รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)  (อ่าน 137722 ครั้ง)

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 29
         
           “อ้าว จะไปไหนน่ะเดียร์”

          หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นลูกน้องหน้าหวานทำท่าจะเดินออกจากร้านทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน

          “มีธุระนิดหน่อยน่ะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มหวาน “ผมแค่อยากจะแน่ใจว่าพี่วินไม่น่าจะอยู่แถวนั้นแล้ว”

          และเพราะเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง น้อยเลยอนุญาตทันที กลัวว่าใครบางคนที่ใส่แว่นทรงกลมอาจจะยังแอบอยู่แถวนี้ก็เป็นได้

          เดียร์เดินข้ามไปยังร้านกาแฟที่อยู่อีกฝั่ง แน่นอนว่าไม่ได้เข้าไปซื้อกาแฟ แต่เข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกับหนุ่มผิวเข้ม ที่แต่งตัวมิดชิดจนดูเหมือนคนโรคจิตก็มิปาน

          “นายรู้ได้ไง…เอ๊ย แกเป็นใครมานั่งโต๊ะฉันทำไม” ดรตะคอกเสียงเบาก่อนจะพยายามขยับแว่นดำพร้อมบ่ายหน้าไปทางอื่น

          “ผมว่าถ้าจะปลอมตัว อย่างแรกที่พี่ต้องทำคือเลิกใส่แว่นดำนั่น หาวิกทรงผมปกติมาใส่ แล้วถ้าให้ดี ถ้าพี่เปลี่ยนสีผิว รับรองว่าต่อให้เป็นคุณชา รับรองว่าเขาก็จำพี่ไม่ได้แน่ครับ” เด็กหนุ่มแนะนำด้วยรอยยิ้มละไมชวนหลง จนดรลืมรังเกียจ “ผมแค่อยากรู้ว่าเมื่อกี้ตอนที่พี่วินมา มีใครน่าสงสัยมาทำอะไรแถวร้านไหม แล้วคนนั้นตามผมตั้งแต่ออกจากบ้านหรือเปล่า”

          ส่วนหนึ่งที่ดรชะงักคือ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องนี้ อีกส่วนคือ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเผลอเคลิ้มไปกับรอยยิ้มประดุจนางฟ้านั่น

          “มี มาถ่ายรูปซะเพียบ ระวังตัวหน้าดูเลยล่ะ ใส่เสื้อปิดหน้าปิดตา พอฉันเดินเข้าไปนิดเดียว มันก็รู้ตัวหนีไปซะก่อน” และเนื่องจากอยากให้เดียร์ไปได้ดีกับสิทธิ์ เลยยอมบอก เผื่อว่าอาจจะช่วยอะไรได้ “หรือจะเป็นพวกไอ้ธานินทร์”

          “ถ้าตั้งแต่ที่บ้านก็คงธานินทร์นั่นล่ะครับ” นางฟ้าปีกมารตอบ “เรื่องที่มีคนมาแอบถ่ายรูป พี่ดรคงเอาไปบอกคุณชาสินะครับ”

          เขาอาจจะนึกกลัวก็เป็นได้ ถ้าไม่หลงใหลไปกับรอยยิ้มนั่น ก็เล่นรู้ทันเสียขนาดนั้น

          “ถ้าอย่างนั้น บอกแค่ว่าคนๆนั้นถ่ายรูปแค่แถวหน้าบ้านผมได้หรือเปล่าครับ”

          “ทำไมล่ะ” เขาว่าเขาก็ท่องไว้ในใจทุกสามเวลาเช้ากลางวันก่อนนอนแล้วนะ ว่าไอ้เด็กบ้านี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เขารังเกียจ แต่ไม่รู้ทำไม ใจมันเต้นแรงพิกล แถมยังรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดทุกครั้งที่คุยกันด้วย เล่นเอาสิ่งที่ยึดมั่นอยู่ในใจชักสั่นคลอนขึ้นมาหน่อยๆ ยังดีที่ใบหน้าของวินกับสิทธิ์และชาช่วยให้ดรยังคุมสติอยู่ได้

          แต่ก็ชักจะไม่แน่ใจหน่อยๆแล้ว ตอนเห็นดวงตากลมที่ดูติดเศร้าเล็กน้อยรื้นไปด้วยน้ำตานั่น

          “ผมไม่อยากให้คุณชาเขากังวลเกินเหตุน่ะสิครับ แค่ต้องมาจัดการพี่วิน เขาก็คงลำบากจะแย่แล้ว แถมมาที่นี่ก็ต้องหาทางไปแก้หน้ากับคุณแม่มาริสาอีก เดี๋ยวเขาจะคิดมากจนเป็นไมเกรนอีกแน่ พักหลังเขามาปรึกษาผมบ่อยเลยนะครับว่ามีอาการปวดหัวมานานแล้ว ไหนจะเป็นโรคเครียดลงกระเพาะอีก นี่ยังไม่รวมถึง…” เด็กหนุ่มเบาเสียงลง ทำหน้าเหมือนกำลังพูดเรื่องชวนลำบากใจ “เห็นบ่นๆว่าช่วงนี้ก็บางๆลงไปเยอะอยู่เหมือนกันนะ นี่ถ้ายังคิดมากต่อไปมีหวังล้านก่อนสี่สิบแน่ครับ”

          สำลักคาปูชิโน่ที่เพิ่งกระดกลงคอออกมาทันที นึกสภาพตามแล้วเขาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าควรจะสยองหรือเป็นห่วงดี แต่ดรคิดว่าหน้าตาอย่างชา ต่อให้ไม่เหลือสักเส้นก็คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่กระมัง

          “เข้าใจแล้ว” ถึงจะกลัวๆ แต่นึกแล้วก็ชักเป็นห่วงตามจริงๆ “แต่…จะดีหรือ มันจะไม่เป็นอะไรหรือไง…”

          “เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมจะเป็นคนจัดการเอง”

          ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่คิดจะทำหรอก ไม่อย่างนั้นแผนป่นปี้หมด อย่างน้อยชาก็เป็นคนที่เดียร์เบื่อจะรับมือด้วยเพราะพ่อหน้านิ่งแกค่อนข้างจะรู้ทันเขา แล้วเขาก็ขี้เกียจมานั่งคิดแผนใหม่ด้วย ไอ้คนอยากให้เร่งก็เร่งไม่คิดถึงใจคนวางแผนบ้างเสียเลย

          “แต่พี่ดรต้องอดทนกับสิ่งที่จะเกิดนะครับ อย่างน้อยก็เพื่อพี่วิน” เดียร์เป่าหูเพิ่มไปอีกหน่อยเผื่ออีกฝ่ายสะกิดใจกับเหตุผลก่อนหน้านั้น “ไม่อย่างนั้น พี่วินต้องคอยกีดกันไม่ให้ผมสมหวังไปตลอดชีวิตแน่”

          “ฉันรู้น่า ไม่ต้องมาย้ำหรอก” ดรสะบัดเสียงใส่ “นายน่ะ ไปๆได้แล้วเหอะ”

          “ดีจัง ได้ยินแบบนั้นผมก็วางใจ” เดียร์บอกพร้อมกับยิ้มแล้วถอนใจออกมา “ถ้าอย่างนั้น ผมไปก่อนนะครับ อย่าลืมที่ผมแนะไปล่ะครับ ผมกลัวพวกธานินทร์จะจับได้ว่าเป็นพี่เข้านะ”

          หลังจากที่อีกฝ่ายออกไปจากร้าน ดรก็เริ่มสำรวจตัวเองทันที

 

          ทันทีที่กลับถึงบ้าน เดียร์ก็คิดว่าอย่างน้อยๆสิทธิ์ก็น่าจะหงุดหงิดใส่เขาอะไรแบบนี้ เพราะผลจากเมื่อกลางวันดูแล้วน่าจะทำให้ร่างสูงไม่พอใจนัก แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการเมินเสียอย่างนั้น แถมไม่ใช่เมินธรรมดา แต่เล่นหนีหน้าเหมือนเห็นเด็กหนุ่มเป็นขี้หมาเลยทีเดียว

          ไหงงั้น…มันก็ระทึกใจดีอยู่หรอก แต่ถ้าเป็นไปได้อยากได้แรงๆกว่านี้ง่ะ

          “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นตอนกลับมาก็ท่าทางปกตินี่ หรือว่ามีอะไรกัน” คนที่ไม่รู้เรื่องราวพูดขึ้นหลังจากที่สิทธิ์วิ่งหนีขึ้นห้อง สีหน้าดูจะสงสัยเอาการ แต่เพียงไม่นานก็แสดงอาการเหมือนนึกบางอย่างที่สำคัญออก “จะว่าไป เหมือนเมื่อตอนกลางวันนายจะปลุกฉันใช่ไหม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

          หวยลงที่ตูตลอด…ถ้ากลัวว่าความจะแตก แกก็ช่วยฉันสิวะไอ้หมาเดียร์

          “น่าจะเป็นเรื่องเมื่อกลางวันมั้งครับ วันนี้พี่วินไปหาที่ร้านตอนที่คุณสิทธิ์อยู่ด้วยน่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเหมือนเป็นเรื่องสามัญธรรมดา ในขณะที่คนฟังหน้าหวอ

          “แล้วระเบิดไม่ลงเรอะ”

          “จะลงได้ไง ไม่ได้เจอหน้ากันนี่” ก้องอดอารมณ์เสียใส่ไม่ได้ และนั่นก็ทำให้เขาได้รับความรักอันแหลมคมทิ่มแทงเข้ามาด้วยสายตา “ก่อนที่คุณวินจะเข้ามาเจอ คุณสิทธิ์ก็รีบหนีไปก่อนน่ะ…อย่าถามฉันเลยนะ”

          ฤทธิ์ไม่ได้ถามต่อ เพราะคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่สมควรพูดต่อหน้าเดียร์

          “งั้นหรือ…งั้นก็ดีไปนะ…” หนุ่มตาตกเอ่ยด้วยสีหน้าดีใจแต่ฝืนเสียจนเห็นได้ชัด จากนั้นก็กลับไปดูทีวีเหมือนเดิม แต่ท่าทางยังคงกังวลไม่หาย

          เมื่อคนกวนไม่ว่าง เดียร์เลยหันไปหาก้องหวังจะถามเรื่องเมื่อกลางวัน แต่ไม่ทันได้มองหน้า มือหนาก็ดึงแขนเขาลากไปหลังบ้านอย่างรวดเร็วและรุนแรงด้วยความเงียบเชียบ ยังดีที่เสียงในทีวีมันดัง ก้องเลยไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะได้ยินพวกเขาพูดด้วย

          “อย่าทำหน้าพรรค์นั้น ฉันไม่สนุก” ก้องบอกหลังจากเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของเด็กหนุ่ม เขาพยายามที่จะไม่สะบัดร่างอีกฝ่ายไปด้วยความหงุดหงิด เพราะมันจะยิ่งเข้าทางอีกฝ่ายเปล่าๆ

          “ครับๆ งั้นเข้าเรื่องเลยดีกว่า ทำไมวันนี้คุณสิทธิ์เป็นอะไรทำไมทำตัวแปลกแบบนั้นล่ะครับ พี่บอกเหตุผลตามที่ผมบอกให้หรือเปล่า”

          “ฉันก็บอกไปตามตรงแล้ว แรกๆก็ยังดีอยู่ แต่ไม่รู้เป็นอะไรเกิดอยากเปลี่ยนใจไม่เอาด้วยขึ้นมา สงสัยจะเกิดนึกสงสารเธอกลางคันมั้ง ปกติของเขานี่” พอหงุดหงิด อะไรที่ทำไม่ค่อยจะเก่ง มันก็ลื่นไหลไม่มีสะดุด “…แต่ที่แน่ๆ นายต้องเลิกยั่วโมโหหาเรื่องให้คุณสิทธิ์ทำร้ายนายได้แล้ว”

          “เอ๋!...เอ๊ย ทำไมล่ะครับ” เขารึอุตส่าห์กะจะไปหาเรื่องเก็บดอกเมื่อตอนกลางวันสักหน่อย เจอแบบนี้เสียอารมณ์จนพุ่งออกมาทางสีหน้าเลยทีเดียว

          “แล้วหลังจากจบเรื่องนี้ นายคิดจะเอายังไงกับคุณสิทธิ์ต่อละ จะคบต่อเรอะ”

          “โอ๊ย ไม่เอาหรอกครับ” ตอบเร็วเสียจนก้องรู้สึกสงสารสิทธิ์ขึ้นมาจับใจที่ดันหลวมตัวนึกชอบไอ้เด็กมาโซฯโคตรใจร้ายนี่ “เขาเป็นคนธรรมดานี่นา ต่อให้ผมชอบเวลาโดนเขาใช้ความรุนแรงก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา ถ้าคบจริงๆจังๆ ผมว่าเขาต้องหาเรื่องขอโทษผมเอาเป็นเอาตายแล้วจากนั้นคงกะจะถนอมผมประดุจไข่ในหินแน่ๆ แบบนั้นมันต่างอะไรกับพี่วินล่ะครับ ถ้าจบเรื่องแล้วผมก็คงพยายามทำเป็นว่าโกรธแล้วไม่อยากเจอหน้าต่อก็พอมั้งครับ คุณสิทธิ์เองก็คงน่าจะโอเคกับทางนี้มากกว่าด้วย”

          “ถ้าอย่างนั้น ฉันว่านายน่าจะเลิกหาผลประโยชน์ใส่ตัวได้แล้ว รู้หรือเปล่าว่าคุณสิทธิ์เขากลุ้มที่ต้องมาทำร้ายนายจะแย่อยู่แล้ว” เขาก็พูดจริงนะ เรื่องที่ว่าพ่อหมีแกกำลังกลุ้มน่ะ ถึงสาเหตุจะไม่ใช่ก็เหอะ “ในเมื่อนายรู้ว่าเขาเป็นคนธรรมดา นายก็ควรจะเลิกฝืนให้เขาทำตามใจเธอสักที มันไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากกว่านี้แล้วนี่ นายก็ทำเป็นว่าอยู่ในอาณัติอย่างจำยอมต่อคุณสิทธิ์แล้ว ก็ไม่เห็นจะต้องทำมากกว่านี้เลย จริงไหม อย่างน้อยก็เห็นใจคุณสิทธิ์ที่ไม่ได้เป็นเหมือนพวกเราหน่อยเถอะ”

          “นั่นสินะ ช่วยไม่ได้แฮะ” ก้องแทบจะกระโดดตอนที่ได้ยินเสียงหวานตอบ แม้ท่าทางจะตอบอย่างเสียมิได้เท่าไหร่ก็ตาม “งั้นก็คงต้องรบกวนพี่ก้องแทนละกันครับ”

          ยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว และไม่ต้องถามเขาก็พอเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง

          “ผมคงไม่มีเวลาไปหาเศษหาเลยที่ไหนได้ด้วย จะให้คุณพี่ฤทธิ์ช่วยก็ไม่ได้แล้ว ก็เหลือแต่พี่นี่ล่ะครับ” ไม่ว่าเปล่ามีการเอามือมาตบไหล่ด้วยรอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้สึกหนาวชอบกล “เพื่อคุณสิทธิ์ใช่ไหมล่ะครับ”

          แม่ง ขู่ตูอีก รู้แล้วว้อย จะจัดหนักให้ถึงใจแกเลย

 

          เราเป็นคนธรรมดา…เป็นแค่คนธรรมดา…ไม่ได้ชอบอะไรวิปริตพรรค์นั้นสักหน่อย

          สิทธิ์นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาเรียวเพ่งมองตัวเองในบานกระจกของประตูตู้เก็บเสื้อ จากนั้นก็นิ่วหน้า แล้วก้มมองพื้นอย่างหดหู่

          ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ได้ชอบ

          แล้วทำไมถึงไม่ลบรูปหมอนั่นออกไปเล่า!!!

          พอเห็นรูปที่ถ่ายเก็บไว้ในมือถือทีไรก็ลบไม่ลงสักที และนั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ ถ้าเป็นรูปถ่ายของอีกฝ่ายตอนเวลาเขาเต็มใจก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ทั้งหน้าเจ็บปวดทั้งน้ำตาและน่าอาย แถมยังเป็นการทำลายศักดิ์ศรีอีก แต่ไม่รู้ทำไม้ทำไม ดูทีไรใจมันกระชุ่มกระชวย เลือดสูบฉีดแรง และทำใจลบไม่ลงสักที

          ม่ายยยยย

          สิทธิ์ขว้างมือถือ และด้วยความห่วงกลัวมันพังเลยขว้างลงบนที่นอนแทน ซึ่งนั่นก็ไม่ช่วยให้เขาได้บรรลุความสำเร็จได้สักที

          ก็แค่ลบรูป มันจะอะไรนักหนา ขืนไม่ลบนี่สิที่จะมีเรื่องจริงๆ

          รู้ทั้งรู้แต่ก็ทำไม่ได้สักที จนท้ายที่สุดก็ได้แต่มานั่งกลุ้มต่ออยู่ที่ปลายเตียง

          “เราไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น…ไม่เอาแบบนั้น” ชายหนุ่มเริ่มทำการสะกดจิตตัวเอง “เขาเองก็คงไม่เอา…”

          …

          นั่งนิ่งอยู่เกือบสิบนาทีก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

          ก็เราไม่คิดจะคบเดียร์ต่อไม่ใช่หรือไงวะ แล้วทำไมเราต้องนึกอยากทำตัวให้เขาพอใจด้วยล่ะฟะ

          คิดได้แล้วก็รู้สึกเสียดายเป็นล้นพ้นที่ดันตอบตกลงกับก้องไป อย่างน้อยเขาก็คิดว่าถ้าทำให้สะใจไปเลย อาจจะช่วยให้อะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจมันออกไปก็เป็นได้ แต่คำขู่บวกกับเหตุการณ์ตัวอย่างของก้องก็ดันน่ากลัวเกินกว่าเขาจะกล้าเปลี่ยนใจขอลองใหม่เสียด้วย

          ไม่สิ…ถึงจะไม่ใช่หมอนั่น แต่เราก็ต้องอดทนเพื่อป้องกันการกลายเป็นพวกจิตเสื่อมไม่เลือกคนนี่หว่า เพื่อชีวิตรักที่ปกติสุข แม้จะไม่ใช่กับเดียร์ก็ตามนี่นา…เพราะฉะนั้น ลบ!! ต้องลบเดี๋ยวนี้!

          เมื่อตัดสินใจได้ก็หยิบมือถือหมายจะลบไฟล์ที่ไม่มีความจำเป็นออกจากระบบเป็นครั้งที่หกสิบสี่ ดวงตาเรียวหรี่มองหน้าจอบนมือถือของตนเองราวกับยังลังเล แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้สักที

          “เฮ้อ” ราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก สิทธิ์ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างคนหมดแรง ก่อนจะทำหน้าเครียดแล้วลุกขึ้นมา

          ทีนี้ก็เหลือแค่ในโน้ตบุ๊คต่อล่ะ…

________________________________
          ร้อนจนเขียนอะไรไม่ค่อยจะออกเลย =_= เอาหน้าหนาวกลับมาาาาาา

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ยอมรับซะเถอะว่าตัวเองมาโซ  :z1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยอมรับเถอะจะได้สมหวังสมสุขกันทุกคน

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 30
         
          “มีอะไร”

          ชาเอ่ยถามขึ้นหลังจากฟังรายงานวันนี้จากดรจบ แต่อีกฝ่ายก็ยังเอาแต่ยืนจ้องเขาไม่วางตาจนชวนให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจขึ้นมา

          คนโดนถามทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะหลบตา “ไม่มีอะไรหรอกครับ”

          หมาที่ไหนจะเชื่อ

          “ถ…ถ้าผมพูด สัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธ…” ดรรีบถามละล่ำละลักเมื่อเห็นสายตาคมทิ่มเข้ามา กลัวเหลือเกินว่าจะโดนชกก่อนได้พูดจบ

          มันก็ขึ้นกับเรื่องที่พูดน่ะนะ…แต่ลองพูดแบบนี้ไปแล้วใครมันจะกล้าพูด

          “ฉันไม่ใช่คนที่จะโกรธไม่มีเหตุผลนี่” หนุ่มหน้านิ่งตอบเสียงเรียบ “มีอะไรก็รีบๆพูดมา เราไม่ได้มีเวลาว่างกันมากนะ”

          เรื่องนั้นดรเองก็พอจะรู้ดี ถึงได้ต้องมารายงานเอาในเวลาจำกัดจำเขี่ยเพียงสิบนาที ในห้องน้ำของบริษัทตอนสองทุ่มแบบนี้นี่ล่ะ

          “ผมแค่อยากจะบอกว่า ถึงเรื่องในตอนนี้มันจะชวนเครียดมากยังไงก็อย่าเก็บมาใส่ใจมากนะครับ เดี๋ยวอะไรที่ไม่ควรจะเกิด มันจะเกิดก่อนวัยอันควร”

          คนฟังได้แต่เลิกคิ้วให้เพราะยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเท่าไหร่นัก

          “แต่ผมเชื่อนะครับ ว่าต่อให้คุณไม่เหลือผมสักเส้น คุณก็ยังดูดีแน่นอนครับ”

          เขาไม่ผิดนะ ก็มันเล่นมาจี้ใจดำกันนี่ คนยิ่งกำลังเครียดๆเรื่องนี้อยู่ด้วย

          “โทษที เห็นยุงมันจะกัดหน้านายน่ะ เห็นไหม ดูสิ ไม่อย่างนั้นเสียเลือดฟรีไปแล้วนะ” ชาบอกด้วยสีหน้าเหมือนเดิม พร้อมกับยกมือที่เพิ่งจะเอาไปประทับบ้องหูอีกฝ่ายขึ้นมา “อ้าว สงสัยจะตบไม่โดน โทษทีนะ”

          ดรได้แต่อ้าปากพะงาบๆ จะท้วงก็กลัวยุงบินมาเกาะหน้าอีกรอบ “มะ…ไม่เป็นไรครับ”

          “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปเถอะ ระวังตัวด้วยนะ ยุงมันเยอะ”

          ที่จริงเขาก็แค่อยากจะกลบเกลื่อนไอ้เรื่องที่มือลื่นเมื่อครู่ แต่ดูๆแล้วเหมือนจะไปขู่เสียมากกว่า เพราะทันทีที่พูดจบ คนฟังก็จากไปด้วยใบหน้าซีดเซียว แถมยังวิ่งออกไปอีกเหมือนกลัวจะโดนบ้องหูอีกรอบยังไงยังงั้น

 

          เสียงเรียกเข้าจากมือถือเรียกความสนใจให้กับผู้เป็นเจ้าของ และทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา สีหน้าที่มักจะนิ่งพลันของขึ้นทันที

          “ผมเดาว่าเวลานี้คุณน่าจะกลับถึงห้องแล้ว คงว่างคุยสินะครับ”

          “…แล้วทางคุณว่างโทรมาหาผมด้วยหรือครับ ไม่กลัวโดนจับได้หรือไง คุณเดียร์”

          “ได้ก็ดีสิครับ”

          น้ำเสียงนั้นช่างกระสันเสียจนคนฟังขนลุก ท่าทางอีกฝ่ายคงไม่ได้จัดให้ดังหวังเท่าใดนัก ถึงได้หงุดหงิดแบบไม่เก็บอาการขนาดนี้

          “ขอพูดสั้นๆละกันนะครับ วันพุธตอนบ่ายสาม เหมือนเดิม ผมจะไปคุยเรื่องคุณสิทธิ์”

          “หา แต่ผมมีงาน…”

          “ลาหยุดสิ ไม่เคยใช้วันลาเลยนี่ พี่วินให้อยู่แล้วล่ะ แค่นี้นะ”

          ยังไม่ทันจะอ้าปากท้วง ก็โดนตัดสายใส่เสียก่อน เลยได้แต่เบิกตามองโทรศัพท์ในมือด้วยความสงสัยปนตกใจ

          วางแผนบ้าอะไรอีกวะ

 

          “คุยกับใครน่ะ”

          ร่างบางกระตุกเมื่อได้ยินเสียงทุ้ม ใบหน้าเรียวหันมองไปยังชายหนุ่มด้านหลัง ดวงตากลมที่ตวัดมาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง หากแต่สิทธิ์กลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขายังคงยืนนิ่งเพื่อรอฟังคำตอบ

          “เปล่า…”

          เดียร์เอ่ยพร้อมกับก้มหน้าคล้ายไม่อยากจะมองนานนัก ทำเอาสิทธิ์หงุดหงิดขึ้น แต่กระนั้นก็พยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ไม่ให้ทำเรื่องบ้าบอที่หัวใจเรียกร้องอยู่ลึกๆ

          เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว เมื่อคนที่น่าจะเอ่ยปากประชดไม่ก็กระแนะกระแหนใส่ กลับทำแค่เพียงหันหลังกลับเข้าห้อง ไม่พูดอะไรเลย ไม่แม้แต่จะจ้องด้วยสายตาหงุดหงิดด้วยซ้ำ

          เขาก็รู้อยู่หรอกว่าที่ทำไปเมื่อครู่มันก็เหมือนกับเป็นการผิดสัญญากลายๆ และสิทธิ์เองก็ไม่ใช่พวกนิยมใช้ความรุนแรงกับคนที่ดูท่าทางอ่อนแอกว่าอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายอุตส่าห์เข้ามาหาเองทั้งที จะให้ปล่อยผ่านก็กระไรอยู่

          แต่ทั้งอย่างนั้นกลับเป็นฝ่ายถอยหนีเองซะงั้น…ก็ใช่ว่าไม่เข้าใจหรอก แต่มาจุดไฟแล้วชิ่งหนีแบบนี้มันขี้โกงนี่หว่า

          เมื่ออารมณ์ค้างเติ่ง จะให้ทำเฉยก็ไม่ไหว แต่จะวิ่งกลับไปให้เจ้าตัวช่วยก็ไม่ได้ เลยเหลืออยู่แค่ทางเดียว

          “เฮ้ย!”

          ก้องเกือบเบาเสียงตัวเองไม่ทันตอนที่ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดผาง หนุ่มใหญ่เผลอเบ้ปากเมื่อเห็นผู้มาเยือนที่แสดงอาการกระหายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน...ซึ่งน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก อาการอย่างกับซอมบี้ยังไงยังงั้น

          และสิ่งที่เดียร์ทำต่อจากนี้ยิ่งทำให้ก้องตกใจสุดๆ

          หนุ่มแว่นสะดุ้งโหยงกับสิ่งที่ตนทำลงไป ก้องขยับแว่นมองร่างบางที่ตนเพิ่งผลักออกไปเต็มแรงเสียจนกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างจัง ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรอย่างที่เห็น แถมยังกำลังทำหน้าฟินเสียจนแลดูขยะแขยงอีกต่างหาก

          “นาย…ทำบ้าอะไร” ก้องกดเสียงถามด้วยความคั่งแค้นที่โดนขโมยจูบ
         
          “ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้น ผมจะได้ความรุนแรงแบบนี้เหรอ” ไม่ว่าเปล่า มีทำตาเยิ้มเลียปาก พร้อมกับลูบอกตัวเอง “พี่บอกเองนี่ว่าจะช่วยผม ตอนนี้ก็ได้เวลานั้นแล้วนะ”

          อยากไม่รู้เวลาจริงๆพ่อคุณ

          แต่ก่อนที่จะได้จัดให้สมใจ สิ่งแรกที่ก้องทำคือ ปิดประตูแล้วรีบกระชากเดียร์ยัดใส่ใต้เตียง จากนั้นก็เอาผ้าห่มมาปิดไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าของฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามาในห้องจะเห็นความจริงที่ชวนตีความได้หลากหลายนี่

          “เกิดอะไรขึ้น” ฤทธิ์เปิดประตูเข้ามาถามหน้าตื่น เมื่อดวงตาตกสำรวจคนในห้องก็ต้องนิ่วหน้า “ร้องทำไม”

          “พอดีฉันลื่นนะ เลยเผลอร้องไป โทษทีที่ทำให้ตกใจนะ” พอเห็นผ้าห่มที่ตนปัดมาจนเกือบหล่นพื้นก็รีบพ่นคำโกหกใส่ทันที แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่นัก

          “ถ้าแค่ลื่น ทำไมมีเสียงเปิดปิดประตูล่ะ”
         
          ฉันชอบเวลานายคาดคั้นนะ แต่ไม่เอาเรื่องนี้ได้ไหมเนี่ย

          ฤทธิ์เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่อยู่ๆก็ก้มหน้าเงียบไป แต่ยังไม่ทันจะถามต่อ อีกฝ่ายก็โผเข้ามาดั่งคนไร้เรี่ยวแรงจนฤทธิ์อ้าแขนไปรับอย่างลืมตัว

          ?

          ถึงจะตกใจกับจูบที่เขามาแบบสายฟ้าแล่บ แต่คนโดนก็ไม่มีทีท่าว่าจะขืนหนี ปล่อยให้หนุ่มแว่นสุขสมจนหนำใจ เพราะยังไม่เข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้

          “แหม ความแตกจนได้…ที่จริงฉันทำไปเพราะอยากจะให้นายมาหาหรอก…” ก้องเอ่ยเสียงหวานพลางลูบริมฝีปากคนที่กำลังยืนนิ่งเป็นหิน “แบบว่า ฉันอยากจังเลย อู้สักชั่วโมงไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง…น้า”

          กลับมาได้สติแล้ว ถึงจะช้าไปมากก็ตาม

          “บ้าเรอะ”!!!!” ฤทธิ์ร้องเสียงหลงพร้อมกับผลักหนุ่มแว่นออกไปเต็มแรง ก่อนที่จะโดนล่วงล้ำเข้ามายังปราการเบื้องล่าง แม้ก่อนหน้านี้จะเผลอให้ลูบคลำตามใจชอบอยู่นานสองนานแล้วก็ตาม “ถ้าอยากนัก ก็ไปรูดเอาเองโน่น ฉันไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์ด้วย”

          ว่าจบก็ออกไปพร้อมกับปิดประตูเสียลั่นเหมือนไม่กลัวว่าสิทธิ์จะได้ยินแต่อย่างใด ก็ใครจะไปคิดกันว่า ไอ้คนท่าทางเฉื่อยแฉะ ไม่เคยจะเอ่ยปากขอแบบโจ่งแจ้งก่อนเลยสักครั้งตั้งแต่คบกันมา อยู่ๆดันมาหื่นออกนอกหน้า แถมยังทำท่ายั่วซะขนาดนั้น ใครจะไม่ตกใจบ้าง

          ฤทธิ์เหลือบมองทางที่ตนเพิ่งเดินหนีมา ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจหรอก เพราะตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เวลาส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะมี ขนาดเขาเองยังนึกอัดอั้นบ้างเลย เพียงแต่ก็อดทนเพราะงานหรอก แต่ไหงคนที่อดทนเก่งอย่างเจ้าแว่นนั่นกลับสติแตกก่อนเขาได้ยังไงกันล่ะนี่

          ชายหนุ่มยืนนิ่งจนใบหน้าที่แดงระเรื่อกลับมาเป็นปกติ คิดอยู่นานก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

          คงไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษหรอกมั้ง…

 

          “โอ้ นั่นเป็นวิธีเรียกร้องความรุนแรงแบบละมุนละม่อมจากพี่ฤทธิ์งั้นสินะ”

          เพลิดเพลินจำเริญใจกับแรงผลักและน้ำเสียงเกรี้ยวกราดได้ไม่ถึงห้าวิก็ต้องกลับมาอารมณ์เสียทันทีเมื่อได้ยินเสียงผีจากใต้เตียง ก้องหรี่ตามองไอ้เด็กบ้าที่ทำหน้าระรื่น ซึ่งชวนยั่วโมโหเป็นอย่างยิ่ง แม้ลึกๆจะนึกขอบใจมันเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ตาม

          “ไม่ต้องยุ่งกับฤทธิ์นักหรอกน่า” ก้องตัดบทอย่างรำคาญ ไม่เคยนึกหึงแฟนตัวเองมากเท่านี้มาก่อน แน่ล่ะ ก็คู่ต่อสู้มันกระดูกคนละเบอร์กับตัวเองนี่นา “นายเองก็เถอะ จะอยากทำไมไม่บอกกันก่อนวะ อยู่ๆมาปุบปับ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก”

          “ช่วยไม่ได้นี่ ผมทนไม่ได้แล้ว” พอออกมาก็เอ่ยเสียงเข้มเสียจนคนโกรธชักเริ่มกลัวแทน “เร็วๆ ผมพยายามอดทนเพื่อพวกคุณอยู่นะ ขอแบบแรงๆ เอาแบบอยู่ได้สักสามสี่วันยิ่งดี ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”

          ช่างเป็นคำขู่ที่ชวนให้ลังเลว่าควรจะกลัวหรือไม่ได้ดีจริงๆ

          “เออ รู้แล้วน่า” หนุ่มแว่นกระแทกเสียงใส่ ก่อนจะเดินไปหยิบเชือกฟางออกมาจากลิ้นชัก “ว่าแต่นายเหอะ เรื่องแผนน่ะ ถึงไหนแล้ว”

          เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้ามึนตึงใส่ เลยซัดเข้าชายโครงให้หนึ่งดอก

          “ก็รีบอยู่ล่ะครับ เหลือแต่ปัดเสี้ยนหนามทิ้งก่อน” เดียร์ตอบอย่างระทดระทวย ไม่ชวนให้รู้สึกเห็นใจแม้แต่นิดเดียว “จะได้มั่นใจว่าจากนี้ไปคงจะไม่มีทางมาขัดขาได้อีก”

          “เสี้ยน?...ใครมันฉลาดพอจะมาขวางแผนนายได้” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความแปลกใจ “ฉันต้องจัดการด้วยหรือเปล่า”

          “ไม่ต้องถึงมือพี่หรอก ผมก็แค่กันเขาไว้มาใช้เป็นไพ่ใบสุดท้ายเท่านั้นเองครับ ปล่อยเป็นหน้าที่ผมเถอะ…อย่าหยุดมือสิ เอาข้างหลัง ตรงนี้ๆ อ๊า…ตรงนั้นล่ะๆ อา…”

          ก้องชักอยากจะร้องไห้ ไม่รู้ตกลงใครทรมานใครกันแน่

 

          สิทธิ์แง้มประตูออกมาจากห้องตอนตีสี่ ซึ่งตอนนี้คงไม่มีใครตื่นนอกจากฤทธิ์ และแน่นอนว่าคนคุ้มกันก็ขึ้นมาทันทีอย่างรู้งาน และหูผีเสียจนน่าสยอง

          “เอ่อ ผมแค่นอนไม่หลับ ไม่มีอะไรหรอกครับ ถ้าได้ยินเสียงประตูเปิดๆปิดล่ะก็ ผมเอง”

          เมื่อเจ้านายบอกแบบนั้น ลูกน้องก็กลับลงไปเฝ้าต่อ

          พอแน่ใจว่าอีกฝ่ายลงไปแล้ว สิทธิ์ก็ดอดไปเปิดประตูห้องตรงข้ามทันที

          ในห้องมืดสนิทอย่างที่ควรเป็น ร่างบางนอนนิ่งอยู่บนเตียง เสียงแอร์ดังอย่างสม่ำเสมอ ช่วยกลบเสียงประตูและเสียงฝีเท้าของสิทธิ์ได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มค่อยๆย่องเข้าไปด้านใน อาศัยแสงไฟจากทางเดินด้านนอกส่องพอให้เห็นสภาพภายในบ้าง

          หือ…

          สิทธิ์ยกเท้าขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเหยียบเข้ากับของแข็งและเล็ก คิ้วหนามุ่นเข้าหาเมื่อพบว่าสิ่งที่ตนเหยียบนั้น มันไม่ควรจะอยู่ในห้องนอน

          กรวดสี?

          ชายหนุ่มเผลออ้าปากค้าง เพราะจะบอกว่าทำความสะอาดไม่ดีก็คงไม่ใช่ บ้านนี้ก็ไม่ได้จัดสวนแบบใช้กรวดสีด้วย

          …สงสัยซื้อมาทำงานฝีมือแล้วทำหล่นล่ะมั้ง…

          คิดได้ดังนั้นก็กลับมาสนใจเป้าหมายเดิมต่อ ร่างสูงหันมองไปรอบห้อง เมื่อเห็นมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กที่มุมห้องก็รีบเข้าไปคว้าทันควัน แต่แล้วก็ต้องผิดหวังแล้วหนีกลับห้องตัวเองอย่างเงียบเชียบ

          “บ้าเอ๊ย มือถือก็ดันมีรหัสอีก” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย ความหวังที่จะได้รู้ว่าเดียร์โทรหาใครเป็นอันหมดกัน “โทรหาใครกันนะ…”

          ถ้าเป็นไอ้หมาหน้าแว่น รับรองว่าคงไม่มีทางสงบสุขจนถึงตอนนี้แน่…หรือจะเป็นเพื่อน…

          สิทธิ์นิ่วหน้า เมื่อนึกถึงคนที่เขาควรจะนึกออกแต่แรก คนที่น่าจะเป็นห่วงและอาจจะรู้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีของเดียร์ แต่ก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ…คนที่เป็นคนพิเศษกว่าใครสำหรับเดียร์…

          หรือว่า…




________________

ร้อนจุง นี่จะมิถุนา แต่ก็ยังร้อนจุง....อยากเห็นฝนตกทุกวัน =[]=!!

ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หรือว่าO[]O???? เดียร์เมื่อไรแกจะได้ฟินอย่างจริงจังซักทีนะ ถถถ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
รู้สึกว่าสั้นไปหน่อยนะ  :mew2:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
หึหึหึหึหึ จงลากเข้าลัทธิ  SM ซะ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 31
         
          ชานิ่วหน้าเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วบริเวณในห้างสรรพสินค้าตรงหน้าร้านขายไก่ทอด ก่อนจะทิ้งตัวลงไปยังม้านั่งหน้าร้านเมื่อคนที่นัดไม่มาสักทีก็เริ่มร้อนใจ แม้ความจริงแล้วตนจะมาก่อนเวลาถึงสิบห้านาทีก็ตาม

          วางแผนอะไรไว้วะ

          เขาอาจจะไม่กังวลมากก็ได้ ถ้าเดียร์ไม่จงใจนัดเอาวันนี้เพราะวันนี้เป็นวันที่วินไปตรวจงาน และสถานที่ที่วินไปนั้นก็เป็นที่เดียวกับที่ดรเฝ้า เพราะฉะนั้น วันนี้ดรจึงต้องกลับไปเฝ้าบ่อนเพื่อไม่ให้วินผิดสังเกต เลยกลายเป็นว่าวันนี้เขาต้องมาโดยไม่มีคนช่วยดูต้นทางให้เลย

          “อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวก็หมดหล่อหรอก”

          ชาแสดงอาการหงุดหงิดแบบไม่ปิดบังใส่ทันทีที่เห็นหนุ่มน้อยหน้าหวานเดินโบกมือเข้ามาหา ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมือนเขากับไอ้เด็กผีนี่เป็นคนรักยังไงยังงั้นซึ่งยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่

          “ช่วยบอกผมให้ฟังได้ไหมครับว่าวันก่อนเกิดอะไรขึ้น แผนมันถึงได้ล่มกัน หา”

          “คือคุณสิทธิ์เปลี่ยนใจกะทันหันน่ะครับ ผมก็ไม่รู้สาเหตุจริงๆหรอก แต่เห็นว่าเพราะสงสารผม…คงกลัวผมเสียใจที่ทำให้พี่วินเดือดร้อนมั้ง” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน หากแต่คนฟังทำท่าจะบีบคอเขาอยู่รอมร่อ “เพราะงั้น คงต้องใช้แผนต่อไปแทนแล้วล่ะ”

          ตกลงแกมีแผนสำรองไว้กี่โหลวะ

          “ขอให้มันได้ผลเถอะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะหมดความอดทนแล้วจะไปจัดการไอ้นินมันตรงๆแล้ว” ชาเอ่ยเสียงเครียด “ว่าแต่คุณคิดอะไรอยู่ ถึงได้เจาะจงนัดผมมาวันนี้น่ะ ไม่ใช่ว่าวางแผนอะไรไว้อีกหรอกนะ

          “แหม เชื่อใจกันบ้างสิครับ ที่เจาะจงเพราะผมกลัวว่าตอนคุยกับคุณจะหลุดทำสีหน้าประหลาดๆออกมาให้พี่ดรเห็นต่างหาก” ไม่ว่าเปล่า มีทำเขินอายใส่ แต่ชามองปราดเดียวก็รู้ว่ามันทำหน้าแบบนั้นเพราะอะไร “แบบว่าอยากจะถามว่ามีอะไรดีๆพอมาแบ่งปันบ้างไหมครับ พอดีต้องเพลาๆเรื่องยั่วโมโหคุณสิทธิ์เขาน่ะ ขอแบบทำที่บ้านได้นะ”

          ว่าแล้ว

          “ไอ้มีก็มีอยู่หรอกครับ แต่คุยธุระให้จบก่อนเถอะ” หนุ่มหน้านิ่งติงเสียงเรียบ “แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อล่ะ”

          “งานนี้คงหนักหนาสาหัสกับคุณชามากเลยล่ะครับ เพราะงั้น ผมหวังว่าคุณจะทำไหวนะ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะแย่กันหมด” เดียร์พูดด้วยสีหน้าสบายๆทั้งที่คำพูดไม่เข้ากันเลยสักนิด “อย่างแรกสุดคือคุณต้องเชื่อใจผม”

          หน้าเบี้ยวกันเลยทีเดียว ให้โดดลงกลางมหาสมุทรแปซิฟิกยังจะทำง่ายเสียกว่า

          “ผมไม่คิดจะทำลายความสุขคุณหรอก ดีเสียอีกถ้าพี่วินจะยุ่งอยู่แต่กับคุณ” เด็กหนุ่มเริ่มเกริ่นในสิ่งที่ทำให้คนฟังกังวลหนักกว่าเดิม “เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ช่วยเชื่อใจผมจะได้ไหมล่ะครับ คิดเสียว่าเพื่อพี่วินก็ได้”

          ถ้าไม่ตะล่อมเก่ง ฉันอาจจะยอมเชื่อง่ายกว่านี้ก็ได้

          “ก็ลงเรือลำเดียวกันมาแล้วนี่ครับ ที่ผมยอมขนาดนี้ยังไม่เรียกว่าเชื่อใจอีกหรือไง” ชายหนุ่มถอนหายใจ “แล้วตกลงผมต้องทำอะไรบ้างล่ะ”

          ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

          “ผมบอกแล้วไงครับว่าให้เชื่อใจผม” เดียร์บอกเมื่อโดนถลึงตาใส่ “ที่คุณต้องทำ ก็แค่อดทน แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นก็พอครับ”

          ชาทำหน้าปั้นยาก แม้จะไม่อยากเลยสักนิด แต่เขาจะทำอะไรได้

          “เข้าใจแล้ว” เขาตอบอย่างเสียมิได้ “งั้นผมกลับก่อนล่ะ อยู่นานไปคงไม่ดี เกิดลูกน้องไอ้นินมาเห็นเข้าคงจะแย่”

          “เดี๋ยวสิครับ ไหนว่าจะบอกเรื่องนั้นไง” เสียงหวานเอ่ยรั้งพร้อมกับทำหน้าจะร่ำไห้ แต่คนมองกลับรู้สึกสยองสุดตัว ต่อให้เป็นสายเดียวกันยังไงก็เถอะ อีกฝ่ายมันขั้นสูงเกินไป แถมยังแสดงออกให้เขาเห็นมากเกินไปด้วย “ได้โปรดเถอะครับ ผมจะลงแดงตายอยู่แล้ว”

