บทที่ 15 ความรู้สึก ไทกริสเป็นประเภทชอบถึงเนื้อถึงตัว พูดง่ายๆคือชอบ
สกินชิพ นั่นคือ.... สิ่งที่ต่ายได้รับรู้หลังจากอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาเกือบ 4 เดือนได้
ถ้าถามว่าชอบไหม คงตอบไม่ได้เป็นปากว่าชอบ ก็นะ ถ้าเปลี่ยนจากผู้ชายตัวสูงโย่งมาเป็นสาวน้อยตัวนุ่มนิ่มมันคงจะดีกว่านี้
แต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่เคยจะได้ เพราะพอเจ้าเสือในร่างเด็กโค่งนี่มาถึงเนื้อถึงตัว ความรู้สึกก็เหมือนเบลอๆ รู้ตัวอีกทีก็เสียรู้ให้จนได้
...ก็เข้าใจว่าไทกริสเป็นพวกหัวนอก
แต่มันก็เป็นในกรณีของไทกริสเท่านั้น ลองจินตนาการให้ผองเพื่อนมาทำแบบนั้นบ้าง แค่คิดต่ายก็ขนลุกตั้งแต่นิ้วก้อยเท้ายันขนคิ้ว และคาดว่าอีกฝ่ายคงไม่ทำงั้นแน่นอน
ฟ้าผ่าแน่!!! จะว่าไป เด็กน้อยไทกริสใน10 ปีก่อน กับตอนนี้ ช่างเปลี่ยนไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้า
ในสมัยเป็นเด็กอนุบาล ไทกริสเป็นเด็กที่ชอบโดนคนอื่นรังแก ผอมแคระแกรนเหมือนขาวสารอาหาร แต่ก็สุขภาพดีไม่ป่วยง่าย
แต่บทจะป่วยก็ป่วยลืมหาย ถึงอย่างนั้นก็เป็นที่รักของเหล่าผู้ใหญ่
แต่พอขึ้นประถม ไทกริสกลายมาเป็นลัทธิต่ายลิสซึ่ม สืบเนื่องมาจากต่ายถูกไหว้วานมาจากน้านีให้ช่วยดูแลน้อง วันๆเด็กนี่ก็เกาะติดเขาอย่างกับลูกเป็ด วันไหนที่ต่ายไม่สบาย ไปโรงเรียนไม่ได้ เด็กนี่ก็เนียนไม่ไปด้วย เพราะไม่อยากไปโรงเรียนคนเดียว อาจจะดูสปอยล์ไทกริสมากไปหน่อย เคยเห็นน้านีดุครั้งรุนแรง(ที่ต่ายคิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว) ไทกริสร้องไห้จ้า วิ่งออกจากบ้าน ... แล้วไปซ่อนอยู่หลังบ้านต่าย ที่ตอนนั้นเป็นพุ่มหญ้าสูงท่วมหัวไทกริส ในสมัยนั้น
ผู้ใหญ่ก็หาไปเถอะ เด็กนี่ก็ไม่ส่งเสียงร้องซักแอะ น้านีกับลุงอาธแทบจะใจสลาย จนมาเจอว่าอยู่ในโพรงหญ้าในสภาพหลับคอพับคออ่อน ก็โล่งใจไปตามๆกัน ต่ายนี่แทบจะหายป่วย
แล้วหลังจากนั้น น้านีก็ไม่เคยดุไทกริส(แบบแรงๆ)เลยซักครั้ง ส่วนใหญ่จะออกแนวตามใจ ตามประสาลูกหลงและลูกคนเล็ก
นั่นแหล่ะครับ คุณผู้ชม .....
-------------------------------------
วันนี้สอบมิดเทอมวันสุดท้ายของนักศึกษา พอสอบเสร็จก็แทบโปรยชีทออกมา แต่นึกขึ้นไ้ว่า อาจจะต้องใช้ต่อในไฟนอลก็เก็บพับใส่แฟ้มดังเดิม ..
ต่ายและผองเพื่อนมีนัดกันไปร้านเหล้า อันเป็นแหล่งจุติประจำของพวกที่สอบเสร็จ
พอสอบเสร็จอะไรเสร็จ โทรบอกเจ้าเด็กโค่งที่สอบเสร็จไปก่อน เพราะมีสอบแค่ตอนเช้า จากนั้นก็โดดซ้อนท้ายเอกเพื่อนรักกลับไปเปลี่ยนชุดที่หอเอกก่อนจะตรงดิ่งไปที่ร้านเหล้าทันที
หลังจากที่ไทกริสป่วยเมื่อครั้งนั้น ต่ายก็ไม่ได้ย่างก้าวเจ้าร้านเหล้าอีกเลย
“หนีเด็กมากินเหล้ารึไง หน้าตาโคตรมีพิรุธ” แชมทักขึ้น หลังจากต่ายและเอกที่มาหลังสุดเดินเข้ามา
“พิรุธเชี่ยไร ” ต่ายบอก ความรู้สึกผิดตีตื้นเข้ามาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่จิตสำนึกก็บอกว่า เขาอยากปลดปล่อยบ้าง ตั้งแต่อยู่กับเจ้าเด็กโค่งต่ายแทบจะไม่เคยได้มีเวลาเฮฮากับเพื่อนซักเท่าไหร่
นั่งก๊งกันไปพอกรึ่มๆ คุยกันเพราะไม่ได้มีโอกาสมานั่งคุยแบบนี้มานาน
บอกเลยว่าตั้งแต่สาวโต๊ะแรกยันโต๊ะสุดท้ายนี่ เป็นหัวข้อแรกๆที่สนทนากันเลย
เจ้าเด็กโค่งไลน์มาเป็นพักๆว่าเป็นยังไงบ้าง แรกๆก็ตอบอยู่หรอก แต่หลังๆเริ่มเบลอๆ ทำให้สติที่เริ่มหดหายไป พิมพ์ตอบอีกฝ่ายไปยังไงบ้างก็ไม่รู้
“เฮ้ย ไอ้ต่ายเมาแล้วเนี่ย เรื้อนแล้ว” เอกที่นั่งอยู่ข้างๆต่ายพูด พลางใช้มือยันหัวเพื่อนที่โงนเงนไปมาอย่างนึกสนุก เจ้าตัวร้องอื้ออา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น
“เอาไงดี” แกนที่พอกรึ่มๆ แต่ไม่ได้ดื่มมากอย่างต่าย เพราะเน้นชงให้เพื่อนมากกว่า ถามเพื่อนที่เหลือ
แชมและเอกมองหน้ากัน ต่างคนต่างส่งสายกันอย่างรู้กันเอง
“เรียกเด็กมันออกมาสิ” แชมพูด พลางหยิบมือถือของต่าย ปลดล๊อคอย่างเชี่ยวชาญ ก่อนจะค้นหารายชื่อของไทกริส ซึ่งก็หาไม่ยาก เพราะเป็นรายชื่อที่โทรเข้าออกบ่อยที่สุด
‘กระต่าย’ เสียงปลายสายดังขึ้น ชายหนุ่มผู้ถือโทรศัพท์ของต่ายยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เอ้อ ไทกริสหรอ นี่พี่แชมเองนะ” ปลายสายนิ่งเงียบไป จนแชมยิ้มค้าง
“ไทกริส?”
‘ครับ’
“เอิ่มม คือจะบอกให้มารับไอ้ต่ายหน่อย แบบว่ามัน..... /// อาวคืนมาาา~” แชมปัดมือของต่ายที่ยื่นมาแย่งโทรศัพท์อย่างพัลวัน ต่ายฮึดฮัดแต่ก็ยังคงส่งเสียงยานครางต่อไป
“เออ เข้าใจแล้วใช่ปะ รีบๆมานะ ร้านเดิม” แชมรีบกรอกเสียงไปก่อนจะกดวางสายไป ก่อนจะโยนโทรศัพท์คืนเจ้าของ ที่เริ่มเลื้อยไปหาเอกที่นั่งข้างๆ
ชายหนุ่มนึกไปถึงปลายสายที่คุยไปเมื่อสักครู่ ปฏิสัมพันธ์ของอีกฝ่ายเข้าขั้นติดลบอย่างมาก แต่ถึงจะเงียบซะส่วนใหญ่แต่เสียงกุกกักกับเสียงปิดประตูดังลั่น ก็ถือว่าเป็นคำตอบให้เขาได้
10 นาทีไม่ขาดไม่เกิน ร่างสูงของไทกริสก็มาถึงร้าน ด้วยสภาพเสื้อกล้ามสีดำที่ใส่นอนกับกางเกงผ้ายืดสีเทา การแต่งตัวที่ดูชิลๆ ขัดกับบรรยากาศ แต่ก็สามารถเรียกเสียงร้องจากสาวๆตั้งแต่หน้าประตูร้านได้
ไทกริสรีบเร่งฝีเท้าเข้ามาในร้าน ก็จะมองหาโต๊ะของรุ่นพี่ ซึ่งก็สังเกตไม่ยาก เพราะอีกฝ่ายโบกมือมาให้เขาเป็นสัญญาณอยู่แล้ว
ร่างสูงเดินเข้าไปหา ทันทีที่เห็นร่างของต่ายที่นั่งพิงไหล่ของเอก นัยน์ตาปรือเยิ้มตามแบบฉบับคนเมา
ร่างที่โงนเงน พยายามจ้องผู้มาใหม่ แต่สายตาที่เลือนรางทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร เห็นเพียงเงาดำลางๆ
“กระต่าย” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น พลางใช้มือแตะเบาๆที่แก้มของต่าย
ต่ายพยายามเพ่งมองอีกฝ่าย แม้จะเลือนรางแต่เสียงที่คุ้นเคยนั้น
ไม่ผิดแน่.....
“..กริส?”
“กลับบ้านกัน” ร่างสูงพูด พลางเข้าไปพยุงอีกฝ่าย โดยได้ความร่วมมือจากทั้งเจ้าตัวและเพื่อนๆของต่าย
“ฝากมันด้วยนะ พวกพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” แชมบอก ไทกริสพยักหน้ารับ พลางใช้สายตามองไปที่เพื่อนของต่าย ที่ยังปกติดี มีเพียงสายตาที่เริ่มเยิ้ม แต่ก็พูดรู้เรื่อง ไม่ยานครางเหมือนใครบางคน
“ถ้ามันร้องเพลง อย่าไปขัดมันล่ะ ไอ้นี่เมาแล้วเดาไรไม่ค่อยถูกหรอก” เอกบอก
ไทกริสขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้ารับ แม้จะรู้สึกขัดใจที่รุ่นพี่รู้ดีกว่าเขา
......บางทีเขาก็อยากรู้เรื่องของอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
การพยุงร่างที่สูงใหญ่พอๆกับตัวเองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกับคนเมาที่ร้องเพลงโดเรมอนมาตลอดทาง ตั้งแต่ยามยันพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ต่างมองมาทางเขาอย่างแปลกๆ ก่อนที่พนักงานสาวแสนใจดีจะช่วยกดลิฟต์ให้
ไทกริสเอ่ยขอบคุณ ก่อนเธอจะเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มหวาน
ในขณะที่กล่องเหล็กสีเหลี่ยมทะยานขึ้นไป ต่ายที่ในตอนแรกให้ความร่วมมือมาเป็นอย่างดี ก็เริ่มยุกยิก บ่นหงุงหงิงจับใจความไม่ได้
ไทกริสไม่เคยเห็นต่ายในตอนเมาเลย ซึ่งมันต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง คนที่มักจะบ่นว่าเบื่อ แต่ก็ยังคงดูแลเขามาตลอด แต่ตอนนี้สิ ...
ตุบ!
เด็กหนุ่มปล่อยร่างอีกคนลงกับเตียง จัดท่านอนคนที่หลับไปแล้วเรียบร้อยให้ดีๆ
แต่เสียงขยับพลิกตัวก็ดังขึ้นเป็นพักๆ ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สบายตัว
จึงปลดกระดุมเสื้ออีกคน เผยให้เห็นอกสีแทนเรียบเนียน มีซิกแพ็คจางๆ กล้ามเนื้อแน่น สมกับที่เรียนมวยมา
ไทกริสครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าควรจะทำอย่างไรกับคนตรงหน้า เพราะไม่เคยดูแลใครมาก่อน
แต่พอเห็นสีหน้าของต่าย ก็คิดว่า อย่างน้อยก็ควรจะทำให้สบายตัว ..
กระพริบตาปริบๆอย่างจนปัญญา
สุดท้ายก็ต้องพึ่งเพื่อนอย่างฟรานและโจ
‘เช็ดตัวให้สิ’
นั่นคือสิ่งที่ฟรานบอกมา ซึ่งโจก็ให้คำตอบแนวเดียวกัน
ไทกริสใช้ผ้าขนหนูที่ชุบน้ำ แต่ดูเหมือนจะบิดน้ำไม่หมาดนัก ทำให้น้ำจากผ้าหยดเป็นทาง รวมถึงบนตัวของต่ายด้วย
คนบนเตียงขยับตัวหนีกั[ความเย็นที่ได้รับ แต่ซักพักก็นิ่งสงบ จนเช็ดไปทั่วท่อนบน ซึ่งทั้งตัวคนถูกเช็ดกับคนเช็ดให้ ก็เปียกพอๆกัน โดยคนหลังไม่รู้ว่าเปียกได้อย่างไร
ไทกริสจิ๊ปากกับตัวเองเมื่อเห็นผลงานของตัวเอง ที่นอนที่ชุ่มเพราะน้ำจากผ้ากับร่างของต่ายที่เปียกไม่ต่างจากเอาน้ำมาราดใส่
เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนหนาที่แขวนอยู่ มาซับน้ำให้แห้ง แล้วหยิบเสื้อยืดย้วยๆของต่ายมาสวมให้
เหล่มองท่อนล่างแล้วก็ตัดสินใจ ถอดกางเกงยีนส์ขาเดฟยอดฮิตของวัยรุ่น
อยู่ๆก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าใส่บ๊อกเซอร์ไว้ด้วย เพราะถ้าหากไม่มีล่ะก็ เขาอาจจะหน้ามืดตามัวไปมากกว่านี้ ...
ยามนิ่งสงบก็เหมือนกระต่ายตัวน้อยสิ้นฤทธิ์ แม้ตอนไม่หลับก็ไม่ได้มีฤทธิ์เดชอะไรมากนัก เพราะเขาทำอะไรก็ไม่เคยขัดซักครั้ง แถมยังตามใจจนเคยตัวไปแล้วอีกต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็นหอมแก้มหรือจูบ
ตอนนี้ก็เช่นกัน .....
ร่างสูงกดจูบริมฝีปากคนใต้ร่างจนบวมสาแก่ใจตัวเอง ก็อดมองที่ซอกคออีกฝ่ายไม่ได้
ไม่รู้ทำไม มันเหมือนมีมนต์สะกดให้ไปสัมผัสตรงนั้น
ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา จมูกโด่งของเด็กหนุ่ม สูดกลิ่นกายประจำตัวต่ายที่มีกลิ่นของแอลกอฮอลล์ปะปนมาด้วย
คนถูกกระทำขยับอย่างรำคาญ แต่ก็ยิ่งทำให้อีกคนอยากสัมผัสมากขึ้น
ขบเม้มที่เนื้ออ่อนนั้น จนขึ้นสีแดงจางๆ หากแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ผิวขาวเหมือนตน เลยเห็นไม่ชัด
ซึ่งนั้นก็ดีแล้วทั้งตัวไทกริสและต่าย ...
“อือออ” ต่ายลืมตาขึ้นมาอย่างเบลอๆ หลังจากที่สติหลุดหายไปตั้งแต่มื่อไหร่ก็ไม่รู้ แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านม่านเป็นคำตอบให้เขาว่าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เสมองนาฬิกาที่บอกเวลา 8โมงเช้า
ในหัวของต่ายนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวาน ซึ่งนึกเท่าไหร่ก็ถูกตัดจบลงที่แซวสาวคัพดีที่เดินมาทักทาย ในส่วนของเหตุการณ์ต่อจากนั้น ร่วงหายไปไหนแล้วไม่รู้
รู้สึกตัวโล่งๆ เลยเลิกผ้าห่มดูชุดของตัวเอง ที่ไม่ใช่ชุดเมื่อคืน
เห็นร่างของไทกริสนอนอยู่ข้างๆ แถมยังพาดแขนมาที่ตัวเขาอีก
คงจะเป็นเด็กโค่งเปลี่ยนให้
จิ้มแก้มอีกคนเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ
ต่ายขมวดคิ้วให้กับเงาตัวเองในกระจก ลูบรอยแดงๆที่ซอกคอเบาๆ
ถ้าเป็นตัวอะไรกัดก็น่าจะมีรอยนูนออกมา แต่นี่มันดูเหมือนมันห้อเลือดเฉยๆ
จะว่าไปเมื่อคืนเหมือนจะฝันว่ามีบางอย่างที่หน้าตาเหมือนเสือในร่างคน?!! มาขย้ำคอ แต่มันคงไม่เกี่ยวกันหรอก
คิดพลางส่ายหน้าไป
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็มาต้มกาแฟดำแก้แฮงค์ ก่อนจะลงมือทำออมเล็ตสีเหลืองสวยตามสูตรที่ดูในยูทูป
กะจะแว่บไปดูเด็กโค่ง แต่ก็ดันโผล่มาด้านหลังให้สะดุ้งอีกจนได้
“กริส!” ต่ายใช้หลังมือตีเบาๆที่อกของไทกริส ข้อหาทำให้ตกใจ คนหน้านิ่งก็ตีหน้ามึนใส่ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะกินข้าว
ต่ายยกจานออมเล็ตให้ไทกริส อีกฝ่ายสูดดมฟุดฟิดๆ ก่อนจะหยิบช้อนส้อมมลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย
ช่างเป็นภาพที่น่ารักในสายตาของต่าย
ความรู้สึกที่เหมือนได้เห็นเด็กตัวน้อยๆ กินข้าวอย่างมีความสุขนี่มัน ...
ช่วงบ่ายของวันต่ายถูกผองเพื่อนเรียกออกมาให้ช่วยกันปั่นโปรเจ็คกลุ่มให้เสร็จ
แต่ด้วยความขี้เกียจเพราะเห็นแดดและความร้อนแล้ว ให้พวกมันออกมาดีกว่า
ล่อให้พวกนั้นออกมา ไม่ต้องใช้อะไรมาก ...
“พิซซ่ามาส่งค้าบ”
“น้องต่าย น้ำที่สั่งไว้พี่เอาไปฝากให้เจ๊หมวยแล้วนา”
ต่ายกดตัดสายหลังจากรับโทรศัพท์สองสายซ้อน ตะโกนบอกไทกริสว่าจะลงข้างล่าง ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าให้ก่อนจะหันไปสนใจหนังในจอทีวีต่อ
สองมือถือถุงพลาสติกที่บรรจุทั้งกล่องพิซซ่าและกล่องอาหาร อีกข้างก็หิ้วแก้วน้ำทั้งสี่ไว้
รอไม่นาน สามใบเถาก็โผล่หัวมา พวกนั้นมองรอบๆอย่างตะลึงนิดๆกับการตกแต่งที่ดูลักเซอรี่ซะจนไม่เข้ากับเพื่อนของเขาซักนิด
“มาช่วยกันถือเลยพวกมึง” ต่ายเร่ง พลางยื่นถุงที่ถือไว้ แจกจ่ายให้เพื่อนแต่ละคน
พอมาถึงห้อง ทั้งสามก็ได้อ้าปากข้างอีกรอบ
“โคตรหรูว่ะแม่ง” เอกครางออกมาอย่างอิจฉา ไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะมีบุญวาสนาได้มาอยู่คอนโดหรูๆขนาดนี้
“รบกวนด้วยนะไทกริส” แกนบอกเจ้าของห้องที่นอนดูทีวี เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ
ต่ายและผองเพื่อน นั่งจับกลุ่มกันอยู่ใกล้ๆประตูระเบียง ก่อนจะลงมือกางโน้ตบุ๊คคนละตัว แล้วเริ่มทำงานกัน
แน่นอนกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่นานพิซซ่า 2 ถาดก็หมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ซึ่งมีเจ้าของห้องมานั่งร่วมวงด้วย
อิ่มหน่ำแล้วก็หันมาทำงานอย่างจริงๆจังๆ
โดยแบ่งกันเป็นส่วนๆ ทั้ง เขียนโค้ด ทดสอบ เขียนรายงาน ตรวจทาน
ไทกริสที่นั่งมองห่างๆ มองมาทางทั้งสี่ด้วยความสนใจ เขาไม่เคยเห็นต่ายและเพื่อนๆในลุคตั้งใจทำงานเท่าไหร่
จนกระทั่ง..
“เฮ้ เสร็จแล้วโว้ยยยยย” ต่ายร้อง คนอื่นๆแทบไถไปกับพื้นห้องอย่างเกียจคร้าน หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งมา 7ชั่วโมงเต็ม
“ปวดหลังชิบหาย” เอกบ่น พลางใช้มือทุบหลังตัวเอง ก่อนจะมีผู้หวังดี?! ช่วยทุบจนเสียงลั่น
“เชี่ยแชม” เสียงหัวเราะดังลั่น ทำให้คนที่เผลอหลับไปกับโซฟางัวเงียตื่นขึ้น
“อ้าว กริส หลับหรอ ตื่นๆเดี๋ยวปวดหัว ” ตบแก้มขาวนั่นไป จนเกิดสีแดงระเรื่อ
“หิวไหมพวกมึง”
“จะเหลือเหรอ”
“จะโทรสั่งรึจะให้กูทำ กริสอยากกินไรไหม” หันไปถามความเห็นเพื่อน ก่อนจะหันมาถามเด็กโค่งที่นั่งมึนอยู่
“ให้กระต่ายทำ” ผองเพื่อนพยักหน้าตามคำพูดของไทกริส
เพื่อนของเขาทำอาหารอร่อยอยู่แล้ว
รอไม่นาน ด้วยลูกมือมือใหม่ทั้ง 3 (ไทกริสและเอกนั่งดูซีรี่ย์อเมริกาอยู่ข้างนอก #ทีมพังครัว)
ผัดผักรวมมิตร ข้าวผัดทะเล และต้มจืดหมูสับก็เสร็จสิ้น
“ยังอร่อยเหมือนเดิมนะมึง” แชมบอก เขาเคยกินกับข้าวฝีมือเพื่อนคนนี้นับไม่ถ้วน เพราะอีกฝ่ายไปค้างด้วยบ่อยๆ
“กูพอเข้าใจแล้วว่าทำไทกริสติดมึง ฮ่าๆ” เอกว่าอย่างขำๆ ไทกริสที่เคี้ยวข้าวตุ่ยๆก็ยังกระตุกยิ้มทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก
”งั้นพวกกูกลับก่อนนะ” เอกพูด
“ไปละ บายนะไทกริส ขอบใจที่แบ่งห้องให้ทำงานนะ ” แกนบอกกับเด็กโค่ง
“เจอกันวันจันทร์เว้ย พรุ่งนี้ปิดไลน์นะมึง พักยาว” ต่ายบอก เพื่อนยักคิ้วให้อย่างรู้กัน
ก่อนจะพากันออกจากห้องไป
ความสงบเข้ามาแทนที่ ไทกริสที่กลับมานั่งดูซีรี่ส์ตามเดิม โดยมีต่ายนั่งเป็นเพื่อนข้างๆ
ซักพักเด็กโค่งก็กลายเป็นคนไม่มีกระดูก เริ่มเลื้อยลงไปนอนตักต่าย ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะถูกต่ายใช้นิ้วดีดหู
“อย่าเพิ่งนอน เพิ่งกินข้าวเอง เดี๋ยวกรดไหลย้อนหรอก” ไทกริสหน้างอลูบหูที่แดงแปร๊ดจากแรงดีดที่ไม่เบานักของต่าย
“นั่งดีๆ” ต่ายพ่นลมหายใจเบาๆ เมื่ออีกคน เริ่มจนเลื้อยอีกครั้ง
“ไปนอนมั๊ย?”
ไทกริสสั่นหัว เพราะยังไม่ถึงเวลานอน เขาแค่รู้สึก
......อยากอ้อนคนข้างๆ ก็เท่านั้นเอง
TBC..
-------------------------------------------------
BEVA TALK : ติดสอบค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ปั่นงานไม่มีเวลาแต่งนิยายเลย แต่งได้วันนิดวันหน่อยอีกเช่นเคย แต่ก็จบตอนลงได้ เย้!
ตอนนี้ให้บทกับเด็กโค่งสุดหล่อซะส่วนใหญ่ หลังจากบทน้อยอยู่นาน (ค่าตัวแพงไง
)
เด็กรุกหนักแล้ว
พี่ต่ายระวังตัวไว้
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์เช่นเคยค่าาาา
คิดเห็นอย่างไร บอกกับคนแต่งหน่อยน๊าา เก๊าอยากอ่านและอยากรู้