[เรื่องสั้น ตอนเดียวจบ]
“กลับบ้าน” “ฝนตกแล้วนะ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”
"ไม่อยากกลับบ้านครับ”
ดวงตากลมโตที่มองตรงมานั่น ทำให้ผมต้องสะดุด แต่ก็เลือกที่จะพูดโน้มน้าวอีกครั้ง
“ต้องกลับบ้านนะ ทำตัวเป็นเด็กหลงทางแบบนี้ไม่ได้รู้หรือเปล่า”
“ทำไมต้องกลับหรือครับ ในเมื่อบ้าน ไม่ได้ต้อนรับผมเสียหน่อย ในเมื่อไม่มีใครสนใจผมอยู่แล้ว จะกลับหรือไม่กลับก็คงไม่ต่างกัน”
ผมถอนหายใจ พร้อมขยับร่มในมือให้คลุมไปยังร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวในสวนสาธารณะได้เข้ามาอยู่ภายใต้การปกป้องจากสายฝนด้วยกัน
“มานั่งอยู่ตรงนี้ กับ มีบ้านให้กลับ กลับบ้านมันไม่ดีกว่าหรือ”
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรำคาญผมแล้ว สายตาที่มองมาดูแข็งกร้าวขึ้น
“แล้วคุณจะมายุ่งอะไรกับผมกัน ผมจะกลับบ้านหรือจะนั่งอยู่นี่มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
“ไม่อยากให้เธอหลงทาง ข้างนอกมันมีแต่เรื่องอันตรายรู้ไหม แค่นั่งอยู่นี่ก็อันตรายแล้วนะ”
“แล้วคุณที่มาทักผมอย่างนี้ ไม่เรียกว่าคนอันตรายหรือ”
“ฉันไม่ใช่ ฉันรู้จักเธอ”
“ผมไม่รู้จักคุณเสียหน่อย คุณเป็นใครกัน หรือคุณรู้จักที่บ้านผม”
“จะว่างั้นก็ได้”
“รู้จักแล้วจะทำไมครับ จะมาบังคับให้ผมกลับบ้านหรือไง”
“ก็ไม่ได้จะบังคับหรอก”
“ไม่บังคับก็อย่ามายุ่ง”
“แต่ไม่ยุ่งก็ไม่ได้นี่สิ”
“เอ๊ะ คุณนี่ยังไง บอกว่าไม่กลับ อยากให้ไปจากนี้ งั้นพาผมบ้านคุณแทนไหมละ แต่ยังไงผมก็ไม่กลับบ้านเด็ดขาด”
“เฮ้อ ถ้าไปกับฉันแล้ว เธอจะโอเคขึ้นหรือ”
“ผมโอเคกับทุกที่ ยกเว้นบ้าน”
แล้วปลายน้ำเสียงที่แผ่วลงเมื่อเอ่ยคำว่า “บ้าน” ก็ทำให้ผมใจอ่อนจนได้
“งั้นไปกับฉันก็ได้”
.
.
“เฮ้ย นั่นเธอทำอะไร”
“ก็ถอดเสื้อผ้า”
“เดี๋ยว ถอดทำไม”
“คุณพาผมมาที่บ้านคุณไม่ใช่ว่าอยากทำงี้หรือ”
“ไม่ใช่ เธอจะบ้าหรือ ฉันพาเธอมาเพื่อให้เธอใจเย็นลง จะได้ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวน”
“แต่ผมไม่อยากทบทวนอะไรทั้งนั้นแล้ว ตอนนี้ผมอยากได้กอด”
สิ้นคำ ร่างเปลือยของเด็กหนุ่มก็โผเข้ามาหาร่างของผม
“กอดผมหน่อยเถอะนะ”
เพียงเท่านั้น มือของผมก็เหมือนถูกคำอ้อนวอนนั้นสั่งการแทนสมอง มือของผมยกขึ้นโอบกอดร่างที่เปลือยเปล่านั้นไว้
ร่างที่กำลังสั่นน้อยๆ เพราะการสะอื้น นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ผมเห็นเขาร้องไห้ เขาร้องไห้ ร้องอยู่เสมอ
แต่นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้ยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่ไหลล้นออกมาจากดวงตาคู่นี้ได้
“อย่าร้องเลย ร้องมากๆ เดี๋ยวผีมาเอาไปนะ”
อีกฝ่ายขำขึ้นแทรกเสียงสะอื้น
“คุณคิดว่าผมเป็นเด็กสองขวบหรือ ถึงจะกลัวว่าผีจะมาหลอก”
“จริงๆ นะ ถ้าร้องมากๆ เดี๋ยวผีก็มาจับไปจริงๆ”
“พอเถอะๆ คุณทำให้ผมขำจนร้องไม่ออกแล้วนี่”
“ดีแล้ว ไม่ร้องน่ะดีที่สุดแล้ว เสียงเธอหัวเราะดีกว่าร้องไห้เป็นไหนๆ”
“พูดเหมือนเคยเห็นผมหัวเราะ”
“เคยเห็นสิ รอยยิ้มของเธอน่ารักออกจะตายไป ตั้งแต่เด็กแล้ว เวลาเธอยิ้มออกจะน่าเอ็นดู”
“คุณพูดเหมือนเคยรู้จักกันมานาน”
“ก็นานนะ”
“คุณเคยไปที่บ้านผมหรือ”
“ต้องเคยสิ”
“แสดงว่าคุณรู้จักกับที่บ้านผมจริงๆ”
“แน่นอน แม่เธอเป็นคนแนะนำให้ฉันรู้จักกับเธอมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่”
“ทำไมผมจำไม่เห็นจะได้”
“เธอโตขึ้น ก็อาจจะมีหลายเรื่องให้เรียนรู้จดจำ ก็อาจจะลืมเรื่องฉันไปบ้าง”
“งั้นหรือ แต่ช่างเถอะ ว่าแต่คุณจะให้ผมยืนเปลือยอยู่อย่างนี้หรือ”
“งั้นเดี๋ยวชั้นหาเสื้อผ้าให้เธอใส่”
ขณะที่กำลังจะคลายอ้อมกอดไปมองหาเสื้อผ้าอาภรณ์ ผมกลับถูกกอดจากร่างเปล่าเปลือยให้แน่นขึ้นอีกครั้ง
“ผมไม่ได้อยากใส่เสื้อผ้า”
“แล้วเธอต้องการอะไร”
“ผมต้องการความอบอุ่น จากสิ่งที่ไม่ใช่เสื้อผ้า”
“เธอ...”
“กอดผมเถอะ นะ ผมอยากมีใครสักคนมากอดตอนนี้ ผมขอร้อง”
แล้วเขาก็เขย่งตัวขึ้น เอาริมฝีปากทาบทับกับริมฝีปากของผม ไม่ให้ผมได้เอ่ยคำปฏิเสธใดๆ ออกไปอีก
ปากบางขบกัดริมฝีปากล่างของผม แล้วก็รุกรานเพิ่มด้วยการเอาลิ้นของเขาสอดเข้ามาเพื่อหยอกล้อลิ้นที่กำลังนิ่งแข็งในริมฝีปากของผม ในขณะที่มือที่โอบกอด เปลี่ยนมาช่วยเปลือยปราการที่ห่อหุ้มร่างกายของผมอย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่มีสิ่งใดกางกั้น เขาขยับอีกครั้ง ถอนริมฝีปากจากส่วนบน ค่อยๆ ขยับขบเม้มไล่จากปาก
คาง
ลำคอ
แผ่นอก
หน้าท้อง
แล้วในท้ายที่สุด ริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นก็ได้เคลื่อนลงสู่กลางกายของผม
การรุกรานพื้นที่ส่วนตัวได้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ปากขยับให้ลิ้นไล้เลียที่เจ้าก้อนกลมทั้งสอง จนเมื่อพอใจ เขาก็เลื่อนปลายลิ้นขยับขึ้นเล็กน้อยมาสู่ศูนย์กลาง จูบเบาๆ เข้าที่ปลายก่อนไล้เลียย้อนขึ้นไป ราวกับกระตุ้นให้มันตื่นเต็มตา
แล้วมันก็ได้ผล แก่นกายเหมือนค่อยๆ เติบโต ขยับขยาย และแข็งแรงขึ้นทีละน้อยตามการกระตุ้นที่อีกฝ่ายกำลังเพลิดเพลิน มันขยับยอบรับการดูแลค่อยๆ พยุงตัวขึ้นราวกำลังต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลก
แล้วเขาก็ละทิ้งกิจกรรมที่ทำอยู่ ช้อนตามองมาที่ผมแล้วก็พูดขึ้นว่า
“คุณพร้อมแล้วนี่”
“มันไม่ดีเลยจริงๆ”
“มาขนาดนี้แล้ว จะมีอะไรไม่ดี”
“เธอยังเด็กอยู่เลยนะ”
“คุณแก่แค่ไหนกัน ผมอายุ 19 แล้ว เรียกว่าเด็กได้หรือ”
“เธอเป็นเด็กน้อยสำหรับฉันเสมอล่ะ”
“งั้นคุณก็ต้องตามใจเด็กน้อยหน่อยแล้วล่ะ”
แล้วเขาก็ตัดบทแต่เพียงเท่านั้น ผลักให้ผมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่วางอยู่ แล้วร่างของเขาก็นั่งคร่อมตามมาในทันที จ่อทับอยู่บนตักของผมที่ตอนนี้มีอุปสรรคกลางหว่างขาตั้งชี้อยู่
“อยากปลอบผมไม่ใช่หรือ ไม่อยากให้ผมร้องไห้ไม่ใช่หรือ ถ้าเด็กร้องไห้เค้าต้องให้อมยิ้มใช่ไหมล่ะ คุณก็บังเอิญมีอมยิ้มที่ผมถูกใจพอดีเลยด้วยสิ ชิมแล้วถูกใจมากด้วย อันใหญ่ เต็มอิ่มมาก และตอนนี้ผมอยากได้อมยิ้มอันนี้มากกว่านี้แล้ว”
ระหว่างที่เขาพูดแบบนั้นกับผม มือข้างหนึ่งเกาะอยู่กับไหล่ผม ส่วนมืออีกข้างที่มองไม่เห็นแล้ว เหมือนจะกำลังเปิดช่องทางให้พร้อมกับการเตรียมกินอย่างที่เจ้าตัวว่า และตอนนี้ ความอึดอัดทั้งกายและใจ ทำให้ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขาเสียแล้วสิ
“...”
“ให้ผมกินเถอะนะ แล้วผมจะไม่ดื้อไม่ซน ฟังที่คุณพูดเลยด้วย”
“จะฟังที่ฉันพูดจริงๆ นะ”
“จริงสิ แลกกับอมยิ้ม ให้กินให้เต็มอิ่ม แล้วผมจะฟังคุณ”
“งั้นสัญญามาก่อน ว่าจะกลับบ้าน”
อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา
“กลับก็ได้ จะให้ผมกินได้หรือยัง”
สิ้นคำขออนุญาต เขาไม่รอคำตอบของผมแล้ว ร่างที่ยกเหนือกลางกาย ขยับทรุดลงด้วยตัวเองช้าๆ
“อึก คุณ ช่วยผมหน่อย”
เขาขอร้องให้ผมช่วยประคองร่างของเขาเพื่อให้การกินที่เขาว่าสะดวกมากขึ้น แล้วผมก็เอามือทั้งสองช่วยประคองสะโพกขาวนั้นไว้อย่างที่เจ้าตัวต้องการ อำนวยความสะดวกให้การค่อยๆ กินนั้น ขยับไปทีละนิด ละนิด
เป็นผมเองที่ทนต่อความเสียดเสียวที่ปะทะขึ้นมาตามช่องท้องไม่ไหว นอกจากประคอง กลายเป็นผมขยับสวนขึ้นไป ยัดเยียดให้การกินของเขากลายเป็นสำลัก เพราะสิ่งที่ป้อนมันขยับเข้าไปสุดในครั้งเดียวนั้น
“โอ๊ย คุณ แรงไป”
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร แต่จะขยับก็บอกกล่าวหน่อยสิ ให้ผมตั้งตัวนิดนึง”
“เป็นยังไงบ้าง”
“เข้ามาหมดแล้วขนาดนี้ ก็จุกนิดหน่อยสิ มันเต็มซะขนาดนี้ แต่ขยับได้แล้วล่ะ”
เหมือนเขาจะพูดกับผม แต่ว่าเขากลับเป็นฝ่ายขยับร่างกายของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
มือทั้งสองข้างของเขากดลงที่บ่าของผมคล้ายจะเห็นเป็นหลักยึด เพื่อการเคลื่อนไหวที่สะดวกสบาย แล้วเสียงที่ออกจากปากเล็กๆ นั้น ก็คล้ายจะบรรยายความรู้สึกในการกลืนกิน และปลอบประโลมผมไปพร้อมๆ กัน
“อึก ดีๆ อือ ถ้าคุณไม่สบายใจ คุณอยู่เฉยๆ ก็ได้นะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“เธอนี่นะ ซนจริงๆ เลย ตอนเด็กแก่นเซี้ยวยังไง ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ฉันจะให้เธอทำแบบนั้นได้ไงล่ะ”
“งั้นก็ช่วยผมสิ”
แล้วเขาก็ก้มใบหน้าลงมา เอาริมฝีปากขบเบาๆ ที่ติ่งหู กระซิบคำร้องขอขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้ ผมตอบสนองต่อคำร้องขอนั้นอย่างเต็มที่ ด้วยการขยับตัวลุกจากเก้าอี้ที่รองร่างของเราทั้งคู่อยู่ การยืนขึ้นเต็มความสูง ในขณะที่ช้อนร่างของเขาไว้ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไร กลายเป็นเขาเองที่อึ้งกับการเคลื่อนไหวของผม จนร้องออกมา
“เหวอ คุณอย่าทำผมตกนะ”
“ไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“ผมไม่ใช่เบาๆ นะ”
“งั้นเธอก็ควรรู้ว่าฉันก็ไม่ใช่คนอ่อนแอเหมือนกัน”
และผมก็ได้ทำให้เขารู้ว่า การเคลื่อนไหวที่ควรจะเป็นมันเป็นอย่างไร การขยับยกร่างในอ้อมกอดไม่ทำให้ผมเหน็ดเหนื่อย หรืออ่อนล้า และดูเหมือนเขาจะพอใจที่ได้สัมผัสแก่นกายที่แทรกอยู่ในร่างเขาได้อย่างเต็มที่ แล้วเขาก็ยิ้มทะเล้นให้กับการกระทำของผมที่ตอบสนองให้กับเขาได้อย่างพอใจ
“คุณ อึก มันลึก อืม แต่ดี”
ผมขยับโอบร่างในอ้อมกอดไปสักพัก ใบหน้าเขาก็เริ่มเหยเก และมาพร้อมคำสั่งเพิ่มเติม
“คุณ ใกล้แล้วๆ ตรงนั้นๆ อีกนิดนะ แรงอีกนิด”
สายน้ำสีขุ่นแห่งความสุขสมของเขาก็เปียกชื้นไปทั่วหน้าท้องของผม ก็ให้ผมได้รู้ถึงผลประเมินความพึงพอใจไปโดยปริยาย
“พอใจแล้วหรือยัง จะได้กลับบ้านกัน”
“อะไรของคุณเนี่ย มาพูดเรื่องกลับบ้าน ทั้งๆ ที่อมยิ้มของคุณคาอยู่ในปากผมอย่างนี้อะนะ อมยิ้มยังไม่ละลายเลยนะคุณ จะพอแค่นี้จริงๆ หรือ บ้านน่ะไม่หนีไปไหนหรอก ให้ผมกินต่อก่อนแล้วกันนะ”
“บ้านน่ะไม่หนีไปไหนหรอก แต่เวลาไม่รอท่านะ ไม่รีบกลับเดี๋ยวมันจะช้าเกินไป”
“งั้นคุณก็รีบทำให้อมยิ้มละลายสิ ผมกินจนอิ่มแล้วเดี๋ยวผมก็กลับบ้าน รีบทำรีบอิ่มนะ ว่าไง”
ผมถอนหายใจยาวออกมา เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์เกินความควบคุมตรงหน้านี้ได้อย่างไร นอกเสียจากจะตอบสนองอีกฝ่ายจนพอใจ ดูเหมือนจะเป็นทางเดียว
“ได้ แต่ถ้าเธอพอใจแล้ว ต้องไม่ผิดสัญญานะ”
“สัญญาสิ คนผิดสัญญากลืนเข็มพันเล่มเลย”
“อย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวก็ต้องกลืนเข็มพันเล่มจริงๆ หรอก”
“โธ่ คุณ เอาอีกแล้ว นั่นมันคำหลอกเด็ก ตอนนี้คุณมาทำเรื่องที่ไม่หลอกเด็กกันดีกว่าน่า”
ผมที่ไม่มีทางเลือก ทั้งที่ยังโอบประคองร่างเปลือยของเขาไว้ในท่ายืน จึงได้แต่ขยับไปในพื้นที่ด้านในที่มีเตียงหลังหนึ่งวางอยู่
“มีเตียงก็ไม่บอกแต่แรก ถามจริงเถอะ คุณไม่หนักหรือ อุ้มผมขนาดนี้”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันแข็งแรงกว่าที่เธอคิดมาก”
“หืม เหมือนจะอวดตัวอยู่หน่อยๆ แต่ก็ยอมรับ ว่าคุณเต็มแรงม้ามาก”
“ก็ฉันเป็นม้า”
“ฮะๆๆ อะไรของคุณ อวดตัวขนาดนั้นเลย งั้นมาลองดูหน่อยสิคุณม้า ว่าการควบที่ถูกต้องมันเป็นอย่างไร”
ผมไม่โต้ตอบอะไรกับเขาอีก เพื่อมาสนใจกับส่วนเชื่อมต่อที่มันยังไม่ได้แยกออกจากกันเลยให้มันได้มีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง คราวนี้ ผมที่ทุ่มทั้งร่างคร่อมอยู่เหนือตัวเขา เลือกเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวร่างกายตามความประสงค์ของตัวเอง
เวลามีไม่มากนัก เขาควรต้องรีบกลับบ้าน ต้องรีบทำให้ความปรารถนาของเขาแล้วล่วง
และนั่นทำให้ผมเคลื่อนไหวเร็วขึ้น แม้ได้ยินอีกฝ่ายร้องคราง และขอให้ช้าลงหน่อย แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องของผมได้
เขาหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง พร้อมๆ กับความชื้นแฉะที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งนั่นทำให้เขาดูอ่อนแรงลงอย่างมาก เพราะเขาไม่ต่อล้อต่อเถียงกับผมอีกแล้ว ไม่สั่งการ ไม่อ้อนวอน ไม่ร้องขอ เสียงที่ออกจากปากบางนั้นมีเพียงเสียงร้องคราง จนสุดทางของการเคลื่อนไหวของผมเอง ความชุ่มชื้นได้ถูกส่งเข้าไปหล่อเลี้ยงยังช่องทางของเขาจนล้นรินออกมา
