอกแต่ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่ใช่
“ไม่ใช่ตรงนั้น”
ไม่ใช่แล้วจะเป็นตรงไหนไปได้ล่ะครับ
“แล้วตรงไหนล่ะครับ”
ตรงไหนเหรอ
“งั้นวิเชียรหันหลัง เดี๋ยวเฮียจะบอกให้ว่าตรงไหน”
ก็ได้ครับ จะได้รู้กันซักทีว่าตรงไหน
วิเชียรหันหลังตามที่เฮียบอก และเฮียก็วางมือไว้ที่ไหล่ของวิเชียรเบา ๆ
...................
และวิเชียรที่กำลังสงสัยว่าต้องนวดตรงไหนก็มีอันชะงักค้างเพราะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
…นี่กูกล้าให้เฮียนวดหลังให้เลยเหรอวะ.........
นี่เฮียนะเฮ้ย นี่มันคุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุล เลยนะ
แล้ว............. มา..........นวดไหล่ให้กูเฉ้ยยยยยยยยยยย
“ตรงนี้นะ รู้หรือยัง”
ตรงนี้เหรอครัตรงนี้ก็ตรงนี้ครับ
“ครับ ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
รีบบอกและกำลังจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง รีบบอกและหันกลับมาเพื่อทำบางอย่าง.........แต่..... กลายเป็นการรีบหันมา เพื่อจะมาเผชิญหน้ากับเฮีย และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย ก็ได้สบสายตากับดวงตาของเฮียที่กำลังมองมา
ยังไงวะ
คือก็เคยมีอะไรกันบ่อย ๆ ด้วยร้อยแปดลีลา แต่ไม่เคยรู้สึกอะไรเท่านี้มาก่อน ทำเรื่องอย่างว่าด้วยกัน แต่ไม่เคยทำอะไรกันแบบนี้
ไม่เคยต้องมานั่งมองหน้ากันแบบนี้ ใช่ที่ตอนมีอะไรกัน เคยมองตากันบ้าง แต่ก็เป็นการมองเพื่อปลุกอารมณ์ของกันและกัน และบำบัดความใคร่ให้แก่กันเท่านั้น
ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่การมองตากันแบบที่เป็นอยู่ในเวลานี้
“ผม....เอ่อ...จะนวดต่อเลยครับ เดี๋ยวผมลืมว่าต้องนวดตรงไหน”
รีบบอกและเฮียก็ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ก่อนจะหันหลังกลับไปอีกครั้งเพื่อให้วิเชียรทำสิ่งที่ต้องการจะทำ
“ตรงนี้ใช่มั้ยครับ”
ใช่.... ตรงนี้แหละ
“เก่งนะ หัวไว บอกแค่นี้ก็จำได้แล้ว”
ก็แน่ล่ะครับ ผมมันคนฉลาด บอกอะไรก็จำได้หมด บอกให้ทำอะไรก็ทำได้หมด มันของธรรมดาอยู่แล้ว
แอบลอบยิ้มอย่างดีใจเพราะคำชมของเฮียและยังคงออกแรงบีบนวดให้ที่ไหล่ ต้นคอ และแผ่นหลังของเฮียไปเรื่อย ๆ อีกพักใหญ่ โดยที่ต่างฝ่ายต่างไร้คำพูดต่อกันอีก
เฮียนั่งนิ่ง ๆ ให้วิเชียรนวด วิเชียรก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนเฮียบอกให้พอ วิเชียรถึงได้หยุดมือ
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะนะ ขอบใจมาก”
ครับ ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว
“นอนเถอะนะ เฮียรบกวนวิเชียรนานแล้ว”
วิเชียรไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่ขยับไปนั่งอยู่ทางฝั่งของตัวเองและกำลังจะเอนหลังลงนอนแต่ก็ยังไม่ทันได้นอนเพราะได้ยินเฮียพูดซะก่อน
“แล้วเรื่องที่เฮียเคยบอกเอาไว้ ทำไปถึงไหนแล้วล่ะ”
เรื่องที่เคยบอกเอาไว้ เรื่อง........อะไรวะ มีเรื่องอะไรวะที่เฮียเคยบอก กูจำไม่ได้เลยนะเนี่ย กูจำแทบไม่ได้....
