บทที่ 21 มาละครับ เห็นฝั่งบิ๊กไปแล้วว่าเป็นอย่างไร มาดูฝั่งแทนบ้างครับ และบิ๊กจะหาแทนเจอไหม?
มาดูกันต่อครับ^^
**********
Chapter 21หลังจากบิ๊กเดินออกไปจากห้องวันนั้น ผมนอนไม่หลับทั้งคืน...นั่งมองตุ๊กตาหมีที่บิ๊กให้ผมเมื่อวันที่ไปจัดจากตู้คีบ ผมหาคำตอบให้กับความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเหมือนฝันที่เกิดขึ้น แล้วผมตื่นขึ้นมา พบแค่ความว่างเปล่า นี่คือความจริงมั่ง ผมคงไม่ประสบความสำเร็จกับคนที่ผมรู้สึกอยากรัก
เพื่อนเรียนพิเศษที่น่าหมั่นไส้...ทำให้ผมคิดถึงทุกครั้งที่เค้าไม่ตั้งใจเรียน ใบหน้าฟกช้ำที่ผมเห็นเค้าช่วยคนมา ทำให้ผมนับถือในความเป็นคนจริง พอได้พูดคุย ความขี้เล่นของเค้าทำให้ผมหัวเราะได้ และที่สำคัญที่สุด เค้าปกป้องผมจากฝันร้าย ช่วยชีวิตผมจากอันตรายทั้งหลาย และเค้าเป็นคนไม่เสเสร้งความรู้สึกตัวเอง
ผมควรยอมรับ ว่าบิ๊กเป็นเพียงผู้ชายคนนึง ที่ผมไม่ควรไปเปลี่ยนให้เค้ามารักผม ผมเป็นอะไร ผมก็รู้ตัวดี ผมไม่ควรเปลี่ยนชีวิตเค้ามาเป็นของผม มันเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่แค่อยากได้เค้ามาครอบครอง
ผมตัดสินใจแล้ว...ผมจะไม่เจอบิ๊กอีกตลอดไป...บางที ผมทำใจให้เหลือแค่เพื่อนไม่ได้ เพราะความรู้สึกผมมันเลยจุดนั้นไปไกลมากแล้ว
“แทน!!!” ผมสะดุ้งตื่น ผมนั่งใต้ต้นไม้จนหลับไปตอนไหนเนี่ย คนที่ปลุกก็ไบรท์นั้นแหละ
“เราหลับไปเหรอ” ผมเอาแขนเสื้อขยี้ตาให้ตื่น เมื่อกี้ผมนอนฝันถึงเรื่องคืนที่บิ๊กปฏิเสธผม
“หมู่นี่แทนเป็นไรอะ เงียบๆ ไม่ยิ้ม ไม่พูดกับใครเลย ซ้อมบาสฯ เสร็จ ก็ซ้อมต่อคนเดียว แถมเหมอลอยด้วย” ผมหลบสายตาไบรท์ ไม่อยากให้เห็นว่าผมพึ่งร้องไห้มา
“เราไม่เป็นไรซะหน่อย คิดมากเรื่องเรียนนิดหน่อย” ไบรท์จับมือผมช้าๆ ก่อนจะยกขึ้นมาเขย่าไปมาเบาๆ
“แทนไม่เคยเป็นแบบนี้นะ เรื่องเรียนก็ไม่เคยเห็นแทนเครียด แทนเคยบอกเราเองนะ ถ้าตั้งใจเรียน อะไรก็ทำได้เอง แล้วแทนก็ตั้งใจเรียนประจำอยู่แล้ว ทำไมจะต้องเครียดด้วย ไม่สบายใจอะไร บอกเราตรงๆ ก็ได้นะ” เรื่องที่เราเป็นอยู่ในใจ ไบรท์ช่วยไม่ได้หรอก ผมปล่อยให้ไบรท์จับมืออยู่สักพัก ความเงียบกับเสียงลมที่พัดเบาๆ ใต้ต้นไม้ เป็นสิ่งเดียวที่ส่งเสียงตอนนี้
“ไบรท์...” ผมอยากบอกเพื่อนสนิทผมว่า
“เราอยากอยู่เงียบๆ สักพัก...เราอธิบายไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่ไบรท์ไม่ต้องห่วงนะ” ไบรท์ค่อยๆ แกะมือผมออกช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“แทน ทำไมแทนชอบสร้างกำแพงกั้นเราให้เข้าไม่ถึงด้วยอะ” ผมลุกขึ้นยืนพูดกับไบรท์
“ไม่ใช่กำแพงอะไรหรอก เราเชื่อว่าเรื่องที่เรากำลังเจออยู่ มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แล้วก็ ไม่มีใครแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากตัวเราเอง” คำอธิบายของผม ทำให้ไบรท์ครุ่นคิดอยู่สักครู่
“เราคิดว่ารู้ แต่เราจะไม่พูดแล้วกัน เราไม่อยากให้แทนอยู่คนเดียวแบบนี้ มันจะคิดมากเกินไป ขอให้เราอยู่ใกล้ๆ จนกว่าแทนจะสบายใจได้ไหม” ถ้าผมปฏิเสธ ผมคงใจร้ายเกินไป แต่คนที่ผมต้องการตอนนี้ เค้าไม่ต้องการผมแล้ว...
