ตอนที่ 8“เมลลลลลล กูหิวววว มึงรีบลุกไปอาบน้ำเลย พากูออกไปกินข้าวเดี๋ยวนี้”
คืนนี้ผมมาค้างกับไอ้เมล แบบจริงจังเลยคือนอนอย่างเดียว แม่งไม่คิดจะพาผมไปหาอะไรกินเลย แถมมันที่นอนพันแข้งพันขาผมอยู่นี่ตื่นมามันก็ไม่คิดทำอย่างอื่นหรอกนอกจากรังแกร่างกายผม ตั้งแต่เข้าห้องมาจนถึงเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้ นับนิ้วแล้วก็เกือบสามชั่วโมง ถ้าตอนนี้ไม่ใช่กลางคืนนะ ท้องฟ้าที่กูเห็นมีสิทธิ์เป็นสีเหลืองอ่ะ
“มันดึกแล้วนะ กูขี้เกียจออกไปไหน” ไอ้เมลตอบเสียงเพลีย ผมเลยหยิกแขนมันเข้าให้
“มึงนั่งแดกเหล้าอยู่ที่ร้านกลับดึกกว่านี้อีก”
“ไม่เหมือนกัน แดกเหล้าไม่เหนื่อย แต่เอามึงกูเหนื่อย”
“ไอ้เหี้ยเมล มึงจะให้กูนอนหิวไปจนเช้าเหรอ พากูมาแล้วก็ดูแลหน่อยสิวะ มึงทิ้งๆ ขว้างๆ กูอย่างนี้ได้ไง”
ในที่สุดไอ้เมลก็ยอมลุกขึ้นนั่ง มันขยี้หัวตัวเองแรงๆ
“ไข่ดาวได้มั้ย กูทอดให้”
“อือ อะไรก็ได้ ตอนนี้กูกินได้หมดแหละ”
“ดี เลี้ยงง่าย งั้นต้มมาม่าละกัน”
“อ้าว ไหนบอกไข่ดาว”
“ก็ถ้าทอดไข่ ก็ยังขาดข้าว แล้วกูก็ต้องหุงข้าวอีก มึงจะรอเหรอ”
“เออ มาม่าก็ได้”
“หึ น่ารักนะมึงเนี่ย”
ไอ้เมลก้มลงมาจูบผม ก่อนมันจะนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวออกจากห้องนอนไป ผมลุกขึ้นไปหาเสื้อยืดของมันมาใส่แล้วก็เดินตามมันออกมา ลงบันไดเดินมายังส่วนของห้องครัว แล้วภาพแรกที่เห็นก็คือไอ้เมลเดินไปเดินมาอยู่ในครัว เปิดตู้เย็นหานั่นหานี่ของมันไปเรื่อย ผมมานั่งท้าวคางมองมันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว อืม...ยอมรับนะว่าเห็นแล้วรู้สึกดีแปลกๆ
“แล้วมึงไม่กินเหรอ” ผมถามเมื่อมันเลื่อนถ้วยมาม่ามาให้ มันใส่หมูใส่ผัก แถมใส่ไข่ให้ซะน่ากินเลย
“มึงกินเถอะ”
“เฮ้ย กินด้วยกันดิ เผื่อมันมีไรผิดพลาดขึ้นมา กูจะได้ไม่ตายคนเดียว”
“มันจะผิดพลาดได้ไงวะ แค่ต้มมาม่า กินๆ ไปเถอะ ไม่ตายหรอก ถ้าไม่กินกูจะเอาไปเททิ้ง”
“กินจ้า แค่นี้ทำน้อยใจ อ่ะ กูป้อน” ผมคีบเส้นมาม่าขึ้นมา เป่าให้หายร้อนแล้วยกขึ้นสูงเล็กน้อย ไอ้เมลยิ้มแล้วก้มลงมารับเส้นเข้าปากไป
“เป็นไง” ผมถามพลางรอลุ้นคำตอบ
“อร่อย”
“งั้นกินเยอะๆ”
“นี่เท็น มึงคิดว่ามึงเป็นคนทำรึไงวะ มาม่าถ้วยนี้กูต้มเองกับมือ มันก็ต้องอร่อยอยู่แล้วดิ”
ผมส่งยิ้มให้ไอ้เมล คีบหมูสับเข้าปากตัวเอง แล้วคีบผักป้อนให้มัน