“หมายถึงเรื่อง.........นั้นเหรอครับ”
เว้นช่องว่างเล็กน้อยเพื่อความแน่ใจ และเฮียก็พยักหน้ารับ
เรื่องนั้น.....
“ถ้าผมพยายาม....จนสำเร็จแล้ว...มันจะเป็นยังไงต่อไปครับ”
เป็นยังไงต่อไปเหรอ
“ก่อนจะถามหาความสำเร็จ ได้พยายามแล้วหรือยัง”
มันพยายามได้ง่าย ๆ เหรอครับเรื่องแบบนั้น ถ้าพยายามได้ง่าย ๆ ก็คงจะดีหรอก ผมจะได้เพิ่มความพยายามขึ้นอีกนิด
และบางทีผมก็แค่อยากรู้ผลของความพยายามบ้างก็เท่านั้น
“ยังไงผมก็ไม่มีทางเลี่ยงได้อยู่แล้วนี่ครับ ถ้าผมไม่พยายามก็คงจะเป็นตัวผมเองที่ทรมาน”
ไม่ได้อยากประชดประชัน แต่มันอดไม่ได้ อย่างกูจะไปมีปัญญาอะไรต่อกรกับคุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุล
กูมันแค่พนักงานขับรถในบริษัทเล็กๆ จะเอาอะไรไปกล้าประชดประชันผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออก ที่มีอำนาจสั่งชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ กูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณวิษณุหรอก แค่คิดก็ผิดแล้ว
“คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะนะ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่วิเชียรควรต้องทำ และต้องทำให้ได้ เพราะวิเชียรต้องอยู่ที่นี่อีกนาน”
ก็ใช่ไง กูต้องอยู่ที่นี่อีกนาน อยู่แม่งตลอดชีวิตเลยด้วย อยู่ไปจนกว่าเฮียจะเขี่ยทิ้งตกกระป๋อง เวลาที่เฮียเจอของใหม่ถูกใจกว่า
กูมันก็แค่ของเล่นชั่วคราว เอาสนุก ๆ พอเบื่อแล้ว เดี๋ยวก็โดนเฉดหัวออกไปเองแหละไม่ต้องห่วง
เรื่องความรักห่าอะไรนั่น เอาจริง ๆ ยังไม่กล้าจะคิดเล้ยยยย แต่มันคงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้อยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข
คนเราถ้าได้อยู่กับคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเจ็บปวดแสนสาหัสแค่ไหนก็คงทนได้
และกูก็ต้องพยายาม ถ้ากูรักเฮียซะทุกอย่างก็จบ เพราะไม่ว่าจะโดนทำอะไรต่อจากนี้ กูก็จะรับมันได้ทั้งหมด เพราะความรักคงทำให้คนเรายอมได้ทุกอย่าง ถึงไม่อยากจะยอม แม่งก็ต้องยอมอยู่ดี
การยอมมีสองแบบให้เลือก ยอมเพราะรัก กับยอมเพราะความว่างเปล่า
กูเลือกข้อแรกดีกว่า อย่างน้อยก็ทำให้ชีวิตซาบซ่ามีสีสันไม่เหี่ยวเฉาแบบข้อสอง
นี่คนนะไม่ใช่ท่อนไม้ ให้อยู่กับความว่างเปล่า กูไม่เอาด้วยคนหรอก ขอเจ็บเพราะรักดีกว่า ยังไงก็ยังมองดูดีมีคุณค่ากว่ากันเยอะ
อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าชีวิตมันมีอะไรให้ลุ้นให้ตื่นเต้น ให้แสวงหาบ้าง ไม่ใช่อยู่ไปวัน ๆ
“ผมกำลังทำอยู่ครับ”
ไม่ใช่บอกว่าพยายาม แต่ใช้คำว่ากำลังทำ
และเฮียก็นึกอยากจะรู้ คำว่ากำลังทำของวิเชียร มันคืออะไร
“แบบไหนที่เรียกว่ากำลังทำล่ะ”
ก็ไม่แบบไหนหรอกครับ
ก็แบบว่า.....
“ผมก็แค่นอนบนเตียงกับเฮียเหมือนทุกวัน แล้วบอกให้ตัวเองนึกโหยหาอาลัยอ้อมกอดของเฮีย ที่ไม่เคยได้รับ ผมว่ามันได้อารมณ์ดี เจ็บจี๊ดดีครับ เนี่ยแหละสิ่งที่ผมกำลังทำ”
จะหาว่ากวนประสาทก็ช่าง จะหาว่างี่เง่าก็ช่าง จะคิดอะไรก็ช่าง
ตอบเพียงแค่นั้นแล้ววิเชียรก็ค่อย ๆ เอนหลังลงนอนหันหลังให้เฮียเหมือนทุกวัน
แต่วันนี้มีเรื่องที่ผิดไปจากทุกวัน เมื่อแสงไฟจากโคมไฟดับลง
วิเชียรไม่จำเป็นต้องพยายามบอกตัวเองให้โหยหาอาลัยอ้อมกอดของเฮียที่ไม่เคยได้รับ
เพราะเมื่อล้มตัวลงนอน เฮียก็ขยับมาใกล้วิเชียรและวางมือลงบนเอวของวิเชียรเบา ๆ
ไม่มีคำพูด ไม่มีการเอ่ยบอก ไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกจากความเงียบระหว่างคนสองคน
ความเงียบงันที่ทำให้วิเชียรต้องลืมตาขึ้นและไม่กล้าขยับตัว
เป็นครั้งแรกที่ถูกทำแบบนั้น เป็นครั้งแรกที่เฮียทำแบบนั้นด้วย และเป็นครั้งแรกที่วิเชียรคล้าย ๆ จะรู้สึกถึงอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ตั้งแต่เริ่มมีอะไรกันมา
แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยทำให้รู้สึกแบบนี้ ไม่เคยทำให้......ใบหน้าร้อนผ่าว และกลืนน้ำลายลงคอได้ยากลำบากขนาดนี้
และไม่ใช่แค่มือที่วางอยู่ที่เอว แต่เป็นการขยับกายเข้ามาให้แนบชิดกว่าเดิมจนแผ่นหลังของวิเชียรสัมผัสกับแผ่นอกของเฮีย
นอนตาค้าง และหายใจไม่ทั่วท้อง จะขยับก็ไม่ได้ จะหายใจก็ยังลำบาก ได้แต่กลอกตาไปมาอยู่แบบนั้นทั้งคืนจนเกือบเช้า
สิ่งที่วิเชียรพร่ำบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงคำเดียว
คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก
คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก
คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก
“คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก”
ท่องในใจ จนกลายเป็นเป็นเสียงบ่นพึมพำ
และคุณวิษณุคนที่กอดวิเชียรเอาไว้ ก็ถึงกับยิ้มกริ่ม หลังจากพยายามตั้งใจฟังอยู่นาน และก็เริ่มจับใจความได้เมื่อวิเชียรพูดคำนั้นอีกหลาย ๆ ครั้ง
“คุณวิเชียร เชิดกลางกุล ก็กำลังทำให้ คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลหลงรัก”
กระซิบบอกเบา ๆ ที่ข้างหูของคนที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น
และวิเชียรก็เผลอยิ้มออกมา เพราะถูกใจกับคำพูดเบา ๆ แต่ได้ยินชัดที่ข้างหูในเวลาที่แยกไม่ออกระหว่างความจริงกับความฝัน
“คุณวิษณุต้องรักวิเชียรให้มาก ๆ นะ.....ไม่งั้นผมคงจะเฉาตายในบ้านหลังนี้แน่ ๆ ”
บอกในความฝัน แต่หลุดคำพูดออกมาในความจริง และคุณวิษณุก็ยิ้มรับกับคำพูดของคนที่ละเมอพูดบางอย่างให้ได้ยิน
“เฮียอยู่กับเชียรทั้งคน...ไม่เฉาตายหรอกนะ”
จริง ๆ นะครับ ไม่เฉาตายจริง ๆ นะครับ สัญญาแล้วนะครับ อย่าผิดสัญญากับผมนะครับ
อย่าทำให้ผมเฉาตายจริง ๆ นะครับ อย่าทำให้ผมต้องเฉาตายไปจริง ๆ นะครับ........เฮีย
TBC.