Dormitory boys - สะดุดรัก หอพักอลเวง
"รัก...ติดดิน"Chapter 6 – พี่ชาย..น้องชาย“....อุ่นใจ”
….เขาได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง...... มันแทบจะไม่ดังไปกว่ากระซิบ ทว่ากลับสะท้อนก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหู
“........อุ่นใจ.....อุ่นใจ......”
และเขาชอบเสียงนั้น
“พี่ปิ่น”
เจ้าของชื่อยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนเขาที่โอบรอบเอวไว้หลวม ๆ ปิ่นหยกสูงกว่าเล็กน้อยแต่เชื่อว่าอีกไม่นานเขาคงจะสูงทันได้ไม่ยากเย็น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองมาบัดนี้หรี่ปรือดูเย้ายวน พวงแก้มใสขึ้นสีระเรื่อแบบที่เจ้าตัวมักเป็นบ่อย ๆ แต่ครั้งนี้กลับชวนให้ใจเต้นแรงเมื่อประกอบเข้ากับริมฝีปากซึ่งพร่ำเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา...
“อุ่นชอบเสียงพี่ปิ่น”
“อยากให้เรียกอีก...เรียกชื่ออุ่นคนเดียว”
ปิ่นหยกระบายยิ้มละไมแล้วยกแขนสองข้างขึ้นโอบรอบคอคนตรงหน้าคล้ายจะตอบรับประโยคเอาแต่ใจนั้น ใบหน้าโน้มลงมาใกล้พร้อมกับลมหายใจร้อน ๆ เป่าลงคลอเคลียอ้อยอิ่งอยู่ที่ปลายจมูกชวนให้สติทิ้งร่างกายบินล่องลอยหายออกไปนอกหน้าต่าง
“....งั้นพี่ก็จะเรียกอุ่นใจคนเดียว”
ริมฝีปากบางหยักยิ้มพรายอีกครั้งก่อนจะเคลื่อนเข้ามาใกล้ช้า ๆ …ช้าเสียจนทรมาน แต่ละวินาทีที่ผ่านราวกันนิจนิรันดร์ จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งสองคนห่างกันด้วยระยะเพียงกระดาษแผ่นบาง ๆ กั้น
อุ่นใจได้กลิ่นหอมละมุนเหมือนเค้กที่เพิ่งทำเสร็จ
....ไม่อยากรออีกแล้ว....
“พี่ปิ่นเป็นของอุ่นนะ..”
เขาหลับตา กระตุกเอวอีกฝ่ายให้ขยับเข้าหา....กลีบปากบางสวยนั่นจะรสชาติหอมหวานเหมือนเค้กด้วยหรือเปล่า....
...นี่มันอย่างกับฝันไป...กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง.......!!!!!!!!ใช่แล้ว..เขาฝันไป
เคร้ง!! นาฬิกาปลุกกระเด็นหล่นจากหัวเตียงลงกระแทกพื้น ตัวเครื่องลอยไปฝั่งหนึ่ง ส่วนถ่านนาฬิกาหลุดลอยไปอีกฝั่งแล้วกลิ้งหายไปใต้เตียง และเจ้าของนาฬิกาก็ขดตัวซุกอยู่กับหมอนข้างราวกับจะรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกันไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งหน้าร้อนผ่าวไปหมด เกิดจะนึกอายผีสางนางไม้ในห้องนอนตัวเองขึ้นมากะทันหัน
“ฝันบ้าอะไรเนี่ย...” เด็กหนุ่มโอดครวญกับลายโปเกมอนบนปลอกหมอน “...ถ้าพี่ปิ่นรู้เข้า…”
เป็นปกติธรรมดาสำหรับอุ่นใจไปแล้วที่มักจะฝันถึงพี่ชายซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอย่างปิ่นหยก ที่ผ่านมาเขามักจะฝันถึงเหตุการณ์ปกติทั่วไป ชีวิตประจำวัน เรื่องที่โรงเรียน หรืออาจจะเรื่องราวแฟนตาซีบู๊ล้างผลาญอะไรก็ตามแต่โดยมักจะมีปิ่นหยกเป็นหนึ่งในบุคคลที่มาโผล่ในนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ภาพความฝันที่ยังตรึงแน่นอยู่ในหัววันนี้กลับต่างออกไปจากทุกที...มันช่างชวนให้ใจหวิว ๆ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ...
