Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 27
อย่ามาลองดี
“นี่เขามีงานอะไรกันน่ะ คนเยอะเชียว” เจ้าจอมถามจุลจักรที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของตนด้วย เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ ทีมออแกไนซ์จัดงานแต่งก็เริ่มลงมือการจัดเตรียมสถานที่แต่เช้า จริงๆ แล้วก็เริ่มที่จะจัดตั่งแต่เมื่อวานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ดูเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้
ห้องทำงานของเจ้าจอมอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นสวนได้
“งานแต่งงานน่ะครับ”
“งานแต่ง?”
“ครับ...คุณรามสั่งไว้ตั้งก่อนไปเลยแล้วว่าจะมีทีมออแกไนซ์จัดงานมาที่นี่” จักรตอบ
“ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
“ก็เพราะคุณจอมเอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ ไงครับ เลยไม่รู้ว่าจะมีงาน”
ก็จริงอย่างที่จักรว่า ตั้งแต่วันนั้นเจ้าจอมก็พยายามที่จะหลบเลี่ยงการเจอกับเหล่าคนงาน ทำเพียงแค่เดินไปบ้านพักแล้วก็มาทำงานในแต่ละวันเท่านั้น หนำซ้ำยังไม่ออกจากห้องทำงานอย่างที่ตนว่าด้วย เรื่องเสียๆ หายๆ ที่มีก็เริ่มหายไปแล้วด้วย ที่รับรู้มาคือคนงานหลายคนรู้สึกผิดและอยากให้เจ้าจอมเป็นเหมือนเดิม
ซึ่งเขาก็รอเวลาอีกนิด ค่อยออกไปเจอก็แล้วกัน แต่ดันมีงาน น้องชายเจ้าของรีสอร์ทอย่างเขาไม่ไปเจอลูกค้าเลยก็ทำไม่ได้ด้วยสิ เดี๋ยวจะกลายเป็นขี้ปากคนงานอีกรอบหนึ่ง ขี้เกียจทำหน้าเศร้า บีบน้ำตาแล้ว
“เฮ้อ...งั้นฉันควรจะออกไปพบกับลูกค้าบ้างดีกว่า”
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ”
“ก็แหงอยู่แล้ว หยุดทำงานของนายทุกอย่างซะ แล้วเดินข้างๆ ฉัน โอเค้?”
“ครับ”
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
ร่างสูงล่ำสันเดินตามชายร่างเล็กอย่างเจ้าจอมไป ระหว่างทางคนงานก็ทั้งก้ม ทั้งโค้งให้ แล้วยังเอ่ยอย่างยินดีที่ได้เห็นเจ้าจอม ซึ่งเจ้าจอมก็ยิ้มตอบรับบางๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่โกรธอะไร
ถือว่าเป็นเรื่องดีของเหล่าคนงานเลยนะเนี่ย
“ฉันไม่ได้โกรธหรอก ไปทำงานกันได้แล้วไป พรุ่งนี้จะมีงานใหญ่นี่”
“ครับ!!”
“ค่ะ!!”
คนงานทั้งหญิงและชายต่างรับคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่แข็งขัน ราวกับได้รับน้ำหล่อเลี้ยงกำลังใจจากเจ้านายตัวน้อยของพวกเขาทั้งหลาย
“ผมดีใจที่คุณจอมยอมอภัยให้คนงาน”
“ก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก”
“ดีจังเลย คุณจอมจิตใจดี”
หึ...ถ้านายรู้ธาตุแท้ของฉัน นายยังอยากจะรักฉันอยู่ไหมนะ...