ผมไม่ตอบอะไรไบรท์ นอกจากกอดไบรท์สักที มือไบรท์ที่ลูบหลังผมอยู่เบาๆ กับบอกผมแค่
“แล้วมันจะผ่านไปนะ” ฮือ...ขอบใจนะไบรท์
………………..
หนึ่งอาทิตย์แล้ว...ที่ผมตัดขาดจากบิ๊ก ผมบอกกับคอนโดว่า ถ้าบิ๊กมาหา ให้บอกว่าผมไม่อยู่ ใน iPhone ตั้งบิ๊กไว้ใน block list เบอร์แปลกไม่ขึ้นชื่อ จะไม่รับเลย และข้อความที่ส่งมา ผมจะไม่อ่านทั้งหมด ผมแนวแน่ว่า จะลืมคนๆ นี้ให้ได้ ท่องไว้ซิแทน อย่าเห็นแก่ตัวเปลี่ยนใครสักคนมาเป็นแฟนเราเลย เกิดมาเป็นคนโดนสาป อย่าเอาคำสาปชีวิตไปให้คนที่เรารักเลย
“แทน!!!” ลูกบาสฯ ที่ไบรท์ส่งมาลอยเกือบโดนหัวผม ด้วยความตกใจ ผมต้องถอยหลังรับอย่างเร็ว จนหงายหลังลงไปนอนที่พื้น โค้ชเป่านกหวีดหยุดเกม ผมลุกขึ้นแบบงงตัวเอง ว่าเหมอจังหวะรับบอลได้ยังไง โค้ชเรียกผมไปคุยกันตัวต่อตัว
“ภัทร เธอเป็นอะไรเปล่า หลังๆ เธอเหมือนคนไม่มีสมาธิเลยนะ” โค้ชเปิดประเด็นตรงกับผม
“เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรมากไปหน่อย” โค้ชยิ้มให้ผม ก่อนจะกอดไหล่ผม
“ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เธอคิดมากอยู่ เธอต้องหาคำตอบให้มัน คำตอบที่ดี คือคำตอบที่ทำแล้วแก้ปัญหาได้จริง ไม่ใช่เราต้องแบกรับ หรือทนอยู่กับมันไป วัยรุ่นก็แบบนี้แหละ ว้าวุ้นใจจนทำอะไรไม่ถูกเป็นเรื่องปกติ คนอย่างเธออะ ไม่ใช่คนจมปัญหานะ โค้ชเห็นเวลามีอะไร เธอเป็นคนแก้ไขได้ทุกเรื่องจริงๆ แล้วทำไมเรื่องตัวเองที่เจออยู่ จะยิ่งใหญ่จนแก้ไม่ได้เลยละ” ครับ...โค้ช
“ผมต้องการแค่เวลา” โค้ชตบบ่าผมเบาๆ
“งั้นไปพักสักอาทิตย์ไหม เราก็ทำเพื่อทีมมาดีมากแล้ว ถ้าต้องการพัก ก็พักนะ” แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับโค้ช
“ผมไม่ได้อยากพักการเล่นบาสฯ นะครับ ผมยังฟิตปกติดีนะครับ” โค้ชส่ายหน้าช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าเธอเล่นได้ ลูกง่ายๆ เธอต้องทำให้ทีมสำรองเค้าล้มคะมำไปแล้ว แถมสามแต้มที่เธอยิงแม่นๆ เธอยิงยังกับเด็กหัดเล่นไปหลายลูกนะ” ผมหลุดขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถอนหายใจแป็ป
“เธอไม่รู้ตัวหรอก เอาเป็นว่า ไปพักให้สบายใจ แล้วกลับมานะ ใจไม่พร้อม ก็เท่ากับบาดเจ็บแหละ” โค้ชหันไปหยิบน้ำเย็นให้ผม แล้วให้ผมไปนั่งข้างสนามแทน
ผมนั่งดูเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เล่นกันในสนาม ก็จริงอย่างโค้ชว่า ผมไม่มีอารมณ์จะจับลูกบาสฯ ด้วยซ้ำ ตอนเรียนก็เหมือนกัน ผมแทบไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าเรียนอะไร กลับไปบ้านก็ทำการบ้านให้เสร็จๆ ไป จนการซ้อมจบลง