อุ่นใจยันตัวลุกขึ้นจากเตียง ส่ายหัวไปมาไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะเดินลากเท้าไปเก็บซากนาฬิกาที่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางเมื่อครู่นี้ ตอนสะดุ้งตื่นคงเผลอปัดแรงไปหน่อย เห็นสภาพเข็มนาฬิกาหลุดออกมาห้อยร่องแร่งและกระจกที่มีรอยร้าวพาดกลางแบ่งหน้าปัดออกเป็นสองฝั่งก็ต้องโคลงหัวไปมามาเบา ๆ ด้วยทำใจว่าคงจะต้องไปหาอันใหม่มาใช้เสียแล้ว เขาวางมันทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วเดินเนือย ๆ ไปหยิบผ้าขนหนูผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ...เช้าวันเสาร์ที่บรรยากาศขมุกขมัวแปลก ๆ แบบนี้ โดนน้ำเย็นสักหน่อยอาจจะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้นบ้าง
เพียงไม่นาน.. เด็กหนุ่มก็ออกมายืนเช็ดผมที่เพิ่งสระมาหมาด ๆ สายตาเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือที่หัวเตียง วันหยุดอย่างนี้ร้านจะเปิดเก้าโมง กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวจัดการร่างกายเสร็จก็ใกล้เวลาเปิดร้านพอดี ถ้าลูกค้าเยอะเขาอาจจะลงไปช่วยอีกแรง
อุ่นใจเหม่อมองหน้าปัดร้าว ๆ ของนาฬิกาปลุกบนโต๊ะอย่างเลื่อนลอย... แม้จะโดนน้ำเย็นหวังจะให้หัวโล่ง แต่กลับไม่ได้ช่วยชะล้างเอาความคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับความฝันเมื่อเช้าออกไปได้อย่างที่คิด
‘..พี่ปิ่นเป็นพี่นะ...’‘….แต่ก็ไม่ใช่พี่แท้ ๆ แบบพี่เอมไม่ใช่เหรอ....’ เสียงเล็ก ๆ น่ารังเกียจแย้งขึ้นในหัว
...อีกเสียงหนึ่งตั้งคำถามขึ้นใหม่
‘...พี่ปิ่นเป็นผู้ชาย......’อุ่นใจทรุดตัวลงนั่งกุมขมับ ปล่อยน้ำจากผมที่เพิ่งสระไหลลงหยดแหมะ ๆ บนผ้าปูเตียง...นี่มันชักจะเพี้ยนกันไปใหญ่แล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึก...ความคิดฝ่ายมองโลกในแง่ดียังคอยจะหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ...มันก็คงไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรนักหรอกน่า..ใช่ไหม? ความฝันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ นี่ก็เป็นแค่อีกรูปแบบหนึ่งของความฝันแปลก ๆ ที่ใครก็ฝันกันได้ไม่ใช่หรือไง..? ถึงแม้บรรยากาศจะเหมือนจริงมากจนน่าตกใจ...แต่ก็ไม่ใช่ว่าชีวิตจริงเขาจะอยากทำอย่างนั้นกับปิ่นหยกเสียเมื่อไหร่กัน
เด็กหนุ่มล้มลงไปฟัดหมอนข้างลายโปเกมอนจนหนำใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องโทรศัพท์ภายในที่วางอยู่ในห้องพักของตัวเอง
ถ้าเป็นพี่หมอ อาจจะเอาเรื่องแบบนี้ไปปรึกษาด้วยได้...ใช่ไหมนะ?
ยังไม่ทันจะได้คิดทบทวนให้ถ้วนถี่ มือก็คว้าหูโทรศัพท์ลักษณะเดียวกับที่มีอยู่ในทุกห้องของหอพักแห่งนี้แล้วกดหมายเลขที่เริ่มจะชินมือนอกจากเลขห้องของปิ่นหยกและเอมจิต
3 – 3 – 0 – 2แล้วเสียงกริ่งโทรศัพท์ก็ดังขึ้นที่ห้องพักชั้น 3 เลขห้อง 302 ปลุกให้เจ้าของห้องงัวเงียขึ้นมารับสาย...
................................................................
...........................................
.
.
.
.
เก้าโมงครึ่ง...ปิ่นหยกเดินงุ่นง่านผ่านป้าย “ร้านเค้กทานตะวัน” ด้วยสีหน้าหงุดหงิดเหมือนเพิ่งกินรังแตนไปหมดประเทศ เสียงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋งที่ดังขึ้นขณะเปิดประตูร้านและแอร์เย็นฉ่ำที่พัดเข้าใบหน้าช่วยให้อารมณ์เย็นลงบ้าง แต่ไม่ได้ช่วยให้รอยขีดข่วนและแผลถลอกปอกเปิกเต็มเนื้อตัวจางหายไปแต่อย่างใด และที่เดินตามหลังเขามาต้อย ๆ เหมือนลูกเจี๊ยบตามแม่คือเด็กหนุ่มลูกเศรษฐี...หรือจะพูดใหม่ให้ถูกว่า ‘อดีตลูกเศรษฐี’ ตัวปัญหาผูกขาดของปิ่นหยกที่สภาพตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนัก ทั้งเนื้อตัวมีแต่รอยถลอกและเศษดินโคลนเปรอะเปื้อน ผมเผ้ายุ่งเหยิง และถ้าจ้องดี ๆ ก็อาจจะเห็นเศษใบหญ้าที่ติดอยู่ตามเส้นผม
เอมจิตถึงกับต้องหยุดเสิร์ฟเค้กลูกค้าเพื่อมายืนขำอย่างเป็นเรื่องเป็นราวพลางลากทั้งสองคนไปหลังร้านก่อนสภาพมอมแมมนั่นจะไล่ลูกค้าไปเสียหมด
“...ไปเอาหัวมุดดงหญ้าที่ไหนกันมาน่ะ...อุ๊บ! ฮ่ะ ๆ!!”
เห็นได้ชัดว่าเอมจิตยังเก็บอาการได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อเห็นเด็ก ๆ สองคนในสภาพเยินพอกัน แต่อีกคนทำหน้าราวจะพ่นลาวาออกมาจากตาหูจมูกปาก...ส่วนอีกคนยืนทำหน้ามึนเหมือนยังไม่ตื่นอยู่ข้าง ๆ
“ก็ไอ้ลูกเจี๊ยบนี่ดิพี่เอม!” ปิ่นหยกโบ้ย “ขี่จักรยานไม่เป็นก็ไม่บอกก่อน!!”
เอมจิตเอียงคอรอฟังต่อ กำลังนึกสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับจักรยาน... แต่จะว่าไปตอนทั้งสองคนเดินเข้าร้านมาเขาก็เห็นจักรยานสีเหลืองดำคันหนึ่งที่ไม่รู้ของใครจอดหลบมุมหน้าร้านอยู่หนึ่งคัน บางทีอาจจะเป็นจักรยานที่ปิ่นหยกกำลังพูดถึง
ชายหนุ่มไม่ต้องเสียเวลาสงสัยนานเลย เมื่อคุณลูกจ้างผู้น่ารักของเขาเริ่มกล่าวคำสรรเสริญวีรกรรมของเพื่อนคุณชายร่างสูงเป็นฉาก ๆ
...................................................
...............................
ชั่วโมงกว่า ๆ ก่อนหน้านี้ เอมจิตขอให้ปิ่นหยกช่วยออกไปซื้อของใช้ที่ยังขาดในร้านมาให้ โดยมีอาทิตย์รับอาสาจะไปช่วยซึ่งเอาชนะเสียงคัดค้านที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าของปิ่นหยกอย่างสวยงาม...
‘รอบนี้ต้องซื้อเยอะ ไปช่วยกันถือของก็ดีนะ’ เป็นคำพูดส่งท้ายของชายหนุ่มเจ้าของร้านทั้งใบหน้ายิ้มแย้มก่อนทั้งสองคนจะเดินออกจากร้านในลักษณะใกล้เคียงปาท่องโก๋...
