ถ้าให้รักก็อย่าร้าย ตอนที่ 27.5 “เฮ้ย!วีจะทำอะไร”
“ไอ้วีอย่านะ ใจเย็นๆนะ ไหนมึงบอกจะไม่ทำอะไรแบบนี้ไงวะ” อยู่ๆตัวผมก็ถูกรวบจากด้านหลัง ก่อนที่เสียงโวยวายจะดังขึ้นจนไม่รู้จะฟังใครก่อน
ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทุกคนถึงได้แห่กันมาเยอะขนาดนี้ ทั้งพี่ชินที่รวบตัวผมชิดอกจนได้ยินเสียงหายใจหอบแรงเร็ว ไอ้แบตที่ยืนหน้าเครียดอยู่ข้างลูกแพรที่ทำหน้าตื่นไม่แพ้กัน แถมยังมีพี่โยกับชรุ่นพี่อีก 3 คนวิ่งเข้ามายืนมองไม่ห่าง
“เกิดอะไรขึ้น” ผมมองทุกคนสลับกันไปมาก่อนเอ่ยถามพร้อมพยายามแกะมือที่รัดลำตัวจนแน่น มือแกร่งที่เคยมั่นคงตอนนี้สั่นจนผมสัมผัสได้
“ก็มึงกำลังคิดจะทำอะไรล่ะ ไหนมึงบอกจะไม่คิดสั้นไง” ไอ้แบตตอบเสียงดังไปทั่วบริเวณสะพานปลาที่ผมมานั่งรับลมอยู่เมื่อไม่นานนี้เองครับ
“กูไม่....”
“ทำไมถึงทำแบบนี้ บอกพี่สิทำไมถึงคิดทำเรื่องสิ้นคิดแบบนี้” ผมพูดยังไม่ทันจบ เสียงสั่นๆของพี่ชินก็ดังขึ้นข้างหู นอกจากจะไม่ยอมปล่อยมือแล้วพี่ชินยังรัดผมแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกครับ ในความรู้สึกอึดอัดผมกลับพบว่ามันมีความอบอุ่นซ่อนอยู่ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่เคยสัมผัสความอบอุ่นจากอ้อมแขนนี้
“พี่ชินปล่อยเพื่อนผมได้แล้ว” เสียงเครียดดังขึ้นจากเพื่อนผม
“พี่ชินผมหายใจไม่ออกครับ” ผมบอกเมื่อเห็นว่าพี่ชินไม่มีทีท่าจะคลายอ้อมแขนตามที่ไอ้แบตว่าแต่อย่างใด ถึงแม้ผมจะโหยหาอ้อมแขนนี้มากขนาดไหนแต่ในเมื่อมันไม่ใช่ของผมแล้วผมก็ไม่อยากได้อ้อมกอดที่จอมปลอม
“ไอ้วีมึงมานี่เรามีเรื่องต้องคุยกัน ไหนมึงบอกจะไม่คิดสั้นไงวะ” ไอ้แบตว่าเสียงดังอีกครั้งก่อนเอื้อมมือมาดึงแขนผมเพื่อจะให้หลุดจากอ้อมกอดของพี่ชิน แต่แรงดึงหรือจะสู้แรงรัดที่เอวได้ นอกจากผมจะเจ็บแขนฟรีแล้วยังเจ็บเอวที่โดนรัดเข้าไปอีก
“คิดสั้น... ทำไมวีต้องคิดสิ้นด้วยบอกพี่สิ วีที่พี่รู้จักไม่ใช่คนที่อ่อนแอแบบนี้นี่” พี่ชินถาม
“ผมไม่ได้คิดสั้นอะไรทั้งนั้นแหละ มึงด้วยไอ้แบตพูดอะไรโง่ๆคนอย่างกูไม่มีทางสิ้นคิดขนาดนั้นหรอก” ผมตอบพี่ชินก่อนหันไปว่าไอ้แบต คนอื่นๆมองผมเหมือนเห็นตัวประหลาด ทำไมทุกคนต้องคิดว่าผมจะฆ่าตัวตายด้วยวะ ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวผมเลยซักครั้ง
“ถ้ามึงไม่คิดแล้วมึงกำลังจะทำอะไร กูเห็นอยู่ว่ามึงกำลังจะกระโดดลงไป มึงว่ายน้ำไม่เป็นไม่ใช่เหรอ”
“เออว่ายไม่เป็นแล้วกูก็ไม่ได้จะกระโดดด้วย แต่กูกำลังจะเก็บรองเท้า มึงเห็นไหมไม้ที่ตกอยู่นั่นกูจะเอามาเขี่ยรองเท้าที่มันตกลงไป ถ้าไม่มีคนโวยวายเข้ามาจับกูไว้ป่านนี้เก็บได้แล้ว
ตอนนี้แม่งไม่รู้ลอยไปไหนแล้วอย่างนี้ใครจะรับผิดชอบล่ะคู่ตั้งหลายบาท” ผมว่ายาว ยังนึกเสียดายรองเท้าแตะที่เผลอทำตกลงน้ำไม่หาย ถึงจะคู่ล่ะ 49 บาท ข้างนึง 24 บาท 50 สตางค์ก็เถอะ แต่ใครล่ะจะขายรองเท้าข้างเดียวให้ผม ยังไงก็ต้องซื้อใหม่ทั้งคู่อยู่ดี
“ไอ้เชี้ยที่พวกกูตกใจกันหัวใจแทบวายนี่มึงแค่เก็บรองเท้า”
“อื้อ....” ผมพยักหน้าตอบนิ่งๆ
“สัส! น่าถีบลงน้ำให้ปลาแดกนักนะมึง พี่ชินช่วยปล่อยเพื่อนผมด้วยครับ” มันว่าผมเสียงโมโหเต็มที่ก่อนเปลี่ยนเป็นบอกพี่ชินนิ่งๆในตอนท้าย
“พี่ขอคุยกับวีก่อน”
“ไม่ได้ผมไม่ให้คุย พี่ควรปล่อยเพื่อนผมได้แล้ว ปล่อยให้มันเป็นอิสระเถอะ อย่ามารั้งมันไว้ด้วยความรู้สึกครึ่งๆกลางๆของพี่อีกเลย อย่าคิดนะว่าไม่มีคนรู้คนเห็นที่พี่มานั่งเฝ้ามันเมื่อคืนพี่จะทำไปทำไมในเมื่อพี่ไม่ได้รักมันแล้ว พี่มีคนของพี่ พี่เอาเวลาเอาความหวังดีที่มีไปให้คนของพี่เถอะ อย่ามายุ่งกับเพื่อนผมอีกเลย”
“พี่ชินปล่อยผมเถอะครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจเลย” ผมว่าเสียงเบาเมื่อไอ้แบตพูดจบ แล้วอ้อมแขนที่รัดจนแน่นก็ค่อยๆคลายตัวออกจากเอวผมโดยง่าย เรื่องเมื่อคืนที่ผมคิดว่าเป็นความฝันตอนนี้คงไม่ใช่แล้วสินะ
“วี” เสียงพี่ชินดังไล่หลังแม้จะเบาแสนเบาแต่ผมก็ได้ยิน และไม่คิดจะหันกลับไปมองด้วย
“ไอ้แบตลูกแพรกลับกันเถอะ” ผมเรียกเพื่อน 2 คนก่อนเดินผ่านพี่โยที่ยิ้มจางๆแล้วทำท่าจะให้รองเท้าตัวเองกับผมแต่ผมปฏิเสธก่อนเดินเท้าเปล่ามาตามผืนทราย
ผมกับเพื่อนเดินย้อนกลับมาทางเดิมก่อนไปเอารถจักรยานที่จอดทิ้งไว้โคนต้นส้น ลูกแพรกับไอ้แบตบ่นผมไปตลอดทางว่าหลังปั่นจักรยานกลับมาแล้วเห็นรถผมจอดอยู่แต่หาผมไม่เจอ เดินตามหาซะทั่วแต่หาอยู่นานก็ไม่เจอจนมาพบพี่ชินกับพวกพี่โยเข้าเลยขอแรงให้ช่วยกันตามหา แล้วก็มาเจอผมที่กำลังก้มๆเงยๆทำท่าเหมือนจะกระโดดลงน้ำอยู่ที่สะพานปลาเลยยิ่งตกใจ ลูกแพรเล่าว่าพี่ชินเป็นคนเห็นผมคนแรกแล้วรีบวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเข้าไปจับผมไว้ก่อนที่คนอื่นๆจะวิ่งตามไปสมทบ
ถึงว่าทำไมพี่ชินถึงได้ตัวสั่น คงตกใจจริงๆครับผมก็มัวแต่อยู่กับตัวเองจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน ตั้งแต่แยกกับลูกแพรแล้วก็ไอ้แบตผมก็เดินตามชายหาดมาเรื่อยๆจนถึงโขดหินที่เคยมานั่งเล่น
คิดว่าจะขึ้นไปนั่งซะหน่อยเพราะตรงนี้เห็นวิวรอบๆสวยดีแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังคุยกัน มองไปเห็นพี่น้ำกำลังยืนคุยกับใครซักคนเลยคิดจะถอยออกมา แต่เสียงที่ดังโต้ตอบกับพี่น้ำทำให้ผมต้องชะงัก
เสียงพี่ชินทำให้ขาที่กำลังจะก้าวหนักอึ้งจนเหมือนมีหินซักร้อยโลมาถ่วงไว้ ไม่ได้อยากรู้ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่ขามันไม่ยอมขยับเอง เสียงพี่น้ำกับเสียงพี่ชินดังสลับกันไปมาเป็นระยะก่อนผมจะเห็นพี่น้ำเดินเข้าไปกอดพี่ชินไว้ ภาพที่เห็นทำให้ผมเบือนหน้าหนีแล้วไม่รู้ผมออกมาจากตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่สะพานปลาแล้วครับ
“แบต วีข้าวหมดแล้วกินมาม่าไหมเดี๋ยวแพรต้มให้” ลูกแพรที่อาสาเข้าไปหาของกินในครัวเดินออกมาถาม กลับมาถึงรีสอร์ตก็เลยเวลาอาหารเช้าจนเกือบถึงเวลาอาหารเที่ยวแล้วครับใครที่ไหนจะเก็บไว้รอ
“แบตเอา 2 ซองเลยนะ ไอ้วีมึงเอาไหม”
“เอา 2 ซองเหมือนกัน ทำไมมีอะไรวะ” ผมตอบก่อนถามกลับเมื่อเห็นไอ้แบตกับลูกแพรจ้องหน้าผมนิ่งเลยครับ เป็นอะไรวะไม่เคยเห็นกันรึไง
“กูแค่แปลกใจ เห็นมึงไม่ค่อยกินอะไรมานานแล้วทำไมอยู่ๆถึงจะกินตั้ง 2 ซองวะ”
“ไม่รู้สิ อยู่ๆกูก็อยากกินขึ้นมา”
"แบบนี้กูว่าอาการมึงดีขึ้นแล้วล่ะมั้ง"
"หึหึ ก็คงงั้นว่ะ"
“ได้ๆงั้นเดี๋ยวแพรไปต้มให้นะ ใส่หมูใส่ไข่แล้วก็ผักด้วยนะ” ลูกแพรว่าเสียงตื่นเต้น สีหน้าดีใจดีผมกินได้ไม่แพ้น้ำเสียเลยครับ
“ของแบตใส่ความรักลงไปด้วยก็ได้นะ” ไม่วายที่มันจะหยอด ขนาดอยู่ต่อหน้าผมนะ ถ้าไม่ใช่จะขนาดไหน
“มะเหงกแหนะ เดี๋ยวไม่ได้กินหรอก” ลูกแพรทำท่ายกมือยกไม้ส่งให้ไอ้แบตก่อนเดินเลี่ยงเข้าครัวอีกรอบ สงสัยไปตีซี้แม่ครัวของทางรีสอร์ตไว้ตั้งแต่เมื่อคืนครับ
“มึงได้ลายเซ็นใครบ้างรึยังวะ” หลังต่างคนต่างนั่งเงียบกันซักพักไอ้แบตก็ถามขึ้นทำลายความเงียบ ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งเลย
“ลายเซ็นอะไรวะ”
“อ้าวก็ลายเซ็นของรุ่นพี่ไง มึงไม่เอาไงเกียร์น่ะ”
“ลืมไปสนิทเลยว่ะ กูยังไม่ได้ขอใครซักคนแล้วของมึงล่ะได้บ้างรึยัง”
“ได้มาบ้างแล้วเมื่อคืน แต่ก็ยังขาดอีกเยอะอยู่”
“งั้นเดี๋ยวกินเสร็จค่อยไปเริ่มเดินขอกันไหม ช่วงบ่ายเขาให้อิสระอยู่แล้วนี่”
“เออ แต่มึงระวังไว้นะพี่แต่ละคนแม่งบ้าไม่รู้คิดว่าตัวเองเป็นดารารึไงกว่าจะให้ได้แทบคลานเข่าเข้าไปขอ”
“ฮ่าๆๆ ขอบใจที่บอกว่ะแต่ถ้าอยากได้รุ่นพี่ให้คลานกูก็คงต้องคลาน” ผมว่าก่อนหยิบสมุดขอลายเซ็นที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาเปิดดู มีรายชื่อรุ่นพี่อยู่ทางซ้ายเต็มไปหมดแต่ทางขวาเป็นช่องลายเซ็นว่างเปล่าเลยครับ ยังไม่ได้ให้ใครเจิมแม้แต่ช่องเดียว เมื่อสายตามองเห็นชื่อภิณโญก่อนไล่ไปสุดที่อัครนัยแล้วถึงกับต้องถอนหายใจยาวๆ ไม่รู้ผมต้องเจอกับอะไรอีกบ้างวะเนี๊ยะ
“พี่โยครับ”
“อ้าววีมีอะไรรึเปล่าถึงได้มาหาพี่ถึงนี่ แล้วหายดีแล้วเหรอทำไมไม่นอนพักต่อล่ะ” พี่โยถามทันทีที่หันมาเห็นผมยืนอยู่ไม่ห่าง ผมเห็นพี่โยกำลังนั่งดูรูปอยู่กับเพื่อนเลยเดินเข้ามาทัก
“ผมมีเรื่องยากคุยกับพี่ครับ”
“ได้สิว่ามาเลย อ๋อแป๊บนึงนะ อ่ะเดี๋ยวกูมาดูต่อขอไปคุยธุระแป๊บ” พี่โยทำหน้าสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ยอมพูดธุระซักทีก่อนนึกขึ้นได้เลยหันไปส่งกล่องให้เพื่อนแล้วเดินนำผมออกมาจากโต๊ะนั่งใต้ต้นไม้หน้าบ้านพักของตัวเอง
“เด็กมาล่ะทิ้งพวกกูเลยนะมึง” เสียงเพื่อนๆพี่โยแซวดังไล่หลัง แต่ผมไม่ได้หันกลับไปมองว่าใครเป็นคนแซวครับ
“ไหนมีอะไรบอกพี่สิครับ” เดินห่างจากบ้านพักได้ซักระยะพี่โยก็หันกลับมายิ้มให้ผมก่อนถามเสียงอ่อนโยน นี่ผมไม่ได้กำลังจะทำอะไรผิดไปใช่ไหม
“ผมจะมาถามพี่โยว่าเรื่องที่พี่โยเคยถามผมไว้ตอนนี้ยังเหมือนเดิมรึเปล่าครับ” ผมถอนหายใจหนักๆหนึ่งครั้งก่อนตัดสินใจถามถึงเรื่องที่เคยคุยกันไว้นานแล้วแต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้ตอบพี่โย
“เหมือนเดิมสิ พี่ยังรออยู่เสมอ ถามแบบนี้แปลว่าวีตัดสินใจได้แล้วเหรอ”
“ครับผมตัดสินใจได้แล้ว ถ้าพี่ไม่เปลี่ยนใจผมก็พร้อมจะเป็นแฟนพี่แล้วครับ” ผมตอบเสียงมั่นคงการตัดสินใจครั้งนี้เดิมพันด้วยความสุขของผมทั้งชีวิตก็ว่าได้
หลังจากมีเวลาคิดทบทวนเรื่องต่างๆจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะมาจมกับความรู้สึกเสียใจอยู่อย่างนี้ชีวิตยังต้องเดินต่อไป ถ้าผมเอาแต่คิดถึงเรื่องในอดีตที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ ผมก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แบบนี้คงถึงเวลาต้องปล่อยแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าซักที
ทุกวันนี้ผมยังคิดถึงพี่ชินอยู่เสมอและไม่คิดว่าจะสามารถลืมได้ เพราะเราผ่านเรื่องราวต่างๆด้วยกันมามากมายทั้งช่วงเวลาที่มีความสุขและช่วงเวลาที่แสนเศร้า แต่หลังจากนี้ผมขอเลือกเก็บเรื่องราวดีๆเอาไว้แล้วลืมสิ่งไม่ดีเหล่านั้นไปให้หมดดีกว่าครับ
“พี่ดีใจนะที่วีตัดสินใจแบบนี้ ต่อไปนี้พี่จะดูแลวีเอง” พี่โยว่าก่อนดึงมือผมไปกุมไว้
“ขอบคุณครับพี่โย” ผมว่าตอบยิ้มๆ
“แล้วนี่กินข้าวกลางวันรึยัง”
“ยังครับแต่ผมเพิ่งกินมาม่าไปไม่นานนี้เอง”
“ไม่ได้มาม่าจะมีประโยชน์เท่าข้าวเหรอ ตอนนี้วีเป็นแฟนพี่แล้วนะพี่จะไม่ยอมให้แฟนพี่ อดข้าวอดน้ำจนป่วยไปอีกเด็ดขาด” พี่โยว่ากึ่งดุแต่ตายังมีแววอบอุ่นส่งให้ก่อนออกแรงจูงมือผมให้เดินตาม
“จะไปไหนกัน แล้วทำไมต้องจับมือกันด้วย” เสียงนิ่งเย็นจนน่าขนลุกดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาผมกับพี่โยชะงักแล้วหันไปมองพร้อมกัน คิดไว้ว่าเรื่องที่ผมกับพี่โยคบกันยังไงพี่ชินก็ต้องรู้แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปผมคงต้องคิดว่า ผมทำอะไรก็อยู่ในสายตาพี่ชินตลอดแน่ๆ
“พวกกูจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง”
“กูไม่ได้ถามมึง กูถามวี” พี่ชินตวัดตามองพี่โยดุๆก่อนหันมาทางผมแล้วเลยไปมองมือผมกับพี่โยที่กำลังสอดประสานกันแน่นอีกครั้ง สายตาของพี่ชินมันแข็งก้าวจนน่ากลัวก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“มึงจะถามวีหรือถามกูก็มีค่าเท่ากันในเมื่อกูกับวีเป็นแฟนกันแล้ว”
“ไม่จริงมึงโกหก ไม่จริงใช่ไหมวีไม่ได้เป็นแฟนกับไอ้โยอย่างที่มันพูดใช่ไหม” ผมเห็นแววสั่นไหวในน้ำเสียงและแววตาของพี่ชินแต่ตอนนี้มันไม่สามารถทำอะไรกับความรู้สึกของผมได้แล้ว
“ไม่ผิดหรอกครับ ผมกับพี่โยเราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว” ผมจ้องหน้าพี่ชินนิ่งไม่หลบตาก่อนตอบช้าๆชัดๆเพื่อตอบย้ำความรู้สึกของตัวเองและของคนตรงหน้าว่าตอนนี้ผมเป็นแฟนของพี่โยแล้ว เรื่องที่เคยผ่านมาก็เป็นเพียงอดีต ผมต้องลืมมันให้ได้
“ทำไม....ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ผมจะมีความสุขบ้างไม่ได้เหรอครับ ในเมื่อพี่ยังมีความสุขกับพี่น้ำได้เลย”
“แล้วทำไมต้องมีกับมัน ทำไมถึงเป็นมัน ทำไมไม่เป็นพี่ตินณ์ล่ะ”
“ผมถามจริงๆพี่ไปอยู่ไหนมาถึงได้ไม่รู้ว่าผมกับพี่ตินณ์ไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมเคยบอกพี่แล้วไงว่าผมกับพี่ตินณ์เป็นแค่พี่น้องกัน ผมไม่ใช่ดาราถึงต้องมานั่งโกหกแล้วพี่ตินณ์ก็มีแฟนแล้วด้วยจะมาสนใจผมทำไม
ส่วนคนที่ผมรักเขาก็ไม่เคยฟังหรือเชื่อใจอะไรผมเลย เขาทิ้งผมไปทั้งที่เข้าใจผิด ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวอยู่กับความสับสน ความอ้างว้าง อยู่กับอดีตที่มันตามหลอกหลอนผมไปทุกที่ พี่รู้ไหมไม่ว่าผมจะไปตรงไหนทำอะไรก็ล้วนแต่เป็นที่ที่ผมกับเขาเคยใช้เวลาร่วมกัน มันถึงทำให้ผมไม่สามารถกลับมาเป็นผมคนเดิมได้ไงล่ะ
ผมที่โดนทิ้งกลายเป็นคนเฝ้ารอการกลับมาของคนคนนั้น รอด้วยความหวังว่าซักวันเขาจะรู้ความจริงแล้วกลับมาหาผม แต่ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในละคร คนที่เป็นฝ่ายเดินจากไปมักไม่หันกลับมามองคนที่ตัวเองทิ้งไว้ ผมก็เหมือนกันได้แต่รอเก้อไปวันๆ จนวันนี้วันที่ผมตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่กลับใครซักคน เขากลับมาถามผมว่าทำไม”
เมื่อได้พูดก็เหมือนสิ่งที่อัดแน่นในใจทั้งหมดมันพร้อมจะระเบิดตัวออกมาพร้อมกันในคราวเดียว น้ำตาที่คิดว่ามันไม่มีจะไหลแล้วทำไมมันถึงยังไหลออกมาอีกได้จนผมเองยังแปลกใจ
“วีอย่าร้องไห้เลยนะ”
เพี๊ยะ!!
“อย่าเอามือของมึงมาแตะต้องแฟนกูอีก อดีตจะเป็นยังไงกูไม่สนใจแต่ตอนนี้น้องวีเป็นแฟนกูแล้ว ถ้ามึงยังคิดว่ากูเป็นเพื่อนอยู่ หวังว่ามึงจะเลิกยุ่งวุ่นวายกับแฟนของเพื่อนนะ” พี่โยปัดมือพี่ชินที่กำลังจะเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผมทิ้งก่อนว่าเสียงดัง ผมเห็นแววไหววูบในดวงตาสีเข้มก่อนเปลี่ยนมาเป็นดวงตามั่นคงเหมือนเดิม
------ โปรดติดตามตอนต่อไป------
ขออัพค่ะ 50% ก่อนนะคะ ตอนนี้สารภาพว่าแต่งยากจริง
เพราะจำกัดด้วยจำนวนตอนที่ต้องจบภายในอีก 3 ตอน
และความรู้สึกของน้องวีและพี่ชินที่ยังไม่ลงตัวทำให้เมจิกเครียดไปเลย
แต่งลบๆ อยู่หลายรอบมาก ฮ่าาาาาาาา ยังไงจะรีบเอาส่วนที่เหลือมาลงต่อนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่า