ผมถอนร่างกายของตัวเองออกจากร่างกายของเขา เอามือเกลี่ยผมยุ่งๆ ที่มาปรกหน้าผากและข้างแก้ม แล้วถามอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนที่สติของอีกฝ่ายจะเลือนรางไป
“กลับบ้านได้แล้วนะ”
“อือ กลับก็ได้ แต่คุณไปกับผมนะ”
“ฉันอยู่กับเธอเสมอ เด็กน้อย”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“นนท์ ลูกฟื้นแล้ว”
เสียงใครเรียกชื่อผม
“แม่หรือ”
“ รู้สึกเป็นไงบ้างลูก”
“ผมเป็นอะไรไป”
“ลูกประสบอุบัติเหตุ ดูคาติลูกพังยับเลย แม่ใจคอไม่ดีเลย เพราะว่าหมอบอกว่าสแกนแล้ว สมองเอย ร่างกายเอย ไม่เป็นอะไร แต่ลูกไม่ยอมฟื้นเสียที พอลูกฟื้นขึ้นมาแบบนี้ แม่ก็ดีใจ”
“ผมเหมือนฝันไป เหมือนมีคนไปตามผมกลับมา”
“อาจจะเป็นแม่ซื้อหรือเปล่าลูก ยายเอารูปแม่ซื้อของลูกมาไว้ที่ข้างเตียงลูก ตั้งแต่วันแรกที่ลูกสลบไปเลย ยายบอกว่าแม่ซื้อที่เคยคุ้มครองลูกแต่เกิด จะได้คอยช่วยคุ้มครองลูก แม่ก็ว่างมงายละนะ แต่ตอนนั้น ทำแล้วสบายใจก็ทำหมดทุกอย่างล่ะ”
“แม่ซื้อ”
“นั่นไง แม่ซื้อวันเกิดลูก วันจันทร์มีหัวเป็นม้า”
ผมที่หันหน้าไปมองภาพแม่ซื้อของยายที่ตั้งอยู่ที่ข้างเตียง แล้วก็ถามแม่
“แม่ แม่ซื้อนี่ มีเป็นผู้ชายบ้างหรือเปล่า”
“หะ แม่ซื้อคือเทวดาคุ้มครองเด็กตามวันเกิด ส่วนใหญ่เค้าก็เล่าว่าเป็นผู้หญิงนะลูก ถึงเรียกว่าแม่ซื้อไง”
“ผมว่า บางทีของผมอาจจะเป็นพ่อซื้อมากกว่านะ”
ก็คนที่ผมเห็นยืนอยู่ไม่ไกลจากรูป และคิดว่าแม่ไม่น่าจะเห็น เป็นคนที่ไปตามผมกลับมานี่เอง
แล้วผมก็ยิ้มออกมา ก่อนพึมพำขึ้นในใจ
“เป็นม้าจริงๆ ด้วย”
ก่อนที่จะได้เห็นเขาคลี่ยิ้มตอบกลับ และได้ยินเสียงตอบขึ้นในหัว
“ก็ฉันบอกแล้ว ว่าฉันอยู่ข้างๆ เธอเสมอแหละเด็กน้อย”
[จบ].
.
.
.
.
.
อ่านแล้วติชมอย่างไร บอกกล่าวพูดคุยกันได้ที่
https://twitter.com/PlusOneNovel นะคะ
ถ้าชอบก็จะดีใจมากเลยค่ะ และ ฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยก็จะดีใจมากๆๆๆ เช่นกันค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
*******************
[เพิ่มเติม 20/5/2562] ขออนุญาตฝากเรื่องสั้นเรื่องต่อไปในธีมเดียวกัน ชื่อเรื่อง "
เหงา" >> จิ้มไปอ่านดูได้ค่า
.
edit 1/6/62 >> คิดแท็กได้ละ เผื่อเอาไว้แต่งต่อให้ครบ 7 วัน ฝาก #FGFseries ด้วยนะคะ
FGF มาจาก fairy godfather คือ จะหมายถึง พ่อซื้อ นั่นเองค่ะ 5555
edit 31/10/62 สนใจเรื่องสั้นในซีรีย์เดียวกันนี้ จิ้มจากสารบัญนี้ได้เลยค่ะ อ่านแยกก็ได้ อ่านตามลำดับก็ดีน้า
[#FGFseries] #1 กลับบ้าน[#FGFseries] #2 เหงา[#FGFseries] #3 สัญญา[#FGFseries] #4 พันธะ