บ้านพักของวุฒิมายังรีสอร์ทไกลพอสมควร แต่ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคในการพักผ่อนครั้งนี้ แต่อุปสรรคที่แท้จริงคือความไม่เข้าใจกันระหว่างพฤทธิ์และหลง พฤทธิ์เองก็มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจปฏิเสธคุณเพ็ญแขเรื่องฉลองขวัญ ส่วนหลงก็มีสิทธิ์จะโกรธและไม่พูดกับเขา
อย่างตอนที่มาถึงรีสอร์ทของคุณดนัยเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของวุฒิ เจ้าตัวก็เดินตามหลังคุณวุฒิต้อย หนำซ้ำ..ยังปิดท้ายด้วยกรณ์ ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดหรือมองหน้าสักวินาทีเดียว
เด็กคนนี้ท้าทายเขาขึ้นทุกวันๆ
“คนนี้หรือที่นายเคยเล่าให้ฟัง” ดนัยถามขึ้นขณะมองเด็กหนุ่มที่ยืนข้างหลังเพื่อนสนิทด้วยความเอ็นดู หากจะพูดกันตามจริง..เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่หากวุฒิจะรักเด็กคนนี้มากกว่ากรณ์
“คนนี้ที่ผมเล่าให้พี่ฟัง เป็นอย่างไรบ้าง”
“น่าเอ็นดู” ดนัยพิจารณาเด็กหนุ่ม เด็กคนนี้แตกต่างจากคนอื่นในครอบครัวอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าวุฒิ กรณ์ หรือพฤทธิ์ ดูอย่างไรก็ไม่เข้าพวก แต่ชวนให้รู้สึกรักอย่างบอกไม่ถูก
“หลง..นี่คุณลุงดนัย เป็นเพื่อนสมัยเรียนของพ่อ”
“สวัสดีครับ” หลงยกมือไหว้อีกฝ่าย
“คงจะเป็นที่รักของทั้งนายและกรณ์เลยใช่ไหม”
วุฒิยิ้มน้อยๆ หากเทียบกับกรณ์แล้ว ลูกชายคนโตเขารักและเอาใจใส่มากเท่าที่ครอบครัวหนึ่งจะให้ได้ ส่วนลูกชายคนเล็ก..เขาทั้งรัก เมตตาและเอ็นดูยิ่งกว่ากรณ์เสียอีก
“เฮ้อ..นายไม่บอกพี่ก็รู้คำตอบอยู่ดี เดี๋ยวให้คนเอาของไปเก็บที่ห้องให้..พี่จัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“ผมลืมแนะนำพี่ไป นี่คุณฉลองขวัญ..เป็นว่าที่หลานสะใภ้ของผม”
ทุกครั้งที่หลงได้ยินว่าอาจารย์ฉลองขวัญเป็น ‘หลานสะใภ้’ เขาก็อดยอกในอดไม่ได้ แม้ความรู้สึกระหว่างเขากับคุณพฤทธิ์จะก้าวไปอีกขั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรักหรือจะสู้ความถูกต้อง
เขาแค่รักคุณพฤทธิ์ ทำไมถึงต้องเจ็บปวดขนาดนี้
“สวัสดีค่ะคุณลุง” หล่อนยกมือไหว้ ท่วงท่าสง่างามสมกับที่คุณหญิงเพ็ญแขออกปากชมนักชมหนา
“เดี๋ยวผมจัดห้องเพิ่มให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่เกรงใจคุณลุงเหลือเกิน..ขวัญนอนห้องเดียวกับพฤทธิ์ก็ไม่เสียหายค่ะ”
หลงยืนนิ่งมานานไม่อาจทนฟังเรื่องที่อาจารย์ฉลองขวัญจะนอนร่วมห้องกับคุณพฤทธิ์ได้ แม้จะรู้ว่าอะไรบางอย่างได้เลยเถิดกว่าการร่วมห้องแล้วก็ตาม
“ผมอยากขี่ม้าแล้วครับ” เป็นครั้งแรกที่หลงพูดแทรก
พฤทธิ์มองเด็กหนุ่มที่ก้าวเท้าห่างออกไป เขารู้ว่าสาเหตุของความหม่นหมองนั้นเกิดจากใคร แต่พฤทธิ์ก็ยังเป็นพฤทธิ์ ต่อให้อยากก้าวขาออกไป แต่สุดท้ายก็ยังยืนที่เดิม
“คุณพฤทธิ์” เสียงของฉลองขวัญฉุดกระชากเขาขึ้นมาจากภวังค์ ทั้งที่หล่อนอยู่ข้างๆ แต่ตัวตนของหล่อนกลับเลือนรางในความรู้สึกของพฤทธิ์เหลือเกิน “ฉันขอคุยกับคุณสักห้านาทีได้หรือเปล่า”
พฤทธิ์มองฉลองขวัญ ความรู้สึกผิดแต้มลงบนจิตใจของเขาทุกครั้งที่มองหล่อน..ถ้าหากเขาไม่เริ่มความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อนแต่ไม่ใช่คนรักแต่แรก ทุกอย่างคงไม่วุ่นวายและน่าปวดหัวขนาดนี้
“อืม”
เขาหันไปบอกวุฒิสั้นๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา “คุณอาครับ ผมขอไปเดินเล่นกับฉลองขวัญนะครับ”
“แล้วตามอาไปทีหลังนะ”
เขาตอบรับก่อนเดินออกมาไกลพอสมควร
ทั้งพฤทธิ์และฉลองขวัญต่างยืนสงบจิตใจทั้งคู่ และเป็นฝ่ายฉลองขวัญเองที่ทนกับความเงียบไม่ไหว หล่อนรู้ว่าพฤทธิ์ไม่ธรรมดาและท้าทายหล่อน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อหล่อนหลงรักอีกฝ่ายเต็มหัวใจ “ขวัญรู้ว่าพฤทธิ์ไม่พอใจ”
“อืม”
“แต่เราเป็นคู่หมั้นกันแล้ว คุณควรจะทำตัวให้สมกับว่าที่เจ้าบ่าวหน่อยไม่ได้หรือคะ” หล่อนปั้นหน้ายิ้มทั้งที่หัวใจเต็มไปด้วยแผลผุพอง หล่อนรู้ว่ารักที่มีให้เป็นเพียงรักข้างเดียว..อย่างพฤทธิ์หรือจะมอบให้ใครง่ายๆ โดยเฉพาะกับหล่อนที่ช่วงชิงอิสรภาพจากเจ้าตัวไป ถ้าไม่เคยรักกลายเป็นนึกชิงชัง หล่อนก็ไม่แปลกใจเท่าใดนัก
“ฉลองขวัญ” เขาเรียกหล่อนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “มันไม่มากเกินไปหรือครับ”
“ถ้าเทียบกับสิบกว่าปีที่ผ่านมา ขวัญว่ามันไม่มากเกินไปหรอกค่ะ”
“ผมเป็นคนฉีกข้อตกลงของเราหรือเปล่าฉลองขวัญ” เขาเงียบ พลางระงับอารมณ์ที่คล้ายจะปะทุทุกเมื่อ “ผมก็ผิดที่ไม่ชัดเจนว่าผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับคุณเกินกว่าเพื่อน”
“ผมขอโทษ”
ฉลองขวัญไม่โต้ตอบ เพราะรู้มาแต่แรกแล้วว่าระหว่างพฤทธิ์กับหล่อนไม่มีทางเกินเลยไปกว่าเพื่อนได้ ต่อให้พวกเขามีความสัมพันธ์แบบนั้นก็ไม่อาจผูกมัดพฤทธิ์ให้อยู่กับหล่อนไปตลอด กระนั้น..หล่อนจำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลยด้วยหรือ
เมฆดำเคลื่อนคล้อยคล้อยบดบังแสงครึ่งท้องฟ้า ทำให้เด็กหนุ่มที่อยู่บนลานฝึกขี่ม้ากลับเข้ามาในร่มอย่างจำใจ นานแล้วที่ไม่มีคนตามใจหลงขนาดนี้
หลังจากเข้ามาดื่มน้ำในร่มได้สักพัก เขาก็ขอคุณกรณ์ออกมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลออกไป เมื่อออกจากห้องน้ำไม่ทันไรฝนห่าใหญ่สาดซัดลงมาราวฟ้ารั่ว พื้นดินเจิ่งนองด้วยน้ำขังจนกลายเป็นหลุมตื้นๆ กิ่งไม้และเศษใบไม้ปลิวว่อนในอากาศรุนแรงเสียจนไม่กล้าย่างเท้าออกไป
หลงออกมายืนข้างนอกพลางมองข้างหน้า เม็ดฝนถล่มไม่ขาด บดบังทางเดินหินข้างหน้าจนมองไม่เห็นจึงได้แต่ยืนรอให้พายุฝนซาลง แต่ทว่ายิ่งนานก็ยิ่งตกหนัก
ลมฝนพัดโชย ละอองน้ำกระทบผิวหนังจนรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง ก่อนเขาจะถอยหนีความเย็นชื้น ทันใดนั้นฝ่ามืออุ่นก็จับต้นแขนนิ่งพร้อมดึงเข้ามาใกล้จนผิวเนื้อสัมผัสกัน