“เป็นไรเปล่าแทน” ไบรท์กลับมานั่งข้างๆ ผมไม่ตอบอะไรไบรท์ นั่งเคาะลูกกับพื้นสั้นๆ ไปเรื่อยๆ
“แทน...ที่เป็นแบบนี้เพราะบิ๊กเปล่า” ผมหยุดเคาะลูกบาสฯ ก่อนจะลุกไปเก็บกระเป๋า
“เราเป็นห่วงนะ...แทนอย่างทำอย่างงี้ซิ” ผมหันไปยิ้มให้ไบรท์
“เราอยากอยู่คนเดียวจริงๆ นะ ขอบใจไบรท์มาก ที่เป็นห่วงเรา เราแค่อยากผ่านเรื่องบางอย่างด้วยตัวเองให้ได้ เท่านั้นเอง” สะพายกระเป๋าแล้วเดินไป ไบรท์คว้าข้อมือผมไว้
“เราไม่อยากให้แทนทุกข์แบบนี้ เรารู้สึกเจ็บ ที่ช่วยอะไรไม่ได้” ผมค่อยๆ ลดมือลงจนหลุดจากมือของแทน ก่อนจะหันไปกอดไบรท์ที
“เราขอบใจนะ...” ไบรท์กระชับกอดผม
“เราจะรอแทนกลับมายิ้มนะ” ผมพยักหน้าที่ไหล่ของไบรท์ให้รู้ว่า ผมจะกลับมาแน่นอน
รอหน่อยนะ เราจะกลับมาเป็นคนเดิมเอง แค่ไม่รู้ว่า นานแค่ไหนเท่านั้นเอง
………………..
โค้ชให้ผมพักหนึ่งสัปดาห์เต็ม ผมใช้เวลานี้กับห้องสมุด กับเลกเชอร์ของเพื่อนที่ผมจดตกไป ทบทวนสิ่งที่ผมใจลอยตอนเรียนไป ก็ดีนะ มันทำให้ผมลืมเรื่องบิ๊กไปได้บ้าง เกือบสองสัปดาห์แล้ว แต่ผมยังคิดถึงเค้าเหมือนเดิม...ท่องไว้ซิแทน เรื่องของเรา ไม่มีทางเป็นไปได้และไม่มีวันเป็นไปได้
“ห้องสมุดจะปิดในอีก 15 นาทีนี้แล้วนะนักเรียน” อาจารย์บรรณารักษ์เดินมาหาบอกผม ดูเวลาที่ข้อมือ จะทุ่มนึงแล้ว ไวจริงๆ งั้น ไปหาอะไรทานมื้อเย็น แล้วกลับห้องดีกว่า พอเดินออกมาถึงหน้าประตูโรงเรียน
“แทน” ไบรท์นี่เอง สงสัยจะพึ่งซ้อมเสร็จมา
“กลับห้องเหรอแทน เราไปส่งรถไฟฟ้านะ” ก็ได้ เพราะไบรท์แค่ไปรอรถเมล์แถวสยามก็ได้อยู่
ตลอดทาง ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างผมกับไบรท์ มีแต่ความเงียบกับระยะห่างที่กว้างพอให้คนเดินลอดผ่านระหว่างกลางได้ ไบรท์เองก็เอาแต่มองผม ในขณะที่ผมก็ไม่มองไบรท์ ผมยังอยากอยู่คนเดียวนี่ แต่ถ้าไม่ให้ไบรท์เดินไปด้วย ผมคงใจร้ายไปหน่อย จนผมเดินไปถึงรถไฟฟ้า
“กลับดีๆ นะ” ไบรท์ส่งผมที่หน้าประตู ก่อนที่ไบรท์จะเดินลงไปป้ายรถเมล์
ผมยังไม่แตะบัตรเข้า เพราะกะจะหาข้าวกินก่อนกลับ ลงไปแถวสยามสแควร์ เดินเล่นเรื่อยเปื่อย ดูด้วยว่าจะทานอะไรดี ผมเห็นเด็กโรงเรียนเดียวกับบิ๊กเดินสวนไปบ้าง มากันเป็นกลุ่มบ้าง ยิ่งทำให้ผมคิดถึงบิ๊กอย่างบอกไม่ถูก...ไม่เดินแล้ว กลับไปหากินแถวคอนโดดีกว่า เดินแล้วมันฟุ้งซ่าน
“ไบรท์” ผมตกใจเล็กน้อยที่เห็นไบรท์ยืนตรงหน้าผมตอนนี้แล้ว
“เราขอโทษนะ เราแอบเดินตามแทนตั้งแต่ส่งขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว” ผมไม่ชอบให้ใครทำแบบนี้ แต่ไบรท์คงห่วงผมมั่ง
“กินข้าวไหม...เรารู้ว่าแทนยังไม่ได้กินนะ” ไบรท์คงรอให้ผมตอบอยู่