          “เข้าใจแล้วครับ แล้วคุณจะร้องไห้ทำไมเนี่ย!”ชากดเสียงต่ำด้วยความตื่นตระหนก และยิ่งช็อกกว่าคือไอ้เด็กตรงหน้ามันโผเข้ามาซบอกตัวเองด้วยนี่แหละ แล้วจะให้เขาผลักออกต่อหน้าสาธารณชนก็ใช่ที่ เลยได้แต่กำหมัดระบายความโกรธออกมาแทน “รีบๆออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะครับ แค่คิดว่ามีคนเข้าใจผิดว่าเราเป็นแฟนกันไปไม่รู้ตั้งกี่คน ผมก็ผื่นขึ้นจะแย่อยู่แล้วครับ”

          “ฮะๆ ขอโทษนะครับ พอดีอัดอั้นไปหน่อย” ใบหน้าเปื้อนน้ำตาผละออกมาระบายยิ้มให้ “อยู่กับคุณสิทธิ์แล้วผมอึดอัดมากเลย ยิ่งตอนนี้เขาไม่ทำอะไรผมเลยด้วย ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”

          “อ่า…ครับ” ชาตอบแบบขอไปทีเพราะง่วนอยู่กับการเช็ดคราบน้ำตาบนเสื้อ “ถ้างั้นเย็นนี้ผมจะส่งข้อความไปแทนละกัน…ผมส่งให้แน่ ไม่ต้องห่วง รอรับได้เลย ผมไปก่อนละกันอยู่นานไปคงไม่ดี”

          “ครับ ไปเถอะ” เด็กหนุ่มโบกมือลาด้วยรอยยิ้มหวานพลางปาดน้ำตา ในขณะที่คนจากไปเดินหนีด้วยความไวแสง เดียร์ยังคงโบกมือจนกระทั่งชาหายลับออกไป เขาจึงหยุด และเบนสายตาไปยังทางอีกฝั่ง ก่อนจะยิ้มพราย

          ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อดทนไว้นะครับ~

 

          “ว่าไงครับ เป็นไงมั่ง”

          ก้องนิ่วหน้ามองคนถามด้วยความข้องใจ ทีแรกที่เห็นสิทธิ์ลนลานเข้ามาหาถึงห้องนอน เขาก็นึกว่าจะมีเรื่องอะไรเสียอีก แต่กลับสั่งให้ตามเดียร์ออกไปเพื่อดูว่าอีกฝ่ายไปพบใครเสียอย่างนั้นซึ่งทำให้หนุ่มใหญ่ที่กำลังกังวลว่าเจ้านายแสนดีจะเผลอตกหลุมเดียร์ เริ่มกลัวหนักกว่าเดิม เพราะไอ้ที่สั่งให้ทำนี่ ไม่ว่าจะดูอย่างไร ก็เหมือนสิทธิ์กำลังหึงหวงเดียร์อยู่ชัดๆ

          “ว่าไงล่ะครับ เขาออกไปเจอใคร” เมื่อเห็นลูกน้องเอาแต่ใบ้กิน ชายหนุ่มก็คาดคั้นต่อ “ใช่คุณชาหรือเปล่าครับ”

          คิ้วกระตุกเมื่อได้ยินชื่อคุ้นหูและถูกต้อง “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ”

          “ก็เขาเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือครับ”

          อยากสำลักทั้งที่ไม่มีอะไรให้สำลักขึ้นมาเลยทีเดียว

          “ก็ผมเคยเห็นเขาแอบคุยกับเดียร์ในห้องพนักงานในร้านดอกไม้ แถมคุณชาทำหน้าเจ็บปวดมากมายตอนผมเข้าไปในห้อง จะให้คิดเป็นอะไรไปได้ล่ะครับ เขาต้องเข้าใจผิดว่าเดียร์เลิกกับเขาแล้วมาคบกับผมอะไรแบบนี้แน่ๆเลยครับ”

          ถึงผมไม่รู้ว่าสองคนนั้นพูดเรื่องอะไรในห้องนั้นแต่ผมเชื่อเลยว่า ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอน อย่างน้อยก็เรื่องคบกันนั่นล่ะ แล้วคุณชาเขาก็อยู่สมาคมคนชอบโดนรังแกเหมือนกัน ไม่มีทางคบกับเจ้าพ่อมาโซฯอย่างไอ้เดียร์ได้หรอก

          “ผมคงเลวมากสินะครับ…ทั้งที่พวกเขาคบกันก่อนอยู่แล้วแท้ๆ…ถ้าผมรู้มาก่อนผมคงไม่เลือกทางนี้หรอก…”

          ‘ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกครับ’ก้องเกือบจะหลุดปากไปแล้ว ถ้าไม่นึกถึงสิ่งที่ดีต่อสิทธิ์ขึ้นมาได้

          นี่มันโอกาสนี่หว่า

          “แต่อย่างน้อยตอนนี้คุณก็รู้แล้วนี่ครับ…จากนี้ไปคุณคงไม่ทำให้สองคนนั้นต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้วใช่ไหมละครับ”

          สิทธิ์บึ้งหน้า ท่าทางสับสนเอาการอย่างที่ไม่น่าจะทำ ก่อนจะกัดฟันกรอด “นั่นสินะครับ…อย่างน้อย ผมก็ควรจะทำอะไรชดใช้บ้าง…พี่ว่าดีไหม”

          หนังตาขวากระตุกทันที “เอ่อ ผมว่าไม่ต้องก็ได้มั้งครับ…คือในเมื่อตอนนี้เขาเกลียดคุณ ต่อให้ทำดีแค่ไหน เดียร์เขาก็คงไม่รู้สึกดีนักหรอกครับ”

          “…มันอาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวก็ได้นะครับ แต่ผมอยากทำเพื่อความสบายใจ…” สีหน้าของคนพูดดูเจ็บปวดเหลือแสน จนก้องถึงกับรู้สึกแย่ไปด้วย แต่เพราะรู้ถึงผลลัพธ์เป็นอย่างดี เขาถึงได้พยายามคัดค้านเต็มที่ “นะครับ ให้ผมทำเถอะ…”

          …ไม่ต้องทำหน้าอ้อนให้เหนื่อยเปล่าเลยครับ ผมไม่ใช่คุณวัฒน์ที่จะยอมใจอ่อนกับคุณไปซะทุกเรื่องนะ…บอกว่าไม่ต้องทำไง ถึงจะดูน่าสงสารยังไง ผมก็ไม่ยอมหรอก…ไม่ยอม!! นี่ผมกำลังทำเพื่อคุณอยู่นะ เลิกทำหน้าตาเหมือนลูกหมาโดนทิ้งในสายฝนสักทีเถอะครับ เห็นอย่างนี้น่ะ ผมเป็นคนใจแข็งนะครับบบ

          “แค่คุณไม่ไปหาเรื่องแกล้งเขาอีก แค่นั้นก็พอแล้วครับ”

          “แสดงว่าพี่จะไม่ช่วยผมสินะครับ…”

          มีงอนอีก โอ๊ย บอกแล้วไงว่าต่อให้ทำตัวน่าสงสารยังไงก็ไม่ได้ผล อย่าให้ผมต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลยครับ

          “ก็แค่ครั้งเดียว…แล้วผมจะไม่ขออีกแล้ว…นะครับ…น้า”

          “จะให้ทำอะไรล่ะครับ”

 

          เดียร์แปลกใจนิดหน่อย เมื่อเห็นหนุ่มแว่นผมกระเซิงยืนหน้านิ่งอยู่หน้ารั้วบ้าน และไม่ต้องถามให้เสียเวลา อีกฝ่ายก็รอตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองอยู่แล้ว

          “คุณสิทธิ์เขาอยากจะทำอะไรไถ่โทษนาย”

          หน้าเบี้ยวใส่ทันที

          “ฉันรู้น่า ช่วยอดทนสักนิดได้ไหม” ก้องร้องอย่างเหนื่อยหน่าย สายตาก็คอยระวังว่าคนในบ้านจะแอบดูอยู่หรือเปล่า “อย่างน้อย ช่วยทำเป็นกลัวๆ แต่ก็รู้สึกดีสักเสี้ยวนึงเหมือนโดนเอาแส้ติดหนามเฆี่ยนหลังหน่อยได้ไหม แล้วหลังจากนั้น ฉันจะโบยนายจนกว่าจะสลบไปข้างเลย”

          “โด่ ถึงจะพูดงั้นงี้ แต่พี่ก็ออมแรงทุกทีนี่ แล้วเวลาตีน่ะ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่แรงสักหน่อย มันอยู่ที่เจตนาต่างหาก” เด็กหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด “เออๆ ก็ตกลงกันไว้แล้วนี่นา ผมจะพยายามคิดว่ากำลังเดินเหยียบเศษแก้วอยู่ก็แล้วกัน”

          ขนาดทำหน้าเหมือนไม่อยากเสียขนาดนั้น แต่พอก้าวเข้าบ้านนี่กลายเป็นกระต่ายน้อยขี้กลัวทันควันเสียจนคนมองถึงกับขนลุก

          สิทธิ์สะดุ้งนิดหน่อยตอนที่เห็นร่างบางเปิดประตูเข้าบ้านมา ใบหน้าเรียวขาวดูหม่นหมองเมื่อมองมาทางชายหนุ่ม ก่อนจะบ่ายหนีไปทางอื่นคล้ายกับไม่อาจทนเผชิญหน้าได้อีกต่อไป

          ชายหนุ่มบึ้งหน้า ปากที่กำลังจะพ่นคำด่าหุบกลับลงอย่างรวดเร็ว เขาได้แต่ท่องนโมดับอารมณ์ตัวเอง ไม่อยากให้งานนี้พังโดยใช่เหตุ

          “…กลับมาเหนื่อยๆ หิวน้ำไหม”

          คำถามเหมือนภรรยาพูดกับสามีที่กลับจากทำงานนี่มันอะไรฟะ!!!

          เดียร์เม้มปากแน่นถึงจะรู้อยู่แล้ว แต่มาถึงเล่นเจอมุกนี้ ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว อย่างน้อยเขาก็หวังว่าในการกระทำที่ดีนั้น น่าจะแฝงความรุนแรงกระแทกกระทั้น ไม่ก็เย็นชาใส่มาบ้างก็ยังดี

          “อืม…” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ในเมื่อใบสั่งมาให้ยอมดีด้วย เขาเลยต้องฝืนยอม ยังดีที่ดูเหมือนว่าฤทธิ์จะไม่อยู่ เขาเลยไม่ต้องพยายามใส่ความรักจอมปลอมลงไปในท่าทีของตนด้วย

          พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าแม้จะดูฝืนๆ สิทธิ์ถึงกับยิ้มกว้างแล้ววิ่งเข้าไปในครัวก่อนจะออกมาพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว แล้วยื่นให้ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขสุดๆ

          ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าอาจจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่พอโดนเข้ากับตัวจริงๆ มันก็อดสยองไม่ได้อยู่ดี อย่างน้อยเขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะยื่นโดยไม่มองหน้า พร้อมกับทำเสียงต่ำบังคับให้รับบ้างเป็นการไว้ตัวก็ยังดี นี่อะไร ท่าทางอย่างกับหมาเห็นเจ้าของกลับบ้านมาเนี่ย รับไม่ได้ว้อย!!!

          “ขะ…ขอบคุณครับ” เดียร์รับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ พยายามคิดว่าอีกฝ่ายกำลังวางยาถ่ายให้ตนอยู่ แต่กระนั้นก็ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆได้

          “จะว่าไป…ตั้งแต่อยู่มา ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชอบอะไร…เหวอ!เดียร์” สิทธิ์ร้องเสียงตื่น เมื่ออยู่ๆคนที่กำลังดื่มน้ำก็สำลักพรวดออกมา

          ก้องที่ยืนดูลาดเลาอยู่หน้าประตูถึงกับหน้าเสีย เมื่อสิทธิ์ที่เข้าไปหมายจะพยุงเดียร์โดนผลักออกมาเสียจนถอยหลัง ดวงตากลมที่มักจะดูสุภาพใจดีและติดกลัวอยู่เล็กน้อยกลับเต็มไปด้วยความเดือดดาลและแข็งกร้าว ดูน่ากลัวเสียจนหนุ่มแว่นถึงกับผงะ

          “คุณเลิกทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ได้แล้ว” เสียงที่มักจะหวานใส ทุ้มเถื่อนเสียลงจนคนฟังอึ้ง “คิดหรือว่าทำกับผมไปขนาดนั้นแล้วจะมาไถ่โทษด้วยการทำดีนิดๆหน่อยๆแบบนี้ได้น่ะหา”

          เนื่องจากไม่คิดว่าจะโดนโต้ตอบแบบนี้ เลยเกิดอาการมึนงงไปหลายวินาทีกว่าจะได้สติกลับมา

          “ฉัน…” เสียงทุ้มเงียบหายไปกับอากาศ เมื่อไม่สามารถให้คำตอบอีกฝ่ายได้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยกโทษให้ตนเพียงเพราะการทำดีเล็กน้อยเหมือนกัน สิทธิ์จึงได้แต่ใบ้กิน กระนั้นก็ยังจ้องหน้าคล้ายกับต้องการรั้งคนตรงหน้าเอาไว้ “…ฉันก็ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย…ที่ทำไปก็แค่เห็นว่าเธอน่าจะเหนื่อย…”

          “เหนื่อย?เฮอะ! มันก็แน่อยู่แล้ว” เด็กหนุ่มสวนเสียงลั่น “แค่ต้องมาเจอคุณแบบนี้ทุกวัน ผมก็เหนื่อยจนแทบบ้าอยู่แล้ว ผมแนะนำนะ ว่าถ้ากลัวผมเหนื่อยนัก ทางที่ดีคุณไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าเลยนั่นล่ะ ผมหายเหนื่อยแน่”

          เบื่อจะแอ๊บแล้วนะว้อยยย ถ้าทำร้ายผมไม่ได้ก็ไปไกลๆเลย!!!

          ซึ่งก็แน่ล่ะว่าร้อยทั้งร้อยก็ต้องคิดว่า เดียร์เหม็นขี้หน้าสิทธิ์จนทนไม่ไหวแน่นอน

          ก้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างแบบไม่ต้องมีจิตสัมผัสจากตัวสิทธิ์ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเป็นที่สุด
         
          “แล้วทำไมฉันจะต้องทำตามที่เธอพูดด้วย”

          เสียงทุ้มเหี้ยมดังเยาะสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดโดนสีหน้าดูถูกเหยียดหยามกลบเสียสิ้น ดวงตาเรียวคุโชนไปด้วยหลากอารมณ์ ร่างสูงเข้าหาคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับเอื้อมมือเข้ามากระชากคอเสื้ออีกฝ่ายใบหน้านวลเบือนหนีอย่างรวดเร็ว แขนบางพยามทั้งทุบและผลักหากแต่กลับไม่สะเทือนแม้แต่น้อย

          “เห็นฉันทำดีเข้าหน่อยแล้วลืมตัวหรือไง” สิทธิ์กระซิบใส่หู “อย่าลืมข้อตกลงของเราสิ หรือใครจะเป็นอะไรเธอก็ไม่สนใจกันล่ะ ถ้าแบบนั้น อยากจะออกไปจากบ้านนี้เลยก็ได้นะ”

          ดวงตากลมเบิกกว้าง จ้องกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเบือนหน้าหนี มือเล็กพยายามดึงกลับทุกขณะ หากแต่อีกฝ่ายเองก็ดื้อเพ่ง กระชากคืนด้วยแรงที่มากกว่าตลอด

          “ว่าไงล่ะ ออกไปสิ อยากออกนักไม่ใช่หรือ เกลียดหน้าฉันไม่ใช่หรือไง หือ” สิทธิ์ดึงร่างบางเข้ามาเอ่ยกระซิบข้างหูอีก ก่อนจะสะบัดออกเต็มแรงจนเด็กหนุ่มเซ “เอาเลย ถ้าคิดว่าคนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง เอาเลยสิ เอาเลย!”

          ใบหน้าหวานที่บิดเบี้ยวหันมองมาที่ชายหนุ่ม เดียร์อ้าปากคล้ายกับจะอยากพูด แต่ท้ายที่สุดก็ทำเพียงก้มหน้านิ่งเท่านั้น

          และก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่าเดิม ก้องก็รีบเข้าไปหาสิทธิ์ก่อนที่ผู้เป็นนายจะทำการรังแกเดียร์ไปมากกว่านี้ ซึ่งเมื่อเห็นหน้าหนุ่มแว่น จากที่กำลังทำหน้าเหี้ยม เปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน

          “…เฮอะ ฉันอุตส่าห์ดีด้วยไม่ชอบ ชอบหาเรื่องให้โมโห เธอทำตัวเองเองนะ” สิทธิ์โวยลั่นก่อนจะกระฟัดกระเฟียดหนีขึ้นห้องอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะโดนจับได้ว่าในตอนนี้ รู้สึกผิดจนอยากจะวิ่งไปกระโดดตึกมากเพียงใด

          ทันทีที่อยู่กันเพียงลำพังสองต่อสองและก้องก็มั่นใจแล้วว่าสิทธิ์เข้าห้องไป เขาก็หันไปตีหน้าเหี้ยมใส่เดียร์ต่อทันที ผิดจากเมื่อครู่หน่อยตรงคนที่ทำท่ากลัวบัดนี้กำลังทำหน้าเหม็นเบื่อเต็มที

          “ผมรู้น่าว่าผมผิด” ก่อนที่ก้องจะได้เอ่ยปาก เดียร์ก็ชิงพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ผมพยายามแล้วนะ ก็เขานั่นล่ะ ดูทำเข้าสิ ผมไม่อ้วกใส่แถมให้ก็บุญโขแล้ว”

          ก้องได้แต่อึ้งและถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจหรอกนะ “ก็แค่แป๊บเดียว แค่นี้เอง ทำไมถึงทนเอาหน่อยไม่ได้ล่ะ ฉันว่าแต่ก่อนนายอดทนเก่งกว่านี้นี่”

          เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ สีหน้าเหมือนกำลังคิดแต่ไม่ค่อยจะใส่ใจนัก จนหนุ่มแว่นถลึงตาใส่ “ก็จริงของพี่นะ คงเพราะปกติคุณสิทธิ์เขาทำตัวโหดร้ายใส่ผมประจำ แล้วอยู่ๆมาทำดีด้วย ผมเลยหงุดหงิดน่ะ เป็นพี่ไม่รู้สึกสยองบ้างหรือไง ถ้าพี่ฤทธิ์เกิดมาทำดีกับพี่บ้างล่ะ”

          สยองว้อยยยยย ถ้าแบบตบหัวแล้วลูบหลังยังพอทน แต่ขืนทำตัวเป็นศรีทนได้ ตูขอตาย ณ บัดนาวเลย

          “เออๆ เอาเถอะๆ แต่ต่อไปนี้ ช่วยทำตัวให้มันดีๆหน่อยก็แล้วกัน” ก้องโบกมือให้ อย่างน้อยนี่ก็อาจทำให้สิทธิ์เลิกคิดอะไรแผลงๆได้สักที “…”

          ทีแรกหนุ่มใหญ่ก็คิดว่าเดียร์จะขึ้นห้องเหมือนกัน แต่เด็กหนุ่มกลับยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับส่งสายตาที่เป็นประกายและมีความหวังมาให้เขา

          ก้องไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่เดินไปที่ห้อง เพื่อหยิบแส้แมวเก้าหางออกมาใช้งาน



____________________________

มายาวตอนนี้อ่ะฮิๆ XP
=w= ช่วงนี้น่าจะเปิดเทอมกันแล้ว แต่อากาศก็ยังร้อนประดุจนั่งเรียนในซัมเมอร์เหมือนเดิม ระวังสุขภาพกันด้วยเน้อ คนเขียนกำลังจะละลายแล้ว

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ยังไม่จุใจเลย  :sad4:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ไร้ซึ่งคำบรรยาย....  โปรดยืนไว้อาลัยให้คุณสิทธิ์  ดูท่าทางจะตกหลุมรักเคะน้อยสุดMอย่างกลับลำไม่ทันซะแล้ว :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 32
         
          จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะคิดแบบนั้นหรอกนะ แต่ปัญหาคือไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปนี่แหละ

          เดียร์เหม่อมองแสงไฟในห้อง คิ้วบางขมวดเข้าหากันพร้อมบึ้งหน้า เขาเองก็ยังนึกสงสัยตัวเองเช่นกัน ปกติแล้วคนส่วนใหญ่ก็มักทำดีกับตนให้ทั้งนั้น แถมเผลอๆบางอย่างยังจะมากกว่าที่สิทธิ์ทำอีก แต่เขาก็สามารถปั้นยิ้มและผ่านมันมาได้โดยที่ไม่มีการออกอาการวีนใส่แม้แต่นิดเดียว

          เกิดอะไรหว่า

          เขาได้แต่ครุ่นคิดกับความผิดปกติของตน ไอ้ที่บอกไปว่าเพราะรับไม่ได้กับการกระทำของสิทธิ์ก็มีส่วน แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเหตุผมมันไม่ใช่แค่นั้น เพราะกับดรหรือลูกน้องคนอื่นที่รังเกียจเขา ตอนเวลาพวกเขาแสร้งทำดีใส่ เดียร์ก็ยังเฉยๆเลย

          แล้วมันทำไมกันนะ

          เด็กหนุ่มพยายามย้อนความจำที่มีต่อสิทธิ์…ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มตีหน้าเหี้ยมเสี้ยมคำด่าใส่มันช่างฟินยิ่งนัก…ตอนที่ทำหน้าเริงร่าท้าลมร้อนอย่างกับเด็กๆนั่นก็ดูเฉยๆ ไม่ได้ชวนหงุดหงิดอะไรเลยสักนิด ออกจะดูตลกจนเผลอกระตุกยิ้มตามไปด้วย…ไอ้ท่าทีเป็นห่วงนั่น ถึงจะดูน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อยากวีนแตกขนาดนั้น เพราะเทียบกันแล้ว วินน่ารำคาญกว่าเยอะ แต่ตนก็ยังทนมาได้ตั้งเกือบยี่สิบปีแท้ๆ…

          ……

          ทันทีที่ภาพใบหน้าประดุจหมาหงอยของสิทธิ์โผล่ซ้อนมา เดียร์ถึงกับรีบลืมตาลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้หัวจนยุ่งเหมือนต้องการให้ภาพนั้นหายไปจากสมอง ความขุ่นเคืองพวยพุ่งจนเขาเผลอกัดฟันแล้วทุบเตียงเต็มแรง

          ใช่ ไอ้สีหน้าชวนสมเพชพรรค์นั้นนั่นแหละที่ขัดใจเป็นบ้า!! มันใช่ไหม…มันไม่ใช่ว้อย!