“ที่มันอร่อย...ก็เพราะกูเป็นคนป้อนไม่ใช่เหรอ”
“หึ ไม่เกี่ยวเลย” ไอ้เมลพูดก่อนจะก้มลงมาจูบปากผม
ถึงมันจะบอกไม่เกี่ยว แต่ก็บังคับให้ผมป้อนมันจนหมดถ้วย มันบอกให้ผมล้างถ้วยก่อนที่มันจะเดินขึ้นไปนอนต่อ ผมเลยต้องเก็บกวาดครัวให้มันด้วย ทิ้งไว้อย่างนี้คงไม่ดี เพราะกว่าแม่บ้านจะมาทำความสะอาดก็ตั้งพรุ่งนี้ตอนสายๆ
“เมล พรุ่งนี้ไปไหนป้ะ” พรุ่งนี้วันเสาร์ครับ ผมว่างเลยอยากไปดูหนัง
“พรุ่งนี้เหรอ อ่านหนังสือดิ วันจันทร์จะสอบแล้ว ถามทำไม” ไอ้เมลที่นอนคว่ำ หันหน้ามาทางผม ตอบเสียงง่วงๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่
อะไรวะไอ้นี่ คุยกันก่อนดิวะจะรีบหลับไปไหน ผมเลยขึ้นไปนอนบนตัวมัน ไอ้เมลส่งเสียงไม่พอใจแต่ผมก็มึนใส่
“พาไปดูหนังหน่อยดิ สอบตั้งวันจันทร์อ่ะ กูอยากดูเรื่องนี้มาก เข้าโรงวันสุดท้ายแล้วด้วย”
“แล้วมึงไม่อ่านหนังสือเหรอเท็น มัวแต่เที่ยวเดี๋ยวก็โดนรีไทร์หรอก”
“กูอ่านคืนวันอาทิตย์ พรุ่งนี้เลยว่าง”
“งั้นมึงไปคนเดียว เพราะพรุ่งนี้กูจะอ่านหนังสือ”
“ไม่ มึงต้องไปกับกู”
“กูไม่ว่าง”
“เมลอ่ะ”
“ลงมานอนดีๆ เร็ว”
“เมลลลลลลลลลลลล”
“อย่ามาดื้อกับกูนะเท็น”
“เออ จำไว้เลยนะมึง”
ไอ้เมลแม่งชอบขัดใจผมทุกที ความจริงผมก็ไม่ได้กลัวมันหรอกนะ แค่ไม่อยากทะเลาะด้วย เวลาไอ้เมลหงุดหงิดมันน่ากลัวจะตาย อ้าว เออ นั่นแหละ เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากขัดใจมันหรอกครับ
เช้าวันเสาร์ พอตื่นมาก็ไม่เห็นไอ้เมล ไม่รู้ว่ามันไปไหน ผมไม่มีอารมณ์จะใส่ใจเลยเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วออกมายืนมองท้องฟ้า รับลมที่ระเบียง วันนี้ท้องฟ้าครึ้มอีกแล้ว ชวนหดหู่ใจยังไงชอบกล ผมชอบฝนตกเฉพาะเวลาที่ไม่มีธุระที่ไหน เพราะการที่ได้นอนอยู่ใต้ผ้าห่มฟังเสียงฝน มันสบายสุดๆ ไปเลยล่ะ
พอมองจากตรงนี้ ก็แทบไม่เห็นพื้นเลย รถก็คันเล็กลงจากปกติมาก ลมเย็นๆ แบบนี้ผมก็อยากจะลองกางแขนกางขาท้าแรงโน้มถ่วงเหมือนกันนะ มันจะรู้สึกยังไงวะถ้าได้ลอยอยู่ในอากาศจริงๆ
“เท็น นั่นมึงจะทำอะไร!” เสียงตวาดพร้อมกับแรงกระชากจากด้านหลังทำผมตกใจเหมือนตอนลงบันไดลืมเหยียบไปหนึ่งขั้น
“อะไรของมึงเนี่ย” ผมถามอย่างงงๆ
“ก็มึงจะทำอะไร” เสียงไอ้เมลสั่น หลังผมพิงอยู่กับอกมันก็รู้สึกว่าหัวใจมันเต้นเร็วมาก
“กูเหรอ กูก็ยืนมองท้องฟ้า”
“แต่กูเห็นว่ามึงกำลังปีนราวระเบียง!”
