ตอนที่37
จดหมายลับของอาจารย์ถูกเปิดออกทั้งสองฉบับต่อหน้าอิงเฟยและหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอม สำหรับองค์ชายแห่งหลียอมรับว่าประหลาดใจยิ่งต่อการปรากฏตัวของคนงามในฐานะศิษย์คนที่สี่ของจูเยว่เสวียน
“ศิษย์น้องสามเจ้าคิดอ่านอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”
อิงเฟยไม่แปลกใจที่หลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมจะถามความเห็นของผู้เป็นนายอย่างมัน จดหมายฉบับแรกมีเนื้อหาใจความคือแนะนำตัวฝากฝังให้บรรดาศิษย์พี่ฝึกปรือฝีมือให้คนงาม ทว่าจดหมายอีกฉบับนั้นเล่าจะเรียกว่าเป็นคำสั่งยุ่งยากก็ว่ายุ่งยาก แต่สำหรับอิงเฟยตอนนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรทุกอย่างก็ไม่หลุดจากการควบคุมของมัน
“ศิษย์พี่รองคงหมายถึงเรื่องที่อาจารย์ระบุในจดหมายมอบสิทธิเลือกเฟ้นประมุขคนถัดไปให้ศิษย์น้องสินะขอรับ”
“ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ข้าใช่ตัดสินได้โดยลำพังไม่” หลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมกล่าว ในขณะที่คนงามยังนิ่งฟังเฉยๆด้วยท่วงท่าสง่างามยิ่ง
“พี่รอง ในจดหมายคือลายมือท่านอาจารย์จริงๆ ส่วนแหวนประมุขก็เป็นของจริง อย่างไรข้าเห็นว่าควรทำตามคำสั่งของอาจารย์” มันกล่าวเช่นนี้เพราะไม่ว่าจะเลือกใครก็ล้วนเป็นผลประโยชน์ต่อมันทั้งนั้น จะหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมหรือมัน หรือจะเลือกหลี่มู่ไป๋ซึ่งตายไปแล้วก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้นแล้วตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ล่ะขอรับ การมาของข้าครั้งนี้เพื่อคัดเลือกประมุขพรรค หากไม่ได้พบหน้าตัวเลือกทั้งหมดข้าจะคัดเลือกได้อย่างไร”
“ศิษย์พี่ใหญ่ออกเดินทางตามหาอาจารย์ แม้แต่พวกเราเองยังไม่ทราบข่าวคราว หากเจ้ากล่าวว่าหากไม่เห็นตัวเลยเลือกไม่ได้ เจ้าก็คัดเลือกเพียงข้ากับศิษย์น้องสามก็น่าจะพอกระมัง” ตอนนี้เองที่คนงามขมวดคิ้วไม่พอใจเท่าใดนัก แม้แต่ยามโกรธยังดูดีถึงเพียงนี้ อิงเฟยจึงพอจ้องมองอยู่นานก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสวี่ยหมิงมองสบตามา
“อย่างนี้มันก็ไม่ยุติธรรมสิขอรับ จริงหรือไม่พี่ใหญ่” เป็นเด็กน้อยหน้าตาฉลาดเฉลียวพูดแทรกขึ้นมา อิงเฟยและหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมหันไปมองมันเป็นจุดเดียว
“พี่ใหญ่ควรจะรอให้ศิษย์พี่ใหญ่กลับมาก่อนดีหรือไม่ขอรับ”
คล้ายว่าคนงามจะเห็นด้วย เสวี่ยหมิงพยักหน้าน้อยๆ ในความคิดของอิงเฟยจะเลือกช้าเลือกเร็วมันย่อมดำเนินแผนการได้เช่นเดิม ทว่าทางที่ดีควรให้คนงามรีบเลือกให้มันจบไปเสียจะเป็นผลดีต่อมันมากกว่า นอกไปจากนั้นยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่ง
“ศิษย์น้องแล้วอาจารย์เล่า ท่านไปอยู่ที่ใด” อิงเฟยถามสิ่งที่อยากรู้
“จริงด้วยแล้วอาจารย์เล่า” หลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมถาม
“ท่านอาจารย์หลังจากออกคำสั่งกับข้าก็ออกท่องยุทธภพตามใจชอบ แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านไปอยู่ที่ใดเช่นกัน”
อิงเฟยถอนหายใจ การที่มันไม่สามารถกำจัดจูเยว่เสวียนให้เด็ดขาดได้เช่นนี้นับเป็นเรื่องอัปยศอย่างหนึ่ง เสี้ยนหนามที่ลิดไม่หมดทำให้มันกังวลกลัวว่าจะย้อนมาตำมือมันอย่างที่สุด
“ถ้าอาจารย์ต้องการเช่นนั้นใครจะกล้าค้าน เอาเถอะระหว่างที่ยังเลือกประมุขพรรคคนใหม่ไม่ได้ข้าจะรักษาการณ์ไปก่อน อิงเฟยฝากเจ้าดูแลความเป็นอยู่ของศิษย์น้องเสวี่ยด้วยแล้วกัน” กล่าวจบหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมก็ผละตัวไป ทิ้งให้อิงเฟยอยู่กับคนงามและน้องชาย
“ถ้าอย่างนั้นข้าพาพวกเจ้าไปที่ห้องพักดีหรือไม่” กล่าวจบอิงเฟยก็พาทั้งสองไปยังห้องพัก มันเลือกห้องที่ดูดีเหมาะสมกับตำแหน่งของคนงามและกำหนดห้องพักของน้องชายให้อยู่ไม่ไกลจากคนงามให้มากไปนัก
“ตามจริงข้าอยู่ห้องเดียวกับพี่ใหญ่ก็ได้ขอรับ” เด็กน้อยพูดพลางใช้นิ้วถูจมูกไปมา
“เจ้าอย่าได้เรื่องมากเสี่ยวหลงพี่สามจัดให้อย่างนี้เจ้าก็ทำตามที่เขาจัดให้เถอะ” คนงามตำหนิเบาๆ
“จริงๆที่แยกห้องให้น้องหลงกับศิษย์น้องเป็นเพราะว่าอยากให้พวกเจ้าได้รับความเป็นส่วนตัวที่สุด หากว่าไม่สะดวกจะพักห้องเดียวกันก็ได้” อิงเฟยเสนอความเห็นด้วยรอยยิ้ม
“หากท่านตัดสินใจแล้วก็ช่างมันเถอะขอรับ หากข้าเรื่องมากไปกว่านี้เกรงว่าพี่ใหญ่จะทุบตีข้าเสียก่อน” เด็กน้อยยักคิ้วลิ่วตาใส่คนงาม คนงามแสดงสีหน้ากระเง้ากระงอดแวบหนึ่งมือไม้ลงมือทุบตีผู้เป็นน้องตุบใหญ่
“เจ้าอย่าทะลึ่งให้มากนักเสี่ยวหลง”
อิงเฟยเห็นท่าทางหยอกเย้าประดุจคนรักเช่นนี้ให้คิดสงสัย มันรีบถามสิ่งที่คิดในใจออกไป
“พวกเจ้าสองคนเป็นพี่น้องกันจริงหรือไม่” ยังไม่ทันคนงามจะอ้าปากเด็กน้อยกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เป็นพี่น้องกันจริงแท้แน่นอนขอรับ”
“ถูกอย่างที่เสี่ยวหลงว่ามานั่นแหละศิษย์พี่สาม”
อย่างนั้นก็ดีไป หากว่าเสวี่ยหมิงยังไม่มีคนรัก มันก็นึกอยากจะสานสัมพันธ์อันดีกับคนงามนี่ ครานี้แม้แต่ตัวมันเองยังแปลกใจในความกระตือรือร้นของตนเองนัก มันไม่เคยมีความคิดอยากเข้าไปใกล้ชิดผู้ใดมากเท่านี้มาก่อน แม้แต่ตอนนี้ภาพเคลื่อนไหวยามสะบัดกระบี่ฟาดฟันศัตรูของเสวี่ยหมิงยังไม่หลุดไปจากมโนความคิดของมัน
“ศิษย์พี่สามขอบคุณท่านมากนะที่จัดหาห้องดีดีให้เราพี่น้อง”
“เจ้ายังไม่ทันเห็นกลับกล่าวชมข้าเสียแล้ว อย่าป้อยอข้าไปหน่อยเลย”
“ข้าแค่อยากขอบคุณท่านเท่านั้นตามจริงที่รู้สึกดีกับท่านเช่นนี้เป็นเพราะท่าทีต่อการปรากฏตัวของข้า มีท่านผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่แสดงท่าทางเป็นปฏิปักษ์”
ถูกพูดด้วยน้ำคำและสีหน้าไว้ใจหวังพึ่งพิงเช่นนี้ ทำให้มันรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“บอกตามตรงตอนแรกข้าคิดว่าพวกท่านอาจจะรวมหัวกันขับไล่ข้าไปด้วยซ้ำหรือไม่งั้นก็อาจรุมทำลายข้า ทว่ารูปการณ์ออกมาอย่างนี้ทำให้ข้าสบายใจขึ้นมานิดหนึ่ง”
“ใยเจ้าเผยความรู้สึกต่อข้าเช่นนี้” อิงเฟยถามด้วยมีความคิดระแวงอยู่บ้าง หากไม่มีแผนการเจ้าเล่ห์การเผยความจริงเช่นนี้ย่อมมีแต่คนเบาปัญญาเท่านั้นที่ทำ ตอนนี้มันจึงอยากทราบนักว่าเพราะเหตุใด
“พี่สามข้ามาทำตามคำสั่งของอาจารย์ การเลือกเฟ้นประมุขพรรคเป็นเรื่องสำคัญ การที่ข้าผูกมิตรต่อท่านเปิดเผยความในใจต่อท่าน ก็เหมือนกับเป็นการทำตามแผนเรียนรู้นิสัยใจคอของท่านชนิดหนึ่ง ท่านถามเช่นนี้หมายความว่าข้าไม่สามารถวางใจท่านในฐานะศิษย์พี่คนหนึ่งได้อย่างนั้นหรือ”
“เจ้าย่อมไว้วางใจในตัวข้าได้ เพียงแต่หากอยากเรียนรู้นิสัยใจคอ การเปิดเผยความรู้สึกเช่นนี้แต่แรกยังคงไม่ถูกกระมัง” ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงแสร้งทำเหมือนนึกขึ้นได้ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“จริงของท่าน เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าท่านไม่ใช่คนร้ายจึงพูดจาเช่นนี้ ขออภัยที่ล่วงเกินพี่สามแล้ว”
เสวี่ยหมิงกล่าวพลางประสานมือคารวะอิงเฟยพอเป็นพิธี
“อย่าได้ทำท่าน้อมนอบต่อข้าถึงเพียงนี้ เจ้าหาได้ทำผิดอะไรไม่”
“ขอบคุณพี่สามที่เมตตา ถ้าอย่างนั้นข้ากับน้องชายขอเข้าไปพักผ่อนชั่วครู่”
“ตามสบายเถอะ เดี๋ยวตอนเย็นข้าจะมารับพวกเจ้าสองคนไปทานอาหารนะ”
“ขอบคุณขอรับพี่อิงเฟย” เสี่ยวหลงกล่าวขอบคุณเสียงเจื้อยแจ้ว อิงเฟยเมื่อกล่าวลาก็หมุนตัวมุ่งหน้าไปยังห้องส่วนตัวของมัน
เมื่ออิงเฟยจากไปเสี่ยวหลงก็ลากเสวี่ยหมิงเข้าห้องแล้วลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา มันเงี่ยหูฟังเสียงลมและเสียงฝีเท้าว่ามีผู้ใดอยู่ในระยะใกล้นี่หรือไม่ เมื่อรู้สึกปลอดภัยมันดึงพี่ใหญ่เข้ามากอดรัดทั้งแนบจูบลงไปอย่างดูดดื่ม
“เสวี่ยหมิงเจ้าช่างฉลาดยิ่งนัก” หลังจากผละจากจูบมันจึงกล่าวชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ฉลาดอันใด”
“ก็ฉลาดที่เข้าใจลวงล่อหว่านเสน่ห์แกอิงเฟยอย่างไรเล่า ถึงแม้ว่าข้าจะหึงหวงเจ้ามากก็ตามที”
“ข้าไม่ได้หว่านเสน่ห์นะเสี่ยวหลง ข้าแค่ผูกมิตรไปตามแผนการเท่านั้นเอง” เสวี่ยหมิงปฏิเสธ กระนั้นหากว่าเสี่ยวหลงเห็นเป็นเช่นนั้น เขาคงแสดงละครสมจริงเกินไปกระมัง
“เจ้ารู้สึกไหมว่าหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมไม่ว่าจะทำอะไรมักต้องถามอิงเฟยก่อนเป็นอันดับแรก” เสี่ยวหลงกล่าวพลางจูงมือพาเสวี่ยหมิงเอนกายลงบนเตียง มือไม้ลูบไล้กอดจูบหลังถามจบ
“อื้อ...เจ้าอย่าทำเช่นนี้....หากใครมาเห็นเข้า....มันไม่ดี.....” เสวี่ยหมิงเอ็ดเบาๆ แต่เสี่ยวหลงหาได้หยุดลูบไล้ปลุกปั่นอารมณ์เขาไม่
“เจ้าตอบคำถามข้ามาก่อนสิ” เสวี่ยหมิงเมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนเอาแต่ใจ เขาคร้านที่จะทุบตีจึงได้แต่ปล่อยให้ทำตามใจชอบทั้งยังตอบคำถาม
“อือ....ข้าก็รู้สึกเช่นกัน....อ๊ะ....” ครานี้เสวี่ยหมิงทนการรุกเร้าไม่ไหวจึงหยิกเข้าที่มือของเสี่ยวหลงถลึงตามองอย่างมาดร้าย ได้ผลเด็กน้อยหัวเราะฮิฮะหยุดการลวนลามในที่สุด
“ข้ารู้สึกได้ว่าคล้ายหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมไม่กล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองผิดวิสัยของคนเป็นผู้นำ”
“หึ...อิงเฟยอาจคิดว่ามันไม่แปลกเพราะเข้าใจว่าเราสองคนเพิ่งเคยพบหน้าพวกมันครั้งแรก แต่กับข้าผู้เป็นตัวจริงมีพิรุธเยี่ยงนี้ ทำให้ยิ่งระบุชัดว่าอิงเฟยน่าสงสัยกว่าผู้ใด หมิงเอ๋อจากนี้ไปข้าอยากให้เจ้าตีสนิทกับอิงเฟยไว้ให้มากก่อนที่จะทำตามแผนการต่อไป”
“เจ้าต้องการให้ข้าหว่านเสน่ห์ต่อศิษย์พี่สามรึ”
“ไม่ใช่เช่นนั้นแค่อยากให้เจ้าสนิทสนมกับอิงเฟยไว้ให้มากในฐานะศิษย์ร่วมสำนัก แต่หากอิงเฟยจะเข้าใจผิดก็เป็นเรื่องของมัน ตามจริงแค่เจ้าสนทนากับมันสนิทสนมเยี่ยงนี้ข้าก็หึงหวงเจ้ามากนะ”
เสี่ยวหลงเข้ามาออดอ้อนออเซาะอีกคราเสวี่ยหมิงหมันไส้เด็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าก็เอาแต่หึงหวง แน่ใจนะว่าอยากให้ข้าสนิทสนมกับอิงเฟยจริงๆ”
“ขอโทษนะที่ให้พี่ใหญ่ต้องกระทำแผนการประหนึ่งหญิงแพศยา”
“หากว่าไม่เป็นการทำเพื่อจับผิดคนร้ายข้าจะไม่มีทางทำตามที่เจ้าบอกเช่นนี้ง่ายๆแน่”
“ขอบคุณท่านมากนะพี่ใหญ่”
เสี่ยวหลงเอนศีรษะซบลงบนแผ่นอกของเสวี่ยหมิง ถูกอ้อนด้วยมารยาเช่นนี้จะให้ทำอย่างไร เสวี่ยหมิงถึงแม้ว่าไม่ชอบใจนักทว่าไม่มีแผนการอื่นในหัวเช่นกัน ดังนั้นจึงทำตามอย่างเสียไม่ได้ หวังว่าแผนการณ์นี้จะคลี่คลายหมอกทึบที่ปิดบังความจริงเอาไว้ในที่สุด
เขียนยากจังเลยอ่า เขียนไปกะร้องไห้กระซิกกระซิกไป กลัวว่าเขียนไปแล้วตะต้องกลับมาแก้เพราะเนื้อหาย้อนแย้ง
แต่ก็นะลองเขียนชิมลางให้คนอ่านชำแหละดูก่อน555555
บทเฉลยความจริงนี่ยากมากคิดจนสมองพองโต ปวดหัวมาก
นี่เขียนไปตามสัญชาติญาณไร้เหตุผลใดใดมายึดเหนียว ถ้าออกมาไม่ดีก็ขออภัย ขอโทษค๊าบบบบบ
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า