รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
ตอนที่ 40
“นายไปพูดอะไรคุณสิทธิ์วะ”
พอกลับมาถึงบ้าน ก้องก็รีบลากฤทธิ์เข้าห้องไปคุยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าของเจ้านายทันที
“ทำไม ชอบเหรอ เดี๋ยวฉันทำให้ก็ได้นะ ถ้าขอร้องดีๆ”
หนุ่มแว่นอ้าปากค้างอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเข้าเรื่อง “ชอบ…แต่เดี๋ยวก่อน นี่ฉันถามจริงๆนะ”
“ก็คุณสิทธิ์บ่นอึดอัดที่เอาแต่ทำร้ายเดียร์ แล้วไม่ได้แสดงความเป็นห่วง แต่พอเป็นห่วงมากๆ เดียร์ก็ไม่เชื่อ แถมโดนด่ากลับจนคุณสิทธิ์โมโหเผลอทำร้ายอีก ฉันก็เลยเสนอให้เอาสองอย่างมารวมกันไง คุณสิทธิ์ก็สบายใจเพราะได้แสดงความเป็นห่วงได้อย่างเปิดเผย แถมยังค่อยๆปล่อยความรุนแรงใส่เดียร์ทีละน้อยๆด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองต่อเลยไง”
ก้องนิ่วหน้าคล้ายกับไม่อยากเห็นด้วยกับวิธีนี้เท่าไหร่นัก แต่พอนึกถึงท่าทีตื่นตระหนกของเดียร์แล้ว เขาก็อดเห็นชอบไม่ได้
ในเมื่อมันเหลือแต่ต้องรักกันอยู่ทางเดียว ก็ทำให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆก็ยังดีนี่นะ…
“จะว่าไป…เราต้องบอกคุณวัฒน์เรื่องวันนี้ด้วยหรือเปล่า” ฤทธิ์ถามขึ้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “บ้าเอ๊ย ถ้าเกิดต้องปะทะกันจริงๆ มีหวังไอ้เดชได้ใช้โอกาสนี้ จัดการคุณสิทธิ์แน่”
ก้องสะดุ้งนิดหน่อย เพราะเขานี่แหละที่รอให้คนที่ว่ามาฮุบเหยื่อชิ้นนี้อยู่ พอนึกได้ก็ไม่รอช้า รีบโทรศัพท์ไปรายงานทันที
“ว่าไงนะ!!!” หลังจากที่ก้องพูดไม่ทันจะจบดี คนในสายก็ตะโกนถามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “จริงหรือ”
“จริงสิครับ” นึกแล้วเขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่เหมือนกัน “คุณสิทธิ์งี้ หน้าปูด…”
ก้องยกมือถือออกมา แล้วฟังอีกครั้ง สายตัดไปแล้ว
ซึ่งสงสัยได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็เข้าใจ เมื่อได้ยินเสียงกริ่งบ้านรัวอย่างกับกำลังโดนแกล้ง และพอฤทธิ์ซึ่งเร็วกว่าตนเดินไปเปิดประตู ก็ต้องพากันค้างเพราะเจอคนที่น่ากลัวมากสำหรับทั้งสอง
“คุณวัฒน์?” หนุ่มแว่นซึ่งตามมาเรียกอีกฝ่ายอย่างหวาดๆปนประหลาดใจ แล้วรีบดันร่างฤทธิ์ออกมาให้พ้นประตู พอมองข้ามหลังวัฒน์ไปก็เห็นเนที่เพิ่งออกจากรถมาด้วย
“คุณสิทธิ์ล่ะ”
เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบดังขึ้น ก้องกับฤทธิ์ยังคงประหลาดใจ ปกติวัฒน์เป็นคนที่ลูกน้องส่วนใหญ่ให้ความเคารพเกรงขาม…หรือถ้าพูดให้ถูกคือเกรงกลัวมากกว่า เพราะหนุ่มใหญ่เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดถ้าไม่ใช่เรื่องของสิทธิ์ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ยกเว้นยามโมโหในเรื่องของสิทธิ์ ไม่ค่อยรับมุกเวลาคนอื่นพูดตลกหรือขำให้เห็น ยกเว้นกับสิทธิ์ และทั้งที่ทำงานกันมาเป็นสิบปี เหล่าเพื่อนร่วมงานก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่า รองประธานควบตำแหน่งผู้ติดตามคนนี้คิดอะไรอยู่…และก็ยกเว้นสิทธิ์ที่ดูจะรู้ดีว่าวัฒน์คิดอะไรอยู่ แม้หน้าของลุงแกจะนิ่งเรียบเหมือนรูปปั้นมากแค่ไหนก็ตาม
“ก้อง! ฤทธิ์!”
แค่โดนเรียกชื่อเพื่อเรียกสติ เจ้าของชื่อกลับรู้สึกกลัวอย่างไร้สาเหตุ
“ขะ…ข้างบนครับ ขอโทษครับ” หนุ่มแว่นรีบก้มหัวปะหลกๆเหมือนกลัวจะโดนอีกฝ่ายทำโทษ ทั้งที่นั่นเป็นสิ่งที่รื่นรมย์สำหรับเขาแท้ๆ แต่ขนาดฤทธิ์ซึ่งปกติไม่ค่อยจะยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็ยังทำเหมือนเขา
“อ้าว อาวัฒน์มาได้ยังไงเนี่ย เมื่อกี้เห็นกริ่งดังผมก็นึกว่าพวกเกรียนที่ไหนซะอีก”
วัฒน์ทำหน้าเหวอทันทีที่เห็นใบหน้าชอกช้ำของเจ้านาย หนุ่มใหญ่รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อดูอาการของชายหนุ่มร่างยักษ์ทันที
“เหวอ คุณสิทธิ์ไปโดนอะไรมาล่ะนั่น ทำไมหน้าปูดบวมแบบนั้นละครับ” พอเนที่รีบตามเข้าบ้านเห็นเข้าก็ร้องเสียงดังทำหน้าอย่างกับเห็นผี ก่อนจะกลับมามองก้องกับฤทธิ์พร้อมแสดงอาการไม่พอใจ “ไหงคุณก้องกับพี่ฤทธิ์ปล่อยให้คุณสิทธิ์เป็นแบบนี้ได้เนี่ย”
ก็ตูโดนห้ามไว้นี่หว่า…แถมยังมัวแต่อึ้งด้วย
“อ้าว ไอ้หนู ฉันตกใจนี่หว่า” ฤทธิ์ว้ากลั่น พร้อมกับตบกะโหลกทันที เล่นเอาเด็กหนุ่มที่กำลังไม่พอใจถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ “นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ ที่คุณสิทธิ์กับ…วินชกกันแบบนี้น่ะ”
ดูจากสีหน้าเหมือนเห็นผีของเน ก้องก็รู้ได้ทันทีว่าวัฒน์รีบมาที่นี่มากถึงขนาดไม่ทันได้บอกอะไรเพื่อนร่วมงานแม้แต่นิดเดียว
“อะไรนะ คุณสิทธิ์…กับคุ….เอ่อ กับวิน ทะเลาะกัน” เนระวังไม่ให้เผลอเรียกวินอย่างสุภาพต่อหน้าเจ้านาย “ไหงงั้นละครับคุณสิทธิ์
ต้นเหตุทำหน้าอิดออดคล้ายไม่อยากจะพูดนัก ชายหนุ่มหันไปข้างหลังก็เห็นหัวของเดียร์ที่โผล่แพลมออกมาอย่างที่คาด
“เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ผมกับมันต้องทำให้ชัดเจน” สิทธิ์อ้อมเสียงอ่อย “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่ครับ ผมสัญญา”
คนฟังแลดูจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก
“จริงๆนะครับ ผมอาจจะเกลียดมันเหมือนขี้หมาติดรองเท้า แต่…อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบใช้กำลังกับใคร ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมใช้ก่อน เพราะงั้น ผมไม่ลงมือก่อนแน่”
“งั้นถ้าอีกฝ่ายลงมือก่อนก็อีกเรื่องใช่ไหมล่ะครับ” ได้ยินวัฒน์พูดแบบนั้น สิทธิ์ก็แบะปากเหมือนลูกที่พ่อแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นที่อยากได้ให้ “ขอร้องเลยล่ะครับ ก่อนหน้านั้นก็ทำผมจะตายทั้งเป็นแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องเลวร้ายเหมือนคราวก่อนอีกแล้วนะครับ”
ก้องเหล่มองเนที่ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก ซึ่งเขาเองก็ไม่แปลกใจนัก เพราะคราวก่อนที่โดนทำร้ายจนบาดเจ็บ เนสาหัสกว่าเยอะ…แต่ก็อย่างว่านั่นล่ะ สำหรับวัฒน์ ยังไงสิทธิ์ก็ต้องมาก่อนเสมอ
“มันไม่เป็นแบบนั้นหรอกครับ เพราะงั้นไงถึงให้พี่ก้องกับพี่ฤทธิ์มาคุ้มกันผม ใช่ไหมล่ะครับ ผมเองก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนคนเดียวด้วย อาอย่าห่วงผมเลยครับ ผมน่ะ ห่วงอามากกว่านะครับ” สิทธิ์รีบพูดหวังให้อีกฝ่ายเลิกกังวล “…อาอย่าห่วงเลยครับ อีกไม่นานมันก็จะจบพร้อมกับข่าวดีแล้ว”
ซึ่งก้องก็ไม่แน่ใจว่า ‘ข่าวดี’ ที่ว่านั่น จะเป็นเรื่องที่ดีจริงๆสำหรับเนกับวัฒน์หรือเปล่า…ใจจริงเขาว่ามันบ้าเกินทนด้วยซ้ำ…แต่ทำไงได้ล่ะ คุณเจ้านายแกตัดสินใจไปแล้วนี่…แถมยังไม่ใช่การตัดสินใจแบบชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นครั้งเดียวเปลี่ยนวิถีชีวิตกันเลยทีเดียว
“…ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น” แลดูวัฒน์จะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก แต่พอเห็นสายตามุ่งมั่นของเจ้านาย เขาก็ได้แต่ยอมตกลง “ถ้างั้นผมกับเนกลับก่อนละกัน…พักผ่อนให้เยอะๆนะครับ แล้วก็อย่าไปทำอะไรให้กระทบกระเทือนกับแผลด้วยล่ะ เดี๋ยวมันจะหายช้า ถ้าให้ดี กินยา ไม่ก็ประคบด้วยล่ะครับ”
“ครับ เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มตอนเสียงอ่อน “น่า อาอย่าเป็นห่วงผมนักเลยครับ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ผมว่าอารีบกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะ งานเยอะไม่ใช่หรือครับ เดี๋ยวอานั่นล่ะจะล้มหมอนอนเสื่อไปเสียก่อน”
“นะ…นั่นสิครับ งานยังค้างอยู่อีกนี่ครับ เดี๋ยวทิ้งงานนานมันจะไม่ดีไม่ใช่หรือครับ คุณเป็นคนบอกเองนี่ว่า ต้องรีบทำให้เสร็จในอาทิตย์นี้น่ะ” เนโพล่งเสียงตื่น ลนลานเสียจนคนมองพากันแปลกใจ
วัฒน์ไม่พอใจจนแสดงออกทางสีหน้า ทำเอาฤทธิ์กับก้องรู้สึกเคืองเนไปด้วย ที่ทำให้พวกตนต้องอึดอัดโดยใช่เหตุ แต่วัฒน์ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกเสียจากหันไปลาสิทธิ์ และเดินออกจากบ้านไปโดยมีเนตามหลังไปติดๆ
“เฮ้อ…” สิทธิ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท่าทีเหมือนลูกที่แอบสูบบุหรี่พ่อไว้ยังไงยังงั้น หมียักษ์หันไปจ้องลูกน้องตาเขม็งที่เป็นสาเหตุทันที “เรื่องเล็กแท้ๆ ไหงพี่ต้องบอกอาวัฒน์ด้วยเนี่ย”
“พวกผมมีหน้าที่ต้องรายงานคุณวัฒน์ด้วยนี่ครับ ขืนหมกเม็ดเดี๋ยวพวกผมโดนหมกศพพอดี” ก้องอ้างเรื่องงานและความหวาดกลัวที่มีต่อวัฒน์ ซึ่งแน่นอนว่าสิทธิ์ถึงกับหัวเราะพรืดเมื่อได้ยิน
“บ้าสิพี่ อาวัฒน์เขาไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดที่จะฆ่าพวกพี่เพียงเพราะไม่ยอมรายงานเหตุการณ์ทุกอย่างหรอก” คำพูดของสิทธิ์ไม่ได้ช่วยให้คนฟังรู้สึกใจชื้นแม้แต่น้อย แน่ล่ะ คนโดนไม่ใช่สิทธิ์นี่ แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีใครโดนถึงกับตาย และวัฒน์ไม่เคยใช้กำลังลงโทษเลยก็เถอะ แต่มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็นนั่นล่ะ “…แต่เรื่องข่าวดี พี่อย่าบอกเชียว ถ้าอาวัฒน์แกถาม บอกไปว่า เดี๋ยวก็รู้ ผมอยากทำเซอร์ไพรส์”
ไหนว่าเป็นห่วงสุขภาพคุณวัฒน์แกยังไงล่ะครับ ทำแบบนี้นี่ ผมว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพหัวใจคนชรามากเลยนะ…
“หมดเรื่องแล้ว งั้นผมกลับขึ้นห้องนะ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะปรายตามองไปทางบันไดที่อยู่ไม่ห่าง พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “พอดีว่าอยากจะรีบไปนอนกอดตุ๊กตาตัวใหม่ เอาให้ชินมือไว้ก่อน เพราะจากนี้คงได้กอดนอนไปอีกนาน”
…ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะขนลุกกับคาแรคเตอร์ใหม่ของคุณ หรือผมควรจะรู้สึกดีใจเพราะอย่างน้อยนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนใจดำมืดของไอ้เดียร์ให้มารักคุณได้ มากกว่ากันก็ไม่รู้…
เดียร์สะดุ้งนิดเดียวเมื่อเห็นหัวสิทธิ์โผล่มาจากบันได เด็กหนุ่มรีบเข้าห้องตัวเองตามระเบียบ และล็อกประตูตามประสาคนที่ควรจะกลัวสิทธิ์ และแน่นอนว่ารายนั้นเอากุญแจมาไขอย่างรู้ทัน
“ขะ…เข้ามาทำไม” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงสั่น…ซึ่งเขารู้สึกหวาดจริงๆ เพราะท่าทีของสิทธิ์มันแปลกจนเขาไม่แน่ใจว่าควรจะรับมืออย่างไรดี
“ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” สิทธิ์ยียวนพลางปิดประตู ร่างสูงสืบเท้าก้าวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเนิบนาบ แต่แรงคุกคามรุนแรงและชวนให้รู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก “ฉันอยากจะมาหาตุ๊กตาของฉันนี่”
อะไร้~~ ปกติผมเจอแต่เปรียบเป็นหนอน แมลง ขยะ เครื่องระบายอารมณ์ หรืออย่างน้อยเรียกของเล่นแก้ขัดก็ยังพอได้นะ เจอแบบนี้ผมไปไม่ถูกนะ!! คือนี่ด่าหรือชม ผมไม่เข้าใจ
“อ๊ะ” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อโดนโอบเอว และยังไม่ทันจะได้ขืนหนี ก็โดนยกเสียจนตัวลอย “เดี๋ยวสิ ปล่อยนะ”
เขาพยายามเมินเรื่องประหลาดแล้วโวยวายอย่างตื่นเต้น เพราะคิดว่าคงจะโดนแน่แล้ว สิทธิ์รัดอีกฝ่ายแน่น จนเดียร์ร้องออกมา แต่พออีกฝ่ายหยุดดิ้นเขาก็คลายแรง และแน่นอนว่าคนตรงหน้าก็ดิ้นอีกครั้ง เขาก็ทำซ้ำไปมา จนเด็กหนุ่มหมดแรงจะขืน
ดวงตากลมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างกังขา แต่ไม่นานก็ต้องหลบตาหนี เพราะดวงตาที่เพ่งกลับมานั้นเอ่อล้นไปด้วยความรักเสียจนน่าขนลุก แต่ขัดกับการกระทำนี้เสียเหลือเกิน
ที่สำคัญคือ เขาไม่กล้าจ้องนาน ไม่รู้ทำไม…
สิทธิ์อุ้มเดียร์โยนลงเตียง ก่อนจะขึ้นตามไป ร่างบางพยายามกระถดหนี แต่หมียักษ์ไม่ยอมให้กวางน้อยหนีได้โดยง่าย มือหนาตะปบเอวเล็กดึงเข้ามากอดแน่น จากนั้นก็ดมดอมหอมไปหลายฟอดจนหายอยาก
“ปล่อยนะ” เสียงหวานดังลอดออกมาจากอกของสิทธิ์ มือเล็กพยายามดันอีกฝ่ายออกตามประสา แต่ก็พยายามเก็บเกี่ยวความทรมานจากการหายใจลำบากให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
กว่าที่สิทธิ์จะยอมปล่อย ก็ตอนที่เสียงลมหายใจของเดียร์หอบถี่ ดวงหน้าขาวแดงระเรื่อด้วยความเหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับตน
“ทำไมถึงชอบทำอะไรไร้ประโยชน์จังเลยนะ” เสียงทุ้มกระซิบถามข้างหู ชวนให้เดียร์สยองขวัญอย่างบอกไม่ถูก “แต่ก็น่ารักดี ฉันชอบ”
ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะไม่เคยโดนชมแบบนี้ เรียกได้ว่าแทบจะทุกคนที่เข้ามาทั้งจีบและไม่จีบ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำแบบนี้ เล่นเอามึนหัวจนนึกอะไรไม่ค่อยจะออกเลยทีเดียว
สิทธิ์จับหน้าเดียร์ให้เงยขึ้นมา ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซน เสียงลมหายใจดังแผ่วเป็นจังหวะ ชายหนุ่มยังคงเลื่อนเข้าหาทีละน้อยๆ ริมฝีปากของทั้งสองใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกัน
หรือนี่จะ…
“เลิกดิ้นได้แล้ว ฉันจะนอน” เสียงทุ้มโน้มเข้าหากระซิบข้างหู ไม่ได้จูบแต่อย่างใด “อะไร ทำหน้าแบบนั้น อยากให้จูบหรือ”
ค้างนิ่งไปนานกว่าจะได้สติ
“หา ใครจะอยากจูบกับคุณกัน” พูดจบก็เผลอเอามือปิดปาก เพราะอาการเมื่อครู่ไม่ใช่การแสดงแบบที่ว่าปฏิเสธกลบเกลื่อนแต่เพราะเขาปฏิเสธเพื่อกลบเกลื่อนจริงๆ
เห…เดี๋ยวสิ นี่เราอยากจูบกับเขาหรือ…
พอเหลือบมองอีกฝ่ายก็ต้องรีบหลุบตาลง ใบหน้าของสิทธิ์ยังคงเจือยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ทำให้เดียร์ได้แต่คาใจ ถ้าเป็นยิ้มจอมปลอมแต่เปลือก เขาก็รู้ แต่ไอ้นี่ มันค่อนข้างจะต่างออกไปนิดหน่อย
มันเหมือนจะเป็นยิ้มแบบดูถูกเหยียดหยาม แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความยินดีและเอ็นดูกับสิ่งทีเห็นจนล้นทะลัก ซึ่งเขาไม่เข้าใจสักนิดว่าตกลงมันเป็นรอยยิ้มจากอารมณ์ไหนกันแน่ เพราะแม้จะยินดีกับการเหยียดหยาม แต่ความละมุนที่แทรกผ่านสายตาก็ทำเอาเขาพะอืดพะอมร่วมด้วย ช่างเป็นนวัตกรรมใหม่ของการทรมานสำหรับเดียร์เสียจริงๆ
เหมือนจะมีความสุข แต่ปวดหัวใจร่วมด้วยยังไงชอบกล
“ฉันจะนอนแล้ว” เมื่อได้มองจนพอใจ สิทธิ์ก็เอ่ยเสียงหวานแล้วดึงร่างบางเข้ามากอดแน่นแบบไม่ค่อยจะถนอมอย่างน้ำเสียงเท่าไหร่ “ฉันไม่ให้เธอหนีไปหรอกนะ”
เด็กหนุ่มกัดปาก เขามีความสุขกับการโดนรัดจนอึดอัดอยู่หรอก แต่น้ำเสียงหวานๆนั่นก็ทำเอาเขาเหมือนจะอ้วกด้วย และที่ไม่เข้าใจกว่าก็คือหัวใจที่เอาแต่เต้นแรงไม่หยุดนี่ล่ะ
มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?
เดียร์นอนมองเพดานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงบนเตียงในห้องของตัวเองอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังคนที่นอนอยู่ทางด้านขวาของตน ซึ่งตอนนี้กำลังหลับไม่รู้เรื่องไปเสียแล้ว และไม่เหลือเค้าความโหดแบบประหลาดเอาไว้เลยสักนิด
อ้อมกอดหนาคลายลงแล้ว เด็กหนุ่มจึงเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น แม้จะทำได้แค่เพียงดิ้นขลุกอยู่ในวงกอดก็ตาม นิ้วเรียวจิ้มแก้มหมียักษ์ ท่าทางจะหลับลึกจนไม่รู้สึกตัวแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มจึงขยับตัวเพื่อมองใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดๆ ซึ่งก็ไม่ช่วยเท่าไหร่นัก เพราะในตอนนี้ห้องปิดไฟ มีเพียงแสงจากเสาไฟที่ลอดมาทางหน้าต่างที่พอช่วยให้เดียร์มองเห็นใบหน้ายามหลับของสิทธิ์ได้
แล้วถ้าเกิดเขารักแกขึ้นมาล่ะ แกจะทำยังไง
คำพูดของก้องที่แล่นผ่านหัวทำเอาเด็กหนุ่มว้าวุ่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยแท้ๆ ไหงตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรยุ่งๆตีกันในหัวนะ
แกรักคุณสิทธิ์บ้างหรือเปล่า
ถ้าเป็นเรื่องความรุนแรง ก็ใช่อยู่หรอก...
ตอนนี้คนตรวจกับคนจัดไม่อยู่ อาจจะมีคำผิดคำซ้ำบ้าง เพราะตรวจคนเดียวงับ ถ้าพบเห็นแจ้งได้เน้อ
แก้แบ้ว