โย่ โย่ กลับมาอีกครั้ง หลังเวปเดี้ยง
***********************************************
เล่นเอาผมประหม่าไม่น้อยเลยล่ะครับเมื่อผมต้องเดินคู่กับต้น เมื่อไปถึงออฟฟิสมันสายตาหลายคู่หันมามองเราไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าเมื่อเห็นต้นมันพยายามทิ้งระยะห่างกับผมพอสมควร ปากก็ทักทายคนเขาไปทั่วมันรู้จักคนเยอะจริงๆ
ไม่สนใจกูเลยนะมึงไอ้พี่ต้น
ผมอดที่จะน้อยใจไม่ได้เมื่อผมกำลังจะกลายเป็นตัวประหลาดอยู่แล้วดีที่มันพาผมมาถึงห้องพี่นก
“อ้าวมาแล้วเหรอรอพี่แป๊บนะ” พี่นกบอกพลางหอบเอกสารนพะรุงพะรังผ่านหน้าเราไป จะไปได้กี่น้ำเนี่ยกูท่าทางงานยุ่งกันน่าดู
“อืมรอตรงนี้ละกันนะเดี๋ยวพี่เข้าแผนกก่อนมีอะไรโทรไป”
ต้นเดินออกไปแล้วผมต้องหันมายิ้มเขินๆให้พนักงานที่นั่งสลอนกันอยู่หน้าห้องพี่นก อดที่จะใจหายไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าผมจะต้องออกจากงานเก่าจริงๆ ผมจะบอกทุกคนที่นั่นยังไงดีว่าผมลาออกมาเพราะสาเหตุใด ผมตามใจต้นมันมากไปหรือเปล่า
ทุกอย่างไม่เป็นปัญหาจริงๆอย่างที่พี่นกเคยบอก ผมได้เข้าไปทำงานในฝ่ายบุคคลกับพี่นก แกใจดีมากๆครับทำให้ผมหายประหม่าไปเยอะเหมือนกัน แรกๆผมก็ฝึกงานทั่วๆไปก่อนแหละครับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เลยล่ะครับ เอกสารที่ทะลักกันเข้ามาเกือบทำเอาผมถอดใจอยู่เหมือนกัน อดคิดถึงที่เก่าไม่ได้ยุ่งแต่สนุกมีอะไรใหม่ๆเข้ามาเสมอ ผมจากที่นั่นมาด้วยดีครับทุกคนเข้าใจแถมยังบอกต้อนรับผมอยู่เสมอถ้าผมอยากกลับไปร่วมงานอีกครั้ง เล่นเอาผมน้ำตาคลอได้เหมือนกัน
“เป็นไงบ้างงานยุ่งหรือเปล่า” ต้นมันเอ่ยถามเมื่อเรามีโอกาสเจอกันในออฟฟิส หลังจากที่ผมเข้ามาอยู่นี่ได้เกือบสองอาทิตย์
ทุกอย่างมันกลับตาลปัดหมดเลยครับจากที่ผมคิดว่าเราจะมีเวลาให้กันมากขึ้น แต่เปล่าเลยผมกับต้นแทบจะไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำถ้าไม่บังเอิญจริงๆ แถมตอนเจอกันมันเองก็มากับเพื่อนๆของมันผมเองจะไปแสดงออกท่าทีอะไรก็ไม่ได้ มันเองก็บอกทุกคนเองว่าผมเป็นรุ่นน้องที่มหาลัย ผมก็ไม่รู้ว่าจะว่ายังไงก็ต้องยอมเป็นรุ่นน้องตามที่มันบอก
ก็เห็นใจแหละครับถ้าเราจะบอกว่าเราเป็นอะไรกันก็คงจะเป็นเรื่องเมาท์ไปทั้งตึกแน่เลยครับ แถมตอนกลับก็ต่างคนต่างกลับ มันยังไม่เคยไปหาผมที่ห้องเลยตั้งแต่วันนั้นวันที่มันลากผมมากับมันที่บริษัท โทรหาก็บอกว่ายุ่งติดลูกค้าบอกเดี๋ยวก็เจอกันที่ออฟฟิส
แล้วเป็นไงล่ะกูเคยได้เจอกับมึงหรือเปล่า
“ไม่อ่ะท่าทางพี่จะยุ่งกว่าผมเสียอีก”
“อืมช่วงนี้มันยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้คุยกันเลยเบื่อหรือเปล่า” ยังดีนะครับที่มันถามถึงความรู้สึกผมบ้าง
“ไม่หรอก ผมเข้าใจแล้วตอนเที่ยงพี่จะไปทานข้าวกับผมได้หรือเปล่า” ผมลองเอ่ยชวนมันดูบ้างมันคิดหนักเลยล่ะครับ
“ก็อยากไปนะแต่นัดเพื่อนที่แผนกเอาไว้แล้ว เอาไว้เย็นนี้ได้ป่าวเดี๋ยวไปค้างด้วย”
ผมจะไปขัดอะไรมันได้ล่ะครับ มันบอกไม่ก็คงไม่ ก็ได้แต่รอแหละครับว่าเย็นนี้มันจะมีเวลาให้ผมหรือเปล่า
ผมนั่งเขี่ยข้าวเล่นอย่างเลื่อนลอยเมื่อต้นมันโทรมาบอกว่ามันมาเจอผมไม่ได้ติดงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนที่แผนก ดึกๆเดี๋ยวจะแวะไปหาผมที่ห้อง นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับทำไมเวลาที่ผมอยู่ใกล้ๆมันจริงๆทุกอย่างมันกลับทำให้เราห่างกันมากขึ้น ทุกคนในออฟฟิสไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าผมกับมันสนิทกันแค่ไหน เพราะการกระทำของเราที่มีต่อกันมันช่างห่างไกลกันเหลือเกิน มันก็อยู่ส่วนมัน ผมก็อยู่ส่วนผม ต่างมีเพื่อนกันคนละกลุ่ม
ไม่รู้ว่ามันตั้งใจให้เป็นหรือเปล่าหลายครั้งที่เพื่อนมันต้องมาติดต่อกับงานที่แผนกผม มันเองก็มาด้วยมันก็ธรรมดาแหละครับที่ผู้ชายจะหยอกเหย้าผู้หญิง แล้วที่แผนกผมแต่ละคนก็สวยใช่ย่อย ต้นเองมันก็ผสมโรงกับเพื่อนมันเอาดื้อๆเหย้าแหย่กันไปเป็นที่สนุก โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผมกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ขนาดผมอยู่มันยังขนาดนี้ แล้วเมื่อก่อนที่ผมจะเข้ามามันจะขนาดไหนกันครับ
“พี่ต้นไม่ต้องมาหาผมที่ห้องนะครับผมจะไปค้างที่ห้องเอ”
ผมทำได้แค่ฝากข้อความไปหามันครับ เมื่อผมติดต่อมันไม่ได้เลยหลังจากที่มันวางสายไป
“บอยสุดที่รักมึงโทรมา” เอมันเดินมายื่นโทรศัพท์ให้ผมเมื่อผมออกมายืนนอกระเบียงห้องมัน
“บอกไปว่ากูหลับแล้ว”
“หึกูไม่ยุ่งกับพวกมึงหรอก เกิดพี่ต้นจับได้ว่ากูโกหกก็ซวยดิ”
“กลัวอะไรกะมัน” ผมคว้าโทรศัพท์มาตัดสายทิ้งพร้อมกับจัดการปิดเครื่องทันที เอมันงงเลยล่ะครับ
“อย่าบอกนะว่าทะเลาะกันมาอีก”
“กูไม่เคยได้คุยกะมันเกินสามคำด้วยซ้ำ จะทะเลาะกันได้ไง”
“อ้าวไหนบอกทำงานที่เดียวกันไง”
“ก็แค่ที่ทำงานกูจะลาออกเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้”
“ใจเย็นสิมึงกูล่ะงงกับพวกมึงจริงๆ มีเรื่องกันบ้อยบ่อยแต่ก็อยู่กันมาได้จนป่านนี้”
“เออสงสัยมันคงต้องตายจากกันไปข้างหนึ่งแหละ ทุกอย่างมันถึงจะจบ”
“ซะงั้นแหละมึงน่ะตายจากกันไปจริงๆพวกมึงจะรู้สึก ตอนอยู่ด้วยกันล่ะกัดกันเข้าไป” เอมันว่าผม
“อย่างมันไม่ตายง่ายๆหรอก”
“มันก็ไม่แน่หรอกมึง อะไรมันก็เกิดขึ้นได้”
“เออๆๆๆมึงไปนอนเหอะ กูไม่อยากคุยอะไรแล้ว”
“มึงก็อย่านอนดึกนักล่ะ เดี๋ยวตื่นสายแถวบ้านกูไปออฟฟิสมึงรถติดนะ จะบอกให้”
“ดีกูจะได้ขาดงานซะเลย ขี้เกียจไปทะเลาะกับมันอีก”
“มึงก็คิดได้แค่เนี๊ยกู ไปนอนแล้วง่วง” เอมันหลบไปนอนแล้วผมได้แต่ยืนถอนหายใจ…….
"เมื่อคืนไปนอนไหนมา” ต้นมันเอ่ยถามเมื่อผมเจอกับมันตอนเช้าที่ออฟฟิส มึงไม่แหกตาดูหรือไงว่ากูส่งข้อความอะไรไปให้
“ห้องไอ้เอ”
“ห้องตัวเองมีทำไมไม่นอน”
“แล้วยุ่งอะไรด้วย”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปหา”
“กุญแจก็มีไขเข้าไปเองสิ” ผมว่ามันเข้าให้
ต้นมันเงียบก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆ
“โกรธพี่เหรอ”
“เปล่าผมจะไปมีสิทธิ์อะไรไปโกรธพี่”
“อย่ามาประชดได้ป่ะ นี่มันออฟฟิสนะ”
“กลัวคนสงสัยเหรอครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นนักแสดงละครของคณะ”
พูดจบผมก็เลี่ยงหนีมันไปที่แผนกผม มันคงจะไม่ตามผมมาหรอกผมรู้ดีจ นกระทั่งใกล้ๆเที่ยงนั่นแหละครับมันถึงได้เดินเข้าแผนกผมพร้อมๆกับเพื่อนๆของมัน จะอะไรซะอีกล่ะครับถ้าพวกมันไม่มาเหล่หญิงไปทานข้าว ผมจำเป็นต้องลุกหนีครับเพราะไม่อยากเห็นมันจีบผู้หญิงต่อหน้าผม
“อ้าวบอยไปไหน” เพื่อนที่นั่งข้างๆทักผม
“จะเที่ยงแล้วว่าจะไปกินข้าวน่ะ”
“ไปด้วยกันดิเนี่ยหลายคนสนุกดี” ผมมองไปที่ต้นไม่รู้บังเอิญหรือต่างคนต่างตั้งใจ
“พอดีนัดเพื่อนเอาไว้แล้วอ่ะ ไปกันเหอะ”
ผมเดินผ่านหน้าต้นไป เพื่อนที่ไหนล่ะครับผมยังไม่ได้สนิทกับใครเลย กินข้าวคนเดียวมันคงไม่ตายหรอก
ผมเลือกร้านที่คนไม่ค่อยเยอะครับเพื่อที่จะได้นั่งนานหน่อย รู้สึกเซ็งๆเบื่อๆ ป่านนี้ต้นมันก็คงจะสนุกเฮอาอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ มันคงลืมแล้วมั้งครับว่าปล่อยให้ใครนั่งเหงาอยู่คนเดียว
ผมนั่งเขี่ยข้าวไปเล่นๆมันกินไม่ลงจริงๆครับ