รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
ตอนที่ 32
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะคิดแบบนั้นหรอกนะ แต่ปัญหาคือไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปนี่แหละ
เดียร์เหม่อมองแสงไฟในห้อง คิ้วบางขมวดเข้าหากันพร้อมบึ้งหน้า เขาเองก็ยังนึกสงสัยตัวเองเช่นกัน ปกติแล้วคนส่วนใหญ่ก็มักทำดีกับตนให้ทั้งนั้น แถมเผลอๆบางอย่างยังจะมากกว่าที่สิทธิ์ทำอีก แต่เขาก็สามารถปั้นยิ้มและผ่านมันมาได้โดยที่ไม่มีการออกอาการวีนใส่แม้แต่นิดเดียว
เกิดอะไรหว่า
เขาได้แต่ครุ่นคิดกับความผิดปกติของตน ไอ้ที่บอกไปว่าเพราะรับไม่ได้กับการกระทำของสิทธิ์ก็มีส่วน แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเหตุผมมันไม่ใช่แค่นั้น เพราะกับดรหรือลูกน้องคนอื่นที่รังเกียจเขา ตอนเวลาพวกเขาแสร้งทำดีใส่ เดียร์ก็ยังเฉยๆเลย
แล้วมันทำไมกันนะ
เด็กหนุ่มพยายามย้อนความจำที่มีต่อสิทธิ์…ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มตีหน้าเหี้ยมเสี้ยมคำด่าใส่มันช่างฟินยิ่งนัก…ตอนที่ทำหน้าเริงร่าท้าลมร้อนอย่างกับเด็กๆนั่นก็ดูเฉยๆ ไม่ได้ชวนหงุดหงิดอะไรเลยสักนิด ออกจะดูตลกจนเผลอกระตุกยิ้มตามไปด้วย…ไอ้ท่าทีเป็นห่วงนั่น ถึงจะดูน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อยากวีนแตกขนาดนั้น เพราะเทียบกันแล้ว วินน่ารำคาญกว่าเยอะ แต่ตนก็ยังทนมาได้ตั้งเกือบยี่สิบปีแท้ๆ…
……
ทันทีที่ภาพใบหน้าประดุจหมาหงอยของสิทธิ์โผล่ซ้อนมา เดียร์ถึงกับรีบลืมตาลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้หัวจนยุ่งเหมือนต้องการให้ภาพนั้นหายไปจากสมอง ความขุ่นเคืองพวยพุ่งจนเขาเผลอกัดฟันแล้วทุบเตียงเต็มแรง
ใช่ ไอ้สีหน้าชวนสมเพชพรรค์นั้นนั่นแหละที่ขัดใจเป็นบ้า!! มันใช่ไหม…มันไม่ใช่ว้อย!
คิดได้ก็กลับลงไปนอนต่อ ทั้งหงุดหงิดทั้งรู้สึกเสียหน้า ที่ผ่านมาเขาคุมอารมณ์ตัวเองดีตลอด นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เผลอหลุดโกรธออกมาขนาดนี้ ถึงจะไม่ได้หลุดออกไปหมดก็เถอะ แต่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี
ทำไมกันนะ ทำไมใบหน้าอมทุกข์ของคุณถึงทำให้ผมโมโหได้ขนาดนี้กัน…
สาวเสียงทุ้มถึงกับสะดุ้งทันทีที่เห็นเจ้าของกิจการเดินหน้าเหี้ยมมาแต่ไกล ซึ่งคราวนี้มีคนติดตามมาด้วยเพียงคนเดียวคือก้อง ที่แสดงอาการเบื่อหน่ายคล้ายคนอยากตายอย่างออกนอกหน้าเสียจนเธอเผลอเลิกคิ้วออกมา
“สวัสดีฮ่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะฮะ” มีนทักเสียงสั่น และดูเหมือนคนฟังจะรู้สึกตัว ถึงได้รีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นสิทธิ์คนเดิม จนมีนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “เอ่อ วันนี้เหมือนเดิม หรือยังไงฮะ”
“อ๋อ ผมแค่มาเที่ยวน่ะครับ” น้ำเสียงทุ้มอัดความร่าเริงใส่อย่างเต็มที่เสียจนน่าแปลก “จะว่าไป ไอ้แว่นหน้าหมานั่นมันมาบ้างหรือเปล่าล่ะครับ”
ผู้จัดการสาวออกอาการกระอักกระอ่วนขึ้นมา เธอเงียบอยู่นาน กว่าจะยอมพยักหน้าออกมาอย่างเสียมิได้ “เขาแค่ฝากข้อความเอาไว้น่ะฮ่ะ”
บางที เธออาจจะบอกไปง่ายๆแล้วก็ได้ ถ้าสิทธิ์ไม่กลับมาทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อตน จนก้องต้องสะกิดเตือน
“ก็…วินเขาฝากนี่ไว้ให้น่ะฮ่ะ” มีนรีบล้วงของฝากจากในร่องอกอันอวบอั๋นของตน ซึ่งเป็นกระดาษใบจิ๋วขนาดประมาณนามบัตร “มีนคิดว่าคุณสิทธิ์อ่านแล้วคงจะเข้าใจ…”
ชายหนุ่มเพียงแต่หยิบมาแล้วคลี่อ่าน ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ใบหน้าเคร่งเครียดในทีแรก ต่อมาก็ออกอาการกังวลอย่างชัดเจน
‘ฉันรู้’
สั้น และกว้างเสียจนตีความได้หลายทาง แต่ลองคุณเจ้านายทำท่าจะเป็นจะตายแบบนี้ เหล่าลูกน้องจึงเข้าใจตรงกันว่า ‘ฉันรู้’ ของวิน คือรู้เรื่องอะไร
“…หึ…หึๆ…” เสียงหัวเราะที่ทุ้มหนัก ฟังไม่เหมือนคนอยากขำดังขึ้น สีหน้าของสิทธิ์ก็ดูฝืนเสียจนคนมองอยากจะขำตาม “หมอนี่มันมโนเก่งจริงๆ ไม่ได้มีหลักฐานอะไรสักหน่อย แล้วรู้ได้ไงว่าฉันอยู่กับน้องมัน”
ที่เหล่าลูกน้องอยากจะถามคือ อะไรทำให้คุณเจ้านายสามารถตีความคำสองพยางค์จนยาวเฟื้อแบบนั้นได้มากกว่า จะให้บอกว่ารู้ใจกันมันก็ชวนสยองปนขนลุกชอบกล
“แล้วคุณสิทธิ์จะทำยังไงต่อล่ะครับ” สบโอกาส ก้องก็รีบเชียร์ทันที พร้อมกับแผ่รังสีใส่จนสิทธิ์ไม่มีโอกาสแม้แต่จะอ้าปากเถียง “ไหนๆเขาก็คิดว่าคุณอยู่กับคุณเดียร์ งั้นก็เปิดตัวให้รู้ๆกันไปเลยสิครับ…หรือจะให้ผมช่วยก็ได้นะครับ”
ประโยคหลังกระซิบด้วยเสียงอันเบาหวิวและใกล้หูเสียจนมีนเผลอเลิกคิ้ว ด้วยความใกล้จนชวนเข้าใจผิด
“ข…เข้าใจแล้วน่า” สิทธิ์ตอบกลับเสียงตื่น ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น “…รู้งี้อ้อนให้พี่ฤทธิ์มาแทนก็ดี…”
“บ่นอะไรครับ”
“เปล๊า” เสียงสูงเสียงจนแสบหู “พี่มีนครับ วันนี้ขอจัดหนักสักที ขอเอายันปิดร้านเลยครับ”
ที่พูดเนี่ย รู้ใช่ไหมครับว่าผมต้องตื่นหกโมงเช้าน่ะ
พอกลับมาจากที่ทำงาน เดียร์ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า รองเท้าที่วางไว้หน้าบ้านมีแค่ของฤทธิ์ ซึ่งปกติป่านนี้แล้ว พ่อหมีกับลุงมาโซฯแกจะต้องอยู่บ้านแล้ว
เด็กหนุ่มต้องสงสัยยิ่งกว่า เพราะตามปกติ ตอนสองสามทุ่ม ฤทธิ์จะเปิดทีวีเพื่อดูฆ่าเวลา แต่วันนี้กลับปิดเอาไว้ ทั้งที่เจ้าตัวยังนั่งอยู่บนโซฟาที่เดิม แถมนั่งนิ่งเสียจนเดียร์นึกว่าเป็นหุ่น เพราะทั้งที่เขาเปิดประตูเดินเข้ามา อีกฝ่ายเองก็ไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด ทั้งที่อย่างน้อยๆ ฤทธิ์มักจะหันมาทักทายเขาประจำ
“เอ่อ…สวัสดีครับพี่ฤทธิ์” เสียงหวานดังขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ไม่ต้องเดินเข้าไปพิสูจน์ หนุ่มตาตกก็หันมาหาเสียก่อน ด้วยสีหน้าที่ทำเอาคนโดนมองซาบซ่าไปถึงหัวใจ จนเกือบเปลี่ยนสีหน้าให้รับกับอารมณ์ของฤทธิ์แทบไม่ทัน “เป็นอะไรหรือครับ…”
ชายหนุ่มเพียงแต่นิ่วหน้า ก่อนจะสะบัดกลับไปยังหน้าจอทีวีที่ดำสนิท โดยไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่โดนเกลียดขี้หน้า เดียร์ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก แต่ในเมื่อตอนนี้ฤทธิ์ไม่ได้เกลียดเขา ซ้ำยังเอาใจช่วยเรื่องสิทธิ์ด้วยซ้ำ แล้วอยู่ๆจะเปลี่ยนกลับมาทำตัวเหมือนเดิม เด็กหนุ่มก็อดสงสัยไม่ได้…และแน่นอนว่าโอกาสดีๆแบบนี้จะมาสักที เรื่องอะไรจะปล่อยไป
“พี่ฤทธิ์ครับ โมโหอะไรผมหรือครับ” หนุ่มน้อยทำการสวนประโยคเด็ดที่ใช้ระเบิดอารมณ์คนที่กำลังเก็บอาการ และก็ได้ผลอย่างไม่ต้องรอนาน คนที่นั่งอยู่ถึงกับหันขวับมามองตาขวาง เหมือนอยากจะบีบคอเขาเต็มทน
อา…คิดถึงจังเลย…สายตาที่อาบไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายที่พุ่งเข้ามาทิ่มแทงทั่วร่างอย่างไม่ปกปิดแบบนี้…
เด็กหนุ่มพยายามเก็บอารมณ์จนหน้าเบี้ยว อีกฝ่ายยังคงจ้องไม่วางตา นอกจากจะโมโหแล้ว สีหน้ายังบ่งบอกถึงอารมณ์แปลกใจที่แฝงอยู่
“นายคิดว่าบ้านนี้กว้างไหม”
เป็นคำถามที่เกิดอาการอึ้งไปชั่วขณะ หากไม่คิดอะไรก็คงตอบไปแล้ว แต่เดียร์รู้ว่าฤทธิ์ไม่ได้ถามเรื่อยเปื่อยแน่
“นายเองก็คิดว่ามันไม่กว้างสินะ” เมื่อเห็นสีหน้าผงะของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย็น แต่สีหน้าที่แสดงออกตรงกันข้าม ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาพร้อมแผ่รังสีทะมึน “แล้วกำแพงเองก็ไม่ได้หนาพอจะเก็บเสียงเท่าไหร่ด้วย เพราะงั้น ถ้าเผลอร้องเสียงดังตอนเดินใกล้ๆห้องนั้น ยังไงก็ต้องได้ยินอยู่แล้วล่ะ….เนอะ”
โอ๊ะ แย่แล้วแฮะ
“…พี่ฤทธิ์หมายถึงอะไรหรือครับ” เด็กหนุ่มยังคงตีหน้าซื่อถามเสียงใส ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเขินอาย “หรือว่าตอนคุณสิทธิ์ทำผม…พี่ได้ยิน…”
ร่างสูงทำหน้าเหมือนจะกัดหัวเดียร์ให้ได้ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่กัดปากตัวเองเพราะดันพลาดขยายความในส่วนสำคัญที่ต้องการจะสื่อ
“ถ้าเป็นคุณสิทธิ์ ฉันจะโมโหนายทำบ้าอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างเหลืออด “แต่เพราะเสียงนายมันดังมาจากห้องนอนก้องต่างหากล่ะ!”
แหม แบบว่าอดอยากมานาน แล้ววันนั้นพี่ก้องเขาใส่อารมณ์ได้ดีไปหน่อย ผมเลยเผลอร้องดังนี่นา
ก่อนที่จะได้เอ่ยปากแก้ตัว ร่างเล็กก็โดนกระชากคอเสื้อเข้าไปหา มือหนากำแน่นและยกขึ้นหมายจะชกเข้าใบหน้าเล็ก หากแต่สุดท้ายก็ทำแค่เพียงค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะลดมือลง และผลักร่างบางออก เล่นเอาเดียร์หน้าเสียเพราะผิดหวังเต็มแรง
“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้”
“ไม่ใช่นะครับ!”
เสียงหวานร้องเรียกเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังจะเดินหนี เดียร์รีบเข้าไปรั้งเต็มแรง อย่างไม่เกรงกลัว แน่นอนว่าฤทธิ์สะบัดมือออก แต่อีกฝ่ายเหนียวกว่าที่คิดจนหนุ่มตาตกถึงกับประหลาดใจจนเผลอหันกลับไปมอง
“ผมกล้าพูดเลยว่าไม่ใช่อย่างที่พี่คิดเลยนะครับ ถึงมันจะชวนให้เข้าใจเป็นอย่างนั้นก็เถอะ” ดวงตากลมจ้องมองด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเสียจนอารมณ์หึงดับลงไปหน่อย “ผมไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นแน่นอนครับ”
แค่คิดว่าต้องลงเอยกับประชากรชาวมาโซฯด้วยกัน ขนงี้ลุกซู่ไปหมดเลยครับ!!!
ฤทธิ์จ้องหน้ากลับอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก เพียงแต่สายตาที่มองมามันดูจริงใจจนเขาเถียงกลับไม่ออก
“…แล้วไอ้เสียงร้องนั่นมันหมายความว่ายังไงกันล่ะหา ร้องแบบนั้นฉันคิดได้อยู่อย่างเดียวนี่หว่า”
พูดจบชายหนุ่มถึงกับผงะเมื่อคนฟังไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจใดๆ หากแต่หัวเราะในลำคอชวนให้รู้สึกสยองแทน
“ผมยอมรับว่าเสียงนั่นมันชวนคิดจริงๆ แต่พวกผมไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นหรอกนะครับ” เดียร์แสดงอาการรังเกียจชัดเจนจนฤทธิ์ชักอยากจะโกรธในเหตุผลอื่น “พี่ก้องเขาแค่ช่วยนวดให้ผมเฉยๆเองนะครับ”
ได้แต่ยืนค้างไปหลายวินาทีกับคำตอบนั้น
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้พี่ต้องเข้าใจผิดเพราะเรื่องแค่นี้” เดียร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดอย่างจริงจัง ในระหว่างที่อีกฝ่ายยังคงค้าง “ผมผิดเองละครับ พอดีตอนนั้นปวดหลังกับสะโพกมาก…เลยขอให้พี่ก้องช่วยนวดให้นะครับ”
“…แล้วทำไมต้องเข้าห้องนอนไปนวดด้วย นวดที่อื่นก็ได้นี่นา” หลังจากได้สติก็ถามต่อ แม้ใจจริงอยากจะเชื่อ แต่เพราะไอ้คุณแฟนตัวดีมันชอบทำตัวมีลับลมคมในเยอะเสียจนเขาไม่อยากจะเชื่อง่ายๆเท่าไหร่นัก
แต่สิ่งที่ได้รับคืออาการฮึดฮัดของเดียร์
“นั่นก็เพราะคุณสิทธิ์นั่นล่ะครับ!” เด็กหนุ่มส่งเสียงออกจมูกด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสิทธิ์ ผมไม่มานั่งปวดหลังปวดสะโพกแบบนี้หรอก”
มันขนาดนั้นเลยเรอะ ทำไมฉันไม่เห็นเป็น เล่นท่าพิสดารกันขนาดไหนล่ะนั่น…ก็อยากจะถาม แต่มันก็ส่วนตัวไปหน่อย ถึงจะโตๆกันแล้วก็เถอะ…
“แถมไม่รู้อะไร เห็นผมเปลือยหน่อยก็ไม่ได้ หาเรื่องปล้ำผมตลอด นี่พอผมอุตส่าห์อยู่ในห้องนอนตัวเองแล้วทายาแก้ปวดเมื่อย เขายังหาจังหวะเปิดเข้ามาตอนผมโป๊แล้วหาเรื่องปล้ำผมได้ตลอด”
อันนี้ก็เรื่องจริงนะ ยกเว้นตั้งแต่ตอนช่วงปล้ำน่ะนะ…ขนาดว่าทำไปแล้ว แค่เห็นท่อนบนผมก็ไม่รู้จะเขินอะไรนัก อกก็ใช่ว่าจะมี ข้างล่างก็มีเหมือนๆกันด้วย ทำตัวเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นไปได้
“ผมไม่เหลือทางเลือก แถมยังปวดหลังปวดเอวมากขึ้นทุกที ตอนกลางวันก็ต้องทำงานอีก จะให้ผมรบกวนพี่ฤทธิ์ที่ต้องคอยเฝ้ายามตอนกลางคืนก็ไม่ดี แถมผมก็เกรงใจพี่ด้วย เทียบกันแล้วผมสนิทกับพี่ก้องมากกว่า แล้วเห็นพี่ก้องก็บอกว่านวดเก่ง ผมเลยขอให้เขาช่วยน่ะครับ”
มีเหตุผลจนฤทธิ์ไม่รู้จะค้านยังไงดี โดยเฉพาะเรื่องนวดเก่ง ก็ยอมรับว่าเล่นเอาเคลิ้มอยู่
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้พี่ฤทธิ์เข้าใจผิดแบบนี้ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้แล้วครับ” ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตาด้วยความรู้สึกผิดเต็มทน “ผมไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้พี่กลุ้มใจขนาดนี้…”
“เดี๋ยวสิ ไม่เห็นจะต้องร้องไห้เลย ฉันเข้าใจแล้ว” ฤทธิ์ถึงกับตื่นตระหนกเมื่อเห็นร่างเล็กก้มหัวให้ “จริงๆฉันผิดเองที่ทึกทักไปคนเดียว…โทษทีที่โมโหไปเมื่อกี้นะ”
ร่างสูงกลับไปนั่งที่โซฟาตัวด้วยสภาพที่ไร้เรี่ยวแรง ส่วนเดียร์ก็เพียงแต่มองโดยไม่พูดอะไร…ซึ่งใจจริงเขาก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนักหรอก แต่เรื่องนี้เองก็ไม่ได้ไกลตัวเขาเท่าไหร่นักด้วย เลยสองจิตสองใจอยู่นาน ไม่รู้ว่าควรจะทำลงไปดีไหม
แต่ของแบบนี้ ยังไงมันก็เก็บไว้ตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะพี่ก้อง ดีใจไว้ซะนะที่ผมรู้สึกอยากช่วยเหลือแบบไม่คิดบุญคุณน่ะ
“ผมอาจจะยุ่งไปหน่อย แต่พี่ฤทธิ์กับพี่ก้องคบกันได้ยังไงหรือครับ”
เจ้าตัวหันมามองด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนักก่อนจะหันหลังกลับไป ชายหนุ่มเงียบอยู่นานมาก จนเดียร์นึกว่าจะไม่ยอมตอบเสียแล้ว
“หลวมตัวน่ะ”
หลวมตัวแบบไหนหรือครับ ถึงได้ไม่ยอมบอกยกเลิกมาจนป่านนี้ล่ะเนี่ย…
“เอ่อ…คบกันนานหรือยังครับ” จริงๆก็พอจะรู้มาจากก้อง แต่ขืนทำตัวรู้ดี เดี๋ยวได้โดยสงสัยอีก
“ก็สองสามปีได้แล้วล่ะ” ฤทธิ์ตอบเสียงอ่อน ก่อนจะเกาหัวจนยุ่ง “ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าฉันจะยอมคบกับไอ้บ้านั่นแค่เพราะมันหล่อน่ะ”
เดียร์เกือบถลึงตาใส่ไปแล้ว ดีที่ยั้งตัวทันไว้ก่อน
“แต่คบกันมาได้ตั้งสองสามปี ผมว่ามันไม่น่าจะแค่เพราะหลวมตัวหรอกมั้งครับ” เด็กหนุ่มพยายามปลอบ “อย่างน้อย ถ้าไม่รู้สึกรักหรืออะไรแบบนั้น คงทนคบไม่ได้หรอก…จริงไหมครับ”
เขาก็ว่าตัวเองพูดปลอบได้ดีแล้วนะ แต่ไหงอีกฝ่ายกลับออกอาการเหมือนโลกตรงหน้ากำลังล่มสลายแทนซะงั้น
“คนเรา ถึงจะไม่ได้รักกัน แต่ถ้ามีผลประโยชน์อะไรบางอย่าง ก็อาจจะยอมคบกันเป็นปีเลยก็ได้นะ…”
แสดงว่าเคยคบคนพรรค์นั้นมาก่อนสินะ…น้ำเสียงมีน้ำหนักมากเลยล่ะครับ…
“มันอาจจะเป็นการคิดไปเองของฉันก็ได้ แต่ฉันรู้สึกว่าหมอนั่นมีความลับปกปิดฉันอยู่” ได้ยินแล้วเดียร์เผลอกระตุกคิ้วขึ้น ลางสังหรณ์ดีดั่งจิตสัมผัสได้จริงๆ “เหมือนกับแฟนเก่าที่เคยหลอกฉันมาก่อน”
“ผมว่าพี่ฤทธิ์คิดมากไปมั้งครับ” ยังไงซะ ผมก็มั่นใจว่าพี่ก้องแกไม่ได้หลอกพี่ อย่างที่พี่เคยโดนแน่นอน “ผมเองก็รู้จักพี่ก้องเขานานพอสมควร อย่างน้อยเขาก็เป็นคนดี ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะครับ”
สีหน้าของหนุ่มตาตกดูจะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก เดียร์จึงพยายามให้กำลังใจต่อ
“ที่สำคัญ ผมไม่เคยเห็นพี่ก้องคบใครเป็นตัวเป็นตนมาก่อนเลยนะ” แน่ล่ะ สายเอสเพียวๆที่โดนใจพี่แกหายากนี่นา “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เป็นคนพิเศษ เขาไม่คบโต้งๆแบบนี้หรอก”
สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเสียงหัวเราะขึ้นจมูกแทน
“เหอะ พิเศษงั้นหรือ ขนาดว่าพิเศษ หมอนั่นยังกล้าไประริกระรี้ออเซาะกับคนโน้นคนนี้ต่อหน้าฉันไปทั่ว นี่ถ้าฉันเป็นแค่คนธรรมดา มันคงเอาให้ฉันดูเลยล่ะสิ”
ดูท่าทางวิธีการเรียกร้องหาความรัก มันกลายเป็นอุปสรรคความรักไปอย่างไม่ตั้งใจซะแล้วนะพี่ก้อง…
“ผมคิดว่า เรื่องที่พี่ก้องเขาปิด อาจจะเป็นเรื่องปมด้อยน่าอายที่หากพี่ฤทธิ์รู้ อาจจะเลิกคบกับพี่ก้องไปก็ได้…” เดียร์กลับมาเข้าเรื่องต่อ “อย่างเช่นว่าพี่ก้องแกอาจจะเป็นพวกมาโซฯ ชอบโดนทำร้ายอะไรงี้ มันน่ารังเกียจใช่ไหมล่ะ…”
“โอ๊ย ถ้าแค่นั้นก็ดีสิ ฉันจะได้ตบมันให้สาแก่ใจทุกวันเลย”
อ้าว เอาจริงดิ
“ถ้าเป็นจริงๆ พี่ไม่รังเกียจหรือ” ก็รู้นะว่าเป็นแฟนคนอื่น แต่เด็กหนุ่มเองก็อดใจเต้นด้วยไม่ได้ “สมมติน่ะครับ”
ฤทธิ์คิดพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “แน่สิ แค่นั้นก็เข้าทางฉันเลยไม่ใช่หรือ ฉันจะได้ไม่ต้องระวังเวลาเผลอทำร้ายหมอนั่นมากไปด้วย ที่จริงฉันก็ไม่ใช่พวกซาดิสม์อะไรหรอกนะ แค่มือมันไปไวกว่าความคิดแค่นั้นเอง…แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ” มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกหรือไง ทำตัวมีลับลมคมในเยอะจังเลยว่ะ คุณพี่ก้อง!
“เพราะมีครั้งนึงที่หมอนั่นยอมพูดว่าเป็นพวกมาโซฯ แต่ไม่ยอมบอกว่าแอบหนีไปไหนบ่อยๆตอนกลางคืนน่ะสิ!”
…ผมว่าอันนั้นมันเป็นการสารภาพมากกว่าล่ะมั้ง…
“งั้นหรือครับ…” เสียงใสดังขึ้นอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มพราย “ถ้าแค่นั้น ผมมีทางช่วยพี่ได้นะ”
คนฟังได้แต่เลิกคิ้ว แอบรู้สึกไม่ดีนิดๆ เพราะรอยยิ้มของหนุ่มน้อยนั่น มันไม่ดูไร้เดียงสาอย่างที่เคยเป็นเลยแม้แต่น้อย