"เป็นอะไรแม็กกี้.. กับข้าวไม่ถูกปากใช่มั้ย วันไหนไม่ได้กินของเหลือเจ้านายก็งี้แหล่ะ ทนๆ กินเข้าไปเถอะ"
สาวใช้แววค่อนขอดแม่บ้านทิพย์เรื่องอาหาร เพราะตัวเองรู้สึกเช่นนั้นแต่ไม่กล้าบ่น ถือโอกาสเหน็บเมื่อเห็นเด็กชายมีท่าทางเบื่ออาหาร เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา
"เอ็งว่าอะไรนะ นังแวว หาว่าอาหารที่ข้าทำไม่ได้เรื่องงั้นเหรอ"
"ฉันไม่ได้พูดงั้นซะหน่อย แค่บอกว่ากินของเหลือเจ้านายอร่อยกว่าเท่านั้น"
"หน็อย!... เจ้านายไม่อยู่จะทำอะไรเลิศหรูนักหนา ต่อไปเอ็งอยากกินอะไรก็ทำเอง ข้าไม่ใช่ขี้ข้าเอ็ง "
"เอ่อ.. ป้าครับ อาหารอร่อยแต่ผมทานไม่ลงเอง ผมปวดท้อง" แม็กกี้รีบตัดบททันทีก่อนที่ป้าทิพย์และน้าแววจะมีปากเสียงกัน
"อ้าว! ปวดท้องเหรอ เห็นมั้ยนังแวว เอ็งมันรู้มาก เด็กปวดท้องถึงกินไม่ลงดันมาหาว่าข้าทำไม่อร่อย.."
แม่บ้านทิพย์หันไปโวยสาวใช้ต่อ เด็กชายเห็นท่าไม่ดีรีบยกจานข้าวไปเก็บล้างและเลี่ยงออกจากครัว
แม็กกี้กลับเข้ามาในห้องพักคว้าสมุดบันทึกมากอดไว้ แม็กกินข้าวไม่ค่อยลงมาสองวันแล้ว กินไปได้หน่อยก็อยากจะอาเจียน วันนี้นอกจากจะทานไม่ลงแล้วยังปวดท้องอีกด้วย ตอนแม่ยังอยู่ทุกครั้งที่ไม่สบายหรือเจ็บปวดจากอะไรก็ตาม
แม็กจะรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ แต่วันนี้แม็กไม่มีแม่แล้ว มีแค่สมุดบันทึกเล่มนี้แทนตัวแม่แอนนาและแด๊ดดี้ของแม็ก
เด็กชายหน้านิ่วงอตัวลงเพราะรู้สึกปวดจี๊ดที่ท้องน้อยขวาเป็นระยะๆ แม็กปวดแบบนี้มาหลายวันแล้วแต่วันนี้ปวดมากกว่าทุกวัน ร่างเล็กขยับตัวลงนอนเอาสมุดบันทึกใส่ไว้ในปลอกหมอนและเอาหมอนทับท้องไว้ คิดว่าควรจะหลับสักงีบหนึ่ง
ตื่นขึ้นมาอาการปวดจะได้ทุเลาขึ้นเหมือนทุกๆ ครั้ง
เด็กชายผวาตื่นกลางดึกอีกครั้งด้วยอาการบีบตัวอย่างแรงบริเวณท้องน้อยด้านขวา รู้สึกปวดท้องมากจนร้องครางออกมาด้วยความลืมตัว
"อือ…แม่จ๋า.. ผมปวดท้อง..โอย.. ฮือ...."
แม็กกี้น้ำตาไหลเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่จากไปแล้ว และห้องที่นอนอยู่ตอนนี้ก็เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว อีกไม่กี่วันแม็กก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว ที่นี่เป็นคฤหาสน์หลังงามของคุณทอม แม็คกิลล์ นายแบบชื่อดัง รูปหล่อและสง่างามราวเทพบุตร ถ้าเปรียบคุณทอมเป็นเทวดา แม็กก็เป็นแค่เด็กผู้ชายเดินดินที่ได้แต่เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ไม่มีทางได้สัมผัสหรือจับต้องเทวดาผู้สูงศักดิ์
"โอ้ยยยย.. อือ…"
แม็กกี้ร้องครางและงอตัวด้วยความปวด รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกับจะเป็นไข้ ไม่เคยปวดมากขนาดนี้มาก่อน ตอนเด็กๆ แม็กชอบปวดท้องกลางดึกเป็นประจำแต่ไม่เคยปวดแบบนี้ ส่วนใหญ่ปวดเพราะนอนไม่ห่มผ้าแถมยังชอบถกเสื้อขึ้นมาอีก แม็กถูกแม่ดุเป็นประจำแต่ถึงดุแม่ก็ปลอบไปด้วย ทายาให้และกล่อมจนแม็กหลับไป
….. 6 สัปดาห์กว่าแล้วที่แม็กพักอาศัยอยู่ที่นี่ นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่แม็กไม่สบาย ครั้งแรกป่วยเป็นไข้เพราะตากฝนหากุญแจให้คุณทอม ครั้งที่ 2 ปวดเมื่อยไปทั้งตัวและไข้ขึ้นเพราะขุดอ่างปลาให้คุณทอมทั้งวันจนหมดแรง แต่ครั้งนี้คุณทอมปล่อยให้แม็กอยู่สบายๆ แท้ๆ แต่แม็กก็ไม่สบายอีกจนได้ แม็กไม่อยากทำให้คุณทอมเดือดร้อนเลย….
"เราต้องอดทน เราจะไม่ทำให้คุณทอมเดือดร้อนอีก…"
แม็กกี้ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มเพราะรู้สึกหนาว เอาหมอนทับท้องไว้อีกชั้นเพื่อให้อุ่นขึ้น อาการปวดทุเลาลงเล็กน้อย กำลังจะเคลิ้มหลับก็ต้องผวาขึ้นมาอาเจียนลงข้างเตียง พร้อมๆ กับอาการปวดอย่างรุนแรงกำเริบขึ้นอีก
แม็กใจหายวาบ แค่เอามือแตะบริเวณที่ปวดก็รู้สึกเจ็บแล้ว หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แม็กและเพื่อนๆ เล่นฟุตบอลที่โรงเรียน จู่ๆ บุญโชคก็ล้มลงนอนบิดไปมาเพราะปวดท้อง แม็กจำได้ว่าบุญโชคบอกปวดที่ท้องน้อยด้านขวาแม็กและเพื่อนพาบุญโชคไปส่งบ้าน เช้าวันต่อมาคนที่บ้านบุญโชคมาส่งข่าวว่าบุญโชคตายแล้ว เป็นไส้ติ่งอักเสบและแตกตั้งแต่ตอนเล่นฟุตบอล แต่พ่อเลี้ยงของบุญโชคเอาแต่กินเหล้าเมา แม่ก็ไม่สนใจเอาแต่เล่นไพ่ ตอนนั้นบุญโชคเพิ่งอายุได้ 10 ขวบเอง
“ฮือ ๆ… แม่จ๋า.. ผมปวดท้อง ผมเป็นไส้ติ่งหรือเปล่า…"
เด็กชายน้ำตาไหลพรากตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าจะอดทนนอนต่อไปหรือลุกขึ้นไปหาคนช่วยดี ดึกป่านนี้ทุกคนคงกำลังหลับสบาย แม็กไม่อยากรบกวนใครๆ เลย…
ทอมสะดุ้งตื่นเมื่อลูกแก้วที่ถืออยู่ในมือตกแตก เขาฝันประหลาดคล้ายๆ กันมา 2 คืนแล้ว ฝันว่าเขาเป็นเจ้าของลูกแก้วสีน้ำทะเลซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น ส่องประกายสวยงามมาก แต่แล้วก็มีหญิงสาวรูปงามยื่นลูกแก้วอีก 2 ดวงให้เขา ขนาดเล็กกว่าที่อยู่ในมือแต่เป็นสีรุ้งสวยงามไปอีกแบบ เขารับลูกแก้ว 2 ดวงจากหญิงสาวมาถือไว้ในมือรวมเป็น 3 ดวง เขาประคองลูกแก้วทั้งหมดไว้ด้วยความระวังแล้ว แต่กลับพลาดทำลูกแก้วดวงแรกตกลงกับพื้นแตกกระจาย…
ทอมส่ายหน้าเมื่อนึกถึงความฝันไร้สาระของตัวเอง เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม เหลือบดูเวลาเพิ่งจะเที่ยงคืนกว่าเอง ไม่อยากเชื่อเลยเพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ฝันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ถึงจะเป็นแค่ความฝันความรู้สึกก็ยังตามติดออกมา ….เสียดายจัง ไม่น่าทำลูกแก้วสีน้ำทะเลดวงแรกแตกเลย…
ทอมเดินกลับมาที่เตียง กำลังจะล้มตัวลงนอนก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ชั้นล่าง ดึกป่านนี้แล้วใครยังทำอะไรอยู่ อาจเป็นสาวใช้แววหรือแม่บ้านทิพย์ ทอมไม่สนใจล้มตัวลงนอนต่อ เขาไม่เคยห่วงเรื่องขโมยขึ้นบ้าน เพราะบ้านแม็คกิลล์มีระบบรักษาความปลอดภัยรอบตัวบ้านและตลอดแนวรั้ว สัญญาณส่งตรงไปที่ป้อมตำรวจหน้าหมู่บ้านและสถานีตำรวจในท้องที่ เขาไม่จ้าง รปภ. เพราะวุ่นวาย ลำพังคนรับใช้ 4 คนก็มากเพียงพอแล้ว
กำลังจะเคลิ้มหลับทอมก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของตก เขานอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกพรวดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจิมไม่ได้นอนที่นี่แล้ว หากไม่ใช่แม่บ้านหรือสาวใช้ล่ะ….
ทอมเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงหยิบปืนพกขึ้นมาถือกระชับไว้ในมือ ถ้าเป็นจิมคงลงไปตรวจตั้งแต่ได้ยินเสียงกุกกักตอนแรกแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะตกใจตื่นจากฝันประหลาดล่ะก็ เขาไม่มีทางตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกุกกักแค่นี้แน่
ทอมย่องออกจากห้องนอนอย่างเงียบกริบ เขาไม่ได้กลัวแค่ตื่นเต้นเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจิมอยู่อย่าหวังเลยว่าจะได้ถือปืนเดินหน้าลงมาหาคนร้ายแบบนี้…
ทอมเดินสำรวจเกือบทั่วทุกห้องตั้งแต่โถงหน้าบันได.. ห้องพักผ่อน.. ห้องหนังสือ.. ห้องอาหารและห้องครัว ไม่พบอะไรผิดปกติเลย ไม่มีร่องรอยว่าจะมีใครเข้ามาทำเสียงกุกกักอะไรได้ ประตูบ้านก็ปิดอยู่ในสภาพเรียบร้อย จึงเดินไปสำรวจที่ประตูหลัง ก็พบประตูห้องนอนของเด็กชายเปิดแง้มอยู่ ทำให้นึกขึ้นได้ว่ายังมีเจ้าหนูแม็กกี้อยู่เป็นเพื่อนเขาอีกหนึ่งคนในตึกใหญ่หลังนี้
แต่แล้วทอมก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นเด็กชายอยู่ในห้อง หรือว่าเสียงกุกกักที่ได้ยินเป็นฝีมือของแม็กกี้เอง… ทอมเปลี่ยนความตั้งใจในการค้นหาคนร้ายเป็นเดินหาเจ้าหนูแม็กแทน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วางใจยังคงถือปืนกระชับไว้ในมือ
ทอมชะงักขณะเดินผ่านห้องน้ำ เสียงครางโอดโอยของเด็กชายดังแว่วออกมา หัวใจเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนที่จิมเข้าไปรังแกเจ้าหนูในห้องนอน ทอมถือปืนกระชับไว้ในท่าเตรียมพร้อม หากเด็กชายถูกรังแกอีกครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือคนร้ายอย่างแน่นอนแล้ว
….ให้ตายเถอะ! เวลาแบบนี้จิมกลับไม่อยู่ เขาต้องเล่นบทบู๊ด้วยตัวเองจริงๆ หรือนี่…. ทอมสูดหายใจรวบรวมความกล้าก่อนผลักประตูห้องน้ำเปิดออก…
---
ร่างเล็กนอนขดตัวอยู่ที่พื้นห้องน้ำ หลับตานิ่วหน้าและส่งเสียงครางเหมือนกำลังเจ็บปวด ทอมยืนตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวางปืนลงในอ่างล้างหน้าและทรุดตัวลงช้อนร่างเด็กชายไว้ในวงแขน มือสำรวจไปทั่วร่างกายของเจ้าหนูเพื่อหาบาดแผล
"แม็กกี้.. เป็นอะไร เฮ้!.. ไอ้หนู…"
ทอมเสยผมที่ปกระใบหน้าเด็กชายจึงพบว่าเจ้าหนูมีไข้และยังมีสีหน้าซีดเซียวจนน่าตกใจ
"ฉันทอมนะแม็กกี้.. ไม่สบายเหรอ… หือ.."
เด็กชายพยักหน้าเหมือนรับรู้แต่ยังหลับตาส่งเสียงคราง ทำให้เขาใจหายอย่างบอกไม่ถูก
"อือ… อือ… เจ็บ… อือ…"
"เจ็บตรงไหนแม็กกี้.. บอกซิว่าเจ็บตรงไหน ไม่สบายตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอก"
ทอมขยับร่างเล็กไปมาเพื่อหาบาดแผลก็พบว่าเจ้าหนูนิ่วหน้าเหมือนเจ็บปวดมากขึ้น จึงเปลี่ยนมาลูบคลำแขนขาและลำตัวเบาๆ เขาเพิ่งสังเกตุเห็นร่องรอยเศษอาหารที่อาเจียน แสดงว่าเด็กชายไม่สบายมากจริงๆ
"ไม่สบายตรงไหนล่ะแม็กกี้.. บอกซิว่าเจ็บตรงไหน"
"คุณทอม.." เด็กชายปรือตาขึ้นและเรียกชื่อเขา
"ใช่.. ฉันเอง ไม่สบายเป็นอะไร เจ็บตรงไหนบอกซิแม็กกี้ หือ…"
ทอมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ความขุ่นเคืองและไม่ชอบใจในตัวเด็กชายซึ่งนับวันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงนาทีนี้…ความรู้สึกเหล่านั้นมลายหายไปจนหมดสิ้น เขาเสยผมเจ้าหนูไปมาเผื่ออาจจะช่วยให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายความเจ็บปวดลงบ้าง แต่คงไม่ได้ผล..แม็กกี้นิ่วหน้าและกัดฟันเหมือนอาการเจ็บกำเริบขึ้นอีก ทอมเพิ่งสังเกตเห็นเด็กชายเอามือกุมท้องน้อยไว้ ยังไม่ทันจะเอ่ยถามเจ้าหนูก็ร้องครางขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงสะอื้น
"อือ... ผมปวดท้อง… เจ็บอ่ะ.. ฮึก.. ฮือ…"
"ปวดท้องเหรอ.. ปวดตรงไหนแม็กกี้.. "
ทอมเอามือเด็กชายออกและเลิกเสื้อยืดขึ้น หน้าท้องเจ้าหนูเกร็งและแข็งผิดปกติ เขาใช้นิ้วคลำและกดเบาๆ วนไปรอบๆ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกและร้องครางขึ้นอีกเมื่อเขาแตะถูกท้องน้อยด้านขวา
"โอ๊ย!…. เจ็บ.. ผมเจ็บ.. อือ…"
....โอ! พระเจ้า.. เขาแค่แตะถูกเบาๆ เจ้าหนูก็ร้องเจ็บ แสดงว่าอาการคงไม่น้อยแล้ว ดูจากตำแหน่งที่ปวดน่าจะเป็นไส้ติ่ง…
"อดทนนะแม็กกี้.. จะพาไปหาหมอนะ"
ทอมอุ้มเด็กชายออกจากห้องน้ำพามานอนที่โซฟาร์ เขาเงยหน้าขึ้นจะตะโกนเรียกจิมก็นึกขึ้นได้ว่าจิมไม่ได้นอนนี่แล้ว จึงคว้าโทรศัพท์กดสายในไปที่เรือนคนรับใช้ ระหว่างรอสายก็พูดปลอบเด็กชายไปด้วย
"ไม่เป็นไรนะแม็กกี้.. คงจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ เดี๋ยวหมอให้ยามาทานก็หาย"
ทอมไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาการของเด็กชายอาจต้องผ่าตัด แต่ขนาดบอกเพียงสั้นๆ แม็กกี้ก็ยังผวาและตกใจกลัว
"ไม่เอา.. ผมไม่อยากเป็นไส้ติ่ง ผมกลัว.."
"ไม่ต้องกลัว... ไส้ติ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่มีอันตรายเลยรู้มั้ย"
"ไม่ฮะ ผมไม่อยากเป็นไส้ติ่ง.. ฮึก.. ฮือ ๆ…" เด็กชายสะอื้น.. น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม
เป็นครั้งแรกที่ทอมเห็นเจ้าหนูแสดงความอ่อนแอและร้องไห้อย่างเด็กๆ ไม่เข้มแข็งและอดทนเหมือนเวลารับการทดสอบจากเขาและจิม รู้สึกสงสารจนอยากกอดปลอบแต่ก็ทำได้เพียงเช็ดน้ำตาให้และปลอบโยนด้วยคำพูด
“ไม่เป็นไร แม็กกี้.. ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว.."
"ผมเอ๊ดดี้ครับเจ้านาย.." เสียงจากปลายสายดังขึ้น
ทอมสั่งนายเอ๊ดให้เอารถออกพาแม็กกี้ไปโรงพยาบาลโดยด่วน อีกฝ่ายรีบรับคำโดยไม่มีคำถามใดๆ เพียงชั่วครู่คนรับใช้ในบ้านก็เข้ามายืนเรียงหน้าสลอน รอรับคำสั่งด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ทอมสั่งนายแก้วอุ้มเด็กชายไปรอที่รถ ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
"จิม.. แม็กกี้ปวดท้องมาก สงสัยจะเป็นไส้ติ่ง ฉันจะพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ถ้าหมอถามว่าฉันเป็นอะไรกับเด็ก จะตอบว่าไง" ทอมคุยโทรศัพท์ไปด้วยขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำเสียงตื่นตระหนกจนปลายสายต้องกล่าวปลอบ
"ใจเย็นทอม..ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจัดการเอง...ไปเจอกันที่โรงพยาบาล..."
"โอเค!.. ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ" ทอมวางสายจิมด้วยความโล่งอก เขาไม่ได้ทำอะไรตัวคนเดียวมานานมากแล้ว ปัญหาทุกเรื่องของเขาต้องมีจิมช่วยตัดสินใจให้เสมอ
ทอมกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่รถ นายเอ๊ดเตรียมเปิดประตูตอนหน้าให้ เพราะเด็กชายนอนยาวยึดที่นั่งตอนหลังไว้หมดแล้ว
ทอมกำลังจะก้าวขึ้นรถเห็นเจ้าหนูนอนบิดสีหน้าเจ็บปวดก็เปลี่ยนใจ บอกนายเอ๊ดว่าเขาจะนั่งข้างหลัง
ทอมนั่งนิ่ง รู้ว่าร่างเล็กซึ่งกำลังนอนหนุนตักเขาอยู่ขณะนี้กำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ทั้งๆ ที่เจ็บมากขนาดนี้... เจ้าหนูก็ไม่ได้ร้องโอดครวญงอแงอย่างที่เด็กควรจะทำ มีเพียงเสียงครางเบาๆ เป็นระยะๆ เท่านั้น
ทอมสั่งเอ๊ดดี้ลดแอร์เมื่อเห็นแม็กกี้มีอาการสั่น มือซ้ายของเจ้าหนูกุมท้องน้อยบริเวณที่ปวด ในขณะที่มือขวากอดลำตัวไว้เหมือนให้ความอบอุ่นกับตัวเอง ทอมไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ต่อไปได้ ทั้งๆ ที่เด็กชายนอนหนุนตักเขาอยู่แท้ๆ แต่กลับต้องอดทนและกัดฟันสู้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง เขาดึงแจ็กเก็ตของจิมที่วางพาดอยู่ที่พนักเบาะหน้ามาห่มให้ร่างเล็ก
และปลอบโยนด้วยการลูบศีรษะเจ้าหนูไปมา มืออีกข้างจับมือเด็กชายกุมไว้ แม้จะไม่ได้ช่วยคลายความเจ็บปวดลงแต่ก็ดีกว่าที่เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ อย่างน้อยแม็กกี้จะได้รู้ว่ามีเขาอยู่เป็นเพื่อน
ทอมรู้สึกว่าเด็กชายกำลังเจ็บมาก มือของเขาถูกบีบอย่างแรง เสียงครางที่ลอดออกจากริมฝีปากเจ้าหนูกลายเป็นชื่อเขา
"..อือ..คุณทอม.."
"ว่าไง แม็กกี้.. อดทนหน่อยนะ จะถึงแล้ว"
ทอมไม่รู้จะปลอบเด็กชายยังไงนอกจากบอกให้อดทน
"ผมจะ~ตาย~มั้ย ถ้าตายแล้ว~จะไปอยู่ไหน~"
โอ! พระเจ้า.. ทอมไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากปากเด็กชายวัย 12 ปี ไม่รู้ว่าถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนคำถามนี้จะทำให้เขารู้สึกใจหายแบบนี้หรือเปล่า…
"เหลวไหล แค่ปวดไส้ติ่งเท่านั้น จะตายได้ยังไง หือ.."
ทอมเอื้อมมือเปิดไฟ เขาต้องการเห็นหน้าเจ้าหนูแม็กกี้คนเก่ง ที่อดทนต่อการทดสอบโหดๆ มาได้ทุกครั้ง แต่แค่ปวดท้องไส้ติ่งเท่านั้นก็ทำท่าจะบอกลาแล้ว
"บุญโชคยังตายเลย~ เขาปวดไส้ติ่ง~ เหมือนผม"
ทอมเดาเอาว่าบุญโชคคงเป็นใครสักคนที่เด็กชายรู้จัก
"มันไม่เกิดขึ้นกับทุกคนหรอกแม็กกี้.. หมอที่กรุงเทพฯเก่งๆทั้งนั้น ผ่าตัดออกมา 3 วันก็วิ่งเล่นได้แล้ว"
"ผมต้อง~ผ่าตัดเหรอ~" น้ำเสียงสะอื้น น้ำใสที่เอ่อคลออยู่ร่วงผล็อยลงอีกเมื่อได้ยินว่าต้องผ่าตัด
"เอ่อ.." ทอมโมโหตัวเองไม่น่าหลุดปากออกไปเลย ทำให้เด็กชายใจเสียและกลัวมากขึ้น
"แค่อาจจะเท่านั้น แม็กกี้.. ไม่ต้องกลัวนะ เหมือนนอนหลับเลย ตื่นขึ้นมาก็หายปวด สองวันก็กลับบ้านได้"
นายเอ๊ดแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและคำปลอบโยนที่อ่อนโยนเช่นนี้จากเจ้านายทอมมาก่อน โดยเฉพาะกับเจ้าหนูแม็กกี้.. เด็กชายที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายและไม่สบอารมณ์ให้เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน อย่าว่าแต่จะพูดคุยด้วยเลย.. แม้แต่หน้าเจ้านายก็ยังไม่อยากจะเห็น
"แต่ถ้าผมตายล่ะ~ ผมต้องถูกเผาเหลือแต่กระดูกเหมือนแม่~ ใช่มั้ย.. คุณทอม… อือ~"
เด็กชายร้องครางและบีบมือทอมอย่างแรง เหมือนอาการเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังพยายามพูดต่อ
"ให้กระดูกผม~อยู่ที่บ้านคุณทอมได้มั้ย~ ตรงไหนก็ได้~ อยู่ใกล้ๆ อ่างปลาก็ได้~ ผมชอบปลา~"
โอ! พระเจ้า.. ทอมใจหายอย่างแรง เจ้าหนูแม็กกี้กำลังสั่งเสียเขาหรือนี่…
"เหลวไหลนะแม็กกี้.. ถ้าอยากจะอยู่กับฉันต้องมีชีวิตอยู่ ตายไม่ได้นะรู้มั้ย.. ฉันไม่ต้องการแค่กระดูกของเธอ ได้ยินมั้ยไอ้หนู.. ลืมเรื่องสำคัญระหว่างเราไปแล้วเหรอ.. ความจริงยังไม่ได้พิสูจน์เลย คิดจะยอมแพ้หรือไง หือ.."
ทอมไม่รู้ว่าเขารั้งเด็กชายขึ้นมาสวมกอดตั้งแต่เมื่อไร รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเจ้าหนูซบหน้าลงกับอกเขาด้วยสีหน้าที่ยังเจ็บปวด
เขาไม่เคยปวดไส้ติ่งไม่รู้ว่ามันเจ็บและทรมานขนาดไหน รู้แต่ว่าหากเขาเจ็บแทนร่างเล็กในอ้อมกอดขณะนี้ได้ เขายินดี…
"ผมไม่น่า~มาหาคุณทอมเลย~ทำให้คุณ~เดือดร้อน~ต้องเสียเงิน~รักษาผมอีก~ แล้ว~"
น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นดังอู้อี้เพราะซบอยู่กับอก ทอมไม่รู้จะพูดปลอบอะไรอีกแล้ว ได้แต่กอดเด็กชายไว้และลูบศีรษะไปมา
"หลับซะแม็กกี้.. ไม่พูดอะไรแล้วนะ นอนหลับซะ เด็กดี.."
แม็กกี้ไม่พูดอะไรอีกยอมหลับตาแต่โดยดี ทอมยังสัมผัสความเจ็บปวดของเจ้าหนูได้จากร่างกายที่ผวาขึ้นเป็นระยะๆ
และมือเล็กที่ดึงรั้งแขนเสื้อเขาทุกครั้งที่รู้สึกเจ็บ
ทอมกระซิบบอกเด็กชายเมื่อรถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล
"ถึงโรงพยาบาลแล้วนะแม็กกี้.. เข้มแข็งนะ ไม่ต้องกลัว ฉันจะอยู่ใกล้ๆ"
ทอมไม่รู้หรอกว่าร่างเล็กในอ้อมกอดของเขาสงบลงไม่ใช่เพราะหลับ แต่หมดสติไปเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมากมายเกินกว่าที่ร่างกายเด็กชายจะรับไหว