“หลง”
เขาไม่ขัดขืน แต่เฝ้าถามตัวเองว่านี่คือความฝันหรือความจริง ความอบอุ่นจากคนที่อยู่ในความคิดประชิดใกล้ขนาดนี้เชียวหรือ
“ฝนตก..ไม่เห็นหรือ” น้ำเสียงของพฤทธิ์ดุดันเอาเรื่องปลุกเขาให้ตื่นจากฝันหวาน
เด็กหนุ่มแขนสะบัดหนี แต่ฝ่ามืออีกฝ่ายกลับกระชับแน่นไม่ยอมปล่อย
“ผมขอตัวก่อน” น้ำเสียงของหลงกระด้าง และคงเป็นครั้งแรกที่เขาใช้มันกับคุณพฤทธิ์
พฤทธิ์มองเด็กหนุ่มด้วยสายตาเอาเรื่อง ความดื้อรั้นฉายชัดในแววตา แต่กระนั้นก็ไม่อาจโทษเจ้าตัวฝ่ายเดียวเหมือนที่เคยทำมาได้ “เดี๋ยวเป็นหวัด”
“แต่มีคนรออยู่”
“ใครจะรอก็รอไป” ฝ่ามือหนาแน่นราวคีมเหล็กกระชับแขนเด็กหนุ่มแน่นขึ้น แต่ไม่ทำให้อึดอัด “เราควรจะคุยกันให้เข้าใจ”
“ผมไม่คิดว่าอาจารย์มีเรื่องจะคุยกับผม”
พฤทธิ์ขมวดคิ้ว ตอนที่เขาทำหน้าที่เป็นอาจารย์ ความรู้สึกระหว่างตัวเองกับศิษย์ย่อมไม่มีทางเกินเลย ไม่ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับหลง ส่วนที่เป็นเรื่องหน้าที่ย่อมไม่อาจมองข้าม แต่ตอนนี้..เขาไม่อยู่ในฐานะที่แสดงออกถึงความมึนตึงได้อีกแล้ว “ตอนนี้ผมเป็นพฤทธิ์ พฤทธิ์ที่ไม่ได้สอนหนังสือคุณอยู่”
เขาหลุบตามองเด็กหนุ่มแล้วทอดถอนหายใจ ความอึดอัดโถมทับตัวจนแน่นขนัด “ผมแค่อยากให้เราคุยกัน”
หลงยืนเงียบราวครึ่งนาทีก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “คุณพฤทธิ์จูบผมทำไม”
เด็กหนุ่มช้อนตามองอีกฝ่าย ตอนแรกเขาทำใจว่าสักวันหนึ่งต้องตัดใจจากอาจารย์พฤทธิ์ให้ได้ แต่แล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนจากหน้าเป็นมือเป็นหลงมือเพียงเพราะจูบที่อ้อยอิ่งบนริมฝีปาก “ถ้าคุณไม่ทำแบบนั้นผมคงไม่หลงรักคุณขนาดนี้”
พฤทธิ์เงียบ หัวใจของเขาก็ปวดหนึบไม่ต่างกัน
“คุณหมั้นแล้ว” หลงพูดต่อแทบไม่เว้นจังหวะให้อีกคนพูดแทรกสักประโยค “คุณเล่นตลกอะไรกับผม”
“ฟังก่อน”
“ฟังอะไรอีก ผมควรจะตัดใจได้ตั้งนานแล้ว” ความเกรี้ยวกราดเจือความเสียใจฉายชัดในแววตาเด็กหนุ่ม
“จะเถียงอะไรนักหนา ถ้าไม่ฟังจะเข้าใจหรือ” พฤทธิ์ขมวดคิ้วพลางขยับคนใกล้อีกฝ่าย “ผมรู้ว่าผมผิดและกำลังหาทางออกอยู่”
“ทางออกเพื่ออะไรครับ” ห่าฝนยังสาดซัด ลมพัดแรงขึ้นจนแทบไม่ได้ยินเสียงพูดคุย “ระหว่างเรามันคืออะไรกันแน่ครับ”
พฤทธิ์ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะตกหลุมพรางที่สร้างไว้ จนสุดท้ายแล้วกำแพงใจที่สร้างไว้ก็พังทลายไม่เหลือชิ้นดี “ทำขนาดนี้ยังไม่รู้อีกหรือ”
หลงเบือนหน้าหนี เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าที่จริงแล้วเป็นเขาเองหรือเปล่าที่พยายามอยู่ฝ่ายเดียว “ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว”
“ผมขอโทษ แต่ขอโอกาสผมหน่อย ผมกำลังพยายามอยู่”
เขารู้ว่าการเริ่มต้นยากเสมอ..
ในสายตาของกรณ์ คุณพฤทธิ์ไม่ต่างอะไรจากต้นแบบที่ยึดถือมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเจ้าตัวจะทำอะไรก็ล้วนเป็นที่ชื่นชมจากทั้งคนในครอบครัวและคนอื่น
สมัยยังเป็นนิสิต คุณพฤทธิ์ไม่ใช่คนชอบทำกิจกรรม แต่กระนั้นจ้าตัวก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน ทว่าเจ้าตัวก็ไม่สนใจใครเป็นพิเศษเท่าฉลองขวัญหรือพี่ขวัญ กับฉลองขวัญเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในชีวิตคุณพฤทธิ์นานที่สุด..นานจนกรณ์คิดว่าสักวันหนึ่งทั้งคู่จะต้องตกลงปลงใจแต่งงานกันแน่นอน
และดูเหมือนฝันในวัยเยาว์ของเขาจะกลายเป็นเศษฝุ่นเมื่อไม่นานมานี้
นับตั้งแต่เกิดเรื่อง กรณ์ก็เฝ้าดูคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ แม้จะรู้ว่าบรรยากาศระหว่างคนทั้งสองยังเต็มไปด้วยความเฉยชาเหมือนเดิม แต่กรณ์รู้..รู้ดีว่าระหว่างคนทั้งสองเป็นอย่างไร ภาพที่จูบกันฝังแน่นในหัวสมอง ต่อให้แสดงท่าทีหมางเมินก็ไม่อาจลบเลือนภาพดังกล่าวได้
ร่องรอยความเครียดฉายชัด นัยน์ตาของเขาแดงก่ำจนใครหลายคนทัก ทว่ามีหรือจะยอมกลับไปพักผ่อนในห้องพักที่ดนัยเตรียมไว้ให้
“ตาแดงขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกหรือกรณ์”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับคุณพ่อ” กรณ์รู้ว่าเขาฝืนตัวเองไม่ไหว แต่ถ้าปล่อยให้ทั้งคุณพฤทธิ์และหลงคลาดสายตา..เขาไม่ยอมเด็ดขาด
“ไปพักผ่อนเถอะ ฝนก็คงไม่หยุดง่ายๆ น้องก็ยังไม่กลับ พ่อจะรอน้องเอง”
คุณดนัยขอตัวไปดูแลแขกคนอื่นๆ ก่อน ส่วนเขากับคุณพ่อยังนั่งรอเด็กหนุ่มกระทั่งฝนซา หลงจึงเดินกลับมาด้วยสภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำไม่มีผิด
“สงสัยจะไม่ได้เก็บองุ่นแล้ว ไว้ครั้งหน้าพ่อจะพามาช่วงไม่มีฝน” วุฒิลูบหัวลูกชายคนเล็กอย่างเป็นห่วง
หลงพยักหน้า ความยินดีฉายชัดในแววตาจนกรณ์คิดว่าเพราะจะได้กลับมาเที่ยวอีกรอบ อีกฝ่ายถึงดีใจขนาดนี้ ทั้งที่ความจริง..หัวใจดวงน้อยพองโตเพราะใครบางคน ที่เพิ่งปล้นจูบไปเมื่อครู่
คืนนี้พระจันทร์ดวงน้อยเร้นกายอยู่เบื้องหลังมวลเมฆสีเข้ม ลมเย็นพัดไอฝนปะทะผิวกายจนรู้สึกหนาว กระนั้นพฤทธิ์ยังยืนมองเด็กหนุ่มที่ยืนชมจันทร์เงียบๆ
เขาเฝ้าถามตัวเองว่าเพราะอะไรความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลงจึงดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ ความรู้สึกแรกของพฤทธิ์คือความชิงชังต่อเด็กหนุ่มที่เอาแต่มองเขาด้วยสายตาดื้อรั้นและคิดว่าคงไม่มีทางญาติดีกันได้ แต่แล้ว..มันกลับเกินเลยคำว่าญาติไปไกลจนกู่ไม่กลับ
“ทำอะไรดึกๆ” พฤทธิ์เอ่ยถาม แต่เด็กหนุ่มไม่ตอบ หนำซ้ำยังก้าวหนีให้วุ่นวาย “ถามไม่ตอบ เดี๋ยวนี้คุณแสดงละครใบ้กับผมแล้วหรือ”
หลงยืนเงียบ ส่วนลึกซ่อนแฝงความน้อยใจปะปนกับความวาบหวามที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่าย จะให้เขาวางตัวอย่างไรก็รู้สึกประดักประเดิดกับคนตรงหน้า “พระจันทร์สวยดี”
“อืม”
“คุณบอกว่าดึก..ผมจะเข้านอนแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำในยามปกติไม่อ่อนหวานขนาดนี้ มีหรือหลงจะไม่หวั่นไหว ลองได้ฟังตอนอีกฝ่ายบรรยายกับตอนดุเขา..น้ำเสียงคนละเรื่องเลย
ท่ามกลางไอเย็น ความอบอุ่นซ้อนทับเหมือนภาพในความฝัน เสียงทุ้มต่ำกระซิบถามข้างใบหูเหมือนขับกล่อมให้ล่องลอยในอากาศ หลงไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง..ห้ามหรือยินยอมพร้อมกับคุณพฤทธิ์
หลงไม่รู้เมื่อไหร่แผ่นหลังของเขาสัมผัสพื้นเตียง กระนั้นความคิดก็พัดกระเจิงเมื่อริมฝีปากอุ่นแนบลงมาไม่ทันตั้งตัว ปลายลิ้นกระหวัดอย่างเชี่ยวชาญจนเด็กหนุ่มเผลอร้องออกมา ความกระสันแล่นลามจนถึงปลายนิ้วคล้ายถูกกระชากจากที่สูง
เขานึกโทษตัวเองหลายครั้งว่าเพราะอะไรถึงยอมโอนอ่อนกับคนที่ทำร้ายจิตใจตัวเองได้ขนาดนี้ แต่เมื่อถูกกัดเข้าที่แผ่นอก..ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็กระเจิงหายไปในอากาศทันที
“คุณพฤทธิ์..” เสียงของเขาแหบแห้ง ฝ่ามือน้อยพยายามดันไหล่อีกฝ่ายออก ทว่าเรี่ยวแรงหรือจะสู้ความรู้สึกลึกๆ ได้ “ที่นี่ที่ไหน”
“ที่ไหนอะไร”
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เขาถาม เรี่ยวแรงหายไปเกินกว่าครึ่ง “เราคุยกันที่ระเบียงข้างนอกไม่ใช่หรือ”
“อืม”
พฤทธิ์จูบริมฝีปากเด็กหนุ่มอย่างอ้อยอิ่ง ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าตัวได้คิดอะไรต่อ ก่อนไล่มายังแผ่นออกที่สะท้านขึ้นลง ปลายนิ้วสะกิดรังดุมออกทีละเม็ดพลางกดจูบไล่ลามอย่างนึกเอ็นดู
น่าเอ็นดูหรือ..เขาใช้คำนี้กับเด็กหนุ่มที่ตัวเองเคยพร่ำบอกว่าเกลียดอย่างนั้นหรือ
ความต้องการฉายชัดในแววตาคนทั้งคู่ กระนั้นเพียงไม่กี่นาทีเขากลับถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อทุกอย่างกำลังจะเลยเถิดเพียงเพราะเริ่มจูบ ทว่าสภาพเด็กหนุ่มตอนนี้ก็ยากจะยั้งใจเหลือเกิน
แล้วพฤทธิ์รู้ทราบดีว่าความอดทนของเขามีประโยชน์ก็ตอนนี้
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”
ความรุ่มร้อนกระจุกกึ่งกลางลำตัวทำให้พฤทธิ์เฝ้าถามว่าครั้งสุดท้ายที่เขาพยายามอดกลั้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
สวัสดีค่ะ ทักทายคนอ่านที่น่ารัก ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากค่ะ
เหตุผลที่หายไปนานเพราะไม่มีอารมณ์เขียนนิยาย เปิดเทอม ทำงานดึก เกือบจะปีสุดท้ายแล้ว งานรุมเร้า (ไม่มาก แต่ก็เยอะน่าปวดหัว) ขอบคุณที่ยังตามอ่านนะคะ ตอนนี้เขียนนานมาก เกือบ 1 เดือน แต่หายไปเกือบ 3 เดือน นานที่สุดเท่าที่เคยเขียนนิยายมา รู้สึกเขียนตอนนี้แล้วคนเขียนไม่เข้าข้างหลงเลย เอาแต่เชียร์คุณพฤทธิ์ไม่หยุดหย่อน
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ
ปล. เป็นงานที่เร่งมากๆ
Fan Page:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE