Lv.13 ค้างคาว
ผมได้ยินเสียงลินกับไวไวตะโกนมาจากที่ไกลๆ ผมในตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาสีแดงมองกลที่ยืนนิ่งไม่คิดหลบเลี่ยง
ผม...
แปะ! พรืด กี๊ดดๆ
“...”
“...”
“...”
ความเงียบปกคลุมชั่วขณะ เจ้าของดวงตาสามคู่มองตรงมายังก้อนขนสีทองกลมที่ตะกายเกาะเสื้อกลด้วยเล็บเล็กๆ เสียงแหลมเล็กดังออกมาจากเจ้าสิ่งนั้น แบบไม่รู้จะแสดงสีหน้าอะไรออกมาดี กระต่ายแคระไวไวอยู่ในท่าชะงักค้างยื่นมืออยู่กับที่ ลินหันหน้าหนีอับจนซึ่งคำพูด ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือหมาป่าหนุ่มที่ถูกสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตรงอกทำร้ายจิตใจอย่างร้ายกาจ
ในสมองหมาป่าหนุ่ม นึกคิดไปแล้วว่าจะตั้งรับกับแวมไพร์ที่คลุ้มคลั่งอย่างไรดี นึกไปถึงขั้นหลังจากถูกกระโจนเข้าใส่ จะกางแขนรับปล่อยให้อีกฝ่ายสูบเลือดซะให้พอ พร้อมกระดกยาเพิ่มเลือดรัวๆ หลังจากนั้นจะจัดการด้วยวิธีสุดบรรเจิดเพื่อหยุดแวมไพร์ตัวร้าย
แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง นอกจากจะไม่เป็นตามที่หวัง แผนการฉวยโอกาส แค่ก! แผนการตั้งรับซะดิบดียังถูกทำลายสิ้น มือหนาประคองร่างน้อยๆ ตรงอดด้วยสายตาว่างเปล่า ยังพอมีเมตตายื่นนิ้วชี้สังเวยค้างคาวขนาดเท่าลูกเทนนิส ให้คมฟันเล็กคมกัดดูดจ๊วบๆ ดับความกระหาย
ปีกค้างคาวสีดำกระพือเบาๆ เพื่อพยุงกายบนฝ่ามือโดยไม่ร่วงหล่น ไวไวเลิกสตาฟตัวเอง ยืนนิ่งด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ไม่รู้จะหัวเราะเยาะ จะสงสาร หรือสมเพชดี
กลที่ทำท่าเหมือนจะคลุ้มคลั่งเพราะความกระหายหลังจากเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์ ในยามที่ร่างสูงโปร่งพุ่งเข้าหากล ชั่วพริบตานั้น เพื่อนแวมไพร์ตัวหดจนกลายเป็นค้างคาวสีทองปีกดำ เกาะเสื้อกลร้องขอเลือดเสียงเล็ก ซึ่งเป็นเสียงที่มีแต่คนในปาร์ตี้เท่านั้นที่ได้ยินและเข้าใจ
“กล ขอเลือดหน่อย หิวจะตายแล้ว กล~ เย้ ได้เลือดแล้ว จ๊วบๆ”
นี่คือเสียงที่พวกเขาได้ยินแทนเสียงร้องงี๊ดๆ ง๊าดๆ แหลมๆ ของค้างคาวในมือกล หากสังเกตเหมือนหูกับหางหมาป่าจะลู่ตกเหมือนหมาหมดอาลัยตายอยาก ยอมรับชะตากรรมประคองค้างคาวตัวเล็กขนปุยไม่ให้หล่นแอ๊กไปบนพื้น ดีหน่อยที่แถวนี้ต้นไม้หนาทึบ แดดส่องผ่านรำไรให้เห็นทาง จึงไม่เป็นผลเสียกับแวมไพร์ตัวน้อยมากนัก ถึงอย่างนั้น กลก็ยังใช้ขนสัตว์ของตัวเองคอยคลุมไว้อีกชั้นเพื่อความปลอดภัย
“ทีนี้ พวกเราจะเอาไงต่อไปดี ออกเดินทางไปเมือง หรือจะเก็บระดับแถวนี้ต่อ”
ลินที่ดูสติกลับมาคนแรกลำสายตาจากเจ้าก้อนขนสีทอง มองหน้ากลพลางอุ้มกระต่ายแคระสู่อ้อมแขนกว้าง กลที่พอทำใจได้แล้ว ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต้องกลายเป็นคนตัดสินใจชั่วคราว เพราะคนที่คอยนำว่าอยากไปไหน ดันติดภารกิจอันยิ่งใหญ่ คือการเติมเลือดให้อิ่มกระเพาะเล็กๆ พอเป็นแบบนี้ กลที่มีค่าเลือดเยอะแถมฟื้นตัวไว เลยไม่คิดจะหยิบขวดยาเพิ่มเลือดขึ้นมาดื่ม เพียงแค่จัดท่าทางให้วัตดูดเลือดง่ายขึ้นเท่านั้น
“หาที่ปักหลักรอให้วัตฟื้นตัวค่อยตัดสินใจกันต่อ”
ทุกคนไม่มีปัญหากับข้อเสนอนี้ อีกอย่างเดี๋ยวพวกเขาต้องคุยปรึกษากันด้วยว่าจะจัดการยังไงกับคำสาปที่ได้รับดี แม้มันจะมีทั้งผลดีและผลเสีย แต่การปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่นัก
พอตกลงกันได้กำลังจะออกเดินทางไปยังถ้ำธรรมชาติใกล้ๆ ไวไวเพิ่งได้สติ ว่าตัวเองถูกอุ้มเป็นตุ๊กตาร้องโวยขึ้นมา
“เฮ้ย ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องให้เธอมาอุ้ม” ดวงตาสีทองคมกล้าก้มมองเด็กกระต่ายที่อุ้มด้วยแขนเพียงข้างเดียว
“ฉันอุ้มน่ะดีแล้ว นายในสภาพนี้ต่อให้กระโดดจนขาหลุดก็วิ่งตามพวกเราไม่ทันหรอก” อีกอย่าง เธอชอบอะไรที่มันน่ารักๆ ยิ่งอีกฝ่ายเปลี่ยนจากไอกระต่ายถึก กลายเป็นกระต่ายโชตะแก้มยุ้ยเหมือนตุ๊กตา ยิ่งไม่อยากปล่อยให้ห่างจากตัว ไม่ติดว่าเธอควบคุมตัวเองดีพอ คงจะคว้ามาฟัดทั้งแต่เห็นทีแรกแล้ว
สิ่งที่ลินบอกคือความจริง กลฝีเท้าไว แม้มีตัวพ่วงเป็นค้างคาวไร้ประโยชน์ ขนาดตัวแค่นั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าตัวอยู่แล้ว ทางลิน ปกติเวลาเดินทางพวกเขาผู้ชายสามคนจะชะลอฝีเท้าไว้บ้างเพื่อรอเธอ ที่แม้จะเสริมด้วยพลังลมก็ยังไม่อาจตามฝีเท้าพวกสัตว์ป่าอย่างพวกเขาทันได้ ตอนนี้มันไม่ใช่ ลินกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว มีกำลังเพิ่มมากขึ้น การวิ่งไล่ตามไม่ใช้ปัญหาอีกต่อไป ที่เหลือก็คือตัวเองถูกลดไซส์เป็นเด็กสิบขวบ ต่อให้เป็นกระต่ายกระโดดได้ไกลแค่ไหน เทียบกับช่วงขายาวๆ ของทั้งคู่ คงต้องกระโดดสักสิบรอบ ถึงจะได้ช่วงกระโดดรอบหนึ่งของสองคนนี้
ไวไวเลยได้แต่กัดฟันกอดอกทำท่าฮึดฮัด แบบที่ถ้าอยู่ในร่างปกติคงน่าเกรงใจบ้าง แต่พออยู่ร่างนี้มันเหมือนเด็กน้อยงอนไม่ได้ของเล่นมากกว่า
“ไปเถอะ”
กลออกปากเร่ง ลินพยักหน้ารับแล้วออกวิ่งตามกลไปถ้ำธรรมชาติ ทางระหว่างน้ำตกกับบึงกบที่พวกเขาอยู่ พอถึงที่หมาย กลทิ้งตัวลงนั่งบนก้อนหินก้อนใหญ่ ลินนั่งอยู่ไม่ไกล วางไวไวไว้บนตัก
ถ้ำแห่งนี้กลเคยแวะสำรวจมาแล้วรอบหนึ่ง ไม่มีมอสเตอร์ด้านในแน่นอน เพราะด้านในเดินไม่ไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นทางตัน ยังพอมีช่องให้อากาศถ่ายเท ด้านนอกถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ ดูเหมือนไม่มีใครมาแถวนี้เป็นเวลานานแล้ว พวกเขาจึงใช้ที่นี้พักคุยกันชั่วคราวได้โดยไร้กังวลว่าจะมีมอสเตอร์ที่ไหนมากวนใจ
“วัตเป็นไงบ้าง” เสียงแตกหนุ่มของชายผมทองหยักศกสั้นระคอ เอ่ยถามก้อนขนสีทองที่ย้ายตัวเองไปนั่งลูบพุงป่องๆ ของตัวเองบนหัวหมาป่าหนุ่ม สีผมน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ช่างตัดกับสีเจ้าค้างคาวดีเหลือเกิน
“อิ่มตื้อเลยล่ะ เอิ๊ก” บอกไม่พอ ยังมีเรอเป็นหลักฐานยืนยัน กลถึงกับยกมือลูบหน้า แลบลิ้นเลียปลายนิ้วชี้ของตัวเองที่มีรูเล็กๆ สองรูเพื่อสมานแผล หูสามเหลี่ยมขยับดุกดิกเมื่อค้างคาวกลิ้งไปซุกเกาะ
“ใครเขาถามเรื่องนั้นวะ อาการนายต่างหากที่พวกเราอยากรู้” ไวไวเริ่มทำใจได้กับการต้องกลายเป็นตุ๊กตาประดับตัวลินชั่วคราว จนกว่าคำสาปจะถูกลบล้างออกไป
“อ่อ ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ดูเหมือนว่าถึงจะกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัว มันไม่มีผลกับฉันเท่าไหร่ แถมพละกำลัง การใช้พลังยังดูเหมือนจะมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย แลกกับต้องดื่มเลือดเป็นอาหารจานหลัก แดดน่ารำคาญกว่าเดิมเท่านั้นเอง”
ผมกลิ้งไปกลิ้งมาบนหัวกลสบายอารมณ์ พอได้เลือดค่อยดีขึ้นหน่อย อีกอย่างร่างค้าวคาวเล็กๆ นี่ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก ผมเรียกหน้าจอค่าสถานะของตัวเองออกมาดู ภายในเกมนี้จะมีหน้าจอแสดงสถานะต่างๆของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ระดับเลเวล คำสาปที่ได้รับตอนเริ่มเกม อาวุธประจำตัว สกิลที่ใช้ เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองถูกรวมไว้ในจอนี้ เลื่อนจิ้มเมนูดูตามใจชอบ
ผมใช้มือเล็กจิ๋วปัดจอขยายใหญ่ ฉายอยู่กลางวงให้ทุกคนได้เห็นด้วย มันสามารถเลือกได้ว่าจะให้คนอื่นดูด้วยรึเปล่า ซึ่งผมตั้งเอาไว้ว่า ให้เพื่อนในปาร์ตี้ดูได้
ชื่อ : อายุวัต
Lv : 56
เลือด : 55,000
อาวุธ : เคียวเกี่ยวข้าว
คำสาป : แวมไพร์
คำสาป2 : แวมไพร์บริสุทธิ์
ผมกดเลือกอ่านคำบรรยายของคำสาป2
คำสาป2 : แวมไพร์บริสุทธิ์ ผู้เล่นที่ได้รับคำสาปนี้จะต้องมีคำสาปแรกเป็นแวมไพร์ ค่าสถานะ ความสามารถในสายคำสาปดั่งเดิมจะเพิ่มขึ้นสองเท่า แลกเปลี่ยนกับร่างกายจะถูกเปลี่ยนให้มีลักษณ์แบบเดียวกับแวมไพร์ในตำนาน
นั่นหมายความว่า ผมจะแพ้พวกอาวุธธาตุเงินกับพลังธาตุแสงมากกว่าเดิม แดดเป็นอุปสรรค์กับผมมากขึ้น โชคดีที่ผมโดนคำสาปซ้อนคำสาปเอาตอนเลเวลพอสมควรแล้ว แดดจึงไม่มีผลกับผมมากเท่าไหร่นัก ถ้าหากเลเวลน้อยกว่านี้คงแทบไม่ต้องออกไปไหน
ผมสามารถเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวทุกเมื่อ โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน อย่างก่อนหน้านี้ ความคิดลึกๆ ของผมคงไม่อยากทำร้ายกล เลยหดตัวเองกลายเป็นค้างคาว ดื่มเลือดน้อยแต่พอพุง
ทุกคนอ่านข้อความที่ขึ้นบนหน้าจอแล้วพากันแสดงสีหน้าโล่งอก มันดูไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด แถมยังเพิ่มพลังให้ด้วย แลกกับจุดอ่อนหลายๆ อย่างที่มากขึ้น ซึ่งมันไม่เป็นปัญหา หากมีการเตรียมรับที่ดีพอ
“พอได้อยู่ เอาแบบนี้ดีมั้ย ทุกคนเปิดคำบรรยายของคำสาปอันที่สองมาแลกกันอ่าน เวลาสู้จะได้รู้ว่าใครสามารถทำอะไรได้แค่ไหน อะไรที่ควรระวังจะได้ช่วยกัน ไม่ต้องห่วง สามารถเปิดให้ดูคำบรรยายของคำสาปอย่างเดียวได้”
ไวไวเสนอ ผมคิดว่ามันเข้าท่า ลินกับกลเห็นด้วย หลังจากนี้พวกเราต้องลุยกันอีกเยอะ กว่าจะไปถึงเมืองถัดไปที่ใกล้ที่สุด แถมไม่รู้ว่าเมืองนั้นจะสามารถทำให้พวกเรากลับเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า
กระต่ายเด็กเปิดข้อมูลของตัวเองออกมาแบบไม่ปิดบัง ของไวไวไม่ผิดจากที่ผมคาดเอาไว้เท่าไหร่นัก เจ้าตัวถูกลดเป็นกระต่ายแคระก็จริง แต่ได้ความคล่องตัว ความรวดเร็วของการเคลื่อนตัวระยะสั้นมีมากขึ้น ด้วยขนาดตัวที่เล็กลง หูกับกำลังขาดีขึ้น แลกกับพลังกายที่อ่อนลดไป
ฝั่งหญิงสาวที่กลายเป็นชายหนุ่ม รูปร่างสูงเหมือนเด็กวัยรุ่นลูกครึ่งกับใบหน้าหล่อเหล่า พละกำลัง กับความทนทานของร่างกายมีมากขึ้น สิ่งที่ต้องแลกคือ ความแรงของการใช้เวทมนต์ ด้วสาเหตุที่ว่า ร่างของผู้ชายเชื่อมต่อกับเวทได้ไม่เท่ากับร่างของผู้หญิง แต่ถ้าในอนาคตจัดการดีๆ กลายเป็นนักเวทหนุ่มผู้เก่งกาจได้ไม่ยาก ที่สำคัญ ดูเจ้าตัวจะพออกพอใจกับมันมากทีเดียว
สุดท้ายกล เขาเปิดให้ดูแค่รายละเอียดของคำสาป กลโดนแบบเดียวกับผม เปลี่ยนแค่ของเขาเป็นหมาป่า มีกำลังกาย ความเร็ว การล่าเพิ่มจากเดิมสองเท่า แน่นอน ย่อมมีสิ่งที่ทำให้แย่ลง ถ้าคืนพระจันทร์เต็มดวงเมื่อไหร่ เจ้าตัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะกลายเป็นหมาป่าสี่ขาจนกว่าจะเช้า หรืออาละวาดแบบเวลาผมหิวเลือด ในส่วนนี้คงต้องมาพิสูจน์กันภายหลัง
สรุปแล้ว คำสาปภายในเกมนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แตกต่างจากเกมอื่นที่คำสาปมีแต่ผลเสียเท่านั้น ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะสามารถประยุกต์คำสาปเหล่านั้นให้เหมาะสมกับตัวเองได้รึเปล่า ผมกับกลมองหน้ากัน พวกเราชินกับคำสาปแรกเริ่มแล้ว จะเพิ่มความเทพแลกกับจุดอ่อนนิดๆหน่อยๆถือว่าคุ้มค่าอยู่ แม้ไม่ต้องพูด พวกเราสามารถตัดสินใจได้ทันทีว่า จะไม่แก้คำสาปนี้ ทั้งหลักและรองเลย ส่วนไวไวกับลินนั่นอีกเรื่อง สองคนนั้นถูกเปลี่ยนไปแบบคนละขั้ว
“ฉันกับกลไม่คิดจะลบคำสาปออก พวกนายล่ะเอาไง” ผมในร่างค้างคาวถามสองคนตรงหน้า บนที่นั่งระดับวีไอพี
“แหงอยู่แล้ว จะจะเอาคำสาปที่สองออก สำหรับฉัน รูปร่างปกติต่อสู้ได้ดีกว่าร่างเล็กๆ ที่ไม่ถนัดแน่นอน”
กระต่ายแคระตอบแบบไม่เสียเวลาคิดแม้เสี้ยววิ ที่เหลือคือลิน เจ้าตัวเงียบไปพักนึง พวกเราไม่คิดเร่งเร้าปล่อยให้เธอตัดสินใจเอง
“ฉันไม่ลบคำสาปออก ฉันชอบร่างแบบนี้มากกว่า แม้ว่ามันจะทำให้พลังเวทลดลง แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถใช้ไอเท็มอื่นมาช่วยเสริมได้”
ลินตอบด้วยสายตาแน่วแน่มั่นคงอย่างคนตัดสินใจได้ ดูเหมือนลึกๆ ในดวงตาคู่นั้น กำลังสนุกกับสิ่งที่เป็นอยู่ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเลย ลินเป็นแบบนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับผมหรือกลทั้งสิ้น เว้นแต่จะขาดอาหารตาอันมีค่าไปเท่านั้นเอง คิดแล้วมันเศร้า ส่วนไวไว เจ้าตัวคงยังไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเอง คงโรยด้วยกระดูกจากนักเวทมืดที่ตัวเองนั่งตักอยู่ โชคดีนะเพื่อน เราจะไม่ลืมนายเลย ผมไว้อาลัยให้ไวไวในใจเงียบๆ สามวิ
ผมคิดทบทวนแผนการเดิมของพวกเรา ตอนแรกเราจะไปช่วยลินทำภารกิจเพื่อเอาทักษะ แต่ก่อนหน้านั้นต้องเก็บระดับให้ได้ 90 ซะก่อน ซึ่งเราจะทำระหว่างทางไปหาคนรู้จักของกล ให้เขาช่วยแนะนำให้ว่าควรทำอย่างไรกับภารกิจบ้าง มาตอนนี้คงต้องเอาเรื่องของไวไวลัดคิวมาก่อน
โดยปกติ การล้างคำสาปสามารถทำได้หลายวิธี โดยทั่วไปจะซื้อยาแก้คำสาปมากิน แต่คำสาปที่พวกเราได้รับจากเจ้าชายกบใจแคบ ไม่สามารถใช้ยาลบคำสาปทั่วไปได้ อีกวิธีคือการให้นักเวทสายแสงสว่างมาช่วยลบล้าง อย่างที่เห็น ทีมเราสี่คนปาไปด้านมืดแล้วสาม ที่อยู่ทางสายกลางมีแต่ไวไว วิธีที่สาม เข้าโบสถ์เพื่อถอนคำสาป โดยวิธีนี้ ผม กล ลิน ไม่สามารถทำได้แน่ พวกเราเป็นสายความมืด เข้าสถานที่ ที่มีแต่พลังธาตุแสงที่อยู่กันคนละขั้วไม่ได้ จะให้ไปลากนักบวชสักคนมาล้างเหมือนหาเรื่องบาดเจ็บเพิ่มมากกว่า ใช้ยาก็ไม่ได้ผล
เหลือวิธีสุดท้าย หาไอเทมที่สามารถลบล้างคำสาปได้ มันหาไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน โลกภายในเกมกว้างใหญ่จะตาย จะไปหาของที่มีอยู่เพียงหยิบมือ เรียกว่าฝันกลางวันเบาๆ ดังนั้น ดีแล้วล่ะที่พวกเราสามคนยอมรับคำสาปโดยดี
สำหรับไวไว ทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดคือ การเข้าโบสถ์
“กล แถวนี้พอมีเมืองใกล้ๆที่น่าจะมีโบสถ์บ้างป่าว” ผมบินมานั่งหินข้างๆ แล้วกลับร่างเดิม แบบนี้คุยง่ายกว่า ผมได้ดื่มเลือดควบคุมตัวเองได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในร่างค้างคาวต่อไป แม้ว่ามันจะสบายก็ตาม ไว้วันหลังค่อยแอบอู้โดยสารหมาป่าแล้วกัน
กลครุ่นคิด เขาเรียกแผนที่จากสร้อยเก็บของออกมากางบนพื้นถ้ำ โดยมีพวกเรานั่งล้อมวงอยู่