ตอนที่ 12 : คมสันต์กับการปฏิเสธ [100%]
คมสันต์มองหน้าอลันด้วยความลำบากใจ อยากต่อก็อยากเพราะยังไม่เสร็จจริงๆ อีกทั้งคมสันต์ปฏิเสธคนไม่เก่งเท่าไหร่ ยิ่งกับอลันที่เขารู้สึกถึงบางอย่างด้วยแล้วยิ่งไม่อยากปฏิเสธเลย
แต่เหนือกว่าอลันคือแม่...แม่เป็นคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้ คมสันต์ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมันทำอะไรกับแม่เขาไหม หรือแม่เขาจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องโดนคนมาป้วนเปี้ยนข่มขู่อยู่รอบบ้านตัวเองขนาดนั้น ถึงแม่จะแสดงให้คมสันต์เห็นว่าเข้มแข็งแค่ไหนแต่เอาเข้าจริงๆ แม่ก็เป็นแค่ผู้หญิงเบต้าตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ถึงจะลำบากใจมากคมสันต์ก็มีทางเลือกเดียวจริงๆ คมสันต์เงยหน้าสบตากับอลัน แววตาเขาฉายความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอลันที่เห็นๆ ว่านิ่งเฉย ทว่าคมสันต์รับรู้ได้ว่าอลันนั้นคาดหวังคำตอบแบบไหนอยู่
“ผมขอโทษจริงๆ ที่ต้องปฏิเสธ ผมต้องกลับบ้าน” ทันทีที่พูดจบบรรกาศรอบด้านก็หนักอึ้ง โอ๊ย...ต้องเจอกับการคุกคามของอัลฟ่าจนหมดวันเลยไหมเนี่ยยย
“ทำไม” เสียงอลันแข็งขึ้น ความไม่พอใจฉายชัดในแววตาเย็นชาคู่นั้น คมสันต์คนนี้แทบจะไม่กล้าสบตาต่อแต่เพื่อให้อลันรู้ว่าเขาจำเป็นจริงๆ เลยต้องฝืนตัวเองเอาไว้
“พอดีว่าวันนี้มีคนมาป้วนเปี้ยนที่บ้านน่ะครับ แม่ผมส่งข้อความมาบอก ผมเป็นห่วง...ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมันจะทำอะไรแม่หรือเปล่า ไอ้จะถามก็...” เว้นว่างไว้ให้รู้ว่าที่ถามไม่ได้เพราะนั่งสำนึกผิดอยู่กลางห้องนี้นี่แหละ
“เจ้าหนี้หรือไง” เออ...จะว่าเจ้าหนี้ก็ไม่ผิด แต่ไม่ใช่เจ้าหนี้ในเชิงนั้นเนี่ยสิ
“ไม่ครับ ผมกับแม่ไม่ได้ไปสร้างหนี้ที่ไหน แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาเป็นใคร แม่ก็ไม่รู้ พวกนั้นมาป้วนเปี้ยนที่บ้านตั้งแต่เช้า แม่บอกว่าพอผมออกจากบ้านมาทำงานไม่ถึงชั่วโมงคนพวกนั้นก็มา จนกระทั่งช่วงเที่ยงที่แม่ส่งมาหาผมคนพวกนั้นก็ยังไม่ไปไหน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมันไปหรือยังเพราะว่าไม่ได้ติดต่อกับแม่”
“งั้นก็โทรสิ” อ่า...ไอ้คุณตะลันเอาแต่ใจอีกแล้ว
“ผมห่วงแม่จริงๆ ครับคุณอลัน ผมขอโทษที่ต้องขัดใจคุณ”
“จิ๊!” อลันวาดขาที่ไขว่กันอยู่ออก จากนั้นร่างสูงสง่าก็ลุกขึ้นไปคว้าเสื้อสูทของตัวเอง
คมสันต์ทำได้แค่มองอลันเดินออกจากห้องทำงานไปด้วยความรู้สึกที่แสนหนักอึ้ง มันแย่ในหลายๆ ความหมาย การเห็นอลันไม่พอใจมันก็ทำให้เขาไม่สบายใจเหมือนกัน แต่อย่าถามนะว่าทำไมถึงไม่สบายใจ เขาก็ไม่รู้ลึกๆ หรอก อาจจะแค่เป็นห่วง...มั้ง ไม่สิ รู้สึกผิดมากกว่าที่ทำให้คนอื่นผิดหวัง ดูก็รู้ว่าอลันหวังไว้เยอะทีเดียว
ตั้งแต่ได้มาพัวพันอยู่กับอลันไม่มีครั้งไหนที่คมสันต์ปฏิเสธอลันเลย เขายินที่จะตามใจอัลฟ่าคนนี้แค่ไม่ใช่ในครั้งนี้ คมสันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อยๆ ปล่อยวางความรู้สึกตัวเองลง ว่าง่ายๆ คือพยายามปลงนั่นแหละ เขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
“เฮ้อ...” ถอนหายใจหนักๆ อีกรอบ
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจเลย โดยเฉพาะเรื่องเหนื่อยใจเนี่ยสุดๆ ทั้งต้องมาหลอกลวงคนอื่น มาโกหกคนอื่น แล้วก็ต้องมาโดนลงโทษจนกระทั่งตอนนี้ขาก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง ทำไมมันแย่แบบนี้น้า...คมสันต์ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
คมสันต์ค่อยๆ พาสารร่างของตัวเองออกมาจากห้องทำงานของอลัน ต้องค่อยๆ ลุกนะ เพราะเข่านี่คือพังมาก อาการอย่างกับคนแก่ที่เข่าเสียไปแล้ว เดินเหินลำบากสุดๆ ก้าวไปแต่ละก้าวคือปวดจี๊ดที่หัวเข่า มันเป็นอาการปวดตุ้บๆ อยู่ข้างในเข่าอีกทีน่ะ แถมด้วยความที่ต้องอดทนกับแรงกดดันที่อลันได้มอบให้อย่างหนักหน่วงในช่วงบ่าย ทำให้คมสันต์เพลียหนักจัดๆ แทบไม่มีแรงจะเดินเลย
เกือบครึ่งโมงที่แสนทุลักทุเล ในที่สุดคมสันต์ก็มาหยุดยืนอยู่ริมถนน ด้วยความที่ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว จะให้ขับรถเองมันก็ดูเป็นการทรมานเข่าซ้ำซ้อน คมสันต์เลยตัดสินใจโบกรถแท็กซี่กลับบ้าน แล้วคิดสภาพท้องถนนในเมื่องกรุง นั่งแท็กซี่ตอนนี้ตีบวกเรื่องค่ารถไปอีกคูณสองคูณสามได้เลย เพราะรถมันติดมากกกก มากถึงมากที่สุด เรียกได้ว่าแค่เห็นก็รู้สึกเหมื่อยขาแทนคนขับรถแล้ว...
ระหว่างอยู่บนรถคมสันต์ได้โทรไปหาแม่ ถามแม่เรื่องคนพวกนั้นว่ากลับไปหรือยัง ทำให้คมสันต์รู้ว่าทันทีที่เขาส่งรูปให้ครรชิต ทางนั้นก็ให้คนที่มาป้วนเปี้ยนบ้านเขากลับไป แล้วคนพวกนั้นก็แค่มาเดินวนไปวนมาสร้างความกดดันให้กับแม่ของคมสันต์เท่านั้น ไม่มีการบุกรุกเข้ามาในบ้านหรือว่าข่มขู่รุนแรงอะไร คมสันต์ถึงถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ อย่างน้อยแม่เขาก็ปลอดภัย
ด้านคนเป็นแม่เองใช่ว่าจะไม่ห่วงลูกชาย เห็นว่ามีคนมากดดันที่บ้านก็รู้ได้แล้วว่าคนพวกนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวกับครรชิตและคมสันต์แน่ๆ คมสันต์เลือกที่จะยังไม่เล่าให้แม่ฟังในตอนนี้ ไว้ถึงบ้านค่อยเล่าระหว่างที่นั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน
พอรู้ว่าแม่ไม่เป็นอะไรมันก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก โล่งมากกก ถ้าไม่นับอาการทางร่างกายตอนนี้น่ะนะ ถือว่ามันก็ยังมีเรื่องให้สบายใจอยู่บ้าง ดีกว่ามีเรื่องที่ต้องคิดต้องเครียดนั่นแหละ นี่คมสันต์เผลอคิดไปด้วยนะว่าพวกนั้นอาจจะทำอะไรแม่ ถ้าเกิดพวกนั้นมันทำอะไรขึ้นมาแล้วเขาจะทำยังไง โอ๊ย...แค่จำลองในหัวก็แทบจะเส้นเลือดในสมองแตกแล้ววว
“แม่หนูกลับมาแล้ว...” คมสันต์ส่งเสียงให้ผู้เป็นแม่ขณะเปิดประตู กลิ่นหอมของอาหารที่แม่ทำให้นั้นลอยคลุ้งเข้าสู่โพรงจมูก เล่นเอาท้องนี่ร้องโครกครากดังลั่น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าคมคนนี้ก็เดินไวๆ ไม่ได้
“ตายแล้วลูก!” แม่เห็นคมปุ๊บก็ต้องตกใจ แหงล่ะ...สภาพเดินกระแผลกๆ ขนาดนี้ไม่ตกใจได้ยังไง
“ยังไม่ตายแม่ หนูยังหายใจ”
“แหนะลูกคนนี้ ใช่เรื่องเล่นไหมเนี่ย” แม่ตีไหล่คมสันต์เบาๆ ก่อนจะประคองแขนลูกชายเข้าบ้าน
ภาพผู้หญิงตัวเล็กลุกลี้ลุกลนเข้ามาประคองผู้ชายร่างสูงใหญ่ค่อยๆ หายลับสายตาไป เมื่อทั้งสองร่างนั้นพากันเดินเข้าตัวบ้าน อลันลดกระจกลง เคาะบุหรี่จากซองมาคาบไว้ก่อนจะจุดสูบควันพิษเข้าปอดอึกใหญ่
ภาพที่คมสันต์เอ่ยปฏิเสธเขายังชัดอยู่ในความทรงจำ แววตาและสีหน้าลำบากใจของคมสันต์ทำให้อลันรู้สึกว่าสิ่งที่คมสันต์พูดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก แต่มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ คมสันต์ตามใจอลันมาตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก ให้ทำอะไรก็ทำ ให้พาไปส่งก็ไป ทว่าครั้งนี้เจ้าเบต้าดันกล้าปฏิเสธเขา มันโคตรน่าหงุดหงิดเลย
ส่วนหนึ่งในใจอลันเชื่อคมสันต์ แต่อีกส่วนก็อยากพิสูจน์ว่าคมสันต์นั้นพูดจริงไหม ตอนที่เขาเดินออกมาโดยไม่พูดไม่จาอะไร ทิ้งให้คมสันต์นั่งหน้าหงอยอยู่ในห้องทำงานคนเดียวนั้นเขาหงุดหงิดจริงๆ แต่พอมาถึงลิฟต์เขาก็คิดได้ว่าเขาอยากรู้ว่าคมสันต์โกหกเขาไหม
อลันไปเอารถของตัวเองมาจอดไว้ในจุดที่สามารถเห็นด้านหน้าบริษัทได้อย่างชัดเจน เขาจุดบุหรี่รอคมสันต์เดินออกมา ซึ่งเขารออยู่นานมาก นานจนคิดว่าคมสันต์จะเป็นอะไประหว่างที่ออกมาจากห้องเขาหรือเปล่า
ในช่วงที่ความอดทนในการรอของอลันกำลังจะหมดลงเขาก็ได้เห็นร่างสูงโปร่งสมส่วนของคมสันต์เดินออกมา เจ้าเบต้าของเขานั้นมีกระเป๋าเป้ที่เหมือนกระเป๋าใส่แล็ปท็อปสะพายอยู่ข้างหน้า อลันรู้แหละว่ามันมีไว้เพื่อปกปิดเสื้อที่ไม่มีกระดุม
อลันขับรถตามแท็กซี่ที่คมสันต์นั่งออกมาจากหน้าบริษัท ขับมาเรื่อยๆ รักษาระยะห่างด้วยหมู่บ้านของคมสันต์เป็นแค่ทาวน์เฮ้าส์ พื้นที่มีไม่มาก ถนนในหมู่บ้านมีสองเลนให้รถขับสวนกันออกไปได้ อลันต้องรอจนกระทั่งแท็กซี่ของคมสันต์ขับออกไปแล้วค่อยทิ่มหน้ารถเข้าไปในซอยที่คมสันต์อาศัยอยู่
มันอาจจะดูเป็นการกระทำที่ไม่เข้ากับอัลฟ่าระดับอลัน แต่นี่แหละอลัน ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเย็นชาและไร้ความรู้สึกที่ใครๆ ต่างก็พากันมองว่าหยิ่งผยองและไม่แคร์ใครเลย
อลันทอดสายตาเหม่อมองเข้าไปในตัวบ้านสลับกับดูเวลาที่ผ่านเลยไป มีคนบางคนแอบเดินมาเมียงมองรถของอลันด้วยความที่อลันใช้รถยุโรปราคาแพง ทำให้มันเป็นที่สนใจของคนตรงนั้น แต่อลันก็ไม่สน เขาอยากรู้ว่าคมสันต์นั้นห่วงแม่จริงๆ หรือว่าแค่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปข้างนอกต่อ
ตรึ๊งงง
อลันเหลือบสายตามองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงแจ้งโดยไม่หันใบหน้าไป มีข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์เด่นตระหง่านอยู่ตรงนั้น มีคนจำนวนไม่มากที่อลันจะเปิดแจ้งเตือนและคนที่ส่งมานี่ก็เป็นหนึ่งในจำนวนน้อยนั้น
[คม : คุณอลันถึงบ้านหรือยังครับ] อลันหยิบขึ้นมาอ่านพลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสือยิ้มยากอย่างเขา
แต่...เขาก็แค่อ่าน
[คม : ผมถึงบ้านแล้วนะ] ใช่ เห็นแล้วว่าถึงบ้านแล้ว
[คม : คุณอลันอย่าลืมกินข้าวเย็นด้วยนะครับ หรือกินสเต็กปลาแบบที่คุณชอบก็ได้]
[คม : อาบน้ำแล้วพักผ่อนเยอะๆ นะครับ อย่าโหมงานเยอะนะ]
[คม : เรื่องวันนี้ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีผมขอโทษจริงๆ ผมผิดไปแล้วจริงๆ นะครับ]
[คม : หวังว่าคุณจะไม่โกรธผมซ้ำที่ผมปฏิเสธการไปส่งคุณที่บ้านวันนี้]
[คม : ผมไม่ได้อยากปฏิเสธคุณอลันจริงๆ นะครับ]
[คม : ผมยินดีที่จะไปส่งคุณตลอดเลยนะ แค่วันนี้มันมีเรื่องที่บ้าน]
[คม : อ่า...เวลาคุณอ่านแล้วไม่ตอบมันกดดันจังเลยครับ]
[คม : สติ้กเกอร์] เจ้าตุ๊กตาหมาหน้าโง่ที่หัวเราะทั้งน้ำตาเนี่ยนะ หึ! จริงๆ เลย
[คม : งั้นผมรบกวนคุณแค่นี้ดีกว่า ผมฝันดีคุณล่วงหน้านะ ไม่นอนดึกมากนะครับ]
มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คมสันต์จะส่งข้อความมาหาเขาในลักษณะนี้ แค่จะไม่ใช่เวลาแบบนี้เท่านั้น คมสันต์มักส่งมาตอนใกล้ๆ เที่ยงวันถามว่าเขาจะกินอะไรไหม ดูท่าคมสันต์จะห่วงเรื่องอาหารการกินและการพักผ่อนเป็นพิเศษ
บางครั้งอลันก็ตอบหรือไม่ก็ทักไปหาเอง แต่ช่วงเวลาใกล้เที่ยงที่อ่านไม่ตอบ ทิ้งให้ข้อความถูกดองอยู่ในมือถือมันก็เป็นเพราะว่าอลันนั้นยุ่งอยู่กับงานจนไม่สนใจแจ้งเตือนอะไรเลย ยกเว้นว่าอีกฝ่ายจะโทรมา อันนั้นถือว่าเป็นเรื่องด่วนอลันจะรับทุกสาย
อลันนั่งอ่านทวนข้อความจากคมสันต์อีกครั้งพร้อมกับจุดบุหรี่อีกตัว พออ่านทวนจนพอใจถึงได้มองไปยังบ้านหลังนั้น บ้านที่คมสันต์อาศัยอยู่กับแม่แค่สองคน ในสายตาอลันบ้านหลังนี้มันเล็กมาก ทั้งที่มีสองชั้นแต่ก็ยังเล็กกว่าห้องนั่งเล่นของเขา อาจะพอๆ กับห้องน้ำใหญ่ในห้องมาสเตอร์รูมเห็นจะได้
แต่อลันก็ไม่ได้มีความรู้สึกรังเกียจอะไรที่คมสันต์มีบ้านแบบนี้หรอก เขาเฉยๆ มากกว่าเพราะสิ่งที่เขาโฟกัสมันไม่ใช่บ้านแต่เป็นตัวคมสันต์เอง เบต้าคนนี้มีดีกว่าที่เห็นจากภายนอกเยอะมากๆ
ดีมากจนต้องเอาไว้ใกล้ๆ ตัวเลยล่ะ!
บุหรี่มวลที่สองยังไม่ทันหมดอลันก็เคลื่อนรถหรูออกจากซอยบ้านคมสันต์ เสียงเปียโนดังขึ้นเบาๆ จากการถูกเปิดให้คลอระหว่างขับไปยังท้องถนนที่เริ่มโล่งตาขึ้นมาบ้าง
‘นี่มันมิวสิกบ็อกใช่ไหมครับ...หูยเป็นมิวสิกบ็อกเวอร์ชั่นเปียโนเหรอ เพราะจังครับ’
แค่เพลงที่คมสันต์เคยพูดว่าชอบดังขึ้น อลันก็เหมือนได้ยินประโยคนั้นทวนซ้ำอีกครั้งในความทรงจำ ทั้งที่เพลงพวกนี้อลันมีไว้เพื่อให้ไม่เงียบเกินไปขณะต้องขับรถบนท้องถนนที่แออัด เขาไม่ชอบเพลงที่มีคำร้องนักแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดนตรีของบางเพลงมันก็เพราะดี แต่ก็เท่านั้นไม่เคยใส่ใจกับมันจนกระทั่งคมสันต์ได้ฟังนั่นแหละ
ที่ว่ากันว่าดนตรีเปรียบได้กับคำว่าความทรงจำนั้นคงจะจริง แค่ดนตรีมันอยู่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ความทรงจำนั้นก็จะถูกเซฟผ่านเสียง และเมื่อได้ยินดนตรีนั้นอีกครั้ง ความทรงจำก็จะหวนกลับมา
อลันเปิดเพลงเดิมวนซ้ำๆ อยู่เพลงเดียวจนกระทั่งกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตัวเอง พื้นที่พักอาศัยมันดูกว้างใหญ่เมื่อมันมีคนอยู่เพียงคนเดียว อลันไม่ได้ตกแต่งห้องของตัวเองเยอะ มีแค่ต้นไม้นานาพันธ์ุที่เอามาประดับตรงส่วนที่ไม่ได้ใช้พื้นที่นั้นๆ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าปล่อยให้โล่งไปเลย
สูทและเชิ้ตถูกถอดออกตามๆ กัน อลันโยนมันไว้ที่มุมหนึ่งของโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ เขาพาตัวเองไปยังห้องครัวที่ติดกับห้องนั่งเล่น ตรงไปยังบาร์ส่วนตัว คว้าเหล้าดีดรีแรงและแก้วคริสตัลมานั่งดื่มที่ห้องนั่งเล่น
ท้องฟ้ายามราตรีช่างกว้างใหญ่ แสงสีจากเมืองหลวงกลบเกลื่อนแสงดาวที่มีอยู่บนท้องฟ้า อลันนั่งมองความมืดเบื้องบนพลางจิบเหล้าเข้าปากไปเรื่อยๆ
ถ้าบอกว่านี่เป็นบ้าน...มันก็เป็นบ้านที่เหงาทีเดียว
อลันลองนึกดูว่าถ้าคมสันต์เห็นเขากินเหล้าแทนที่จะเป็นข้าวเย็นละก็จะมีสีหน้าเป็นแบบไหน เจ้าเบต้าแสนธรรมดาคนนั้นคงคิ้วขมวดมุ่นแล้วก็บ่นเขาแน่ๆ กินข้าวสิครับ อย่าเพิ่งกินเหล้าสิครับ คงมีแต่คำแบบนี้วนๆ และยาวเหยียดจนเหมือนแม่บ่นลูก ดีไม่ดีเจ้าเบต้าจะไปรีบไปหาข้าวหาปลาจัดใส่จานมาประเคนให้ แบบที่เจ้าตัวมักทำเวลาเขานิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจจะกินข้าว
จะว่าไป...คมสันต์เคยให้เขาหาเมียสักคนมาดูแลสินะ
หรือว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คมสันต์ทำตัวเป็นพ่อสื่อให้เขากับคะนิ้ง ตลกเหอะ กับผู้หญิงแบบนั้นน่ะนะ แค่คุยด้วยไม่กี่คำก็แทบจะเดาได้แล้วว่าเธอมีนิสัยเป็นยังไง หึ...บอกเลยว่าคนแบบนั้นรับอลันที่เป็นอย่างนี้ไม่ได้หรอก เธอก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่สนใจในความได้ยากของเขาก็เท่านั้น หรือไม่ก็เพราะสายเลือดของเขานั่นแหละที่ทำให้เธอต้องการ
ตรึ๊งงงง
เสียงข้อความไลน์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ อลันรู้สึกแปลกใจมากที่มีข้อความเข้าในเวลาแบบนี้ อลันกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดูแต่เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่...
...คะนิ้ง?
____[100%]____
ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยนะคะ ดีใจที่คุณนักอ่านไม่เบื่อกัน แม้ว่านิยายจะยืดยาดตามที่บางท่านได้ติงมา จะพยายามปรับปรุงแก้ไขนะคะ ขอบคุณมากๆ เลย
ตอนนี้ภาพประกอบยังไม่มานะคะ น้องนักวาดเองก็งานชุมเอาเรื่อง ยังไงถ้าภาพมาแล้วจะนำมาใส่ให้นะคะ ^^
____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____
Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)
สั่งซื้อได้ที่
เทพช๊อป //
https://bit.ly/2OUrk08 inbox เพจ //
https://bit.ly/37av9Jl ทดลองอ่าน //
https://bit.ly/35bG6KCEbook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)
ลิงก์//
https://bit.ly/3xmyEIw~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~