แต่ต่อให้ไม่อยาก นายก็ต้องเป็นของฉัน...ของฉันตลอดไป
“ก็ไม่ดีเท่าไหร่หรอก ฉันก็คน มีรัก โลภ โกรธ หลงกันทั้งนั้นแหละ”
“ครับ”
“เลิกพูดเรื่องนี้ แล้วตามฉันมา”
ร่างบางเดินตรงไปยังสวนที่กำลังเริ่มจัดสถานที่และตกแต่ง ซึ่งพอเห็นร่างผอมโปร่งที่สูงกว่าเจ้าจอมหน่อยๆ ใบหน้าหวานก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้เดินเข้าไปหา อาจเป็นเพราะดูภายนอก เห็นชายคนนี้กำลังยืนสั่งงานอยู่ เลยคิดว่าเป็นหัวหน้างาน เลยจะมาทักทาย
“สวัสดีครับ” เจ้าจอมยิ้มหวานให้คนตรงหน้า
“เอ่อ...สวัสดีครับ”
“ผมเจ้าจอมนะครับ เป็นน้องชายของคุณรามินทร์ แล้วคุณ?”
“ผมปลายฝันครับ เรียกดรีมก็ได้ เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ของรีสอร์ทที่คุณรามินทร์ให้ดูแลประสานงานกับออแกไนซ์จัดงานจากกรุงเทพฯ น่ะครับ”
“อ๋อ...คุณดรีม เห็นจักรพูดให้ฟังอยู่ กว่าจะได้เจอตัว ขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้มาทักทายก่อนหน้านี้” เจ้าจอมร้องอ๋อ ก่อนจะขอโทษปลายฝันอย่างรู้สึกผิด
แม้คนตรงหน้าจะบอกว่าเป็นพนักงาน แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนๆ นี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเรา
คู่หมั้นของผู้มีอิทธิพล ปฐพี อัคนี แห่งอภิหชัยบดินทร์...
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงตอนนี้ผมก็แค่เด็กพาร์ทไทม์คนหนึ่ง”
“โถ่...คุณดรีมถ่อมตัวอย่างที่จักรบอกจริงๆ ถ้ามีอะไรขาดเหลือ บอกผมได้นะครับ”
ตลอดการเก็บตัวของเจ้าจอม จักรก็เล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรีสอร์ทให้ฟังทั้งหมด รวมถึงเรื่องของปลายฝันด้วย แต่ไม่รู้ว่างานวันพรุ่งนี้ ก็เป็นของคนตรงหน้า และปลายฝัน ก็ยังไม่รู้
คนที่รู้มีเพียงทีมงานออแกไนซ์ รามินทร์ และขรรค์เท่านั้น
“ตอนนี้ไม่มีอะไรขาดแล้วล่ะครับ แค่จัดสถานที่ให้เสร็จเท่านั้นเอง” ปลายฝันตอบยิ้มๆ
“ยังไม่ทันเสร็จ ผมก็ว่าสวยแล้วนะครับ ถ้าเสร็จจะสวยขนาดไหนนะ”
เจ้าจอมมองสถานที่รอบๆ ที่มีดอกไม้รอบๆ กับสวน ที่เตรียมจะทำซุ้ม ทำอะไรต่างๆ อย่างชอบใจ ถ้าได้แต่งงาน เจ้าจอมก็ฝันไว้ว่าอยากจะมีงานแต่งสวยๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้
ถ้าพูดออกไปทุกคนจะหาว่าเขาสาวแตกแน่ๆ แต่เปล่าเลย
ถึงเจ้าจอมจะเป็นเกย์ แต่ก็ไม่ได้ออกหญิง และเป็นชายที่ชอบดอกไม้ก็เท่านั้น...
“ดูเหมือนคุณเจ้าจอมจะชอบดอกไม้นะครับ” คำถามของปลายฝัน ทำให้เจ้าจอมหันกลับมามองอย่างแปลกใจ รวมทั้งจักรที่ยืนสังเกตไปด้วย
คุณจอมชอบดอกไม้จริงๆ สินะ ตาเป็นประกายเชียว...
“ครับ...ผมชอบ”
ไม่ได้ปิดบัง เพียงแต่ไม่เคยมีคนถามก็เลยไม่พูดเท่านั้น
“ชอบดอกอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
“ผมชอบกุหลาบ...”
“ชอบดอกไม้ที่สมกับเป็นคุณเลยนะครับ ไม่ต้องเดาสีเลย ผมรู้ว่าคุณเจ้าจอมชอบสีอะไร แต่ว่า...ให้คุณเจ้าจอมบอกคนสำคัญของคุณเป็นคนแรกเถอะครับ” ปลายฝันพูด ในประโยคสุดท้ายมองไปยังจักรที่ไม่ว่าเจ้าจอมจะพูดหรือทำอะไร คนๆ นี้ก็ยังคงมองที่เจ้าจอมไม่มองที่อื่นเลย
เดาไม่อยากเลยว่าทั้งคู่รู้สึกยังไงต่อกัน
“คุณดรีมน่ากลัวนะครับ”
“ฮะๆ น่ากลัวอะไรล่ะครับ งั้น...ผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ คุณเจ้าจอมเดินดูรอบๆ ต่อได้เลยนะครับ” ปลายฝันเอ่ยขอตัว
“ครับ เชิญเลย” เจ้าจอมผายมือไปข้างหน้าน้อยๆ ก่อนที่ร่างโปร่งบางของปลายฝันจะเดินไปทำงานในส่วนต่างๆ ต่อไป...
“ไอ้จักรพึ่งรู้...ว่าคุณจอมชอบดอกกุหลาบ”
“ทำไมล่ะ มันไม่เข้างั้นหรือ”
“เปล่าครับ มันเหมาะ เหมาะกับคุณจอมมาก โดยเฉพาะสีแดง ผมว่าสีแดงเป็นอะไรที่เหมาะกับคุณจอมอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน”
เจ้าจอมยิ้ม...สีแดงงั้นหรือ
กุหลาบแดง...เป็นดอกไม้ที่เขา ชอบมากที่สุดเลยล่ะ
“ฉันอาจจะเป็นคนแรงๆ มั้ง เลยดูเหมาะ”
“คือ...”
“เอาเถอะ ตามฉันมาสิ จะไปดูตรงอื่นต่อ”
จักรเดินตามร่างเล็กอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับครุ่นคิดไปด้วยว่าอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่ากุหลาบแดงเป็นดอกไม้ที่เหมาะกับเจ้าจอมมาก มากจริงๆ
บางครั้ง เจ้าจอมก็ดูร้ายกาจ...แต่ก็ดูสุภาพ อ่อนโยน
บางครั้ง ก็เหมือนจะใช้คำพูดแรงๆ แต่ก็ไม่ใช่คำหยาบคาย
“ป้ารีครับ”
“คุณจอม! ป้าดีใจมากที่คุณจอมมาให้ป้าเห็นสักที โถ่ คุณหนูของป้า...มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกป้าล่ะคะ จะได้จัดการให้”
ป้ารีที่เป็นหัวหน้าแม่ครัว ก็ถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ของเจ้าจอม เพราะตอนเด็กเวลาที่เขามาที่นี่ ป้ารีจะคอยดูแลเขาเสมอ...
“ผมจัดการได้ครับ ไม่มีอะไรแล้ว วันนี้เลยมาอ้อนของโปรดจากป้ารี”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวไปนั่งรอนะคะ เดี๋ยวป้าทำให้แป๊บเดียว จะให้เด็กยกไปให้” ป้ารีพูดอย่างเอ็นดูกับการออดอ้อนที่แสนน่ารักของคุณหนูของเธอ ท่ามกลางสายตาที่มองเจ้ายอมด้วยรอยยิ้มและเอ็นดูไม่ต่างกัน
แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ที่เจ้าจอมมาร่าเริงเหมือนเดิม
“ขอบคุณนะครับ ฟอด!” หอมแก้มตอบแทนไปทีนึง ทำเอาคนอายุมากแล้วถึงกับยิ้มกว้าง
“ตายแล้ว!! ทำอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ล่ะคะ”
“ฮ่าๆ ไปดีกว่า”
ร่างบางหัวเราะก่อนจะเดินกลับไปยังห้องอาหารคืนเมื่อรอรับประทานอาหาร ส่วนจักรก็ยืนรออยู่ที่โต๊ะแล้ว พอเห็นว่าเจ้าจอมเดินมาก็รีบนั่งลงทันที เพราะก่อนที่เจ้าจอมจะเข้าครัวได้สั่งไว้ว่าให้นั่งรอ
แต่เขาก็เป็นแค่คนงานธรรมดาๆ จนๆ จะกล้านั่งรอได้ยังไง
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดี ไม่มีอะไร”
“ดีจัง”
“หึหึ” หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วมองตาจักรอย่างหวานซึ้ง ทำเอาตาคมต้องเสหนีไปอีกทางเพราะรู้สึกหวั่นไหว อีกทั้ง...มันยั่วอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก
วันนี้...เป็นการกินข้าวที่ทรมานที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย
…
…
“อึก...อ้า ค่ะ คุณจอม คุณจอม อืม...” เสียงครางแหบพร่าดังขึ้นในห้องนอนของบ้านพักจุลจักร จินตนาการในมโนสึกนึกเขาทำให้ไม่อาจต้านทานความต้องการได้เลยต้องใช้มือล้วงเจ้าลูกชายออกมาปลอบ
มือแกร่งนำพาส่วนแข็งขืนไปแตะสวรรค์ด้วยมือ หลับตาพริ้มนึกถึงภาพที่แสนจะยั่วเย้า ยั่วยวนของเจ้าจอมไปด้วย แล้วยิ่งคิดถึงภาพที่เจ้าจอมทำเรื่องอย่างว่ากับเขา...
ก็ปลดปล่อยความต้องการได้มา จักรหอบน้อยๆ ปาดเหงื่อที่หน้าออกไป ก่อนจะลุกไปเปิดไฟแล้วทำความสะอาดตรงนั้นที่เลอะน้ำกามของเขา
“วิตถารจริงๆ เลยมึง กล้าคิดได้ยังไงวะ” ต่อว่าตัวเองไปด้วยขณะที่ทำความสะอาดอยู่
Rrrrr…
“ว่าไงวะ”
(พี่จักรๆ พรุ่งนี้ฝากดูงานของฉันให้ด้วยนะพี่) เสียงร้อนรนจากปลายสายทำให้ใบหน้าดุยิ่งดูโหดเข้าไปอีก
“เกิดอะไรขึ้นวะ ไอ้ขรรค์?”
(บ้านพักของเงิน...ถูกโจรขึ้นบ้านว่ะพี่ ฉันจะไปดูเงินที่โรงพยาบาลแล้วก็จัดการเรื่องนี้ด้วย)
“อ้าว? หมอเงินเป็นไรมากไหมวะ” ถามด้วยน้ำเสียงเครียดๆ แล้วก็เป็นห่วง
(ไม่รู้พี่ ฉันกำลังไป)
“แล้วมึงบอกคุณรามหรือยัง”
(บอกแล้ว คุณรามให้ฉันโทรมาบอกพี่ ช่วยจัดการงานพรุ่งนี้ต่อนะพี่)
“ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็ติดต่อมานะเว้ย”
(ขอบใจว่ะพี่) ขรรค์ตัดสายไปทันทีที่พูดจบ
จักรเองก็วางโทรศัพท์ไปด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะเอาผ้าไปโยนไว้ในห้องน้ำ ก็เป็นห่วงหมอเงินเหมือนกัน เพราะยังไงก็คนรู้จักกัน หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมาก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ใครมาวะ?”
จักรที่ทำท่าจะนั่งซักผ้าก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องนอนไปยังหน้าประตูบ้านพักทันที พอเปิดประตูออกมาก็ทำหน้าตาสงสัยทันที
“มาทำไมแก้ว นี่มันค่ำมากแล้วนะ มันดูไม่ดี” จักรเดินออกมาจากตัวบ้าน แล้วปิดประตู ยืนคุยกับหญิงสาวที่มาบ้านเขาอยู่หน้าบ้าน
“ห้องแก้วไฟมันเสียน่ะจ้ะ”
“ก็แล้วทำไมไม่ให้ลุงชมดูให้ ที่นี่กับบ้านพักสำหรับผู้หญิงก็อยู่ไกลกันจะตาย”
“ฉันหาลุงชมไม่เจอ จะให้พึ่งคนอื่นฉันก็กลัว พี่จักรไปดูไฟให้แก้วหน่อยได้ไหมจ้ะ” หญิงสาวทำหน้าขอร้องอ้อนวอน จนจักรถอนหายใจแรงๆ
“ทำไมไม่ไปนอนห้องคนอื่นก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาตามคนไปซ่อม แก้วก็รู้ว่าผู้ชายไปที่พักผู้หญิงตอนกลางคืนมันไม่ดี”
“แต่ว่า...ที่เรือนพักมีคนอยู่ไม่กี่คน แล้วคนที่ฉันรู้จักก็ยังเตรียมอาหารสำหรับงานพรุ่งนี้อยู่ ฉันเลยมาขอให้พี่ช่วยหน่อย ได้ไหมจ้ะ”
“เออๆ เดี๋ยวพี่ไปเอาอุปกรณ์ก่อน”
“ไม่ต้องจ้ะ!!” เธอรีบบอกเสียงดัง ทำเอาจักรหันมามองหน้าแก้วอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไม?”
“ฉันมีจ้ะ ที่ห้องฉันมี คราวก่อนพี่ยิมมาซ่อมให้ครั้งหนึ่ง แล้วแกก็ลืมไว้น่ะจ้ะ ไฟห้องฉันเสียบ่อย”
“เหรอ...งั้นก็ไป พี่ปิดบ้านก่อน”
จักรปิดบ้านแล้วเดินตามหญิงสาวไปยังเรือนพักคนงานหลังใหญ่ ที่แบ่งไว้เป็นห้องๆ สำหรับผู้หญิงและคนงานที่อายุมากแล้ว โดยไม่ได้เห็นรอยยิ้มของแก้วเลยสักนิดว่าเป็นยังไง
พอมาถึงจักรก็พบว่าไฟในห้องของคนงานเปิดอยู่บางห้อง แสดงว่ายังมีบางส่วนที่ยังเตรียมงานวันพรุ่งนี้อยู่ ส่วนแก้วที่จริงก็ยังไม่เสร็จงานหรอก เพียงแต่บอกกับคนอื่นว่าตนไม่สบาย ขอมาพักก็เท่านั้น
“เข้ามาสิพี่จักร” หญิงสาวเปิดประตูห้องแล้วเชื้อเชิญให้จักรเข้าไป
“แก้วไปรอพี่ที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ ให้พี่เข้าไปซ่อมคนเดียวดีกว่า มันดูไม่ดี”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่จักร ถ้ามีอะไรขาดเหลือฉันจะได้ช่วยได้”
เมื่อเห็นว่าจนใจจะพูด จักรก็เข้าห้องไปตามหญิงสาว โดยที่แก้วก็ปิดประตูทันที ส่วนจักรยังไม่รู้อะไรนอกจากความมืดมิด คลำๆ หาสวิสต์ไฟ ก่อนจะเปิด
พรึ่บ!!
“แก้ว!!! นี่มันอะไร...ไฟไม่ได้เสียนี่ โกหกพี่ทำไม?”
50%
ตัดฉับไว้ครึ่งหนึ่งเช่นเดิม ยังไงก็เม้นท์ให้กันด้วยนะคะ ทำไมเม้นท์ถึงลดจัง สงสัยตั้งใจเรียนสินะ ฮ่าๆ ^_^ ถือว่าขอร้องเนาะ คนแต่งก็อยากได้กำลังใจเพราะกว่าจะแต่งได้ตอนหนึ่งคนเขียนก็ต้องผ่านอุปสรรคหลายๆ อย่างมาก กว่าจะเสร็จในแต่ละตอน
หากมีอะไรสงสัย อยากสอบถาม อยากพูดคุยกับคนเขียน หรือติดตามข่าวสารการอัพนิยาย ก็ไปหากันที่แฟนเพจได้นะเจ้าคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/