The Call Chapter 12: แม่สื่อเริงใจ
______________________________________________________________________________________________
ณ หอพักชายล้วนของมหาวิทยาลัย หอสุรนิเวศ 13 ห้อง 7712
“แต๊น!! นี่ไงคะ อุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้มา” ผมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนผมมีเชื้อเจ้าก็ตอนนี้แหละครับ แม่หมูยื่นกล่องบรรจุพลาสติกแข็งขนาดกะทัดรัดขึ้นมาจากกระเป๋าเป้สองกล่อง ภายในบรรจุแผ่นพลาสติกบาง ๆ จำนวน 52 แผ่น หรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องบอกว่าสองสำรับ
“ไพ่?” ผมเลิกคิ้วขึ้นถาม มองของสำคัญระดับชาติของเพื่อนที่อุตส่าห์มอบหิ้วมาจากบ้านคือสำรับไพ่เองหรอกเรอะ!
“ถูกคะ แต่ไม่ใช่ไพ่ธรรมดา” เพื่อนตัวกลมของผมตอบด้วยใบหน้าภูมิใจที่เธอสามารถนำไพ่สองสำรับมาจากบ้านได้สำเร็จ
“เอามาทำไมเยอะแยะตั้งสองสำรับ กะเปิดคาสิโนเลยหรือไง” ผมถามเพื่อนสาวตัวกลมที่ตอนนี้กำลังแกะไพ่ออกมาหนึ่งสำรับเพื่อนตัวกลมละสายตาจากการกรีดไพ่หันหน้ามาขึ้นมาตอบผม
“ทายถูกครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งผิด”
“ยังไง?” ไม่เอาไพ่มาเล่นจะเอามาทำอะไรคุณเพื่อน
“ก็หนึ่งสำรับเอามาเล่นนะถูก แต่อีกสำรับเอามาทำอย่างอื่น” แม่หมูตอบผมหน้าตากรุ้มกริ่ม
“เอามาทำอะไร อย่าท่าเยอะ ตอบมาให้หมด”
“เอามาทำนายเนื้อคู่”
“ดูได้จริงดิ”
“ได้สิจ้ะ ขอบอกว่าแม่นด้วย ยังกับตาเห็น”
“จริงอ่ะ”
“เยส!!”
“ดูยังไง ดูให้บ้างดิ” ผมอยากรู้เหมือนกันว่าจริงสักแค่ไหน จะไม่เชื่อก็กลัวจะหาว่าลบลู่ งั้นผมเลือกเชื่อดีกว่า อิอิ
“ใช้ดูว่าคนที่เราหมายเอาไว้จะใช่เนื้อคู่กันหรือเปล่า ก่อนอื่นต้องเลือกไพ่ออกมาก่อน 2 ใบ เป็นไพ่ที่ใช้แทนตัวเรา 1 ใบส่วนอีกใบเป็นไพ่ที่ใช้แทนคนที่เราอยากดูด้วย อย่างมะนาวต้องเป็นแจ๊คข้าวหลามตัดเพราะอายุยังไม่เยอะและผิวขาว แล้วจะดูคู่กับใคร? รุ่นพี่รุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้อง?” จากนั้นแม่หมูก็อธิบายว่าไพ่ใบไหนใช้แทนอะไรบ้าง
King (พระราชา)โพธิ์ดำ หมายถึงผู้ชายผิวคล้ำหรือผิวสองสีที่มีอายุมากกว่าผมตรง
King (พระราชา)โพธิ์แดง หมายถึงผู้ชายผิวขาวที่มีอายุมากกว่ารูปร่างท้วมหรือตัวหนากว่า
King (พระราชา)ข้าวหลามตัดหมายถึงผู้ชายผิวขาวที่มีอายุมากกว่ารูปร่างผอม
King (พระราชา)ดอกจิก หมายถึงผู้ชายผิวคล้ำหรือผิวสองสีที่มีอายุมากกว่าผมหยิก
Queen (พระราชินี)โพธิ์ดำ หมายถึงผู้หญิงผิวคล้ำหรือผิวสองสีที่มีอายุมากกว่าผมตรง
Queen (พระราชินี)โพธิ์แดง หมายถึงผู้หญิงผิวขาวที่มีอายุมากกว่ารูปร่างท้วมหรือตัวหนากว่า
Queen (พระราชินี)ข้าวหลามตัดหมายถึงผู้หญิงผิวขาวที่มีอายุมากกว่ารูปร่างผอม
Queen (พระราชินี)ดอกจิก หมายถึงผู้หญิงผิวคล้ำหรือผิวสองสีที่มีอายุมากกว่าผมหยิก
Jack (อัศวิน)โพธิ์ดำ หมายถึงผู้ชายผิวคล้ำหรือผิวสองสีที่มีอายุอายุเท่ากันหรือเด็กกว่าผมตรง
Jack (อัศวิน)โพธิ์แดง หมายถึงผู้ชายผิวขาวที่มีอายุอายุเท่ากันหรือเด็กกว่ารูปร่างท้วมหรือตัวหนากว่า
Jack (อัศวิน)ข้าวหลามตัด หมายถึงผู้ชายผิวขาวที่มีอายุอายุเท่ากันหรือเด็กกว่ารูปร่างผอม
Jack (อัศวิน)ดอกจิก หมายถึงผู้ชายผิวคล้ำหรือผิวสองสีที่มีอายุเท่ากันหรือเด็กกว่าผมหยิก
**เลข 8 หมายถึง เรื่องเงิน, เลข 9 หมายถึง อุปสรรค, เลข 10 หมายถึง ความคิด
ส่วนความหมายของไพ่เลข 8-10 ถ้าเป็นสัญลักษณ์สีแดงจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นสีดำจะเกี่ยวกับเรื่องไม่ดี
“คนที่เคยเล่าให้ฟังไง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นแก่กว่าหรือเด็กกว่าอะดิ เห็นไกล ๆ มองไม่ชัด” ผมหมายถึงชายหนุ่มที่แผ่รังสีออร่าสีฟ้ารอบตัวที่เคยเจอแถวร้านขายข้าว
“ไม่เป็นไร ผิวขาวใช่ม่ะ ฉันว่าใช้คิงโพธิ์แดงก็น่าจะได้ เพราะยังไงซะเขาก็ต้องอยู่ในฐานะหัวหน้าครอบครัวอยู่แล้ว” แม่หมูพูดขึ้นมาเรียบ ๆ ผมอดขำในท่าทางจริงจังของเพื่อนไม่ได้ ถ้าเรื่องดูดวงหาเนื้อคู่ต้องยกให้เขาเลยช่างสรรหาวิธีมาทายเล่นจริง ๆ
“หัวเราะเสร็จแล้ว เชิญคุณเพื่อนมะนาวสับไพ่ตามจำนวนอายุแล้วอธิษฐานนะคะ”
“อธิษฐานว่าอะไร” แล้วจะอธิษฐานว่าอะไรดี ว่าจะได้กันไหม? อย่างนั้นเหรอ? จำจากไอ้โก๋บอกว่ามันได้กันก่อนถึงมาคบกัน
“ก็บอกว่าขอให้ไพ่ออกมาแม่น ๆ หรือถ้าเป็นเนื้อคู่กันขอให้ไพ่คู่กัน”
“ได้ ๆ ” ผมหลับตาอธิษฐานแล้วก็สับไพ่จนครบจำนวนอายุ
“เสร็จแล้วใช้มือข้างที่ไม่ถนัดตัดไพ่” แม่หมูวางไพ่ลงผ้าที่ปู โดยที่ไม่ลืมกำชับให้ผมตัดไพ่
จากนั้นแม่หมูก็ค่อย ๆ งายไพ่ออกทีละใบ และอธิบายเพิ่มเติมว่าถ้าหากไม่ใช่ไพ่สองใบที่เลือกเอาไว้ก็ให้งายทิ้งไป แม่หมูค่อย ๆงายไพ่ออกทีละใบ ๆ ไพ่ตัวเลขบ้าง ตัวอักษรภาษาอังกฤษบ้างจนไพ่เริ่มลดจำนวนลง
“กรี้ดดดดด!! ผู้หญิงออกแล้ว” แม่หมูส่งเสียงตื่นเต้นหลังจากเปิดหงายไพ่ Queen ออกมา ไพ่ในมือแม่หมูค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ผมเริ่มลุ้นตาม รู้สึกตื่นเต้นหน่อย ๆ
“มะนาว ผู้หญิงออกอีกแล้ว อุ้ย เริดอ่ะ” แม่หมูงายไพ่ต่อตอนนี้ไพ่ที่เป็นตัวเลขถูกหงายทิ้งเกือบหมด
“...” ผมนั่งเงียบรอลุ้นผล รู้สึกเกร็งกว่าตอนลุ้นคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก
“กรี้ดด ผู้หญิงออกอีกแล้วมะนาว ผู้ชายยังไม่ออกเลยสักใบ” ไพ่ในมือแม่หมูเริ่มเหลือน้อยเต็มที แม่หมูหงายเริ่มหงายไพ่ช้าลงกว่าเดิมอีก ยิ่งทำให้ผมลุ้นหนักกว่าเดิม
“ไพ่ใกล้หมดมือแล้วคะ ต้องลุ้นว่าผู้หญิงจะออกหมดหรือเปล่า? ถ้ามีเหลือแสดงว่าหนุ่มปริศนาคนนั้นมีแฟนแล้ว แต่ถ้าเป็นตัวเลขต้องดูว่าจะมีอุปสรรคอย่างอื่นเข้ามาขวางไหม?” ยิ่งแม่หมูอธิบายเพิ่มผมก็ยิ่งตื่นเต้น เพราะไพ่ในมือแม่หมูตอนนี้น่าจะเหลือไม่ถึงแปดใบ
“...” ลุ้นอ่ะ
“อย่าเพิ่งทำหน้าผิดหวังคะ เขามีเมียยังดีกว่าเขามีผัวนะคะ 555” แม่หมูหันมาพูดติดตลกกับผม คนยิ่งลุ้น ๆ อยู่ สงสัยคงเห็นผมนั่งลุ้นจนเกร็งเกินไป
“ต่อดิหมู ลุ้นเหนื่อยแล้วเนี่ย”
แม่หมูหงาย ไพ่ King ดอกจิก
แม่หมูหงาย ไพ่ Queen ดอกจิก
แม่หมูหงาย ไพ่ Queen ข้าวหลามตัด
“กรี้ดดดด ผู้หญิงออกหมดแล้ว” แม่หมูพูดแล้วก็ค่อย ๆ หงายไพ่ใบอื่นขึ้น
แม่หมูหงาย ไพ่ Jack ดอกจิก
แม่หมูหงาย ไพ่ Jack โพธิ์ดำ
แม่หมูหงาย ไพ่ king ข้าวหลามตัด
ตอนนี้ในมือเหลือไพ่สี่ใบ
แม่หมูหงายไพ่ใบ่ต่อมาเป็นไพ่ Jack ข้าวหลามตัด ที่ผมเลือกแทนตัวเองเอาไว้
“เกมโอเว่อร์คะ พร้อมที่จะฟังคำทำนายหรือยัง?” แม่หมูหันมาถามผมตอนนี้ไพ่ในมือเหลืออยู่สี่ใบ
“อ้าวไหนบอกว่าต้องเหลือสองใบ” ผมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ก่อนที่แม่หมูจะหงายไพ่ใบอื่นต่อ
“ถ้าหากเราหงายไพ่เจอกับไพ่ที่เลือกแทนตัวเองเอาไว้ ถือว่าสิ้นสุดคำทำนายค่ะ แต่ถ้าไพ่เหลือเกินสี่ใบแสดงว่าวันนั้นทำนายไม่ได้ ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากเลยนะที่เหลือไพ่แค่สี่ใบ หูยยย ขนลุกเลยอ่ะ รับรองแม่นชัวร์” แม่หมูอธิบายด้วยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับเอามือลูบแขนตัวเอง
“เปิดต่อล่ะนะ” จากนั้นแม่หมูก็หงายไพ่ใบที่สามที่เหลืออยู่ในมือออกมาปรากฏว่าเป็นไพ่ Jack โพธิ์แดง แต่ขณะที่เพื่อนตัวกลมผมกำลังจะหงายไพ่ใบต่อมาเธอกลับทำไพ่หลุดมือ
“อ๊ายยย ไพ่ร่วง”
“อ้าว!”
“ขอโทษษ......” แม่หมูลากเสียงขอโทษยาว
“ดูใหม่อีกรอบได้ไหม”
“ดูได้แค่วันละรอบ”
“อ้าว” เซ็งเลย ลุ้นมาตั้งนานสุดท้าย ล่ม ไม่เป็นท่า
“ไม่เป็นไร เหลือไพ่สี่ใบ ก็พอดูได้ อาจจะคลาดเคลื่อนนิดหน่อย”
แล้วแม่หมูก็เปิดไพ่ทั้งหมดออกมาวางเรียงกัน มี Jack ข้าวหลามตัด(ที่แม่หมูเลือกแทนตัวผมเอาไว้)ทับด้วย Jack โพธิ์แดง แล้วอีกสองใบ King โพธิ์แดง(ที่แม่หมูเลือกแทนหนุ่มที่มีรังสีออร่าสีฟ้ารอบ ๆ ตัว) กับ King โพธิ์ดำ แต่ไพ่คิงสองใบไม่รู้ตำแหน่งว่าจริง ๆ อยู่ตรงไหนเพราะทำไพ่ร่วงสลับกันซะก่อน
“โหย ไม่เอาอ่ะ เดี่ยวไม่ตรง แล้วค่อยดูใหม่วันหลัง”
“ผลอาจจะคลาดเคลื่อนแต่ที่แน่ ๆ ผู้ชายตรึม”
“เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ก็ไพ่บอกอย่างนั้นอ่ะ”
“ช่างเถอะ ดูของแม่หมูบ้างดิ อยากรู้”
“วันนี้ดูไปแล้ว ต้องรอดูวันพรุ่งนี้ ทำไมพี่เมทเรายังไม่เข้าห้องอีกอ่ะมะนาว” อยู่ดี ๆ แม่หมูก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องอื่น
“ทำไมล่ะ”
“ก็ขาขาดนะสิ” แม่หมูพูดพร้อมกับทำหน้าเสียดาย
“อยากเป็นเจ้าหรือเป็นแค่เมียตำรวจ?”
“ดิฉันมีเชื้อคะ จะเป็นเมียตำรวจได้ไง เสียดายพรุ่งนี้ไม่มีใครเรียนตอนเช้าด้วยสิ กะฉลองไพ่สำรับใหม่ซักชั่วโมง”
“เดี่ยวค่อยเล่นวันหลังก็ได้น่า แล้วไหนของที่เอามาฝาก”
“เออ ลืมไปเลยมะนาว ชิ้นนี้สำคัญกว่าอันเมื่อกี้อีก มีแล้วชีวิตจะเปลี่ยน”
“เว่อร์ตลอดเลยนะ”
“ไม่เว่อร์ ให้แล้วต้องเก็บติดต่อตัวไว้ตลอดเลยนะ นอกจากเปลี่ยนชีวิตแล้วยังคุ้มครองชีวิตเราได้”
“จริงอ่ะ”
ระหว่างที่พวกผมกำลังคุยเรื่องของฝากพี่เมทก็กลับเข้าห้องมาพอดี ขนมเต็มมือเหมือนเคย พี่มีนกลับมาแล้ว
“ทำอะไรกันอยู่น้องเมท”
“อ้าว พี่มีนเพิ่งมาถึงหรอ มีขนมมาฝากป่ะ” ผมแกล้งถามแต่ตามองไปที่ถุงขนมที่พี่มีนถืออยู่ พี่มีนมองตาพวกผมก่อนจะยื่นถุงขนมมาให้หนึ่งถุงใหญ่
“ซื้อโมจิมาฝากเอาไปแบ่งกัน”
“ขอบคุณครับ-คะ”
ผมยังไม่ลืมเรื่องของฝากจากแม่หมูหรอกนะครับ อยากรู้จริง ๆ ว่ามันคืออะไร หลังจากหยิบถุงขนมจากพี่มีนเสร็จก็ถามแม่หมูต่อทันที
“ไหนอ่ะแม่หมู”
“ให้ตอนนี้ไม่ได้เดี่ยวพี่มีนเห็น” แม่หมูหันมากระซิบเสียงเบา
“ทำไมล่ะ” ผมกระซิบถามแม่หมูกลับ แล้วทำไมผมต้องกระซิบด้วยเนี่ย? อยู่กันแค่นี้
“น่า เดี่ยวค่อยเอาพรุ่งนี้” แม่หมูกระซิบตอบกลับผมอีกครั้ง แต่ก่อนที่เราจะกระซิบกันเพลินไปกว่านี้ พี่มีนก็ยุติวาระการกระซิบของพวกผมสองคน หลังจากที่เก็บกระเป๋าเสร็จ พี่เมทผมก็เดินเข้ามาหา คงอยากรู้ว่าพวกผมกำลังพูดเรื่องอะไรกัน เห็นหน้าโหด ๆ แบบนี้ขาเม้าท์นะครับขอบอก
“กระซิบกระซาบอะไรกัน”
“จะชวนพี่มีนเปิดบ่อน พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้าใช่ไหม?” แม่หมูสับขาหลอกเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอบายมุขแทน
“นึกว่ามีเรื่องอะไร เดี่ยวที่ปรึกษาหอพักก็มาเจอหรอก ระวังจะโดนทำโทษ” พี่มีนทำหน้าที่เป็นพี่เมทที่ดีพยายามตักเตือนรุ่นน้องที่กำลังออกนอกลู่นอกทาง
“ใช่ผิดกฎหมายนะแม่หมู แต่ถ้าตำรวจไม่รู้เราก็ไม่ผิด” ผมตอบกวน ๆ หลังผมพูดจบแม่หมูก็พูดต่อเพื่อสนับสนุนทันที
“เล่นเงียบ ๆ สิคะ ที่ปรึกษาหอไม่รู้หรอกน่าพี่มีน”
“เล่นกันสามคน?”
“ขำ ๆ ตาละบาทสองบาทน่าพี่มีน เล่นแก้เครียด เดี่ยวแม่หมูเป็นเจ้า” ผมตอบรับหน้าบาน ถ้าพูดมาแบบนี้แสดงว่าเล่นด้วยแน่นอนเหลือแค่ถามว่าจะเอากี่ขา
จากนั้นผมกับพี่มีนก็เริ่มขบวนการล้มเจ้า แต่เล่นได้ไม่นาน พี่มีนก็ออกไปคุยโทรศัพท์ ขบวนการล้มเจ้าเลยต้องยุติ แม้ว่าตั้งใจจะเล่นถึงดึกก็ตามที ส่วนผมก็ต้องสานต่อภารกิจเลิฟหลังจากหยุดพักไปหลายวัน
“มะนาว โทรหากราฟเร็วสองทุ่มกว่าแล้ว”
“แม่หมูลองคุยเองดูไหม? น่าจะถึงตอนที่นางเอกต้องเจอพระเอกแล้วนะ” ผมพยายามพูดโน้มน้าวเพื่อนตัวกลม ตอนนี้ผมไม่รู้จะใช้มุขอะไรเนียนคุยกับกราฟแล้วอ่ะ
“น่าโทรให้หน่อย ถ้าไม่โทรช่วงนี้เดี่ยวโทรไม่ติด” แม่หมูส่งเสียงอ้อน ๆ ขอร้องผม แต่ก็จริงอย่างที่แม่หมูพูด ถ้าผมไม่โทรไปช่วงสองทุ่ม สายห้องนั้นจะไม่ว่างเลย
ตูดดดด ตูดดดด
“กราฟครับ”
“กราฟมะนาวนะ”
“อืม”
“ทำอะไรอยู่อ่ะ”
“คุยโทรศัพท์กับนาย”
“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ”
“รอโทรศัพท์” วันนี้กราฟมาแนวใหม่ พูดน้อยเหมือนเดิม แต่แปลกไป สงสัยคงมีคนโทรมาจีบหลายคนแน่ ๆ นี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้โทรมาไม่ค่อยติด
“คืนนี้ออกไปเซเว่นฯหรือเปล่า?” ปกติผมจะเห็นกราฟขับรถมอเตอร์ไซค์ไปเซเว่นฯช่วงประมาณ 3-4 ทุ่มเป็นประจำ หลังห้องของผมติดกับถนนพอดีมีแค่รั้วของหอพักที่เป็นกรงเล็กกั้นเอาไว้แต่ถ้าหากเดินออกไปหลังห้องก็จะรู้ว่าใครขับรถผ่านไปมาบ้าง
“นายจะฝากซื้อของ?”
“ใช่ อยากกินกูลิโกะรสสตอเบอร์รี่ มาร์ทชายของหมด”
“จะเอากี่กล่อง?”
“สองกล่อง กราฟมาจอดหลังห้องเราก่อนนะจะได้ฝากตังค์ให้เลย”
“อืม”
“กราฟฟังเพลงอะไรอ่ะ ไม่เคยฟังเลย” ระหว่างที่คุยผมได้ยินเหมือนเสียงเพลงแทรกเข้ามา แปลกวันนี้ไม่มีเสียงพี่เมทยักษ์แทรกเข้ามา
“เพลงxxx”
“ของใครอ่ะ”
“ศิลปินxxx”
“เฮ้ย บังเอิญจังแม่หม..เอ้ย ออยด์ก็ชอบเพลงนักร้องคนนี้มาก มีเพลงแนวนี้อีกไหม ฝากไลค์มาให้แผนหนึ่งดิ” ผมพยายามหาช่องทางตบชื่อเพื่อนให้เข้าไปในวงบทสนทนา
“ได้ เดี่ยวไลค์ไปให้”
“ขอบใจมาก อย่าลืมแวะมาเอาตังค์นะ”
“อืม”
ก่อนวางสายผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแม่หมูบังคับให้ผมบอกรักกราฟก่อนวางสายทุกครั้ง ผมก็สรรหาวิธีมาบอกทั้งเป็นภาษาต่าง ๆ เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส จนไม่รู้จะหาวิธีไหนมาบอก แต่วันนี้เพิ่งนึกได้อีกหนึ่งวิธี
“กราฟ มีคนส่งความรู้สึกนี้มาให้เหมือนเดิมฟังให้ดีๆ
รัก...
รัก...
รัก... ลักเพศ ฝากบอก” ผมจัดให้สี่เด้งเลยวันนี้ 555 หลังจากที่หายหน้าไปหลายวัน
“...” อ้าว เงียบ สงสัยกราฟไม่ขำ อ๊อดดด!! มุขแป๊ก เชิญมุขต่อไปได้เลยครับ _ _"
จากนั้นกราฟก็แวะมาเอาเงินค่าขนมจากผมที่หลังห้องแล้วก็เอาแผ่นเพลงมาให้หนึ่งแผ่น ได้มาผมก็ยื่นไปให้เพื่อนตัวกลมผมเปิดฟัง
“@%@%%@%(GDYR%&” เพลงอะไรของมันฟระ? ฟังยากสลัด ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
ผมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวกลมที่กำลังนั่งฟังเพลงด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ “แม่หมูเพราะไหม?” ผมแกล้งแหย่ถามเพื่อนสนิทออกไป แม่หมูเค้นเสียงและปรับสีหน้าว่ากำลังเคลิบเคลิ้มกับเนื้อหาของบทเพลงที่กำลังฟังอยู่
“ก็...ก็พอฟังได้นะ”
“555 ถ้าฟังไม่ไหวก็ปิดเถอะ”
…
…..
……..
…………
“นาย!” เสียงกราฟเรียกผมที่ริมรั้วหลังห้องสงสัยกลับมาแล้ว ตอนแรกตั้งใจให้แม่หมูเป็นคนออกไปรับแต่ก็ดันอาบน้ำพอดี
“มาแล้ว!” ผมขานรับแล้วรีบปีนหลังห้องไปวิ่งไปแถวรั้วทันที แต่ทางมันมืดผมเลยสะดุดเถาวัลย์ล้ม
“เหวออออออ” ผมกลิ้งล้มไม่เป็นท่า อายว่ะ ปีนหลังห้องกลับเข้าไปเลยดีไหม? ผมได้ยินเสียงไอ้กราฟหัวเราะออกมาเบา ๆ
ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง เลยตีหน้านิ่งทำหน้าตายกลบเกลื่อนสถานการณ์หน้าแหกที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ แบบไม่สะทกสะท้าน แทน เสียงไอ้กราฟดังขึ้นแต่หน้ามันยังขำอยู่
“ท่าตอนนายล้มน่ารักดี”
ขอโทษถ้าจะพยายามปลอบกันไม่ให้อายไปกว่านี้แนะนำใช้ประโยคอื่นเถอะกราฟ!! ใครบ้างที่ล้มแล้วยังน่ารัก อย่ามาพูดประชดแบบนี้ อ้ากกก!!
“ขนมของนาย” ไอ้กราฟมันตัวสูงแค่ยกมือขึ้นก็ยื่นขนมผ่านรั้วมาได้สบายๆ แต่ผมนี่สิต้องเขย่งรับ นี่คืออีกหนึ่งข้อดีของการเกิดเป็นยักษ์สินะ ผมรู้สึกว่ากราฟมันจ้องมองผมเขม็งเลยหันกลับไปมองตอบมัน 'มีอะไรว่ะ' กราฟมันหลบสายตาผม แล้วพูดออกมาเบา ๆ กับแฮนด์รถแข่งคันจิ๋วของมัน “คราวหลังห้ามแต่งแบบนี้ออกมานะ” พูดเสร็จก็รีบสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ขับบึ่งออกไปทันที
“...” ทำไมแต่งแบบไหน? ผมค่อย ๆ มองสำรวจที่ร่างกายของตัวเอง ช่วงบนเปลือยเปล่า ช่วงล่างของร่างกายมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มร่างกายที่หมิ่นเหม่ทำท่าจะหลุด ผมลืม! เมื่อกี้ผมรอคิวอาบน้ำต่อจากแม่หมู หน้าผมร้อนวูบ รู้สึกผมโคตรอายกว่าตอนล้มเมื่อกี้อีก ไอ้กราฟมันคงไม่เห็นอะไรตอนผมล้มหรอกนะ เพราะตอนนี้ทั้งตัวผมมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวจริง ๆ
เช้าแล้วผมยังคงนอนอยู่บนเตียง นอนเงียบ ๆ คนเดียวยังไม่อยากตื่น เช้านี้สมาชิกห้องผมออกไปเรียนไหนกันหมดแล้ว ผมรู้สึกขี้เกียจชะมัด ก็วันนี้ผมไม่มีเรียนเช้านี่นา แต่ตอนเที่ยงไอ้โก๋มันดันนัดผมให้ไปกินข้าวที่โรงอาหารตรงอาคารเรียนรวม ซึ่งนาน ๆ ทีผมถึงจะเดินไปกินข้าวที่นั่นสักครั้ง ผมไม่อยากไปเบียดกับคนเยอะ ๆ แถมโต๊ะกินข้าวส่วนใหญ่ก็จะเป็นโต๊ะประจำของแต่ละคณะที่ส่งตัวกันรุ่นสู่รุ่น เด็กมัลติฯอย่างผม ไม่มีโต๊ะประจำเหมือนคณะอื่นหรอก ถ้าไปกินทีก็ลำบาก ผมเลยไม่ค่อยชอบไป แต่วันนี้ไอ้โก๋มันมีเดทกับเบิร์ดเด็กปีหนึ่งคณะวิศวะที่มันกำลังลอง ๆ คบกันอยู่ มันไม่อยากนั่งรอคนเดียวเลยลากผมเข้าไปรอเป็นเพื่อนด้วย ประมาณสิบเอ็ดโมงนิด ๆ ผมถึงลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว ขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกไป พอจอดรถมอเตอร์ไซค์เรียบร้อย ผมก็โทรศัพท์หาไอ้โก๋แก่หรืออีผีเสื้อทันที
“โก๋ อยู่ไหนถึงแล้ว”
“อยู่ที่โรงอาหารแล้ว” มาไวแท้ หรือคนมีความรักมักตื่นเช้า
“อยู่แถวไหน จะได้เดินไปถูก”
“มะนาวจอดรถฝั่งไหน บรรณสาร(ห้องสมุด)หรือฝั่งอาคารเรียนรวม”
“จอดไว้ที่บรรณสาร”
“งั้น เดินขึ้นมาก็เจอเลย”
“อืม เดี่ยวเดินไป”
ผมไปถึงตอนเที่ยงพอดี นักศึกษาเริ่มทยอยมากินข้าวกลางวันกันบ้างแล้ว แต่อีกไม่นานคนคงเต็มโรงอาหารเหมือนเช่นทุกวัน ผมเดินไปถึงโถงโรงอาหาร โก๋ก็ยกมือส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไปหา
“มะนาว ทางนี้”
“เบิร์ดยังไม่มาเหรอ”
“ยัง วันนี้เบิร์ดน่าจะเลิกเรียนเลทหน่อยนึงนะ เลยชวนให้มานั่งเป็นเพื่อนไง ไม่กล้านั่งคนเดียว”
“แล้วจะกินอะไร”
“เดี่ยวรอให้เบิร์ดโทรมาก่อน มะนาวไปซื้อก่อนก็ได้”
“ได้ ๆ ”
ผมเดินไปต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยวแขก ร้านนี้ผมชอบกินนะอร่อยดี แต่ไม่ค่อยได้มาก็อย่างที่บอกขี้เกียจเบียดคนเยอะ ซื้อเสร็จ ตอนนี้คนเริ่มเยอะแล้วครับ โต๊ะที่ว่าง ๆ มีนศ.นั่งกันเกือบเต็ม พอคนเริ่มเยอะที่เคยเงียบ ๆ ก็เริ่มเสียงดัง 'ผมรู้สึกเหมือนถูกใครมอง?'
เพื่อนชายคนสนิทของเพื่อนผมมาถึงแล้ว พอผมวางชามก๋วยเตี๋ยวเสร็จผมก็บอกให้สองคนลุกไปซื้อข้าว
“ข้าง ๆ มีคนนั่งไหมครับ?” เสียงคุ้นหูถามผม หวังว่าโต๊ะที่พวกผมนั่งคงไม่ใช่โต๊ะประจำของเด็กคณะไหนหรอกนะ
“ข้าง ๆ ว่างครับ แต่ฝั่งตรงข้ามมีคนนั่งสองคน” ผมหันไปตอบผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับยักษ์ตี๋นี่เอง พี่จิ้นวางจานข้าวลงบนโต๊ะ
“มะนาวเอาน้ำอะไร เดี่ยวพี่ซื้อให้”
“อ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี่ยวมะนาวไปซื้อให้ พี่จิ้นเอาน้ำอะไร”
“พี่ไม่ได้ไปซื้อหรอก เดี่ยวฝากเพื่อนซื้อ โน่นมันต่อแถวอยู่จะได้ฝากมันซื้อทีเดียว”
“ผมเอาน้ำแดงครับ”
จากนั้นพี่จิ้นก็โทรศัพท์บอกเพื่อน
“มึงกูเอาน้ำแดงสอง นั่งโต๊ะติดฝั่งบรรณสารนะ”
“อ้าว มึงไม่นั่งโต๊ะคณะเราหรอว่ะ”
“เออ”
ระหว่างที่ผมนั่งอยู่กับพี่จิ้น ถ้ามีเด็กวิศวะคณะพี่แกเดินผ่านมาก็รีบยกมือไหว้กันใหญ่ ว่าไปหน้าพี่ตี๋เวลาอยู่เฉย ๆ ดูเลวแบบจริงจังเลยนะครับ น่ากลัวด้วย น้องในคณะคงกลัวกันหัวหด ยิ่งอยู่ปีใหญ่สุดแบบนี้ด้วยความน่าเกรงขามยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก แต่ดูไปดูมาก็ดูเท่ ๆ เลว ๆ ดี หล่อ เลว ตี๋ นิยามพี่จิ้นสำหรับผม นั่งกันสักพักเพื่อนพี่จิ้นก็เดินถือขวดน้ำมาโต๊ะ ไม่นานหลังจากนั้นโก๋กับเพื่อนชายคนสนิทก็ซื้อข้าวเสร็จ นั่งครบองค์ก็เริ่มแนะนำว่าใครเป็นใคร พวกผมก็นั่งกินกันไปเงียบ ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนพี่จิ้นที่เป็นคนชวนคุย พี่แกเป็นคนคุยสนุก
“น้องมะนาวอยู่หอไหนครับ”
“หอ 13 ครับ”
“พี่อยู่หอ 13 เหมือนกัน มะนาวอยู่โซนไหน พี่อยู่โซน A” เพื่อนพี่จิ้นคนนี้ชื่อกุ้งครับ พี่กุ้งคุยเก่ง ดูเป็นผู้ชายอารมณ์ดี พูดไปก็ยิ้มไป
“ไอ้กุ้งมึงส่งน้ำแดง ของกู มาดิ”
“เออๆ”
จากนั้นคุยต่อกันไม่นานก็ต้องรีบกินกันเพราะพวกผมมีเรียนตอนบ่าย ระหว่างทางที่ผมเดินออกจากโรงอาหารผมก็ยังรู้สึกเหมือนมีคนมอง
“โก๋ รู้สึกเหมือนมีใครมองไหม?”
“จะไม่รู้สึกได้ไง เล่นมองมาทั้งโต๊ะ” โก๋พูดพร้อมกับขยิบตาให้ผมมองไปยังโต๊ะที่มีนักศึกษานั่งอยู่กลุ่มใหญ่หลายคนใส่เสื้อรุ่นแบบเดียวกันด้านหลังเขียนว่า วิศวกรรมอุตสาหการ
ต่อด้านล่าง