“ก็ได้...” ผมตอบไปสั้นๆ ไม่อยากขัดใจอะไรไบรท์
แล้วเราทั้งคู่ ก็ไปจบที่ร้านบะหมี่ ไม่มีบทสนทนาอะไรมากกว่าต่างคนต่างกิน ผมรู้สึกตัวเองใจร้ายมาก ที่ทั้งหลบหน้า ไม่คุยด้วย ไม่ให้ไบรท์อยู่ใกล้ๆ หรือการจะลืมบิ๊กได้ ผมควรเปิดใจให้ไบรท์มากกว่านี้
“เราขอโทษนะ” ผมเอยขึ้นมาตามความคิดที่ผมคิดอยู่
“เรื่องอะไรเหรอแทน” ไบรท์วางตะเกียบลง
“ทั้งหมดเลย ที่ไบรท์ทำให้เรา แต่เรากลับเมินเฉยสิ่งที่ไบรท์ทำไง” ผมไม่กล้ามองหน้าไบรท์เลย เพราะช่วงหลังๆ ผมทำไม่ดีกับไบรท์จริงๆ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แทนก็มีเหตุผลของแทน แค่แทนไม่เกลียดเรา ก็ดีใจแล้ว” ผมควรให้โอกาสไบรท์ได้แล้วซินะ...
“เราสัญญานะ จะกลับมาเป็นคนเดิมให้ไบรท์เร็วที่สุด” ผมเองก็ไม่ได้พร้อมทันทีเลยเหมือนกัน
“เรารอได้เสมอ” ขอบใจนะไบรท์
………………..
เกือบชั่วโมงแล้ว ที่ผมพาน้องถ่านวนเส้นทางระหว่างโรงเรียนของแทน สยาม และหน้าคอนโดแทน ผมกะว่า อย่างน้อยน่าจะเจอแทนเดินอยู่สักจุดละ แต่ไม่ได้ใกล้เคียงอะไรเลย ผมจะตามหาแทนยังไงดี...ผ่านไปจะครบสัปดาห์แล้วนะ...ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆ แล้วนะ ผมพาตัวเองมาถึง Central World เพื่อทำสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
ตรงหน้าผมคือ พระตรีมูรติ ผมไม่เคยไหว้พระ แถมออกแนวไม่เชื่อด้วยซ้ำ ว่าโลกนี้มีปาฏิหารย์อะไร แต่ผมไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งอะไรได้แล้ว ถ้าไหว้แล้วสบายใจ ผมทำนะ กุหลาบ ธูป เทียน ที่ขายอยู่ข้างๆ อยู่ในมือผมแล้ว ผมท่องคาถาตามที่ป้ายหินอ่อนหน้าศาล แล้วอธิฐานว่า
“ผมขอให้ได้พบแทนอีกครั้ง ผมขอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ได้โปรดบันดาลให้ผมได้พบด้วยเถอะ”
ไหว้เสร็จแล้ว...ลานหน้าห้างฯ ตอนนี้ เต็มไปด้วยลานเบียร์ กับมุมฝั่ง ZEN ที่ตกแต่งสำหรับรับเทศกาลปีใหม่ ท่ามกลางคนมากมาย ผมกลับเหมือนคนตายที่เดินได้อย่างบอกไม่ถูก แทน...อยู่ไหนอะ เราอยากเจอ...มองไปรอบๆ ผมได้แต่ถอนหายใจช้าๆ เดินกลับไปเอารถ แล้วเข้าไปตามที่สยามต่อเหมือนเดิมดีกว่า
จอดน้องถ่านแถวร้านเฮียโบ้เหมือนเดิม เดินวนไปวนมา ตั้งแต่กลางสยาม เข้าทุกห้างฯ ทุกตึกฯ เผื่อจะเจอบ้าง ก็ไม่เจอเลย เวลาผมเห็นเด็กโรงเรียนเดียวกับแทนเดินมา ผมจะวิ่งไปดูใกล้ๆ ว่าใช่แทนหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ผมเหมือนคนไม่มีทิศทาง...ไปไหนไม่ถูกแล้ว แทน...เราขอโทษ กลับมาเถอะ
ผมหยิบ iPhone ขึ้นมาส่งข้อความเสียงให้แทนฟัง...
"เราขอโทษ...อย่าหนีหน้าเราอีกเลย เรารู้ตัวแล้ว ว่าเรา...รัก...” บ้าเอย!!! ผมร้องไห้วะ น้ำตามันออกมาเองอัตโนมัติเลย ผมพูดต่อยังไม่จบ
"เรารู้ตัวแล้ว ว่าเรารักแทน...และขาดแทนไม่ได้แล้ว กลับมาหาเราได้ไหม" ผมไม่ไหวแล้ว ในมุมที่คนคงไม่สนใจ ผมปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เหมือนเด็กที่โดนแย่งของเล่น แล้วร้องเอาคืนสุดแรง...นี่ละมั่ง ที่เรียกว่า "ความรัก"
ผมได้พบมันแล้วจริงๆ ใช่ไหม...แต่ผมก็โยนมันทิ้งไปเองด้วยเหมือนกัน มองเวลาอีกที สี่ทุ่มแล้ว...เวลาที่ผ่านไปกับการร้องไห้คนเดียวมันนานขนาดนี้เลยเหรอ ผมเดินอยู่คนเดียว หลงทางไปมา ไม่รู้จะไปไหนต่อ สยามมันกว้างไปที่ผมจะเดินหาแทนให้เจอด้วยตัวเอง แทนอยู่ไหนผมก็ไม่รู้ ผมควรกลับบ้านไปตั้งหลักใหม่ซินะ กลับเถอะ ถ้ายังไม่ตาย ก็ต้องหาแทนเจอให้ได้สักครั้ง...
“ขอโทษครับ” ผมเดินไม่ดูคนอีกแล้ว ชนไปเต็มๆ แต่สายตาที่ผมเงยขึ้นมาเห็นหลังจากขอโทษคนที่เดินชนไป ทำให้ผมต้อง...
"แทน" ผมอุทานเบาๆ เมื่อเห็นแทนเดินอยู่ตรงหน้าผม ห่างกันประมาณ 10 เมตรได้ ผมวิ่งเข้าไปหาทันที
ผมวิ่งไปหยุดตรงหน้าแทนแบบไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ทัน แทนที่เดินก้มหน้าอยู่ หยุดให้เมื่อเห็นคนยืนขวางอยู่ แต่พอเงยหน้าเห็นผม แทนรีบเบี่ยงตัวเดินหนีผมทันทีผมคว้าข้อมือแทนเอาไว้
"ขอโทษครับ มีธุระอะไรกับผมเปล่าครับ" แทนพูดกับผมเป็นคนแปลกหน้า...
"ทำไมแทนต้องหนีเราด้วย" แทนนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะสะบัดข้อมือเบาๆ จนหลุด
“เพราะเราไม่รู้จักกันไง ขอโทษด้วยนะครับ” ผมวิ่งกลับไปจับข้อมือแทนอีกที แต่แทนสะบัดแรงกว่าเดิม แล้ววิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งทันที
“แทน!!! เรารักแทนนะ!!!” ผมตะโกนข้ามฝั่งถนนสุดเสียง แทนที่วิ่งอยู่ หยุดนิ่ง ก่อนจะวิ่งต่อ
“เราขอโทษ เรามันโง่ที่ไม่รู้ว่า เรารักแทน!!!” ผมตะโกนรอบสอง แทนหยุดนิ่งสักครู่ แทนยังเดินต่อไปเหมือนเดิม
เข่าผมอ่อน ทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นตรงนั้น มือผมยันไว้กับพื้น พร้อมกับน้ำตาระลอกใหม่ที่อั้นไว้ไม่อยู่แล้ว
สมควรแล้วไอ้บิ๊ก...มึงมันโง่เอง...
**********
บทที่ 22 เจอกันเสาร์บ่ายๆ นะครับ แทนจะยอมกลับมาหาบิ๊กไหม และจะได้ไปต่อกันหรือไม่ ต้องมาดูกันต่อไปครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ^^