>> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >> กอด~ ตอนพิเศษ แมวเมา กับความลับ P.26 25/12/13  (อ่าน 161180 ครั้ง)

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ต้องขออภัย  ตอนนี้เป็นตอนเชื่อมกับตอนพิเศษค่ะ  แต่ด้วยที่เราวางโครงเรื่องไม่ดี ตอนแต่งตอนพิเศษ   :katai1:

        ดังนั้น ตอนนี้ เลยขอแต่งใหม่  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
รบกวน........................ลืมตอนเก่าไปเลยนะคะ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

(แอบเอาแต่ใจนิดๆ ทำใจนะคะ ...แบบว่าอยากแทรกความเป็นโรคจิตนิดๆ  หึหึหึ)   :laugh: :z13: :z13:

อ้อ ....จริงๆ ตอนนี้ยังไม่ complete หรอกนะคะ  ....  ยังมีอีก



.
.
.
.

.
.
หลังจากพูดคุยสนุกสนาน และดื่มด่ำกันเฮฮามาพอสมควาร ก็เล่นเอามึนหัวไปเหมือนกัน  ผมเดินมาส่งไอ้ต้น

กับไอ้ไม้ที่รถ  จริงๆ ไม่ได้รักพวกมันมากมาย  หรือเป็นห่วงอะไรหรอกครับ ก็แค่ทางผ่านเพื่อมาเอารถของตัวเอง

ก็ไอ้ของกินแก้มเหล้านะสิ   มันมีแต่กับแกล้มจริงๆ  แห้งๆ กรอบ ๆ เบาๆ  แต่ไม่อิ่มนั่นแหล่ะ  แล้วน้องก็ไม่ได้ดื่มด้วย 

กินแต่กับแกล้มเบาๆ   พยาธิในท้องเลยรวมตัวกันประท้วง  เป็นผลให้ผมต้องออกไปซื้ออะไรแถวๆ หน้าปากซอย

มาเซ่นกันหน่อย  หาเมนูที่มั่นใจแน่ๆ ว่าอิ่ม  แถมยังอร่อย สรุปเลยได้ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ  กับข้าวมันไก่ทอด

 (แต่ละอย่างไม่ค่อยอ้วนเลยเน๊าะ)  พอได้ของตามต้องการแล้วก็รีบ  ตรงดิ่งกลับคอนโดทันที

ขับไปก็ นึกขำในใจว่าป่านนี้ไอ้ตัวเล็กคงหิวจนแทบลากไส้แล้ว  ป่านนี้ไม่ไล่งับของทั้งห้องผมกระจุยแล้วเหรอ

 กำลังจะเลี้ยวเข้าคอนโด มือถือก็ดันดังขึ้นซะก่อน เห็นเบอร์ก็ค่อนข้างแปลกใจ ไหนว่าไปดูหนังกับเพื่อนนี่

ผมขับเข้ามาในลานจอดรถ เสียบเข้าช่องที่ว่างใกล้ๆ  ก่อนจะรีบรับโทรศัพท์


“ฮัลโหลครับอ๋อม”  ผมกรอกเสียงเข้าไปในสาย

“ฮึกๆ ภ...ภาค  ช่วยอ๋อมด้วย ฮือๆ  อ๋อมกลัว ”    น้ำเสียงอ๋อมที่สั่นเครือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว  ผมฟังแล้วใจหาย

ตกใจเหมือนกัน  เป็นห่วง....  ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรรึเปล่า  อ๋อมเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว หอพักก็ค่อนข้างเปลี่ยว

แต่เห็นว่าอยากอยู่ใกล้เพื่อนผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทกับตั้งแต่ ม.ต้น  แต่อยู่คนละมหาวิทลัย และหอนี้ก็อยู่เกือบๆ จะ

กึ่งกลางระหว่างมหาลัยอ๋อมกับเพื่อนคนนั้น  สนิทกันมาก ...  แต่ก็ต่างรักความเป็นส่วนตัวเลยตัดสินใจแยกกันอยู่

คนละห้อง  คนละชั้น(อันนี้เพราะห้องที่ว่างมันเหลือคนละชั้นกัน)   แต่ก็ไปมาหาสู่กันตลอด  ผมได้ยินว่าอย่างนั้น

“ใจเย็นๆ อ๋อม  เพื่อนอ๋อมไปไหน”  ผมถามกลับ  อยากให้อ๋อมไปอยู่กับเพื่อนที่อยู่ใกล้กันที่สุดก่อน

“ก..กลับบ้าน  ภ..ภาค  ฮึกๆ  มา... มาหาอ๋อมที  อ๋อมกลัว”   ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไร  แต่รู้สึกว่าอ๋อมตกใจมาก

“ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวภาคไปหา  เล่าสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ”   ผมถามอ๋อม  ส่วนตัวเองปลดล็อครถ วิ่งถือของกินไปที่

เคาร์เตอร์คนดูแลคนโด  ยกมือไว้ พร้อมเขียนโน๊ต ให้โทรไปที่ห้อง ให้มารับของ    พร้อมทิ้งโน๊ตสั้นๆ ถึงแพน

“ไปธุระด่วน”   เสร็จปุ๊บ ผมก็วิ่งตรงดิ่งไปที่รถเลย  เสียบสมอลทอร์ค เพื่อคุยปลอบใจอ๋อมตลอดทาง


ดูอ๋อมจะร้องไห้มากกว่าได้เล่าจริงๆ จัง  ผมจับใจความได้ว่า  มีโจรงัดห้อง...  อ่า...ไม่สิ  มันน่าจะเป็นไอ้โรคจิตมากกว่า

.

พูดได้แค่นั้นก็เอาแต่ร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง  อ๋อมขอไม่ให้ผมวางสาย .....  ผมก็ทำเช่นนั้น ฟังเธอร้องไห้ตลอดทาง



ส่งเสียงมาบ้างเป็นบางครั้ง เพียงเพื่อให้อ๋อมรู้ว่าผมยังไม่ได้วางสาย   สักพักก็ขับมาถึง ผมตรงดิ่งเข้าไปข้างใน

“ก็อกๆ ก็อกๆ” 

“ค...ใครคะ?”   

“ภาคเองอ๋อมเปิดประตูให้หน่อย”    พอผมเปิดประตู อ๋อมก็โผล่เข้ามาสู่อ้อมกอดผมอย่างขวัญเสีย  ตัวอ๋อมสั่นมากๆ

“ฮืออออออ ~  ภาค”  ผมมองสภาพห้องด้วยความตกใจพอกัน  เข้าของที่ปกติจะวางเป็นระเบียบ ตอนนี้ถูกลื้อค้น

กระจัดกระจายไปทั่ว  ที่น่ากลัวคืออัลบัมภาพของอ๋อม   ภาพหลายๆ ภาพถูกหยิบออกมาฉีก  โดยเฉพาะภาพที่อ๋อม

ถ่ายรูปกับคนอื่นไม่สิ   เฉพาะภาพที่ถ่ายรูปกับผู้ชาย โดยเฉพาะกลุ่มผม  ทุกภาพจะถูกฉีกออกเหลือแค่อ๋อม

ก่อนจะถูกแปะบนสมุดวาดภาพเล่มใหญ่ พื้นหลังทางฉาบด้วยสีดำกับสีแดงทาบทับกันไปมา  จนหนาดูน่ากลัว

ภาพของอ๋อมถูกเรียงต่ออยู่ในส่วนหัวของตัวอักษร  “มึงเป็นของกู”  และข้อความบิดเบี้ยวด้านล่าง “จำไว้” 

“ไม่เป็นไรแล้ว  ไม่เป็นไร  เล่าให้ภาคฟังทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”   ผมได้แต่ลูบหัวลูบหลังปลอบอ๋อมเป็นการใหญ่

อ๋อมสะอื้นไห้ตัวสั่นสะท้าน อยู่นานสองนานกว่าจะเริ่มเล่าได้  อ๋อมบอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรก  แต่ครั้งนี้รุนแรงที่สุด   

เมื่อก่อนมีโทรศัพท์ .มาพอรับสายก็เงียบ  ไม่ได้พูดอะไร  แต่โทรมาบ่อย จนสักพักเริ่มหายไป .....อ๋อมก็ไม่ได้เอะใจอะไร   

คิดแค่ว่าคงเป็น แฟนคลับของพวกผม ที่เข้ามาระราน พักหลังเริ่มส่งข้อความมาแปลกๆ  แบบว่า

แบบว่า “คิดถึงนะ”  “กูเป็นเจ้าของมึงได้คนเดียวจำไว้”  “อย่าร่านให้มันมากนัก อย่าให้โมโห”

 “เอาแต่ใจ” “ทำไมไม่มองกันบ้างล่ะ เรามองเธอมาตลอดนะ”  “รักเธอแค่คนเดียว  รักมาตลอดเลย”     

แม้เบอร์จะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่รู้ว่าเป็นข้อความของคนๆ เดียวกัน   ช่วงหลังมีโปสการ์ดส่งมาให้ทุกวัน

ไม่มีข้อความมีแต่ภาพ ... ขาวดำ  ...   เป็นสถานที่ต่างๆ  แต่ที่น่าแปลกมันเป็นที่ๆ อ๋อมเคยไปมาแล้วทั้งนั้น

ราวกับกำลังบอกให้รู้.....ว่ามันจับตามมองอ๋อมอยู่ทุกลมหายใจ



“ทำไมอ๋อมไม่ไปหาเพื่อนสักคนก่อนหล่ะ  ไม่กลัวเหรอรออยู่ที่นี่คนเดียว”  ผมเอ่ยถามในที่สุด เพราะที่นี่คนร้ายพึ่งเข้ามา

ที่นี่น่าจะทำให้อ๋อมหวาดกลัวที่สุด  ยิ่งร่องรอยต่างๆ มันฟ้องชัดเจนว่าคนร้ายเข้ามาลื้อค้นอย่างง่ายดาย  ราวกับมีกุญแจห้อง

ไม่มีร่องรอยของการงัดแงะ

“อ๋อมกลัว  .... ฮึกๆ  เหมือนมันมองอ๋อมอยู่จากทุกที่ อ๋อมไม่กล้าก้าวออกจากห้อง ฮึก..   ที่นี่ยังมีคนที่อ๋อมรู้จัก  อ๋อมให้พี่ยาม

มาช่วยดูให้แล้วว่าไม่มีคน  แจ้งทางตึกให้เปลี่ยนกุญแจห้องให้ใหม่ด้วย  แต่ถ้าอ๋อมนั่งรถออกไป ถ้าอ๋อม...ต้องผ่านที่ที่

ไม่มีคน  ถ้ามันเข้ามาตอนนั้น ฮึกๆ  อ๋อมกลัว....  ก..กลัวมันจะทำร้ายอ๋อม”  อ๋อมว่าเสียงสั่น ตัวสั่นๆ ที่ยังซุกอยู่กับอกผม

น้ำตาพราวไหลริมไม่หยุด  ผมก็ได้แค่ลูบหัว ลูบหลังปลอบเบาๆ 

“ไม่เป็นไรแล้ว  ไม่เป็นไรแล้วครับ”   ผมกระซิบเสียงแผ่ว  รู้ดีว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวแค่ไหน  แขนเล็กๆ ที่โอบรัดรอบลำคอแน่นๆ


ตัวทั้งตัวทาบทับมาพักพิงบนตัวผม ราวกับผมเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว  ใบหน้าหวานซุกมาที่ซอก ลมหายใจร้อนๆ หายใจ

รดกันและกัน  ถึงมันจะดูล่อแหลม   แต่ตอนนี้ผมกลับไม่กล้าผลักไสอ๋อมให้ออกห่าง  ผมปล่อยให้อ๋อมได้สงบจิตสงบใจ

ตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรายังไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงต่อไป อ๋อมจะไปอยู่กับเพื่อนอ๋อม  หรือจะย้ายหอพัก  หรือจะไปอยู่

กับพวกเรา หรืออาจจะเป็นพวกเราเองนั่นแหล่ะที่จะคอยดูแลอ๋อมกันเอง   ควรจะแจ้งความสินะ  ..ในใจผมคิด

ผมปล่อยให้ความคิดเพื่อจะช่วยเหลืออ๋อมวิ่งวุ่นอยู่ในหัวสมอง  วุ่นเสียจน....  เหมือนลืมอะไรไป 

ใช่สินะ...ยังไม่ได้โทรบอกแพนเลย  ป่านนี้จะเป็นห่วงสักแค่ไหน  และยังไม่ได้บอกไอ้พวกนั้นด้วยอีก ถ้าให้มารู้ทีหลัง

คงแทบอยากจะฉีกอกผมเป็นชิ้นๆ เป็นแน่  ผมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้ล่วงเลยมาถึงตีสามแล้ว 

ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง  แต่เพราะอ๋อมพิงผมมาทั้งตัว ถึงต้องเรียกอีกฝ่ายให้ขยับ

“อ๋อมขยับออกหน่อยภาคจะหยิบโทรศัพท์”  ผมพูดเสร็จ  อ๋อมก็เงยหน้าขึ้นมองผมทันที  แววตาที่มองมาผมไม่อาจเข้าใจได้

“ภาคจะเอาโทรศัพท์มาทำไมเหรอ?”   สายตาเศร้าช้อนมองมาที่ผม  ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

เลยได้แต่ตอบไปตามตรง


“ภาคจะโทรบอกแพนกับไอ้ต้น ไอ้ไม้น่ะ   ตอนออกมาภาครีบมากไปหน่อยเลยลืมซะสนิทเลย”

“ถ้าภาคบอก.... พวกนั้นก็ต้องมาสินะ”  อ๋อมว่าเสียงเศร้า ซุกหน้าลงกับอกผมอีกครั้ง  ซึ่งผมก็รู้สึกมึนงงที่อ๋อมเศร้าสร้อย

“อย่าโทรได้ไหม?”

“........................”

“แค่วันนี้.... อ๋อมขอแค่วันนี้   ให้เป็นวันที่มีแต่เราสองคนเถอะนะ  อ๋อมจะไม่ขออะไรอีกเลย  อ๋อมรู้ภาคไม่เคยมองอ๋อมเลย

ไม่เคยแม้จะเห็นความรักที่อ๋อมมีให้”  น้ำเสียงต่อว่า กึ่งๆ น้อยใจ

“อ๋อม!!  พูดอะไรนะ เราเป็นเพื่อนกันนะ  ผมไม่เคยคิดอะไรกับอ๋อมแบบนั้น ”  ผมเผลอตวาดเสียงดัง 


พยายามดันอ๋อมออกจากตัว  แต่อ๋อมกับโอบรัดตัวผมแน่นขึ้น   ร่างทั้งร่างสั่นเครือ ทั้งเสียงสะอื้น และความเสียใจ

“อ๋อมรู้แล้วๆ   เราไม่ดียังไง ทำไมภาคไม่เคยมองเราเลย เราสู้แพนไม่ได้ตรงไหน  ทำไม...  ทำไมถึงไม่รักเรา” 

พูดเสร็จอ๋อมก็ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ  ผมถึงกลับอึ้งกับภาพตรงหน้า....ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองไปมีอิทธิพลกับใคร

ขนาดดนั้น ที่อ๋อมรู้สึกกับผมแบบนั้น  บอกตามตรง...ไม่เคยคิด   ไม่เคยรู้สึก

“ไม่ใช่เพราะใครดีกว่า  อ๋อมเป็นคนดีเราก็รู้  ...  แต่เรื่องของหัวใจมันห้ามไม่ได้นะอ๋อม  เรารักแพนมาเนิ่นนาน

นานซะจนคิดว่าทั้งชีวิตนี้ก็เลิกรักไม่ได้  ไม่ใช่แค่อ๋อม...แต่ต่อให้เป็นใครที่ไหน ต่อให้ดีกว่านี้อีกร้อยอีกพันเท่า

แต่เรารู้...ยังไง  เราก็เลือกที่จะ “รักแพน” อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกรักนะอ๋อม  แต่เรากับแพน

ผูกพันธ์กันมาก  เหมือนแพนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา  และเราก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแพน เป็นคนที่ผม...

อยากดูแลด้วยชีวิตทั้งชีวิตนี้    อยากให้ยิ้ม  อยากให้หัวเราะ อยากให้มีความสุข  โดยไม่มีคำว่า -เหตุผล- เลยสักนิด

ขอบคุณที่รู้สึกดีๆ กับเรา  แต่อ๋อม.... มองคนที่จะรักอ๋อมได้จริงๆ  มันคงจะดีกว่า”  อ๋อมส่ายหน้าที่ซุกอยู่กับอกผมไปมา

เสียงสะอื้นดังไม่ขาด   ร่างกายสั่นสะท้านราวกับลูกนกที่หลงทาง  ร่างกายผอมบางดูจะเล็กลงไปอีก ผมค่อยๆ

แกะมืออ๋อมออก  ดันอ๋อมที่เริ่มหมดแรงต้านให้นั่งอยู่บนโซฟาตามเดิม  ทำได้แค่ลุกขึ้นยืน หันหลังเพื่อจะเดินออกมา


หยิบมือถือเพื่อจะโทรหาใครบางคน   ที่ตอนนี้คงเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ  ถึงได้รู้ว่าแบตหมด ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

ผมสาวท้าวก้าวไปถึงประตู   เอื้อมมือเพื่อจะหมุนเปิดลูกบิด  แต่กลับได้ยินอ๋อมกรีดเสียงดังลั่น 

“เรารักภาคนะ   ถ้าภาคไม่รักเรา....ฮือๆๆๆๆ  แล้วจะให้เราอยู่ไปทำไม”    อีกฝ่ายก็หันไปคว้ามือปอกผลไม้

 ที่วางอยู่ไม่ห่าง  ผมวิ่งกลับมายื้อยุดกันมีดคมจากมืออ๋อม  เรายื้อยุดกัน ...อยู่อย่างนั้น

สุดท้าย  . ...  ปลายมีดกรีดลงที่ท่อนแขน  เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาเต็มกำมือ  ผมรู้มันไม่ได้ลึกมากหรอก

แต่มันคงกรีดลึกไปที่จิตใจของอ๋อมต่างหาก  ผมกำแน่นที่แผลกึ่งจูงกึ่งกระชากอ๋อมให้มานั่งในห้อง

รีบทำแผลกันยกใหญ่   อีกฝ่ายได้แต่นั่งร้องไห้  ปล่อยให้ผมทำแผลต่อไปเรื่อย  ๆ  จนเสร็จ

อ๋อมโถมเข้ากอดผมแน่น  ร้องไห้สะอีกสะอื้นจนตัวโยน  ....  มีแต่คำถามว่า ทำไม....... ทำไม....

ดังอยู่ซ้ำไปซ้ำมา  ผมไม่ได้กอดตอบ  เพียงแต่ตบเบาๆ ที่หลังอ๋อมเพื่อเป็นการปลอบใจ

ได้แต่พร่ำคำขอโทษ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า....  จนอีกฝ่ายร้องไห้จนหลับไป   ผมอุ้มอ๋อมไปนอนที่เตียง

ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ... ผมมองเวลาที่ผนัง ตีสี   ผมค้นหาจนเจอมือถืออ๋อม  กดเบอร์โทรหาไอ้ไม้ 


มันรับสายอย่างงัวเงีย  ก่อนจะตกใจตื่นที่เป็นเสียงผมกรอกไปในสาย  แทนที่จะเป็นอ๋อม  ผมเล่าคร่าวๆ

เรื่องไอ้โรคจิตบุกเข้ามาที่ห้อง   และเรียกให้มันมาด่วนๆ  ว่าจะกดโทรหาแพน  มันก็ดึกซะจนผมคิดว่า

น้องคงหลับไปแล้ว   กว่าไอ้ไม้จะมาถึง.... ก็เกือบตี 5  มันพยักหน้าให้ผม เป็นเชิงบอกว่ากูดูต่อเอง  ...

เห็นบอกว่าอีกเดี๋ยวไม้คงตามขึ้นมา   ..........ก็แค่นั้น   ผมเลยขับรถกลับมาที่คอนโด



ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
แพนจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew1:

ผู้ชายมีคนเดียวในโลกงัยยัยอ๋อม

หน้าด้านคฃยังคิดจะแย่งแฟยชาวบ้านอยู่ได้

เค้าก็บอกอยู่ว่ารักไม่ได้รก ยังจะทำเรื่องโง่อีก

ภาคน่าจะปล่อยให้ตายๆไปซะ เรื่องจะได้จบ

 :katai1:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
อ๋อม เรานึกว่าตัวเองทำใจได้แล้วน่ะเนี่ย เห็นเงียบ ๆ ไป ตกลงว่าเจอคนโรคจิตหรือจิตซะเอง เนี่ย  :katai1: ตกลงแพนจะเป็นไงบ้างเนี่ย นาน ๆ จะได้เจอกันทีมาเจอเหตุการณ์แบบนี้  :mew2: ก้อดีถือเป็นการทดสอบอีกแบบนึง

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ udongjay

  • ความรัก...ไม่เคยจำกัดเพศ แต่เพศต่างหากที่จำกัด...ความรัก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-2
โรคจิตจริงๆ ไม่ใช่ว่าห้องนั้นจะเป็นฝีมือชะนีทำเองหรอกนะ
ไม่ไหวใจเลยจริงๆ ภาคอย่าเป็นพระเอกหัวอ่อน
แต่ว่ารีบกลับไปหาแพนดีกว่านะ เดี๋ยวหนูแพนจะเข้าใจผิดและเป็นห่วง

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :z6: :z6:  แผนตื้นไปไหมอ๋อมม

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง  เมื่อวานนี้เพิ่งเอาคอมไปลงใหม่มาค่ะ 

แถมกลับบ้านนอกเน็ตก็เชื่องช้ามวากกกกกก   


พอกลับมางานก็ถล่มมากมาย  แต่ะจะพยายามรีบๆ แต่งนะคะ 

อดทนรอเค้าหน่อยนะคะ

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew1:

รอค่ะรอ

ออฟไลน์ udongjay

  • ความรัก...ไม่เคยจำกัดเพศ แต่เพศต่างหากที่จำกัด...ความรัก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-2

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
หยุดสงกรานต์ไปนานตั้งแต่ 12-21 เมษา  เปิดมาก็ _22 _แล้วค่ะ  เอาคอมไปซ่อม  (แล้วไง :hao4:)

แง่มๆๆๆๆ   ซ่อนเสร็จมีทุกภาษา  ....ยกเว้นภาษาไทย  :mew5:  เชรดดดดดดดด

ตามไปฆ่าแม่งซะดีมั้ย  :katai1:...  สุดท้ายไปปรึกษาน้องที่ออฟฟิศ  ได้ใจความว่า....

ถามอากู๊ดิพี่ o13  ....อ่านะ   เลยพึ่งได้ภาษาไทยมาเป็นของตัวเองซะที เห้อ :heaven

ยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ    :katai2-1: :katai2-1:


เวิ่นจนพอใจแล้ว  มาอ่านกันดีกว่า





ตอน..  กลับมายืนที่เดิม




ผมขับรถกลับมาที่คอนโด  ในหัวสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย อาจจะรู้สึกผิดนิดๆ  แต่ไม่ได้เสียใจ  เพราะ..ผมเลือกแล้ว

อ๋อมเป็นเพื่อนที่ดี ...ถ้าไม่มีเรื่องแบบนี้ มันคงจะดีกว่านี้มาก เรื่องที่อ๋อมกรีดแขนตัวเอง.....เพราะผม  มันยังไม่ถึงหูใคร

แค่บอกว่ามีเศษแก้วแตก   อยู่ในห้องพออ๋อมเก็บทำความสะอาดก็พลาดโดนเศษแก้วที่ว่า   ก็ไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่

เรื่องที่น่าพูดสักเท่าไหร่  มาถึงคอนโดก็เกือบ 6 โมงเช้า  ในสภาพที่อ่อนล้าทั้งกายและใจ  เมื่อคืนนี้แทบไม่มีเวลาไหน

ที่ได้พัก  ฉะนั้นอย่าถามถึงเรื่องพักผ่อนนอนหลับ  แค่จะหยุดพักหายใจกับเรื่องตื่นเต้นก็แทบไม่มีเวลา ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์ กดชั้นที่เป็นห้องพัก  รอจนประตูลิฟท์ปิดลงถึงได้เลือกที่จะปิดเปลือกลงตาม พักสายตาสักนิด

“ติ๊ง”  เสียงลิฟท์ดังขึ้นปลุกผมให้ตื่น  และเตือนกลายๆ ให้ทราบว่าถึงชั้นที่เป็นจุดหมายเสียที ผมสาวเท้าก้าวยาวๆ

ไปยังห้องที่เป็นจุดหมาย อยากจะพักผ่อนจนแทบทนไม่ไหว หัวสมองทั้งตื้อ ทั้งมึนงงอย่างถึงที่สุด

แต่พอมาถึงหน้าห้องพักจริงๆ กลับนิ่งงัน  ใจกระตุกสั่นอย่างบอกไม่ถูกเริ่มลังเลว่าจะเปิดประตูเข้าไปหรือไม่

ความสับสนวิ่งวุ่นในหัวอีกรอบ ไม่รู้จะเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไง เพื่อไม่ให้น้องเข้าใจผิด  แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่าย

เสียหายเช่นกัน  ถ้าถามว่าความเป็นเพื่อนยังหลงเหลือในความรู้สึกผมไหม?  ตอบได้คำเดียวว่า  “มี” 

แต่ก็ไม่มากพอ....ที่จะยอมให้อีกฝ่ายยืนอยู่ข้างๆ กัน   เพราะไม่อย่างนั้นผมอาจต้องเสียคนสำคัญของผมไป

ซึ่งแน่นอนว่า  “ผมไม่ยอม”  ผมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบๆ หกโมงเช้า  ตอนนี้น้องคงยังนอนพักผ่อน

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง  โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก  เพราะตัวเองก็ไม่รู้จะปั้นเรื่องราวให้มันออกมาแบบไหน


แบบไหนถึงจะไม่เป็นการทำร้ายใคร?   แบบไหนถึงจะไม่มีคนเสียหาย?  แบบไหนที่เราทุกคนจะยังคงเดินหน้าต่อไป

ด้วยกันได้โดยไม่มีใครระแวงใคร?   ถึงผมจะยืนยันว่าผมจะอยู่ตรงนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์ของแพน ...  แต่ระยะทางที่ห่างไกล

ผมไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่า...  ความห่างจะเบียดบังความเชื่อใจที่มีอยู่ไปหรือไม่  ถ้าความจริงทั้งหมดถูกถ่ายทอด..

คนตรงหน้าจะเลือกเชื่อผมรึเปล่า  ผมไม่ได้มีพยานยืนยัน...        มีแต่ความจริงใจจากปากผมเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์

ซึ่งไม่รู้ว่า...มันจะเพียงพอรึเปล่า   ผมยื่นมือไปจับลูกบิดประตู ไม่อยากหนีปัญหา....เพราะถึงจะหนีเท่าไหร่

สุดท้าย.....ก็ต้องกลับมาสู้กับมันอยู่ดี

“แกร๊ก”  ผมดันประตูออกเบาๆ ภายในห้องที่เงียบสนิท หากแต่....กลับสว่างจ้าไปด้วยแสงของหลอดไปที่ดูเหมือนว่า

ไอ้ตัวเล็กตั้งใจจะเปิดมันทิ้งไว้ เพื่อรอการกลับมาของผม....  แต่คงรอไม่ไหว ผมกำลังมองไปรอบๆ ห้อง

ราวกับกำลังสำรวจร่องรอยไอ้ตัวเล็ก ว่าเป็นกังวลสักเพียงไหนกับการหายไปของผมครั้งนี้   ถึงได้ร้อนรนทุรนทุราย

เดินพล่านไปทั่วห้อง เพียงเพื่อจะตามหาผมให้เจอ ข้าวของหลายอย่างล้มระเกะระกะจากมุมเดิมๆ ที่เคยอยู่ 

ไม่ว่าจะเป็นแก้วกาแฟ สามสี่แก้ว กระจัดกระจายตามมุมต่างๆ  บางแก้วล้มคว่ำ.....มีรอยเครื่องดื่มที่หลงเหลืออยู่

หกไหลออกมานิดๆ ดูเป็นรอยคราบที่ยังสดใหม่ เพราะหยดน้ำยังไม่ได้ซึมลงไปบนพรมเสียหมด 


หมอนอิงบนโซฟาก็เหมือนกัน  มันล่วงลงมาบนพื้นผมยื่นมือไปหยิบ เพื่อเก็บไปวางที่เดิม พลันก็สัมผัสถึงรอยด่างชื้น

บนหมอน  ร้องไห้.... ผมทำน้องร้องไห้อีกแล้ว อยากจะเดินเข้าไปปลอบเสียเดี๋ยวนี้  แต่อีกใจก็อยากรับรู้

ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ยังหลงเหลือร่องรอยให้ผมเห็น  สมุดโทรศัพท์ที่ผมมักจะจดเบอร์เพื่อนๆ ทิ้งไว้

 เพราะเคยทำโทรศัพท์หาย  แล้วไอ้เบอร์สำคัญๆ เลยพลอยหายไปด้วย  มันถูกกางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าทีวี 

สภาพเอียงกระเท่เร่จะตกแหล่มิตกแหล่ ราวกับถูกปัดทิ้ง คาดว่าไอ้ตัวเล็กคนเปิดค้นเพื่อหาเบอร์เพื่อนสนิทผมสักคน ...

จนเจอ   แล้วก็รีบโทรหาเสียจนไม่คิดจะใส่ใจสมุดตรงหน้า  มือปัดป่ายไปโดนเข้า  ถึงได้แทบหล่นจากโต๊ะ

แต่ถึงกระนั้น...ก็ไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน  น้องคงถึงกลับหมดแรง เลยทิ้งตัวบนโซฟาตัวนี้  ซุกหน้าเข้ากับหมอนอิง

และเริ่มร้องไห้  เมื่อไม่ว่าจะพยายามยังไง   การติดตามหาผมก็ช่างดูไร้วี่แววที่ปรารถนา  และคงจะลุกขึ้นจากตรงนี้

กดโทรศัพท์อย่างบ้าครั่ง มือจิกหมอนแน่น เดินไปรอบห้อง จนหมอนตวัดไปโดนแก้วกาแฟที่ตัวเองวางไว้ฝั่งโน้นล้มคว่ำ

แต่คงไม่ใส่ใจ ผมเห็นสีกาแฟจางๆ ยังเปื้อนอยู่บนริมปอกหมอน  คงจะเดินไปเดินมาจนทั่ว จนสุดท้ายก็เขวี้ยงหมอนทิ้ง

อยู่ตรงนี้  แล้วเดินหนีเข้าห้องไป  ผมเดินตามรอยที่ตัวเองจินตนาการ ไม่รู้สักกี่สิบเที่ยว ...ในค่ำคืนที่ยาวนาน

จนมาถึงหน้าห้องนอนบิดลูกบิดเชื่องช้า  “แกร๊ก”  ดันประตูให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

มองภาพคนที่ผมถวิลหาอยู่ทุกเมื่อ  นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้ายังชื้นไปด้วยคราบน้ำตา ดูท่าพึ่งจะหลับไปไม่นาน

เห็นแล้วสงสารจับใจ  น้องจะร้อนใจขนาดไหน....ที่อยู่ดีผมหายไปอย่างนี้   เสียใจจนพูดไม่ออก ทิ้งตัวลงข้างกัน

ไล้มือเช็คคราบน้ำตาบางเบา  กดจูบหน้าผากมนอย่างทนุถนอม จนเนิ่นนานแล้วถอนออก  กระซิบเสียงแผ่วเบา

ด้วยเกรงว่าจะปลุกให้อีกฝ่ายตื่นจากห้วงนิทรา

“ภาคอยู่นี่แล้วครับคนดี  ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”  ผมวางหน้าผากตัวเองแนบกับหน้าผากของอีกฝ่าย

น้องก็เอื้อมมือมาคว้าหาราวกับอยู่ในฝัน เสียงละเมอครางออกมาแผ่วเบา พร้อมเสียงสะอื้นไห้ ลำตัวไหวสั่น

“ภ..ภาค... ฮึก....  ฮึก”  ผมลูบหัวน้องเบาๆ  อย่างปลอบโยน

“อยู่นี่แล้วครับ  อย่าร้องนะคนดี”   ผมกระซิบเสียงเบา แล้วก้มลงจูบขมับน้อง

“อืออออ~”  ไอ้ตัวเล็กครางเบาๆ  ก่อนจะขยับตัวเล็กๆ  แล้วเปลือกตาบาง ก็ค่อยๆ กระพริบถี่ๆ

“ภาค”  ไอ้ตัวเล็กเรียกเสียงแผ่ว แม้น้ำเสียงจะแฝงความดีใจ แต่ดูก็รู้ว่าร่างกายอ่อนล้าเหลือเกิน น้องหลับตาลง

ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองผมอีกครั้งเต็มตา

“เมื่อวานภาคหายไปไหนมา?”  เสียงเล็กๆ เอ่ยถาม ขอบตาร้อนผ่าวรื้นด้วยน้ำตา  ผมได้แต่กอดน้องไว้

น้องคงเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว เรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวผม ผสมปนเปกัน  จนเรียบเรียงไม่ถูก

ไม่รู้จะเริ่มยังไง ยิ่งคนตรงหน้าเหนื่อยล้าเช่นนี้แล้ว  ผมอยากให้น้องได้พัก...  พักซะก่อน

“................”  ผมพูดไม่ออก จึงมีแต่เพียงความเงียบงันแทนคำตอบ ผมกอดน้องแน่นขึ้นไปอีก  รู้สึกทั้งรัก


ทั้งสงสารอีกฝ่ายจับใจ หยุดก่อนได้ไหม?  .. หยุดเพื่อให้ตัวเองได้พักเหนื่อยหายใจ

“ภาค?”    แพนเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ปากบางๆ ได้แต่เม้มเข้าหากันแน่น ลมหายใจติดขัด  รู้สึกเหมือนน้องจะร้องไห้

คงเหนื่อยอ่อน กับการที่ต้องอดทนรอทั้งคืน ดวงตาหวาน หลุบต่ำมองพื้น กลืนน้ำลายลงคอหนักๆ อย่างประท้วง

“แพน......เอ่อ....   ภาคไม่รู้ จะเริ่มต้นยังไง”   ผมตอบ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  สบสายตากับอีกฝ่าย

ซึ่งนิ่งเงียบอยู่เช่นกัน

 “..........”

“ขอโทษนะ  .....  เมื่อคืนแบทหมดเลยติดต่อใครไม่ได้”  ผมพูดได้แค่นั้น...ไม่รู้จะ ลำดับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง

“........”  ยังมีแต่เพียงความเงียบงัน  ไอ้ตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาหา พยายามตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูด

“เมื่อคืน... ภาคอยู่กับอ๋อม  ภาคไม่อยากโกหก”   ผมพูดด้วยเสียงแหบพร่า ลำคอตีบตัน ราวกับไม่ได้ดื่มน้ำ

มาสักทศวรรษเศษ    ไอ้ตัวเล็กได้แต่กลืนน้ำลายลงคออีกใหญ่ ดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นนิด ๆ และกำลังพร่า

ด้วยม่านน้ำตาที่ไหลลงปิดดวงตาคู่สวย

“............”  น่าแปลกที่ไม่ได้เสียงใดๆ เล็ดรอดออกมา  ดูน้องล้าจนเกินทนไหว กับสภาพร่างกายที่ต้องการพักผ่อน

“ แพน.....”   ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา  เรียกให้อีกฝ่ายหันมาสนใจได้เช่นเดิม น้ำตาไหลอาบแก้มหวาน  ผมค่อยๆไล้มือ

เช็ดน้ำตาที่ไหลเอื่อยๆ ตามใบหน้า  แล้วดึงอีกฝ่ายมากอดแน่นๆ  รู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นไปอีก ... 

เมื่อต้องเป็นต้นเหตุทำให้คนตรงหน้าเจ็บเช่นนี้

“........” ไร้ซึ่งเสียบตอบกลับเช่นเดิม แม้แต่คำถามก็ยังกลืนหายตามกันไปอีกด้วย  ทั้งที่กำลังซุกหน้ากับอ้อมอกผม

แต่น้องกลับสะอื้นไห้จนตัวโยน 

“แพน.... อย่าโกรธภาคเลยนะครับคนดี   หยุดร้องไห้ก่อนนะครับ”   ผมรีบลูบหัวลูบหลังไอ้ตัวเล็กเป็นการใหญ่

ตกใจที่ทำน้องร้องไห้มากขนาดนี้

“อืมมม......  ฮึกๆ   ...  แพนเข้าใจดี ....ไม่  ฮึกๆ..  ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”   น้องว่าเสียงขาดห้วง ซึ่งผมก็ค่อยวางใจ

“ภาคอยากเล่าให้แพนฟัง”    กดจูบเบาๆ ที่หัวทุย  แต่อีกฝ่ายส่ายหน้ารัว ๆ

“ยัง  ฮึกๆ  แพน....  แพนยังไม่พร้อม รออีกนิดนะ” ไอ้ตัวเล็ก... พูดเสียงสั่น  ทำเอาผมใจไม่ดี  แต่ก็ยังไม่อยากฝืนอะไรไปกว่า
นี้

 ดูจากสภาพร่างกาย ใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย  ตอนนี้น้องคงต้องการพักผ่อนเสียมากกว่า  ไม่เป็นไร... เดี๋ยวน้องตื่น

ค่อยเล่าอีกที  ตอนนี้...แม้แต่ตัวเองก็เหนื่อยเสียจน  ดวงตาใกล้จะปิดอยู่รอมร่อ

“ก็ได้   ภาครักแพนนะครับ”  ผมกระซิบบอกอีกฝ่าย กลัวน้องจะไม่เข้าใจ  ดีที่ง่ายกว่าที่คิดไว้  ไอ้ตัวเล็กไม่ได้โวยวายอะไร

ให้ยืดยาว แค่ขอเวลา....  เพื่อที่จะพร้อมที่จะรับฟัง  ก็เท่านั้น  ผมกอดน้องไว้แน่นๆ  แล้วลูบหัวไอ้ตัวเล็กจนตอนนี้

หยุดสะอื้นแล้ว 

“ .......”   น้องไม่ได้พูดอะไร


“ป่ะไปนอนกันได้แล้ว”  ผมตัดสินใจ  ...ถึงเวลาพักผ่อนเสียที ทั้งผม และไอ้ตัวเล็ก

ผมดึงน้องเข้ามาในอ้อมกอด กดจูบบางๆ ที่กระหม่อม กอดซับความอบอุ่นของกันและกัน

ผมเองก็อยากจะหลับฝันดี  ถ้าที่ๆ ตรงนี้ ยังมีคนในอ้อมกอดผมอยู่  ไม่ว่าคืนไหน....ก็คงฝันดีทุกคืน

.

.

.

.

.


.

.

.

ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี  ถ้าในตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนนี้............................ ผมจะมีน้องอยู่ข้างกาย

รอยยับยู่ยี่บนเตียงที่เรานอนกอดกันเมื่อครู่   ไม่หลงเหลือร่องรอยความอบอุ่นใดๆ ผมไล้มือผ่านเบาๆ 

ก็สัมผัสได้แค่......  ความเย็นชืดของเตียง  ตอนนี้ผมนั่งนิ่งมองมัน  เริ่มรู้สึกร้าวที่กระบอกตา 

พร้อมกับกวาดสายตามองรอบห้อง  ไม่เห็นวี่แวว....ของสิ่งมีชีวิตใดๆ ผมลุกขึ้นนั่งราวกับคนละเมอ


มองไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ปลายเตียง  มีกระดาษโน๊ตสีชมพูติดอยู่   ผมเดินไปหามันอย่างเชื่องช้า

ทั้งที่ใจรุ่มร้อนเหมือนไฟที่เผาผลาญ   ภาวนา....อย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย   

ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงรัวถี่ยิบ   แรงเสียจนแม้แต่มือตัวเองยังกระตุกสั่น  เอื้อมมือไปหยิบกระดาษสีชมพู

มาไว้ในมือ  ผมหลับตาลง   ...  ยังไม่กล้าอ่าน  ลมหายใจถูกระบายออกมายาวๆ    ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


เพื่ออ่านกระดาษข้อความบนกระดาษตรงหน้า

“ขอโทษ....ที่ยังไม่พร้อมจะรับฟัง ไม่ได้โกรธ ...  แพนเข้าใจดี   ความรักแบบเรา....ยังไงก็คงได้แค่นี้”


คราบน้ำตาที่ล่วงหล่นจนตัวหนังสือพร่าเลือน  หัวใจผมกระตุกวูบ ....  ขาเหมือนอ่อนแรงทันทีทรุดฮวบลงกับพื้น

นั่งจุ้มปุ๊กด้วยท่าคู้เข่า 

“แพน....”  ได้แต่เอ่ยเสียงสั่น  เจ็บไปทั่วหัวใจ  น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่ เหลือบมองรอบๆ ห้อง


ไม่มีข้าวของของแพน  ดวงตาพร่าไปม่านน้ำตา  ...   สะอื้นไห้อย่างไม่อาย

แพนไปแล้ว.....   คงกลับไปแล้ว    ไปในที่ที่ผมไขว่คว้าไม่ถึง  ทำไมต้องจากกันแบบนี้

ทำไมผมต้อง.....รอ    ทำไมไม่รีบอธิบาย  แพนกำลังเข้าใจผิด....  ผมไม่ได้มีอะไรกับอ๋อม


ไม่เคยมีอะไรกับใครทั้งนั้น  รัก.....คนที่ผมรัก  ก็มีแค่คนเดียว.....ผมรักได้แค่แพน

เกลียด................... เกลียด ตัวเองตอนนี้เหลือเกิน


















ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew4:

อันนี้คือแก้ไขใหม่

สงสารภาคที่สุด อ่านตอนไหนก็ยังสงสาร

เฮ้อ!!!!!!!!!!!!

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อีกคนก็ไม่อธิบาย อีกคนก็คิดเอาเอง เฮ้ออออออออออออ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :z6: :z6:  ถีบยัยโรคจิตอีกรอบบบบบ  วุ๊ยยยยยย :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ udongjay

  • ความรัก...ไม่เคยจำกัดเพศ แต่เพศต่างหากที่จำกัด...ความรัก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-2
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หงุดหงิดเดินบรรยาย ยัยอ๋อม  :z6: :z6: :z6: :katai1: :katai1: :katai1:
ภาคน่าจะรีบอธิบายนะ  :mew2: แพนก็น่าจะอยู่รอฟัง แบบนี้มันทำร้ายจิตใจกันไปแล้ว ฮืออออ
สงสารภาคแพน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: >> กอด~ ตอน กลับมายืนที่เดิม P.16 25/4/13
« ตอบ #469 เมื่อ: 26-04-2013 00:49:58 »





ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ภาคก็น่าจะเอะใจสักหน่อยนะ แพนพูดแบบนั้นเนี่ย

ออฟไลน์ FRODO

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
 :beat:ชั้นก็เกลียดแก พวกปากหนัก :beat:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ปากหนักจิงไรจิง
อมหินเอาหรอ  :angry2:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :beat: ขอตบภาคสักสองที พูดแบบนี้เป็นใครก้อเข้าใจผิดทั้งนั้นแหละ  :katai1: แล้วทำไมต้องคิดมากคนนั้นคือเพื่อนน่ะ แล้วคนนี้คือคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจพูดทุกอย่างมันจะเป็นไรล่ะ ยังไงก้อรู้กันอยู่สองคน แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะมาร้องไห้เสียใจ งี่เง่าจริง ๆ  :z6:
มาต่อเร็ว ๆ น่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ Minnie~Moo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ขอให้มีหลักฐานหรืออะไรซักอย่างทำให้ภาครู้ว่าอิอ๋อมมันโทรหายน้องแล้วทำให้น้องเข้าใจผิด

เลิกเป็นเพื่อนกะอินั่นเหอะ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เอาไงล่ะที่นี้ไอ่คุณภาค
จะตามแพนได้ที่ไหน :เฮ้อ:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#1 P.16 29/4/13
«ตอบ #476 เมื่อ28-04-2013 13:23:46 »

ตอน  .. เข้าใจ



ฉันผิดอะไร?   ทำไม?  ทำไมสักครั้งก็ไม่เคย ไม่เคยมองเห็นกันบ้างเลย...  เพราะอะไรกัน?

หรือตลอดเวลาที่ผ่านมา....  ที่พยายามทุ่มเททุกอย่าง  เพื่อจะยืนอยู่ตรงนี้ เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆกัน

ที่คอยดูแล  ห่วงใยกันเสมอมา  มันสูญเปล่า  ทุกอย่างไร้ค่าในสายตาของภาคอย่างนั้นเหรอ?

รักของเรามันไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือไง?  หึ.....ก็แค่รักของคนไร้ค่าคนหนึ่ง ก็ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าภาคไม่เคยรัก

แต่ทำไม.....ตัดใจไม่ได้เสียที   เจ็บ..ราวกับมีดกรีด  ....   เมื่อโดนปฏิเสธออกมาแบบนั้น  ช่างดูไร้ค่า และน่าสังเวช

ทั้งๆ มีใครมากมายหลายคนเข้ามา ...  พร้อมจะหยิบยื่นไมตรีให้  แต่ทำไม.....หัวใจถึงได้เลือกรักแค่ผู้ชายคนนั้น

ซุกหน้าลงกับหมอน สะอื้นไห้จนตัวสั่นสะท้าน เจ็บ.....ยิ่งกว่ารอยแผลที่ข้อมือ  ราวกับเข็มนับพันๆ เล่ม

ทิ่มแทงหัวใจ  แล้วสาดด้วยน้ำเกลืออีกระลอก ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่น  รู้ดี...ว่าไม่ใช่ความผิดใคร

ก็แค่.....มันห้ามใจตัวเองที่จะรักไม่ได้เท่านั้นเอง   แต่ในเมื่อลงเอยแบบนี้....ก็คงทำได้แค่... “ตัดใจ”

ร้อง.....จนหมอนที่ซุกหน้าอยู่เปียกชื้น แต่ก็ต้องกลั้นเสียง...เพื่อไม่ให้คนข้างนอกรู้ว่าแกล้งทำเป็นหลับ 

ได้ยินเสียงเปิดประตูด้านนอกดัง “แกร๊ก”  ก็พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากจะอยู่คงตามใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน

เสียงที่คุ้นเคยของ ไม้ดังสอดแทรกเข้ามา ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูออก แล้วปิดออกไปไม่ช้า..ภายในใจรู้สึกวูบโหวง

อย่างบอกไม่ถูก เจ็บ.....จนไม่อาจบรรยาย  ถึงจะเจ็บเจียนตาย แต่ภาค...ก็คงไม่ใส่ใจ  ยิ่งคิดยิ่งเจ็บร้าวในอกขึ้นไปอีก

ได้ยินเสียงเปิดประตูอีกรอบ ไม่รู้ว่าทำไมถึงดีใจขนาดนั้น....  ภาคคงจะย้อนกลับมา  ยังเหลือคำว่า “ห่วงใย” ให้กัน

“ของกินมีแค่นี้เองอ่ะ” ได้ยินเสียงอีกฝ่าย  ถึงกับใจหล่นวูบ  สิ่งที่คิดไว้ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด...ไม่ใช่คนที่อยากให้มาหา

เลยทำได้แค่ฟังบทสนทนานั่นไปเรื่อยๆ  ในใจกำลังคิดถึงใครอีกคนไปกำลังจากไป   เพื่อไปหาใครอีกคนที่สำคัญกว่า

ใครคนนั้น.....ที่ทำเท่าไหร่   หรือต่อให้เนิ่นนานแค่ไหน ก็เอาชนะไม่ได้สักครั้ง

“แค่นี้ก็ดีแล้ว มึงจะเอาไรกับเซเว่นว่ะต้น” 

“ก็มันหิวอ่ะ”

“มึงนี่หิวไม่ดูเวล่ำเวลา”

“เอ๊า!!  ไอ้นี่นิมึงจะกินด้วยมั้ย”

“กิน”

“สัด ปากดีตลอด  ว่าแต่เข้าไปดูอ๋อมรึยัง?”

“ยังเลย  เห็นไอ้ภาคบอกว่าพึ่งหลับไป  กูไม่อยากกวนอยากให้พักผ่อนก่อนดีกว่า”

“อืม ..ดีเหมือนกัน   กูหวังว่าอ๋อม...คงจะหายกลัวกับไอ้โจรโรคจิตนะ  รีบกินเหอะไม้  แล้วมาช่วยกันคิดว่า

จะช่วยอ๋อมได้ยังไง  เห้ยนี่สมุดที่ว่ารึเปล่าว่ะ เชี่ย!!  หยึ๋ย...แม่งสยองว่ะมึง แดกๆๆ  จะได้มาคิดกัน”

“เออๆๆ  โหย  แม่งกลัวไม่รู้รึไงว่าแม่งโรคจิตเนี่ย  แดกๆ จะได้เก็บห้องกันด้วย  เห้อ~ คนสมัยนี้แม่งน่ากลัว”

ไม่รู้สองคนนั้นพูดคุยกันอีกนานแค่ไหน  รู้เพียงว่ายาที่ทานเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ เปลือกตาหนักอึ้ง ค่อยๆ กดปิดมาทีละน้อย

สติที่มีอันน้อยนิดค่อยพล่าเรือน จนทุกอย่างจางหายกลายเป็นความมืดมิด

.

.


.
.

.

.

“ติ๊ดๆๆๆ  ติ๊ดๆๆๆ”  โทรศัพท์ผมดังแผดเสียงดังลั่น  ผมได้แต่สบถอย่างโมโห “เชี่ย”  ไม่รู้ใครโทรมาปลุกแต่เช้าในวันหยุด

สุดแสนจะแฮปปี้ของผม  คอยดูถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย กูจะตัดเพื่อนแม่ง ...ขณะที่ในใจสบถ  มือก็ควานหามือถือตัวเอง

ให้วุ่น  ในที่สุดก็เจอ ผมเหลือบตามองอย่างฉุนเฉียว  ก่อนจะรีบกดรับโดยด่วน ....ไม่ใช่ใครเป็นเพราะต้นโทรมา

ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรหา เพราะปกติผมเป็นคนไปเอง แฮะๆๆ ก็ไม่บ่อยแค่อาทิตย์ละห้าวันแค่นั้นเอง  หึหึ...

ถ้าถามว่าไอ้ไม้มันหึงรึเปล่า  คำตอบคือไม่ แต่อาจจะขัดใจมันนิดๆ  อย่างน้อยมันก็ใจดีพอที่จะยอมสละความสุขเล็กๆ น้อยๆ

ให้กับคนอย่างผม  ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าพูดคุย หรือทำตัวให้อยู่ใกล้ๆ บางโอกาส แต่ไม่เคยจีบหรือล่วงเกิน

หรือแม้แต่ลอบแทงข้างหลังมันแม้แต่ครั้งเดียว  เพราะอะไรนะเหรอ...  ลองไปดูหน้าต้นตอนที่อยู่กับไอ้ไม้สิว่ามีความสุขแค่ไหน

ถึงปากจะต่อล้อต่อเถียงกันตลอดเวลา  แต่แววที่ผมเห็นมันมีความสุขจนแทบล้นออกมานอกอก  ไม่เหมือนคืนนั้น...

ที่อีกฝ่ายเมา จนสารภาพอะไรออกมา แววตาที่หม่นหมอง..เจ็บปวดนั่น ผมยังจำได้ดี  และก็คิดว่าดีแล้วที่ไอ้ไม้เลือกต้น

เพราะผมเองคงไม่มีปัญญาให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ขนาดนั้นแน่ ไม่ใช่ว่าผมไม่รักนะ ...เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้

ทั้งที่เราเจอกันไม่นาน  แต่ผมกลับหลงรักไอ้เด็กหน้าขาวจนโงหัวไม่ขึ้น แต่สุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะต้นมันรักไม้

ถึงผมจะทำดีแทบตาย  ก็ทำให้มีความสุขเท่าไอ้ไม้ทำไม่ได้อยู่ดี  นี่คืออีกข้อหนึ่ง...และเป็นข้อที่สำคัญที่ผมยอมยืนมองอยู่ตรงนี้

โดยเข้าไปยื้อแย่งทั้งที่มีโอกาส   ผมรีบกดรับสาย แล้วกรอกเสียงหวานๆ แบบอัตโนมัติ  เพราะถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไร....

คงไม่กล้าโทรมาแต่เช้าขนาดนี้


“ฮัลโหล ครับต้นมีไรรึเปล่าโทรมาหาพี่แต่เช้า” 

“สัด พูดซะหวานเลยนะมึงนี่กูเองไม่ใช่ไอ้ต้น  นี่มึงคิดอะไรกับเมียกูเปล่าเนี่ย”  เสียงไอ้ห่าไม้ตอบกลับมาเล่นเอาผมเซ็ง

รู้สึกเสียดายน้ำลายตะหงิดที่อุตส่าห์ทำเสียงหวานใส่คนอย่างมัน  กูว่ากูพูดกับควายน่าจะเวิร์คกว่า

(จริงๆ แอบเกลียดแม่งครับ  ฮ่าๆ  ล้อเล่น ก็ด่ากันตามประสาพี่น้อง  อ๊ะๆๆ ท้องไม่ติดกันนะจ๊ะคนสวย)

“คิด  สัดรู้แล้วเสือกถาม  ไปตามที่รักกูมาคุยดิ๊”  ผมด่ากับมันพอประมาณ  มันก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่ไปงั้นแหล่ะครับ

“ฮัลโหลพี่รัก  ต้นนะพี่ วันนี้พี่รักว่างรึเปล่าอ่ะ?”  ผมได้ยินเสียงนุ่มๆ กรอกตามสายโทรศัพท์มา เออ..ฟังแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย

“ครับ วันนี้พี่ว่างทั้งวันเลยเรามีอะไรรึเปล่า?  จะไปซื้อต้นไม้แถวสวนอีกเหรอ พี่ไปเป็นเพื่อนได้นะ”  ผมตอบกลับไป


“เปล่าครับพี่  พอดีว่าเกิดเรื่องกับอ๋อมนะครับอยากให้พี่มาช่วยดูแลหน่อยได้รึเปล่า”  ต้นพูดแบบเกรงใจ

“อ้าวแล้วเราจะไปไหนกันอ่ะ"

"ก็แม่ผมก็บังเอิญเกิดอุบัติเหตุเหมือนกันอ่ะพี่เลยต้องรีบไปดู”

“อ้าวแล้วภาคหล่ะ”   ผมถามต่อด้วยความสงสัย

“มันพึ่งกลับไปเมื่อกี้อ่ะ  นะๆๆ พี่ช่วยมาดูอ๋อมให้หน่อยนะ ผมต้องรีบไปดูแม่อ่ะ ส่วนไอ้ไม้มันต้องไปรับครอบครัวที่สนามบิน

แล้วเค้าจะไปเที่ยวต่อกันอ่ะ  ผมรบกวนพี่มาดูอ๋อมให้ได้เปล่า”  เสียงต้นมันอ้อนๆ น่ารักดี ทำผมอมยิ้มนิดๆ ก็นะ


พอกับคนที่เรารัก มันก็เลยใจง่ายผิดปกติ  จริงๆ ก็อยากทำให้ทุกอย่างน่ะแหล่ะ  เสียแต่ว่าน้องมันไม่ต้องการ

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่อาบน้ำเดี๋ยวไปหออ๋อมเลยไม่เกินครึ่งชั่วโมง”

“ขอบคุณมากครับพี่ รักพี่รักที่สุดเลย”  ต้นว่า  ผมได้ยินไอ้ไม้สบถว่า  “เชี่ย”    ก่อนปลายสายจะทันได้วางสายไป

ผมรีบเด้งตัวราวกับติกสปริงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จภายในสิบนาที แล้วขับรถไปที่หอพักอ๋อม ตอนจะออกผม

ก็ถือโอกาสโทรหาต้นอีกที (จริงๆ แค่อยากได้ยินเสียง)   มันเลยได้เรื่องพ่วงขึ้นมาว่าเกิดอะไรกับอ๋อม  ฟังแล้ว


โหยย  ... เล่นเอาผมขนลุกเลย ขนาดตัวเองเป็นผู้ชายแท้ๆ  ยังสยองจนบอกไม่ถูก  แต่นี่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงและสวยด้วย

เข้าใจทันทีว่าทำไมต้องมีคนเฝ้า  ไม่งั้นมันอาจจจะอันตรายเกินไป  เล่าจบไม่เท่าไหร่ผมก็ขับมาถึงพอดี เพราะหอพัก

อ๋อมกับผมนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก แค่สิบนาทีก็ขับรถถึง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยเพราะไม่มีความจำเป็นอะไร

แต่หอที่ไปบ่อยกับเป็นหอพักไอ้ไม้ หึหึ....ก็ต้นน่ะพักอยู่กับมันน่ะสิ    ผมจอดรถเสร็จก็ตรงไปที่ลิฟท์กดชั้นที่อ๋อมอยู่

ที่รู้ก็เพราะต้นบอกมา  จริงๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จะได้เข้าไปห้องอ๋อม คราวก่อนก็ประมาณสองสามครั้งที่มาส่ง

ก็ส่งแค่หน้าหอ ไม่เคยขึ้นมาบนห้องจริงๆ สักครั้ง  เพียงอึดใจผมก็มายืนอยู่หน้าห้องหมายเลขที่ต้นบอก

“ก็อกๆ ก็อกๆ”  ผมเคาะประตูเบาๆ สักพักมันก็เปิดออก  คนที่ผมคิดถึงยืนอยู่ตรงหน้ายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกครั้ง

ด้านหลังมีไอ้ไม้ยืนหน้าบูดอยู่ มันเหล่ตามองผมพร้อมหลี่ตาลงนิด ๆ  พยายามจับผิดผมอยู่ ผมเลยยิ้มหวานๆ ให้ต้น

ก่อนจะยักคิ้วกวนๆ พร้อมเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากให้มันด้วยเช่นกัน

“มึงมาแล้วเหรอ?”  ไอ้หมาปากดีข้างหลังมันถาม

“แล้วมึงเห็นรึยังว่าคนหล่อๆ ที่ไหนยืนอยู่ตรงหน้ามึง”  ผมตอบกวนๆ กลับ ซึ่งต้นก็กลั้นขำเต็มที่

“กูแนะนำให้มึงไปส่องกระจกใหม่นะไอ้พี่รัก  แล้วมึงจะรู้ว่ามึงหล่อรึเปล่า สงสารว่ะ ไม่อยากวิจารณ์

ป่ะสัด! ไปกันได้แล้ว ยื่นอ่อยแม่งอยู่ได้ เดี๋ยวกูจัดหนักแม่งต่อหน้าเลย  มองเมียกูดีนัก” มันด่าเบาๆ แล้วผลักที่รักผมให้เดิน

สวนกันออกมา  ต้นทำหน้าบูดเหมือนขัดใจก่อนจะหันมาพูดบอกลาผม

“ไปก่อนนะพี่ ฝากอ๋อมด้วยนะครับ อ้อ..ยาวางอยู่บนโต๊ะ  โอ้ยเชี่ย! กูไปชี้ให้พี่เค้าดูก่อน”  ต้นเซถลาไปตามแรงมือควาย

“ไม่ต้องไป มันมีตาให้มันดูเอง”    จบบทสนทนาแค่นั้นไอ้ไม้ก็ลากเมียมันไปต่อหน้าต่อตาผม  ต้นยังโบกมือบ๊ายบาย

ผมได้แต่ยิ้มโบกมือตอบ  แล้วเดินเข้าห้องสำรวจร่องรอยมากมายที่เกิดขึ้น  แม้บางส่วนจะทำการเก็บกวดแล้วแต่

ข้าวของหลายๆ อย่างก็ยังคงหลงเหลือความเสียหาย  ผมเดินเข้าไปเปิดประตูห้องนอนอย่างถือวิสาสะ อ๋อมนอนขดตัว


อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ลำตัวบางราวกับเป็นแค่ลูกแมวตัวเล็กๆ ที่กำลังหวาดกลัว ผมเดินชิดเข้าไปอีก...เลยเห็นคราบน้ำตา

ที่ฉาบไปทั่วใบหน้าหวาน...   นึกได้อย่างเดียว   “น่าสงสาร”  คงหวาดกลัวจากการรุกรานของไอ้โรคจิตมาก  หมอนที่หนุน

เปียกชื้น ผมนั่งลงข้างเตียงไม่อยากอยู่ข้างนอกเพราะข้างในแอร์มันเย็น วางคางลงบนที่นอนนั่งมองหยดน้ำตาที่ยังไหล

เอื่อยๆ ลงตามแก้มร่างกายสั่นสะท้านทั้งที่ไม่รู้สึกตัว อดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้ เกือบจะชะงัก

“ทำไม....ไม่ใช่อ๋อม ฮึก...ฮึก..”  มือเรียวบางกุมมือผมไว้แน่น พร้อมคำพูดตัดพ้อ ผมถึงเดาอะไรได้ลางๆ  ไม่ใช่แค่ไอ้โรคจิต

แต่โดนปฏิเสธมาด้วยนี่นา  ไม่เห็นต้องเดาว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ...   แค่มองสายตาอ๋อม แค่นั้นก็รู้แล้ว

ผมลูบหัวน้องเบาๆ อย่างปลอบโยน  แรงสะอื้นไห้ค่อยๆ จางลง แต่มือที่ยังกอบกุมมือผมกลับแน่นไม่ยอมปล่อย


ราวกับกลัวว่าหากปล่อยมือผมแล้ว  อ๋อมจะไม่เหลือใคร คงกลัวที่จะต้องยืนอยู่ตรงนี้เผชิญหน้ากับปัญหาที่หนักหน่วงนี่

เพียงลำพัง  อยู่ดีๆ ผมก็พาลคิดไปว่าเรื่องไอ้โรคจิตนี่อ๋อมคงไม่ได้สร้างมันขึ้นมากับมือตัวเองหรอกนะ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  .....  ก็คงเกินไป



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2013 13:38:55 โดย Tassanee »

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#1 P.16 29/4/13
«ตอบ #477 เมื่อ28-04-2013 13:59:48 »

 :mew1:

ทำไมพี่รักกเก่งจัง

เดาเรื่องราวได้อย่างถูกต้องแบบนี้ เพราะเราก็คิดเหมือนพี่รักเลย

ว่าอ๋อมสร้างเรื่องขึ้นมา

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#1 P.16 29/4/13
«ตอบ #478 เมื่อ28-04-2013 20:37:10 »

บ่องตง  :เฮ้อ:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
Re: >> กอด~ ตอน เข้าใจ#2 P.17 30/4/13
«ตอบ #479 เมื่อ29-04-2013 00:50:54 »

ตอน  เข้าใจ #2




ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย...ท่าทางเรื่องจะใหญ่ไม่ใช่เล่นแฮะ ผมแกะมือของอ๋อมออกอย่างเบามือ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

กดโทรศัพท์โทรหาปลายสายคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด  คนที่อยู่ในเหตุการณ์....   นับสิบสาย.....  แต่ไม่มีคนรับ

คิดว่าผมจะท้อผมยังกระหน่ำโทรเข้าใจแหล่ะว่าเวลานี้คงไม่มีใครอยากรักสาย  ยังจำได้ว่าต้นบอกว่าเมื่อคืนนี้

ภาคอยู่กับอ๋อมทั้งคืน  ฉะนั้นในวันนี้คนที่กำลังมีปัญหา...ก็ควรจะเป็นไอ้คู่นั้นสินะ

“ฮัลโหล”  ในที่สุดก็รับ ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่ไม่ได้สนุกอย่างที่คิด แต่ถ้าช้ากว่านี้

คงมีปัญหาโลกแตกแน่ๆ ใช่ใหม?  แล้วผมที่พอจะช่วยเคลียร์ปัญหาคนรู้จักได้จะให้อยู่เฉยๆ ได้ไง

“พี่อยู่กับอ๋อม  เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นเล่ามา”  ผมกรอกเสียงด้วยน้ำเสียงธรรมดา ติดจะเย็นชาหน่อยๆ เพราะต้องการกดดัน


“เอ่อ  ..อ๋อมโดนไอ้โรคจิตบุกเข้าห้อ-”

“อันนั้นพี่รู้แล้ว  แต่พี่อยากรู้เรื่องเรากับอ๋อมมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น”  ผมว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ อย่างคนรู้ทัน

“ก็......ไม่มีอะไร”  อีกฝ่ายว่าเสียงเครียด น้ำเสียงดูเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก  จะให้ผมเดารึเปล่าหล่ะ

“แพนอยู่ไหน?”

“................”


“พี่พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะภาค  เรื่องของความรักมันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ตอนนี้แพนกำลังเข้าใจผิดอยู่ใช่รึเปล่า”

“..............”  มีแต่เพียงความเงียบงัน กับลมหายใจที่สั่นๆ

“พี่อาจจะช่วยได้  แต่นั่นหมายความว่าเราต้องเล่าความจริงมา เข้าใจมั้ยไอ้น้อง?”  ผมได้ยินเสียงภาคถอนหายใจยกใหญ่

“ไม่ทันแล้วพี่แพนไปแล้ว?”

“ท้อแล้วเหรอเรา?”

“ผมไม่รู้จะตามแพนได้ที่ไหน”

“ตามได้ที่ตั๋ว ..  แพนคงไม่ได้ซื้อตั๋ววันนี้แล้วกลับเลยหรอกนะ พี่จำได้ว่าน้องซื้อตั๋วปี ถ้าเรารู้รายละเอียดก็เช็คได้ใช่ไหม”

“ใช่ๆ ผมมี Booking No. ขอบคุณนะพี่ที่ชี้แนะแนวทางผม แค่นี้ก่อนนะ ”


“เห้ยเดี๋ยวเล่ามาก่อน  เออแล้วเอาเบอร์น้องมาด้วย”  ผมรีบร้องขัดเสียงหลง เพราะเจ้าตัวเร่งจะวางอย่างเดียว

“พี่จะเอาไปทำไม”  ผมทำหน้าเซ็งกับน้ำเสียงโหดเหี้ยมที่ส่งมาจากไอ้หล่อ  หึหึ...

“จะเอาไว้ให้อ๋อมไปโทรอธิบาย  รึมึงไม่ต้องการ”  ผมเริ่มทำน้ำเสียงโหดกลับ อีกฝ่ายนิ่งเงียบเล็กน้อยเหมือนครุ่นคิด

“ 08 –xxxx-xxxx  จดรึยังอ่ะ”

“เออๆ จดแล้ว เอ้าเล่ามา”

.

.

.

เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ หลังจากฟังไอ้หล่อมันเล่าจบผมก็กลับมาที่ห้อง กุมมืออ๋อมไว้อย่างเดิม เพราะอีกฝ่ายเริ่ม

กระสับกระส่ายอีกแล้ว  ลูบหัวปลอบประโลมอีกพัก จากนั้นก็เผลอหลับไปด้วยกัน รู้สึกตัวอีกทีเพราะได้ยินเสียง

ร้องไห้ของคนบางคนตรงหน้า มือยังกุมมือผมแน่นผมเงยหน้าขึ้นจากเตียงมองอีกฝ่ายที่ยังซุกหน้าลงกับหมอน

ร้องไห้อย่างเดิม  ค่อยๆ เอื้อมมือข้างที่ว่างลูบหัวปลอบอีกฝ่าย

“อ๋อม”  น้องสะดุ้งเล็กก่อนจะหันหน้ามามอง  สภาพของอ๋อมตอนนี้มันดูน่าสงสารเกินไปเหมือนคนสูญเสียทุกๆ สิ่งอย่าง

กำลังท้อแท้ และสิ้นหวัง ดวงตากลมโตดำขลับแสดงความเจ็บปวดอย่างร้ายกาจออกมา ทำผมใจหายไม่เคยคิดจะเจออ๋อม

ในภาพแบบนี้ ปกติอ๋อมที่ผมเห็นเธอดูสดใสร่าเริงมีรอยยิ้มเล็กประดับใบหน้าเสมอ  ผมลุกขึ้นดันตัวมานั่งบนเตียง

ก่อนจะดึงอีกฝ่ายมาโอบกอดแน่นๆ  ลูบหัวปลอบเบาๆ น้องไม่ได้ขัดขืน เพียงแต่โถมตัวเข้าหาอ้อมกอดผม แล้วสะอื้นไห้

จนตัวโยนอีกรอบ 

“ไม่เป็นไรนะ  ไม่เป็นไรทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี”   ผมว่าเสียงเบา ลูบหัว ลูบหลังอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น อ๋อมไม่ได้พูดอะไร

เอาแต่ร้องไห้ อยู่เนินนานจนผมเหนื่อยแทน  เสื้อผมเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของอ๋อม ร่างกายอ๋อมดูเบาหวิว 

ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกรอบเกือบๆ เที่ยงแล้วที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราทั้งคู่  ผมดันตัวอีกฝ่ายออก อ๋อมยื้อเสื้อผมไว้

ผมเลยต้องหันไปบอกให้อีกฝ่ายปล่อยมือก่อน

“จะไปหาข้าวมาให้กิน รอนะคะ”  ผมเอื้อมมือไปแกะมืออีกฝ่ายออก แต่น้องดันรั้งไว้แน่นกว่าเดิม

“ยังไม่หิว” อ๋อมว่าแค่นั้นก็ก้มหน้าลงต่อ

“แต่พี่หิวครับ  ถึงอ๋อมไม่หิวแต่ก็ต้องทานนะคะ”  ผมลูบหัวน้องเบาๆ อีกฝ่ายเหลือบมองผมนิดนึงก่อนจะยอมปล่อยมือ


ผมลงมาด้านล่างสั่งข้าวต้ม และอะไรอีกสองสามอย่างง่ายๆ จากร้านใต้ตึก พึ่งรู้ว่ามีบริการส่งถึงที่แฮะ  ผมบอกเลขห้อง

และเดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งหน่าตาน่ารักใช้ได้เลยแหล่ะ ควงแขนมากับแฟนหนุ่ม ซึ่งผมแน่ใจว่าผมไม่รู้จัก....

แต่....คิดว่าคง เคย รู้จัก  เพราะสายตาที่มองมามันดูเกลียดชังผมมากเป็นพิเศษ  แต่ก็แค่แปล๊บเดียวเท่านั้น

ใบหน้าเดิมกระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผมแทน  เล่นเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก ก้มหัวให้ตอบกลับเธอเล็กๆ

ตามมารยาท  ก่อนจะเดินสวนกันไป ผมกลับมาถึงห้องเคาะประตูเบาๆ

“คะ...ใครคะ?”  อ๋อมว่าเสียงสั่น ดูหวาดกลัวกับการเปิดประตูห้องให้คนแปลกหน้า  ผมว่าเรื่องไอ้โรคจิตน่าจะเป็นเรื่องจริง


“พี่รักเองครับ”  ผมตอบกลับไป ประตูค่อยๆ เปิดออก แล้วผมก็แทรกตัวเข้าไป 

“อ๋อมอาบน้ำก่อนดีมั้ยครับ?  จะได้ทานข้าวทานยา”  ผมหันไปบอกกึ่งๆ สั่ง น้องพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไป 

รอไม่นานอาหารที่สั่งก็มาส่ง  ผมกับอ๋อมนั่งทานเข้ากันเงียบๆ เรื่องบางเรื่องมันต้องใช้เวลา แต่บังเอิญตอนนี้ไม่มีเวลา

“อ๋อมมีอะไรจะเล่ามั้ย?”  ผมถามเสียงเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น น้องเงยหน้ามามองผมนิด สีหน้าอึกอักชัดเจน

“.............”  น้ำตารื่นขึ้นมาบนขอบตา  ก่อนจะหันหน้าหนีเสียเฉยๆ  แต่ผมหยุดไม่ได้เวลามันไม่เอื้ออำนวย

“จะบอกพี่ว่าแผลที่ข้อมือนั่น  เรากรีดมันเล่นๆ รึเปล่า?”

“............”

“ไม่ใช่เราคนเดียวที่เจ็บหรอกนะ คนอื่นเค้าก็เสียใจ ถ้าเพียงแค่เราจะหันไปมองบ้าง”

“พี่ไม่เข้าใจหรอก พี่ไม่เคยรักใครที่เค้าไม่มีวันมองพี่นี่  ฮึก...”  น้องตอบผมด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวน้ำตาที่เอ่อๆ ไหลอาบแก้ม

อ๋อมลุกขึ้นเตรียมจะหนีผมเข้าห้อง แต่ผมรั้งไว้ อีกฝ่ายหันมามองตาเขม็ง

“ปล่อยค่ะ” 

“แน่ใจเหรอที่คิดแบบนั้น?  อย่าบอกว่าเราไม่รู้ว่าพี่ชอบต้น?”  น้องก้มหน้าลงร้องไห้อีก ผมดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด 

“พี่รู้..... ยิ่งกว่ารู้ซะอีกว่ามันเจ็บขนาดไหน”  ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ อีกมือก็โอบรัดไม่ให้น้องดิ้นหนี จนสุดท้ายก็ร้องไห้

อยู่กับอกผม  เลิกที่จะต่อต้าน ..... บางครั้งคนเจ็บก็แค่....อยากจะระบาย  อยากจะมีใครสักคนรับฟัง

“ฮือๆๆ.... ฮึก... ฮึก...แต่อ๋อม...ฮึก...รักภาคนะ...ฮึก...รักจนหมดใจ  ล...แล้ว  ฮึกๆๆ จะทำไงอ่ะ”

“เราอยากให้เค้าเกลียดเรารึเปล่าหล่ะ?”  ผมว่าเสียงแผ่วเบา  ลูบหัวอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ น้องส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ม...ไม่... ฮึก  ...  อย่าถึงขั้น .  ฮึกๆ ... เกลียดกันเลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำใจ  ...ถ้าเราเป็นเพื่อน  เราก็จะยังได้อยู่ใกล้คอยดูแลเค้าได้  แต่ถ้าเค้าเกลียดอย่าว่าแต่คุยเลย

เราจะกลายเป็นสิ่งไร้ตัวตนสำหรับเค้าเลยต่างหาก  อ๋อมทนได้เหรอ?”  ผมถามน้อง


“แต่...แต่อ๋อมเจ็บ  อึก..ๆ” 

“พี่รู้ครับ  ..พี่รู้  แต่ตอนนี้...อ๋อมกำลังทำให้สองคนนั้นเจ็บปวดรู้มั้ย  เค้ากำลังเข้าใจผิดเรื่องอ๋อม”


“แต่อ๋อมก็เจ็บนะ” 

“หรือเราอยากให้สองคนนั้นเลิกกัน  คิดว่าภาคจะเลือกเรามั้ยไหมถ้าไม่มีแพนแล้ว?”

“ฮืออออออ~”   อีกฝ่ายปล่อยโฮ  แล้วกอดผมแน่นขึ้นอีก

“รู้คำตอบดีแล้วใช่มั้ยครับ?   พี่รู้ว่าอ๋อมเป็นคนดี อ๋อมเป็นคนรักเพื่อน อ๋อมอยากให้ทุกคนเจ็บเหมือนอ๋อมรึเปล่า”


“.................”    มีแต่เสียงร้องไห้ที่เป็นคำตอบ

“ถ้าอ๋อมเลือกแบบนั้น อ๋อมจะไม่เหลือใคร  แต่ถ้าเราเลือกจะตัดใจอ๋อมก็จะยังมีทุกคนอยู่ รวมถึงพี่นะอ๋อม

พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเป็นกำลังใจให้ ก่อนที่จะสายไป ก่อนที่แพนจะนั่งเครื่องกลับไป” อ๋อมเงยหน้ามองผมนิดๆ

ผมไล้มือเช็คคราบน้ำตาที่พราวอยู่รอบดวงตาคู่สวย 

“อ๋อม ๆ...”   ริมฝีปากบางแดง ขบกัดริมฝีปากตัวเองจนขึ้นสีซีด 

“อยากเห็นภาคตายทั้งเป็นรึเปล่าหล่ะ....ถ้าต้องการแบบนั้น ก็กลับเข้าห้องไป แต่ถ้าอยากให้ทุกอย่างมันยังดีอยู่

อย่างน้อย....ก็ยังเหลือความเป็นเพื่อนระหว่างกันอยู่  โทรไปอธิบายความจริงกับแพนนะครับ อ๋อมเลือกเองนะ

ขึ้นอยู่กับอ๋อม  ถ้าอ๋อมไม่คิดว่าจะเสียใจทีหลัง....พี่ก็ไม่ว่าอะไร”  ผมยื่นโทรที่กดเบอร์แพนไว้เรียบร้อยแล้ว

ให้อีกฝ่าย  น้องยื่นมือมารับพร้อมกับจ้องมองที่เบอร์นั้น  ราวกับเป็นสิ่งแปลกประหลาดนักหนา

“อย่าลืมสิ  ว่าเรายังมีพี่....พี่จะอยู่ข้างๆ เรานะ”  ผมกดจูบที่หน้าผากอ๋อม ไม่รู้ทำไมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 

เพียงแต่รู้สึกกำลังยืนมองตัวเองในอดีต  ผมเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากอ๋อม  อยากจะยื้อแย่ง อยากจะทำร้าย

ให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่...ไม่เห็นประโยชน์ ถ้าผมจะทำสิ่งนั้น มีแต่จะทำให้เจ็บกันทุกฝ่าย ผมลูบหัวน้องเบาๆ

กำลังจะผละตัวออก บางทีเวลานี้น้องอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว ก้าวได้แค่ก้าวเดียว ก็ชะงักกับมือบางที่รั้งเสื้อผมเอาไว้

“ช่วยอยู่...ข้างๆ อ๋อมได้มั้ยคะ?”   เคยเห็นดวงตาของลูกแมวมั้ย  เวลาที่มันต้องการร้องขออะไรสักอย่าง ตอนนี้...

แววตาของอ๋อมกำลังเป็นแบบนั้น ลูกแมวน้อยที่อ่อนแอ  และน่าสงสาร  ผมยกยิ้มน้อยๆ แบบปลอบใจ และพยักหน้า

ในที่สุด ผมโอบเอวอีกฝ่ายรั้งให้นั่งลงบนโซฟา มือเรียวบางกดปุ่มสีเขียวที่เป็นไอค่อนบน Touch screen รูปโทรศัพท์

มือผมสอดประสานเข้ากับนิ้วเรียวของอ๋อม  และเกาะกุมกันไว้แน่นแบบให้กำลังใจ

.

.

“ฮัลโหล”   ในที่สุดปลายสายก็กดรับเสียที หลังจากกดโทรมานานถึงยี่สิบสาย

“ฮัลโหล...แพนเหรอ  พี่เอง พี่อ๋อมเองนะ คือพี่อยากจะบอกว่า”

“ไม่เป็นไรผมเข้าใจดี  .... พี่อ๋อมโชคดีจังนะครับ ผม................................ไม่เป็นไร”

“ไม่ใช่...ไม่ใช่พี่...   ภาคเค้า ...ฮึกๆ  เค้าเลือกแพน ...ฮึกๆ ...ได้โปรดฟังพี่ที่พี่ไม่อยากทำผิดอีกแล้ว ฮือๆๆ”

“อะไรนะครับ...แล้ว?”


“พี่เสียใจแพน ... แต่ภาคเค้า.....เค้า....ไม่เคยรักพี่เลย  ฮึกๆๆ ไม่สิ...ไม่เคยมองพี่เลยต่างหาก ฮึกๆ เค้าเห็นพี่เป็นแค่เพื่อนคน
หนึ่ง

เรื่องเมื่อคืนนี้....  มีไอ้โรคจิตมันบุคเข้ามาที่ห้อง พี่กลัว...กลัวจนสติแตก  แล้วคนแรกที่พี่คิดถึงก็คือภาค.....”

.

.

.

ทุกๆ อย่าง ถูกเล่าผ่านปากอ๋อมเนิ่นนานเป็นชั่วโมง  ขณะที่ผมก็ยังบีบมือน้องไว้ไม่ได้ปล่อย แต่ที่เครียดมากกว่านั้น

.






.




.

ค่าโทรศัพท์ผมเดือนนี้.............จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย  เห้อออออออออ  เศร้า!!


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด