“
ฉันต้องร่วมงานกับลูกน้ำล่ะ”ภาคินบอกผมในระหว่างช่วงพักซ้อม มันพาผมมาที่ค่ายอีกแล้ว ผมก็ไม่อยากจะมาเท่าไหร่เพราะถ้ามาก็จะมีข่าวซุบซิบทำนองว่า ภาคินติดแฟน บลาๆ
“อ้าวเหรอ ก็นึกว่าข่าวไม่มีมูลซะอีก”
“สงสัยอยากกู้ภาพลักษณ์ดีๆให้ฉันล่ะมั้ง”ภาคินยกน้ำขึ้นดื่ม มุมนี้มันดูดีมาก ๆ …ผมเบนสายตามองไปทางอื่น หน้าตาดีนี่ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมใจเต้นตึกตักกับมันเหมือนกัน
“แล้วร่วมงานแบบไหนอ่ะ”
“ก็เล่นเอ็มวีเพลงให้ ดูบทแล้วมีฉากจูบด้วยนะ ปกติก็จูบจริงตลอด …แต่ถ้านาย…”ผมรู้ว่ามันจะพุดอะไร ผมโบกมืออย่างขัดใจ
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ การแสดงนี่ แล้วก็เป็นงานของนาย ถ้ามามัวแต่เกรงใจฉัน ก็ไม่ต้องเป็นอันทำอะไรพอดี แค่นี้นายก็โดนโจมตีด้วยเรื่องฉันเยอะแล้ว”ภาคินยิ้ม
“โอเค งั้นฉากเลิฟซีนเร่าร้อนบนเตียงล่ะ”
“มีด้วยเหรอ”ผมขมวดคิ้วงงๆ ไอ้เพลงที่ว่าเป็นเพลงรักหวานซึ้งปรื้มปริ่มน้ำตารินไหลไม่ใช่รึไง
“ล้อเล่นน่ะ”ภาคินหัวเราะ วอนโดนด่าซะแล้ว ในห้องซ้อมมีภาคินกับพี่ๆในวงของภาคิน ช่วงหลังๆมาภาคินเปลี่ยนแนวเพลง ช่วงที่มันเข้าวงการใหม่ๆจะเป็นเพลงป็อปตลาด ๆเน้นท่าเต้น หน้าตาทำมาหากินมากกว่า ได้มีโอกาสฟังเพลงของมันก่อนใครอีกต่างหาก ผมว่าน่าจะเจาะกลุ่มผู้ชายได้มากขึ้น
“สักไอ้นี่เพิ่มดีไหม”ภาคนยื่นหนังสือที่ลายสักต่างๆมาให้ผมดู มันชี้ไปที่รูปนกลายเส้นกราฟฟิก
“ก็แล้วแต่”ตัวมันนี่ มันเป็นพวกคลั่งรอยสัก ผมว่ามันก็สวยนะ ถ้าไม่มากเกินไป ตอนนี้เท่าที่ผมเห็นมันรอยสักสองที่ ข้อมือซ้ายที่มีชื่อย่อของมันว่า P.K ตรงท้องแขนขวาที่สักเป็นประโยค ‘Everybody wants something from me’ ไม่รู้ว่ามีความหมายอะไรรึเปล่า
“นกเท่ากับความอิสระ มันบินไปได้ทุกที่”ภาคินพลิกไปดูหน้าอื่น
“สักลายก้อนเมฆ”พี่คนหนึ่งตะโกนแซวขำๆมา ผมหัวเราะพรืด ภาคินย่นหน้าตลกๆ คงจะดูประหลาดเอาเรื่อง
“ตอนฉันอายุเท่านาย ฉันเคยคิด…ถ้าหากว่าสักวันหนึ่งฉันได้เจอคนที่จะจริงจังด้วย ฉันอยากสักชื่อเขาไว้ตรงนี้”มันชี้ไปที่สันข้อมือขวา
“เพราะเวลาที่ฉันจับไมค์ร้องเพลง ถ้าหากว่าเขามองมา คนๆนั้นจะได้เห็นชื่อของเขาอยู่เสมอ”อื้อหือ ลึกซึ้งมากทีเดียว ไม่คิดว่ามันจะคิดอะไรแบบนี้ได้ด้วย
“แต่ตอนนี้ฉันเลิกคิดแบบนั้นแล้ว”มันยักไหล่ อืม…มันเคยคิดจะสักชื่อพี่มิวบ้างรึเปล่านะ ไอ้ภาคินลูบข้อมือขวาของตัวเองอย่างใจลอย
“ทำไม เม้มปากแบบนั้น ฉันตีนายได้ใช่ไหม”มันพูดยิ้มๆ
“เอาจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดจะสักชื่อใครหรอก คนๆนั้นอาจจะไม่มีจริง…นายคิดว่าไง”มันย้อนถาม
“ไม่รู้ดิ ไม่ต้องไปคิดมากหรอก แต่ถ้านายตั้งใจหาด้วยความรู้สึกที่แท้จริง สักวันนายคงเจอ”…ผมก็ไม่ได้หวังอะไรกับคนแบบภาคิน ผู้ชายที่เคยมีข่าวกับสาวๆมาเยอะแยะ เรื่องความเจ้าชู้ก็เป็นที่รู้ๆกัน แต่ก็…คงจะดีถ้า—เฮ้อ ไม่ ผมกลายเป็นคนขี้มโนตั้งแต่เมื่อไหร่
“อืม…นั่นสิ คิดแค่วันนี้กับพรุ่งนี้ก็พอ วันนี้นายอยู่กับฉัน เพราะฉะนั้น นายคือคนๆนั้นของฉัน”
“หึ รู้สึกเป็นเกียติรมากเลย”
ตอนนี้ในห้องซ้อมเหลือผมกับภาคินแค่สองคน ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีก็เลยนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทั้งๆที่มันก็ไม่มีอะไรให้มอง
“อะฮึ่ม คือพรุ่งนี้ต้องไปถ่ายทำแล้ว ขอกำลังใจหน่อยดิ”มันพูดทำลายความเงียบ ขอกำลังใจเหรอ…
“ก็ไม่ใช่งานหนักอะไรไม่ใช่เหรอ”ผมทำมึน
“เออน่า…”ภาคินขยับเข้ามาใกล้ ผมไม่รู้จะวางสายตาตรงไหน
“คิน เห็นโทรศัพท์พี่ไหม…”พี่มือกลองดันทะเล่อทะล่าเปิดประตูเข้ามา ผมหันซ้ายหันขวาด้วยท่าทีเงอะงะ ต่างจากภาคินที่ดูปกติสุดๆ
“ไม่เห็นครับ เมื่อกี้เหมือนพี่หมูจะหยิบไปแล้วนี่”
“เออว่ะ ไปก่อนนะ พี่ไม่ได้…เข้ามาขัดจังหวะอะไรใช่ป่ะ”ยังมาถามหน้าซื่ออีก ดูก็รู้ว่าพี่เขาจงใจไม่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“หือ เปล่านี่”ไอ้ภาคินส่ายหน้าด้วยสีหน้าปกติ แต่ผมว่าดูไม่เนียนยังไงไม่รู้ แล้วพี่มือกลองก็ออกไป
“คือ…ต่อมั้ย”ภาคินทำหน้านิ่งถามผม มาอีหรอบนี้ผมแทบอยากมุดพื้นห้อง
ภาคินมันชวนผมไปดูการถ่ายทำมิวสิคเอ็มวีของลูกน้ำ แต่ผมเบื่อจะเป็นข่าวเม้าท์แล้วก็เลยไม่ไป ถึงจะอยากไปดูไอ้ฉากจูบจริงแสดงจริงนั่นก็เถอะ กระแสก็มาดีมากๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเพราะภาคินกับลูกน้ำแสดงด้วยกันรึเปล่า เพราะสองคนนี้เดบิวต์เข้าวงการพร้อมๆ กันแถมยังเป็นข่าวด้วยกันมาพักใหญ่
ผมลองไปเสิร์ชข่าวเก่าๆดู น่าตกใจมากแค่พิมพ์ชื่อภาคิน ลูกน้ำไป ก็เจอรูปเยอะแยะไปหมด แต่ผมก็เข้าใจนะ เวลาที่ศิลปินดาราไปร่วมงานกับใครแล้วจะมีแฟนคลับบางส่วนจิ้น นู่นนี่นั่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จู่ๆ ผมก็เกิดความรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นคอมเม้นสนับสนุน ให้ร่วมงานกันเยอะ บลาๆ ปกติผมจะไม่แคร์เรื่องแบบนี้เท่าไหร่เพราะผมไม่ใช่พวกไร้สาระที่จะมาหงุดหงิดกับเรื่องจิ๊บจ๊อยพวกนี้
“ปล่อยวางๆ…”ผมสูดหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อระงับอาการหงุดหงิดของตัวเอง ผมต้องใจกว้างเข้าไว้ ไอ้ภาคินมันต้องทำงานนะเว้ย เมฆ นายจะให้ความรู้สึกไร้สาระนี่มาทำให้นายดูเป็นคนงี่เง่าไม่ได้นะ
“เป็นอะไรของมึง หลับตาพึมพำอยู่คนเดียว”ไอ้เชษโบกมือตรงหน้าผมไปมา ผมสะดุ้งเล็กน้อย
“เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆ เรื่อยเปื่อย”ผมดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันรีบปิดวิดีโอเพลงหวานซึ้งจนมดตอมนั่นให้พ้นสายตารู้ทันของไอ้เชษ
“อ้อ ที่แท้ก็มาดูสุดที่รักเล่นเอ็มวี กูว่ามันเล่นเก่งดีนะ ฉากจูบนี่จูบจริงรึเปล่า”ไอ้เชษพูดยิ้มๆ แหม ชนกันขนาดนั้น ไม่จริงก็บ้าแล้ว
“มันเป็นงานนี่ กูก็เฉยๆ”ผมเฉยๆเรื่องจูบเพราะเข้าใจว่าคือการแสดง แต่ผมหงุดหงิดกับพวกกองอวยมากกว่าไง
“มึงว่ากูไร้สาระเปล่าวะ ที่จู่ๆก็มาหงุดหงิดกับพวกแฟนคลับบางพวกของภาคิน”
“ก็…ไม่หรอก มันก็ต้องมีบ้างแหละที่มึงต้องรู้สึกแบบนี้ ถ้ามึงไม่รู้สึกอะไรสิแปลก แต่ก็…มึงก็รู้นี่ว่าทำอะไรไม่ได้หรอก”ผมพยักหน้ากับตัวเอง
“แค่หงุดหงิดเฉยๆ เดี๋ยวก็หายเองแหละ…”
“ทางที่ดีมึงไม่ต้องไปอ่านหรอก อยู่ในที่ๆมึงอยู่ก็พอ คิดมาก เครียดมาก ระวังแก่เร็วนะเว้ย แล้วนี่ไอ้แมวมองจากค่ายแม็กซ์มันเลิกเซ้าซี้มึงรึยัง”ไอ้ค่ายแม็กซ์นี่เป็นค่ายเดียวกับที่เพชรอยู่ พยายามจะทำให้ผมไปร่วมค่ายให้ได้ เห็นอยากให้ผมมาร่วมแสดงหนังฟอร์มใหญ่แห่งปีนี้ด้วย บทที่เขาเสนอมาคือเป็นน้องชายของไอ้เพชรมัน แต่ผมไม่อยากเล่น เลยปฏิเสธไป
“ยังเลยว่ะ กูชักรำคาญแล้วนะเว้ย”ผมบ่นอย่างหงุดหงิด
“ไม่เข้าใจว่ะ ทำไมถึงอยากให้มึงไปเล่นนักวะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นว่ากระแสกำลังมาล่ะมั้ง”ผมขี้เกียจจะคิดให้ปวดหัว ล่าสุดก็ให้เพชรมาคุยกับผม ไอ้นี่น่าปวดหัวกว่าพวกแมวมองพวกนั้นอีก
---------------------TBC
ตอนหน้าน่าจะเป็นพาร์ทของเจนกับปอย ขอบคุณที่ติดตามค่ะ