คุณน่ะเมียผมครับตอนที่ 46“มึงนอนนี่แหละเดี๋ยวกูไปนอนโซฟา”
เสียงตินณ์มันบอกผมตอนกำลังจะเข้านอน
มันหยิบหมอนผ้าห่มเตรียมพร้อมมากคืนนี้เป็นคืนที่3แล้วครับที่เถียงกันเรื่องที่นอน
“มึงนั่นแหละนอนนี่ กูไปนอนเอง”
ผมบอกมันก่อนหยิบหมอนกับผ้าห่มในตู้ออกมาเตรียมไปนอนที่โซฟา
“แต่มึงไม่ชอบนอนโซฟา”มันยังไม่ยอมอีกครับ
“เออ งั้นกูนอนพื้นเหมือนเมื่อวานนี่แหละ ไม่ต้องพูดแล้วนอนเลย”
ผมบอกมันก่อนทิ้งหมอนและผ้าห่มลงข้างเตียง
ไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไมไอ้ตินณ์ถึงอยากไปนอนโซฟา
ก็มันไม่สบายมาสองสามวันแล้ว
ช่วงนี้อากาศหนาวมันเลยไม่สบาย มัวแต่ดูแลผมกลัวผมจะป่วยจนลืมดูแลตัวเอง
อยู่ด้วยกันมานานผมก็เพิ่งเคยเห็นมันป่วยนี่แหละครับ
นึกว่ามันเป็นพวกเหนือมนุษย์ไม่เจ็บไม่ตายซะอีก
“มึงจะนอนสบายเหรอ”เสียงมันถามผมดังมาจากบนเตียง
“อืม กูนอนได้มึงรีบนอนเถอะ” ผมบอกมันก่อนปิดโคมไฟ
“เปิดแอร์ก็ได้นะถ้ามึงร้อน” มันยังเป็นห่วงผมอีกครับ
ทั้งที่ตัวเองนอนห่มผ้า2ผืนตอนกลางคืนก็บ่นเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน
“อืม กูดูแลตัวเองได้มึงนั่นแหละหลับซะ” ผมบอกมันก่อนหลับตา
"ฮัดเช้ย!"
“มึงไหวไหม ไปโรงพยาบาลเปล่า"
ผมถามมันหลังจากได้ยินเสียงไอและเสียงจามตลอดครึ่งคืนตอนนี้ก็เกือบตีหนึ่งแล้วครับ
“ไม่ไป เดี๋ยวพรุ่งนี้กูก็หายแล้ว”ผมได้ยินมันพูดแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วครับ
แล้วมันก็ไม่หายซะทีแต่คืนนี้ตัวไม่ร้อนเท่าเมื่อคืน
“เออ ถ้าพรุ่งนี้ไม่หายกูจะจับมึงส่งหมอแน่”
“ครับๆ มึงนอนเถอะ ขอโทษที่เสียงดัง”
มันบอกก่อนพลิกตัวหันหลังให้ผมแล้วเอาผ้านวมขึ้นห่ม
ผมลุกขึ้นจากพื้นข้างเตียงเอามืออังหน้าผากมัน
ตัวเริ่มร้อนอีกแล้วครับ ผมลุกไปเอาผ้าชุบน้ำหมาดๆแล้วเช็ดตัวให้มัน
ตอนแรกก็ทำไม่เป็นหรอกผมน่ะ ไม่เคยดูแลใครซักที
แต่เห็นมันไม่ยอมหายเลยถามน้องแพรดู
แพรบอกต้องเช็ดตัวให้คลายความร้อนครับ
ผมก็เช็ดๆจนมันจะเปื่อยแม่งก็ไม่หายซะที
“พรุ่งนี้หายได้แล้วนะมึง"
ผมกระซิบบอกมันหลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้วห่มผ้าให้เหมือนเดิม
“อืมมม” เสียงมันตอบเบาๆไม่รู้ว่ามันรู้ตัวรึเปล่า
“แค่กๆ ๆ แค่กๆ”
“มึงเมื่อไหร่จะหาย ไหนว่าวันนี้จะหายไงวะ”
ผมถามมันเสียงเครียดเลยครับเริ่มรู้สึกผิดปกติแล้ว
