คำอวยพรแสงไฟระยิบระยับ สีเขียวแดงและยอดต้นสน คือสัญลักษณ์ของความสุข
หิมะที่ร่วงหล่นจากฟ้าคือของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้าแด่มวลมนุษย์
เขาคิดอย่างนั้น
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
ภาษาอังกฤษสุภาพนุ่มนวลถูกเปล่งออกมาจากปากพนักงานสาวคนหนึ่งหลังจากเห็นเขายืนงกๆ เงิ่นๆ เลือกของอยู่พักใหญ่
ปกติแล้วเขาจะปฏิเสธทุกการช่วยเหลือในร้านค้า แต่วันนี้เขาอับจนหนทางจริงๆ ประกอบกับดวงตาสีฟ้าสดใสของอีกฝ่ายที่ฉายแววเต็มอกเต็มใจจะช่วยทำให้เขายอมรับข้อเสนอ
“ครับ คือ ผมอยากได้ของฝากที่สื่อถึงคริสมาสต์น่ะครับ”
สำเนียงภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลียของเขาทำให้หญิงสาวมีท่าทางแปลกใจเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นก็ยังเก็บอาการสงสัยใคร่รู้ไว้ได้อย่างมีมารยาท
“จะเอาไปให้ใครเหรอคะ”
“หลายคนเลยครับ ทั้งเพื่อนแล้วก็...”
เขาชะงักไปเมื่อนึกถึงความจริงข้อหนึ่งขึ้นมาได้
ปีนี้คงเป็นอีกปีที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงคริสมาสต์
พี่ดาจะคิดถึงดิมบ้างไหม
“แล้วก็?”
คำถามนั้นทำให้เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองยังพูดไม่จบ ใบหน้าคมคายจึงส่งยิ้มกลับไปบางๆ
“พี่สาวครับ”
พี่สาว...พี่ดาที่แสนดีของดิม
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำว่า สำหรับเพื่อนๆ เลือกของแบบเป็นเซ็ตน่าจะเหมาะกว่า เพราะจะได้ไม่เกิดความรู้สึกน้อยอกน้อยใจเมื่อได้ของไม่เหมือนกัน ฉันแนะนำเป็นเซ็ตพวงกุญแจถุงเท้าที่ระลึกนี้เลยค่ะ”
เขาลืมคิดเรื่องพวกนี้ไปเลย
นัยน์ตากลมโตจ้องมองไปยังกล่องพวงกุญแจรูปถุงเท้าสีแดงขนาดจิ๋วในมือของพนักงานสาว
ถุงเท้าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเทศกาลคริสมาสต์ สีแดงสดก็เช่นกัน
เขาหลงรักคริสมาสต์ อะไรที่ทำให้นึกถึงคริสมาสต์เขาก็เห็นดีเห็นงามด้วยทั้งนั้น
“งั้นผมเอาอันนี้กล่องนึงครับ ส่วนของพี่สาว...”
“ให้ฉันช่วยแนะนำไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ นัยน์ตาจับจ้องไปยังสินค้าที่ถูกใจ
“ผมเอาอันนั้นแล้วกัน”
พนักงานสาวขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ
“อันนี้เหรอครับ”
เธอชี้นิ้วไปยังสินค้านั้นเพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเข้าใจไม่ผิดพลาด
“ครับ อันนั้นล่ะ”
“โอเคค่ะ”
แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามและบริการเขาเป็นอย่างดี
...นั่นค่อนข้างน่าประทับใจ...
แล้วเสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่เดินจากมา
วันนี้หิมะตกอีกแล้ว
เกล็ดหิมะสีขาวร่วงโรยลงมาจากฟากฟ้าเหมือนฝนตก เขาชอบหิมะ แต่เขาไม่ค่อยชอบน้ำแข็งที่อัดแน่นกันใต้พื้นหิมะสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากมันจะลื่นแสนลื่นแล้วยังทำให้รองเท้าเฉอะแฉะจนน่ารำคาญ
ขาสองข้างก้าวไวๆ ไปยังจุดหมาย ไม่นานนักเขาก็ก้าวเข้าสู่บริเวณที่คุ้นเคย
รั้วเก่าๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนมองไม่เห็นเหล็กที่ขึ้นสนิม ตัวตึกสูงสง่าตั้งเด่นอยู่กลางผืนที่ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ตรงกลางนั้นเป็นที่ตั้งของน้ำพุที่แห้งเหือดและวงละเล่นของเด็กตัวน้อยๆ กลุ่มนึงที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตา
“สุขสันต์วันคริสมาสต์!”
น้ำเสียงสดใสของเด็กๆ เอ่ยขึ้นทักทายเขาด้วยประโยคคลาสสิคในช่วงนี้ของปี
…Merry Christmas…
“สุขสันต์วันคริสมาสต์!”
เขาตอบกลับไปด้วยประโยคเดียวกันก่อนจะยื่นถุงช็อกโกแลตที่ซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานให้คนที่โตที่สุดในกลุ่ม
“แบ่งให้น้องๆ ด้วยนะจอร์จ อย่าให้ฉันเห็นว่านายมุบมิบ ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณพ่อให้ทำโทษเสียให้เข็ด”
“ร้ายกาจเหมือนเดิมเลยดี”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พวกเขากลับหัวเราะออกมาพร้อมกัน
เด็กหนุ่มโบกมือลาเด็กๆ แล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคารคุ้นตา
อากาศอุ่นๆ ด้านในทำให้เขาฉีกยิ้มกว้าง
ใครบ้างจะไม่ชอบอากาศอุ่นๆ หลังจากต้องเดินฝ่าหิมะมาหลายถนน
แสงไฟสีส้มสว่างไสวไปทั่วโบสถ์ ผู้คนมากมายมารวมตัวกันด้วยรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า บรรยากาศของความอบอุ่นและความสุขกำลังแผ่ขยายไปทั่วบริเวณจนเขาเผลอยกยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ
เขารักวันคริสมาสต์ก็เพราะแบบนี้ล่ะ
“เฮ้ดี มาเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย”
คำทักทายนั้นมาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆ ของเพื่อนสาวผมบลอนด์ทำให้เขายิ้มกว้างกว่าเก่า
นั่นเป็นลักษณะการทักทายที่เขาคุ้นชินเสียแล้ว
“ไหน พร้อมไม่พร้อม”
ใครบางคนเดินมากอดคอเขาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองจึงรู้ว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา
เพราะแบบนั้นเขาจึงยิ้มกว้างกว่าเดิม
“พร้อมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”
“เยี่ยม งั้นไปกันเลย”
พอเพื่อนตัวโตพูดประโยคนั้นจบเขาก็โดนทั้งลากทั้งดันไปด้านหน้าสุดของโบสถ์
แล้วเขาก็ต้องยิ้มกว้างกว่าเก่าเมื่อชายชราในชุดสีขาวยาวตลอดตัวหันมาส่งยิ้มใจดีให้
“มากันแล้วๆ”
น้ำเสียงทุ้มแหบนั้นปรากฏแววยินดี
“เอาล่ะเชลซีไปตามเด็กๆ เข้ามา เราจะเริ่มพิธีกันสักที”
“ได้ค่ะคุณพ่อ”
หลังจากนั้นภาพในสมองของเขาก็พร่าเลือนไปหมด
ปากของเขาขยับไปเอง
หน้าของเขามันฉีกยิ้มไปเอง
สิ่งที่ประทับอยู่ในความทรงจำมีเพียงแสงไฟระยิบระยับตา บรรยากาศอบอุ่นที่ลอยอบอวลโอบล้อมร่างของทุกคนเอาไว้ และเสียงเพลงที่คุ้นเคยมาตั้งแต่จำความได้
“Joy to the world
(พระทรงบังเกิดโลกจงยินดี)”
ขอความสุขจงสถิตอยู่บนโลกนี้ตลอดไป
“And heaven and nature sing
(เชิญเราร้องเพลงเปล่งเสียง)”
ขอให้ความสุขนี้อยู่กับเขาตลอดไป
“And wonders of his love
(อัศจรรย์ความรักพระเจ้า)”
ขอความรักจงสถิตอยู่กับทุกคน
...ขอพระองค์ได้โปรดพาความรักกลับมาหาเขาที...พาพี่สาวกลับมาหาเขาเสียที...
ดวงดาวประดับต้นคริสมาสต์ในมือเขาส่องประกายยามต้องแสง
ดวงดาวคือตัวแทนของความดีงามและรุ่งโรจน์ เขาซื้อสิ่งนี้มาด้วยความตั้งใจ...ตั้งใจจะให้สิ่งนี้กับพี่สาวของเขาเมื่อเราได้เจอกันอีกครั้งเพื่อบอกอีกคนว่าตราบใดที่ยังศรัทธา เราจะไม่เป็นไร
...ถ้าเราได้กลับมาพบกัน ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี...
ห้วงคำนึงของเขาถูกขัดจังหวะด้วยเพื่อนสนิทตัวโตที่วิ่งเข้ามากอดคอจากด้านหลัง ตรงหางตาเขาเห็นเพื่อนสาวอีกคนกำลังเดินมาห่างๆ แต่ยังไม่ทันได้หันไปยิ้มให้ ก็ถูกคนที่กอดคอเขาเรียกความสนใจไว้เสียก่อน
“ดี นายโคตรเจ๋ง เสียงเทเนอร์ของนายมันจับใจเป็นบ้า”
“ขอบใจโยฮัน แต่จะดีมากถ้านายยอมเรียกฉันว่าดิมเสียที”
เด็กหนุ่มผมสีบรูเน็ตส่ายหัวไปมาพร้อมกับสีหน้าไม่เห็นด้วย
“ไม่เอาน้า ดิมเหรอ ดิมที่แปลว่าสลัวน่ะนะ เพื่อนยาก ชื่อนายมันหดหู่ต่อชีวิตชะมัด”
ก็จริง
พอเถียงไม่ได้เขาเลยเลือกที่จะยักไหล่แล้วยิ้มขำๆ แทน
จะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ ไม่ว่าจะชื่ออะไรเขาก็ยังเป็นเขาอยู่ดี
...ไม่ว่าจะเรียกด้วยคำไหน ตัวตนของเราก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี...
“หนุ่มๆ พวกนายเยี่ยมมากเลยขอบอก”
เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาด้านหลังพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ดึงเขาเข้าไปกอดทำให้รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้ากว้างขึ้นไปอีก
“ไม่เท่าเธอหรอเชลซี เสียงโซปราโน่ของเธอนับว่าหาตัวจับยาก”
เขาชมเธอไปแบบนั้น
เจ้าหล่อนยู่หน้ายิ้มๆ เหมือนจะสื่อว่าเขาน่ะขี้ยอเกินไป
“ปากหวานขนาดนี้ เมื่อไหร่จะมีแฟนล่ะ”
คำแซ็วนั้นทำให้รอยยิ้มเขาเจื่อนลงเล็กน้อย
แฟนเหรอ... ป่านนี้วิทย์จะเป็นยังไงบ้างนะ หลังจากเลิกกันไป อีกฝ่ายจะคิดถึงเขาบ้างไหม
“นั่นซี่ ไม่สนใจมีแฟนเป็นหนุ่มเอดินบะระสักคนเหรอ ไหนๆ นายก็กะตั้งรกรากที่นี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไร้สาระน่าโยฮัน’
ในตอนแรกที่พูดไป เขาก็แค่อยากสื่อว่าตัวเขายังไม่พร้อมมีใคร แต่เหมือนทุกคนจะตีความคำปฏิเสธของเขาไปคนละทาง
“อย่าบอกฉันนะว่านายกะจะตั้งรกรากที่ออสเตรเลียมากกว่าที่อังกฤษน่ะ”
เป็นเชลซี่ที่เริ่มตีความผิดเป็นคนแรก ต่อด้วยเสียงรับโน้มน้าวจากเพื่อนชายร่างสูงที่กอดคอเขาอยู่ไม่ห่าง
“ไม่เอาน้าดี พวกเราอยู่ที่นี่กันทั้งนั้น กลับไปออสเตรเลียนายจะมีใครน้องจากเจ้าพลูโตของนาย”
ไม่ว่าเปล่า โยฮันยังทำหน้าล้อเลียนเขาอีกต่างหาก
พลูโตเป็นชื่อจิงโจ้ที่เขามักเห็นตอนขับรถผ่านจากบ้านเข้าไปในเมืองอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นก็แค่นึกสนุกเลยถือโอกาสตั้งชื่อมันว่าเจ้าพลูโต เรื่องนี้เพื่อนๆ เขารู้ดี เขาเองก็ชอบเจ้าจิงโจ้น้อยอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากเขาย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมืองก็ไม่ได้ผ่านทางนั้นอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้เขาลืมเรื่องของเจ้าพลูโตไปเสียสนิท
ขนาดเขายังลืม ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยังจำได้แม่นขนาดนี้
พักเรื่องจิงโจ้ไว้ก่อน เขาต้องแก้ความเข้าใจผิดแปลกๆ ของเจ้าพวกนี้ก่อนที่จะพากันออกทะเลไปมากกว่านี้
“นี่พรรคพวก ฉันไม่เคยคิดที่จะตั้งรกรากอยู่ที่ออสเตรเลียโอเค๊ ฉันต้องมาอยู่กับพวกนายอยู่แล้ว ไม่หนีไปไหนหรอกน้า”
“มันต้องอย่างนี้สิพวก”
แล้วเขาก็ได้รับกอดที่อบอุ่นจากเพื่อนรักทั้งสองคน
“เฮ”
เสียงใสกังวานของหญิงสาวคนเดียวภายในกลุ่มทำให้เขาต้องหันไปมองหน้าคนพูด
นัยน์ตาสีเขียวทอระกายเจิดจรัสราวกับดวงดาวบนฟากฟ้า
“วันนี้วันดี ไปหาอะไรดื่มกันไหม”
“ไม่เคยพลาดอยู่แล้ว”
เป็นโยฮันที่ตอบรับขึ้นมาก่อน ในขณะที่เขายังคงนิ่งคิด
คืนคริสมาสต์ ถ้าอยู่คนเดียว คงเหงาน่าดู
“เอาสิ ไปก็ไป”
แล้วพวกเขาทุกคนก็หันไปบอกลาเพื่อนผองด้านในก่อนจะเดินจากมา
เขารักบรรยากาศแบบนี้ หิมะร่วงโรย เสียงหัวเราะก้องกังวาน แสงไฟระยิบระยับเคล้าไปกับเสียงกระพรวนและระฆัง
เขารักวันคริสมาสต์เหลือเกิน
“เหวอ!”
ยังไม่ทันจะได้มีความสุขเต็มที่ หน้าของเขาก็ถูกก้อนหิมะที่มาจากไหนไม่รู้อัดเข้าเต็มๆ จนเสียหลักล้มลงกับพื้น
...แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะ...
“ได้เลยโยฮัน นายท้าฉันเองนะ”
ทันทีที่ตั้งหลักได้ เขาก็เอาคืนอีกฝ่ายด้วยการปั้นหิมะปากลับไปบ้าง แต่นั่นค่อนข้างยากเมื่อต้องเล็งให้โดนคนที่กำลังวิ่งไปวิ่งมาตามทางเท้า
ระวังไม่ให้โดนคนอื่นก็สำคัญ ต้องปาให้โดนเจ้าตัวก็สำคัญ
จังหวะนี่ล่ะ!
“เหี้ย!”
เด็กหนุ่มร้องล่ะเมื่อก้อนหิมะลูกโตไม่ได้วิ่งไปชนหัวเพื่อนเขาอย่างที่ตั้งใจไว้ กลับกันมันดันปะทะเข้ากับหน้าของใครก็ไม่รู้เข้าเต็มๆ
ผู้โชคร้ายของเขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ โค้ทตัวยาวสีดำสนิทรับกับผิวกึ่งแทนกึ่งเหลือง ใบหน้ามีเค้าความเป็นเอเชียของอีกฝ่ายโผล่ออกมาจากฝ่ามือที่สาละวนอยู่กับการปัดหิมะ ทำให้เขารู้ว่าคนๆ นี้ไม่ใช่คนอังกฤษ แต่ก็ดูไม่เหมือนคนจีนเหมือนกัน
ดูๆ ไปก็เหมือน...
“เธอเป็นคนไทยเหรอ”
คำถามที่หลุดออกมาจากปากผู้เคราะห์ร้ายตรงกับใจเขาอย่างน่าใจหาย
แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ผู้ชายคนนี้เป็นคนหล่อ ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่เสียงก็หล่อมากๆ
ไม่ได้สิ มาอึ้งอะไรไร้สาระอยู่ได้
“ใช่ครับ ผมคงอุทานดังไปใช่ไหม”
“ก็พอสมควรล่ะนะ”
พวกเขาชะงักมองหน้ากันเล็กน้อย ต่างฝ่ายต่างประหลาดใจในการโต้ตอบกันอย่างเป็นธรรมชาติผิดวิสัยคนเพิ่งเจอกัน
...ชะงักอยู่อึดใจ แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน...
แปลก ช่างเป็นสถานการณ์ที่แปลกจริงๆ
ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดใคร่ครวญอะไรมากไปกว่านั้น ใบหน้าคมเข้มของคนตรงหน้าก็ผินไปมองด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาสบตากับเขา
สวย...เป็นนัยน์ตาสีดำสนิทที่น่าหลงใหลเหลือเกิน
“ไปเถอะ เพื่อนเธอรอแย่แล้ว”
คำพูดนั้นทำให้เขาต้องชะโงกหน้ามองคนสองคนที่ยืนดูเขาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
เจ้าพวกนั้นนะ ถ้าพ่อจับตัวได้จะกดให้จมกองหิมะเลยคอยดู
“ขอบคุณครับแล้วก็ขอโทษมากจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไร ตอนเด็กๆ ฉันก็ทำอะไรแบบนี้อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจคิดอยากถามอีกคนว่า ‘คุณอยู่อังกฤษมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอครับ’ แต่ก็มีสติมากพอจะรู้ได้ว่าคำถามนั้นมันละลาบละล้วงเกินไป
เพราะแบบนั้นเขาเลยเลือกที่จะนิ่งแล้วก้มหัวรับคำให้อภัยเงียบๆ
“ถ้างั้น ผมขอตัวนะครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้าให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มบาง
แล้วทันใดนั้นเอง ในจังหวะที่เขากำลังจะเดินจากไป คำพูดบางอย่างก็ดังแว่วมา
“Merry Christmas”
คำอวยพรจากคนแปลกหน้าที่มีนัยน์ตาเป็นประกายทำให้หัวใจเขาอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
“Merry Christmas ครับ”
แล้วพวกเขาก็แยกจากกัน
เขาไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เขาจำเป็นต้องสนใจด้วยเหรอ ในเมื่อวันนี้เป็นวันคริสมาสต์
วันคริสมาสต์คือวันที่เราสามารถเผื่อแผ่ความสุขให้กับทุกคนได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัวหรือคนแปลกหน้า เราก็สามารถอวยพรให้เขาจากก้นบึ้งของหัวใจได้ทั้งนั้น
คริสมาสต์คือวันแห่งความสุข ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดไป
...Merry Christmas ...
***********************************************************************
อยากพูดคำว่า Merry Christmas ใจจะขาดแล้วค่ะ พอฟังเพลงไปฟังเพลงมา รู้ตัวอีกทีก็แต่งออกมาอีกตอนซะแล้ว แปลกใจตัวเองเหมือนกัน 555555555555 ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทศกาลนี้มากๆ นะคะ
ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็แวะมาอ่านนิยายเราได้น้า //ขายของงง 555555555
***********************************************************************
[เกร็ดความรู้]
Joy to the World หรือ
พระทรงบังเกิด (คาทอลิก) หรือ
ความสุขเปรมปรีดิ์มีแก่ชาวโลก (โปรเตสแตนต์) เป็นเพลงเทศกาลที่ได้รับความนิยมที่สุดในช่วงวันคริสต์มาส เป็นเพลงนมัสการพระเกียรติและชัยชนะของพระคริสต์ และเพื่อการรับเสด็จการกลับมาอีกครั้งของพระคริสต์ในวันพิพากษาโลก ซึ่งเพลงจอยทูเดอะเวิลด์ได้รับการขนานนามจากชาวอิสราเอลว่าเป็นเพลงที่แสดงถึงความชื่นชมยินดี ที่พระคริสต์ได้นำหนทางที่จะได้คืนดีกับพระเป็นเจ้ามาให้
ที่มา:
จอยทูเดอะเวิลด์เนื้อเพลงภาษาไทยของเพลง Joy to the World เราเอามาจากคำร้องที่ใช้กันในโบสถ์จริงๆ แต่ว่าเป็นคำร้องของคริสต์นิกายคาทอลิกนะคะ ถ้านิกายอื่นก็จะมีคำร้องแตกต่างกันไป ใครสนใจอยากลองฟัง เราแนะนำให้ฟังเวอร์ชั่นของ Pentatonix ค่ะ เพราะเรารู้สึกว่ามันเข้าถึงได้ง่ายมากๆ สำหรับคนทั่วไป
ดาวประดับต้นคริสมาสต์
เรามักเห็นดาวถูกประดับตกแต่งอยู่บนยอดของต้นคริสต์มาส โดยเชื่อกันว่าดาวเป็นสิ่งที่นำทางไปสู่ความประจักษ์แจ้งที่ วิเศษและดวงดาวเป็นสัญญาณของโชคลาภและการบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ “ดาว” ในความหมายของชาวคริสต์เตียน หมายถึง การแสดงออกที่ดีของพระเยซูคริสต์ ที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "The bright and morning star"
ที่มา:
Christmas Tree & Christmas Timeโทนเสียงต่างๆ ของมนุษย์1. โซปราโน (Soprano) เป็นระดับเสียงสูงสุดของนักร้องหญิง
2. เมซโซโซปราโน (Mezzo - Soprano) เป็นระดับเสียงกลางของนักร้องหญิง
3. คอนทรัลโต หรือ อัลโต (Contralto or Alto) เป็นเสียงระดับต่ำสุดของนักร้องหญิง
4. เทเนอร์ (Tenor) เป็นเสียงระดับสูงสุดของนักร้องชาย
5. บาริโทน (Baritone) เป็นเสียงระดับกลางของนักร้องชาย
6. เบส (Bass) เป็นเสียงระดับต่ำสุดของนักร้องชาย
ที่มา:
สาระของโทนเสียงต่างๆเอดินบะระ (Edinburgh) เอดินบะระ (Edinburgh) เป็นเมืองหลวงของประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของสกอตแลนด์ เอดินบะระเป็นเมืองที่เจริญมากที่สุดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร มีศูนย์กลางเมืองตั้งอยู่รอบ ๆ ปราสาทเอดินบะระ เมืองเอดินบะระนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทศกาลต่าง ๆ
ที่มา:
เอดินบะระ***********************************************************************
พูดคุยกันได้ที่ #ปราณดิม หรือ #หลงลุง ใน twitter นะคะ