ตอนพิเศษ
“วิน..” ผมเรียกเขาอีกครั้งก่อนจะเริ่มจูบเบาๆที่หลัง ตั้งแต่เข้ามาในบ้านจนถึงตอนนี้ ผมเองก็เพิ่งปล่อยให้เขาได้นอนหลับพักผ่อนจริงๆจังๆไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ไม่ใช่ว่าคิดถึงอะไรนะครับแต่แม่งคิดถึงมากกกก
ไม่ได้ทำกันมานานมากจนจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำเวลาที่วินร้องครางอยู่ใต้ตัวมันทำให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน
หน้าที่มีเหงื่อไหลออกมาพร้อมกับสองมือที่ยกขึ้นกอดคอ เวลาที่ผมย้ำไปที่จุดเวลาที่เขารู้สึกมือที่กอดคออยู่แทบจะจิกลงไปที่หลัง ยิ่งเวลาที่แกล้งปล่อยให้วินค้างเติ่งเวลาที่รู้สึกมากๆผมยิ่งชอบเข้าไปใหญ่
บอกกันตรงๆก็คือไม่ว่าเขาจะทำอะไรผมก็ชอบทั้งหมดที่เป็นตัวเขา
“เล็บโคตรยาว หลังแสบหมดอ่ะ” ผมพูดกระซิบบอกเขาก่อนจะเริ่มพรมจูบจากใบหูไล้เรื่อยมาจนถึงต้นคอ “จะหกโมงแล้วนะวิน ไหนบอกให้ปลุกไงครับ ลุกนะเดี๋ยวจะปวดหัว”
“อื้อ ขอ 5 นาทีนะ..เหนื่อยอ่ะ” วินพูดอู้อี้ในลำคอแล้วมุดหน้าลงเข้าไปในหมอนอีกครั้ง เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเพราะอากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆกับวินที่ไม่สวมอะไรไว้เลยคงจะทำให้รู้สึกหนาวมากกว่าปกติ
“แล้วจะเปิดร้านไหม”
“เปิด..”
“ไม่ต้องเปิดก็ได้นี่นา หยุดวันนึงเหอะ” ผมขยับทิ้งตัวนอนข้างๆวิน ยกมือขึ้นลูบศีรษะที่เอียงรับเหมือนลูกแมวทั้งๆที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้น
“ไม่เอาหรอก หยุดมาทั้งวันแล้ว กลางคืนไม่เปิดไม่ได้ เดี๋ยวพี่กานต์ไปบอกพี่ฟางอีก”
“กานต์ไหนอ่ะ” ผมถามเพราะผมไม่รู้ว่าไอ้ชื่อกานต์นี่เป็นใคร
“พี่กานต์ไงที่เมื่อคืนกูไปเที่ยวกับเขา ไปซื้อเสื้อไง”
“ซื้อเสื้ออะไร”
“ก็ซื้อเสื้ออ่ะ ที่พี่เขามาชวนแล้วมึงก็ทะเลาะ เอ๊ะ ไม่ใช่นี่หว่า นั่นกูฝันใช่ป่ะ” อะไรของวินวะ ดูเบลอๆ งงๆ หน้าตอนที่ตื่นมาพูดว่าเอ๊ะแม่งน่ารักมากจนผมต้องก้มลงไปจูบ แต่พอพูดวนไปวนมาเหมือนจะพึมพำกับตัวเองเสร็จก็หลับไปอีกรอบ
“ฝันอะไร”
“ก็ฝันไง ฝันว่ามึงทะเลาะกับกู ว่าแต่มึงจะชวนคุยอะไรนักหนาวะบัส กูเหนื่อยนะเว้ย เจ็บด้วยเนี่ย สัส!!ไม่ต้องมายิ้มเหมือนญาติตายเลย” วินลืมตาขึ้นมาแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม ตบแรงๆแล้วก็หยิกใหม่ “กูพูดว่ารอบเดียวๆ แต่มึงแม่งหื่น ไอ้หน้าหื่น”
“เฮ้ย วินเรียกร้องเองทั้งนั้น ผมบอกวินแล้วว่าแล้วแต่วิน ผมยังไงก็ได้”
“แต่พอกูบอกว่ารอบเดียวมึงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อ่ะ ไม่ให้กูยอมได้ไง ไม่ต้องมายิ้มเลย แม่งเหนื่อยนะเว้ย” วินยิ้มมุมปากแล้วขยับมุดหน้าลงที่ไหล่ผม มือที่ตอนแรกหยอกแก้มผมอย่างแรงเปลี่ยนเป็นลูบหัวผมแทน ผมชอบนะเวลาที่วินสอดนิ้วเข้าไปในศีรษะผมมันให้ความรู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ห่างกัน ถึงแม้ว่าหัวผมจะเกรียนก็เถอะ
“อะไรมองหน้ากูหาลายแทงสมบัติเหรอบัส”
“โหวว แฟนผมแม่งโคตรเก่ง”
“แฟนอะไร มั่วว่ะ แล้วก็...มึงไปโกนหนวดด้วยนะ”วินพูดพร้อมกับลูบๆคลำที่ปลายคางผม
“ไม่ชอบเหรอ”
“เออดิ หยะแหยงฉิบหาย”
“จริงดิ ก็เห็นครางดีนะ”
“K มึงดิบัส มันแทงกู”
“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว” ผมยักคิ้วกวนตีนส่งไปให้คนตรงหน้า วินขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะตบหัวผมไปที
“คิดจังไรอยู่อ่ะดิ กูรู้นะมึงคิดอะไร ถ้าไม่โกนหนวดมึงไม่ต้องมาหอมแก้มกูเลย เห็นไหมเนี่ยเป็นรอยหมด”
“ครับๆรู้แล้ว แต่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ผมขยับตัวนิดหน่อยเพื่อดึงวินให้เข้ามาในอ้อมกอด
“แป๊บนึง” วินลุกขึ้นมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง
“หาไรน่ะ”
“บ๊อกเซอร์กูล่ะ”
“หนาวเหรอ ยังงี้ก็ดีอยู่นิ” ผมพูดพร้อมกับยกขาแกล้งปัดไปโดนส่วนกลางลำตัวของวิน เขาหน้าแดงจนผมอดขำไม่ได้
“อ๊ะ...บัสอย่าแกล้ง บ๊อกเซอร์กูล่ะ” เขาหันมาทำตาเขียวนะครับแต่หน้าแม่งโคตรเรียกร้องให้ผมทำต่อ “บัสบ๊อกเซอร์..อ๊ะ...กู...”
“เออๆไม่แกล้งก็ได้ อยู่นี่ จริงๆไม่เห็นต้องอายอะไรเลย เห็นมาทั้งตัว ชัดเจนขนาดนั้นจะอายอะไร”
“เรื่องของกู ว่าแต่เมื่อกี้จะถามอะไรนะ” หลังจากที่ใส่กางเกงบ๊อกเซอร์เสร็จ เขาก็ขยับตัวเอื้อมไปหยิบมือถือผมมาเล่นเกมส์ ปกติเกมส์ที่วินเล่นในเครื่องผมก็มีอยู่เกมส์เดียวคือเฮย์เดย์ เหตุผลเพราะเวลเยอะ มีของให้เล่นมากกว่ามือถือของวินเอง
“ผมแค่สงสัย”
“ว่า??” เขาพูดแบบไม่สนใจผมสักนิด แม่งบางทีผมก็เริ่มเกลียดมือถือตัวเองขึ้นมาแล้วนะ
“ทำไมวินยอมง่ายอ่ะ ผมยังไม่ทันได้ง้ออะไรเลยวินกลับหายงอนซะงั้น”
“อยากเอายากๆไง??”
“ไม่ใช่ๆ แค่อยากรู้ เฉยๆ แบบนี้ดีแล้ว ไม่เอายากนะ เอาง่ายๆนี่แหละ เนอะ” ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดจากำกวมอะไรหรอกนะครับแต่พอเห็นหน้าวินทีไรต่อมนี้แม่งทำงานทุกที
“ก็กูฝันร้าย”
“ฝัน??”
“ฝันเรื่องพี่กานต์ไง” พี่กานต์อีกแหละ คือผมไม่รู้จักพี่กานต์ไง แล้ววินแม่งก็ยังไม่เล่าละเอียดด้วยซ้ำว่าในฝันมันมีอะไร รู้แต่ว่าฝัน ทำให้ทะเลาะกัน เขาคิดว่าผมเป็นเจนญาณทิพย์เหรอวะถึงจะเดาความฝันเขาออกน่ะ
“กานต์ไหน ผมไม่รู้ด้วยนะ นี่งงนะครับลูกพี่พูดเองเออเองไม่เข้าใจด้วยหรอก”
“ก็เขาชวนกูไปซื้อเสื้อที่ถนนคนเดินเมื่อคืน ก็ไปกับพี่เขาปกตินั่นแหละ กลับมาก็นอนแล้วอยู่มันก็ฝันเฉยเลยว่ามึงมาหาแล้วโกรธกูเรื่องพี่กานต์ แล้วก็พาลไปเรื่องอื่นมั้ง จำไม่ได้โว้ยยย รู้แค่ว่ากูฝันก็พอ ฝันที่กูยังไม่ได้พูดคำสำคัญออกไป แต่กลับตื่นก่อน” หน้าวินเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดจนผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบเบาๆที่ปากเขา วินเงยหน้ารับสัมผัสก่อนจะค่อยอ้าปากออกปล่อยให้ลิ้นเรียวสอดแทรกเข้าไปอย่างง่ายดาย วินไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนต่อโลก ไม่ใช่คนที่จูบไม่เป็น ยิ่งผมร้อนแรงเขาก็มักตอบกลับมาด้วยความรู้สึกที่แรงไม่แพ้กัน
“คิดถึงมึง” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดก่อน ตอนได้ยินหัวใจผมแทบจะหยุดเต้นด้วยซ้ำ “ทำไมมองงั้นวะ”
“วินแม่งน่ารักมากอ่ะ” ผมขยับดึงวินขึ้นมานั่งคร่อมผม
“หนักไหม กูไม่ได้ตัวเล็กเหมือนพี่บลูนะเว้ย”
“อย่าพูดถึงคนอื่นดิ”
“ก็พูดจริงนี่หว่า” เขาพูดอ้อมแอ้มในลำคอก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น ผมรู้ว่าวินกลัว ผมยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าทำไมผมถึงอยู่ตรงนี้ ในหัวนั้นคงคิดไปต่างๆนาๆล่ะมั้งว่าพี่บลูไปไหน เป็นยังไงบ้าง แล้วคนอย่างวินไม่มีทางแน่ๆที่จะไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้
“วิน”
“อืม”
“หันหน้ามาหน่อย”
“ก็กำลังมองอยู่นี่ไงเล่า”
“ฟังนะวิน ตอนนี้ มีแค่เรา ผมกับวิน พี่บลูเขาไม่เป็นคนอื่นไปแล้ว ผมกับเขาเลิกกัน...”วินเม้มปากแน่นเพราะคงคิดอยู่ล่ะมั้งว่าเป็นเพราะเขา “เลิกกันเพราะเราไม่ได้รักกัน”
“เขารักมึง”
“แต่ก็ไม่มากพอเท่าใครอีกคน”
“ใคร”
“ไม่บอก”
“บอกมา ไม่บอกกูจะกัดหัวนมมึงเดี๋ยวนี้เลย” วินแม่งตลกอ่ะ
“พี่ฟิล์ม”
“ห้ะ??? พี่ฟิล์มอ่ะนะ ยังไงวะ”
“ผมไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังหรอก แต่รู้ว่าเขาคงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาตั้งแต่แรก แต่พอผมเขามามันกลายเป็นตัวแปรให้พี่ฟิล์มรู้ใจตัวเอง พี่บลูก็คงไม่ได้แน่ใจในความรู้สึกตั้งแต่แรก พอมีผมที่เป็นคนดี....”ตอนผมบอกว่าผมเป็นคนดีวินแม่งเบ้ปากขัดใจจนผมอดดึงเขามาจูบปากหนักๆไม่ได้
“พอมีผมที่เป็นคนธรรมดาๆเข้าไปดูแลเขา พี่เขาคงรู้สึกเปิดใจและก็แค่รู้สึกชอบล่ะมั้ง แต่คงยังไม่รักหรอก”
“แต่เขาบอกว่าเขารักมึง”
“คนเรามันก็มีช่วงเวลาที่สับสนได้หรอกน่า แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์ลงตัวแล้ว”
“มึงว่ามันละครไปป่ะ ทำไมมันลงตัวง่ายแบบนี้ล่ะ เขาบอกมึงแบบนี้ บางทีเขาอาจจะพูดให้มึงสบายใจเฉยๆก็ได้ ตอนที่มาพูดพี่บลูเขาคงลากพี่ฟิล์มมานั่งด้วยแหงๆ” วินแม่งโคตรฉลาดเลยครับเขามองในมุมที่ผมไม่ได้คิด แต่ความจริงมันจะเป็นยังไงก็ช่าง...เพราะตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการมีแค่คนตรงหน้าเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นผมไม่ขอรับรู้อะไรทั้งสิ้น
“ช่างมันเถอะน่าแล้ววันนี้จะเปิดร้านไหมเนี่ย”
“เปิดดิ อีก 20 นาทีจะไปอาบน้ำแล้วเนี่ย”
ปัง!!!
“วิน!!!! น้องวินครับ” เสียงเหมือนมีคนตะโกนมาจากด้านล่างพร้อมกับอะไรสักอย่างปามาที่หน้าต่าง
“เห้ยย เสียงพี่กานต์นี่หว่า เสื้อกูล่ะบัส”
“ใส่ทำไมผู้ชายไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้องอายเปิดหน้าต่างไปเลยดิ”
“ไม่เอาาาา” เขาพูดปฏิเสธแล้วพยายามวิ่งวุ่นหาเสื้อตัวเองแต่โดนผมจับขาไว้ก่อน
“ทำไมล่ะ”
“ก็มึงไม่เห็นตัวกูเหรอ รอยดูดเต็มตัวแบบนี้ อายเขา ปล่อยขากูบัส เร็ววววว” ผมไม่ปล่อยขาเขาแต่กลับเปิดหน้าต่างแล้วดันตัววินให้ยืนขึ้น “เชี่ยบัสมึงแม่ง เออ ว่าไงพี่กานต์”
“อ่าววิน...เอ่อพอดี.. พี่เห็นเราไม่เปิดร้านเช้าเลยห่วงคิดว่าจะเป็นอะไรไหม”
“เปล่าพี่..ไม่ได้เป็นไรมาก ผมปวดหัวนิดหน่อย เนี่ยเดี๋ยวจะลงไปเปิดร้านแล้วครับ..เชี่ยบัสเลิกจังไรแป๊บนึงดิ” ประโยคแรกวินตะโกนบอกไอ้คนชื่อกานต์อะไรนั่น ประโยคที่สองเขาหันมาพูดเบาๆกับผมที่กำลังจูบเบาๆในส่วนที่ไม่ได้พ้นหน้าต่างคือตั้งแต่ช่วงเอวลงมา
“อ่าวเหรอ...เป็นไรมากหรือเปล่า มียากินไหมครับ ให้พี่ขึ้นไปหาไหม” ไอ้คนชื่อกานต์แม่งไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นผิวขาวๆของวินหน่อยล่ะรีบเชี่ยวนะครับ ผมแอบมองคนชื่อนิดนึงก็พอจะรู้แล้วว่ามันหล่อ ขาว ตรงสเป็คคนตรงหน้าผมเลยบอกตรงๆ
“วินเป็นไรไหมครับ”
“ไม่เป็น...อ๊ะ..ไรพี่กานต์เอาไว้เจอกันข้างล่างพี่ พอดีผมยุ่ง...ปัง!!!” เสียงปิดหน้าต่างพร้อมกับร่างวินที่ร่วงลงมานั่งตักผม หน้าแดง เหงื่อซึมบ่งบอกอาการว่าที่ผมกระตุ้นไปเมื่อกี้ไม่เสียเปล่า
“มึงนี่มันหื่น” วินพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแก้มทั้งสองข้างของผม
“ใครล่ะที่สอน” ผมยักคิ้วใส่เขาก่อนจะโน้มตัวไปจูบคนที่นั่งอยู่บนตัก....
“พออออ จะไปเปิดร้านแล้ว” หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จผมกับวินก็เดินลงมาข้างล่างก่อนจะช่วยกันเปิดร้านที่ตอนนี้ท้องฟ้าข้างนอกกลายเป็นสีดำเรียบร้อย คนที่มาเดินถนนคนเดินก็มีมาให้เห็นบ้างแล้ว
“อ่าวพี่กานต์” เชี่ยเอ๊ยคิดดูว่าแม่งมานั่งรอหน้าร้านเลยครับ ทำตัวเป็นคนดีช่วยจัดร้านให้วินด้วย มีแอบหันมามองหน้าผมบ้างแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
“ขอบคุณมากนะพี่กานต์”
“ไม่เป็นไร...ว่าแต่คนนั้นเพื่อนวินเหรอ” พี่กานต์ชี้มาทางผมก่อนจะหันหน้าไปถามวิน
“อ้อ...นั่นบัสครับ บัสนี่พี่กานต์เขาเป็นเจ้าของร้านโปสเตอร์ข้างๆ” วินไม่ได้ตอบคำถามพี่กานต์ว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันแต่เลือกจะแนะนำผมให้ยกมือไหว้พี่กานต์แทน
“หวัดดีครับพี่กานต์” ผมยกมือไหว้พี่เขาพร้อมกันนั้นพี่เขาก็ยกมือรับไหว้ผม
“ครับ...เออพี่จะบอกว่าเสื้อที่เราไปซื้อกันเมื่อวานน้องพี่ชอบมากเลย จริงๆอยากได้เพิ่มอีกตัวแต่อยากให้วินไปช่วยเลือกด้วย วินว่างหรือเปล่า วันไหนก็ได้” ผมนั่งอยู่หลังเคาเตอร์แกล้งยกน้ำดื่มไม่ได้มองเขาคุยกันที่หน้าร้านหรอกนะครับแต่หูมันได้ยิน
“เอาไว้ว่างๆล่ะกันนะพี่ แต่ผมเกรงใจก้อยอ่ะพี่กานต์เพราะเวลาเราไปด้วยกันกว่าจะเลือกได้มันก็นานไง เอาไว้พี่ไปซื้อกับพวกก้อยก็ได้นะ ผมว่าพวกนั้นน่าจะเลือกได้ดีกว่าผม”
“แต่พี่อยากไปกับวินนี่ครับ” ชัดเลย ชัดเจน พูดขนาดนี้ผมรู้เลยว่ามันต้องการอะไร แต่ผมไม่พูดอะไรหรอกครับรอดูว่าวินจะทำอะไร
“พี่กานต์...ถามจริงๆเลยนะพี่คิดอะไรกับผมหรือเปล่า” แน่นอนว่าคนของผม(?)ก็เป็นคนจริง เขาแมนพอที่จะถามไอ้พี่กานต์นั่นตรงๆ
“ในเมื่อวินกล้าถาม พี่ก็กล้าตอบ”เขาพูดพร้อมกับหันหน้ามามองผมนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็หันกลับไปมองวินเหมือนเดิม “พี่สนใจวิน และคิดว่าอีกไม่นานพี่คงรู้สึกมากกว่า ถ้าเป็นไปได้พี่อยากจะขอโอกาสให้เราลองเปิดใจศึกษากันและกันได้ไหม”
“..........”
“นะวิน พี่แค่อยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้”
“แต่พี่ ผมมีแฟนแล้ว...”วินเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะหันมามองหน้าผม “บัสเป็นแฟนผม...ผมหวังว่าพี่จะเข้าใจ...นะ”
ตอนที่เขาพูดว่าผมเป็นแฟนเขาอยู่ๆปากผมก็ยิ้มกว้างออกมาซะงั้น พี่กานต์มีสีหน้าไปไม่เป็นนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา
“พี่ก็ว่าแล้ว...แต่ขอบใจนะที่บอกพี่ตรงๆ..เฮ้ออ ไม่คิดว่าจะเจ็บหัวใจด้วย ขนาดไม่ได้คิดว่าจะชอบวินมากมายขนาดนั้นนะเนี่ย”
“ขอโทษทีพี่...ผม..”
“เฮ้ยย อย่าทำหน้างั้นดิ เราไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย” พูดเฉยๆก็ได้ครับพี่กานต์มือไม่ต้องเอื้อมมาลูบแก้มแฟนผมก็ได้ วินก็ด้วยยิ้มรับขนาดนั้นไม่เห็นหรือไงว่าแฟนยืนอยู่ตรงนี้
“ขอบคุณนะพี่...ว่าแต่พี่เลิกจับแก้มวินได้แล้วมั้ง” ผมเดินเข้าไปดึงมือวินให้ขยับมาอยู่ใกล้ๆผม
“ฮะๆ โทษทีๆ เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อกี้ก็แกล้งทำเป็นลืมๆมันไปล่ะกันนะ...เฮ้ออไม่อยากเชื่อเลยว่ะ...พี่คิดว่าวินจะรุกซะอีก”
“ห้ะ??อะไรนะพี่” วินน่ะไม่ได้ยิน แต่ผมน่ะเต็มสองหู เพราะพี่เขาอยู่ใกล้ แล้วไอ้แววตาแพรวพราวที่ส่งมาทางผมเนี่ย มั่นใจเลยว่าไอ้พี่กานต์แม่งงงงงงงงงงง คิดอกุศลกับผมแล้วแหงๆ
“ไม่มีอะไรงั้นพี่ไปก่อนนะครับ”
“ครับพี่เจอกัน” วินยกมือบ๊ายบายพี่กานต์เสร็จก็หันไปจัดของในร้านต่อ
“แฟน...”
“อะไรของมึงบัสเตอร์” พูดไม่พอ ฝาโซดาเขวี้ยงมาใส่หน้าผมเต็มๆ
“อ่าวเราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้วินก็ยืนยันเอง”
“เป็นห่าอะไรล่ะกูเฉไฉแกล้งทำเป็นพูดไปงั้น”
“อ่าววว งั้นก็แสดงว่าวินไม่อยากเป็นแฟนผมเหรอ” ทำเสียงน้อยใจไม่ใช่ว่าน้อยใจจริงๆหรอกนะครับ แต่แกล้งให้คนตรงหน้ารนเฉยๆ
“บัส”
“....”
“บัสเตอร์”
“ครับว่า...” ผมแกล้งทำหน้าเศร้าส่งไปให้ พอสบตากับวินเสร็จ ผมก็แกล้งหันออกไปมองข้างนอกแทน
“มึงโกรธเหรอ”
“เปล่า...”
“อะไรของมึงวะแม่งโกรธชัดๆ....”วินเงียบไปนานจนผมคิดว่าเขางอนแล้วเลยต้องหันหน้ากลับมามองเขาแทน แต่ตอนที่หันกลับมาสิ่งที่เห็นคือวินที่ยืนอยู่ก่อน “มึงยังไม่ขอกูเป็นแฟนเลย...แล้วเราจะเป็นแฟนกันได้ไง”
“แล้ววินไม่ขอผม”
“ก็ถ้ามึงปฏิเสธกูก็เสียหน้าดิ”
“ไม่รู้ดิ...ลองขอหรือยังล่ะ” ผมยักคิ้วแล้วเอื้อมไปจับมือคนตรงหน้า
“บัสเตอร์...”
“ครับ”
“.........นะ”
“อะไรของวินน่ะ ผมได้ยินแค่นะคำเดียวเองนะ”
“โว้ยยยมึงแม่ง....เป็นแฟนกับกูนะ” สายตาที่สบกันไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งมากไปกว่าคำว่ารัก ผมกับเขาเราไม่ได้ขอให้ความรักของเราเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
ผมขอแค่ให้รักเรายังเท่าเดิมก็พอ
“ได้ครับ...ไม่มีปัญหา”
END