ตอน...... รักใช่ไหม?
“ฮึก!” ผมชะงักริมฝีปากที่ซุกไซร้ดุดันตามแรงเกรี้ยวโกรธของตัวเองลง หลังจากได้ยินร้องไห้แผ่วเบา
ของอีกฝ่าย รู้สึกลมหายใจตัวเองกระตุกวาบ พร้อมๆ กับสติที่ถูกดึงกลับมา ผมกำลังรังแกไอ้ต้น!!
นี่มันเรื่องเชี่ย!! อะไรกัน คนที่ผมอยากปกป้องมัน ตอนนี้....กลับเป็นตัวเองที่กำลังทำร้ายมัน
ละอายใจเหลือเกิน เกินกว่าจะมองหน้ามันได้ .... มันคงจะทั้งเกลียด ทั้งหวาดกลัวผมสุดใจ
เพื่อน...ที่มันไว้ใจกว่าใครที่ไหน กำลังทำร้ายมันอยู่ มือผมสั่นระริกทันทีที่สติกลับคืนมา
ทิ้งตัวลงกอดมันแน่นๆ เพียงเพื่อต้องการปลอบประโลมคนตรงหน้าให้หายหวาดกลัว กลับได้ยินแต่..
เสียงหัวใจของมันเต้นรัว ด้วยความหวาดกลัว กลัว...สิ่งชั่วร้ายอย่างผม พลาดไปแล้ว ผมค่อยๆ เงยหน้า
มองมันช้าๆ สีหน้าที่ผิดหวังฉายชัด จนใจผมล่วงไปอยู่ตาตุ่ม แค่อารมณ์ชั่ววูบ ... ทำลายมันขนาดนี้
ทำลายความเชื่อใจที่มี..... ตลอดสิบกว่าปีที่เป็นเพื่อนกันมา พูดแทบไม่ออก ...เหมือนน้ำท่วมปาก แต่..ก็ต้องพูด
“ต้น.... กูขอโทษ” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว มีแต่เพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ... ไม่มีเสียงไหนหลุดออกมาจากปาก
ซึ่งผมเองเข้าใจดี ถ้าผมเป็นมัน....ยังแทบคิดไม่ออกว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะทำยังไง มันเบนสายตามองไปข้างๆ
ใบหน้าแดงก่ำ รามไปถึงดวงตาคู่สวยของมัน ที่กำลังสั่นระริก เหมือนๆ กับมือผม น้ำตาไหลช้าๆ ริมขอบตา
ผมดันตัวออก คิดว่ามันคงขยะแขยงตัวผมเต็มที่ แค่มองหน้า.....ก็คงไม่อยากจะมอง ทำเป็นปกป้องมัน
ที่แท้....คนที่ทำร้ายมัน ก็คือ......ผมเอง รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วหัวใจ ...เจ็บ แบบที่ไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อน
รีบพลิกตัวขึ้นนั่ง หย่อนขาลงจากเตียง หันหลังให้อีกฝ่ายโดยพลัน มันบอกไม่ถูก...นอกจากเข้าใจมันแล้ว
ยังรู้สึกเกลียดตัวเองเข้าไส้ ทุกครั้งที่สัมผัสกัน ไม่มีครั้งไหนที่มันไม่เต็มใจ ไม่มีครั้งไหนที่ใกล้เคียงคำว่า “ขืนใจ”
เท่าครั้งนี้ ต่างคนต่างนิ่งเงียบอยู่นาน สร้างความอึดอัดให้แก่เราทั้งสองคน ...... จนเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว
“กูขอโทษ.... ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ กูแค่โมโห .... และ ....เป็นห่วงมึง มากจนเกินไป”
“.......................”
“แต่ที่กูทำ......มึงคงขยะแขยง มึงคงรังเกียจกูใช่มั้ย?”
“............”
“คงผิดหวัง ในตัวกูใช่รึเปล่า แต่กูเสียใจจริงๆ นะต้น มึงจะเกลียดกูก็ได้นะ ....ก็แค่อยากบอกให้มึงรู้”
.
“.....................”
.
“ว่ากูเสียใจ.....” ผมสารภาพหมดเปลือก แต่ก็ยังคงมีแต่ความเงียบงัน มันคงไม่ให้อภัย ก็แน่หล่ะสิ....
ใครจะไปให้อภัยมึงง่ายๆ ทำเค้าทั้งเจ็บทั้งกลัวขนาดนั้น ถ้าผมยังอยู่มันคงยิ่งอึดอัด ถ้างั้นก็....ต้องไป
ผมลุกขึ้น....เดินออกไปอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหน แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ที่นี่ ผมไม่รู้ว่า...พรุ่งนี้
มันจะให้อภัยผมมั้ย? ไม่รู้ว่า....พรุ่งนี้เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า ไม่ต้องถึงกลับยอมให้ผมสัมผัส
แต่แค่เข้าใกล้มัน...... ไม่รู้ยังจะไปได้ยังไง แค่คิด.....ตัวเองก็เจ็บร้าวไปทั้งใจ เห็นประตูห้องอยู่รำไร
ใจก็สั่น .... มือที่สั่นระริกพอกันกับคนข้างใน จับลูกบิดไว้ให้มั่น เผลอหลับตาแน่น กลั้นใจ....
รู้ดี........ ว่าถ้าผมเปิดประตูก้าวออกไปแล้ว จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้อีก นึกถึงรอยยิ้ม นึกถึงความสุข
ที่เราอยู่ด้วยกัน ..... จบแล้วเหรอว่ะ ทำลายทุกอย่างด้วยมือตัวเอง ผมกัดปากตัวเองแน่น
ถอนหายใจหนักหน่วง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กลัว ......แต่.... ก็ต้องไป
“แกร๊ก!!” เสียงที่บั่นทอนหัวใจผมเหลือเกิน
.
.
“เกลียด!!........” เสียงที่พยายามตะโกนก้อง ด้วยเสียงที่แหบพร่า ไร้ซึ่งพลังอันใด หากแต่.... กลับสะกด
ทุกการเคลื่อนไหวของผมอยู่หมัด นิ่งงันอยู่อย่างนั้น ..... ได้ยินเสียงมันอีกนิดก็ยังดี ...ถึงจะเป็นคำด่า
แต่ก็ดีกว่า......มันไม่พูดอะไร ต่อให้มันเกลียด .... แต่มันก็ยังรู้สึกอะไรกับผมใช่มั้ย ไม่ใช่เฉยชา
.
.
“แต่อย่าทิ้งกูไป” ผมค่อยๆ เอี้ยวตัวกลับมาด้วยความแปลกใจ พร้อมรับแรงโถมตัวที่กระโจนใส่อ้อมกอดผมจากอีกฝ่าย
.
.
“ปึก!..... ตึง!” หลังผมกระแทกประตูห้องจนจุก เราทั้งคู่ไถลลงไปกองบนพื้น ใบหน้าที่ร้อนฉ่า
พร้อมน้ำตาเอ่อคลอของมัน ทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปไหน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน .... ที่ผม
ทนไม่ได้.........ที่จะเห็นมันมีน้ำตา
ทนไม่ได้.......ถ้ามันจะเสียใจ
ทนไม่ได้.......เมื่อมันหันไปมองคนอื่น
ทนไม่ได้......ถ้ามันไม่ใส่ใจผม
ทนไม่ได้.........หากต้องสูญเสียมันให้ใคร
รู้สึก ”หวงแหน” จนมากเกินคำว่า “ห่วงใย” และ รู้สึก “โหยหา” จนมากเกินกว่าคำว่า “ต้องการสัมผัสธรรมดา”
ไอ้ความรู้สึกแบบนี้................. เค้าเรียกว่าอะไรว่ะ?
“เพราะว่ากูรักมึง” เสียงไอ้ต้นตอบแผ่วเบา อืม......ความรู้สึกผม น่าจะอย่างนั้นใช่มั้ย เราสบตากัน...
ค่อยๆ ไล้มือบนแก้มนุ่มหอมของมัน พรมจูบไปทั่วใบหน้า .....ก่อนจะสัมผัสกลีบปากสีสดของอีกฝ่ายช้าๆ
และนุ่มนวล เนิบนาบอย่างอ่อนโยน ค่อยเป็น..... ค่อยไป
.
.
.
ร่างกายค่อยบดเบียดเข้าหากัน....... ยิ่งกว่าโหยหา...
.
.
พึ่งรู้....ว่ามันเป็นสิ่งที่ผม “ถวิลหา” อยู่ในทุกช่วงลมหายใจที่สัมผัส ร่างกายที่กอดก่ายกัน
อย่างสุขสม ..... ไม่เคยต้องการใครเท่านี้ ไม่เคยปรารถนาใครเท่านี้มาก่อน
อยากสอดประสาน...... และเป็นหนึ่งเดียวกัน อยากหลอมรวมทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง ให้เป็นอันเดียวกัน
.
.
.
“ฮึก!” อีกฝ่ายเม้นริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงซ่านเหยเก ด้วยความเจ็บปวด ถึงจะใช้เจลช่วยแล้ว
“เจ็บรึเปล่า... กูเอาออกดีกว่า” ผมกำลังจะถอนส่วนกลางลำตัวที่ดันเข้าไปแล้วได้ครึ่งทาง
ถึงจะเสียวจนอยากจะทำอะไรๆ ต่อ แต่สีหน้าเจ็บปวดของคนตรงหน้าทำให้ผมทำต่อไปไม่ไหว
“ไม่เป็นไร.....ว...ไหว” มือเรียวของไอ้ต้นคว้าสะโพกของผมไว้แน่น ทั้งที่ตัวเองเจ็บจนแทบทนไม่ไหว
ถึงได้รู้ว่ามันรักผมมากขนาดไหน .... เลยต้องหยุดเคลื่อนไหว ไล้มือไปบนแก้มแดงจัดของอีกฝ่าย
ซึ่งมันทำได้แค่หลบตาผมเพื่อปิดบังความเขินอาย ที่ขยายความแดงไปทั่วทั้งตัวราวกับกุ้งที่โดนรวก
ทั้งน่ารัก ทั้งน่ากิน จนผมเผลอยิ้มออกมา ..... ก้มลงจูบปากอีกฝ่าย จ้องตากันระยะเผาขน
สายตาที่เชื่อมหวาน ทำผมอยากกลืนกินจนหมดสิ้นทั้งตัว ทั้งหัวใจของมัน ริมฝีปากเราไล้เลีย
ดูดกลืน ล้อเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ฝ่ามือก็นวดเฟ้นไปทั่วลำตัว ทำอีกฝ่ายหลับตาพริ้มเพรา
ด้วยความเสียวซ่าน ครางหวานๆ ออกมาเป็นระยะ ขณะที่ข้างล่างก็กระแซะเข้าไปเรื่อยจนสุดลำ
กลืนกินเวลาที่เนิ่นนาน แต่ก็ไม่นานเกินกว่า.....ที่ผมจะรอไหว เพราะผมไม่อยากให้คนข้างล่างสาหัส
ถึงได้ระมัดระวังจนหยดสุดท้าย จนกว่า.....ร่างกายมันจะพร้อม ที่จะรับสัมผัสจากผม
.
.
.
“อ่ะ อ่า~ ตะ....ตรงนั้น” สะโพกหวานเด้งลอยสูง มือเรียวจิกแน่นที่ไหล่ผม ใบหน้าแดงซ่านบิดเบี้ยว
ด้วยความเสียวสะท้าน ที่ส่วนนั้นของผมแตะเข้ากับจุดเสียวของอีกฝ่าย
“ตรงนี้เหรอครับ อ่า~ อย่าตอด อืมมม~ ...ต้น” ผมครวญครางแทบขาดใจ เมื่อข้างในนั้นบีบรัด
ลูกชายผมจนแทบขยับไม่ไหว ก่อนจะสาวลำยาวๆ เข้าออก ถี่ขึ้น ตามการปรับตัวของอีกฝ่าย
“อือออออออ อ๊าาาาา~” ไอ้ต้นครางหวาน ทำผมกระสันอยากเข้าเส้น เผลอชักลำออกกระแทกไปสุดแรง
“อืมมม ดีมั้ยครับที่รัก”
“ไม้....อ๊ะ....อ่าาาาาาา แรงอีก”
“อ๊ะ อ๊ะ จะเสร็จ อื๊อออออออออ~” น้ำรักสีข่าวขุ่นพ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนหน้าท้องผม ช่องทางรัก
บีบรัดผมจนแน่นแทบหายใจไม่ออก เสียวซ่านไปทั่วร่าง ลูกชายกระตุกหวานไหวไปหลายรอบ จนสุดท้าย
“อืมมมมมมมมม~” ก็พ่ายแพ้ พ่นน้ำรักออกมา ทิ้งตัวลงหอบเหนื่อยลงข้างกัน
กินเวลายาวนาน....ในการร่วมรักกัน กว่าจะบรรเลงเพลงรัก....ที่ซาบซ่าน และอ่อนหวานได้ถึงเพียงนี้
ละเลียดชิมเนื้อหวานของอีกฝ่ายไปทั่วตัว ก่อนจะละมุนมุดตัวให้เชื่อมต่อ แล้วบรรจงนั่งเรือแจว
พายอย่างเชื่องช้า จนผู้โดยสารดูจะพร้อมรับ ถึงเปลี่ยนมาขับสปีดโบ๊ท รัวรัก.....จนสุขสม
กอดก่ายร่างกายกันและกัน ริมฝีปากแตะจูบไม่รู้จักเบื่อหน่าย ไล้สัมผัสกายกันราวกับ....โหยหา
“กูรักมึง” เสียงไอ้ต้นพร่ำบอกความในใจ ผมยิ้มรับอย่างยินดี แตะจูบบนหน้าผากของอีกฝ่าย
.สบตาตวงตาที่หวานปานน้ำผึ้ง ที่ทอประกายล้อแสงไฟ ยามที่มันเอื้อนเอ่ยความในใจ
“กูก็รักมึง ขอโทษนะที่รู้ตัวช้า..... แต่กูพึ่งรู้จริงๆ ว่าคนที่กูรัก.... ต้องเป็น “มึง” เท่านั้นต้น ต้องเป็นแค่ “มึง” ”
ผมเห็นดวงตาแห่งความสุขเป็นประกายฉายชัดในดวงตาคู่หวาน ซึ่งคาดว่าตัวเองคงไม่ต่างกัน
รอยยิ้มที่ส่งผ่านถึงกัน.......... ผ่านความรู้อันท่วมท้นเต็มหัวใจ ราวกับได้ปลดปล่อย.....
พันธนาการ..... ที่สร้างขึ้นมาปิดบังความต้องการที่แท้จริง
ความจริงที่แสนหวาน ....หากแต่ไม่อยากจะยอมรับในสิ่งนั้น
ความรู้สึกที่ถูกกักเก็บ...... จนแทบล้นทะลัก ......... จนสุดท้ายต้องเปิดเผย
“อืม.... ความรู้สึกช้าจริง ๆ เชี่ยนี่” ใบหน้ายิ้มแย้ม ......แก้มแทบปริ แต่ปากดีไม่เปลี่ยน
ได้แต่อมยิ้ม .... กับความโง่งม ที่กว่าจะหาตัวเองเจอ
ก็เกือบ “จะเสียไป” ซะแล้ว
“เชี่ย...........แล้วรักป่ะหล่ะ”
“แหวะ”
“ฮ่าๆๆ /// หึหึหึ”
นึกว่าจะได้คำตอบหวานๆ เหรอ หึหึ...... แค่นี้ก็หวานลากไส้อยู่แล้ว .........
.
.