ตอนนี้เป็นอีกตอนที่ชอบมากๆ สนค่อยๆ สงสัยตัวเองมากขึ้นและเริ่มคิดหาคำตอบ
จะรู้ใจตัวเองไหม...ก็น่าจะรู้ (มั้ง)
แต่เรื่องก็จะยังดำเนินไปเหมือนกับที่เคยเขียนอยู่ประมาณหนึ่งครับ
ที่อยากจะลองเขียนก็คือ "ฉากรัก" ครับ จะได้เห็นฉากรักที่ดุเด็ดเผ็ดมันขึ้น (make love นะ บ่อไจ้ have sex)
แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้
ป.ล.
ชอบรูปต้นกับสนที่เพิ่งเอามาลงใหม่มาก เห็นแล้วเพ้อเลย (เป็นเองซะงั้น)
หล่อชะมัดเลย------------------------------------------------------
ตอนที่ 20: คนขี้หึงและเห็นแก่ตัวรถบัสพานักศึกษากลับมาถึงที่มหาวิทยาลัยราวๆ สามทุ่ม เช่นเคย ต้นต้องอยู่คอยจัดการให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ กลับบ้านกันหมดก่อน มีสนคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ เรียกได้ว่าไม่เปิดโอกาสให้พี่ปิ๊กเข้าใกล้ต้นได้เลย
เมื่อเสร็จธุระและเตรียมตัวจะกลับบ้านก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดข้างๆ พี่ปิ๊กนั่นเอง มาพร้อมกับนิกและปั้นจั่น เขาอาสาจะไปส่งทุกคนที่บ้าน พี่ปิ๊กลดกระจกลงและบอกให้ต้นกับสนขึ้นมาบนรถ
"ต้น สน กลับด้วยกันนะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง"
ต้นหันไปมองหน้าเพื่อนรัก เห็นเขาทำสีหน้าบึ้งๆ แล้วต้นก็ไม่กล้าตอบรับพี่ปิ๊ก แต่นิกกับปั้นจั่นไม่รอช้า รีบลงมาจัดการทันที
"เฮ้ยต้นเร็วๆ เดี่ยวจะดึก เหนื่อยจะตายอยู่แล้วจะเดินกลับทำไม" ปั้นจั่นว่าพลางเดินมารุนหลังกึ่งผลักต้นให้เข้าไปนั่งในรถข้างหน้าคู่กับพี่ปิ๊ก
"อ้าวสน เร็วๆ สิ จะเดินกลับคนเดียวหรือไง" นิกหันมาถามสนที่ยังยืนนิ่งหน้าบึ้งอยู่ "ตามใจเว้ย ไม่ไปก็อย่าไป" นิกว่าพลางโคลงศีรษะแล้วก็เข้าไปนั่งในรถ
"ไม่ไปแน่นะ เดี๋ยวกูยุให้พี่ปิ๊กพาต้นไปเที่ยวต่อซะเลยนี่" ปั้นจั่นขู่พลางยิ้มอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่าแล้วก็ตามนิกเข้าไปนั่งข้างในรถ คราวนี้ได้ผลเพราะสนรีบตามเข้ามานั่งในรถด้วยทันที แต่สนก็เงียบไปตลอดทางจนต้นสงสัยและต้องคอยชำเลืองมองอยู่เรื่อยๆ
"ต้นนี่เก่งนะครับ ทำชมรมใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วย" พี่ปิ๊กหันมาชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบที่กำลังก่อตัวขึ้น
"ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับ ถ้าไม่ได้คนอื่นๆ ในชมรมช่วยกันผมก็ทำไม่ได้เหมือนกันครับ"
"แหม...ถ่อมตัวเสียด้วย จะน่ารักไปถึงไหน น่ารักแบบนี้มีคนมาชอบเยอะหรือเปล่าครับ"
"เคยมีสาวมาชอบด้วยครับพี่ หลายคนด้วย แต่ต้นมันไม่ชอบ" เสียงของนิกตอบมาจากทางด้านหลังแทนคนถูกถาม
"แล้วนอกจากสาวๆ แล้วมีหนุ่มๆ มาชอบบ้างหรือเปล่าล่ะ"
คำถามนี้ของพี่ปิ๊กเล่นเอานิกกับปั้นจั่นหัวเราะชอบใจกันใหญ่
"ยังไม่เคยเห็นนะพี่ แต่คิดว่า...ไม่นานนี้จะได้เห็นแล้วล่ะครับ" ปั้นจั่นตอบ พอชำเลืองไปดูสนก็เห็นว่ายังนั่งเงียบและหน้าบึ้งอยู่เช่นเดิม ส่วนต้นก็ทำหน้าไม่ถูก จะขำก็ไม่กล้าขำ จะทำเฉยก็กลัวเสียบรรยากาศ อาการแบบนั้นของสนทำให้ต้นไปไม่เป็นเลย
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงบ้าน พี่ปิ๊กบอกให้ต้นนั่งรออยู่ในรถก่อนแล้วเขาก็ลงจากรถวิ่งมาเปิดประตูให้ ต้นหันไปสบตากับสนที่เพิ่งลงมายืนนิ่งและหน้าบึ้งอยู่ก่อนแล้ว เห็นสนไม่พอใจแบบนั้นต้นก็ได้แต่หลบตาแล้วก็ลงมาจากรถ พอทุกคนลงจากรถหมดแล้วพี่ปิ๊กก็เสนอว่า