นี่ก็เข้าวันที่ 4 แล้วแต่มันอาการไม่ดีขึ้นเลย แถมไอตลอด ไอหนักขึ้นด้วย
“ใกล้จะหายแล้วครับ” มันบอกพร้อมรอยยิ้มเซียวๆ
สีหน้ามันซีดแทบไม่มีสีเลือดอยู่แล้ว
ถ้าไม่รู้ว่ามันเป็นหวัดผมจะคิดว่ามันเป็นวัณโรคแล้วครับไม่หายซะที แถมไอไม่หยุด
"ทำไมไม่กินยา"ผมถามมันเสียงดัง
หลังจากเห็นว่ามันไม่ยอมกินยาหลังอาหารที่ผมจัดไว้ให้
ข้าวต้มที่ซื้อมามันก็กินแค่น้ำข้าวสองสามช้อนก่อนวางไว้ที่เดิม
"กูไม่เป็นไร" มันลืมตาขึ้นมาบอกผมเสียงแหบๆครับ
"ไอ้ตินณ์ถ้ามึงไม่กินยาแล้วมึงจะหายไหม"
ผมถามมันเสียงเครียดกว่าเดิมมากแล้วครับ
"ถ้ามึงดูแลเดี๋ยวก็หาย"มันยังมีอารมณ์มาเถียงผม
แม่งคนอย่างผมจะดูแลใครเป็นครับ แค่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย
ขนาดยายังต้องให้น้องแพรซื้อมาให้ไม่รู้ว่าต้องกินยาอะไรบ้าง
"ไปหาหมอเถอะ"ผมบอกมันพร้อมลดระดับเสียงลง
พร้อมเอามือไปอังที่หน้าผาก ตอนนี้ตัวมันร้อนกว่าเมื่อคืนนิดหนน่อยครับ
"ไม่เอาเดี๋ยวกูก็หายแล้ว"มันยังปฏิเสธเหมือนเดิม แถมเอาผ้าห่มขึ้นคลุมหัวเลยครับ
เป็นการปิดการสนทนาแต่เพียงเท่านี้
ถ้าเป็นเวลาปกติทำแบบนี้ใส่ผมได้มีเรื่องกันไปแล้วครับ
แต่พอมันไม่สบายผมก็พยายามไม่คิดมาก
ไอ้ตินณ์มันหยุดเรียนมาเป็นวันที่ 2 แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นมีแต่ทรงกับทรุด
ผมเห็นมันเริ่มเจ็บคอและเสียงเปลี่ยนตั้งแต่กลับมาจากไปเที่ยวเขาค้อ
แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ คิดว่ากินยาแก้ไข้ธรรมดาก็หาย
เพราะวันแรกๆมันยังไปเรียนปกติ มีแต่เมื่อวานกับวันนี้ที่มันหยุดเรียน
"ไอ้นาวมึงรู้ไหมว่า คนป่วยที่กินยายากต้องทำไงวะ"
ผมโทรถามไอ้นาวหลังจากเช็ดตัวแล้วปล่อยให้นอนหลับได้ซักพัก
"พี่ตินณ์เหรอวะ" เสียงไอ้นาวถามกลับ
"เออ แม่งป่วยมาหลายวันแล้วกูบอกให้กินยาก็ไม่กิน
เอาแต่บอกว่าเดี๋ยวก็หาย กูจะเป็นบ้าแล้วเนี๊ยะเอาไงก็ไม่เอา"
ผมบ่นเป็นชุดเลยครับไม่รู้จะปรึกษาใคร
พ่อกับแม่ผมก็ไปต่างประเทศอีกแล้ว พ่อแม่มันก็ไปด้วยกันครับ
หลังจากผมพามันไปรู้จักครอบครัวของผมอย่างเป็นทางการ
ไม่นานพ่อแม่ของมันก็เข้าไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ผมแล้วเหมือนจะเข้ากันได้ดีด้วย
จูงมือกันไปเที่ยวประจำ รอบนี้เห็นว่าไปเที่ยวปีใหม่และแวะดูรถที่จะนำเข้าช่วงกลางปี
บ้านผมเลยเหลือแต่พี่พีชกับน้องแพรครับ พี่พีชผมก็ไม่กล้าปรึกษาเท่าไหร่
กลัวคำตอบของแกจะบอกให้ผมปล่อยให้มันตายซะป่าวๆ
ไม่รู้ทำไมพี่พีชถึงดูไม่ค่อยลงรอยกับมันซักเท่าไหร่ทั้งที่ก็ไม่ได้กีดกันผมกับมันนะ
ตินณ์มันเคยบอกว่าพี่พีชแค่เป็นพี่ชายที่หวงน้องเกินเหตุเท่านั้นเอง
แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่าพี่พีชจะหวงผมตรงไหน
ส่วนน้องแพรผมก็ถามแล้วได้คำแนะนำแค่ให้เช็ดตัวกับกินยา
หรือไม่ก็พาไปหาหมอซึ่งผมก็ได้แต่เช็ดตัวให้มันครับอย่างอื่นคุณพี่เขาไม่เอาซักอย่าง
"พี่ตินณ์เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วว่ะ ไม่ยอมกินยา
กูเคยได้ยินมาตอนม.ปลายว่าที่พี่ตินณ์ไม่ยอมกินยา
เพราะตอนเด็กๆเคยกินยาที่เป็นแค๊ปซูนแล้วติดคอ แกเลยฝังใจตั้งแต่นั้นหว่ะ"
สิ่งที่ได้ยินจากไอ้นาวทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ครับ
ว่าคนอย่างมันก็มีเรื่องที่เกลียดเหมือนกัน ปกติเห็นอะไรก็ทำได้ไปซะหมด
"แล้วกูจะทำยังไงดีวะ"
"มึงลองป้อนดูดิ" ไอ้นาวแนะนำครับแต่ผมว่ามันจะไม่ยอมกิน
ผมว่าผมกินยายากแล้ว มาเจอมันของผมดูเด็กๆไปเลยครับ
คือผมกินได้แต่ต้องกินน้ำก่อนเพื่อไม่ให้ยาโดนลิ้นเพราะมันจะขมติดลิ้น
แต่สำหรับไอ้ตินณ์ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้นะครับว่ามันไม่ยอมกินยา
ครั้งแรกที่ผมบอกให้มันกิน มันก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก
เดี๋ยวก็หายเองไม่ต้องกินยาหรอก ผมก็ไม่ได้คิดอะไร
ครั้งที่สองที่ผมบอกให้มันกินมันรับไปผมก็ยังไม่เอะใจนึกว่ามันกินไปแล้ว
มาเห็นตอนยาอยู่ในถังขยะแต่ยังไม่ได้ถามครับ
คิดว่ายาคงตกแล้วมันไปหยิบชุดใหม่มากิน
พออีกวันผมเห็นยาอยู่ในถังขยะอีกก็เริ่มสงสัยแล้วครับ
ครั้งสุดท้ายผมเลยเอาให้มันแล้วนั่งเฝ้าสั่งมันให้กินตอนนั้นเลย
มันก็อิดออดไม่ยอมกินลีลาจนผมอยากจับกรอกปากซะเลย
ผมทนไม่ไหวถามเรื่องยาในถังขยะ มันเลยยอมรับสารภาพว่าเป็นคนทิ้งยาเอง
ตั้งแต่ป่วยจนถึงตอนนี้มันยังไม่กินยาซักเม็ดเลยครับ
ถึงได้ใกล้ตายไม่หายซักทีอยู่แบบนี้
"ป้อนยังไง กูเคยจะเอากรอกปาก แม่งมันปัดยากูทิ้งด้วย
ถ้าสบายดีกูจะทุบให้กะอักเลือดเลย"
ผมบ่นอีกครับทั้งห่วงทั้งหมั่นไส้มันในเวลาเดียวกัน
"ป้อนด้วยปากดิ รับรองพี่ตินณ์กินยาชัวร์"
"มันคงยอมหรอก แค่กูเข้าใกล้ยังไม่ค่อยได้เลย
มันกลัวกูจะติดไข้ แถมไล่กูกลับไปนอนบ้านด้วย"
ช่วงที่มันเป็นช่วงแรกๆมันยังมีแรง ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้มันเลยครับบอกว่ากลัวผมติดไข้
แล้วจะให้ผมกลับไปนอนบ้าน ถ้าหายแล้วจะไปรับผมกลับมาเอง
แต่ใครจะไปทิ้งมันได้ลงล่ะครับ อยู่กันมาขนาดนี้แค่มันไม่สบายจะให้ผมทิ้งมันได้ยังไง
บางทีมันก็คิดอะไรแปลกๆห่วงแต่ผมแต่ไม่ยอมห่วงตัวเอง
"กูว่าถ้าไข้ยังไม่ลด มึงพาพี่ตินณ์ไปหาหมอเถอะ"
ไอ้นาวพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เลิกล้อเล่นแล้วครับ
"อืม กูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่หาย กูจะพาไปหาหมอละ"
ผมบอกมันตามที่ผมคิดไว้ครับ
"เออให้ช่วยอะไรก็บอก หรือให้กูพาพี่ตินณ์ไปหาหมอให้ไหมวะ"
"ไม่เป็นไรกูพาไปเอง"ผมบอกมันหลังจากนั้นก็วางสายเพื่อไปเช็ดตัวให้คนป่วยอีกรอบ
“แค่กๆๆๆ”เสียงไอ้ตินณ์เริ่มไอหนักขึ้นอีกแล้วครับ ไข้ก็ไม่ลด
“กี่โมงแล้ว”เสียงมันแหบและเบามาก ผมจะทำยังไงกับมันดีวะ
ถ้ารู้ว่าป่วยแล้วจะขนาดนี้กูเอาไปทิ้งโรงพยาบาลนานแล้ว
“จะเที่ยงแล้วกินข้าวเลยนะ”
“กูไม่หิว บ่ายมึงมีเรียนไม่ใช่เหรอ ไปเรียนเถอะไม่ต้องห่วง"
มันก็ยังเป็นมันครับขนาดตัวเองป่วยยังมีเวลามาห่วงเรื่องเรียนของผมอีกนะ
“กูคงเรียนรู้เรื่องหรอก”ผมตอบมันก่อนเตรียมข้าวต้มหมูให้ถ้วยให้มัน
“ไปเถอะ มึงกลับมากูหายเลย”
มันพูดไปยิ้มไปแต่เป็นยิ้มที่ผมเห็นแล้วรู้สึกยิ้มตอบไม่ออกเลยครับ
เหมือนมันพยายามจะทำให้ผมไม่ต้องห่วงมัน แต่ยิ่งมันทำแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกห่วงมันมากขึ้น
ปกติมันจะเข้าใจความรู้สึกของผมได้โดยไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ
แต่ทำไมคราวนี้เหมือนมันดูไม่ออกแล้วยังพยายามทำในสิ่งที่ผมไม่ต้องการวะ
“อิ่มแล้วเหรอ” ผมถามหลังมันวางช้อนในมือ
มันกินข้าวไปคำเดียวกับน้ำในถ้วยข้าวต้มอีก2ช้อน
มันไม่กินแล้วจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับโรควะ แม่งขัดใจ
“อืม อิ่มแล้ว กูเหม็นกินไม่ลง” มันว่าเสียงเพลียเต็มที่
“กูเอาอย่างอื่นให้กินไหมมึงอยากกินอะไร”
ผมถามเผื่อมันไม่อยากกินข้าวแต่อยากกินอย่างอื่น
“ไม่เอากูนอนดีกว่า”
“ตามใจ จะเอาอะไรก็บอก”ผมบอกมันก่อนห่มผ้าให้ถึงหน้าอก
“แค่กๆๆๆ”
" มึงไปหาหมอเถอะนะ มึงไอหนักขึ้นอีกแล้ว"
ผมบอกมันอีกครั้ง ที่เห็นมันไอหนัก เป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้
"มึงคิดไปเอง กูไม่เป็นไรเดี๋ยวกูก็หาย"
มันก็ยังไม่ยอมเหมือนเดิมครับมันเคยบอกว่าเกลียดกลิ่นโรงพยาบาล
"เดี๋ยวเหี้ยอะไรล่ะ หลายเดี๋ยวแล้วนะยาก็ไม่กินแล้วเมื่อไหร่จะหายกูเห็นเป็นมานานแล้วนะ "
ผมหมดความอดทนถามมันเสียงดังเลยครับ
เริ่มไม่ไหวแล้วผมทนเห็นมันเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วอาการไม่ดีขึ้นซะที
"กูไม่อยากไปหาหมอ"
“งั้นมึงต้องกินยา”ผมต่อลองเลยครับ
“...” เงียบครับ มันไม่ยอมตอบแถมจะเอาผ้าคลุมหัวหนีผมด้วย
“ไอ้ตินณ์มึงไม่ใช่เด็กนะ”
ผมพูดเสร็จจับมือมันไม่ให้เอาผ้าห่มคลุมหัว
แล้วเอายาใส่ปากตัวเองก่อนบีบปากมันแล้วป้อนยาครับ
กว่ามันจะยอมกิน ยาโดนลิ้นผมด้วยโครตขม
“อึก...อื้อ…”เสียงมันจะสำลักยาครับ
“มึงกลืนลงไปค่อยๆกลืน”ผมบอกมันเบาๆ พร้อมลูบหลัง
“.อุก....อุ...แหวะ...."
ไอ้เชี้ย มันอ๊วกเลยครับแถมเลอะเสื้อผมกับที่นอนด้วย
นี่ขนาดยาพาราลดไข้ธรรมดานะทำไมมันกินยายากขนาดนี้วะ
“น้ำๆบ้วนปากก่อน” ผมหยิบน้ำมาให้มันบ้วนปากครับ
“กูขอโทษ”มันพูดพร้อมทำหน้าสำนักผิดเต็มที่
“มึงจะขอโทษทำไมกูเป็นคนบังคับมึงกินยาเอง”
“ถ้ากูไม่ป่วยมึงก็ไม่เหนื่อยขนาดนี้”
“กูเหนื่อยก็เรื่องของกู แค่มึงรีบหายเร็วๆก็พอ”ผมบอกมัน
“อืมกูกำลังจะหายแล้ว” มันพูดเสียงเบาหน้าซีดเซียวเลยครับ แล้วผมจะเชื่อมันได้ยังไง
“มึงลุกไหวไหม ไปนอนบนโซฟาก่อนกูจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้”
“ไหว” มันพูดจบผมก็พยุงมันลุกขึ้นแล้วค่อยๆพาเดินมาที่โซฟาก่อนมันจะล้มตัวลงนอน
ผมไปหยิบหมอนกับผ้าห่มของผมมาให้มันครับ
ช่วงที่มันไม่สบายผมยอมรับว่าเหนื่อยแต่เป็นเหนื่อยใจครับไม่ใช่เหนื่อยกาย
ก็ไอ้เชี้ยตินณ์โครตดื้อด้านอะไรก็ไม่เอา ข้าวก็ไม่กิน ยาก็ไม่กินหมอก็ไม่หา
ผมไม่รู้จะเอายังไงกับมันแล้ว
ครืด..ครืด... ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นเลยรีบมารับ วันนี้ไม่ได้เปิดเสียงครับ
“ครับพี่พีช”
“ว่าไงเราเหนื่อยไหม ได้ข่าวว่าแฟนไม่สบาย”
“ครับพี่พีช รู้ได้ไง” ผมตอบรับก่อนถามกลับ แปลกใจที่พี่พีชโทรมาถามเรื่องของมัน
“น้องแพรบอกพี่เมื่อกี้ แล้วมันหายรึยังล่ะ”
พี่ผมก็ห่วงมันเหมือนกันครับนึกว่าจะแช่งมันซะอีก หึหึ
“ยังเลย ตัวร้อนตลอด ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วพี่ กลางคืนมันทั้งไอ
ตัวก็สั่นแถมตัวร้อนมากกว่ากลางวันเยอะด้วย”
พอผมได้พูดผมก็เริ่มเก็บไม่อยู่แล้วครับ เหมือนมีคนให้ปรึกษา
“พี่ว่าท่าทางจะเป็นหนักต้องพาไปหาหมอแล้วหล่ะ”
“แต่มันไม่ยอมไป แล้วผมก็เอามันไปไม่ไหวหรอกตัวมันใหญ่กว่าผมอีก”
“งั้นเลิกงานพี่จะเข้าไปหานะ”
“ครับขอบคุณครับพี่”
หลังจากคุยกับพี่พีชเสร็จผมก็วางสายแล้วเข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและเช็ดอ๊วก
ไม่มีอะไรหรอกครับนอกจากน้ำกับยา ก็มันแทบไม่ได้กินอะไรเลย
“แค่กๆๆๆ” พอทำเสร็จผมก็เดินออกมาดูมันที่นอนอยู่ที่โซฟา ได้ยินมันไอเสียงดังเลยครับ
"เห้ย มึงเป็นอะไร"ผมตะโกนถามมันเสียงดังพร้อมวิ่งเข้ามาหามันที่โซฟาอย่างเร็ว
มันไอเสียงดังแล้วเอามือปิดปากตอนไอ
พอมันเอามือที่ปิดปากออกผมเห็นเลือดเลอะบนฝ่ามือมันครับ
อย่างนี้ผมไม่ทนแล้วนะครับ มันเจ็บผมก็เจ็บ
มันจะรู้บ้างไหมว่าที่มันไม่ยอมกินข้าวกินยาผมรู้สึกห่วงมันขนาดไหน
“ไม่เป็นไร แค่กูไอแรง”มันว่าเสร็จหยิบกระดาษเช็ดชู่มาเช็ดเลือดที่เลอะมือ
“กูว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่มึงจะหายเองได้แล้วนะ”ผมว่าเสียงนิ่งแล้วครับ
ยังไงก็ต้องพามันไปหาหมอให้ได้ถึงมันจะไม่ยอมผมก็ไม่ยอมมันแล้วเหมือนกัน
“อืม กูไม่เป็นไรจริงๆ กูขอนอนแป๊บนึงนะ”มันว่าก่อนหันหน้าเข้าโซฟา
ผมก็ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างๆของมันอย่างเป็นห่วง
แม่งมันไม่คิดถึงใจผมเลยรึไงวะ ผมเริ่มน้อยใจมันขึ้นมาบ้างแล้วครับ
ถ้ามันจะห่วงผมจริงมันต้องห่วงตัวเองมากกว่านี้สิ แต่นี่ทำเหมือนไม่ห่วงตัวเองเลย
ผมก็ได้หงุดหงิดไม่รู้จะทำยังไงกับมันเลยนั่งอยู่บนพื้นหน้าโซฟาที่มันนอน
รอเวลาพี่พีชเลิกงานครับถ้าพี่พีชมาเมื่อไหร่ผมจะจับมันยัดรถไปหาหมอทันที
“อื้อ...หนาว”ผมได้ยินเสียงเหมือนมันพูดอะไรซักอย่าง
เลยเอาหน้าไปใกล้ๆปรากฏว่ามันเพ้อครับ ตัวมันเริ่มสั่นอีกแล้วครับแต่เป็นหนักว่าเมื่อคืน
"มึงได้ยินกูไหม"ผมลองจับตัวมันแล้วเรียกเบาๆแต่มันไม่ตอบ
“ไอ้ตินณ์ มึงได้ยินกูไหม”ผมเรียกมันอีกครั้งดังกว่าเดิม
“หนาว...”มันไม่ตอบแต่บอกว่าหนาวแทนตาก็ไม่ยอมลืม ตัวก็สั่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ
ผมจะทำยังไงดีตอนนี้ความคิดเริ่มสับสนแล้วครับแต่ยังไงก็ปล่อยมันไว้แบบนี้ไม่ได้แน่
แล้วผมก็นึกถึงพี่พีชเป็นคนแรก
ผมรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรเข้าเบอร์มือถือพี่พีชเลยครับ
“สวัสดีครับน้องพรต”เสียงปลายสายไม่ใช่พี่พีชครับ
แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นใครผมต้องการพูดกับพี่พีชเท่านั้น
“พี่พีชไปไหน ขอสายหน่อยบอกผมมีเรื่องด่วน”ผมรีบบอกรัวเลยครับ
“คุณพีชประชุมครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”ปลายสายบอกก่อนถามผมกลับ
“นั่นใครครับ” ผมถามก่อนว่าเป็นใครจะได้รู้ว่าจะช่วยผมได้ไหมแต่นี่เป็นเบอร์มือถือ
คงเป็นคนสำคัญไม่งั้นคงไม่ได้จับโทรศัพท์พี่พีชหรอกครับ
“พี่เนมเอง”อ๋อพี่เนมคนที่ผมเคยเจอพร้อมพี่พีชบ่อยๆนั่นเอง ผมว่าแล้วเสียงคุ้นๆ
“พี่เนม พอดีเพื่อนผมไม่สบายมากตอนนี้ไม่มีสติแล้ว ผมจะให้พี่พีชช่วยพาไปหาหมอ
ประชุมสำคัญไหมครับ บอกพี่พีชรีบมาได้ไหม”ผมถามรั่วเร็วเลยครับ กลัวช้ากว่านี้จะไม่ทัน
“คงเร่งไม่ได้เพราะเป็นประชุมสำคัญ
เอาแบบนี้เดี๋ยวพี่โทรเรียกรถพยาบาลไปรับให้นะครับจะได้ไม่ต้องรอคุณพีช”
พี่เนมเสนอความคิดเห็นทำไมผมคิดไม่ได้ก็ไม่รู้
“ดีครับ บอกเขาเร็วๆเลยนะครับ”
“ครับใจเย็นๆนะครับ” พี่เนมบอกผมก่อนถามที่อยู่เพื่อแจ้งรถพยาบาล
หลังวางสายผมก็ไปหยิบกระเป๋าตังค์กับกุญแจห้อง
แล้วมานั่งอยู่ใกล้มันเพื่อรอรถพยาบาลมารับ
แล้วสายตาผมดันมองไปเห็นกระดาษทิชชู่ในถังขยะใกล้ๆโซฟา
มีแต่รอยเลือดครับไอ้เชี้ยเป็นหนักแล้วปิดบังกูนะ
ผมจะเป็นลมมันเป็นเยอะขนาดนี้แม่งไม่ยอมบอกผมหลอกให้คิดแต่ว่ามันไม่เป็นไร
เดี๋ยวคงหายเหมือนตอนที่ผมเป็นหวัด แต่ที่ไหนได้มันเป็นเยอะขนาดนี้โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย
ผมคงเป็นแฟนที่แย่มากถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย
มันทำไมไม่คิดถึงใจผมบ้างวะว่าผมจะห่วงมันขนาดไหน
คิดง่ายๆว่าเดี๋ยวก็หายแล้วเป็นไงตัวจะตายยังไม่ยอมบอก
ไม่นานเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมหยิบมากดรับเป็นสายจากรถพยาบาลบอกว่ามาถึงแล้ว
ผมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่เข้ามาพาตัวมันไปโรงพยาบาล ผมขอติดรถไปด้วยครับ
ตลอดทางมันตัวสั่นไม่หยุดมีไอบ้าง ผมเห็นมันไอทีไรก็อดโทษตัวเองไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะผมเชื่อมันว่าไม่เป็นไรมันก็คงไม่เป็นมากถึงขนาดนี้
ไอ้เชี้ยทำกูน้ำตาไหล ถ้าหายดีเมื่อไหร่กูจะทุบให้ตาย
“มึงอย่าเป็นไรนะ”ผมบอกมันเบาๆพร้อมจับมือมันไปตลอดทาง
แม้ว่ามันจะไม่ได้ยินหรือไม่รู้เรื่องผมก็อยากให้มันรับรู้ว่าผมยังอยู่ข้างๆมันเหมือนทุกวัน
ต่อด้านล่างค่ะ