ตอนที่เจ็ด : เพื่อนคนนั้น {part1 60%}
เพลงสากลในกระแสที่ทอมมักได้ยินเสมอ เวลาได้ไปไหนไม่ว่าจะตามห้างฯ ร้านกาแฟ หรือที่ไหนก็ตาม กำลังถูกเปิดคลอให้เข้ากับบรรยากาศในตอนนี้ ที่มีผู้ชายอายุเข้าหลักสามทั้งสามคนกำลังนั่งดื่มกันไปมากพอสมควร
แต่เห็นทีว่าคนที่อาการเมามีมากที่สุดจะเป็นสิงหา เพราะผิวขาวๆสุขภาพดีตรงช่วงใบหน้านั้นกำลังขึ้นสีแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกสองคนทอมเองก็ไม่รู้จริงๆ คุณศักดิ์ดา กับ คุณนิวมันนิ่งเกินไปเลยดูไม่ค่อยออก ว่าเมาอยู่หรือเปล่า?
ตอนแรกว่าจะกลับแล้วหลังจากที่ทำกลับแกล้มให้คนขี้เมาเสร็จ ไปบอกลาน้องเหมียวนิดหน่อยพอกำลังจะกลับก็โดนรั้งไว้ และทอมเองก็ขัดไม่ได้ คุณสิงหาเป็นคนเอ่ยปากรั้ง ส่วนคุณนิวไม่ได้พูดใช้แค่เพียงสายตาเท่านั้นที่มองมา
ไม่ได้อ้อนหรือขอร้องนะ…
มันคือการบังคับ!
สุดท้ายทอมก็เลยยอม
เพราะจะทำอะไรได้บ้าง? ในเมื่อเขามีลูกแมวในกำมือนี่หว่า
ก็นะ… ช่วงนี้อะไรยอมได้ก็ยอมไปหน่อยแล้วกัน
ตอนนี้เวลาล่วงเลยใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เมียเด็กของคุณนิวก็เพิ่งกลับมาพอเห็นว่าทอมได้ทำหน้าที่แทนตัวเองก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ที่ทำให้ลำบาก พูดเหตุผลซะยืดยาวว่าเพราะอะไร ทำไมวันนี้ถึงกลับดึกเหมือนว่าทอมเป็นเจ้านายของตัวเอง ไม่ใช่คุณนิว
พอทอมได้เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้เลยไล่ให้เมียเด็กของคุณนิวมันไปนอนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก ยังไงเดี๋ยวดูแลตรงนี้ให้ก็ได้
ส่วนคุณสิงหานี่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมาหรือคิดถึงเด็กน่าน พอเห็นหน้าเมียเด็กของเพื่อนตัวเองเข้าหน่อยก็แทบจะเข้าไปกระโดดกอดซะให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดีหน่อยที่คุณศักดิ์ดาห้ามไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีเจ็บตัวกันไปข้างแน่ ก็คนเมาตัวใหญ่อย่างกับยักษ์พุ่งไปหาน้องน่านที่ตัวเล็กอย่างกับมดขนาดนั้น มันต้องล้มกันไปข้างล่ะวะ!
“ง่วงยังครับ?” คุณนิวเอ่ยถามเด็กยักษ์ของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ตอนนี้กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อย่างไม่ได้สนใจรอบข้างเท่าไร พร้อมกับเพื่อนทั้งสองคนออกไปสูบบุหรี่ตรงนอกระเบียงก็เลยมีช่องไฟให้ถามเจ้าเด็กยักษ์ซะหน่อย
เพราะก่อนหน้านี้ไอ้สิงหามันชวนน้องคุยจนเขาแทบไม่ได้คุยด้วยเลยสักคำ แล้วมันก็ยังชมเรื่องฝีมือทำกับข้าวของน้องอีก เชื่อเถอะว่าครั้งหน้าสิงหามันต้องเรื่องมากอยากที่จะกินอีกแน่ๆ
แถมศักดิ์ดาเข้าไปอีกคน ไม่ยักจะรู้ว่าคนอย่างมันจะคุยกับน้องด้วย อาจจะเป็นเพราะคุยเรื่องที่ถูกคอกันด้วยล่ะมั้ง? อย่างเช่นเรื่องดนตรี เพราะจากที่ฟังแล้วศักดิ์ดากลับน้องทอมน่าจะชอบแนวเพลงเดียวกัน
เพิ่งรู้อีกเรื่องนะ ว่าน้องชอบฟังเพลง แถมตอนมอปลายเคยฟอร์มวงดนตรีกับรุ่นพี่อีกต่างหาก ต้องขอบคุณเพื่อนมากๆที่ทำให้เขารู้เรื่องเกี่ยวกับน้องทอมมากกว่าเดิมอีกหนึ่งอย่าง
เพื่อนสองคนนี้มันชอบน้องเขาเองก็ดีใจ อย่างน้อยจะได้ไม่มีคนขัดถึงแม้ว่ายังไงก็ขัดไม่ได้น่ะนะ
เพราะมันก็คงรู้สึกไม่ดีถ้าเพื่อนจะไม่ชอบ ฉะนั้นเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว…
“ไม่ แต่อยากกลับห้อง” ตอบแบบนั้นทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างของน้องทอมเริ่มเยิ้มเข้าไปทุกที ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก็ไม่รู้เลยนะ
คุณนิววางท่าอย่างสบายๆด้วยการพาดช่วงแขนไปกับพนักโซฟา คล้ายกับกำลังโอบเจ้าเด็กยักษ์อยู่กลายๆ
แต่ก็นั่นแหละ ทอมมักจะช้ากว่าคุณนิวอยู่หลายก้าว เจ้าตัวนั้นยังคงไม่รู้ตัวเพราะถ้ารู้คงต้องโวยวายแน่ๆ
“ไม่นอนนี่เหรอ?” คนเข้าเล่ห์ถามพร้อมกับค่อยขยับตัวเข้าใกล้เด็กยักษ์เรื่อยๆ จนตอนนี้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำยาปรับผ้านุ่มของน้องเข้าไปทุกที
หอมซะจริง…
เดี๋ยวบอกให้น่านตีสนิทกับทอมแล้วถามว่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อไหน และกลิ่นอะไร เพราะจะให้ซื้อมาใช้กับเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ” จริงๆจะบังคับให้นอนนี่ก็ได้ แต่คนอย่างเขาน่ะ…มีแผนการตลอดนั่นแหละ แล้วไอ้การที่ไปส่งน้องด้วยเช่นกัน
เขากำลังหาผลประโยชน์…
เจ้าเด็กยักษ์พยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ
สงสัยคงต้องเลิกดื่มซะแล้วล่ะ เพราะดูท่าแล้วน้องทอมคงจะง่วงมากๆ ดูสิอ้าปากหาววอดๆตั้งหลายรอบละ
คุณนิวเลยลุกขึ้นจากโซฟาไปหาเพื่อนสองคนที่กำลังสูบบุรี่อยู่ตรงระเบียง
“กูว่าเลิกดื่มเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูลุกไม่ไหว” ใช่ที่ไหนล่ะ เขาโกหกเพราะตั้งใจจะไปหาผลประโยชน์ต่างหาก : )
“ใช่เร้ออออออ คนถึงอย่างมึงน่ะต่อให้นอนดึกขนาดไหนก็ลุกไปทำงานได้นี่หว่า” สิงหารู้จักนิสัยของเพื่อนคนนี้ดี คนอย่างไอ้นิวน่ะนะ จะมีความกลัวในเรื่องแบบนี้
ยังจำตอนเรียนอยู่ปีสองได้เลย ตอนที่ไอ้เพื่อนตัวดีมันลากไปเที่ยวกลับตั้งตีสี่เมาอย่างกับหมา และวันต่อมาน่ะมีเรียนตอนเช้าอีกต่างหาก เชื่อมั้ย…? ว่ามันยังลุกไปเรียนได้ เป็นสิงหากับศักดิ์ดานี่ดิที่นอนแฮงค์อยู่ห้อง
นี่คงเพราะว่ามันจะพาน้องทอมเข้านอนล่ะสิ…
แหมมมมมมมๆ อยากจะเบะปากให้เบี้ยวกันไปข้าง
“ไม่ต้องมองกูแบบนั้น จะกลับไม่กลับ?” คุณนิวพูดไปก็ยิ้มน้อยๆให้กับความรู้ทันของเพื่อน
เออ…รู้ก็ดี ถ้าจะให้พูดตรงก็เดี๋ยวเพื่อนจะมันไส้
“เออ เดี๋ยวพวกกูกลับเลย ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ศักดิ์ดาว่าอย่างนั้น พร้อมๆกับการจี้ปลายบุหรี่ที่อีกนิดเดียวจะสูบหมดลงไปยังที่เขี่ยบุหรี่
“เอ้า! กูยังไหว” สิงหาพูดแกล้ง จริงๆก็จะกลับแล้วล่ะ เพราะเริ่มไม่ไหวอย่างที่ศักดิ์ดาบอกนั่นแหละ
“แต่กูอยากให้มึงกลับ โอเคนะ?” คุณนิวพูด
“แหมมม… ไล่กันเลยนะ” คนถูกไล่กระแหนะกระแหนเพื่อนด้วยความมันไส้
“มันก็ต้องไล่อยู่แล้ว มึงดูหน้ามันด้วยพร้อมออกรบขนาดไหน” เพื่อนอีกคนพูดปนตลก ก็แซวไปงั้นแหละน่า… ถ้าไม่มีโอกาสมันก็ไม่ทำ แต่ถ้ามีเมื่อไรนะ… ไม่น่ารอด
“รบอะไรแค่ไปส่งน้อง” คุณนิวแย้ง
“จ้า…ส่งก็ส่ง” สิงหาล่ะไม่อยากจะเชื่อ บอกเลยนะว่าในบรรดาพวกเขาสามคนน่ะ ไอ้นิวมันร้ายที่สุดแล้ว! เจ้าเล่ห์มีแผนการตลอด ชอบหลอกล่อเหยื่อด้วยภาพลวงตาเป็นคุณชายสุภาพบุรุษ ถึงเวลาเข้าจริงๆนะน้องทอมที่ว่าห่าม ก็ยังสู้เพื่อเขาที่ทั้งห่ามทั้งหื่นไม่ได้เลยจริงๆ
ถ้าไม่เป็นจริงอย่างที่ว่าก็กระโดดขาคู่แล้วเอาตีนมาลูบหน้าไอ้สิงหาคนนี้ได้เลยเอ้า!
“งั้นพวกกูกลับแล้วนะ” ศักดิ์ดา
“เออขับรถกันดีๆล่ะ” คุณนิวบอกเพื่อน
คล้อยหลังเพื่อนไปเจ้าของห้องก็ยกถ้วยจานไม่กี่ใบไปเก็บไว้ที่ซิงค์ ถ้าเด็กน่านเห็นก็คงจะบ่นเขานิดหน่อยล่ะว่าทำไมไม่ไปเรียกน่านให้มาเก็บอย่างนั้นอย่างนี้
ก็นะ…เขาไม่ได้เห็นน่านเป็นเด็กรับใช้สักหน่อย เห็นเป็นน้องชายคนนึงเหมือนกับศรศิลป์นั่นแหละ
สิบนาทีหลังจากนั้นได้คนหน้าเด็กก็เดินไปปลุกเจ้าเด็กยักษ์ที่ตอนนี้เผลอหลับไปพร้อมๆกับโทรศัพท์อยู่บนโซฟาที่เดิม
“น้องทอม…” เขาสะกิดเรียกน้องพร้อมกับเสียงทุ้มๆที่เปล่งออกมา
“…” เหมือนจะยังไม่รู้สึกตัวนะ
“น้องทอมครับ…” ครั้งนี้ใกล้มากกว่าเดิม คุณนิวกระซิบเสียงเบา หากแต่มันชิดใบหูขาวๆของคนหลับจนลมหายใจอุ่นร้อนนั้นกระทบลงบนผิวอ่อนที่ใบหู ทำให้เดือนวิศวะสะดุ้งตัวแทบจะในทันที
หน้าตาดูเหรอหราไม่บูดบึ้งหรือเกรี้ยวกราดอย่างที่ชอบทำ ผมเผ้าก็ชี้ฟูไปคนละทิศละทาง
เฮ้… จะมาทำตัวน่ารักบ่อยๆแบบนี้ไม่ได้นะ
เพราะ…
พี่คิดดีด้วยไม่ได้จริงๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอครับ”
เพราะเห็นว่าเจ้าเด็กยักษ์ยังไม่เซ่อนอนไม่หายก็เลยบอกจุดประสงค์ที่ปลุก คุณนิวยื่นมือไปให้น้องด้วยความเซ่อนอนเจ้าตัวเลยส่งมือให้คุณนิวอย่างว่าง่ายไม่มีการต่อต้านหรือปฏิเสธใดๆ
คุณนิวออกแรงดึงน้องลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับเดินนำหน้าจูงมือเจ้าเด็กยักษ์ให้เดินตามออกไป
เจ้าเด็กยักษ์ที่กำลังเซ่อนอนก็เริ่มมีสติเต็มร้อยขึ้นมาเรื่อยๆเพราะความรู้สึกอุ่นๆที่กำลังโอบอ้อมฝ่ามือของตัวเองไว้อยู่
แผ่นหลังกว้างใหญ่ของคนอายุเยอะกว่าประมาณสิบปีได้ปรากฏชัดขึ้นในสายตาของทอมชัดเจนมากกว่าเดิม อยู่ๆความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นอย่างหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้
เพราะเมื่อมองจากมุมนี้แล้ว… มันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกปลอดภัยเหมือนกับว่าแผ่นหลังนี้จะคอยปกป้องใครสักคนเวลาที่กำลังโอบกอดคนๆนั้นให้พ้นจากอันตราย
นั่นแหละคือความรู้สึกนี้ทอมหาเหตุผลมาตอบตัวเองไม่ได้
“มึง- เอ้ย! คุณขับไหวเหรอ” ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คำหยาบๆเกือบจะหลุดออกมาจากปาก ถ้าไม่ใช่เพราะตาคมๆนั้นที่หันมามองก็คงเผลอหลุดไปทั้งประโยค
“ไหวครับ…”
เด็กยักษ์เลยพยักหน้าหนึ่งรอบเป็นการตอบรับ และเดินตามคนตัวสูงไปอย่างว่าง่าย ส่วนฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้สะบัดออกอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใครมาก่อน ครั้งนี้… ขอหน่อยก็แล้วกันเวลาใครถามว่าเคยรู้สึกอบอุ่นเพียงเพราะฝ่ามือของใครหรือเปล่า? ทอมจะได้ตอบได้ยังไงล่ะ
ปอร์เช่คันสวยเลี้ยวเข้าซอยหอพักของเด็กยักษ์ที่เจ้าตัวเป็นคนบอกทาง จริงๆน้องบอกว่าให้ส่งแค่ทางเข้าพอ แต่คนอย่างคุณากรน่ะเหรอจะยอม?
มันเป็นหอธรรมดาๆที่คุณนิวเห็นแล้วก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมน้องต้องอยู่แบบนี้ เพราะดูจากฐานะทางบ้านแล้วก็ไม่ได้ธรรมดาเลยนะ ถึงจะไม่ได้รวยเท่าเขาก็เถอะ แต่อย่างน้อยน้องน่าจะอยู่คอนโดมากกว่านะ
“ขอบคุณ” เด็กยักษ์บอกขอบคุณเจ้าของรถก่อนที่จะเปิดประตูออกไป “อย่าลืมดูไอ้เหมียวให้ดีๆด้วย แล้วเดี๋ยวจะรีบหาบ้านให้น้อง ถ้าแวะเข้าไปดูแล้วเห็นมันไม่มีความสุขนะ… ระวังจะโดน”
และก่อนจะได้ลงไปจริงๆเจ้าเด็กยักษ์ก็พูดฝากฝังและคาดโทษไปพร้อมๆกัน
“แล้วมึง- เอ่อ..คุณจะตามมาทำไมวะ?” แต่ลงจากรถไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที คนตัวสูงก็เดินลงมาจากรถเดินตรงมาทางตัวเอง
“พี่รู้สึกง่วงๆมึนๆ กลัวว่าจะหลับในน่ะ อีกอย่างพี่เห็นด่านตำรวจอยู่ฝั่งทางขากลับด้วย” คุณากรอธิบาย “มันคงไม่ดีแน่…ถ้าพี่โดนจับหรือเกิดอุบัติเหตุ”
“แล้ว…?” ทอมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ไหนตอนแรกบอกว่าไหวไง?
“คืนนี้ให้พี่ค้างด้วยนะครับ” นั่นแหละเหตุผลที่เขามาส่งเจ้าเด็กยักษ์ : )
“บ้าเหรอ!” ทอมโวยวาย
“งั้นพี่ไม่ขอฟรีๆหรอกครับ… แต่เปลี่ยนเป็นใช้สิทธิ์เก้าข้อที่เหลือได้มั้ย?”
“…” ทอมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หากแต่กำลังชั่งใจในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังบอก
จริงๆมันก็ไม่เป็นอะไรนี่หว่า นอกจากเกลียดขี้หน้ามันแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก… อีกอย่างเขาก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชาย จะเป็นอะไรไปวะ?
“เหลือแปดข้อเลยนะครับ” เพราะมีเสียงของคุณนิวที่บอกข้อเสนอช่วยเป็นแรงผลักดัน เลยทำให้เจ้าเด็กยักษ์ตอบไปว่า
“เออ…ก็ได้”
และทอมก็ยอมเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง แต่มันเป็นการยอมแบบงงๆและยอมแบบไม่ได้ตั้งใจ
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ชายต่างวัยแต่ตัวสูงไล่เลี่ยกัน เจ้าของห้องเดินนำเข้าไปก่อนและมีคุณากรตามหลังผ่านเข้าไปยังห้องที่ไม่ได้กว้างมากสักเท่าไร ถ้าหากเทียบกับคอนโดของเขาน่ะนะ แต่มันก็พอดีมากสำหรับเด็กนักศึกษาอย่างเขา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแคบลงไปถนัดตาเมื่อผู้ชายย่างคุณากรเข้ามาอยู่ในที่นี้ด้วย
คุณนิวมองห้องเล็กนี้ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนเจ้าเด็กยักษ์อย่างเต็มตา ธีมของห้องถูกตกแต่งด้วยสีม่วงอ่อนๆกับสีเทา ผ้าปูที่นอนก็เป็นสีม่วงอ่อนๆ สลับกับสีเข้ม บนฝาผนังห้องมีโปสเตอร์นักร้องวงร็อคอย่าง Linkin Park วงนี้คุณากรเองก็พอที่จะรู้จักอยู่บ้าง เพราะจำได้ว่าตอนเรียนมหาลัยศักดิ์ดามันเปิดฟังตลอด
อีกวงนั่นเป็น… Gun N Rose ไม่เคยฟังหรอกนะ แต่ที่รู้เพราะเห็นชื่อวงอยู่ในภาพต่างหาก
นั่นก็เห็นชื่อวงในภาพว่า Oasis อีกวงชื่อก็ The 1975 นั่นก็ Black eyes peas อย่างหลังนี้ก็พอรู้อยู่หน่อยๆ
แต่ก็สารภาพว่าที่แต่ละวงที่ติดอยู่ตรงผนังห้องเขารู้จักแค่อยู่แค่สองวงจริงๆ
แอบเห็นตรงข้างๆหัวเตียงน้องทอมมีกีตาร์ตัวหนึ่งวางไว้อยู่ด้วยนะ ก็น้องเคยพูดว่าตอนมอปลายเคยฟอร์มวงแต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นแล้ว
แต่ก็ยังอยากได้ยินน้องเล่นให้ฟังอยู่นะ
ห้องนี้เล็กไว้อย่างที่คิดจริงนั่นแหละ แต่ก็ดูอบอุ่นไม่ได้รู้สึกอึดอัดสำหรับคนไม่ชอบที่แคบๆอย่างเขาน่ะนะ… ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโทนสีของในห้องนี้ หรือว่าเป็นเจ้าของห้องนี้กันแน่ : )
ทุกอย่างไม่ได้จัดเป็นระเบียบสักเท่าไรตามประสาเด็กผู้ชาย
“ห้องรกหน่อยนะ” เจ้าตัวว่าอย่างนั้นพร้อมกับเลื่อนโต๊ะญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่กลางห้องให้ไปอยู่ตรงมุมห้องแทน ไหนจะรองเท้าที่ถอดระเกะระกะ แล้วก็…
บ๊อกเซอร์ เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ซักแล้วอยู่ตรงปลายเตียง
“ไม่เป็นไร” คุณากรไหวไหล่ “พี่ขอออกไปดูดบุหรี่นะ” คุณนิวปล่อยให้เจ้าเด็กยักษ์จัดการเสื้อผ้าซักแล้วที่กองอยู่ตรงปลายเตียง
ส่วนเขาเองก็เริ่มลิ้มรสชาติของนิโคตินไปพร้อมๆกับความสุขที่ก่อเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ช่วงนี้รู้สึกตัวเองได้เลยว่ายิ้มได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมานานพอสมควร
แล้วยังรู้สึก… ไม่รู้สิ มันรู้สึกดี?
อือ… จะเรียกว่าดีก็ได้แหละ
เพราะมันดีจริงๆ ต้นสายปลายเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกนะ คุณากรรู้ตัวดีว่าคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้น่ะเป็นใคร
ก็เจ้าของห้องนี้ยังไงล่ะ…
ถ้าความสุขแบบนี้อยู่ตลอดไปก็คงจะดี
ไม่ต้องมีใครมาพรากไปอีกเหมือนครั้งก่อน
“คุณจะอาบน้ำมั้ย?” ไม่รู้ว่าเวลาที่คุณากรใช้อยู่กับการสูบบุหรี่ และจมอยู่ในห้วงของความสุข ที่เกิดขึ้นทั้งตอนนี้และในอดีตนั้นนานขนาดไหน
แต่พอเห็นเจ้าเด็กยักษ์ตรงหน้าที่อยู่ในเสื้อผ้าพร้อมนอน และปลายผมม้าที่เปียกหน่อยๆก็พอจะรู้ว่านานพอสมควรที่น้องทอมจะอาบน้ำเสร็จ
“อาบครับ… เหนียวตัวเหมือนกัน”
“งั้นเอาไป” เจ้าเด็กยักษ์พูดพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวผืนสีม่วงอ่อนให้คนตัวสูง
เอ…ท่าทางน้องทอมจะชอบสีม่วงจริงๆด้วย
“ผ้าเช็ดตัว
นี่เองแหละ แต่ซักแล้วไม่ต้องกลัว” สรรพนามจากคำว่า
ผม เปลี่ยนไปเป็นคำว่า
นี่ ที่ใช้แทนตัวเอง เพราะทอมรู้สึกว่ามันไม่ได้หยาบคายมากแต่ก็ไม่ได้สุภาพอย่างคำว่าผม ออกจะง่ายๆซะมากกว่า
เลยคิดว่าใช้ประมาณนี้น่าจะเวิร์ค
“ขอบคุณครับ” : )
ใช้เวลาไม่นานเจ้าของห้าง The KNK ก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อผ้าของเจ้าเด็กยักษ์กางเกงผ้าร่มสีเทากับเสื้อยืดสีม่วงอ่อนพ่วงด้วยกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆที่น้องใช้
อยากขโมยกลับบ้านซะจริง
“ปิดไฟให้ด้วยนะ” เจ้าเด็กยักษ์พูดเสียงดังให้คนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำได้ยิน ส่วนตัวเองก็นอนขดอยู่ในผ้านวมผืนหนาอย่างเคลิ้มๆ
“น้องทอมครับ…” พอเดินไปปิดไฟแล้วคุณากรทิ้งตัวลงบนที่นอนสปริงของเจ้าเด็กยักษ์ หากแต่ยังไม่ได้ล้มตัวลงนอน เขาก็เรียกชื่อน้องที่นอนหันหลังให้อยู่
“เมื่อไรจะเลิกเรียกนี่ว่าน้องทอมสักทีวะ?” ถึงกำลังจะเคลิ้มหลับไป แต่สรรพนามที่ทอมไม่ชอบให้คนนอกครอบครัวเรียกก็ถูกนำมาใช้โดยคนอื่นให้ได้ยินอีกแล้ว
เลยทำให้ตาทั้งสองข้างเปิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ก็…”
“นี่ไม่ได้พูดไม่เพราะกับคุณแล้วนะ” ทอมพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่คุณนิวยังไม่ได้อธิบายด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตั้งใจนะ บอกเลยว่าถ้าไม่มีเจ้าเหมียวคุณนิวก็ไม่ได้ยินอะไรแบบนี้หลุดออกมาจากปากทอมหรอก
“ก็พี่ชิน” แต่เขาก็ลืมตัวจริงๆนั่นแหละ เรียกซะจนชินเลย
“เลิกเรียกแบบนั้นสักที นี่ไม่ได้หน่อมแน้มขนาดนั้น” ทอมหันหน้าไปทางคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง
เป็นเพราะปิดไฟแล้วต่างหากถึงได้กล้าหันไปน่ะนะ
ไม่รู้สิ… ไม่ชอบให้ใครมาเห็นตัวเองตอนที่กำลังเข้านอน เพราะพี่ทิมเคยบอกว่ามันน่ารัก อีกอย่างนะ… ก็เป็นตอนที่ตื่นนอน
น่ารักตรงไหนทอมเองก็ไม่รู้หรอกเพราะไม่ได้ส่องกระจกเวลาตื่นนอนกับก่อนนอน แต่ด้วยความที่ไม่ชอบให้ใครมามองว่าน่ารัก เลยไม่อยากให้ใครเห็น นอกจากเพื่อนกับคนในครอบครัวก็ไม่มีใครแล้ว
แล้วตอนนี้ก็เพิ่มคุณนิวเข้ามาอีกหนึ่งคน
อย่างน้อยก็เห็นตอนตื่นนอนล่ะน่า…
“แล้วจะให้พี่เรียกว่าอะไรครับ?
‘หนู’ ดีมั้ย? พี่ว่าก็น่ารักเหมาะกับหนูดี” เอาจริงคุณากรก็ไม่เคยเรียกใครแบบนี้เลยนะ เจ้าเด็กยักษ์นี่คนแรกเลยก็ว่าได้
“หนูบ้าหนูบออะไร” ทอมโวยวาย ถึงแม้ว่ากับที่บ้านเขาจะแทนตัวเองว่าหนูก็เถอะ “จะเรียกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช้ น้อง กับ หนู เคมั้ย?”
“ก็ได้ๆ โอเคครับ” และสุดท้ายคุณนิวก็ยอมเหมือนเดิม
น้องจะขออะไรเขาก็ยอมหมดนั่นแหละ
รอก่อนเถอะ… รอว่าสักวันจะทำให้น้องยอมให้เขาพูดคำเหล่านั้นอย่างไม่อิดออดเลย
ขอแค่ไม่รู้สึกเบื่อไปซะก่อนนะ
“นอนได้แล้ว ต้องตื่นเช้าไม่ใช่รึไง?” น้องทอมเตือนพร้อมกับนอนหันหลังให้อีกคน
: )
คุณนิวยกยิ้มขึ้นท่ามกลางความมืดอย่างชอบใจ
นี่ถ้ามาคอยเตือนเขาแบบนี้ทุกคืนนะ จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วรีบเข้านอนอย่างที่เจ้าเด็กยักษ์บอกเลย
คุณากรสอดแทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเจ้าของห้อง แถมตรงกลางมีหมอนข้างคั่นกลางด้วยอีกต่างหาก
ไม่ทำอะไรหรอกน่า… คิดเยอะซะจริง
เพราะว่าแค่อยากกอด…
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปคุณากรก็ยังคงไม่หลับ เพราะรู้สึกแปลกที่ อีกอย่างพอรู้ว่าคนข้างๆเป็นคนที่เขาถูกใจความรู้สึกมันยิ่งตื่นจนข่มตาหลับไม่ลง ผ่านไปสักพักก็รู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนข้างๆ
คนชอบหาผลประโยชน์จากทุกเรื่องอย่างเขาเลยไม่รอช้าที่เตะหมอนข้างเจ้าปัญหาออกไป และเหลือพื้นที่แค่เพียงน้อยนิดสำหรับตัวเองและเด็กยักษ์
และมันก็ค่อยๆเหลือน้อยเข้าไปทุกทีจนท้ายที่สุดก็ถูกเติมเต็มด้วยร่างกายของเขา
พื้นที่ตรงนั้นไม่เหลืออีกต่อไป
คุณนิวพาดช่วงแขนยาวๆไปที่ตัวของน้องทอม ก่อนจะซุกซบใบหน้าลงที่ศีรษะของน้องราวกับว่าต้องการพักพิงความรู้สึกทั้งหมด เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้นสักหน่อย
และมันก็รู้สึกดีอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย
นั่นอาจจะเป็นเพราะกลิ่นตัวหอมๆของน้อง ไหนจะน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ตอนนี้เขาเองก็มีกลิ่นแบบเดียวกัน และความรู้สึกอุ่นๆจากตัวของคนในอ้อมกอดอีกทำให้คุณากรเริ่มเคลิ้มหลับเข้าไปทุกที
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนที่จะค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
แบบนี้สิค่อยทำให้การนอนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไป60%
Talk 1.
ช่างเป็น 60% ที่ลากเลือดมากกกกกกก.
-อยากจะแหมให้กับประโยคที่บอกว่า 'ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน' *ทำท่าเบะปากเหมือนคุณสิงหา*
-จริงๆนิยายเรื่องนี้มันง่ายๆนะคะไม่มีอะไรให้คิดเยอะ ถ้ารู้สึกว่ามันเบาไปต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะเหนื่อยกับความเครียดเลยอยากมีอะไรมาฮีลตัวเองนี่แหละค่ะ และคุณากรเองก็ตอบสนองความต้องการเราได้เป็นอย่างดี ทำให้เราหายเครียดได้มากเวลาหมกมุ่นอยู่กับการเขียน
-ถ้าชอบใจนิยายเรื่องนี้บ้างไม่มากก็น้อยอย่าลืมติดแท็ก #คนของคุณากร หรือคอมเม้นให้กันก็ได้นะคะ
เจอกันสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนะคะ
รักค่ะ
มิทฉะลาเต้
#คนของคุณากร
twitter : @blueeyesismine