“อยู่ใกล้ๆ แถวนี้นี่เอง เดี๋ยวไว้วันหลังพี่มารับดีไหม จะได้ไม่ต้องเดินไปมหาลัยให้เหนื่อย”
“ไม่เป็นไรครับพี่ เกรงใจ พวกเราเดินไปได้ครับ ไม่ไกลมาก ได้ออกกำลังกายด้วย” ต้นรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวนพี่ปิ๊ก อีกอย่างก็เกรงใจสนด้วย ดูท่าทางจะไม่ชอบพี่ปิ๊กเอามากๆ
“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกต้น พี่ขับผ่านแถวนี้ทุกวันเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับละกัน ไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน” พี่ปิ๊กไม่รอว่าต้นจะตอบตกลงหรือไม่ เขาขึ้นรถ ปิดประตูแล้วก็ขับออกไปทันที
“อ้าว...ไปซะละ เฮ้ยนิกมึงโทรไปบอกพี่เขาหน่อยสิว่าไม่ต้องมารับหรอก เกรงใจ” ต้นหันไปขอร้องเพื่อน แต่มีหรือที่นิกจะยอมเสียแผนที่วางเอาไว้
“ให้เขามารับเถอะ เขาไม่ลำบากอะไรหรอก พี่ปิ๊กแกใจดี แกไม่คิดอะไรหรอก เข้าบ้านเถอะ เหนื่อยจะแย่แล้ว อยากอาบน้ำ เหนียวตัว” นิกตัดบทแล้วก็เดินนำเพื่อนๆ เข้าไปในบ้าน ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปห้องของตนเองเพื่ออาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียนอีก สำหรับเด็กๆ แล้ว พวกเขายังมีพลังอีกมาก การได้ใช้พลังทำสิ่งที่สร้างสรรค์ถือเป็นการใช้พลังให้เป็นประโยชน์อีกทางหนึ่ง
------------------------------------------------------
สนอาบน้ำเสร็จแล้วก็ลังเลใจว่าจะไปห้องต้นดีหรือเปล่า วันนี้เขารู้สึกไม่สนุกเอาเสียเลยที่พี่ปิ๊กตามต้นแจและคอยดูแลไม่ห่าง ช่วงที่ต้นกับเจนี่สนิทกันนั้นเขายังไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไร แต่พอเห็นผู้ชายมาจีบต้น คอยดูแลต้น เขากลับรู้สึกกระวนกระวายจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร คนที่จะดูแลต้นควรต้องเป็นเขาไม่ใช่คนอื่นและเขาก็พร้อมที่จะทำอย่างนั้นจนชั่วชีวิต พอเห็นคนอื่นมาทำหน้าที่นั้นแทนแล้วสนก็รู้สึกเหมือนเขาหมดความสำคัญกับต้นไป
ที่น่าสงสัยก็คือ...นิกกับปั้นจั่นก็พลอยรู้เห็นเป็นใจไปด้วย เขาเริ่มผิดสังเกตว่าสองคนนี้คอยยัดเยียดให้ต้นอยู่ใกล้ๆ กับพี่ปิ๊กตลอดเวลา นี่ถ้าเกิดต้นเป็นแฟนกับพี่ปิ๊กจริงๆ ล่ะ เขาจะยอมให้ต้นไปเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ได้ไหม เขาเคยได้ยินว่าคนที่เป็นเกย์มักไม่ค่อยมีรักแท้ ถ้าเกิดต้นถูกหลอกขึ้นมา ต้นจะเป็นอย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ สนจึงรุดไปห้องปั้นจั่นทันทีแทนที่จะไปห้องต้น สนเคาะประตูสักพักปั้นจั่นก็เปิดประตูออกมาดู
“อ้าวสน มีอะไรเหรอ เข้ามาสิ” ปั้นจั่นบอก สนเดินตามเข้าไป ปั้นจั่นนั่งบนเตียงของเขาแต่สนยืนกอดอก
“กูรู้สึกว่าพวงมึงเชียร์พี่ปิ๊กให้ต้นจนออกหน้าออกตา กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอวะ” สนเริ่มเรื่องด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
"เปล่านี่ ก็แค่พี่ปิ๊กเขาชอบต้นแค่นั้นเอง กูก็แค่พาเขามารู้จักกัน แล้วทำไมล่ะ มึงจะมาเดือดร้อนทำไม เขาไม่ได้ชอบมึงเสียหน่อย" ปั้นจั่นย้อน
"ทำไมจะไม่เดือดร้อนล่ะ ถ้าเกิดเขาไม่ได้รักต้นจริงๆ แค่มาจีบเล่นๆ ต้นมันจะเป็นไง"
“อ้าว มึงจะรู้ได้ยังไง เขาอาจจะชอบไอ้ต้นจริงๆ ก็ได้ ของอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก คนเรามีความรักก็ต้องมีอกหักบ้างเป็นธรรมดา ต้นมันก็จะได้เรียนรู้” ปั้นจั่นแย้ง
“มึงพูดอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย ต้นยังไม่เคยมีความรัก ถ้าผิดหวังขึ้นมา ต้นอาจจะเสียคนไปเลยก็ได้ พวกมึงต้องรับผิดชอบนะเว้ย” สนเถียง
“มึงรู้ได้ไงว่าไอ้ต้นไม่เคยมีความรัก มันก็รักมึงอยู่นี่ไง แล้วมันก็ผิดหวังมาตั้งนานแล้วด้วย ก็ไม่เห็นมันเป็นอะไรนี่” ปั้นจั่นเถียงคืน ได้ผลทีเดียว สิ่งที่ปั้นจั่นพูดเสียดแทงใจดำสนจนเขาต้องนิ่งไป
“มึงก็ไม่ได้รักมันแบบนั้นแล้วมึงจะหวงมันไว้ทำไมวะ ให้มันมีความสุขบ้างสิ มึงได้ความรักจากมันมาเยอะแล้ว ให้มันแบ่งให้คนอื่นบ้าง” ปั้นจั่นไม่ลดละ สนต้องสะอึกเป็นรอบที่สอง
“ต้นอยู่กับกู เป็นเพื่อนกันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว พวกมึงกำลังหาเหามาใส่หัวต้นรู้ไหม” แม้ว่าจะเถียงไม่ค่อยออกแต่สนก็ยังไม่จนมุมเสียทีเดียว
“ความสุขแบบเพื่อนน่ะกูไม่เถียงหรอก มึงให้มันได้มากกว่าใครๆ ในโลกนี้ทั้งนั้นแหละ แต่ไอ้ต้นมันก็มีหัวใจนะเว้ย มันก็คงอยากมีความสุขกับความรักอย่างอื่นบ้าง มึงก็อยากมี กูก็อยากมี แล้วทำไมไอ้ต้นจะไม่อยากมีล่ะ มึงอย่าเห็นแก่ตัวสิวะ ปล่อยให้ไอ้ต้นมันมีความสุขบ้าง มันก็คงอยากมีแฟนเหมือนที่มึงเคยมีนั่นแหละ ถ้ามึงให้มันได้แค่เพื่อน มึงก็ต้องหลีกทางให้คนอื่นที่เขาให้ไอ้ต้นได้มากกว่านั้น” ปั้นจั่นพูดเน้นย้ำประโยคท้ายๆ และทำให้สนต้องสะอึกเป็นรอบที่สาม
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าหมอนั่นมันทำให้ต้นเจ็บขึ้นมา พวกมึงต้องรับผิดชอบ กูรักต้นแค่ไหนมึงก็รู้ ถ้าต้นเจ็บเพราะพวกมึง อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะเว้ย” สนขู่
เห็นปั้นจั่นทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเขาก็ยิ่งหงุดหงิด สนจึงเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขารู้และเข้าใจในสิ่งที่ปั้นจั่นพูดมาทั้งหมด แต่เขากลับไม่สามารถทำใจได้ที่จะเห็นมีคนมาดูแลต้นแทนเขา เขาอยู่กับต้นมานาน ผูกพันกันมาเป็นสิบๆ ปี ดูแลกันมาตลอด แล้วจู่ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้จะมาแย่งเอาความรักที่ต้นเคยมีให้เขาไป
หรือว่า...เขาควรต้องปล่อยเพื่อนให้มีความสุขอย่างที่ปั้นจั่นมันว่า แล้วต้นล่ะ สนตระหนักดีแก่ใจว่าต้นรักเขามาก ต้นยังจะมีหัวใจไปรักคนอื่นอีกหรือ พอคิดมาถึงตรงนี้สนก็เริ่มกังวล เขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวก็ได้ที่ไม่ยอมปล่อยต้นให้พ้นจากพันธนาการนี้ในขณะที่เขาเองก็ไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่ต้นต้องการได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ความคิดเริ่มตีกันในหัว จนสนเริ่มจะทนไม่ไหว เขาจึงลุกออกไปจากห้องแล้วไปเคาะประตูห้องต้น นานพอสมควรกว่าต้นจะลุกมาเปิดประตูเพราะต้นเพลียมากและหลับไปสักพักแล้ว
“อ้าวสน มีอะไรหรือเปล่า” ต้นถามด้วยอาการงัวเงีย พอสนเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกผิดที่มากวนเพื่อนตอนนอน
“โทษทีต้นเรานึกว่านายยังไม่นอน” สนบอกเสียงอ่อย เขาลังเลว่าจะเข้าไปคุยกับเพื่อนหรือว่าควรจะปล่อยให้เพื่อนนอนดี
“นายมีอะไรจะคุยหรือเปล่าล่ะ” ต้นถามพลางหาว
“เอ่อ...คือ ...ไม่มีอะไรหรอก นายนอนเถอะเดี๋ยวเราก็จะนอนเหมือนกัน ฝันดีนะเพื่อน” สนเปลี่ยนใจในที่สุด
เขาค่อยๆ ปิดประตูให้ต้นแล้วก็กลับมาที่ห้องของตนเอง นอนกระสับกระส่ายอยู่นานและคิดกังวลถึงสิ่งที่ปั้นจั่นพูดจนหลับไปในที่สุด
------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนเช้าพี่ปิ๊กก็มารับจริงๆ เสียด้วย ต้นไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรเพราะพี่ปิ๊กอุตส่าห์มารับถึงที่ จึงต้องยอมไปโดยมีนิกกับปั้นจั่นไปด้วย แต่สนปฏิเสธท่าเดียว เขารู้สึกอึดอัดจนเกินกว่าที่จะทนนั่งไปด้วยได้
พอถึงวันเสาร์ พี่ปิ๊กก็ชวนต้นไปดูหนัง ต้นก็ตอบตกลงไปเพราะนิกกับปั้นจั่นคอยคะยั้นคะยอจนเขาต้องยอมตกลงในที่สุด นิกกับปั้นจั่นชวนสนให้ไปด้วย แต่ก็เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกันกับการชวนคนที่ดื้อเงียบแบบสน
"เฮ้ยไอ้สน กูอยากให้มึงไปว่ะ มึงจะได้เห็นกับตาไงว่าพี่ปิ๊กเขาชอบต้นจริงหรือเปล่า มึงจะได้สบายใจไง ถ้าเกิดเขาชอบต้นจริง ดูแลต้นได้ ทำให้ต้นมีความสุขได้ มึงก็น่าจะพอใจไม่ใช่เหรอ มึงไม่อยากเห็นเพื่อนรักของมึงมีความสุขหรือไงวะ"
สิ่งที่ปั้นจั่นพูดกระแทกใจของสนอย่างจัง เขาก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่ต้นจะมีแฟนและมีความสุข แล้วนี่เขาเป็นอะไรของเขาถึงได้มีความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ บางทีสนก็รู้สึกเหมือนเขากำลังหวงหรือหึงต้นอยู่ เขารู้สึกแบบนี้ได้ยังไงกัน
"นะ...ไปดูหนังด้วยกันเถอะ ไปดูให้เห็นกับตาเลย ถ้าเกิดพี่ปิ๊กเขาไม่ดีจริงมึงก็จะได้ช่วยต้นได้ทัน แต่ถ้าเขาดีจริง มึงก็จะได้สบายใจไง" นิกช่วยเสริมอีกคน
สนก็ยังคงเงียบและครุ่นคิดอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะหนักใจมากทีเดียว
"คิดอะไรมากวะไอ้สน กับไอ้แค่เพื่อนจะมีแฟนนี่มันทำให้มึงเครียดขนาดนี้เลยเหรอวะ ใครๆ เขาก็มีแฟนกันเยอะแยะ เพื่อนกูก็มีแฟนกันหลายคน ไอ้นิกเองมันจีบสาวไปทั่ว กูยังไม่เห็นเป็นไรเลย"
"อ้าว...ไอ้นี่ มึงก็จีบไปทั่วเหมือนกันแหละ ว่าแต่กู" นิกใช้สิทธิ์ที่ถูกพาดพิง ปั้นจั่นหันไปหัวเราะแหะๆ กับเพื่อนแล้วก็หันมาจัดการสนต่อ
"หรือว่ามึง...หึงไอ้ต้นเหรอ"
สนตกตะลึงตาโตกับสิ่งที่ปั้นจั่นพูดเพราะมันตรงกับสิ่งที่เขากำลังสงสัยอยู่พอดี "พูดบ้าอะไรของมึง หึงเหิงอะไร กูก็แค่เป็นห่วงเพื่อนเท่านั้นแหละ กูไม่อยากให้ต้นมันถูกหลอก ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะเว้ย" สนปฏิเสธเป็นพัลวันอย่างไม่พอใจ
"ปากแข็งจริงๆ นะไอ้นี่" ปั้นจั่นหันไปพูดกับนิกเบาๆ
"เออๆ ไม่พูดก็ไม่พูด ตกลงมึงจะไปหรือเปล่า แต่กูแนะนำว่ามึงควรไป ถ้ามึงเป็นห่วงต้นจริงมึงต้องไปดูให้เห็นกับตา แค่นี้แหละ กูขี้เกียจพูดกับมึงละ ดื้อชิบเป๋งเลย" ปั่นจั่นว่าแล้วก็ชวนนิกออกมาจากห้องของสน
------------------------------------------------------------
พอมาถึงโรงหนังในห้างแห่งหนึ่งแล้ว นิกกับปั้นจั่นก็เจ้ากี้เจ้าการอีก ปั้นจั่นเป็นคนไปซื้อตั๋วที่นั่งและจัดการให้ตั๋วที่นั่งตามที่ได้วางแผนไว้ จากนั้นก็หันไปสั่งต้นว่า
“ต้น...มึงซื้อของกินกับพี่เขาไปก่อนละกัน เดี๋ยวพวกกูเข้าไปก่อน ไปสน” ปั้นจั่นบอกพลางรุนหลังให้สนเดินเข้าไปในโรงหนัง สนเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้ แต่เขาก็ต้องไปเพราะถึงอยู่ตรงนี้เขาก็คงเป็นส่วนเกินของต้นกับพี่ปิ๊ก ต้นก็ได้แต่มองตามอย่างงงๆ พอเข้ามาในโรงหนังและหาที่นั่งได้แล้ว สนก็นั่งลงที่นั่งด้านขวาถัดจากที่นิกกับปั้นจั่นนั่งอยู่ นิกรีบร้องห้ามทันที
“เฮ้ยไอ้สน มึงนั่งตรงนั้นทำไมวะ ตรงนั้นเป็นที่นั่งของพี่ปิ๊ก เขาจะนั่งกับต้น เขาชอบกันอยู่ก็ให้เขานั่งด้วยกันสิ มานั่งตรงนี้ ที่นั่งมึงอยู่นี่ มึงดูเลขที่นั่งของมึงก่อนสิ อย่ามั่วดิ” นิกบอกพลางชี้มาที่นั่งทางด้านซ้ายถัดจากปั้นจั่น
“อะไรวะ” สนสบถอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ลุกไปโดยดี ความจริงสนก็คิดอยู่นานกว่าจะยอมมา แต่ที่ปั่นจั่นพูดมันก็ถูก เขาควรจะมาดูให้เห็นกับตาว่าพี่ปิ๊กรักและจริงจังกับต้นมากแค่ไหน แล้วเขาก็จะได้ตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไง
สักพักต้นกับพี่ปิ๊กก็หอบของกินพะรุงพะรังเข้ามา ต้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มีใครอยู่ช่วยถือของด้วยเลย และเมื่อรู้ว่าที่นั่งของเขากับพี่ปิ๊กติดกันด้วยแล้วต้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขารู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดให้อยู่ใกล้ๆ กับพี่ปิ๊กตลอดเวลายังไงไม่รู้ เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว สนเองก็ดูหน้าบึ้งๆ มาหลายวันเช่นกัน
พอนั่งลง ต้นพยายามหันไปมองสนเป็นระยะๆ สนหันมามองบ้างแล้วก็หันกลับไปตามเดิมโดยไม่พูดอะไร พอนั่งแล้วพี่ปิ๊กกับต้นก็ส่งของกินให้คนอื่นๆ สนรับป๊อปคอร์นมาแต่ก็ไม่ยอมแตะแม้แต่คำเดียว
"ต้นชอบกินแบบเค็มหรือแบบหวานล่ะ" พี่ปิ๊กถาม
"อ๋อ...ชอบแบบหวานครับ"
"ดีจัง ชอบเหมือนกันเลย พี่ก็ชอบกินแบบหวาน ใส่เนย หอมดี" พี่ปิ๊กบอกพลางหยิบป๊อบคอร์นใส่ปาก "แล้วต้นมาดูหนังบ่อยหรือเปล่า พี่มาดูเกือบทุกอาทิตย์แน่ะ มาดูกับเพื่อนบ้าง กับที่บ้านบ้าง"
"ไม่ค่อยได้ดูหรอกครับ ส่วนมากวันหยุดผมจะมีกิจกรรมที่ชมรม แต่ถ้าวันไหนไม่มีกิจกรรมก็จะอยู่บ้านหรือไม่ก็กลับบ้านที่นครปฐมครับ"
"ต้นเป็นเด็กนครปฐมเหรอเนี่ย ไว้วันหลังพาพี่ไปเที่ยวบ้านต้นบ้างสิ เดี๋ยวพี่ขับรถให้" พี่ปิ๊กทำน้ำเสียงตื่นเต้น
สนหันขวับมามองแทบจะทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ต้นก็หันไปมองทางสนเช่นกัน เห็นสนทำหน้าบึ้งๆ แล้วต้นก็รู้สึกแหยงๆ ไม่รู้ว่าจะตอบพี่ปิ๊กอย่างไรดี สักพักสนก็หันกลับไปตามเดิมเหมือนกับจะรู้ตัวว่าเขาไม่ควรยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไป
"เอ่อ...มันไกลนะพี่ แถวบ้านผมก็ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวหรอกครับ มีแต่เรือกสวนไร่นาแล้วก็คลองส่งน้ำ พี่ปิ๊กอาจจะไม่ชอบก็ได้ครับ"
"ใครว่าล่ะ พี่ก็ชอบที่ที่มันสงบๆ เหมือนกันนะ หรือว่าต้นมีอะไรหรือเปล่าถึงไม่อยากให้พี่ไป"
"เปล่าครับ" ต้นรีบปฏิเสธ "แค่เดาเอาว่าพี่คงไม่ค่อยชอบเที่ยวแบบบ้านๆ"
"ใครว่าล่ะ พี่เที่ยวได้หมดแหละไม่ว่าจะในเมืองหรือต่างจังหวัด นะต้น ถ้าวันไหนต้นจะกลับบ้าน โทรมาบอกพี่ เดี๋ยวพี่ไปด้วย พานิกกับปัันจั่นไปด้วย อ้อ...สนจะไปด้วยกันหรือเปล่า"
สนยังนั่งเงียบเหมือนคิดอะไรอยู่จนปั้นจั่นต้องสะกิด "ได้ยินไหมว่าพี่เขาถาม"
สนสะดุ้งเล็กน้อย "อะไร"
"พี่ปิ๊กเขาบอกว่าวันไหนต้นกลับบ้านที่นครปฐม พี่เขาจะไปส่ง พากูสองคนไปด้วย มึงจะไปด้วยไหม" ปั้นจั่นทวนเรื่องให้
"ไม่ไป" สนตอบเสียงห้วนเบาๆ
"เออ...ก็แค่นั้นแหละ" แล้วปั้นจั่นก็หันไปบอกพี่ปิ๊ก "มันไม่ไปหรอกพี่ ให้มันไปเองเถอะ"
บรรยากาศชักเริ่มจะกร่อยๆ เพราะสนทำหน้าบึ้งๆ จนทุกคนรู้สึกได้ ทางที่ดีจึงต้องหยุดคุยกันแล้วหันไปสนใจกับหนังที่กำลังจะฉายในไม่ช้านี้
เนื่องจากหนังที่ดูเป็นหนังตลก จึงมีเสียงหัวเราะสนุกสนานอยู่เกือบตลอดเวลา พี่ปิ๊กดูไป ชวนต้นคุยไป หัวเราะกันไปอย่างสนุกสนาน แต่สนกลับหน้าบึ้งมากขึ้นทุกทีๆ จนในที่สุดสนก็เริ่มทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่เขาบอกตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะทำใจและยอมปล่อยให้เพื่อนได้มีความรักอย่างที่ต้องการบ้าง แต่พอเห็นต้นกับพี่ปิ๊กมีความสุขอยู่ด้วยกัน เขากลับรู้สึกอิจฉาจนทำใจไม่ได้ สนลุกขึ้นยืน ส่งป๊อปคอร์นให้ปั้นจั่น ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน
“อ้าว จะไปไหนวะ ไปห้องน้ำเหรอ” ปั้นจั่นถามด้วยความสงสัย
“ไม่ดูแล้ว ไม่ชอบหนังตลกไร้สาระ” สนพูดพลางหันไปมองพี่ปิ๊กตรงประโยคท้ายๆ เล่นเอาพี่ปิ๊กถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว แล้วสนก็เดินออกไปจากโรงหนังโดยไม่ฟังเสียงเรียกของใคร
"อะไรของมันวะไอ้นี่" ปั้นจั่นบ่นเบาๆ พลางส่ายหน้า
พอต้นเห็นเพื่อนเดินออกไปอย่างนั้นก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเพราะเขาห่วงใยความรู้สึกของสนมาก คงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้สนไม่สบายใจ ไม่อย่างนั้นสนไม่ทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้แน่ๆ คิดอยู่ไม่นานนักต้นจึงลุกขึ้นบ้าง
“ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ ผมจะไปดูสนหน่อย ไม่รู้สนเป็นไร” ต้นหันไปบอกพี่ปิ๊ก ก่อนจะเดินออกไปต้นก็หันไปบอกนิกกับปั้นจั่นด้วย “ไปก่อนนะ ไม่ต้องรอ” แล้วต้นก็ผลุนออกไปโดยไม่ฟังเสียงอีกสามคนที่เรียกตามอีกเช่นกัน
“เอาไงล่ะพี่” นิกหันไปถามพี่ปิ๊กเมื่อต้นออกไปแล้ว
“ไม่เป็นไร พี่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก” พี่ปิ๊กบอก แต่สีหน้าก็กังวลอย่างเห็นได้ชัด
----------------------------------------------------------------------------------------------
“สน...รอด้วยสิ” ต้นส่งเสียงเรียกขณะที่สนกำลังเดินลงบันไดเลื่อนลงไปข้างล่าง สนหันมามอง พอเห็นว่าต้นตามเขามาก็ดูเหมือนสนจะดีใจอยู่ในทีแต่ก็ไม่แสดงออกมาก พอบันไดเลื่อนลงไปจนสุด เขาก็ยืนรอต้น จนกระทั่งต้นลงมาถึงที่เขายืนรออยู่
“ทำไมไม่อยู่ดูหนังกับพี่เขาล่ะ” สนถามเสียงห้วน
ต้นหน้าเสียเล็กน้อยที่สนทำเสียงดุๆ อีกแล้ว "ก็เราเป็นห่วงนาย" ต้นพูดเสียงอ่อย "ทำไมนายต้องดุเราด้วยล่ะสน" ต้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นั่นแหละจึงทำให้สนได้สติ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาสนไม่เคยทำน้ำเสียงแบบนี้กับต้นเลย แต่ช่วงหลังๆ มานี้เหมือนเขาจะหลุดบ่อย
"ขอโทษต้น เราอารมณ์ไม่ค่อยดีไปหน่อย" สนหน้าเจื่อนด้วยความรู้สึกผิด เห็นต้นหน้าจ๋อยแบบนั้นเขาก็สงสาร ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่สาธารณะเขาคงจะต้องกอดต้นเพื่อปลอบใจแน่ๆ เลย
"ไปกินไอติมกันไหม"
สนเลิกคิ้วอย่างงงๆ ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน
"ไม่อยากกินเหรอ แล้วนายอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยววันนี้เราเลี้ยงเอง" ต้นคิดว่าถ้าเขาได้อยู่กับสนตามลำพังสองต่อสองบ้างคงจะทำให้สนอารมณ์ดีขึ้นได้ เขาไม่อยากให้สนเป็นแบบนี้นานนักเพราะต้นเองก็พลอยจะไม่สบายใจไปด้วย
"กินไอติมก็ได้" สนยิ้มเล็กน้อย
ต้นจึงยิ้มบ้าง แล้วต่างคนต่างก็ยิ้มกว้างให้กันในที่สุด สนอยากจะบอกต้นเหลือเกินว่า "นายคือความสุขของเรา" ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ไม่ว่าจะคบกันมานานแค่ไหน ต้นก็ยังคงเป็นความสุขของสนเสมอ และก็คงจะไม่แปลกที่สนก็เป็นความสุขของต้นเช่นเดียวกัน
พอมาถึงร้านไอศครีม ต้นกับสนก็เลือกโต๊ะกลมตัวหนึ่งซึ่งมีเก้าอี้สองตัวอยู่มุมร้าน พนักงานเสิร์ฟเอาเมนูมาให้เลือก พอเลือกเสร็จแล้วจึงได้เริ่มคุยกัน
“นายรู้ใช่ไหมว่าพี่ปิ๊กเขาตามจีบนายอยู่” สนถามตรงประเด็น ต้นขำนิดๆ
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ก็...ใช่ เราคิดว่าเขาจีบนายอยู่ แล้ว...นายรู้ใช่ไหมว่าเขาเป็น...เป็นเกย์”
ต้นพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“นายชอบเขาหรือเปล่าล่ะ” สนถามอีก
ต้นถอนหายใจ จริงๆ มันก็เป็นคำถามที่สนไม่น่าจะถามด้วยซ้ำ “นายคิดยังไงล่ะ” ต้นไม่ตอบแต่ถามกลับ
สนนิ่งเงียบไปสักพัก “อืม...ไม่รู้สิ เราก็เห็นนายก็คุยกับพี่เขาดีนะ” สนบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ
“สน...เราอยู่กับนายมากี่ปีแล้วล่ะ”
สนนับนิ้ว “ปีนี้ปีที่ 11 แล้ว”
“นายคิดว่าเราคบกันมานานหรือเปล่า”
“ใช่...ก็นาน”
“แล้วนายคิดว่าเราผูกพันกันมากแค่ไหนล่ะ”
สนหยุดคิดก่อนตอบว่า “มาก...มากจนนายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ถ้าขาดไปชีวิตเราคงแย่แน่ๆ”
“แล้วนายคิดว่าเราจะรักคนอื่นได้ง่ายๆ เหรอ”
สนนิ่งอึ้ง เขาลืมคิดไปว่าความผูกพันที่ยาวนานเช่นนั้นคงทำให้ต้นยากที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ไปได้ง่ายๆ เขาเองก็เหมือนกัน แต่สนก็พอใจที่จะอยู่กับพันธนาการนี้กับเพื่อนที่เขารักและผูกพันมาเกือบทั้งชีวิต
แล้วเขาเห็นแก่ตัวมากเกินไปหรือเปล่าที่จะผูกมัดต้นไว้กับเขาแบบนี้ ทำไมเขาไม่พยายามทำให้ต้นรักใครสักคนที่มันน่าจะเป็นไปได้มากกว่าที่จะรักเขาล่ะ ทำไมเขาไม่พยายามเลย นี่เขากำลังเป็นอะไรกันแน่ เขารักต้นแบบไหนกันแน่ บางครั้งความผูกพันที่ยาวนานเกินไปก็ทำให้สนแยกไม่ออกว่าแบบไหนคือรักเพื่อน แบบไหนคือรักแฟน ยิ่งต่างคนต่างเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ มันก็ยิ่งยากสำหรับสนเข้าไปใหญ่
เมื่อพนักงานนำไอศครีมมาเสิร์ฟ ความสนใจของทั้งสองคนจึงไปอยู่ที่ของกินแทน แต่สนก็ยังคงคิดถึงประโยคที่ต้นบอกเขาเมื่อสักครู่นี้อยู่ตลอดเวลา สนเริ่มสับสนตัวเองแล้วว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป เขาสงสารต้นถ้าหากชีวิตของต้นจะต้องติดกับพันธนาการความรักนี้ไปตลอดชีวิต
สนเริ่มคิดถึงคำพูดของปั้นจั่นที่บอกให้เขาปล่อยต้นให้เป็นอิสระ ให้ต้นมีความสุขกับชีวิตที่ต้นต้องการถ้าเขาไม่สามารถตอบสนองได้ หรือว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ต้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความรักนี้? เขาจะต้องทำอย่างนั้นใช่ไหม? แต่ทำไมมันยากสำหรับเขาเหลือเกินที่จะคิดและทำแบบนั้น
"ต้น" สนเรียกเบาๆ หลังจากที่เงียบไปนาน ต้นเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย
"นายอยากมีแฟนไหม" สนตัดสินใจถามออกไป
"อะไร...นายถามอะไรของนาย" ต้นเริ่มงง
"ก็...นายก็อยู่แบบนี้มานานแล้ว ไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอ"
"อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว" ต้นตอบสั้นๆ เขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเอง ในเมื่อตอนนี้เขายังจัดการความรู้สึกที่มีต่อสนไม่ได้เลย เขาจะไปรักใครคนอื่นให้ยุ่งยากอีกทำไม
"นาย...ไม่อยากมีความสุขบ้างเหรอ"
ต้นครุ่นคิด เขาไม่ตอบแต่ถามกลับไปว่า "แล้วนายล่ะ...ตั้งแต่เลิกกับก้อยคราวนั้นเราก็ไม่เห็นนายมีใครอีกเลยนะ นายไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ"
คราวนี้คนที่เริ่มเรื่องกลับอึ้งเสียเอง เขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่คิดอยากจะมีใครอีกเลยทั้งๆ ที่ก็มีสาวๆ หลายคนมาชอบ แต่สนก็แค่คุยเล่นๆ ทำไมเขาไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งนี้ไปทั้งๆ ที่สนเองก็คิดว่าเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
"ไม่รู้สิ...แต่บางครั้งเราก็คิดว่า...คงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายจนๆ อย่างเราหรอก มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ ตอนนี้เราก็เลยสนใจเรื่องเรียนอย่างเดียวมากกว่า ให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เรายังไม่อยากมีใคร ไม่อยากให้นายลำบากใจด้วย เดี๋ยวเรามีแฟนแล้วจะทำให้นายกังวลว่าเราจะเรียนไม่จบ" สนบอกพลางขำในตอนท้าย
"เราเคยบอกนายแล้วนี่สนว่าไม่ต้องกังวลกับเราเรื่องนี้ ถ้าเจอคนที่ใช่นายก็รักเขาไปเถอะ เรารู้ว่านายโตแล้ว ไม่เสียการเรียนหรอก"
ดูเอาสิ ขนาดต้นรักเขาแค่ไหนต้นยังใจกว้างเลย แต่ทำไมสนถึงได้หวงเพื่อนเวลาที่จะมีใครสักคนมาจีบเพื่อน สงสัย...เขาก็คงต้องหัดใจกว้างเหมือนต้นบ้าง
"อืม...อย่าเพิ่งไปพูดถึงมันเลย ถ้าถึงเวลาจะมีมันก็คงมาเองนั่นแหละ" แล้วสนก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมมากขึ้นเหมือนกับเตรียมตัวที่จะพูดอะไรบางอย่างที่สำคัญ
"ต้น...ถ้าพี่ปิ๊กเขาชอบนายจริงๆ ถ้าเขาเป็นคนดี นายลองเปิดใจให้เขาดูบ้างก็ได้นะ เผื่อว่า..." เอาล่ะสิ สุดท้ายสนก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
"เราจะพยายามละกันนะ" ต้นดูเหมือนจะเดาออกว่าสนอยากพูดอะไร ใจหนึ่งก็เจ็บเหมือนกันแต่ต้นก็โกรธเพื่อนไม่ลงหรอกที่ผลักใสให้เขาไปรักคนอื่น ต้นรู้ว่าสนเองก็เป็นห่วงเขา เมื่อสนรักเขาแบบนั้นไม่ได้ สนก็คงไม่อยากให้ต้นเป็นทุกข์กับความรักที่ไม่สมหวังแบบนี้ตลอดไป
"แต่เรา...อยากจะบอกนายอย่างหนึ่งนะว่า...การที่เราได้รักใครสักคนจริงๆ จากใจของเรา จากความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ แม้มันจะไม่สมหวัง แต่มันก็มีความสุขมากกว่าที่จะพยายามรักใครสักคนที่เราไม่ได้รักนะ"
"ต้น..." สนครางเสียงแหบแห้งด้วยความสงสารเพื่อนอย่างจับจิตจับใจ เขารู้ได้ไม่ยากเลยว่าต้นกำลังบอกอะไรเขาอยู่ มันทำให้สนต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า...เขาจะรักผู้ชายคนหนึ่งที่แสนดีอย่างต้นได้ไหม มันยากเกินไปหรือเปล่า หรือเขาควรจะปล่อยให้ต้นไม่สมหวังอยู่แบบนี้ต่อไป หรือว่าอันที่จริง...สนก็รักต้นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว???