ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) อีกไกลแค่ไหน
“พยายามจะทำวิธีต่างๆ ให้เธอนั้นรักฉัน พยายามทุกวัน มอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ”
เหี้ย อายชาวบ้านเขา ทำอะไรตามอารมณ์อีกแล้วไอ้ห่า
นิวนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่อยากจะหันหน้าหนีไปไหนเพราะจะเป็นการผิดสังเกต
มึงจะมองกูทำไม แล้วมองซะขนาดนั้น เกินไปแล้ว สัดโจ้
มันก็เขินอยู่
แค่ชมไปนิดเดียว ไอ้ห่านั่นเสือกประสาทแดกเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาไม่รู้ ไปส่งกระดาษให้พนักงานเสริฟ
กูก็นึกว่ามันขอเพลง แต่ที่จริง ไม่ใช่ขอเพลง แต่เสือกขอขึ้นไปร้องเองเลย
กูรู้มึงเล่นดนตรีได้ แต่ไม่ต้องถึงขนาดขึ้นไปนั่งร้องโชว์อะคูสติกกีต้าขนาดนั้นก็ได้
“เหี้ยโจ้ แม่งบ้าชิบหาย”
อยากจะด่าอยู่หรอก แต่ไอ้คนที่ขึ้นไปเล่นกีต้าและร้องเพลงอยู่บนเวทีก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสำนึกเลย
อะไรก็พอทนหรอกนะ แต่นี่มันเสือกร้องซะเพราะ จนนักร้องยังอายเลย
“แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร”
เรื่องนั้น มึงไม่ต้องเอากูขึ้นไปประจานก็ได้นะ ก็เข้าใจอยู่ กับสิ่งที่มึงต้องการจะบอก แต่ว่า........
มันยังสับสนและไม่แน่ใจแค่นั้น
“อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน”
นิ่งฟัง และเข้าใจความหมายของคนที่อยู่บนเวทีอย่างชัดเจน
ไกลแค่ไหนเหรอ นั่นกูตอบไม่ได้หรอก มันอาจจะไกลอย่างไม่น่าเชื่อ และบางทีมันอาจจะใกล้แค่นี้เองก็ได้
กูชอบมึง
กูไม่ปฏิเสธ
ตอนนี้ก็ยังชอบ ตั้งแต่แรกไม่เคยคิดว่าจะชอบ แต่ไม่รู้มันเกิดขึ้นตอนไหน ตั้งแต่วันที่ล้อกันเล่น หยอกกันแบบไม่คิดอะไร แค่คิดจะกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายเจ็บปวด โมโห และสุดท้ายบางอย่างมันก่อเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ยิ่งหนี ก็เหมือนยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
มึงไม่ต้องทำอะไรหรอก มึงก็อยู่แบบนี้ไป กูไม่คิดให้มึงทำอะไรอยู่แล้ว ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับมึง
กูก็บ้า หนีก็ไม่ได้ ไปด้วยกันก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง ได้แต่แกล้งมึนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
กลัวเสียมึงไป แต่ก็ไม่อยากได้มึงไว้ครอบครอง
กูมันบ้า
ความหมายของคำว่ารักกูคงตอบไม่ได้
แต่ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้ ตอบตรง ๆ “กูยังอยากให้เราเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ทุกวัน”
ปลายนิ้วที่ดีดกีต้าหยุดลงแล้ว เมื่อถึงท่อนสุดท้ายของเพลง โจ้มองตรงมาที่โต๊ะที่นิวนั่งกอดอกและพยายามทำหน้าเฉยอยู่
หัวใจกำลังเต้นระทึก
สิ่งที่พยายามทำคือ พยายามนิ่งเฉย และเมื่อโจ้คืนกีต้าให้กับนักดนตรี ก็ได้รับเสียงปรบมือตามมา
ยิ้มร่ารับเสียงปรบมือและยกมือไหว้ขอบคุณคนที่ปรบมือให้
สัดโจ้ ทำอย่างกะเป็นดารา กูล่ะเชื่อมึงเลย
โจ้ยังยิ้มและก้าวเดินลงมาจากเวที เดินลิ่ว ๆ มาหาคนที่นั่งนิ่งกอดอก ยิ้มจนตาหยี แต่คนที่นั่งอยู่ดูท่าจะไม่เล่นด้วย
“นิว”
อะไรของมึง เรียกหาพ่อมึงเหรอ
“กูร้องไม่ดีเหรอ”
ไม่ใช่ร้องไม่ดี แต่ร้องดีเกินไป จนกูขนลุก
“..............”
จากหน้ายิ้ม ๆ คราวนี้กลายเป็นโจ้หน้าหงอยขึ้นมาทันที
“จะให้ทำยังไง กูก็พยายามทุกวิธีแล้วนะ”
ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ามึงไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่อยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็พอ
“.................”
โจ้มองหน้านิว และลากเก้าอี้ออกมา หยิบแก้วเบียร์ขึ้นกระดกและวางเอาไว้ที่เดิม
“ที่ขึ้นไปร้องนั่นเพราะมึงกำลังกรึ่ม ๆ เลยใช่มั้ย”
ก็ใช่แต่ไม่ทั้งหมด
“มึงพูดได้ด้วยเหรอ ถามอะไรก็ไม่เห็นตอบ แต่เวลากระแนะกระแหนกูนี่แม่ง ไม่ต้องรอให้ถามเลยเนอะ”
ก็แน่นอนอยู่แล้ว
“รู้นี่”
เออใช่สิ กูก็รู้อยู่แล้ว ทำไมกูจะไม่รู้ล่ะ ก็มีแต่กูนี่แหละที่รู้ ไม่มีใครรู้ใจมึงเท่ากูหรอก เชื่อเหอะ
“แต่ทำไมเดินมาเดินไปไม่ถึงซะที แม่งโคตรชัดเจน เมื่อไหร่จะเดินถึงซะทีวะ”
อะไรนักหนา
“มึงไม่ใช่แค่กรึ่มมั้ง เมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
เมาเหี้ยอะไร ถ้ากูเมา กูกระโดดจูบมึงไปแล้ว นี่แค่กรึ่ม ๆ เฉย ๆ
“เออ เมา แม่งเมารัก ไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้แม่งเล่นตัวชิบหาย ทั้งเล่นตัวทั้งเก็ก เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีวะ”
เป็นการตัดพ้อที่ทำให้นิวถึงกับหลุดขำออกมา และยกแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นจิบ มันก็มีบ้าง กินไปคุยไป เพลิน ๆ
ไอ้คนที่บอกว่าเมารักนี่ หน้าแม่งก็เริ่มแดงแล้ว ไม่ใช่แค่เมารักหรอกมั้ง เมาเบียร์ด้วยชัด ๆ
“หมดแก้วนี้กูต้องกลับแล้วนะ”
เออ กลับก็กลับ คนทำงานจะให้กินจนเมาหัวราน้ำก็ใช่ที่ กูก็รู้หรอกว่าพรุ่งนี้มึงต้องทำงาน
“อือ”
พยักหน้ารับ และโจ้ก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกจนหมดแก้วและเทส่วนที่เหลือในขวดใส่เพิ่มเข้าไปในแก้วอีก
“คุณหนูนิวก็เกินไป แก้วเดียวตั้งแต่เย็นจนป่านนี้ก็ยังไม่พร่อง”
แล้วจะทำไมกูล่ะ กินเอาบรรยากาศ ไม่ได้กินเอาเป็นเอาตายเหมือนคนบางคน
“อะไรมึง ไอ้ขี้เมา”
ด่ากูเหรอ
“เดี๋ยวกูสั่งมาอีกลังเลยดีมั้ย สัด ด่ากูอยู่ได้”
พอเห้อออออ ตาเยิ้มแล้วมึงอ่ะ
“กินไปคนเดียวแล้วกัน กูกลับบ้านนอนดีกว่า”
มึงก็แบบนี้แหละ เป็นแบบนี้ตลอด
ใจแข็งแถมยังไม่สนใจกูอีก
ถามจริงเหอะ มึงบอกว่าชอบกูเนี่ย มึงพูดจริงหรือพูดเล่น ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านมาเป็นชาติแล้ว จะพูดซ้ำอีกสักครั้งก็ยังไม่มีเลย ถามไปเหอะ ถามให้ตาย แม่งก็มึนแล้วก็ไปพูดเรื่องอื่น
พอกูเผลอล่ะหยอดกูจัง พอถามเอาจริงเอาจัง แม่งนอกจากจะไม่ตอบแล้ว ยังหาว่ากูเป็นบ้าอีก
ไอ้นิวนะไอ้นิว
“แม่งใจดำ ไม่เคยดูดำดูดีกูเลย ระวังเหอะ กูหมดใจขึ้นมาวันไหนแล้วมึงจะเสียใจ”
นั่นกูบังคับมึงได้เหรอ
“กูมันใจง่ายนี่ หาว่ากูใจง่าย เหี้ยนิวคนใจง่ายอย่างกูโคตรจริงจังกับมึงเลยนะโว้ย สัด”
มึงเมาแล้วแหละแบบนี้
“ถ้าเมาแล้วโวยวาย คราวหลังไม่ต้องกินนะ”
ฮืออออออออออ นิวอ่ะ
“กูไม่ได้โวยวาย กูแค่น้อยใจ”
เหี้ยแล้วมั้ยล่ะ เมื่อกี้ขึ้นไปโชว์ร้องเพลงหวานซึ้งจนกูเคลิ้ม พอมาทีนี้เสือกกลายเป็นไอ้หนุ่มช้ำรักไปซะได้
ปรับตัวตามสภาพแอลกอฮอล์ในร่างกายเร็วจริงนะมึง
“น้อยใจเรื่องอะไร”
ก็เรื่องมึงแหละจะให้น้อยใจเรื่องอะไรล่ะมีอยู่เรื่องเดียว
“มึงตอบกูหน่อยได้มั้ย มึงยังชอบกูอยู่จริง ๆ ใช่มั้ยนิว”
ไม่ตอบล่ะ เช็คบิลเลยดีกว่า นิวยกมือเรียกพนักงานเสริฟให้มาช่วยคิดเงินและโจ้ก็มองตาม เตรียมค้นหากระเป๋าสตางค์ของตัวเองแต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามห้ามเอาไว้
“กูติดมึงไว้หนึ่งมื้อ ที่เคยสัญญาเอาไว้ ถ้ากูหาเงินได้ กูจะเลี้ยงข้าวมึง”
เมื่อไหร่เหรอที่สัญญากัน
เมื่อไหร่..........ที่สัญญา....
“กูจำไม่เห็นได้”
จำไม่ได้เหรอ
“วันที่เราคุยกันจนเช้า แล้วตอนบ่ายกูโทรไปชวนมึงออกมากินข้าวไง”
นานแล้วไม่ใช่เหรอ นั่นน่ะ มันนานจนกูลืมไปแล้วนะ แล้ว....ทำไมมึงยังจำได้อีกล่ะ....ทำไมมึงยังจำได้
“กูไม่เห็นจำได้เลย……มึงพูดเล่นหรือเปล่า”
ใช่ที่จำไม่ได้ในคราวแรก แต่พอพูดถึงเรื่องวันที่คุยกันจนเช้า บางสิ่งบางอย่างที่เลือนลางก็เหมือนจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
กูจำได้ว่าเราคุยกัน แต่จำไม่ได้ว่ามันเป็นวันที่เราคุยกันจนถึงเช้าหรือเปล่า
ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวแต่มันสำคัญตรงที่ว่า
นิวมันจำได้......มันจำได้จริง ๆ มันจำทุกอย่างได้หมด
นิว.....
จากที่กำลังน้อยใจ ในเวลานี้โจ้ค่อย ๆ ยิ้มอย่างช้า ๆ ยิ้มหวาน และตาเยิ้มเพราะอาการมึนเมาเล็ก ๆ
“แล้วมึงจำได้มั้ย ว่าวันนั้นกูนอนกี่โมง”
แกล้งถาม และนิวที่ค่อย ๆ ละเลียดจิบเบียร์ไปเรื่อย ๆ ก็เหลือบสายตาขึ้นมอง คำถามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของคนโจ้
มึงจะยิ้มอะไรขนาดนั้นวะ
นิววางแก้วลง และขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“ไม่รู้ จำไม่ได้”
คำตอบง่าย ๆ แต่ทำให้คนที่กำลังยิ้ม หุบยิ้ม อย่าคาดหวังอะไรให้มาก พอหวังไว้เยอะเวลาเสียใจมันจะเสียใจเยอะ ก็เหมือนเรื่องบางเรื่องที่หวังให้ไอ้นิวจำได้ แต่แม่งเสือกจำไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น แล้วหวังอะไรไว้ล่ะ หวังให้มันจำได้เหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง
“แล้วตกลงนอนกี่โมง”
เหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของคนที่ถาม และโจ้ก็หรุบสายตาลงมองที่ปลายนิ้วของตัวเอง มึงไม่เคยสนใจกูหรอก มึงก็เป็นแบบนี้ตลอด
“ช่างกูเหอะ”
ตอบไปแล้ว และนั่งเงียบ จะมาถามทำห่าอะไรวะ จำไม่ได้แล้วยังจะถามกวนตีนอีก
“แล้วตกลงนอนกี่โมงวะ”
เงยหน้าขึ้นมองคนที่ถามคำถามซ้ำซาก และก็เหมือนเห็นรอยยิ้มจาง ๆ จากใบหน้าของคนที่ถาม
เหมือนไอ้นิวมันยิ้ม แต่มองดี ๆ ก็เหมือนไม่ใช่ ตกลงมันยิ้มหรือไม่ยิ้มวะ สรุปมันยิ้มหรือเปล่า
“ถามทำไมวะ”
ก็ไม่ถามทำไมหรอก ก็ถามไปงั้น ๆ ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ
“มึงจำไม่ได้เหรอ วันนั้นมึงบอกกูว่ามึงนอนตอนหกโมง แล้วตอนที่กูถามว่ามึงฝันถึงกูป่ะ.............”
เงียบไปชั่วอึดใจ นิ่งเงียบไปเหมือนรอให้ลุ้น และนิวก็อมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มที่โจ้มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม ไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ
“มึงตอบว่าเออ”
เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
“กูตอบว่าเออ แต่มึงบอกว่า เหมือนกัน”
เหมือนกันห่าอะไรกูไปตอบแบบนั้นตอนไหนล่ะ
แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และเมื่อพนักงานนำบิลมาส่งให้นิวก็จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อย ลุกขึ้นยืนและเป็นโจ้ที่ยังมึนงง แต่ก็รีบลุกตามทั้งที่เกิดอาการเซเล็ก ๆ แต่ก็ยังเดินต่อไปไหว
ไม่ได้เมา แค่ลุกขึ้นเร็วไปหน่อยก็เลยเสียศูนย์เล็กน้อย
ไม่รู้ว่าหน้าแดงเพราะเบียร์ที่กินเข้าไป หรือหน้าแดงเพราะคำพูดของคนบางคนที่แกล้งมึนได้ยิ่งกว่าคนกินเบียร์
โจ้เดินตามนิวออกมา เดินไปยิ้มไป และมาหยุดยืนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
“กลับไหวมั้ยเนี่ย”
กลับไหวสิ ไม่ได้เมาขนาดนั้น แค่กรึ่ม ๆ ยิ้ม ๆ เฉย ๆ
“ถ้าบอกว่าเมาแล้วมึงจะให้ไปค้างด้วยหรือไง”
อ่า....
โจ้เมินหน้าไปทางอื่นตอนที่ตอบคำถาม และนิวก็หันมามองคนที่พูดบางอย่างออกมา ก่อนจะรีบหันไปมองถนนอย่างรวดเร็ว
“พูดจาแบบนี้ เขาเรียกให้ท่านะ”
ให้ท่าห่าอะไรล่ะ กูไม่ได้ให้ท่าซะหน่อยกูก็พูดไปตามที่ใจคิด แต่ถ้ามึงจะแปลเจตนาว่ากูให้ท่ากูจะไปพูดอะไรได้
“กูแค่อยากไปค้างกับมึงเฉย ๆ กูไม่ได้ให้ท่า”
มันต่างกันตรงไหนวะ
“นั่นแหละเขาเรียกว่าให้ท่าแล้ว”
เหรอ
“ถ้ากูไปค้างกับมึง แล้วมึงจะทำอะไรกูหรือไง”
“จะไปมั้ยล่ะ”
ไป
“ไปแล้วมึงจะทำอะไรกูป่ะล่ะ”
ท้าทายนะมึง อย่าทำหน้าท้าทายแบบนั้น เดี๋ยวกูของขึ้น
“แต่ถึงเอากันเสร็จ ยังไงสุดท้ายมึงก็ไม่คบกูอยู่ดี แล้วจะชวนกูไปค้างทำไม”
ใช่
นั่นมึงก็พูดถูก
โจ้หันมาสบตานิว มองจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น มองนิ่ง ๆ อยากจะรู้ความรู้สึกอยากจะรู้ความหมายว่านิวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
แต่จ้องได้เพียงไม่นานและสุดท้ายก็ต้องเมินมองไปทางอื่น
“รถมาแล้ว กูไปล่ะ”
แท็กซี่กำลังใกล้เข้ามา และโจ้ก็โบกแท็กซี่ที่แล่นเข้ามาเทียบอย่างช้า ๆ เปิดประตูรถ และกำลังจะเข้าไปนั่ง แต่ก็ถูกนิวดึงแขนเอาไว้ให้กลับออกมา
“โทษครับพี่ไม่ไปแล้ว ขอโทษทีพี่”
นิวรีบขอโทษขอโพยคนขับแท็กซี่เป็นการใหญ่ และคิดเอาไว้ว่าคงโดนด่าไล่หลังแน่ ๆ
และก็เป็นดังคาด ดึงแขนให้คนบางคนลงจากรถมาเรียบร้อยและเป็นโจ้ที่ยังเกิดอาการมึนงงว่านิวทำแบบนี้ไปทำไม
บางทีอาการมึนงงแค่นี้คงน้อยไปเพราะนอกจากไม่ได้รับคำตอบแล้ว นิวยังลากให้เดินตามมาด้วยกันบนทางเท้า
อะไรวะ
อะไรของมึงเนี่ย
อะไร ยังไง ไม่เข้าใจ แล้วทำไมไม่ปล่อยแขน แค่ไม่ปล่อยกูก็ว่าหนักแล้วนะ นี่เสือก.............
จับมือกูทำไมเนี่ย
เกิดใครมาเห็นเข้ามึงไม่อายเขาหรือไง
“นิวมึงเป็นอะไรวะ”
ไม่ได้เป็น กูปกติดี กูไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ เฉย ๆ ไม่มีอะไร มึงก็อยู่เฉย ๆ เหอะ จับมือแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอก
“...............”
ถามแล้วมันก็ไม่ตอบ ถามแล้วมันก็ไม่เคยตอบกลับมาสักครั้ง แต่มือ แม่งอย่างอุ่น จับมือกูซะแน่นขนาดนี้ มันหมายความว่ายังไง
“นิว”
“..............”
“มึงโกรธอะไรกูป่ะเนี่ย………นิว”
ไม่ได้โกรธ กูไม่ได้โกรธไม่ได้อะไรทั้งนั้นแหละ กูแค่โมโหตัวเองที่ไม่มีความกล้าที่จะเสี่ยงไปพร้อมกับมึง
“ค้าง....กับกูสักคืนแล้วกัน มึงเมาแล้ว”
เมาเหี้ยอะไร กูไม่ได้เมาขนาดนั้น แล้วกูก็มั่นใจว่ากูกลับบ้านเองได้แน่ ๆ
“กูไม่ได้เมา มึงก็รู้”
ใช่ มึงไม่ได้เมา อันนั้นกูรู้ดี
“งั้นกูเมาเอง มึงไปส่งกูหน่อยแล้วกัน”
เฮ้ยยยยยยยย มึงเอาแบบนี้เลยเหรอ ตกลงนี่บทมึงจะหน้ามึน มึงก็หน้ามึนแบบนี้เลยใช่มั้ยเนี่ย
“มึงเงี่ยนจริง ๆ เหรอวะนิว”
เออ กูเงี่ยน
“มึงหุบปากไปเลยไป”
ด่ากูทำไมเนี่ย กูผิดตรงไหนอีกวะ กูไปทำอะไรให้มึงไม่พอใจอีก ทำไมมึงพูดกับกูแบบนี้ตลอดเลยวะ
“………….”
นิวไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดยังไงดี เรื่องที่ควรพูด เมื่อถึงเวลาต้องพูด อยู่ดี ๆ ก็นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร
สุดท้ายจูงมือโจ้ให้เดินมาด้วยกันก็จริง แต่หัวใจเหมือนห่างกันออกไปเรื่อย ๆ จนในเวลานี้ยังรู้สึก
กุมฝ่ามือของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นและก้าวเดินช้าลง จากที่เดินลิ่วในเวลานี้ก้าวเดินช้าลงแล้วและโจ้ก็ยอมเดินช้าลงไปพร้อมกับนิวด้วย โดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ
“ชวนไปค้างไม่ได้แปลว่าเพราะเงี่ยนและอยากพามึงไปเอากันให้จบ ๆ หรอกนะโจ้”
.......................
“ที่จริงกูอยากพามึงไปเที่ยวตั้งนานแล้ว แต่กูไม่รู้จะพูดยังไงแค่นั้น”
...................................
“แค่นอนกอดกันก็พอแล้ว.....กูไม่อยากข้ามขั้น”
...................................
“เอาไว้วันไหนถ้ากูมั่นใจกับมึงแบบเกินร้อย เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาหรอกอยากเอากันวันไหนเลือกวันมาเลยก็ยังได้”
.....................................
“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ให้กูพล่ามคนเดียวอยู่ได้ มึงจะพูดอะไรมึงก็พูดมาสิวะ ออกความเห็นมา มึงคิดว่าไงมึงก็พูดมา”
อ่า ให้แสดงความคิดเห็นเหรอ จะดีเหรอ ดีแน่นะ ไม่ใช่แสดงความคิดเห็นแล้วด่ากูเปิดเปิงขึ้นมาทำไงล่ะ
ถ้าให้แสดงความคิดเห็นเรื่องนั้นกูไม่มีหรอก แต่ถ้าให้พูดอะไรที่อยากพูด กูว่าตอนนี้กูมีหนึ่งอย่างว่ะ
“เหี้ยนิวววววววววววววว กูอาย....พูดอะไรของมึงเนี่ยะ กูเขินโว้ยยยยยยย”
TBC.