วันเปี่ยมรัก.6
ผู้ใหญ่เปี่ยมกำลังหัวเราะด้วยความขำ ไม่ได้โกรธเลยสักนิดที่โดนต่อว่าแบบนั้น
“เอ้า ๆ ไม่ว่ากัน จะกวนมือกวนตีน กวนอะไรก็ช่างเถอะ มากินก๋วยเตี๋ยวกัน”
ทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่กิน ก็ยังจะให้กินให้ได้ น่าหงุดหงิดใจจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
“บอกว่าไม่กินไง”
ปฏิเสธไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจฟังเลยสักนิด ที่จริงแบบนี้น่าจะเรียกว่าไม่ใส่ใจจะฟังกันมากกว่า
“ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง”
“..........”
“อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า”
“..........”
“ผู้คนอดอยาก...”
“ผู้ใหญ่!”
“หืม อะไรเหรอ”
ยังจะมาถามอีกว่าอะไร ทำไมต้องยกมือไหว้ก๋วยเตี๋ยว แล้วก็ท่องคำพูดแบบนั้นให้ได้ยินด้วย แล้วการที่หันมามองแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แบบนั้นอีก มันยิ่งทำให้โมโหไม่รู้หรือไง
“นี่เราท่องทุกวัน ตอนเป็นทหารเกณฑ์นะวัน”
จะเอาให้ได้ใช่มั้ย จะทำให้โมโหให้ตายไปเลยใช่มั้ย
“ผู้ใหญ่เปี่ยม!”
ขึ้นเสียงใส่ และผู้ใหญ่เปี่ยมก็ท่องคำกลอนที่ท่องค้างเอาไว้ไม่เลิก
“ผู้คนอดอยาก มีมากนักหนานะวัน...”
“ก็ช่างคนที่อดอยากสิ”
“ทำไมวันถึงไม่คิดจะสงสารบรรดา...เด็กตาดำ ๆ ที่ไม่มีข้าวกินบ้างเลยล่ะ”
ไม่ใช่แค่พูด แต่ผู้ใหญ่เปี่ยมยังแกล้งกระพริบตาปริบ ๆ สองสามที แสดงท่าทางของเด็กตาดำ ๆ ได้สมจริงมากจนศิวัฒน์อยากจะเขย่าตัวของคนที่ทำหน้าแบบนั้นด้วยความหมั่นไส้
“วันใช้ตะเกียบเนอะ เรามีตะเกียบกับส้อม เดี๋ยวเราใช้ส้อมเอง อ่ะนี่”
ต้องจำใจรับตะเกียบและช้อนที่ผู้ใหญ่เปี่ยมส่งให้และศิวัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นพยายามสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามไม่ให้ตัวเองโมโหไปมากกว่านี้
“คนเรานะวัน มีให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว พวกเราน่ะยังเลือกจะกินหรือไม่กินอะไรก็ได้ แค่ก๋วยเตี๋ยวน่ะกินไปเถอะ จะได้หายหิว หายโมโห เราเป็นคนขอร้องให้วันมาทำงานให้ตั้งแต่เช้า เราก็เป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านจน ๆ คนหนึ่ง จะหาอะไรมาตอบแทนดี ๆ ก็ยังไม่มีให้ วันก็รู้ไม่ใช่เหรอ ก๋วยเตี๋ยวนี่ถือเป็นอาหารพิเศษแล้วนะ สำหรับคนที่อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างเรา”
ถ้าไม่กินนี่รู้สึกว่าตัวเองจะเป็นคนที่เลวมากยังไงไม่รู้ พูดถึงขนาดนี้ ถ้ายังจะขืนไม่ยอมกินอีกตายไปคงตกนรกแน่ ๆ ที่ผู้ใหญ่เปี่ยมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง สำหรับหมู่บ้านเล็ก ๆ แค่การได้กินก๋วยเตี๋ยวก็เหมือนได้กินอาหารดี ๆ ไม่ต่างจากอาหารขึ้นห้างดัง ๆ ในเมืองเพราะหมู่บ้านเล็ก ๆ ก็มีของกินอยู่แค่นี้ไม่มีอะไรให้เลือกมากมาย
“มีให้แค่เท่านี้ มีเพียงแค่เท่านี้ ไม่มีมากมาย...ดังใครเขามี”
“พอเหอะ แค่กลอนที่ผู้ใหญ่ท่องมาก็ทำให้เราเป็นคนเลวมากพอแล้ว ถ้าขืนผู้ใหญ่ร้องเพลงนี้จนจบเพลง เราคงกลายเป็นคนเลวตกนรกขุมที่ 18 ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเพียงเพราะไม่ยอมกินก๋วยเตี๋ยวที่ผู้ใหญ่บังคับให้เรากิน”
ยอมกินแล้ว จะก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรก็เอามาเถอะ ยอมกินทั้งหมดแล้ว ยอมกินก๋วยเตี๋ยวที่ผู้ใหญ่เปี่ยมจ่ายเงินซื้อมาให้แล้ว และไม่อยากจะต่อปากต่อคำด้วยอีก เพราะถ้ายังขืนไม่ยอมกิน อาจจะยิ่งกว่าตกนรกขุมที่ 18 ก็เป็นได้
“เรานี่นะวันช่างเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห ปากร้าย แล้วก็...”
นึกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบแล้วแท้ ๆ แต่ผู้ใหญ่เปี่ยมก็ยังไม่ยอมให้จบง่าย ๆ
“เออ แล้วไง เราไม่ใช่คนดีอะไรตั้งแต่แรกแล้ว เราเป็นคนแบบนี้แหละ ไม่เหมือนผู้ใหญ่เปี่ยมแสนดีที่ชาวบ้านยกย่องหรอก”
ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไร และไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง เพราะไม่เคยมีใครให้ความสนใจสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว ชาวบ้านเลือกที่จะจดจำ ศิวัฒน์ว่าคือ ไอ้วันเฉลิม ลูกอีลำยองขี้เมา แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะต้องเป็นคนดีในสายตาของใคร ๆ เพราะยังไงก็ไม่มีใครจดจำในสิ่งที่เป็นจริง ๆ
“เรานี่นะวัน ช่างเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห ปากร้าย แล้วก็ทั้งเก่งทั้งหน้าตาดีชะมัด”
หมายความว่ายังไง?
ไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่เปี่ยมพูด อยากจะถามว่าที่พูดมาทั้งหมดหมายความว่ายังไง ทำไมทำเหมือนตบหัวแล้วค่อยมาลูบหลังกันแบบนี้
“เราชอบกินลูกชิ้นมากเลยนะ เราเก็บลูกชิ้นไว้กินตอนท้ายสุดเสมอแหละ”
ใครอยากจะรู้ว่าผู้ใหญ่จะชอบหรือไม่ชอบอะไร จะเก็บลูกชิ้นไว้กินตอนไหนก็เรื่องของผู้ใหญ่เถอะ ไม่ต้องบอกหรอก เพราะไม่อยากรู้
ศิวัฒน์นิ่งเงียบ ถึงแม้จะคิดอะไรอยู่ในใจก็ไม่พูดออกมา ก้มหน้าก้มตาใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวกินไปเงียบ ๆ กินให้หมดซะจะได้จบ ๆ แล้วก็จะได้รีบทำงาน รีบกลับบ้านซะที ขืนยังต้องอยู่กับผู้ใหญ่เปี่ยมนานไปกว่านี้จะยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เราให้วัน”
ลูกชิ้นที่ผู้ใหญ่เปี่ยมบอกว่าจะเก็บเอาไว้กินตอนสุดท้าย ถูกคีบใส่ชามให้และศิวัฒน์ก็แค่มอง
“คีบลูกชิ้นให้ขนาดนี้วันหลังก็สั่งเกาเหลาให้เราซะเลยสิผู้ใหญ่ ลูกชิ้นเพียบเต็มชามแน่ ไม่ต้องทำให้เราซาบซึ้งด้วยการคีบลูกชิ้นให้เราหรอกนะ เราไม่ได้ซึ้งใจกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำเลยสักนิด”
พูดออกไปตรง ๆ และเขี่ยลูกชิ้นที่ผู้ใหญ่เปี่ยมคีบมาให้ไปอยู่ข้าง ๆ ชาม ปฏิเสธน้ำใจกันซึ่งหน้าและผู้ใหญ่เปี่ยมก็พยักหน้ารับ
“เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้วันซึ้งหรอกนะ เราแค่พยายามสร้างความประทับใจเฉย ๆ”
ใครต้องการ ใครอยากจะได้ความประทับใจ ทำแบบนี้คงน่าประทับใจมาก น่าประทับใจแทบตาย
ส่ายหน้าและแสดงท่าทางให้รู้ว่าไม่ได้ประทับใจเลยสักนิด และผู้ใหญ่เปี่ยมก็ยังพูดต่อไปไม่หยุด
“วันศุกร์หน้าวันกลับบ้านใช่มั้ย งั้นเดี๋ยววันศุกร์หน้าเราจะหิ้วเกาเหลาลูกชิ้นไปฝากวันที่บ้านก็แล้วกัน”
นี่มันใช่แล้วเหรอ แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว จะให้อธิบายมั้ยว่าที่พูดออกไปทั้งหมดนั่นคือการประชด ถ้าต้องการให้พูดตรง ๆ งั้นจะพูดก็ได้
“ผู้ใหญ่เปี่ยม ที่พูดนั่นเราประชด ยังไงได้โปรดเข้าใจสิ่งที่เราประชดบ้างเถอะ”
“ปกติ วันประชดใครบ้างล่ะ”
“จะใครก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้เราประชดผู้ใหญ่อยู่”
พูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการที่ผู้ใหญ่เปี่ยมหัวเราะเสียงเบาและมองหน้าของศิวัฒน์ทั้งที่ยังยิ้มกว้าง
“เชื่อมั้ย ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยถูกใครด่าซึ่ง ๆ หน้าว่าเรากวนตีนเลย วันนี่แหละคนแรก”
แล้วไง...
เงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดไปยิ้มไปแล้วก็นึกหมั่นไส้และรำคาญสายตาของผู้ใหญ่เปี่ยมที่กำลังมองมาเกินทน
“แล้วเชื่อมั้ย ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีใครพูดกับเราตรง ๆ ว่ากำลังประชดเราด้วย”
“ทำไม จะบอกว่าผู้ใหญ่ชอบให้ด่าชอบให้ประชดงั้นเหรอ”
ถามออกไปตรง ๆ และไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“เปล่า ไม่ได้ชอบให้ใครด่าแล้วก็ไม่ได้ชอบให้ใครประชดหรอก”
“แล้วผู้ใหญ่ชอบอะไร”
ผู้ใหญ่เปี่ยมทำหน้าลังเลและเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มให้ศิวัฒน์ ใช้ส้อมจิ้มลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวกลับคืนมาใส่ปากและเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย และพูดสิ่งที่คิดออกมา
“เรา...ชอบวัน”
TBC.