21
หยางเว่ยชินรับรู้ถึงสายตาที่มองมาตลอดการทานอาหารร่วมกัน แม้จะรู้สึกขัดหูขัดตาเพียงใดแต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ ช่างเป็นสายตาที่น่ารำคาญเสียจริง
“คิดอะไรอยู่รึขอรับ”
“มิมีอันใด เจ้าทานต่อเถอะ” รอยยิ้มหวานนั่นคือสิ่งที่ได้รับ หลังจากมื้ออาหารเสด็จพี่และน้องสามต่างแยกย้ายกันไปพัก ข้าและหลิงเอ๋อร์มานั่งเล่นยังริมสระบัว ขนมและน้ำชาถูกยกมา ภาพในศาลาริมน้ำนั้นช่างเป็นภาพที่ชวนให้อิจฉายิ่ง ทั้งสองต่างนั่งอยู่เคียงกันเมื่อร่างเล็กเงยหน้าพูดร่างสูงจะเอียงตัวมาเพื่อรับฟังร่างเล็ก บ่าวทุกคนต่างหลบฉากไม่ไปรบกวนนายทั้งสอง หากแต่ภาพที่ทุกคนชื่นชมนั้นกลับได้รับความริษยาจากคนผู้หนึ่งโดยตลอด หยางเฉียงอ๋องผู้ซึ่งขอร่วมเดินทางมาด้วยคราแรกก็เพียงท่องเที่ยวและหาเรื่องหนีออกจากจวนเพียงเท่านั้น หากเมื่อได้เห็นคนผู้หนึ่งที่ในอดีตนั้นเคยตามติดหากแต่เขามิสนใจ แต่เมื่อได้พบอีกคราเขานั้นกลับรู้สึกว่าตนนั้นเลือกผิดไป
“อ่า หยางเฉียงอ๋องต้องการคุยกับท่านรึเปล่าขอรับพี่เว่ย” ผมเงยหน้าจากตำราในมือไปกระซิบกับผู้ที่นั่งข้างๆ
“ช่างเถิด พี่อยากทานขนม”
“ก็ทานสิขิรับ”
“มือมิว่าง” ผมส่งสายตาค้อนให้กับบุรุษที่ตอบออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ เดี๊ยะก็ตัดมือทิ้งเสียดีไหม ไม่ว่าอะไรแค่วางตำราในมือก็หยิบได้แล้วช่างมากเล่ห์เสียจริง หยิบตะเกียบคีบขนมกุ้ยฮวายืนไปชิดริมฝีปากหยัก
“อ้าปากขอรับ” ตอนนี้รู้สึกหมั่นไส้รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลานี่เสียจริง ร่างสูงอ้าปากรับกุ้ยฮวาที่ดูจะอร่อยกว่าทานเองเสียอีก นัยน์ตาคมเหลือบมองผู้ที่ยังยืนอยู่เบื้องหลังที่ดูจะไม่พอใจ ช่างเป็นบุรุษที่น่ารำคาญเสียจริงแม้จะเป็นพี่ชายของตนก็ตาม
“ข้าขอร่วมด้วยได้รึไม่” เสียงทุ้มด้านหลังนั่นทำลายบรรยากาศรื่นรมย์แปลเปลี่ยนเป็นอึดอัดทันที หยางเฉียงนั่งลงตรงข้ามทันที ผมยกชาขึ้นจิบ อ่า ผมไม่ได้กลัวเรื่องความรู้สึกของตนเองเพราะอย่างไรเสียความรู้สึกที่มีต่อหยางเฉียงอ๋องนั้นก็เป็นความรู้สึกของอวี้หลิงมิใช่ของผม ห่วงแต่ก็คนข้างๆ นี่ล่ะ
“ท่านพี่ไม่ไปพักรึ”
“ไม่ล่ะ ไม่ได้เจอกันเสียนานนะหลิงเอ๋อร์” อ่า ผมรีบดึงชายแขนเสื้อพี่เว่ยไว้ทันที เมื่อได้ยินคำเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“อย่าได้มากพิธีเลย อย่างไรเสียก็คนกันเอง” ผมอยากจะกรอกตามองบนมาก วางถ้วยชาลงก่อนที่จะมองคนตรงหน้านิ่ง
“ท่านอ๋อง กระหม่อมมิใช่คนเดิมและทุกอย่างก็มิได้เหมือนเดิม ทั้งกระหม่อมและพระองค์ต่างมิได้ข้องเกี่ยวอันใดต่อกันแล้ว” ผมเว้นช่วงเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ต้องพูดให้จบ “อีกประการท่านอ๋อง ท่านทรงลืมไปแล้วหรือว่าเรามิใช่คู่หมั้นกัน อีกทั้งท่านอ๋องก็มีหวางเฟยอยู่แล้ว ระหว่างกระหม่อมและพระองค์นั้นคงเรียกหาเช่นกาลก่อนมิได้อีก” อย่าคิดว่าการอยู่ที่นี่แล้วผมจะไม่รู้ข่าวที่เมืองหลวงหลังจากที่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงสามเดือน หยางเฉียงอ๋องก็แต่งคุณหนูจางแต่งตั้งเป็นหวางเฟย
“เจ้า”
“หากท่านอ๋องลืมไป เมื่อสามปีก่อนท่านอ๋องเป็นผู้ต่อว่าข้าว่าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง บังอาจตีสนิทท่านท่ามกลางผู้คนมิใช่หรือ” นี่ถือว่าเป็นการเอาคืนให้แก่อวี้หลิงที่ไม่มีแม้โอกาสที่จะเรียกความเป็นธรรมให้แก่ตน แม้นิสัยส่วนตัวของอวี้วหลิงจะเอาแต่ใจไปหน่อยแต่ก็ไม่สมควรถูกฉีกหน้าแก่ธารกำนัลแบบนั้น ใบหน้าหล่อเหลา (แต่ก็น้อยกว่าพี่เว่ย) นั้นเปลี่ยนสีได้อย่างน่าดูชมและเมื่อตั้งสติได้หยางเฉียงอ๋องก็สะบัดชายเสื้อเดินโมโหออกจากศาลาไปทันที
“คิก” ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะให้กับอาการโมโหของผู้สูงศักดิ์ที่เดินลิ่วไป หึ อย่ามาคิดทำตัวมาหวงก้าง ความรู้สึกตอนที่ฟื้นมานั้นยังอยู่ในความทรงจำไม่ลืม
“แสบนักนะ”
“หากข้าไม่พูดให้ชัด คงเป็นท่านที่ลงมือข้าไม่อยากให้ท่านต้องบาดหมางกับพี่ชาย”
“ช่างเถิด พี่รองนั้นแม้จะนิสัยเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เลวร้าย” เอาเถอะเรื่องนี้ผมจะไม่ตอบอะไรเพราะทุกคนก็ใช่ว่าจะมีเพียงด้านดีงามของตน อย่างผมก็มีด้านสีเทาอยู่เหมือนกัน แค่กๆ แต่ไม่แสดงให้ทุกเห็นหรอกนะครับ
“งั้นก็ช่างเถิดขอรับ” และบรรยากาศสงบก็กลับคืนมา
.
.
หลังมื้อเย็นทุกคนต่างแยกย้ายร่างสูงใหญ่ของเว่ยชินเดินมายังห้องหนังสือที่ท่านลุงไป๋ยกช่วงเวลานี้ให้ เมื่อก้าวเข้าไปทั้งบรรดาพี่น้องต่างนั่งอย่างไม่มีการถือศักดิ์ทำอย่างที่เคยทำ
“หึ อย่ามานั่งใกล้ข้า” หยางเฉียงว่าพร้อมกับวางหมากดำบนกระดาน
“พี่รอง ท่านมีหวางเฟยแล้วนะ” เอ่ยขึ้นอย่างจนใจเมื่อพี่ชายตนนั้นทำตัวเยี่ยงเด็กๆ
“เจ้าสองคนทะเลาะอะไรกัน”
“ว่าที่คู่หมั้นเจ้านี่ปากคอเราะร้ายยิ่ง” หยางเฉียงว่าอย่างหงุดหงิดแม้สิ่งที่อวี้หลิงพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง สิ่งที่เขาได้กระทำในอดีตนั้นช่างเลวร้ายต่ออวี้หลิงยิ่ง
“มิเช่นนั้นจะทำให้เจ้าสามตกห้วงรักรึ” บุตรมังกรเอ่ยขึ้นพร้อมมุมปากยกขึ้น
“อ่าทุกคนต่างมีคนรักหมดแล้วข้าชักอิจฉาเสียแล้วสิ เสด็จพี่พรุ่งนี้น้องจะไปเที่ยวที่เมืองท่าเผื่อจะเจอหญิงงาม” เจ้าสี่ที่วางหมากพร้อมบ่นอุบทำให้พวกเขาเงยหน้าสบตากันก่อนจะส่ายหน้าแล้วก้มลงสนใจกับกิจกรรมของตน
“อะไรเล่า เหตุใดถึงส่ายหน้าแบบนั้นเล่า” เจ้าสี่โวยวายเสียจนทุกคนอ่อนใจ ที่ส่ายหน้าเพราะทุกคนนั้นรู้ดีว่าการที่เจ้าสี่นั้นจะหาสาวงามมาครองคู่นั้นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พูดอันใดนั้นมิมองดูตนเองเลยน้า
“พี่มิคิดว่าจะได้ไปสู่ขอผู้ใดให้กับเจ้าแน่เจ้าสี่”
“ทำไมเล่า” และเป็นอีกครั้งที่พี่ชายทั้งสามส่ายหน้าอย่างนึกอ่อนใจ ช่วงเวลาที่สี่พี่น้องใช้เวลาร่วมกันอย่างไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือยศบรรดาศักดิ์ เป็นเพียงพี่น้องเฉกเช่นคนธรรมดา
.
.
ช่วงเวลาที่ผู้สูงศักดิ์มาพำนักที่จวนตระกูลไป๋นั้น เป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าทั้งดีและปั่นป่วนโดยเฉพาะบุตรมังกรที่มักแอบปลอมตัวออกไปเที่ยวทั่วเมืองแต่กระนั้นชาวบ้านทุกคนก็รู้อยู่ดีว่าพระองค์เป็นผู้ใด หากแต่ก็ยินยอมแสร้องทำเป็นไม่รู้จะให้ไม่รู้ได้เยี่ยงไร เมื่อทุกครั้งที่พระองค์ออกสำรวจจะมีคุณชายรองตระกูลไป๋เคียงข้างเสมอ หลังจากที่เจรจาสู่ขอสำเร็จก็มีราชโองการประกาศทั่วแคว้นทันที ส่วนหยางเฉียงอ๋องนั้นก็แอบมาวอแวผมให้พี่เว่ยแผ่ไอเย็นเป็นช่วงๆ ส่วนอ๋องสี่นั้นก็ดูจะสนุกกับการศึกษาภาษาชาวโฝหลางจีจากผมและดูจะสนอกสนใจการเดินทางข้ามท้องทะเล แถมยังแอบขอองค์ฮ่องเต้ย้ายมาอยู่ที่นี่กับพี่เว่ย ชั่งเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขยิ่ง
*******************************
แอบมาลงก่อน เจ็บนิ้วมากมายกระดึบมาได้เท่านี้