          คิดได้ก็กลับลงไปนอนต่อ ทั้งหงุดหงิดทั้งรู้สึกเสียหน้า ที่ผ่านมาเขาคุมอารมณ์ตัวเองดีตลอด นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เผลอหลุดโกรธออกมาขนาดนี้ ถึงจะไม่ได้หลุดออกไปหมดก็เถอะ แต่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี

          ทำไมกันนะ ทำไมใบหน้าอมทุกข์ของคุณถึงทำให้ผมโมโหได้ขนาดนี้กัน…

 

          สาวเสียงทุ้มถึงกับสะดุ้งทันทีที่เห็นเจ้าของกิจการเดินหน้าเหี้ยมมาแต่ไกล ซึ่งคราวนี้มีคนติดตามมาด้วยเพียงคนเดียวคือก้อง ที่แสดงอาการเบื่อหน่ายคล้ายคนอยากตายอย่างออกนอกหน้าเสียจนเธอเผลอเลิกคิ้วออกมา

          “สวัสดีฮ่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะฮะ” มีนทักเสียงสั่น และดูเหมือนคนฟังจะรู้สึกตัว ถึงได้รีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นสิทธิ์คนเดิม จนมีนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “เอ่อ วันนี้เหมือนเดิม หรือยังไงฮะ”

          “อ๋อ ผมแค่มาเที่ยวน่ะครับ” น้ำเสียงทุ้มอัดความร่าเริงใส่อย่างเต็มที่เสียจนน่าแปลก “จะว่าไป ไอ้แว่นหน้าหมานั่นมันมาบ้างหรือเปล่าล่ะครับ”

          ผู้จัดการสาวออกอาการกระอักกระอ่วนขึ้นมา เธอเงียบอยู่นาน กว่าจะยอมพยักหน้าออกมาอย่างเสียมิได้ “เขาแค่ฝากข้อความเอาไว้น่ะฮ่ะ”

          บางที เธออาจจะบอกไปง่ายๆแล้วก็ได้ ถ้าสิทธิ์ไม่กลับมาทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อตน จนก้องต้องสะกิดเตือน

          “ก็…วินเขาฝากนี่ไว้ให้น่ะฮ่ะ” มีนรีบล้วงของฝากจากในร่องอกอันอวบอั๋นของตน ซึ่งเป็นกระดาษใบจิ๋วขนาดประมาณนามบัตร “มีนคิดว่าคุณสิทธิ์อ่านแล้วคงจะเข้าใจ…”

          ชายหนุ่มเพียงแต่หยิบมาแล้วคลี่อ่าน ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ใบหน้าเคร่งเครียดในทีแรก ต่อมาก็ออกอาการกังวลอย่างชัดเจน

          ‘ฉันรู้’

          สั้น และกว้างเสียจนตีความได้หลายทาง แต่ลองคุณเจ้านายทำท่าจะเป็นจะตายแบบนี้ เหล่าลูกน้องจึงเข้าใจตรงกันว่า ‘ฉันรู้’ ของวิน คือรู้เรื่องอะไร

          “…หึ…หึๆ…” เสียงหัวเราะที่ทุ้มหนัก ฟังไม่เหมือนคนอยากขำดังขึ้น สีหน้าของสิทธิ์ก็ดูฝืนเสียจนคนมองอยากจะขำตาม “หมอนี่มันมโนเก่งจริงๆ ไม่ได้มีหลักฐานอะไรสักหน่อย แล้วรู้ได้ไงว่าฉันอยู่กับน้องมัน”

          ที่เหล่าลูกน้องอยากจะถามคือ อะไรทำให้คุณเจ้านายสามารถตีความคำสองพยางค์จนยาวเฟื้อแบบนั้นได้มากกว่า จะให้บอกว่ารู้ใจกันมันก็ชวนสยองปนขนลุกชอบกล

          “แล้วคุณสิทธิ์จะทำยังไงต่อล่ะครับ” สบโอกาส ก้องก็รีบเชียร์ทันที พร้อมกับแผ่รังสีใส่จนสิทธิ์ไม่มีโอกาสแม้แต่จะอ้าปากเถียง “ไหนๆเขาก็คิดว่าคุณอยู่กับคุณเดียร์ งั้นก็เปิดตัวให้รู้ๆกันไปเลยสิครับ…หรือจะให้ผมช่วยก็ได้นะครับ”

          ประโยคหลังกระซิบด้วยเสียงอันเบาหวิวและใกล้หูเสียจนมีนเผลอเลิกคิ้ว ด้วยความใกล้จนชวนเข้าใจผิด

          “ข…เข้าใจแล้วน่า” สิทธิ์ตอบกลับเสียงตื่น ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น “…รู้งี้อ้อนให้พี่ฤทธิ์มาแทนก็ดี…”

          “บ่นอะไรครับ”

          “เปล๊า” เสียงสูงเสียงจนแสบหู “พี่มีนครับ วันนี้ขอจัดหนักสักที ขอเอายันปิดร้านเลยครับ”

          ที่พูดเนี่ย รู้ใช่ไหมครับว่าผมต้องตื่นหกโมงเช้าน่ะ

 

          พอกลับมาจากที่ทำงาน เดียร์ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า รองเท้าที่วางไว้หน้าบ้านมีแค่ของฤทธิ์ ซึ่งปกติป่านนี้แล้ว พ่อหมีกับลุงมาโซฯแกจะต้องอยู่บ้านแล้ว

          เด็กหนุ่มต้องสงสัยยิ่งกว่า เพราะตามปกติ ตอนสองสามทุ่ม ฤทธิ์จะเปิดทีวีเพื่อดูฆ่าเวลา แต่วันนี้กลับปิดเอาไว้ ทั้งที่เจ้าตัวยังนั่งอยู่บนโซฟาที่เดิม แถมนั่งนิ่งเสียจนเดียร์นึกว่าเป็นหุ่น เพราะทั้งที่เขาเปิดประตูเดินเข้ามา อีกฝ่ายเองก็ไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด ทั้งที่อย่างน้อยๆ ฤทธิ์มักจะหันมาทักทายเขาประจำ

          “เอ่อ…สวัสดีครับพี่ฤทธิ์” เสียงหวานดังขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ไม่ต้องเดินเข้าไปพิสูจน์ หนุ่มตาตกก็หันมาหาเสียก่อน ด้วยสีหน้าที่ทำเอาคนโดนมองซาบซ่าไปถึงหัวใจ จนเกือบเปลี่ยนสีหน้าให้รับกับอารมณ์ของฤทธิ์แทบไม่ทัน “เป็นอะไรหรือครับ…”

          ชายหนุ่มเพียงแต่นิ่วหน้า ก่อนจะสะบัดกลับไปยังหน้าจอทีวีที่ดำสนิท โดยไม่ยอมพูดอะไรสักคำ

          ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่โดนเกลียดขี้หน้า เดียร์ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก แต่ในเมื่อตอนนี้ฤทธิ์ไม่ได้เกลียดเขา ซ้ำยังเอาใจช่วยเรื่องสิทธิ์ด้วยซ้ำ แล้วอยู่ๆจะเปลี่ยนกลับมาทำตัวเหมือนเดิม เด็กหนุ่มก็อดสงสัยไม่ได้…และแน่นอนว่าโอกาสดีๆแบบนี้จะมาสักที เรื่องอะไรจะปล่อยไป

          “พี่ฤทธิ์ครับ โมโหอะไรผมหรือครับ” หนุ่มน้อยทำการสวนประโยคเด็ดที่ใช้ระเบิดอารมณ์คนที่กำลังเก็บอาการ และก็ได้ผลอย่างไม่ต้องรอนาน คนที่นั่งอยู่ถึงกับหันขวับมามองตาขวาง เหมือนอยากจะบีบคอเขาเต็มทน

          อา…คิดถึงจังเลย…สายตาที่อาบไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายที่พุ่งเข้ามาทิ่มแทงทั่วร่างอย่างไม่ปกปิดแบบนี้…

          เด็กหนุ่มพยายามเก็บอารมณ์จนหน้าเบี้ยว อีกฝ่ายยังคงจ้องไม่วางตา นอกจากจะโมโหแล้ว สีหน้ายังบ่งบอกถึงอารมณ์แปลกใจที่แฝงอยู่

          “นายคิดว่าบ้านนี้กว้างไหม”

          เป็นคำถามที่เกิดอาการอึ้งไปชั่วขณะ หากไม่คิดอะไรก็คงตอบไปแล้ว แต่เดียร์รู้ว่าฤทธิ์ไม่ได้ถามเรื่อยเปื่อยแน่

          “นายเองก็คิดว่ามันไม่กว้างสินะ” เมื่อเห็นสีหน้าผงะของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย็น แต่สีหน้าที่แสดงออกตรงกันข้าม ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาพร้อมแผ่รังสีทะมึน “แล้วกำแพงเองก็ไม่ได้หนาพอจะเก็บเสียงเท่าไหร่ด้วย เพราะงั้น ถ้าเผลอร้องเสียงดังตอนเดินใกล้ๆห้องนั้น ยังไงก็ต้องได้ยินอยู่แล้วล่ะ….เนอะ”

          โอ๊ะ แย่แล้วแฮะ

          “…พี่ฤทธิ์หมายถึงอะไรหรือครับ” เด็กหนุ่มยังคงตีหน้าซื่อถามเสียงใส ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเขินอาย “หรือว่าตอนคุณสิทธิ์ทำผม…พี่ได้ยิน…”

          ร่างสูงทำหน้าเหมือนจะกัดหัวเดียร์ให้ได้ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่กัดปากตัวเองเพราะดันพลาดขยายความในส่วนสำคัญที่ต้องการจะสื่อ

          “ถ้าเป็นคุณสิทธิ์ ฉันจะโมโหนายทำบ้าอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างเหลืออด “แต่เพราะเสียงนายมันดังมาจากห้องนอนก้องต่างหากล่ะ!”

          แหม แบบว่าอดอยากมานาน แล้ววันนั้นพี่ก้องเขาใส่อารมณ์ได้ดีไปหน่อย ผมเลยเผลอร้องดังนี่นา

          ก่อนที่จะได้เอ่ยปากแก้ตัว ร่างเล็กก็โดนกระชากคอเสื้อเข้าไปหา มือหนากำแน่นและยกขึ้นหมายจะชกเข้าใบหน้าเล็ก หากแต่สุดท้ายก็ทำแค่เพียงค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะลดมือลง และผลักร่างบางออก เล่นเอาเดียร์หน้าเสียเพราะผิดหวังเต็มแรง

          “ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้”

          “ไม่ใช่นะครับ!”

          เสียงหวานร้องเรียกเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังจะเดินหนี เดียร์รีบเข้าไปรั้งเต็มแรง อย่างไม่เกรงกลัว แน่นอนว่าฤทธิ์สะบัดมือออก แต่อีกฝ่ายเหนียวกว่าที่คิดจนหนุ่มตาตกถึงกับประหลาดใจจนเผลอหันกลับไปมอง

          “ผมกล้าพูดเลยว่าไม่ใช่อย่างที่พี่คิดเลยนะครับ ถึงมันจะชวนให้เข้าใจเป็นอย่างนั้นก็เถอะ” ดวงตากลมจ้องมองด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเสียจนอารมณ์หึงดับลงไปหน่อย “ผมไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นแน่นอนครับ”

          แค่คิดว่าต้องลงเอยกับประชากรชาวมาโซฯด้วยกัน ขนงี้ลุกซู่ไปหมดเลยครับ!!!

          ฤทธิ์จ้องหน้ากลับอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก เพียงแต่สายตาที่มองมามันดูจริงใจจนเขาเถียงกลับไม่ออก

          “…แล้วไอ้เสียงร้องนั่นมันหมายความว่ายังไงกันล่ะหา ร้องแบบนั้นฉันคิดได้อยู่อย่างเดียวนี่หว่า”

          พูดจบชายหนุ่มถึงกับผงะเมื่อคนฟังไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจใดๆ หากแต่หัวเราะในลำคอชวนให้รู้สึกสยองแทน

          “ผมยอมรับว่าเสียงนั่นมันชวนคิดจริงๆ แต่พวกผมไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นหรอกนะครับ” เดียร์แสดงอาการรังเกียจชัดเจนจนฤทธิ์ชักอยากจะโกรธในเหตุผลอื่น “พี่ก้องเขาแค่ช่วยนวดให้ผมเฉยๆเองนะครับ”

          ได้แต่ยืนค้างไปหลายวินาทีกับคำตอบนั้น

          “ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้พี่ต้องเข้าใจผิดเพราะเรื่องแค่นี้” เดียร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดอย่างจริงจัง ในระหว่างที่อีกฝ่ายยังคงค้าง “ผมผิดเองละครับ พอดีตอนนั้นปวดหลังกับสะโพกมาก…เลยขอให้พี่ก้องช่วยนวดให้นะครับ”

          “…แล้วทำไมต้องเข้าห้องนอนไปนวดด้วย นวดที่อื่นก็ได้นี่นา” หลังจากได้สติก็ถามต่อ แม้ใจจริงอยากจะเชื่อ แต่เพราะไอ้คุณแฟนตัวดีมันชอบทำตัวมีลับลมคมในเยอะเสียจนเขาไม่อยากจะเชื่อง่ายๆเท่าไหร่นัก

          แต่สิ่งที่ได้รับคืออาการฮึดฮัดของเดียร์

          “นั่นก็เพราะคุณสิทธิ์นั่นล่ะครับ!” เด็กหนุ่มส่งเสียงออกจมูกด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสิทธิ์ ผมไม่มานั่งปวดหลังปวดสะโพกแบบนี้หรอก”

          มันขนาดนั้นเลยเรอะ ทำไมฉันไม่เห็นเป็น เล่นท่าพิสดารกันขนาดไหนล่ะนั่น…ก็อยากจะถาม แต่มันก็ส่วนตัวไปหน่อย ถึงจะโตๆกันแล้วก็เถอะ…

          “แถมไม่รู้อะไร เห็นผมเปลือยหน่อยก็ไม่ได้ หาเรื่องปล้ำผมตลอด นี่พอผมอุตส่าห์อยู่ในห้องนอนตัวเองแล้วทายาแก้ปวดเมื่อย เขายังหาจังหวะเปิดเข้ามาตอนผมโป๊แล้วหาเรื่องปล้ำผมได้ตลอด”

          อันนี้ก็เรื่องจริงนะ ยกเว้นตั้งแต่ตอนช่วงปล้ำน่ะนะ…ขนาดว่าทำไปแล้ว แค่เห็นท่อนบนผมก็ไม่รู้จะเขินอะไรนัก อกก็ใช่ว่าจะมี ข้างล่างก็มีเหมือนๆกันด้วย ทำตัวเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นไปได้

          “ผมไม่เหลือทางเลือก แถมยังปวดหลังปวดเอวมากขึ้นทุกที ตอนกลางวันก็ต้องทำงานอีก จะให้ผมรบกวนพี่ฤทธิ์ที่ต้องคอยเฝ้ายามตอนกลางคืนก็ไม่ดี แถมผมก็เกรงใจพี่ด้วย เทียบกันแล้วผมสนิทกับพี่ก้องมากกว่า แล้วเห็นพี่ก้องก็บอกว่านวดเก่ง ผมเลยขอให้เขาช่วยน่ะครับ”

          มีเหตุผลจนฤทธิ์ไม่รู้จะค้านยังไงดี โดยเฉพาะเรื่องนวดเก่ง ก็ยอมรับว่าเล่นเอาเคลิ้มอยู่

          “ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้พี่ฤทธิ์เข้าใจผิดแบบนี้ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้แล้วครับ” ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดเต็มทน “ผมไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้พี่กลุ้มใจขนาดนี้…”

          “เดี๋ยวสิ ไม่เห็นจะต้องร้องไห้เลย ฉันเข้าใจแล้ว” ฤทธิ์ถึงกับตื่นตระหนกเมื่อเห็นร่างเล็กก้มหัวให้ “จริงๆฉันผิดเองที่ทึกทักไปคนเดียว…โทษทีที่โมโหไปเมื่อกี้นะ”

          ร่างสูงกลับไปนั่งที่โซฟาตัวด้วยสภาพที่ไร้เรี่ยวแรง ส่วนเดียร์ก็เพียงแต่มองโดยไม่พูดอะไร…ซึ่งใจจริงเขาก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนักหรอก แต่เรื่องนี้เองก็ไม่ได้ไกลตัวเขาเท่าไหร่นักด้วย เลยสองจิตสองใจอยู่นาน ไม่รู้ว่าควรจะทำลงไปดีไหม

          แต่ของแบบนี้ ยังไงมันก็เก็บไว้ตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะพี่ก้อง ดีใจไว้ซะนะที่ผมรู้สึกอยากช่วยเหลือแบบไม่คิดบุญคุณน่ะ

          “ผมอาจจะยุ่งไปหน่อย แต่พี่ฤทธิ์กับพี่ก้องคบกันได้ยังไงหรือครับ”

          เจ้าตัวหันมามองด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนักก่อนจะหันหลังกลับไป ชายหนุ่มเงียบอยู่นานมาก จนเดียร์นึกว่าจะไม่ยอมตอบเสียแล้ว

          “หลวมตัวน่ะ”

          หลวมตัวแบบไหนหรือครับ ถึงได้ไม่ยอมบอกยกเลิกมาจนป่านนี้ล่ะเนี่ย…

          “เอ่อ…คบกันนานหรือยังครับ” จริงๆก็พอจะรู้มาจากก้อง แต่ขืนทำตัวรู้ดี เดี๋ยวได้โดยสงสัยอีก

          “ก็สองสามปีได้แล้วล่ะ” ฤทธิ์ตอบเสียงอ่อน ก่อนจะเกาหัวจนยุ่ง “ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าฉันจะยอมคบกับไอ้บ้านั่นแค่เพราะมันหล่อน่ะ”

          เดียร์เกือบถลึงตาใส่ไปแล้ว ดีที่ยั้งตัวทันไว้ก่อน

          “แต่คบกันมาได้ตั้งสองสามปี ผมว่ามันไม่น่าจะแค่เพราะหลวมตัวหรอกมั้งครับ” เด็กหนุ่มพยายามปลอบ “อย่างน้อย ถ้าไม่รู้สึกรักหรืออะไรแบบนั้น คงทนคบไม่ได้หรอก…จริงไหมครับ”

          เขาก็ว่าตัวเองพูดปลอบได้ดีแล้วนะ แต่ไหงอีกฝ่ายกลับออกอาการเหมือนโลกตรงหน้ากำลังล่มสลายแทนซะงั้น

          “คนเรา ถึงจะไม่ได้รักกัน แต่ถ้ามีผลประโยชน์อะไรบางอย่าง ก็อาจจะยอมคบกันเป็นปีเลยก็ได้นะ…”

          แสดงว่าเคยคบคนพรรค์นั้นมาก่อนสินะ…น้ำเสียงมีน้ำหนักมากเลยล่ะครับ…

          “มันอาจจะเป็นการคิดไปเองของฉันก็ได้ แต่ฉันรู้สึกว่าหมอนั่นมีความลับปกปิดฉันอยู่” ได้ยินแล้วเดียร์เผลอกระตุกคิ้วขึ้น ลางสังหรณ์ดีดั่งจิตสัมผัสได้จริงๆ “เหมือนกับแฟนเก่าที่เคยหลอกฉันมาก่อน”

          “ผมว่าพี่ฤทธิ์คิดมากไปมั้งครับ” ยังไงซะ ผมก็มั่นใจว่าพี่ก้องแกไม่ได้หลอกพี่ อย่างที่พี่เคยโดนแน่นอน “ผมเองก็รู้จักพี่ก้องเขานานพอสมควร อย่างน้อยเขาก็เป็นคนดี ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะครับ”

          สีหน้าของหนุ่มตาตกดูจะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก เดียร์จึงพยายามให้กำลังใจต่อ

          “ที่สำคัญ ผมไม่เคยเห็นพี่ก้องคบใครเป็นตัวเป็นตนมาก่อนเลยนะ” แน่ล่ะ สายเอสเพียวๆที่โดนใจพี่แกหายากนี่นา “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เป็นคนพิเศษ เขาไม่คบโต้งๆแบบนี้หรอก”

          สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเสียงหัวเราะขึ้นจมูกแทน

          “เหอะ พิเศษงั้นหรือ ขนาดว่าพิเศษ หมอนั่นยังกล้าไประริกระรี้ออเซาะกับคนโน้นคนนี้ต่อหน้าฉันไปทั่ว นี่ถ้าฉันเป็นแค่คนธรรมดา มันคงเอาให้ฉันดูเลยล่ะสิ”

          ดูท่าทางวิธีการเรียกร้องหาความรัก มันกลายเป็นอุปสรรคความรักไปอย่างไม่ตั้งใจซะแล้วนะพี่ก้อง…

          “ผมคิดว่า เรื่องที่พี่ก้องเขาปิด อาจจะเป็นเรื่องปมด้อยน่าอายที่หากพี่ฤทธิ์รู้ อาจจะเลิกคบกับพี่ก้องไปก็ได้…” เดียร์กลับมาเข้าเรื่องต่อ “อย่างเช่นว่าพี่ก้องแกอาจจะเป็นพวกมาโซฯ ชอบโดนทำร้ายอะไรงี้ มันน่ารังเกียจใช่ไหมล่ะ…”

          “โอ๊ย ถ้าแค่นั้นก็ดีสิ ฉันจะได้ตบมันให้สาแก่ใจทุกวันเลย”

          อ้าว เอาจริงดิ

          “ถ้าเป็นจริงๆ พี่ไม่รังเกียจหรือ” ก็รู้นะว่าเป็นแฟนคนอื่น แต่เด็กหนุ่มเองก็อดใจเต้นด้วยไม่ได้ “สมมติน่ะครับ”

          ฤทธิ์คิดพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “แน่สิ แค่นั้นก็เข้าทางฉันเลยไม่ใช่หรือ ฉันจะได้ไม่ต้องระวังเวลาเผลอทำร้ายหมอนั่นมากไปด้วย ที่จริงฉันก็ไม่ใช่พวกซาดิสม์อะไรหรอกนะ แค่มือมันไปไวกว่าความคิดแค่นั้นเอง…แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก”

          “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ” มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกหรือไง ทำตัวมีลับลมคมในเยอะจังเลยว่ะ คุณพี่ก้อง!

          “เพราะมีครั้งนึงที่หมอนั่นยอมพูดว่าเป็นพวกมาโซฯ แต่ไม่ยอมบอกว่าแอบหนีไปไหนบ่อยๆตอนกลางคืนน่ะสิ!”

          …ผมว่าอันนั้นมันเป็นการสารภาพมากกว่าล่ะมั้ง…

          “งั้นหรือครับ…” เสียงใสดังขึ้นอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มพราย “ถ้าแค่นั้น ผมมีทางช่วยพี่ได้นะ”

          คนฟังได้แต่เลิกคิ้ว แอบรู้สึกไม่ดีนิดๆ เพราะรอยยิ้มของหนุ่มน้อยนั่น มันไม่ดูไร้เดียงสาอย่างที่เคยเป็นเลยแม้แต่น้อย

ออฟไลน์ leelea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ยังติดตามอยู่ตลอดนะคะ รอตอนต่อไปค่า  :mew1:

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
คิดถึง เลยกลับมาอ่านอีกรอบ  o13

กอดๆ จุ๊บๆ :กอด1:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 33
         
          “เย้ คืนนี้ไม่เมา ไม่เลิกเว้ย”

          คุณเจ้านายแสนดีตะโกนเสียงดังแบบไม่อายใคร ห้องวีไอพีซึ่งมักจะเป็นที่ดวลเหล้ากับวินตอนในนี้ เต็มไปด้วยสาวน้อยมากมายพากันล้อมหน้าล้อมหลังสิทธิ์ชนิดที่ว่า ก้องได้แต่ไปยืนมุมห้องเพื่อไม่ให้เกะกะคุณสาวๆที่พากันบริการเจ้านายผู้กำลังต้องการลืมเรื่องเลวร้ายไปจากหัว

          “แหม คุณสิทธิ์ล่ะก็ วันนี้เกิดคึกอะไรขึ้นมากันละคะ ถึงได้เกณฑ์พวกเรามาซะขนาดนี้” หญิงสาวนางหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างกายเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ ก่อนจะยื่นแก้วเหล้าที่ชงเสร็จให้เจ้านาย

          “มันก็ต้องมีคลายเครียดกันบ้าง” ชายหนุ่มตอบเลี่ยงๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขารับแก้วมาจากอีกฝ่ายและกระดกแอลกอฮอล์ลงคอประดุจดื่มน้ำ “วู้ เอามาอีกเลย แค่นี้ จิ๊บๆ”

          จิ๊บๆของคุณ หัวเลื้อยลงไปกองกับนมสาวๆแล้วนะ นั่นไม่ไหวแล้วหรือจงใจหว่า…

          “ถามจริงนะคะอาก้อง คุณสิทธิ์เขาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนี่คะ หรือว่าไปทำอะไรที่ชนะขาดลอยคุณวินมา”

          หนุ่มแว่นหันมองสาวเพื่อนดื่มที่รู้สึกถึงความผิดปกติของเจ้านายเช่นกัน เขากลอกตาไปมา ก่อนจะตอบอย่างเสียมิได้
“ก็ประมาณนั้น” ถ้าพูดถึงสถานการณ์แบบไม่มองความตั้งใจในตอนนี้ มันก็ดูเหมือนว่าสิทธิ์กำลังเป็นต่อวินอยู่หรอก

          “ว้าย คุณสิทธิ์ล่ะก็ ลามกนะคะ…ฮะๆ” เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด คุณเจ้านายแสนดีนัวเนียกับสาวๆเต็มที่ ซึ่งสำหรับก้องแล้ว เขารู้สึกเหมือนสิทธิ์กำลังพยายามสัมผัสเนื้อสาวให้มากที่สุดเพื่อที่จะลืมผิวกายของใครบางคนที่ดูเหมือนผู้หญิงเสียมากกว่า

          บรรยากาศรื่นเริงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและชวนเอียนสำหรับคนเมานม แต่ท่าทางของสิทธิ์กลับเหมือนคนที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเสียอย่างนั้น

          “นี่ๆ อาก้อง ถามจริงๆนะ คุณสิทธิ์กำลังตกหลุมรักใครที่รักไม่ได้อยู่ใช่ไหมคะ”
คราวนี้เหล้ากระฉูดออกจากปากเลยทีเดียว ก้องหันขวับมองหญิงสาวคนเดิมที่ทำหน้าเหวอปนรังเกียจใส่ เพราะเขาไม่ได้เช็ดเหล้าที่อาบคางตนเลยสักนิด

          “…ก็แหม ดูยังไง หนูก็รู้สึกว่าที่คุณสิทธิ์กำลังทำ เหมือนต้องการลืมใครสักคนมากกว่า” เธอวิเคราะห์ต่อ “ปกติคุณสิทธิ์ไม่ใช่พวกหื่นกามนี่คะ แล้วนี่ดูสิ แตะโน่นจับนี่ซุกไซ้ไปทั่วซะจนขนาดพี่ราตรีแกยังสยอง ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนนี่ หนูคงไม่กล้าเข้าใกล้แน่ค่ะ ลามกได้โล่มาก”

          “อย่างนั้นหรือ…” คนที่รู้ดีได้แต่ตอบรับอย่างฝืนๆ “ก็คงงั้นล่ะมั้ง”
เธอหรี่ตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก “แน่ะ หนูรู้นะว่าอารู้ หนูได้ยินพวกพี่มีนคุยกัน ว่าพักนี้คุณสิทธิ์ลางานยาวที่บริษัท แล้วให้อาก้องกับพี่ฤทธิ์ดูแลคุณสิทธิ์แทน เพราะงั้น อาต้องรู้อะไรแน่ๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ…หรือไม่ใช่ผู้หญิง”

          ถ้าตั้งตัวทัน ฉันจะพ่นเหล้าใส่แก ยัยหนูจอมเดาเก่ง

          “เลิกเดาซี้ซั้วได้แล้วทิวา มันไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย โน่น…คุณสิทธิ์เรียก”

          หญิงสาวทำหน้าเบี้ยวเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ ก่อนจะยอมทำตามอย่างเสียมิได้ ซึ่งก้องก็ได้แต่โล่งใจที่ไม่ต้องโดนสอบสวนแบบเนียนๆ…แต่พอทิวาไปนั่งข้างสิทธิ์ หนุ่มแว่นก็รู้ตัวว่าตนคิดผิดอย่างแรง

          “คุณสิทธิ์ค้า วันนี้มาแปลกจังเลยนะคะ ทำเหมือนอย่างกับว่าพยายามลืมใครอยู่อย่างนั้นล่ะ”

          แม่เจ้า ถ้าจะตรงขนาดนั้น ฉันน่าจะเก็บแกลงกระสอบให้รู้แล้วรู้รอดไปก่อนเลยก็ดี

          ใบหน้าของสิทธิ์กระตุกขึ้น แต่ก็ยังฝืนยิ้มกลบเกลื่อนต่อได้ “พูดอะไรแบบนั้น ฉันไม่ได้มีใครที่ต้องพยายามลืมสักหน่อย”
ว้ากก โผล่ขึ้นมาในหัวทำไม!!! ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายทั้งนั้น ไอ้เดียร์!

          “แน่ะ จริงหรือค้า” ทิวาทำเสียงสูง “บอกนิดบอกหน่อยสิคะ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เดี๋ยวพวกหนูจะได้ช่วยให้คุณสิทธิ์ลืมคนนั้นๆไปอย่างถาวรเลยไงละคะ…”

          “ไม่!!”

          ทั้งห้องพากันสะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มดังลั่นและเฉียบขาด เหล่าสาวๆและลูกน้องต่างตาโตและผงะกับท่าทางของสิทธิ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะทิวาที่โดนเต็มๆ

          “เอ่อ…ฉันหมายถึง ไม่ดีกว่าน่ะ ฮะๆๆ” สิทธิ์กลับลำมายิ้มเจื่อนให้ “พอดีตกใจนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะดุหรือขึ้นเสียงใส่หรอก โทษทีนะ”

          “ฮะๆๆ…งะ…งั้นหรือคะ” หญิงสาวตอบอย่างไม่มั่นใจนัก แต่กระนั้นก็ยังสู้ไม่ถอย “แต่เอ๊ะ ปฏิเสธแบบนี้ แสดงว่าคุณสิทธิ์มีใครในใจจริงๆน่ะสิคะ”

          “ฮะๆ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ก็เหมือนๆที่ผ่านมานั่นล่ะ” หนุ่มร่างยักษ์พยายามกลบเกลื่อน “ไม่ได้กวนใจอะไรฉันขนาดนั้นสักหน่อย”

          หากสิทธิ์หันไปมองก้อง จะพบว่าหนุ่มแว่นกำลังทำหน้าแบะเป็นเชิงอยากจะบอกว่า ‘ตอแหล’ อยู่

          “ใครหรือคะ ทิวาอยากรู้อะ” หญิงสาวอ้อนต่อเมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายดูท่าทางจะหลุดใจความสำคัญในอีกไม่นาน

          “อย่าดีกว่า เดี๋ยวก็เลิกกันแล้ว”

          “น่านะ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่คะ”

          “ไม่เอาหรอก…”

          “น้า…”

          “บอกว่าไม่ก็ไม่สิวะ อยากโดนดีหรือไงหา!!”

          คราวนี้ไม่ใช่แค่สะดุ้งและผงะธรรมดา แต่ทุกคนถึงกับถอยกรูดออกห่างต้นเสียงเป็นเมตรเลยทีเดียว เหลือไว้แต่ทิวาที่กลัวจนตัวแข็ง ขยับหนีไม่ออก

          “อะไร ทำเป็นตัวสั่นไปได้ ทีเมื่อกี้เอาแต่คาดคั้นไม่เห็นจะกลัวอะไรฉันเลยนี่” ไม่วายมีต่อ ท่าทางจะลืมตัวเต็มที่ มือหนาจับคางเรียวให้เชิดขึ้นมองหน้าตน ชายหนุ่มก้มเข้าหา ใกล้เสียจนคนมองพากันอ้าปากค้างเพราะนึกว่าสิทธิ์จะจูบหญิงสาว
          “แสดงว่าเตรียมใจเอาไว้แล้วใช่ไหมล่ะ”

          “คุณสิทธิ์ครับ!!”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหนุ่มแว่นที่ออกอาการตื่นตระหนกปนหอบเพราะต้องฝ่าดงสาวมากมายเข้ามาหาสิทธิ์ และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มได้สติสักที

          สิทธิ์ยิ้มค้างด้วยใบหน้าเครียด ซึ่งนั่นยิ่งทำให้คนมองรู้สึกแย่กว่าเดิม ทุกคนต่างพากันออกอาการหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกแย่และกดดันสุดๆที่โดนจับจ้องด้วยสายตาหวาดกลัวแบบนี้ ยิ่งโดยเฉพาะทิวาที่กลัวจนหน้าซีดตัวสั่น อาการเหมือนกำลังจะช็อกตายได้ทันทีที่สิทธิ์ขยับ

          ชายหนุ่มค้างนิ่งเพราะคิดไม่ออกว่าควรจะแก้สถานการณ์ในตอนนี้ยังไงดี ถ้าขยับก็กลัวทิวาจะมีอันเป็นไป รับรองว่าทีนี้ เขาจะได้กลายเป็นเจ้านายผู้เหี้ยมโหดที่สุดที่ทำลูกน้องตายเพียงแค่ขยับ แต่จะให้ค้างอยู่แบบนี้ตลอดไปก็ไม่ได้ด้วย
ถ้าต้องโดนมองแบบนี้…รู้สึกไม่เอาด้วยหรอก…แล้วยิ่งกับหมอนั่น….
ไม่นะ!

          “ฮะฮ่า ตกใจล่ะสิ แสดงว่าฉันหลอกเก่งเหมือนกันนะ”

          คนในห้องต่างพากันเลิกคิ้ว และมองหน้ากัน ยกเว้นก้องที่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใดต่อ

          “แหม คุณสิทธิ์นี่ ทำเอาพวกสาวๆเชื่อสนิทใจเลยนะครับ”

          พอมีคนช่วยเสริม จากที่กำลังไม่แน่ใจ ก็พากันโล่งอกเมื่อสิ่งที่เห็นเมื่อครู่เป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น
แต่ทิวาตัวต้นเหตุยังคงอึ้งนิ่งไม่ยอมขยับ ท่าทางความกลัวจะกระทบเข้าโสตประสาทแรงไปหน่อย ราตรีผู้เป็นพี่สาวเลยต้องช่วยเรียกสติด้วยการหยิกแก้มจนยืด

          “โอ๊ยๆ แก้มจะเหี่ยวแล้ว” พอโดนทำร้ายของหวง ทิวาก็ร้องลั่นและดึงตัวออกมาจากมือของราตรี เมื่อได้สติ เธอก็กลับมาหวาดผวาสิทธิ์อีกครั้ง แต่คราวนี้ออกจะติดงงหน่อยๆ เพราะปีศาจร้ายที่เธอเห็นเมื่อครู่ หายไปจากตัวสิทธิ์แล้ว

          “เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ ขอโทษนะที่ทำให้กลัว” สิทธิ์ยิ้มเจื่อน ท่าทีในตอนนี้กลับมาเป็นปกติเสียจนหญิงสาวแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกับที่เธอเห็นก่อนหน้า “ท่าทางจะสมจริงไปหน่อยสินะ”

          สมจริง…หรือของจริงกันแน่คะ!

          “ฮะๆๆ งั้นหรือคะ หนูก็กลัวแทบแย่แน่ะ” ไม่รู้เพราะความกลัวยังสุมอยู่ในอก หรือเพราะยังไม่อยากจะเชื่อนัก เธอถึงไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ “นี่ยังสั่นไม่หายเลยนะคะ”

          “ฮะๆ โทษทีๆ แกล้งแรงไปหน่อย” ชายหนุ่มตบบ่าลูกน้องเบาๆ “แต่ไอ้เรื่องก่อนหน้านั้น อย่าไปพูดถึงมันเลยเนอะ เรื่องมันไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้น”

          ถ้าเป็นก่อนหน้า เธอก็คงจะตื๊อต่ออยู่หรอก แต่ทั้งที่คุณชายแกยิ้มอยู่แท้ๆ ทำไมกลับรู้สึกกดดันนักก็ไม่รู้

          “งั้นกลับก่อนละกัน” ทั้งที่ยังไม่ถึงตีสอง แต่ผู้เป็นนายกลับเอ่ยปากขอตัวเสียแล้ว “นึกขึ้นได้ว่ามีธุระสำคัญน่ะ”

          คนมาด้วยเผลอนิ่วหน้า แต่พอคิดว่าสิทธิ์อาจจะตัดสินใจดำเนินแผนการแล้ว ก็เลยไม่ถาม พร้อมขับรถกลับทันที


          “…เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

          ทีแรกก้องคิดว่าสิทธิ์ดื่มมากจนอยากจะอ้วก เพราะใบหน้าดูซีดๆ แถมยังออกอาการพะอืดพะอม ทำท่าจะเดินไปพิงเสาไฟที่อยู่ข้างๆรถ แต่ไปๆมาๆกลับเดินมาจับไหล่ก้องแทนเสียอย่างนั้น

          “แย่แล้วครับ!”

          “หา” ก้องนิ่วหน้าอ้าปากค้าง “แย่อะไรครับ”

          “ก็พี่ไม่เห็นเหรอ ในร้านเมื่อกี้ไง” ชายหนุ่มกระซิบเสียงตื่น “แย่แน่ๆ นี่ผมต้องติดโรคชอบทำร้ายไปแล้วแน่ๆ”

          คราวนี้หนุ่มแว่นชักวิตกตาม ทีแรกเขาแค่คิดว่าเพราะดื่มเหล้าบวกกับหงุดหงิดกับการโดนเซ้าซี้ เลยเผลออารมณ์เสียใส่ซะอีก ถึงที่ผ่านมา เขาจะไม่เคยเห็นสิทธิ์อารมณ์เสียรุนแรงขนาดนั้นเลยก็ตาม

          “ใจเย็นๆก่อนนะครับ” ก้องได้แต่บอกเพียงแค่นั้น เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่าควรจะแนะนำทางแก้อย่างไรดีออกไป “หายใจเข้าออกลึกๆครับ…นั่นล่ะครับ…สงบใจได้บ้างไหมครับ…”

          “…ไม่เลยครับ…”

          “งั้นเอาใหม่นะครับ ยกแขนขวาขึ้นมาประมาณไหล่ กำหมัดแน่นๆ…แบบนั้นล่ะครับ แล้วชกผมเลย”

          “หา จะบ้าหรือครับ ผมจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง!” สิทธิ์แหววใส่

          “ถ้างั้นยินดีด้วยครับ ยังเป็นคนธรรมดาอยู่” ก้องบอกด้วยน้ำเสียงติดเสียดายนิดๆ “คุณอาจจะแค่อารมณ์เสีย เพราะโดนตื๊อเรื่องที่ไม่อยากพูดในตอนที่กำลังเมามากกว่าครับ ถ้าเพราะเป็นพวกซาดิสม์ไปจริงๆ คุณคงชกหน้าผมไปแล้วล่ะ”

          สิทธิ์ทำหน้าแหยง แน่ล่ะ บอกอย่างเดียวก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องทำหน้ามีเลศนัยใส่เลย

          “งะ…งั้นหรือครับ” ชายหนุ่มมองมือตัวเองสลับกับอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด “ให้ตายสิ ผมก็นึกว่าตัวเองจะกู่ไม่กลับซะแล้ว”

          “ถ้างั้น ขึ้นรถเถอะครับ เราจะได้รีบกลับกัน” ก้องเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเปิดประตูให้ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้าอีก”

          หนุ่มแว่นทำตัวธรรมดาตลอดทางเมื่อเห็นท่าทางสบายใจของเจ้านาย แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากำลังเครียดกับพฤติกรรมของสิทธิ์อยู่

          แน่ล่ะ ถ้าแค่โวยวายไม่อยากตอบก็ปกติอยู่หรอก แต่ไอ้ช่วงหลังที่มีเชิญชวนปนบังคับนั่นมันอะไรกัน!!!

          ไม่ว่าจะให้นั่งมองหรือยืนมอง หนุ่มมาโซฯก็คิดได้อย่างเดียวว่าคุณเจ้านายแสนดีเริ่มหลุดเข้ามาทางสายมารแล้วเห็นๆ
เอาไงดีวะ ถ้าอยู่ๆถาม มีหวังพ่อคุณต้องเครียดขึ้นมาอีกแน่ๆ…แต่ถ้าปล่อยไว้ มีหวังได้กลายเป็นพวกซาดิสม์เต็มตัวแน่ๆ…เอาไงดีวะเนี่ย

          “…แล้วจะบอกเรื่องเดียร์กับคุณวินเมื่อไหร่ดีล่ะครับ”

          เงียบไปนานเลยทีเดียว แต่พอก้องมองผ่านกระจกก็พบว่าสิทธิ์กำลังทำหน้าครุ่นคิด ไม่ได้แกล้งหลับแต่อย่างใด เขาจึงไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่รอฟัง

          “มะรืนนี้ครับ”

          คนฟังเลิกคิ้ว ก็ใช่ว่าจะไม่พอใจ เพียงแต่เร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ

          “ครับ” ชายหนุ่มขี้เกียจเซ้าซี้ต่อ กลัวจะเสียแผน อย่างน้อย นี่ก็เป็นผลที่น่าพอใจแล้ว

          แต่ถ้าเขาอ่านใจเจ้านายได้ ก้องคงไม่ปล่อยให้เจ้านายกลับบ้านแน่นอน


          จริงอยู่ว่าปกติตอนกลางคืนฤทธิ์จะอยู่เวรเฝ้าระวัง และปกติ สิทธิ์เองก็ไม่ได้กลับมาดึกขนาดนี้ แต่พอเห็นหนุ่มตาตกยืนอยู่หน้าบ้าน คนไปเที่ยวมาก็อดแปลกใจไม่ได้…และยิ่งแปลกใจกว่า เมื่อเห็นฤทธิ์ ซึ่งก่อนหน้าที่พวกเขาจะออกจากนั้น ทำตัวหงุดหงิดหัวเสียอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้กลับยิ้มร่าอารมณ์ดีเหมือนคนกำลังมีความสุขสุดๆยังไงยังงั้น

          “ยินดีต้อนรับกลับมาครับ คุณสิทธิ์” แถมยังทักทายเป็นพิธีจนชวนผวา พร้อมทั้งเปิดประตูบ้านให้อีก “นี่กินอะไรมาหรือยังครับ”

          “เอ่อ กินแล้วครับ” ขนาดสิทธิ์เองยังระแวง “อารมณ์ดีจังเลยนะครับ…”

          “ฮะๆๆ แน่อยู่แล้วล่ะครับ” ฤทธิ์หัวเราะร่าพร้อมตบบ่าเจ้านาย “พอดีวันนี้ผมมีเรื่องจะคุยกับก้องสองต่อสองซักสามสี่ชั่วโมงหน่อยน่ะครับ”

          แบบนั้นไม่เรียกว่าหน่อยแล้วมั้ง

          หนุ่มแว่นผงะเล็กน้อยเมื่อโดนสายตาหวานฉ่ำและหยาดเยิ้มของคุณแฟนมองมา ที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่ชอบหรอกนะ แต่อยู่ๆโดนแล้วมันเตรียมใจไม่ทันเท่าไหร่…และสำหรับก้องแล้ว เขารู้สึกเหมือนรอยยิ้มนั่นแฝงความนัยอย่างอื่นเอาไว้ด้วยชอบกล

          “ได้สิครับ ถ้าเกิดมีอะไร ผมจะตะโกนเรียกนะ” สิทธิ์ตอบรับอย่างเป็นปกติ “ถ้างั้น ผมขึ้นห้องนะครับ ไม่รบกวนละ”

          ปากก็บอกไปแบบนั้น แต่ประตูที่ชายหนุ่มเปิดกลับเป็นประตูห้องตรงข้ามแทนเสียนี่ เขาแทบจะกระโดดดีใจตอนที่รู้ว่า อย่างน้อยๆตนก็มีเวลาเหลือเฟือ กับสิ่งที่คาใจอยู่

          แม้จะเปิดประตูค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องกลับไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าหาเป้าหมายทีละน้อย มือหนาสัมผัสที่นอนนุ่มอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆทิ้งร่างลงข้างเตียง ดวงตาเรียวปรายมองคนที่กำลังหลับสนิทพร้อมกับกำหมัดแน่น ความรู้สึกประหลาดที่พวยพุ่งขึ้นมาในใจทำเอาเขาแทบคลั่ง แต่ศีลธรรมคอยช่วยรั้งไม่ให้ตนยอมทำตามความต้องการเอาไว้

          ทำไมกันนะ…ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้กัน

          เขารู้สึกเหมือนานแล้วที่ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายตรงๆเช่นนี้ มันช่างชวนคิดถึงอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ใจพยายามจะลืมและลบออกไปแท้ๆ

          ชายหนุ่มเชยคางเล็กอย่างเบามือ เสียงลมหายใจดังเป็นจังหวะและราบเรียบ ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับตน

          เอาไงดีวะเนี่ย

          ทั้งที่ตั้งใจไว้แต่แรกแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ เขากลับรู้สึกผิดจนไม่อยากจะทำขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ครั้นจะให้เดินออกไปจากห้องแต่โดยดีก็แสนจะเสียดายเป็นที่สุด เลยได้แต่นั่งงึมงำอมพะนำอยู่ข้างเตียงเช่นนี้

          เราไม่ได้เป็นแบบนั้นนี่…ที่มาน่ะ…ก็เพราะเหตุผลอื่นต่างหาก…ใช่เพราะเหตุผลอื่น…ไม่ได้อยากจะเข้ามาทำร้ายอะไรแบบนี้ ในเมื่อเราบอกพี่ก้องไปแล้วว่าจะจัดการเรื่องทั้งหมดในวันมะรืน ขืนมัวโอ้เอ้มีหวังไม่ได้ทำพอดี โอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้หาง่ายๆแล้วด้วย

          สิทธิ์ค่อยๆดึงผ้าห่มออกมาทีละน้อย เผยให้เห็นร่างบางเพรียวที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมือนผู้หญิงเสียมากกว่าจะเป็นชาย เสื้อนอนคอกว้างสีหวานเผยอออกพอให้เห็นเนินอกที่ราบเรียบ…ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรจะให้มองแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไม ตามันวิ่งไปโฟกัสจุดนั้น แถมดึงกลับไม่ค่อยจะได้ด้วย

          หือ…

          ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย เพราะมือไปโดนเข้ากับของแข็งเล็กๆจำนวนมากบนที่นอน และจากสัมผัส เขาพอจะจำได้ว่ามันน่าจะเป็นกรวดสี

          ไหงมีกรวดบนเตียงด้วยวะ

          เขาได้แต่สงสัย คือถ้ามีที่พื้นนี่ยังพอเข้าใจ แต่มีบนเตียงด้วยนี่คือ เอางานฝีมือมาทำบนเตียง…แล้วจากนั้นก็นอนทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่ปัดออกเลยหรือ…แล้วปกติคนที่ไหนมันจะหลับได้กันล่ะ…

          ด้วยความที่สงสัยไปก็เสียเวลา ชายหนุ่มจึงทำเพียงแค่ปัดกรวดเหล่านั้นออกจากเตียง เพื่อเตรียมตัวปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่นไร้รอยกรวด

          “อือ…”

          เสียงครางด้วยความทรมานดังขึ้น สิทธิ์ถึงกับไหลลงไปหลบที่พื้นอย่างลืมตัว แต่โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ตื่นอย่างที่คิด

          เมื่อทุกอย่างไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ชายหนุ่มก็ขึ้นคร่อมมองร่างเล็กเบื้องล่าง เขากลืนน้ำลายมองอีกฝ่ายอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ทีแรก

          ถ้าเบาๆ…คงไม่รู้สึกตัวหรอก…

          ชายหนุ่มเลิกเสื้อตัวโคร่งขึ้น หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกจากอกเมื่อพบว่า นอกจากเสื้อนอน ก็ไม่เหลือปราการใดๆที่ต้องปลดอีกแล้ว

          สิทธิ์เบิกตามองกับสิ่งที่ได้พบอย่างไม่ทันตั้งตัว หนอนไม่น้อยแต่แลดูน่ารักนอนนิ่งไม่ไหวติง เขาพยายามมองต่ำลงไปยังเป้าหมาย หยิบอุปกรณ์พร้อมลุยขึ้นมาเตรียมตัวทำภารกิจลับจากกระเป๋าหลัง นิ้วเรียวค่อยๆสอดแทรกเข้าสำรวจความพร้อม
          เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่รู้สึกตัว จึงค่อยเพิ่มนิ้วเข้าไปทีละน้อยๆ

          “อือ…”

          ชายหนุ่มหยุดนิ่งเป็นรูปปั้นเมื่อเดียร์ครางขึ้นอีกครั้ง แต่พอเห็นว่าไม่ได้ตื่น สิทธิ์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
จะลักหลับคนนี่ มันระทึกแบบนี้นี่เอง…

          สิทธิ์มองร่างที่นอนนิ่งจนน่าสงสัย ดวงตาเรียวเลื่อนมองท้องน้อยขาวเนียนผ่านความมืดสลัว แสงไฟจากด้านนอกคอยช่วยส่องให้มองเห็นใบหน้าเรียวยามหลับได้อย่างชัดเจน

          ….

          เหมือนมีบางอย่างมาดลใจ ทั้งที่คิดมาตลอดว่าตนไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่าย ความรู้สึกทีเกิดขึ้นในตอนนี้ ตนก็ตีความไปว่าเป็นเพราะความใคร่ความหลงที่ชั่ววูบ

          ลิ้นร้อนสอดแทรกผ่านริมฝีปากบาง ความหวานที่ได้สัมผัสชวนให้รู้สึกหิวกระหาย สติที่ยังเหลืออยู่คอยกระตุ้นเตือนให้ตนไม่ขยี้ดอกไม้ตรงหน้าให้แหลกอย่างที่หวัง ในตอนนี้ที่ต้องการคือแค่ปลดปล่อยความต้องการภายในและเก็บเกี่ยวความสุขนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้…เพียงเท่านั้น…

          …….

          ก็ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแทรกนิ้วเข้าตั้งสามนิ้วไม่เห็นจะตื่น แต่พอจูบเบาๆ คุณกวางน้อยดันตื่นเสียได้นี่!

          สีหน้าของเดียร์บ่งบอกว่าประหลาดใจอย่างแรง แน่ล่ะ ใครมันจะไปคิดว่าตื่นมาจะพบว่าตัวเองกำลังโดนลักหลับอยู่แบบนี้กัน

          แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้อ้าปากพูด มือหนาก็ตรงเข้าปิดปากอย่างรวดเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายจะส่งเสียงร้อง

          “อย่าร้อง ฉันรำคาญ” ด้วยความกลัวสุดชีวิตและคิดมุกไม่ออกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการเผด็จการอย่างเหี้ยมโหด
เดียร์ได้แต่นิ่วหน้ามอง ทีแรกเขาเกือบจะเผลอถามด้วยน้ำเสียงธรรมดาๆแล้ว โชคดีที่อีกฝ่ายปิดปากเขาเอาไว้ทัน เลยไม่ทันได้หลุดพิรุธออกไป

          “อยู่เงียบๆ ฉันจะได้รีบๆจัดการให้เสร็จ”

          แล้วตามปกติใครมันจะอยู่นิ่งๆกันละครับ

          สิทธิ์สะดุ้งเมื่อโดนชกเข้าชายโครงอย่างไม่ทันตั้งตัว ถึงจะไม่แรง แต่ก็เจ็บจนเผลอกัดฟันและอารมณ์เสียขึ้นมาได้ ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างรวบแขนตัวดีที่คอยทุบตนไม่หยุด แล้วกดลงเตียงเสียแน่น

          “ฉันจะไม่พูดซ้ำนะ แต่ถ้ายังขัดขืน อย่าหาว่าฉันใจร้ายละกัน”

          ดีสิครับ ผมรอมานานแล้ว!!!

          นั่นล่ะ ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ แรงขัดขืนกลับเพิ่มขึ้นจนสิทธิ์หัวเสียหนักข้อ เมื่อทนไม่ไหวแล้ว ชายหนุ่มจึงจัดการหยิบอุปกรณ์ฉุกเฉินจากกระเป๋ากางเกง แล้วเอามาคล้องแขนเข้ากับเหล็กดัดบนหัวเตียง

          “อื๊อ…” เดียร์ส่งเสียงในลำคอพอหอมปากหอมคอ ให้เข้ากับการโดนบิดแขน ด้วยความที่อดอยากมาเป็นเวลานานแสนนาน ดั่งคนที่ต้องเดินอยู่กลางทะเลทราย พอได้เจอโอเอซิสเข้า เดียร์ถึงกับสุขล้นทะลักจนไม่อาจห้ามน้ำตาแห่งความปลื้มปลิ่มเอาไว้ได้

          ดวงตาเรียววาวโรจน์ น้ำตานั่นกลับไม่ทำให้เกิดความสงสารใดๆแม้แต่น้อย หัวใจในอกเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มโน้มลงตรงซอกคอ ฝากรอยรักมากมายเอาไว้อย่างไม่นึกทะนุถนอม จนลำคอขาวเต็มไปด้วยรอยปื้นแดงเป็นจุด ลิ้นอุ่นหนาลากไล้ลงอกเล็กนุ่ม ดูดดุนพลางขบกัดติ่งเนื้อแดงจนชอกช้ำ เสียงครางอื้ออึงที่ดังออกมาไม่หยุดรังแต่ช่วยเร้งเร้าความต้องการให้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม

          ชายหนุ่มเหยียดยิ้มกว้างเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีความรู้สึกร่วมขึ้นมา เขาไม่รีรออ้อยอิ่งอีกต่อไป ร่างหนาเข้าแทรกกายสู่ภายในที่ร้อนรุ่ม และขยับกายระบายความใคร่ใส่อย่างไม่มีการรีรอหรืออารัมภบทใดๆทั้งสิ้น

          เดียร์รู้สึกเหมือนจะเป็นลม อยู่ๆเล่นมากรอกความสุขใส่เอาๆโดยไม่ทั้งตั้งตัว ทำเอาเขาถึงกับคุมตัวเองไม่อยู่ ร่างกายมันโหยหาความโหดร้ายมากเกินไปจนเด็กหนุ่มได้แต่ปล่อยให้ร่างกายตอบสนองต่อความสุขสมนั้น

          “คุณ…สิทธิ์….” เสียงหวานกระซิบปนสะอื้น ลืมเสียสิ้นว่าต้องแอ๊บทรมาน ซึ่งโชคดีหน่อยที่อีกฝ่ายไม่ได้มองหน้าเขา ไม่เช่นนั้น คงได้รับรู้ความจริงที่ชวนผวาเป็นแน่ “…ไม่นะ…อย่า…”

          อย่าหยุดนะครับ ขอแรงๆ!

          ร่างสูงเพียงแต่เงียบ คลื่นอารมณ์ที่กระแทกเข้ามานั้นแสนสุขสมเกินกว่าจะหยุดได้ แต่ท่ามกลางความกระสันนั้น กลับมีบางสิ่งที่ขาดหายไป…บางสิ่งที่เซ็กซ์ในยามนี้ไม่อาจเติมเต็มให้กับตัวเขาได้

          “โอ๊ย” เสียงหวานร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนกัดเข้าที่หัวไหล่ มือบางพยายามทุบตีอย่างเอาเป็นเอาตาย ตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่ได้โวยวายให้เลิกทำแต่อย่างใด

          เหมือนได้รับสิ่งที่ต้องการ เพียงแค่ได้เห็นใบหน้า ได้ยินเสียงหวานที่อัดแน่นไปด้วยความทรมาน ช่องว่างที่อยู่ภายในใจจนถึงเมื่อครู่ ได้รับการเติมเต็มจนมิด

          “อึก…”

          ร่างสูงหยุดขยับตัวเมื่อได้ไปถึงฝั่งฝัน ต่างคนต่างหอบหลังจากเสร็จสมอารมณ์หมาย ทุกอย่างดำเนินการจนเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ไม่ได้ทำเสียนาน ไอ้น้ำอดน้ำทนที่มักจะมีเลยหายกันเกลี้ยง

          “ทำไมคุณ…ถึงทำแบบนี้…” หลังจากได้สติ เดียร์ก็เอ่ยถามด้วยความงุนงง โดยลืมไปเสียสนิทว่า ควรจะใส่ความเกลียดชังลงไปในน้ำเสียง อีกทั้งยังไม่คิดจะผลักอีกฝ่ายออกจากตัวด้วย

          สิทธิ์ยังคงเงียบและหอบหายใจใส่ข้างหู พอเด็กหนุ่มจะขยับตัวก็พบว่าอีกฝ่ายนอนเกร็งตัวอยู่ แต่เพียงไม่นาน พ่อหมียักษ์ก็ลุกขึ้นมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว

          “ฉันอยาก มีอะไรมั้ย เธอนั่นล่ะผิดที่ขัดขืน”

          ว่าจบก็เผ่นแผล็วออกจากห้องไป ทิ้งให้เดียร์ได้แต่มองตามหลังอย่างอึ้งๆมึนๆ

          อะไรของเขาเนี่ย!!!


ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดงับ ><

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
กรี๊ด.ด.ด.ด.. ติดมาซะแล้วล่ะความมาโซอ่ะ ติดมาแล้วแน่ๆ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เหอๆ พ่อหมีเสร็จหนูเดียร์ซะแล้ว  :hao7:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
กรี๊ดดด เสพติดนู๋เดียร์ซะแล้วใช่มั้ย อิอิ

ออฟไลน์ Chifuu

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใกล้ซาดิสถ์เต็มขั้นแล้ว555

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
สิทธิ์เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย :laugh3:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 34
         
          เช้าวันใหม่ที่แสนจะสดใส เหล่าคนในบ้านต่างมีสีหน้าอิ่มเอมเข้ากับบรรยากาศ ยกเว้นใครคนหนึ่งที่แม้ผิวพรรณจะดูเปล่งปลั่ง แต่อารมณ์กลับตรงกันข้าม

          “…” ก้องได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อเห็นคนชอบตื่นสายเดินสะโหลสะเหลลงมาก่อนเจ็ดโมง ซึ่งไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนกับว่ายังไม่ได้นอนชัดๆ

          “ผมอยากตาย”

          อึ้งไปสามวินาที “หา”

          “…ขอนมสองแก้วทีสิครับ” สิทธิ์ตัดบทเสียงเนือย พอได้ของที่ต้องการก็จากไปทันที ปล่อยให้ลูกน้องได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่เช่นนั้น

          เรื่องนี้ มันต้องมีคำตอบ!!!

          ในเมื่อแฟนก็หลับไปแล้ว เจ้านายก็เข้าห้องนอนไป หนุ่มแว่นจึงขึ้นไปที่ห้องของเดียร์ และก็พบว่า เด็กหนุ่มตื่นและแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมไปทำงานแล้ว

          “ไงครับ เมื่อคืนมีความสุขดีไหม”

          ก้องชะงักกับคำถาม หนุ่มใหญ่กัดฟันกรอดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปจับไหล่เดียร์ และใช้มือที่ว่างกระทุ้งเข้าลิ้นปี่อย่างแรงจนเด็กหนุ่มตัวลอย

          “ขอบใจ…” เสียงทุ้มดังเล็ดรอดออกจากไรฟันเหมือนไม่ใคร่จะเต็มใจบอกสักเท่าไหร่ “แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆเลยนะ…นี่แกจะหาเรื่องบังคับให้ฉันทำอะไรกัน หา”

          “แหม มองโลกในแง่ร้ายจังเลยนะครับ ที่ผมทำไปก็เพราะอยากช่วยเพื่อนร่วมอุดมการณ์ให้มีความสุขอย่างแท้จริงต่างหาก” เดียร์เอ่ยพลางบิดตัวไปมาราวกับเขิน แต่คนดูกลับรู้สึกพะอืดพะอมกับท่าทีเสแสร้งนั่น “พอดีพี่ฤทธิ์เขาเข้าใจผิดเรื่องที่พี่ก้องช่วยทรมานผมน่ะครับ เห็นโอกาสดี ก็เลยช่วย แค่นั้นเอง”

          ก้องยังคงมองอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร เขาจึงแค่ยักไหล่ ก่อนจะเริ่มสอบสวนต่อ

          “ว่าแต่ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

          ใบหน้ายิ้มแป้นแล้นนั่นหายวับไปทันที

          “เกิดอะไรขึ้น” ก่อนที่เดียร์จะได้พูด ก้องก็ชิงถามก่อน “เกิดล่ะสิ ท่าทางจะไม่ดีมากๆด้วย ไม่งั้นแกไม่เผลอหลุดหน้าเหวอให้ฉันเห็นแบบนี้แน่”

          เมื่อปิดไม่ได้ และก็ไม่มีเหตุผลจะปิด เด็กหนุ่มจึงยอมพูดแต่โดยดี

          “เมื่อคืนคุณสิทธิ์เข้ามาปล้ำผมครับ”

          “หา” หนุ่มแว่นถลึงตาใส่ “แกว่าอะไรนะ ขออีกทีซิ”

          “คุณ สิทธิ์ ปล้ำ ผม ครับ” คราวนี้ช้าๆ ชัดๆ และกระจ่าง “ต้องบรรยายด้วยไหมครับว่าปล้ำแบบรุนแรงขนาดไหน”

          “ไหงงั้นล่ะ” ก้องเอ่ยโดยไม่สนใจมุกของอีกฝ่าย “นายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม”

          “โอ๊ย ถ้าอย่างนั้นอย่าถามผมเลย ไปถามคุณสิทธิ์ดีกว่าไหม” เดียร์ฮึดฮัดใส่ “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณสิทธิ์เกิดคึกอะไรขึ้นมา…อาจจะเพราะเมาก็ได้มั้ง กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนี่ ผมไปทำงานก่อนล่ะ”

          เดียร์ออกจากห้องโดยไม่สนใจจะตอบคำถามต่อ ปล่อยให้หนุ่มแว่นได้แต่ยืนคาใจอยู่คนเดียว

          เกิดอาเพสอะไรขึ้นวะเนี่ย

          ทั้งที่เมื่อคืนคุณเจ้านายก็สัญญาเสียดิบดีแล้วว่าจะไม่ยุ่ง แต่ไหงอยู่ๆกลับมาฉีกสัญญาเสียเองซะอย่างงั้น ครั้นจะให้ไปถามตอนนี้ ก็ดูจะไม่ได้ความเท่าไหร่ด้วย

 

          “สวัสดีจ๊ะ…อ้าว เป็นอะไรไปหรือเปล่าเดียร์”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อน้อยทักด้วยความเป็นห่วง

          “เปล่านี่ครับ ทำไมหรือ”

          หญิงสาวดูไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก “ก็เห็นเราทำหน้ากลุ้ม พี่ก็เลยถามน่ะ”

          นั่นทำให้ตกใจยิ่งกว่า อย่างเขาน่ะหรือจะหลุดสีหน้าให้คนอื่นเป็นห่วงได้ แต่พอหันไปมองกำแพงกระจกหน้าร้าน เด็กหนุ่มก็พบว่าตนมีสีหน้าเช่นนั้นจริงๆ

          “อย่าบอกนะว่า คุณวินเขารู้เรื่องคุณสิทธิ์แล้ว”

          “เปล่าหรอกครับ” เสียงหวานรีบตอบเมื่อเห็นสีหน้าปานโลกจะแตกของอีกฝ่าย “ผมแค่กำลังคิดอะไรเพลินๆน่ะครับ”

          น้อยดูจะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ไม่ได้ถามต่อ กลับไปจัดแจงหน้าร้านต่อ

          เดียร์เดินเข้ามาในห้องพักของร้าน สีหน้าที่ปั้นยิ้มจนถึงเมื่อครู่หุบกลับลงจนเหลือไว้แต่ความกลัดกลุ้มอย่างก่อนหน้า

          ทำไมกันนะ…

          พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้ว มันรู้สึกสับสนไปหมด เจ้าหมียักษ์นั่นต้องการอะไรกันแน่นะ ถึงได้แหกกฎกันแบบนี้ เขารึสู้อุตส่าห์พยายามอดทน แล้วมาทำกันอย่างนี้มันเหมือนยั่วกันชัดๆ!

          เด็กหนุ่มสะบัดหัว ปัดความทรงจำแสนหวานของเมื่อคืนออกไปจากสมอง เพื่อจะไปทำงาน…

          แล้วทำไมภาพตาหมีนั่นถึงกลับมาวนเวียนที่เดิมอีกล่ะฟะ

          ยากที่จะปฏิเสธว่าการอดอยากเป็นเวลานานแล้วมาเจออย่างสุขสมอารมณ์หมายเช่นนี้ ทำให้รู้สึกปลื้มปริ่มมากกว่าปกติ แถมอีกฝ่ายเองก็ช่างมีพรสวรรค์ด้านนี้ด้วย นึกแล้วรู้สึกเสียดายเหลือเกินที่อีกฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น

          เด็กหนุ่มหยุดยืนครุ่นคิดอีกครั้ง ไม่อยากจะเชื่อกับความคิดเมื่อครู่

          นี่เราอยากให้คุณสิทธิ์เป็นคนซาดิสม์อย่างนั้นหรือ

          คงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนแบบสิทธิ์ ถึงได้เกิดความคิดประหลาดแบบนี้ขึ้นมา เดียร์ถอนใจแล้วยิ้มพราย ปัดเรื่องในหัวออกไปเสียสิ้น

          ก็แค่เสียดายความสามารถเท่านั้นล่ะ

 

          ก้องเดินวนไปมาอยู่ในห้องนั่งเล่นจนพื้นสึก ความกังวลเมื่อเช้ายังคงไม่จางหาย หนุ่มใหญ่มองเวลา ป่านนี้น่าจะได้เวลาตื่นแล้ว

          “ยะโฮ~~”

          เสียงทักสดใสมาพร้อมกับการกระแทกฝ่ามือเข้ากลางหลังเต็มรัก ก้องหันไปมองชายหนุ่มผู้มีความร่าเริงทะลักล้น ซึ่งมันก็ชวนให้รู้สึกดีอยู่หรอก แต่มันไม่ใช่ตอนนี้นี่น่ะสิ

          “อะไร ฉันตีไม่แรงพอเหรอ”

          “เปล่าหรอก” แต่ก่อนจะได้ตอบ พ่อคุณก็เหวี่ยงมาอีกเต็มที่จนตัวแทบปลิว “ก็แค่…”

          “พี่ก้อง!”

          ลงมาได้สักที

          สิทธิ์ผงะนิดหน่อยเมื่อเห็นฤทธิ์อยู่ด้วย เขาออกอาการลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

          “พี่ฤทธิ์อยู่ด้วยก็ดี ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยครับ…”

          ทั้งสองพากันเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากรอฟัง

          ชายหนุ่มทำท่าลังเล พออ้าปากจะพูด ก็หุบกลับเข้าไปอีก ซึ่งทำแบบนี้อยู่สองสามครั้ง กว่าจะยอมเปิดปากออกมาได้

          “ผมคิดว่าผมต้องรักเดียร์เข้าแล้วแน่ๆ”

          ในขณะที่ฤทธิ์ยิ่มแฉ่ง ก้องกลับออกอาการเหมือนอยากจะตายขึ้นมาจริงๆจังๆ

          “นั่นเป็นเหตุผลที่คุณคิดจะเปิดเรื่องทีเดียร์อยู่กับคุณให้วินฟังหรือเปล่าครับ”

          “เปล่าครับ” ผู้เป็นนายตอบเสียงแห้ง ดวงตาเรียวเลื่อนมองลูกน้องทั้งสองด้วยความหดหู่เต็มทน “ทีแรก…ผมตั้งใจว่าจะรีบๆจัดการ…เลยทิ้งท้ายเมื่อคืน…แต่แทนที่จะเป็นการทิ้งท้าย…มันกลับไม่ใช่…พอทำลงไป…ถึงได้รู้ว่าจริงๆผมไม่อยากเสียเขาไป…เพราะพี่ก้องนั่นแหละ!”

          คนโดนกล่าวหาถึงกับสะดุ้ง เพราะสายตาที่จ้องมาไม่ได้มีแค่ของสิทธิ์

          “พี่โกหกผม” ชายหนุ่มว่าต่อโดยที่คนฟังได้แต่ยืนหน้ามึน “พี่บอกว่าผมไม่ได้เป็น แต่จริงๆผมเป็นใช่ไหมล่ะ”

          “หา ผมไม่ได้โกหกสักหน่อย ก็แค่พูดจากที่เห็นเท่านั้นเอง” ก้องแก้ตัวพัลวัน ก่อนจะชักสีหน้าใส่ “ผมไม่ได้อยากให้คุณเป็นสักหน่อย ไม่งั้นผมจะพยายามกล่อมคุณเอาเป็นเอาตายว่าอย่าทำไปทำไมกันล่ะครับ”

          “คุณสิทธิ์เป็นอะไรเหรอ”

          คำถามสั้นๆง่ายๆ แต่น้ำเสียงเย็นยะเยือกจนคนฟังรู้สึกหนาวๆ ก้องยังไม่ทันจะอ้าปาก ก็ได้รับความรักอย่างไม่ทันตั้งตัว

          “เดี๋ยวครับพี่ฤทธิ์ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ” สิทธิ์รีบห้าม ก่อนที่หนุ่มแว่นจะสำลักความสุขตายคาเท้าของฤทธิ์ “พี่ก้องเขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรอกครับ”

          “มีเรื่องปิดผม ก็ถือเป็นความผิดแล้วครับ” หนุ่มตาตกกระแทกเสียงใส่ “อีกอย่าง ของชอบหมอนี่อยู่แล้ว ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องหยุดด้วย”

          สิทธิ์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนแทบเท้าแฟนอย่างมีความสุข ซึ่งก้องก็เพียงแต่พยักหน้าให้เท่านั้น

          “แล้วตกลงมันเรื่องอะไร คุณสิทธิ์เป็นอะไรไปงั้นหรือครับ” หลังจากระบายความหงุดหงิดจนสะใจ ฤทธิ์ก็กลับมาเข้าเรื่องต่อ

          พ่อหมียักษ์ตีหน้าเครียด แต่เมื่อรู้แล้วว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องปิด เขาจึงยอมปริปาก

          “ผมคิดว่าผม…กลายเป็นพวกซาดิสม์เหมือนพี่ฤทธิ์น่ะสิครับ”

          “หา” คนโดนอ้างร้องลั่นบ้าน “ผมไม่ได้เป็นคนซาดิสม์นะครับ แค่ไอ้บ้านี่มันชอบ ผมเลยสนองให้ก็แค่นั้น”

          ขนาดไม่ซาดิสม์ ยังใส่ไม่ยั้ง นี่ถ้าเป็นจริงๆ พี่ก้องมิตายเลยรึครับ

          “แล้วมันเกี่ยวกับที่คุณสิทธิ์รักเดียร์ยังไงหรือครับ”

          “นั่นล่ะครับปัญหา” ชายหนุ่มตีหน้าเครียด “ผมชอบเขาก็จริง แต่ความชอบของผม มันมาพร้อมกับความอยากทำร้ายเขาด้วยน่ะสิครับ…”

          “…คุณอาจจะแค่ชอบทำร้าย ไม่ได้ชอบเดียร์ก็ได้มั้งครับ…” คนนอนพื้นที่ไม่ยอมลุกสักที พยายามกล่อมสุดใจ ในเมื่อคุณเจ้านายกลายเป็นซาดิสม์ไปแล้ว อย่างน้อยๆเขาก็ไม่อยากให้อยู่ในเงื้อมมือมารเท่าใดนัก

          “ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแหละครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งเครียด “แต่ก็อย่างที่พี่ก้องบอกนั่นล่ะครับ ผมไม่ได้อยากทำร้ายคนอื่น…นอกจากเขา”

          “แล้วที่คุณทำกับทิวาล่ะ”

          “ตอนนั้น ในหัวผมมีแต่หน้าเดียร์น่ะครับ”

          โธ่เว้ย ไอ้เดียร์ ทั้งหมดมันเป็นเพราะแกนั่นแหละ! แกทำเจ้านายฉันมีราคี! แก!!!

          “แต่เดียร์เขามีแฟนแล้วนะครับ” ประโยคนี้ทำเอาฤทธิ์หันขวับมาหาตน และก้องเองก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องสงสัย แต่ ณ ตอนนี้ จะให้อธิบายเรื่องทั้งหมดก็คงไม่ได้ เลยได้แต่ตะล่อมเจ้านายไปก่อน “ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร การแย่งแฟนคนอื่นมันก็ไม่ดีอยู่แล้วล่ะครับ”

          “ผมรู้ครับ เพราะงั้นถึงได้กลุ้มไง” สิทธิ์ถอนหายใจ “…เพราะทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขามีคนอื่นอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังอยากได้เขา…ยิ่งอยู่ใกล้กันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกดี…รู้สึกชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็อยากจะแกล้งเขา อยากเห็นใบหน้าทรมานของเขา อยากล่ามโซ่เขาให้ติดอยู่กับตัว”

          ผมว่าหลังๆมันดูไม่เหมือนคนอยู่ในห้วงรักเท่าไหร่แล้วนะครับ

          “แต่ผมรู้ว่าเขาเป็นคนธรรมดา แล้วถ้าผมทำกับเขาแบบนั้น เขาจะต้องเสียใจแล้วก็ไม่ชอบแน่ๆ…ผมรู้สึกไม่ดีเลย…แต่จะให้ปล่อยเขา ผมก็ทำไม่ได้…ทำไม่ได้จริงๆ…”

          สิทธิ์เงียบเสียงไป มีเพียงฤทธิ์ที่แสดงสีหน้ากังวลปนเครียดตามไปด้วย ในขณะที่ก้องรู้สึกเหมือนโดนสูบพลังชีวิตออกไปเรื่อยๆ

          “ผมพยายามคิดทบทวนหลายครั้งแล้วนะครับ มันไม่ใช่ความรู้สึกชั่ววูบแน่นอน” ยิ่งย้ำ ก้องก็ยิ่งช้ำใจ “แต่ก็นั่นล่ะครับ ผมก็ดันมาเป็นซะแบบนี้ แถมที่สำคัญคือ เขาก็เกลียดผมออกขนาดนั้น”
         
          “มันก็ใช่ว่าจะไร้หนทางนะครับ”

          และคำพูดของฤทธิ์ ทำเอาก้องอยากจะชักขึ้นมาจริงๆจังๆ

          “…หมายความว่ายังไง…” สิทธิ์นิ่วหน้ามองหนุ่มตาตกซึ่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับตน…ซึ่งดูชั่วร้ายและน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

          “อย่างแรก เขาไมได้เกลียดคุณสิทธิ์หรอกครับ ความจริงแล้วเขาชอบคุณสิทธิ์ต่างหาก เขาบอกพวกผมเองเลยนะครับ”

          ก้องชักกระตุกอยู่บนพื้นรอบที่หนึ่ง

          ใบหน้าของคนฟังดูสดใสขึ้นทันตา “จริงหรือครับ…พี่ไม่ได้โกหกเพื่อปลอบผมหรอกนะครับ”

          “จริงสิครับ ผมจะโกหกทำไม” ฤทธิ์ว่าต่อด้วยรอยยิ้มที่ดูเริงร่ากว่าเดิม “ส่วนเรื่องแฟนของเดียร์ ในเมื่อตอนนี้เขาชอบคุณ และแฟนเขาก็ไม่เห็นจะทำอะไร หรือช่วยอะไรเดียร์ที่เป็นแฟนเลยสักนิด ผมไม่เห็นว่าการที่คุณจะเป็นแฟนกับเดียร์มันเป็นเรื่องผิดตรงไหน”

          ผู้เป็นนายแย้งออกมาทางสีหน้า แต่ก็พูดไม่ค่อยออกนักเพราะส่วนหนึ่งก็อยากเห็นด้วยกับอีกฝ่ายนิดๆ

          “แต่บางที…เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่แสดงตนออกมาอย่างโจ่งแจ้งก็ได้นี่ครับ…”

          “คุณสิทธิ์รู้หรือครับว่าแฟนเดียร์เป็นใคร”

          ก้องชักกระตุกรอบที่สอง

          “คุณชาไงละครับ”

          ได้ยินคำตอบ ฤทธิ์ถึงกับทำหน้าเหวอ แน่ล่ะ พวกเขาเองก็รู้จักชาดี และส่วนใหญ่ทุกครั้งที่เจอ ชามักจะอยู่กับวินตลอด ไอ้เรื่องที่บอกว่าเป็นแฟนกับเดียร์นี่ โคตรจะเป็นไปไม่ได้ แถมยิ่งถ้าวินเกิดรู้ขึ้นมา มีหวังได้โดนฌาปนกิจแบบไม่ทันได้ออกใบมรณะบัตรเป็นแน่

          “ถ้าผมรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก ผมก็คงไม่ทำหรอกครับ…” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเสียเต็มประดา “แต่ตอนนี้มันรักไปแล้วนี่นา ถึงจะรู้ว่าผิดก็เถอะ…ผมเห็นใจคุณชาเขา…แต่ผมก็ตัดใจไม่ได้…”

          “งั้นก็ช่างเขาแล้วเราก็แย่งเอามาเลยสิครับ”

          ก้องชักกระตุกเป็นครั้งที่สาม รู้สึกเหมือนหัวใจชักจะไม่ค่อยดีทุกที…

          “เรื่องนี้ มันไม่เกี่ยวกับว่าใครมาก่อน หรือความรู้สึกผิดอะไรหรอกนะครับ” ฤทธิ์ว่าต่อพร้อมกับเหยียบหลังก้องมิดชนิดว่ากะไม่ให้ลุกขึ้นมาได้ ทำเอาสิทธิ์ผงะเพราะกลัวก้องจะหลังหัก…แม้สีหน้าที่หนุ่มแว่นแสดงอยู่จะเป็นการผ่อนคลายสบายสุดๆก็ตาม “ก็ตอนนี้ คุณรักเดียร์ เดียร์ก็รักคุณ ไม่ได้รักคุณชาแล้ว แค่นี้มันก็เห็นๆกันอยู่แล้วครับ ยิ่งคุณสิทธิ์ลังเลนั่นล่ะ ยิ่งจะทำให้เรื่องมันแย่ลง”

          คนนอนพื้นนึกค้านอยู่ในใจ…อย่าได้พาลูกแกะยักษ์ลงเหวได้ไหมเนี่ย!
         
          “ส่วนเรื่องที่คุณสิทธิ์เป็นพวกซาดิสม์ อันนี้ผมว่าแก้ไม่ยากหรอกครับ”

          ในขณะที่สิทธิ์เงียบเพื่อรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ หนุ่มแว่นกลับออกอาการเหมือนโดนยาเบื่อหนู แต่ในตอนนี้ จะให้ห้ามฤทธิ์ก็เป็นไปได้ยาก เพราะเมื่อใดที่เขาขยับ ส้นเท้าของหนุ่มตาตกที่ยังวางคาไว้บนหลังก็กดลงเหมือนไม่อยากให้ก้องลุกขึ้นมาได้ และมันช่างรื่นรมย์จนเสียดายเหลือเกิน หากจะลุกออกไป

          “ในเมื่อ เราแก้ที่ตัวเองไม่ได้ ก็แก้ที่อีกฝ่ายไงครับ ง่ายๆ”

          พูดง่ายนี่ที่รักจ๋า ไอ้แบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่แค่ชี้โพรงให้กระรอก แต่เป็นสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำชัดๆ…แล้วไอ้จระเข้บ้านั่นก็ทำเนียนว่าว่ายน้ำไม่เป็นเก่งซะเหลือเกิน!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
กรี๊ดด.ด.ด. 555+ อารมณ์นี้ถึงกับไปต่อไม่เป็นกันเลยทีเดียวนะคุณก้อง!

ออฟไลน์ Chifuu

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สิทธิ์รู้ตัวแล้วว่าเป็นซาดิสถ์
อยากให้เดียร์รู้ด้วยจริงๆ เดียร์จะรู้ตอนไหนเนี่ย คงดีใจน่าดู5555

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 35

          “เดียร์!”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเมื่อโดนเรียกใส่ข้างหู เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าเจ้าของร้านสลับกับลูกค้าหนุ่มที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนตรงหน้าเขา เดียร์จึงนึกขึ้นได้ว่าตนยืนเหม่อลืมทอนเงินให้อีกฝ่าย

          “เป็นอะไรหรือ วันนี้เหม่อทั้งวันเลยนะ” หลังจากลูกค้าออกจากร้านแล้ว น้อยก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

          แล้วจะให้เขาพูดได้ไงว่ามัวแต่คิดถึงเรื่องที่โดนย่ำยีเมื่อคืน…แถมยังคิดอย่างคะนึงหาเสียด้วย

          “...นี่จริงๆแล้วพี่เธอรู้เรื่องคุณสิทธิ์…ใช่ไหม” คราวนี้ถามซ้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เธอไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ…โอเค ถึงจะเป็นบ้าง แต่ก็ไม่นานขนาดนี้”

          เดียร์อึกอัก ใจจริงก็อยากจะรับไป แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ คุณพี่วินแกยังไม่รู้นี่น่ะสิ เขาเลยไม่รู้ว่าควรจะยอมรับไปดี หรือจะหาข้อแก้ตัวอื่นไปก่อน

          “…ถ้าอย่างนั้นผมขอถามอะไรพี่น้อยหน่อยสิครับ” เด็กหนุ่มเกริ่น “การที่คนที่บอกว่าเกลียดเรา มาทำเรื่องเหมือนกับคนรักกับเรานี่ เขาคิดอะไรกับเราหรือครับ”

          ช่อดอกทิวลิปที่เพิ่งจัดเข้าช่อเสร็จอย่างสวยงามร่วงหล่นลงพื้นไปในทันที

          “โอเค พี่จะไม่ถามนะว่าใคร” สีหน้าของน้อยกึ่งปลื้มปริ่มกึ่งกลัดกลุ้ม เธอจับบ่าของลูกน้องแน่น “แต่เดียร์ต้องหนักแน่นเข้าไว้นะ เพราะถึงยังไง เดียร์ก็มีคุณสิทธิ์แล้วนะจ๊ะ จะเผลอปันใจให้เขาไม่ได้เชียวนะ”

          “…ครับ ผมรู้…” เด็กหนุ่มตอบรับ ในคนละเหตุผล “แต่ผมมีเหตุจำเป็นต้องอยู่ใกล้เขา เพราะงั้น ถึงจะพยายามหนีมากเท่าไหร่ เขากลับเข้ามาใกล้ผมทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ควรนี่ล่ะสิครับ”

          ณ ตอนนี้ คุณเจ้าของร้านจินตนาการไปไกลโขแล้ว…ความรักของมือที่สาม ซึ่งฟังแล้วน่าจะไม่ใช่ใครอื่น ก็คงไม่แคล้วลูกน้องของสิทธิ์สักคนเป็นแน่...

          “เอาเถอะครับ ผมก็จะพยายามถอยห่างเขาเท่าที่จะทำได้” เดียร์รีบตัดบทเพื่อเรียกสติ ก่อนที่น้อยจะคิดเลยเถิดไปไหนต่อไหน “ผมว่าเรากลับมาทำงานกันต่อดีกว่า”

          น้อยได้แต่บึ้งหน้าใส่ ก่อนจะหันไปทำงานต่อ…ของแบบนี้ไว้กลับบ้านไปจิ้นก็ได้

 

          ก้องนิ่วหน้ามองเวลาบนรถ หนุ่มใหญ่นั่งถอนใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ เขาเบนสายตามองเข้าไปยังร้านดอกไม้ที่อยู่อีกฟากฝั่งของถนน ซึ่งมีมารในคราบลูกกวางตัวน้อยกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง ส่วนเขาก็มารอรับตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายแกมบังคับมาจากเจ้านาย…ซึ่งความจริงแล้วมันจะต้องทั้งไปรับและไปส่ง แต่เจ้าเด็กมาโซฯมันไม่ยอม เลยต่อรองกันไปต่อรองกันมาจนได้แบบนี้

          บอกมันดีไหมวะ

          ประโยคคำถามที่วนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของหนุ่มแว่น ตอนนี้เจ้านายของเขาก็รู้ตัวไปแล้วว่าเป็นพวกซาดิสม์แถมยังรักเดียร์ ซึ่งดูยังไงก็เข้ากันประดุจกิ่งทองใบหยก...แต่ปัญหาคือเจ้าเด็กบ้านั่นแหละ เขามั่นใจว่าถ้าบอกความจริงไป เจ้าเดียร์มันต้องปลื้มปริ่ม ยินยอมพร้อมใจวิ่งขึ้นไปนอนบนเขียงให้สิทธิ์สับแน่ ซึ่งนั่นมันก็แค่ความชอบที่รสนิยมตรงกันเท่านั้น ไม่ใช่เพราะความพิศวาสอะไรเลย

          หากเดียร์ออกอาการหวั่นไหว หรือชอบสิทธิ์สักนิด โดยไม่มีเรื่องความเจ็บปวดมาเกี่ยวข้อง บางทีก้องอาจจะไม่คิดมากเช่นนี้ก็ได้ แต่เพราะเด็กหนุ่มเคยพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่าไม่ได้คิดอะไรกับสิทธิ์…ไหนจะเรื่องของวินอีก ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็เป็นเรื่องยากที่จะยอมให้ความรักครั้งนี้เกิดขึ้นได้

          แบบนั้น มันไม่ต่างอะไรกับคนที่นอนด้วยกันแค่เพราะเซ็กซ์นี่ ของไม่ยั่งยืนแบบนั้น เกิดเบื่อเมื่อไหร่ ก็จบกัน และก้องก็มั่นใจด้วยว่าคนที่ออกปากบอกก่อน ต้องเป็นเดียร์แน่นอน

          ก๊อกๆ

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนที่เคาะกระจก แล้วปลดล็อกประตูให้อีกฝ่าย

          “เฮ้อ”

          เสียงถอนหายใจที่ดังอย่างไม่เกรงใจใครดังขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ก้องตั้งใจจะพูด หนุ่มแว่นเลยได้แต่เงียบแทน พอมองผ่านกระจกหลัง เขาก็ต้องนิ่วหน้า เพราะเจ้าเด็กมาโซฯนั่นกำลังมองเขาอยู่

          “…มีอะไร” ก้องถามอย่างไม่แน่ใจนัก

          ดวงตากลมเลื่อนไปมองอีกฝ่าย สีหน้าดูกลัดกลุ้มปนเหนื่อยใจจนน่าแปลก เพราะไม่เคยเห็นเดียร์มีสีหน้าเช่นนั้นมาก่อน

          “ถ้าอยู่ๆพี่ฤทธิ์มาร้องไห้ฟูมฟายใส่พี่ บอกว่าไม่อยากจะทำร้ายพี่แล้ว พี่ก้องจะยอมตาม หรือเลิกกับพี่ฤทธิ์”

          เผลอเหยียบเบรคสุดเท้าทันที โชคดีที่ไม่มีรถวิ่งตามมา ไม่อย่างนั้นได้เกิดโศกนาฏกรรมแน่นอน

          “ไหงถามงั้น” ด้วยความระแวง เลยไม่ตอบคำถามในทันที

          “ก็แค่อยากรู้…ไม่ได้หรือครับ”

          ใบหน้าที่มองมาดูนิ่งเรียบและไม่ยิ้ม แต่กระนั้นก้องก็ยังนึกผวาไม่เลิก กลัวเหลือเกินว่ามันจะมีแผนการอะไรไว้อยู่ในใจ

          “เออๆ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ” พอเห็นอีกฝ่ายระแวงไม่เลิก เดียร์เลยขี้เกียจรอฟัง “ว่าแต่พี่ก้องได้ถามคุณสิทธิ์เรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า ว่าเขานึกอะไรถึงได้มาปล้ำผม”

          เข้าใจถามเหลือเกินนะเอ็ง

          “เมาน่ะ” เป็นคำตอบที่ง่ายและใช้ได้ผลที่สุดแล้ว “หงุดหงิดตัวเองน่าดูที่เผลอทำนาย…”

          ประโยคหลังก็แค่อยากพูดเพราะกลัวเดียร์จะรู้สึกถึงเหตุผลที่สิทธิ์ทำ แต่จากที่คิดว่าเดียร์จะไม่สนใจ ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม

          “เฮ้” ก้องเรียกคนที่นั่งนิ่งเป็นหุ่น “เป็นอะไรของเธอ”

          “เปล่าครับ…แค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ” เสียงหวานกลับมาร่าเริงกลายเป็นคนเดิมอีกครั้ง ทำเอาก้องทั้งโล่งใจและผวาไปพร้อมกัน “ตกลงคุณสิทธิ์เขาพร้อมจะบอกเรื่องผมให้พี่วินรู้หรือยังล่ะครับ”

          “…ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็คงพรุ่งนี้” ก้องบอกไปตามตรง ก็ถึงคุณชายแกจะสารภาพว่ารัก แต่ก็ไม่เห็นบอกว่าจะเปลี่ยนกำหนดการแต่อย่างใดนี่ “มั้งนะ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดอยากเปลี่ยนกำหนดการเอาดื้อๆก็ได้”

          “ไม่หรอกครับ เพราะถึงจะพยายามเปลี่ยนยังไง กำหนดการก็คงเปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะครับ”

          ก้องเหล่มองเดียร์ผ่านกระจก ทันทีที่เห็นรอยยิ้มบางบนใบหน้าหวาน เขาถึงกับเลื่อนกลับไปมองถนนต่อทันที และไม่ต้องถามให้เสียเวลา เดียร์ก็พร้อมจะเฉลยด้วยใบหน้าแช่มชื่น

          “พรุ่งนี้พี่อาจจะเหนื่อยกับระเบิดที่ลงหน่อยนะครับ”

          มันเหนื่อยตั้งแต่แกเดินเข้ามาในชีวิตคุณสิทธิ์แล้วล่ะ…ไม่สิ กรณีนี้เรียกว่า ผิดที่คุณสิทธิ์ใช้แผนบ้าๆบอๆนี้มากกว่า

 

          ชานิ่วหน้ามองเอกสารเป็นกองบนโต๊ะ ซึ่งครึ่งหนึ่งไม่ใช่งานของเขาเลย แต่จากคำสั่งของคุณรองประธาน เขาจึงมีหน้าที่ที่จะต้องสะสางงานของฝ่ายธุรการไปเกือบครึ่ง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลย ว่าทำไมอยู่ๆถึงได้รับแจ็คพอตแบบนี้ แต่ถามไปมาริสาก็เอาแต่จ้องหน้าและเทศนาด้วยเสียงแหลมสูงกลับ แล้วพอวินจะไปช่วยพูดก็โดนโจมตีกลับมาอีก ชาจึงได้แต่ก้มหน้าทำงานตามไปอย่างไม่อาจปริปากบ่นได้

          “ตายหรือยัง”

          ชาสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเจอแฟ้มหนาตีเข้าที่ท้ายทอย ชายหนุ่มหันไปมองร่างสูงผู้มีใบหน้าเหมือนคนอารมณ์เสียตลอดเวลา ซึ่งแม้จะดูบึ้งตึง แต่คนเป็นลูกน้องก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเป็นห่วงอยู่

          “ก็อย่างที่เห็นละครับ” และด้วยเพราะเหตุนั้นเลยอดยิ้มหน้าบานให้ไม่ได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่แอบเป็นห่วงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เลยแจกความรักเข้าไปอีกดอกแรงๆตรงที่เดิม

          “แม่เรียกนายกับฉันไปพบ รีบๆยกก้นขึ้นมาได้แล้ว ฉันขี้เกียจโดนแว้ดใส่หู สงสัยจะพูดเรื่องที่อยู่ๆก็โยนงานให้นาย”

          ชาเพียงแต่พยักหน้ารับก่อนจะเดินตามหลังเจ้านายไปอย่างอ้อยอิ่ง เพื่อที่จะให้วินหันมากระชากเสื้อตนให้รีบเดินตาม

          ทันทีที่เดินเข้าห้องของรองประธาน เจ้าของห้องก็ตวัดสายตาหาผู้มาเยือนประดุจเสือจ้องเหยื่อ ทำเอาวินที่อารมณ์บูดมาตั้งแต่เมื่อครู่ถึงกับหลบตาหนี แม้ว่าคนที่โดนจ้องจริงๆจะเป็นชาก็ตาม

          “เอ้า”

          มาริสาโยนซองใส่เอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะ แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้ลูกชายกับคนติดตามพากันทำหน้างง จนศิวะ เลขาและคนติดตามของมาริสาต้องเป็นคนอธิบายให้

          “นี่เป็นเอกสารโยกย้ายตำแหน่งงานครับ” หนุ่มร่างสูงเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนิ่ง “ของคุณชา”

          “หา” คนร้องกลับเป็นวินแทน “ย้ายงาน ย้ายไปตำแหน่งไหน ที่นี่ก็ไม่มีตำแหน่งไหนขาดอยู่นี่”

          “ก็ไม่ใช่ที่นี่ยังไงล่ะ” รองประธานเอ่ยเสียงนิ่ง แต่ดวงตาคมที่ปรายมองลูกชายเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ที่ชลบุรีเขากำลังขาดคน”

          “หา” คราวนี้ร้องเสียงดังอย่างลืมตัว “แต่เดี๋ยวสิ ทำไมมันกะทันหันแบบนี้ล่ะครับ ทำไมแม่ไม่บอกผมก่อนล่ะ…แต่ถึงบอกผมก็ไม่ให้ชาไปหรอกนะ หมอนี่เป็นลูกน้องผมนะ มาใช้งานตามใจชอบได้ยังไง แม่มีเหตุผลอะไรถึงให้หมอนั่นย้ายงานไปที่นั่นกันล่ะ”

          “มันต้องมีแน่อยู่แล้ว!” ท่าไม้ตายเสียงแปดหลอดดังกระแทกหน้าวิน เท่านั้นยังไม่พอ เล็บสวยที่ดูแลเป็นอย่างดีพุ่งเข้าจิ้มตรงหน้าผากลูกชายอย่างไม่มีการเห็นใจใดๆ “แกคิดว่าฉันโง่นักหรือไง หรือแกจำไม่ได้แล้วว่าสัญญาอะไรกับฉันเอาไว้ เอ้า พอจะทำให้หายความจำเสื่อมได้ไหม”

          มาริสาขว้างซองเอกสารอีกอันใส่หน้าวิน รูปที่อยู่ในซองพากันร่วงกระจายเต็มพื้น และนั่นก็ทำให้หนุ่มแว่นตาโตหน้าซีด เพราะบรรดารูปตรงหน้า เป็นรูปของตนตอนที่ไปหาเดียร์เมื่อวันก่อน

          “ในเมื่อแกกล้าผิดสัญญา ฉันก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอดทน” ผู้เป็นแม่กรีดเสียงแหลม “ฉันจะส่งคนไปทำลายร้านนั้นซะ เอาให้มันอยู่ไม่ได้ แล้วพอมันไปทำงานที่ไหน ฉันก็จะส่งคนไปตามราวีเรื่อยๆ เอาให้กลายเป็นหมาอยู่ข้างถนนเลย”

          “ไม่นะครับ!!” วินว้ากลั่น “แม่จะทำผมยังไงก็ได้ แต่เดียร์ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย ผมไปเพราะผมอยากไปเองนะครับ”

          “อ๋อ มีออกรับกันแทนงั้นหรือ” ยิ่งพูดเหมือนยิ่งเลวร้ายหนักกว่าเดิม “แกน่ะ โดนแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก แต่ไอ้ลูกแมวขโมยนั้นฉันก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน!”

          “เอ่อ…แต่ปกติแล้ว คุณมาริสาก็ส่งคนไปทำร้ายคุณเดียร์เขาตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ครับ”

          ความจริงอันน่าสะพรึงที่อยู่ๆก็มาเปิดเผยกันโต้งๆ ทำเอาทั้งมาริสาและวินต้องหันไปมองชา ลูกน้องแสนดีที่ยังคงทำหน้านิ่งทั้งที่เพิ่งปล่อยตอร์ปิโดใส่ไปหมาดๆ

          “หมายความว่าไง” วินถามอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้ไป “นายจะบอกว่า แม่แกล้งเดียร์มาตลอดเลยงั้นหรือ”

          “ก่อนที่คุณจะสัญญาอีกครับ” ชาเสริมต่ออย่างไม่กลัวตาย “ในขณะที่คุณวินรักษาสัญญาแล้วแอบทำผิดแค่ครั้งสองครั้ง แต่คุณมาริสา ไม่รักษาสัญญาที่มีต่อคุณวินสักนิดเดียวเลยครับ”

          “แก!!” เสียงแปดหลอดทะลุหูอีกครา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผลต่อคนมาโซฯอย่างชาแม้แต่น้อย “แกกล้าดียังไงมาใส่ความฉัน มีหลัก…”

          “ถ้างั้นลองไปถามคุณตี๋ฝั่งธนฯที่รับจัดหานักเลงมาให้คุณมาริสาดีไหมล่ะครับ…จะว่าไป ในร้านคุณตี๋เขามีกล้องวงจรปิดด้วยนี่ครับ คงดูได้ว่าลูกค้าคนไหนมาใช้บริการบ้าง ดีไหมครับ แต่เพื่อความรวดเร็ว ผมก็ซื้อเทปก็อบปี้ที่บันทึกภาพตอนที่คุณมาริสาไปใช้บริการที่นั่นเผื่อไว้แล้วล่ะครับ จะดูตอนนี้เลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้”

          เมื่อจนหนทาง มาริสาจึงได้แต่กัดฟันกรอดๆ จ้องหน้าชาปานจะฆ่าแกง

          “ฉันหลงนึกว่าแกเป็นพวกเดียวกับฉัน สันดานหมาข้างถนนมันไม่เปลี่ยนจริงๆ” รองประธานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชนิดที่ว่า ถ้างับหัวชาได้ คงทำไปแล้ว “แต่เรื่องย้ายงาน ฉันไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ ไม่ว่ายังไง แกก็ต้องไป ไปให้ไกลจากตาวินให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”

          พูดง่ายๆคือ ให้ผมไปไกลๆ จะได้ไม่มาคอยยุให้คุณวินไปหาคุณเดียร์อย่างนั้นสินะ…

          “เรื่องแน่ะ ผมบอกแล้วไงว่าชามันเป็นลูกน้องผมนะ แม่หรือใครก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ให้มันทำนู่นนี่ทั้งนั้นล่ะ”

          “อ๋อเหรอ งั้นฉันให้แกเลือก ระหว่างไอ้ลูกเห็บ กับหมา แกจะเลือกอะไร”

          เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ ว่าคุณแม่หมายถึงใครกับใคร

          “ผะ…ผมไม่เลือกทั้งนั้นแหละ เพราะต่อให้เลือก แม่ก็ทำตามใจอยู่ดี ขนาดสัญญาครั้งก่อน แม่ยังไม่รักษาสัญญาเลย” วินแย้งกลับเสียงขุ่น “ผมไม่เข้าใจ แม่จะแค้นอะไรเดียร์นัก ลูกเมียเก็บคนอื่น แม่ไม่เห็นจะแคร์อะไร…”

          “ก็เพราะแม่มันไง!!!” การตะเบ็งเสียงแข่งกับมาริสา คือการฆ่าตัวตายเพราะโดนเสียงที่ดังกว่าโจมตีกลับมา “เพราะแม่มันเป็นเพื่อนสนิทกับฉัน…เพื่อนที่ฉันคบมาตั้งแต่เด็ก เพื่อน….ที่มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน…ยัยเพื่อนทรยศนั่น!!!”

          เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของแท้…คนในห้องเริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมมาริสาถึงได้แค้นเคืองเดียร์นัก ยิ่งพ่อคุณแกโตมายิ่งเหมือนแม่ตัวเองสุดๆแบบนี้ จะไม่ให้เห็นภาพซ้อนของเพื่อนสนิทที่แอบฟีเจอริ่งกับสามีตัวเองได้ยังไง

          วินอ้าปากพะงาบๆ ก่อนจะเริ่มแย้งต่อ “ถ…ถ้าอย่างนั้น แม่ก็น่าจะโกรธพ่อด้วยสิครับ ของแบบนี้ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ”

          “เหรอ แล้วแกคิดว่าทำไมพ่อแกหนีไปทำงานต่างประเทศ ไม่ยอมกลับมา แล้วไม่บอกว่าอยู่ส่วนไหนของโลกมาสี่ปีแล้วล่ะ หืม” มาริสาย้อน “ถ้าอยากให้ฉันเลิกยุ่งกับไอ้เด็กเวรนั่น ลองตามหาพ่อแกมาใส่พานให้ฉันสิ รับรอง ฉันเลิกหงุดหงิดใส่พวกแกแน่”

          หนุ่มแว่นได้แต่ตะลึงกับข้อเสนอที่ให้ไปงมเข็มใต้มหาสมุทร ขนาดแม่กับเขายังไม่รู้เลย แล้วจะไปหาจากที่ไหนให้ได้กัน

          ในขณะที่ประธานกับรองประธานกำลังเถียงกันอย่างดุเดือด หนึ่งในผู้ที่เป็นประเด็นการด่ากลับทำเพียงแต่นิ่งเงียบ ชากำลังนึกครุ่นคิดเกี่ยวกับรูปถ่ายตรงหน้า เขากัดฟันแน่น มีหรือที่ดรจะไม่รู้เรื่องนี้ ในเมื่อตอนนี้เจ้านั่นก็ต้องอยู่ดูเหตุการณ์ด้วยแท้ๆ เพราะถ้าดรไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ดรก็น่าจะอยู่ในรูปด้วย และก็ต้องมาขึ้นเขียงร่วมกับเขาแน่นอน

          แต่การที่ไม่มีรูปแบบนี้ มันคิดได้อย่างเดียวคือ หมอนั่นรู้ แต่ไม่ยอมบอกตน และเขาก็รู้ด้วยว่าทำไม

          ไอ้คุณเดียร์!! แกไปทำเสน่ห์ยาแฝดอะไรใส่ไอ้ดรมันน่ะ หา!!!

          “เอ่อ…ขอโทษครับ”

          ผู้เข้ามาเยือนคนใหม่ทำเอาชาเผลอบึ้งหน้าใส่ ช่างมาได้จังหวะราวกับรู้เสียเหลือเกิน ยิ่งเห็นใบหน้าที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเสียเลย ชายิ่งอยากฝากรอยหมัดไว้ให้สักรอย

          “ทำไมไม่เคาะประตูหา!!!” และไม่ต้องทำ มาริสาช่วยตบหน้าด้วยเสียงให้ทันที

          “…เคาะแล้วครับ เคาะตั้งสี่ห้ารอบแล้วครับ” ธานินทร์เอ่ยเสียงอ่อน ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาร่าเริงจนน่าเตะเหมือนเดิม “ว่าแต่เถียงกันรุนแรงจังเลยนะครับ เสียงดังไปถึงข้างนอกเลย”

          “งั้นหรือครับ แต่ผมว่ามันไม่น่าจะดังไปถึงชั้นล่างของผู้บริหารได้หรอกครับ” ชาสวนใส่ด้วยความหมั่นไส้ทันที

          “อ๋อ พอดีผมเดินขึ้นมาส่งเอกสารให้ฝ่ายโฆษณาเขา แล้วบังเอิญเดินมาได้ยินต่างหากล่ะครับ”

          “แหม เป็นถึงผู้บริหารแท้ๆ แต่มาส่งเอกสารให้อย่างกับเป็นเบ๊ประจำสำนักงานเลยนะครับ”

          “พอๆ” รองประธานสั่งลั่น ก่อนจะหันไปหาธานินทร์ “มีอะไร”

          “ผมแค่สงสัยน่ะครับ…คิดว่าเรื่องย้ายตำแหน่งงานจะเป็นเรื่องที่คุณวินเห็นด้วยเสียอีก” ไม่ว่าเปล่า มีปรายตามองมาทางชาเหมือนประหลาดใจเต็มทน “เอ๊ะ หรือว่าคุณวินไม่ได้รู้เรื่องนั้น…อุ๊บ”

          ชาเผลอพ่นลมออกมา…ทำเสียงได้ตอแหลมาก

          “หมายความว่าไง” คราวนี้วินเป็นฝ่ายถามขึ้น

          “ก็เรื่องที่ว่า คุณชาเขาลอบเป็นแฟนกับคุณเดียร์มาตั้งนานแล้ว จากนั้นก็วางแผนจะหนีตามกันโดยไปขอให้คุณสิทธิ์ช่วยไงล่ะครับ”

          แต่ละคนต่างพากันอ้าปากค้าง แต่กรณีของชาคือ ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าแต่งเรื่องโกหกพกลมได้ประสาทกลับขนาดนี้

          “…………………ฮะ? จะเป็นไปได้ยังไง บ้าหรือเปล่า” แต่ก่อนที่จะพูดประโยคนี้ สายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงและคั่งแค้นของวินก็หันไปทางชาอยู่นานสองนาน

          แต่แทนที่คุณผู้บริหารจะยิ้มเจื่อนเปลี่ยนเรื่องตามประสา อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้างกว่าเดิม จนชาเริ่มขนลุกตงิดๆ

          “ไม่ลองถามคุณชาดูล่ะครับ ว่ามันจริงหรือเปล่า”

          “มันก็ต้องไม่มีทางเป็นความจริงแน่อยู่แล้วล่ะครับ” ชาสวนก่อนที่วินจะหันกลับมาหาตน “ผมว่าคุณธานินทร์ทำงานหนักมากไปหรือเปล่าครับ ถึงได้เบลอๆ เห็นภาพหลอน หรือคิดไปเองอะไรแบบนี้”

          “ฮะๆๆ มีอารมณ์ขันจังเลยนะครับคุณชา” หนุ่มตาตกหัวเราะร่วนราวกับไม่สะทกสะท้านต่อคำเหน็บเหล่านั้น “จะว่าไป ผมได้ยินว่าคุณชาลางานไปเมื่อวันก่อนนี่ครับ ไปทำอะไรหรือ”

          “ผมว่ามันออกจะเป็นเรื่องส่วนตัวเกินกว่าที่จะบอกให้ใครต่อใครมารับรู้นะครับ” หรือก็คือ อย่าเสือกนั่นเองล่ะครับ

          “ส่วนตัว หรือไปทำอะไรที่บอกคุณวินไม่ได้กันล่ะครับ”

          คราวนี้ชายิ้มและกัดไม่ออก ยิงเห็นสีหน้าเหมือนกำลังถือไพ่เหนือกว่านั่นแล้ว ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกหวั่น

          “นี่ตกลงอยากจะพูดอะไรกันแน่ เข้าเรื่องทีได้ไหม” วินเริ่มทนไม่ได้ “เรื่องที่ชาลางานเกี่ยวอะไรกับที่นายพูดกัน”

          “ก็วันนั้นเขาไปเจอคุณเดียร์นี่ครับ”

          ชาถึงกับชักสีหน้าเพราะไม่คิดว่าเวลาห้านาทีนั่น จะโดนคนที่ไม่อยากเจอมาพบเข้า เขาว่าตนก็ระวังตัวเป็นอย่างดีแล้ว……

          ……………………………………หยุดคิดไปสามวินาที………………………………………….

          ที่คุณต้องทำ ก็แค่อดทน แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นก็พอครับ

          ไอ้คุณเดียร์!!!!


___________________________________________________________

ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้มากเลยงับ แม้คนเขียนจะไม่ได้เมนท์ตอบ แต่อ่านทุกเมนท์นะงับ TT[]TT แม้จะเมนท์สั้นเมนท์ยาว เมนท์ชมเมนท์ติก็ล้วนแล้วแต่เป็นกำลังใจอย่างมหาศาลจริงๆงับ

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
จะตามจนจบนั่นล่ะน้าา :katai5:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เจ้มจ้นจริงๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แปะไว้ก่อน ตลกดี :man1: :man1: :man1: :man1:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ชาเอ๋ย..งานนี้นายได้ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดแน่  ดีไม่ดีอาจอยู่ค้างบนสวรรค์ไปชนิดวิญญาณไม่กลับเข้าร่างเลยก็เป็นได้

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
หมั่นไส้อิธานินนัก  ชิส์ บังเอิญผ่าน
แต่คุยกะเค้ารู้เรื่องจนได้เรื่องจิงๆ :m31: :m31:

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl

ออฟไลน์ lovegoldfish

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ตามอ่านทันล่ะ 

ตอนแรกนึกว่าจะดราม่า ดันฮาซะงั้น :pigha2:

ชอบตัวละครทุกตัวเลย :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด