บทที่ 5.2
อยากรู้อยากลอง
“ แต่ทุกเย็นพวกพี่ก็จะมาที่ร้านเป็นประจำถ้าเหงาก็มาได้นะ” พี่เนปพูดเสริม
“ ขอเบอร์ได้ไหมครับพี่ ทุกคนเลย”
“ เดี๋ยวแอดให้” พี่เนปที่จับโทรศัพท์ผมอยู่พูดขึ้นและทำการแอดไลน์ทุกคนเข้ามาในเครื่องของผมเป็นที่เรียบร้อย
“ ฉันอยากแอดน้องเข้าแชทกลุ่มจัง เอ็นดูง่า” เมื่อพี่ลี่พูดออกมาอย่างนั้นมีหรอว่าคนอย่างพี่เนปจะปฏิเสธ “ แอดเลยเนป ยินดีต้องรับสมาชิกไหมนะจ๊ะน้องซี”
“ เลี้ยวซอยหน้าบ้านหลังที่สามฝั่งซ้ายครับ” ผมบอกพี่ลี่ออกไปเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงบ้านของผม
“ หลังนี้เนอะ” พี่ลี่จอดรถหน้าบ้านของผมหลังจากที่เธอขับมาตามเส้นทางที่ผมบอก “ บ้านใหญ่มาก แต่ทำไมไฟยังปิดละน้องซี”
“ ไม่มีใครอยู่ครับพี่....” เป็นครั้งแรกที่ผมไม่อยากเข้าบ้านเลยจริงๆ ถ้าผมเข้าไปผมก็ต้องอยู่คนเดียว
“ แล้วปกติเราอยู่อย่างไง” พี่ทอยถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าสภาพของผมดูเศร้าไปหลังจากที่พี่ลี่ถาม จะว่าอย่างไงดีหละครับผมอยู่คนเดียวจนเกือบจะชินแล้ว...
“ พี่ชายกับพ่อแม่ครับ แต่ว่าพ่อกับแม่ไปต่างประเทศกันหมดเลย”
“ ให้พวกพี่อยู่เป็นเพื่อนไหมละ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจมากๆเลย” ผมปฏิเสธความหวังดีของพี่ลี่ออกไปด้วยความเกรงใจจริงๆ ก่อนที่ผมจะบอกลาพวกพี่ๆและเปิดประตูรถออกมา
“ ซี! พี่ล็อคอินให้เราละนะถ้าเล่นเดี๋ยวพี่จะบอกในกลุ่มนะ ฝันดีครับ!” พี่เนปเปิดกระจกรถออกมาตะโกนบอกผมที่กำลังจะไขกุญแจเพื่อเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน
“ ครับ บายบ้าย” ผมโบกมือลาพวกพี่ๆก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำความรู้จักกับคนอื่นๆที่ไม่ใช่คนที่ผมเคยรู้จักมาก่อนและไม่ได้ขออนุญาตพี่คิน มันก็ไม่ได้แย่ขนาดที่พี่คินบอกว่าอย่าทำความรูจักใครถ้าไม่จำเป็นเพราะจะทำให้ผมเกิดอันตรายและเป็นภัยต่อตัวของผมและนั่นมันก็คงไม่แย่ไปกว่าที่ผมเดินเข้ามาในบ้านและไม่พบใครเลย ซึ่งมีแต่ความมืดและความว่างเปล่าที่ออกมาต้อนรับผมแบบนี้เกือบๆทุกวัน
“ เฮ้ยย” ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินขึ้นบันไดและเข้าห้องของตัวเอง และไม่นานผมก็ได้ยินเสียงรถของพี่คินที่พึ่งเข้ามาจอดในโรงรถของบ้าน ทำให้ผมรีบวางกระเป๋าและเปลี่ยนชุดนักเรียนทันทีเพราะถ้าพี่คินเข้ามาเห็นผมโดนถามแน่ๆ และผมก็คิดว่าพี่คินน่าจะไม่พอใจถ้าผมไปสถานที่แบบนั้น สถานที่ที่พี่คินพยายามเลี่ยงไม่ให้ผมได้พบเจอทุกอย่างแม้กระทั่งการเล่นเกมที่พี่คินและพี่เซนต่างเป็นแบบอย่างให้ผมมาเป็นอย่างดี และบอกกับผมเสมอว่าการเล่นเกมมันไม่ใช่กิจกรรมที่เด็กอย่างผมควรโฟกัสในตอนนี้นอกจากเรื่องเรียน
“ อ้วน?” และก็เป็นอย่างที่ผมคิดเพราะอยู่ๆพี่คินก็เปิดประตูห้องเข้ามา ซึ่งผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดีอย่างเฉียดฉิว “ ทำไมดูเหนื่อยๆ” พี่คินเดินก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งสายตาเข้ามาสำรวจผมด้วยความสงสัย
“ ออกกำลังกายมา” ในสมองตอนนี้ของผมมันว่างเปล่าจนผมตอบออกไปแบบนั้น
“ ออกกำลังกายอะไรอ้วน เหงื่อเยอะจัง” พี่คินเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆพร้อมกับใช้มือเช็ดเหงื่อที่ผุดตามกรอบหน้าของผมเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“ จะผอมไง”
“ เอาอะไรมาพร้อม อย่างนี้แหละดีแล้ว หรือว่ามีความรัก?” พี่คินมองผมด้วยสายตาจับผิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาของพี่คินดูดุและไม่พอใจมากกว่าเดิม “ บอกเลยนะว่ายังไม่ถึงเวลามีความรักตอนนี้ ตั้งใจเรียนไป”
คลื่นนน
อยู่ๆเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นมาขัดจังหวะที่พี่คินกำลังพูด ทำให้ผมลืมตัวรีบจับโทรศัพท์ขึ้นมาไว้ตัวอย่างมีพิรุธจนพี่คินขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเข้าไปหนักกว่าเดิม
“ พี่จริงจังนะอ้วน”
“ ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมรีบลุกขึ้นและจับมือพี่คินเอาไว้เพื่อให้พี่คินใจเย็นลงกว่าเดิมเพราะตอนนี้พี่คินดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด สันกรามของพี่คินขบกันเหมือนว่าพี่คินกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้โมโหใส่ผม
“ อย่าให้พี่รู้นะอ้วน ตอนนี้หน้าที่เราคืออ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามอสี่”
“ ซีรับทราบครับ” ผมทำท่ายืนตรงและตะเบ๊ะเหมือนทหารส่งไปให้พี่คินแทน
“ ดีมาก งั้นพี่ไม่กวนแล้ว” พี่คินพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องผม เมื่อพี่คินออกไปแล้วผมก็รีบวิ่งไปล็อคประตูทันที
แกร๊ก
คินที่กำลังเดินกลับไปห้องตัวเองชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงล็อคประตูห้องของน้องชาย และนั่นทำให้เขาสงสัยหนักกว่าเดิมเพราะท่าทางของซีที่ออกพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าซีเปลี่ยนไปและตอนนี้ซีกำลังมีอะไรปิดบังเขาอยู่ แต่สิ่งที่คินคิดอยู่ตอนนี้คือ ซีจะมีแฟนในวัยเรียนไม่ได้ แม้คินจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ซีกำลังปิดบังเขาคือเรื่องอะไร
Neptune : Are you ready?
Toyy_story : Yes! I’m ready
Lili17 : me too
Neptune : C are you ready?
C_C : yes sir !!
และคืนนั้นเองที่ผมนั่งเล่มเกมส์ในโทรศัพท์ทั้งคืนจนลืมเวลาไปว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกดังขึ้น และนั่นคือเวลาแห่งความฉิบหายของผมได้เกิดขึ้นแล้วโดยที่ผมไม่รู้ตัวมาก่อน เพราะ! ผม ยัง ไม่ ได้ นอน!!!
C_C : ยังไม่ได้นอนเลย
Neptune : สาย Gamer ไม่มีคำว่านอนครับ!!!
ผมเชื่อเขาแล้วจริงๆ แต่นั่นทำให้ผมต้องแบกสังขารตัวเองไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนด้วยความง่วง แม้ว่าผมจะอาบน้ำแล้วก็ตาม จนกระทั่งผมลงมาบันไดมาเจอเข้ากับพี่คินที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ กินข้าวอ้วน” พี่คินเรียกผมให้มากินข้าวเหมือนทุกครั้งโดยที่พี่คินทำหน้าที่ในการเตรียมอาหารเช้าพร้อมกับนมให้ผมหลังจากที่พี่ส้มลาออก ซึ่งอาหารเช้าที่พี่คินเตรียมก็ประกอบไปด้วยอาหารครบห้าหมู่ตามหลักโภชนาการ พี่คินจะบังคับให้ผมกินให้ผมตามจำนวนที่เขาเตรียมมาให้ผม ซึ่งวันนี้อาหารที่พี่คินเตรียมมาให้ผมมีโจ๊กไก่ใส่ตับพร้อมกับไข่ลวกและผลไม้สามชนิด รวมถึงนมสดอุ่นๆ ปกติแล้วผมจะกินจนหมดแต่วันนี้ผมรู้สึกว่าอาหารตรงหน้ามันไม่ดึงดูดให้ผมอยากกินเลยสักนิด
“ ไม่กินได้ไหม?” เป็นครั้งแรกของผมอีกเหมือนกันที่ไม่ได้นอนทั้งคืน มันรู้สึกง่วงจนผมไม่อยากจะกินอะไรผมแค่อยากหลับตาเพื่อพักสายตาสักพักเท่านั้นเอง
“ บอกว่าอย่าลดความอ้วนไง!” พี่คินพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับส่งสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจส่งมาให้ผม และทุกครั้งที่พี่คินดุผมจะต้องกลัวและทำตามที่พี่คินสั่งทุกอย่าง แต่วันนี้ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ผมรู้สึกอยากจะท้าทายสายตาดุๆของพี่คินแทน
“ ก็บอกว่าไม่ได้ลด แค่กินไม่ลง” ไม่รู้ว่าผมเอาความหงุดหงิดมาจากไหนสงสัยจะเป็นเพราะผมง่วงนอนบวกกับอารมณ์ที่เริ่มรุนแรงขึ้นของผมทำให้ผมพูดแบบนั้นออกไป
“ อือ” พี่คินวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะก่อนที่เขาจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อบ่งบอกว่าตอนนี้เขาไม่พอใจที่ผมใช้น้ำเสียงแบบนั้นพูดกับเขาออกไป แม้จะรู้ว่าตัวเองผิดแต่ทิฐิมันค้ำคอทำให้ผมไม่สนใจพี่คินอีกต่อไปจนกระทั่งพี่คินขับรถมาถึงโรงเรียนผมก็ไม่ได้คุยกับเขาทั้งทาง
“ ขอโทษที่พูดไม่ดีใส่...” ผมเอาชนะทิฐิของตัวเองเพื่อกล่าวคำขอโทษพี่คินออกไป เพราะรู้ว่าครั้งนี้ผมเป็นคนผิด แม้ใจจริงๆอยากที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ อยากที่จะประชด อยากที่จะเรียกร้องความสนใจ แต่แล้วความคิดด้านดีที่ผมพอจะมีอยู่บ้างเอาชนะความคิดอีกด้าน ทำให้ผมพูดขอโทษพี่คินออกไปก่อนที่ผมจะก้าวลงจากรถ
“ ยังดีที่รู้ตัวว่าควรขอโทษ”
“ ไปเรียนแล้วนะ...”
“ ครับ ตั้งใจเรียนละ พี่ไม่โกรธซีเพราะซีขอโทษพี่แล้ว แต่อย่าให้มีครั้งต่อไปนะครับ พี่คินจะเอาจริงแล้วซีจะว่าพี่คินใจร้ายไม่ได้นะ” คำพูดของพี่คินวันนี้มันทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเพราะผมเอาแต่เล่นเกมจนลืมทำการบ้านและอดหลับอดนอนทั้งคืน แต่ผมไม่สามารถที่จะหยุดมันได้จริงๆมันเป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกไม่เหงาและทำให้ผมรู้สึกดี เหมือนมีพวกพี่ๆอยู่กับผมทั้งคืน ผมไม่ได้อยู่คนเดียว มันทำให้ผมทดแทนสิ่งตรงนี้ที่ผมขาดหายไปในช่วงที่ผมไม่เหลือใคร...
เมื่อเข้ามาถึงห้องเรียนเวลานี้ทุกคนก็เตรียมลอกการบ้านสำหรับใครที่ยังทำไม่เสร็จหรือว่าไม่แน่ใจว่าทำถูกไหมก็จะพากันจับกลุ่มแลกเปลี่ยน ซึ่งถ้าเป็นปกติแล้วคนอย่างผมไม่เคยต้องลอกการบ้านใคร แต่วันนี้ผมเป็นซีคนใหม่ที่จะต้องแบกหน้าไปขอเพื่อนลอกการบ้าน
“ เราขอดูด้วยได้ไหม?” ผมเดินไปหากลุ่มเพื่อนในห้องที่ผมไม่เคยคุยด้วย ตอนนี้พวกเขากำลังมุงกันลอกการบ้านอยู่
“ อันนี้ของไอ้เกรมนะ มึงต้องไปขอมัน” เพื่อนคนหนึ่งหันมาบอกผม ของเกรมอย่างนั้นหรอ? แล้วใครกันที่ชื่อว่าเกรม ผมมองไปรอบๆห้องก่อนจะเจอเข้ากับผู้ชายตัวสูงที่เดินล่วงกระเป๋าเข้ามาถ้าจำไม่ผิดเขาน่าจะชื่อเกรมตามที่เพื่อนคนนั้นบอกผม
“ เราขอลอกการบ้านนายด้วยได้ไหม?” ผมเดินเข้าไปหาเกรม
“ ไม่..มึงไม่เคยให้กูลอกการบ้าน” เกรมพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ผมนึกย้อนกลับไปตามสิ่งที่เขาพูด ผมไม่เคยให้ใครลอกการบ้าน...และผมก็จะว่าคนที่มาขอผมลอกการบ้านว่าไม่มีความรับผิดชอบต้องมาอาศัยสิ่งที่คนอื่นทำ ตอนนี้มันย้อนกลับมาหาผมแล้วครับ..ผมไม่มีความรับผิดชอบ แต่ทำไมในใจของผมมันกลับตื่นเต้นมากกว่าตื่นกลัวในสิ่งที่ผมกำลังทำผิด
“ ครั้งเดี๋ยวได้ไหม…” ผมจะไม่อ้อนวอนเลยถ้าเกิดว่าการบ้านชิ้นนี้ไม่ใช่วิชาคณิตศาสตร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดของอาจารย์
“ ได้...เดี๋ยวกูทำให้ เอาสมุดการบ้านของมึงมาซิ” ผมไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆเกรมถึงจะให้ผมลอก แถมเขายังอาสาเขียนให้ผมอีก เกรมช่างเป็นคนดีจริงๆ ผมไม่รอช้ารีบกลับไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อเอาสมุดการบ้านให้แกรมเขียนที่โต๊ะของเขา เกรมรับสมุดจากผมมาก่อนที่เขาจะเปิดไปที่หน้าการบ้านและลงมือทำด้วยความรวดเร็ว ทำให้ผมเห็นว่าเกรมน่าจะจำคำตอบได้ผมเลยไม่ได้ติดใจหรือสงสัยอะไร จนกระทั่งเกรมเขียนให้ผมเสร็จเขาก็ยื่นสมุดมาตรงหน้าผม
“ ทีหลังก็ทำมาด้วยหล่ะ” เกรมยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มแปลกๆ แต่ผมจะมาสงสัยอะไรกับผู้มีพระคุณของผมไม่ได้ มันคงจะไม่มีอะไรหรอก จนกระทั่งอาจารย์ประจำวิชาเเรกเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งเป็นอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์นั่นเอง
“ ส่งการบ้านจ้ะเด็กๆ” แม้คำพูดของอาจารย์จะดูใจดีแต่อาจารย์ก็โหดเอามากๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการเรียน วันนี้ผมยังไม่เห็นกันต์เข้ามาในห้องเลย สงสัยจะตื่นสายแน่ๆ เพราะปกติแล้วกันต์จะมาโรงเรียนเช้าเสมอ อาจมีบางครั้งที่เขาจะมาช้า
ผมเดินไปส่งการบ้านที่หน้าห้องเรียนก่อนจะกลับเข้ามานั่งเรียนที่เดิม วันนี้อาจารย์สอนไม่ได้เยอะแต่ผมแค่รู้สึกว่าผมง่วง ทำให้ตาของผมค่อยๆปิดลงและหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย….
“ ศรันย์”
“ ศรันย์
“ ศรันย์!!!” ผมสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆอาจารย์ตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดัง
“ ครับ!”
“ ออกมาเฉลยการบ้านข้อนี้” อาจารย์พูดเสียงเข้มเมื่อเธอเห็นว่าผมหลับในห้องเรียน ในเมื่ออาจารย์เรียกให้ออกไปผมก็ต้องออกไปตามคำสั่งของอาจารย์ ก่อนที่ผมจะยืนงงกับโจทย์ที่อยู่บนกระดาน
“ ทำไมทำหน้างง ทำการบ้านบ้านมาแล้วไม่ใช่หรอศรันย์?” อาจารย์เร่งผมอีกครั้งเมื่อเธอเห็นว่าผมทำหน้างง “ ทำผิดอาจารย์ไม่ว่า แต่ถ้าไม่ทำมาและลอกคนอื่นอาจารย์ไม่ยอม”
“ เอ่อ….คือผม” ผมพยายามหันไปมองหน้าของเกรมที่นั่งอยู่ด้านในห้องเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเยาะๆของเขาเหมือนว่าเขาสะใจที่ผมโดนอาจารย์ว่า
“ ว่าอย่างไงศรันย์” ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงดีเพราะตอนนี้ผมไม่รู้จักใครในห้องเลย แถมกันต์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมก็ยังไม่มา ทำให้ผมจำใจหยิบปากกาไวท์บอร์ดขึ้นมาเขียนโจทย์บนกระดานด้วยความรู้สึกกระวนกระวายและกลัวว่าอาจารย์จะจับได้ว่าผมลอกการบ้านเพื่อน
ท่าทางของซีนักเรียนที่ไม่เคยทำผิดแสดงออกได้ชัดว่าวันนี้ซีมีอาการแปลกๆเหมือนคนที่ทำความผิดตลอดเวลา สายตาของอาจารย์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะย่อมดูออกว่านักเรียนคนนี้ทำผิดมาแน่ๆ ทำให้เธอเดินไปหยิบสมุดการบ้านของซีขึ้นมาเปิดหน้าการบ้าน และรู้ทันทีเลยว่าซีไม่ได้ทำการบ้านเองเพราะลายมือนี้ไม่ใช่ลายมือของซี!
“ ศรันย์กลับไปนั่งที่ได้แล้ว” ผมพ่นลมหายใจออกมาทันทีที่อาจารย์ไล่ให้ผมกลับไปนั่งที่ อาจารย์คงไม่อยากให้ผมอายไปมากกว่านี้หรือไม่อาจารย์ก็คงไม่สามารถทนเห็นสิ่งที่ผมแสดงออกไปแน่ๆ เพราะดูจากสีหน้าของอาจารย์ที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน
ที่ของผมอยู่เกือบๆท้ายห้องซึ่งเป็นทางเดินที่ต้องเดินผ่านโต๊ะของเกรมที่ตอนนี้ของมองหน้าผมเช่นเดียวกัน ผมว่าตอนพักผมต้องไปคุยกับเขาสักหน่อยแล้วว่าเกรมยิ้มและมองหน้าผมแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ แต่ที่สำคัญผมไม่ค่อยชอบนรอยยิ้มแบบนี้ของเกรมสักเท่าไหร่ จะเรียกว่า รอยยิ้มอ้อนตีน อย่างนั้นได้ไหมครับ??
เวลาผ่านไปสามชั่วโมงซึ่งถึงเวลาพักเที่ยง ปกติแล้วผมจะออกไปกินกับกันต์แต่วันนี้เขาไม่มาทำให้ผมไม่อยากจะออกไปไหนมาไหนคนเดียวเลยเลือกที่จะอยู่ในห้องและฟุบโต๊ะหลับไปด้วยความง่วงที่สะสมมาอย่างยาวนาน
“ หึ”
“ อื้อ…” ผมค่อยลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ผมหลับไปได้สักพัก ก่อนที่ผมจะบิดขี้เกียจแต่สายตาผมดันไปสบเข้ากับใครบางคนที่นั่งจ้องหน้าผมอยู่
“ นาย?”
“ ว่าไงครับ” ผมว่าผมจะไปคุยกับเกรมอยู่พอดีไม่คิดว่าตื่นมาเกรมจะมายืนอยู่ตรงหน้าผมแบบนี้ ผมจะได้ถามสิ่งที่ผมสงสัยไปเลย
“ นายยิ้มหัวเราะผมทำไม มันมีอะไรน่าตลกอย่างนั้นหรอ? ตอนที่อาจารย์เรียกผมไปเฉลยหน้าห้อง” ผมถามเขาออกไปตรงๆเพราะผมเองเป็นคนที่ไม่ชอบพูดอ้อมค้อมสักเท่าไหร่
“ สมเพชมั้ง”
“ เอ๊ะ?”
“ ก็เหมือนว่าคนหยิ่งๆอย่างมึงมาอ้อนวอนขอหลอกการบ้านกู แต่ดันโชคร้ายได้ออกไปเฉลยหน้าห้องไง ก็เลยสมเพช ไม่ซิ เวทนาด้วยแหละ” สายตาของเกรมมองผมด้วยท่าทางที่แสดงออกมาเหมือนกับคำพูดของเขาที่ดูสมเพชและเวทนาผมจริงๆ
“ ผมไม่เคยมีปัญหากับนายนะ” เท่าที่ผมจำได้ผมก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครเลย จะเรียกได้ว่าผมไม่ยุ่งกับใครมากกว่า
“ มีซิ” เกรนยื่นหน้ามาใกล้ผมเรื่อยๆจนผมต้องพะงักหน้าหนีออกไป “ ผมรักกันต์อย่ามายุ่งกับกันต์ของผม!”
“ ห้ะ???” ผมถึงกับต้องเคะหูออกเมื่อเกรมพูดออกมาแบบนั้น แสดงว่าเกรนเป็นเกย์อย่างนั้นหรอ? แต่กันต์ไม่ใช่เกย์ “ กันต์ไม่มีวันชอบผม และก็ไม่มีวันชอบนายด้วย”
“ ไม่สนใจ แค่อย่ามายุ่งอย่ามาใกล้กันต์ของผมก็พอ” ผมว่าผมมองเขาเป็นผู้ชายมาตลอด แต่ทำไมตอนนี้เขากลายเป็นเอ่อ..แบบนี้ไปแล้วหล่ะ
“ ทำไม่ได้หรอกนะ ผมเป็นเพื่อนสนิทของกันต์” ถ้าผมเลิกยุ่งเลิกอยู่ใกล้กับกันต์แน่นอนว่าผมจะไม่มีใครคบอีกแล้ว “ ให้เลิกยุ่งไม่ได้จริงๆ”
“ อย่ามากวนโมโหได้ปะ!” ผมมองหน้าเกรมอย่างงๆเพราะอยู่ๆเกรนก็ลุกขึ้นตะโกนใส่หน้าผมเสียงดัง โคตรเด็กน้อยเลย ผมเลือกที่จะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปเพื่อตัดปัญหาพวกนี้ แต่เกรนเหมือนจะไม่ยอมเพราะเขาเดินตามออกมาและกระชากแขนผมให้เข้าไปหาเขาแรงๆ
“ ปล่อย” ผมมองหน้าเกรนด้วยสายตานิ่งๆเพื่อเตือนให้เขาปล่อยมือออกจากแขนของผม
“ ไม่ จนกว่ามึงจะเลิกยุ่งกับกันต์”
“ ไร้สาระ” ผมพยายามบิดแขนตัวเองให้ออกจาการเกาะกุมของเกรน แต่เหมือนว่ายิ่งผมบิดเท่าไหร่เกรนก็ออกแรงบีบแขนของผมแน่นขึ้นเท่านั้น จนผมใช้จังหวะที่เกรนโมโหต่อยหน้าเกรมแรงๆ
ผั๊วะ!
“ โอ๊ย!” เกรมเซล้มไปทันทีที่ผมปล่อยหมัดลงบนใบหน้าของเกรม....ผมต่อยเกรมอย่างนั้นหรอครับ? ผมก้มลงมองมือของตัวเองที่ผมใช้ต่อยเกรมไป ปกติผมไม่ใช่คนที่ใช้กำลังแก้ไขปัญหาไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมวันนี้ผมเลือกใช้มันหละครับ
“ อย่ามายุ่งกับกู!” ผมรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงแต่ผมไม่มีอารมณ์เรียนต่อแล้ว ขอโดดไปที่ไหนสักที่ก็แล้วกันเมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องและหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินไปยังประตูหลัง ผมเคยได้ยินมาว่าถ้าจะโดดเรียนออกไปนอกโรงเรียนให้ออกทางประตูนี้เพราะยามชอบไม่เฝ้าประตู และก็เป็นอย่างที่ผมได้ยินมาเพราะว่าประตูหลังนี้ไม่มีแม้แต่เงาของยามสักคน
ผมเดินออกจากประตูหลังโรงเรียนก่อนจะตรงมาที่ร้านเกมส์ร้านเมื่อวานที่ผมเจอกับพวกพี่ๆ
“ อ้าวหนุ่ม” พี่เจ้าของร้านหน้ายักษ์ทักผมขึ้นทันทีที่เขาเห็นผม “ โดดเรียนปะเนี่ย ถ้าโดดรีบกลับไปเรียนเลยนะพี่ไม่สนับสนุนให้โดดเรียนมาเล่นเกมส์”
“ เอ่อ...ที่ห้องผมเป็นคาบว่างครับ ไม่ได้โดดเลย” นับเป็นครั้งแรกที่ผมหัดโกหก....
“ ไม่ได้โกหกพี่นะน้อง” เจ้าของร้านถามย้ำอีกรอบด้วยความไม่แน่ใจเพราะเขาไม่อยากให้ร้านตัวเองโดนปิดเพราะมีนักเรียนเเอบโดดเรียนมาเล่นเกมส์
“ ไม่ครับพี่” แล้วคนโกหกที่ไหนจะยอมรับว่าโกหกกันละ!
“ โอเคๆ กี่ชั่วโมงละ”
“ เหมาทั้งวันพี่” ผมเดินไปจ่ายตังค์แบบเหมาจ่ายให้พี่เจ้าของร้านไปร้อยห้าสิบบาทก่อนจะเลือกเดินไปที่คอมพิวเตอร์เครื่องเจ็ดเครื่องที่ผมเล่นเมื่อวาน ก่อนจะล็อคอินเข้าไปที่เกมส์เดิม เพราะผมเล่นเป็นแค่เกมส์เดียว
Neptune : โดดเรียนอ่อ?
C_C : พี่เนปรู้ได้ไง?
Neptune : เห็นขึ้นออน!
ก็แสดงว่าพี่เนปเองก็โดดเรียนเล่นเกมส์เหมือนกันเพียงแต่ว่าเขาไม่ได้โดดออกมาเล่นที่นอกโรงเรียนเหมือนผม
C_C : สักตาไหมพี่
Neptune : ก็มาดิครับ! รออะไร
และนั่นก็เป็นช่องให้ผมกดเข้าไปในเกมส์…….
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วเพราะดูเหมือนว่านายศรันย์ ถูกดูดเข้าไปอีกโลก แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้เล่นกับเนปแล้วก็ตามเพราะเนปขอตัวกลับไปเรียน แต่ซีกลับเล่นต่อและหาห้องเล่นกับคนอื่นไปเรื่อย จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอพักสายตาจากการจ้องหน้าจอคอม
“ หิวจัง” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปหาพี่เจ้าของร้านที่เคาท์เตอร์เพื่อซื้อมาม่าคัพมากินแก้หิวไปพรางๆ ซีสังเกตจากเด็กคนอื่นๆที่จะมีของกินวางอยู่บนโต๊ะเขาเลยเลือกซื้อขนมมาด้วยเพราะไม่อยากเดินบ่อยๆมันจะเสียเวลาในการเล่นเกมส์ จนกระทั่งสี่โมงครึ่งซีไม่ลืมโทรหาคิน
“ พี่คินซีมีเรียนพิเศษกับกันต์นะ เดี๋ยวซีให้กันต์ไปส่ง”
( ให้พี่ไปรับที่บ้านกันต์ไหม?) คินเองก็นึกแปลกใจที่อยู่ๆน้องชายของเขาก็โทรมาบอกว่าจะไปเรียนพิเศษกับกันต์ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาบังคับแทบตายซีไม่เคยไป
“ เอ่อ...เดี๋ยวซีบอกละกัน แค่นี้นะพี่คิน ติ๊ด!” ผมก็รีบวางสายพี่คินถ้าคุยนานกว่านี้พี่คินได้จับได้แน่ๆว่าผมไม่ได้มาเรียนพิเศษ
“ น้องซี” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นมาจากหน้าร้าน ผมเลยถอดหูฟังออกมองไปยังหน้าร้านและเห็นว่าเป็นกลุ่มของพี่ลี่ พี่เนป และพี่ทอยเดินเข้ามาในร้าน
“ สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ๆทั้งสามก่อนที่พี่เนปจะนั่งลงที่คอมข้างๆผมเหมือนเดิม
“ อยากเล่นเกมส์อื่นไหม?” ระหว่างที่รอเครื่องคอมเปิดพี่เนปหันมาถามผมที่ตอนนี้รอเข้าเกมส์เพื่อเล่นอีกตา
“ ยากไหม?”
“ ง่ายมาก” ผมจึงพยักหน้าให้พี่เนปทันที เมื่อเขาเห็นว่าผมตอบตกลงพี่เนปก็เลื่อนเก้าอี้มาที่โต๊ะของผมก่อนที่เขาจะเปิดเกมส์อะไรสักอย่างที่ผมไม่คุ้นอะไรเลย จนกระทั่งผมพี่เนปเล่นให้ผมดูจนผมจัดจุดได้และเล่นตามที่พี่เนปสอน
PS. น้องชักจะดื้อเกินไปแล้ว.....