“อ๋อ กูอยากลองลอยอยู่ในอากาศดู มึงตกใจไร”
“ไอ้เหี้ย! มึงไปตายเหอะไป มึงคิดว่าตัวมึงมีกี่ชีวิตวะ! นี่เราอยู่กันชั้นที่ห้าสิบห้านะ แค่ตึกสามชั้นโดดลงไปมึงก็เดี้ยงแล้ว แล้วสูงขนาดนี้พูดมาได้ว่าอยากลอง โดดลงไปมึงก็ตาย จะไม่มีอีกชีวิตให้มึงลองหรอก! กูหมดคำพูดกับคนอย่างมึงจริงๆ” ไอ้เมลผลักผมจนล้มลงกับพื้น ผมมองมันอย่างไม่เชื่อสายตา
ไอ้บ้านั่น จะผลักให้ล้มตรงไหนไม่ผลัก มือผมไปฟาดใส่กระถางกระบองเพชรที่ไอ้เมลเลี้ยงไว้ที่ระเบียงจนแตก ได้แผลไม่พอหนามยังปักมือกูอีก ซวยเช็ดดดดดดดดดดด
“เมล เมล มึงอยู่ไหน” ผมเข้ามาในห้องนอนก็ไม่เห็นมัน ไม่รู้เดินหนีไปไหนแล้ว
ผมเดินออกจากห้องนอนลงบันไดมาก็เจอมันยืนพิงประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดไปที่ระเบียงได้ ระเบียงตรงนี้กว้างกว่าที่ห้องนอนที่อยู่อีกชั้นมาก ไอ้เมลมันทำเป็นสวนไว้ ปูหญ้าเทียมแล้วก็ปลูกต้นไม้ดอกไม้ที่มันไปหาซื้อเอง กระถางทุกใบมันก็เลือกลายเองด้วย มีโต๊ะเก้าอี้จัดไว้อย่างดี เวลามาค้างกับมันผมก็จะมาขลุกอยู่ที่นี่ซะส่วนใหญ่ ถึงนอนบนหญ้าเทียมจะไม่ได้รู้สึกดีเท่ากับของจริงก็เถอะ แต่ผมก็ชอบนะ
“เมล ทำแผลให้หน่อย” ผมยื่นมือไปให้ไอ้เมลดู มันตกใจก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการตีหน้าเฉย แต่มันก็พาผมไปล้างแผลในห้องน้ำ
“มึงโกรธมากเลยเหรอวะ กูขอโทษนะ”
ไอ้เมลที่กำลังตั้งใจดึงหนามกระบองเพชรออกให้ชะงักไปเล็กน้อย
“อยู่นิ่งๆ”
“อย่าดุสิ ทำเบาๆ ด้วย”
ไอ้เมลไม่พูดอะไรกับผมเลย มันทำแผลให้ผมเสร็จก็นั่งเงียบ
“ไม่หายโกรธอีกเหรอวะ ขอโทษๆๆๆๆๆๆ”
ถ้าคลอเคลียขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมพูดด้วย ผมก็หมดมุกแล้วนะ
และในที่สุดไอ้เมลก็ถอนหายใจออกมา มันใช้นิ้วแตะหน้าผากผมแล้วพูดว่า “รู้ตัวบ้างมั้ยว่ามึงเป็นอันตรายกับตัวเอง”
“มึงพูดเรื่องอะไรเนี่ย”
“กูหมายถึงสิ่งที่มึงคิด รวมไปถึงการกระทำที่ผ่านๆ มาของมึง เท็น ถ้ามึงยังไม่รู้จักวางขอบเขตให้กับความคิดตัวเอง มึงอาจต้องตายเข้าสักวัน”
“คงไม่หรอกน่า ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“มึงป่วยรึเปล่าวะ”
“อะไรนะ ป่วยเหรอวะ ก็เปล่านี่” ดูจากสีหน้าแล้วมันคงคิดว่าผมเป็นบ้า ป่วยทางจิต พวกไม่เต็มเต็งอะไรประมาณนั้น
“ตอนมึงยืนมองท้องฟ้าเป็นชั่วโมงๆ นั่น มึงบอกกูซิว่ามึงกำลังคิดอะไร”
“กูก็คิดไปเรื่อยเปื่อย บางทีก็ไม่ได้คิดอะไร แค่อยากมอง ทำไมวะ แปลกตรงไหน”
“เหมือนที่มึงนั่งมองเป็ดที่มหาลัย มองต้นไม้ที่บ้าน นั่งเงยหน้าขึ้นฟ้าตากฝนเป็นสองสามชั่วโมงนั่นเหรอวะ”
ผมมองไอ้เมลอย่างงงๆ
“ก็ใช่ แปลกตรงไหนวะ”
“เพราะอย่างนี้กูถึงได้บอกให้มึงรู้จักวางขอบเขตความคิดตัวเอง สิ่งที่มึงทำนั่นน่ะเขาเรียกว่าเกินพอดี มึงให้อิสระกับตัวเองมากเกินไปนะเท็น มากจนกลายเป็นการไม่ยั้งคิดไม่ยั้งทำ บางครั้งมึงก็ต้องเข้มงวดกับตัวเองบ้าง ไม่ใช่เพื่อใครเลย แต่เพื่อตัวมึงเองทั้งนั้น”
ผมเข้าใจทุกอย่างที่ไอ้เมลพูด และไม่คิดเถียงอะไร เพราะผมกับมันถึงจะมองไปที่จุดเดียวกันแต่ก็ยืนอยู่คนละมุม ผมไม่เห็นในสิ่งที่มันเห็น และมันก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมเข้าใจ
...ถ้ากูยั้งคิดยั้งทำสักนิดนะเมล เรื่องของกูกับมึงคงไม่เลยเถิดมาถึงขนาดนี้หรอก
“มึงไม่ต้องห่วงนะเมล ต่อไปกูจะระวัง”
“กูไม่อยากจะคิดว่าถ้าเมื่อกี้กูไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น กูโกรธมึงมากนะรู้มั้ย”
“แต่ก็ไม่เห็นต้องผลักกูอ่ะ ปวดไปทั้งตัวเลย มือก็เป็นแผล โดนหนามตำอีกต่างหาก มึงเลือกโลเคชั่นได้เจ๋งมาก”
“ขอโทษ” ดีนะที่มันยอมพูด ผมเลยไม่ต้องโกรธมันกลับ
“จะรับไว้ละกัน แผลหายเมื่อไหร่กูถึงจะให้อภัยมึง”
“โหวววว เล่นงี้เลย”
“อือ งั้นกูไปนอนนะ ตอนเย็นไปส่งกูที่บ้านด้วย”
“อยู่กับกูอีกคืนสิ”
“ไม่เอา ไอ้ฟิวได้แหกอกกูดิ เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับ”
ไอ้เมลพยักหน้าแต่เหมือนไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะถามว่า “แล้วมึงบอกเรื่องเรากับฟิวรึยัง”
“จะให้บอกอะไรวะ”
“มันไม่ถามอะไรเลยรึไง มึงไปไหนมาไหนกับกูก็บ่อย”
“ก็ถาม กูก็แค่บอกว่าไปเป็นเพื่อนมึง แค่นั้น เพื่อนสนิทไปไหนมาไหนด้วยกันก็ไม่เห็นแปลก ใช่ป้ะ”
ไอ้เมลหน้าบึ้ง ก้มหน้าลงมาจูบผมแรงๆ แทบดูดเอาลิ้นผมติดปากมันไปด้วย
“แล้วมันไม่ถามเหรอว่าสนิทแบบไหน” ไอ้เมลถามเมื่อถอนริมฝีปากออก ผมหายใจหอบเพราะตอนจูบกับมันเมื่อกี้ลืมหายใจไปชั่วขณะ
“ไม่ถาม โอ้ย เหี้ยเมล ปากกูบวมหมดแล้ว”
“ไอ้ฟิวไม่ถามแต่กูอยากถามว่ะเท็น”
“ถามไรวะ” แค่ถามมึงไม่ต้องเข้ามานัวเนียกับกูก็ได้ โอ้ยยยยย ไอ้เหี้ย กัดคอกู
“เพื่อนสนิทแบบไหนที่มึงยอมให้ทำได้ขนาดนี้”
ผมหลบสายตามัน ไอ้เมลแสยะยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบผม มือมันก็จับนั่นจับนี่ไปเรื่อย
“ว่าไงเท็น ทำได้แบบนี้เฉพาะกูรึเปล่า”
ผมปล่อยให้ไอ้เมลถอดเสื้อออกให้ มันจูบไปทั่วแผ่นอกผม ลากลิ้นไปนั่นมานี่ได้ไม่หยุด
“อื้ออออ เมล ห้ามกัดนะมึง โอ้ยยยย ก็บอกว่าห้าม” ไอ้เมลเวลาอย่างนี้นี่จะสื่อสารกับมันยากมาก บอกอะไรไปมันทำตรงกันข้ามหมด
ช่วงแรกๆไอ้เมลก็อ่อนโยนดีอยู่หรอก เหมือนทำให้ตายใจอะไรประมาณนั้น แต่ช่วงหลังๆ มันจะเริ่มทำตามใจตัวเองแบบไม่ฟังเสียงท้วงใดๆ ที่มันฟังก็มีแค่เสียงครางเท่านั้นแหละ ผมปล่อยให้ไอ้เมลเอาแต่ใจจนมันพอใจสุดๆ แล้วมันก็ใจดีพาผมไปอาบน้ำก่อนจะอุ้มผมไปนอนบนเตียง มันบอกว่าจะอ่านหนังสืออยู่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง ถ้าตื่นแล้วให้ลงไปหา ผมพยักหน้ารับรู้ มันก้มลงมาหอมแก้มแล้วเดินออกจากห้องไป
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็รู้สึกปวดหัวนิดๆ ยังง่วงอยู่มากแต่เพราะหิวจนนอนต่อไม่ได้ เลยต้องลุกจากเตียง เดินออกมาข้างนอกห้องก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน
ใครวะ ก็ในห้องนี้มีแค่ผมกับไอ้เมลสองคน ถ้าผมอยู่นี่แล้วไอ้เมลคุยกับใคร
“เมล ใครมาวะ” ผมตะโกนถามไอ้เมล ยืนอยู่เชิงบันไดก็มองเห็นได้ทั่วห้อง
ห้องไอ้เมลเป็นแบบชั้นครึ่งน่ะครับ ครึ่งข้างบนจะมีแค่ห้องนอนกับห้องน้ำเท่านั้น ผมขยี้ตามองไปที่ส่วนของห้องนั่งเล่นมีคนอยู่สามสี่คน แต่ผมเห็นหน้าไม่ชัดเพราะลืมตาแทบไม่ขึ้น
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ เฮ้ย อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวกูไปหา”
ผมขยี้ตาอีกครั้ง เห็นไอ้เมลเดินขึ้นบันไดมา
“มึงจะหลับตาเดินลงบันไดรึไง ได้ตกไปคอหักตายหรอก ไปล้างหน้าไป”
“กูง่วงอ่ะ แต่หิวมากกว่า หาไรให้กินหน่อย” ผมกอดเอวไอ้เมลไว้แล้วซบหน้าลงกับอกมัน
ไอ้เมลหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพาผมลงมาชั้นล่าง
อ้าว กูลืมไปสนิทว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เพื่อนไอ้เมลทั้งนั้น อันประกอบไปด้วยไอ้เขตหน้าตี๋ ไอ้ลินที่มีเรื่องกับผม อีกสองคนไม่รู้จัก พวกมันสามัคคีกันมองผม ทำหน้าช็อคนิดๆ
“เอ่อ หวัดดี” พวกมึงจะจ้องกูไปถึงไหนวะ
“มึง...” ไอ้ลินพูดได้แค่นั้นก่อนจะหันไปมองไอ้เมล
“ชื่อเท็น” ไอ้เมลตอบ มองหน้าเพื่อนมันแล้วหันมามองหน้าผม “กูยังไม่ได้แนะนำสินะ นั่นไอ้เขต มึงรู้จักแล้ว นี่ไอ้ลิน แล้วก็ไอ้แต้ม ไอ้มายด์ พวกมึง นี่ไอ้เท็น เพื่อนสนิทมากของกู” มึงไม่ต้องย้ำคำว่าสนิทมากจนฟังแล้วสะดุดหูก็ได้นะไอ้เมล
“มึงสองคน...เอ่อ” ไอ้มายด์เหมือนจนคำพูด
“ก็อย่างที่เห็น”
ผมเหลือบตามองหน้าไอ้เมล มันก็ยิ้มใส่ตา ผมเลยต้องมองไปทางอื่น
“สรุปไม่ใช่ศัตรูกันเหรอวะ” ไอ้ลินถามขึ้น “มึงไม่ชอบหน้าเพื่อนกูหนิ ไม่งั้นจะเอาขวดมาฟาดหัวไอ้เมลทำไม”
ไอ้ห่านี่ดูจะฝังใจกับเรื่องนี้มาก ไอ้ห่าเมลมันไม่บอกอะไรเพื่อนมันเลยไงวะ
“กูกับมันมีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะ” ไอ้เมลไขข้อข้องใจ “ไอ้เท็นมันเข้าใจผิดกูหลายเรื่อง”
“แล้วทำไมมึงไม่รีบบอกพวกกูตั้งแต่แรกวะ กูก็นึกว่าไอ้เตี้ยนี่ทำตัวเปรี้ยวตีน อยากมีเรื่อง”
เออใช่ ทำไมไม่รีบอธิบายวะ ปล่อยให้เพื่อนมึงเกลียดขี้หน้ากูได้ตั้งนาน แต่ความจริงผมก็ชักเกลียดขี้หน้าไอ้ห่านี่ขึ้นมาแล้วนะ สูงกว่าหน่อยทำมาเรียกกูว่าเตี้ย ดอกกกกก
“ไอ้เขตกับไอ้แต้มมันรู้ กูก็นึกว่ามึงรู้แล้ว”
“เออ ไอ้เหี้ย แล้วก็ปล่อยให้กูเข้าใจผิดตั้งนาน กูขอโทษนะมึง”
เออแฮะ ไอ้ลินนี่มันก็เป็นคนดีใช้ได้เลยทีเดียว
“ไม่เป็นไร กูก็ต้องขอโทษมึงเหมือนกัน”
แฮปปี้เอ็นด์ครับงานนี้ อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องมีเรื่องกับเพื่อนไอ้เมล ถึงไอ้เขตกับไอ้แต้มมันจะบอกอย่างจริงจังว่าเคืองที่ผมชอบทำให้ไอ้เมลเสียใจก็เถอะ คือตอนแรกผมก็อยากจะเถียงหรอกนะ แต่พอไอ้เขตสาธยายถึงเรื่องที่ผมทำกับไอ้เมลออกมาในระหว่างที่เจ้าตัวไปหาข้าวให้ผมกินนั้นก็ทำให้ผมเถียงไรไม่ออก เป็นผมผมก็โกรธวะ ถ้ามีใครมาทำกับไอ้กัสและไอ้ฟิวขนาดนี้ ผมคงตามไปกระทืบมันด้วยซ้ำ
“ตอนมึงจูบกับสาวที่มึงไปกินข้าวด้วยวันนั้น พวกกูก็เห็น ถ้าเป็นกูนะไอ้เท็น ไม่ทนมองอยู่หรอก มึงโดนต่อยจนหน้าแหกไปแล้ว” ไอ้ลินที่แม่งเก็ทในเรื่องราวทั้งหมดแล้วพูดขึ้นมาด้วยท่าทีอินจัด เหมือนเป็นเรื่องของมันเอง
“อ้าว จะต่อยกูทำไมวะ กูทำไรผิด”
“ก็นอกใจ”
“กูไม่มีแฟนนะเว้ย จะนอกใจใครวะ”
“แล้วไอ้เมลล่ะ พวกมึงไม่ได้คบกันรึไง” ไอ้มายด์ถาม
“ไอ้เมลก็บอกแล้วนี่ ว่ากูเป็นเพื่อนสนิทมากของมัน”
“มึงไม่ยอมคบล่ะสิ” ไอ้เขตว่า
“เล่นตัว” ไอ้แต้มเสริม
“ไม่ใช่เว้ย”
“คบๆ ไปเถอะน่า มึงไม่รู้รึไงว่าใครๆ ก็อยากเป็นแฟนไอ้เมลทั้งนั้น กูเห็นมีแต่มึงนี่แหละที่ไม่ยอมเป็น ทั้งๆ ที่ก็อยู่กินด้วยกันซะขนาดนี้”
“ถ้าคบกันจริงๆ เพื่อนมึงทนกูไม่ได้หรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้ามันทนไม่ไหวมันก็ทิ้งกูไปเองแหละ”
“ไร้อนาคต” ไอ้เขตพูด
“มืดมน” ไอ้แต้มออกความเห็น
“ดราม่า” ไอ้มายด์บอกแล้วหันไปมองไอ้ลินที่ถอนหายใจปิดท้าย
ไอ้เมลกลับมาหลังจากที่ผมโดนเพื่อนมันรุมถามนั่นถามนี่ได้ไม่นาน มันซื้อข้าวกล่องมาแล้วก็ขนมกับผลไม้ ผมกับพวกเพื่อนๆ ของมันต้องเดินตามมันไปที่โต๊ะกินข้าวเพราะไอ้เมลไม่ยอมให้นั่งกินที่ห้องนั่งเล่น
“แล้วนี่มึงไม่อ่านหนังสือเหรอวะเท็น มึงก็สอบวันจันทร์เหมือนพวกกูหนิ” ไอ้ลินถาม ผมชะงักจากการแย่งหมูจากกล่องข้าวของไอ้เมล
“การอ่านหนังสือมันก็เหมือนการวาดรูปเว้ยมึง ถ้าไม่มีอารมณ์อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ”
ไอ้ลินทำหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากไอ้มายด์ที่นั่งอยู่ข้างมัน
“จริงเหรอวะมึง กูนึกว่าอ่านหนังสือมันต้องใช้สมาธิ”
“มึงอย่าไปฟังมันมากไอ้ลิน ไอ้นี่มันก็หาข้ออ้างไปเรื่อยนั่นแหละ มันแค่ขี้เกียจ” ไอ้เมลพูดซะกูเสีย แถมยังมาดีดหน้าผากกูอีก
“เจ็บนะ มึงคิดว่าแรงมึงเท่ามดไง ไอ้เมลนิสัยไม่ดี”
ไอ้เมลทำหน้าเอือมใส่ผม แต่มันก็ใช้มือลูบๆ หน้าผากให้
“แค่นี้ทำสำออย”
“งั้นมึงไม่ต้องมาแตะเลย ชอบว่ากู”
“หึหึ” หัวเราะไรของมึง ผมดึงแก้มไอ้เมลอย่างหมั่นไส้ แต่เสียงกระแอมไอของเพื่อนมันก็ทำให้ผมต้องปล่อย ไอ้พวกนี้ก็ตั้งใจฟังกันเชียว
“ความจริงกูก็ไม่อยากขัดหรอกนะ แต่พริกน้ำปลากูเริ่มไม่เค็มแล้วอ่ะ มันหวานแปลกๆ” ไอ้แต้มท่าจะบ้า แต่ผมไม่ถือสาหรอก เพราะดูยังไงเพื่อนไอ้เมลก็เหมือนจะไม่เต็มกันซักคน
..........................................To be continue....................................
เมื่อวานไปตักบาตรมาค่ะ ใครมีโอกาสได้ไปบ้างคะ ตักบาตรที่วัดตอนเที่ยงคืน
แล้วก็อย่างทุกครั้ง ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นเลยค่ะ ติดตามต่อไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่าผู้ชายที่ชื่อเท็นนี่น่ารักมากเลยนะคะ ไม่ได้โม้นะ 555555555555555