ระหว่างที่พี่เลี้ยงจำเป็นเดินเลือกของในซูเปอร์มาเก็ตพร้อมกับคำนวณราคาสินค้าเพื่อความคุ้มค่าอย่างบ้าคลั่ง (อุ่นใจที่เคยมาซื้อด้วยนาน ๆ ครั้งเรียกว่าอย่างนั้น) เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบคนที่อ้างว่าจะมาช่วยถือของเสียแล้ว
ปิ่นหยกเคาะนิ้วกับเคาน์เตอร์ขณะที่รอพนักงานคิดเงิน สายตากวาดมองไปรอบตัว ไอ้คุณชายบ้าหายหัวไปไหนก็สุดจะคาดเดา อย่างไรก็ตาม ภาพของท่านชายอาทิตย์และจักรยานสีเหลืองดำโครงอลูมิเนียมที่เจ้าตัวเดินจูงมาหยุดอยู่หน้าซูเปอร์มาเก็ตไม่ใช่หนึ่งในสิ่งที่เขาคิดว่าจะเห็นแน่นอน
เทพเจ้าแห่งเงินตราและความร่ำรวยครับ.. หมอนี่ไปขโมยจักรยานใครมาวะเนี่ย!! “จักรยานนั่นมาจากไหน” เขายิงคำถาม สภาพมันดูดีทีเดียว พลาสติกยังหุ้มอยู่ด้วยซ้ำ ของใหม่แน่นอน...ประเมินด้วยสายตาแล้วราคาขายอย่างน้อยก็ไม่น่าจะต่ำกว่าสี่พันบาท
“ซื้อมา” อีกฝ่ายตอบพลางพยักพเยิดไปทางร้านขายจักรยานอีกฝั่งถนน
สมองแปลผลคำว่า
‘ซื้อมา’ ที่ได้ยินอย่างรวดเร็ว.. ซื้อมา...ใช้เงิน แสดงว่าไอ้คุณชายนี่มีเงินติดตัวมาด้วยสินะ อย่างน้อยก็พอจะซื้อจักรยานคันใหม่ได้ “ไหนว่าไม่มีเงินไง”
“ก้อนสุดท้าย”
“อ้อ..เหรอ..” เขาพยักหน้า แต่เดี๋ยวสิ! “ห๊ะ!!! ว่าไงนะ!!!”
“เงินก้อนสุดท้าย” อาทิตย์ยืนยันซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้หูฝาด
“ห๊ะ!!?” และปิ่นหยกก็อุทานคำเดิมอีกครั้งแม้มันจะฟังดูโง่เง่ามาก
“ปิ่นหยกทำหน้าตลกจัง”
เขาเกือบจะหลุด ‘ห๊ะ!!?’ ครั้งที่สามออกมาแล้ว แต่สติด้านที่ยังทำงานดีอยู่ฉุดเอาไว้ว่าพอเถอะก่อนจะทำให้ตัวเองดูปัญญานิ่มไปกว่านี้ ที่ต้องเคลียร์คือเรื่องจักรยานนี่ต่างหาก “แล้วซื้อมาทำไมเนี่ย!?”
“มันไกล..ขี้เกียจเดิน” เด็กหนุ่มร่างสูงยื่นมาช่วยเอาข้าวของพะรุงพะรังในมือปิ่นหยกไปช่วยถือแล้วพูดต่อ “ของก็เยอะด้วย...จะได้ใส่ตะกร้า”
ว่าแล้วก็หันหลังกลับไปยังจักรยาน เตรียมเอาข้าวของใส่ตะกร้าหน้ารถให้เรียบร้อย
เพียงเพื่อจะพบว่ารุ่นนี้ไม่มีตะกร้า“..........”
“เอ่อ...อย่างน้อยก็มีที่นั่งคนซ้อนนะ”
...เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย!
หลังจบจากบทสนทนาหน้าซุปเปอร์มาเก็ตเรื่องจักรยานคันใหม่ที่คุณชายตกยากใช้เงินก้อนสุดท้ายที่ได้จากคุณพ่อซื้อมาอย่างใจง่าย ด้วยเหตุผลที่ว่าทางจากหอพักถึงซูเปอร์มาเก็ตนั้นไกลเกินกว่าท่านชายจะเดินแบกของกลับร้านได้ โดนปิ่นหยกบังคับให้เอาไปคืนที่ร้านก็เห็นป้ายโชว์หราว่า
‘สินค้าซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยนหรือคืน’ พร้อมเจ้าของร้านกล้ามโตหน้าโฉดที่มีรอยสักเต็มตัวเดินโฉบไปมาให้ได้หวาดเสียวเล่น ความคิดที่ว่าจะเอาไปคืนก็เป็นอันต้องพับเก็บไป...
“ใช้เงินไม่รู้จักคิด ไม่สงสัยเลยทำไมพ่อถึงเตะโด่งออกมา” ปิ่นหยกบ่นงุบงิบพลางคว้าข้าวของในมืออาทิตย์มาถือไว้เองทั้งหมดแล้วขึ้นไปนั่งคร่อมรอบนที่นั่งซ้อนของจักรยาน “เอาวะ..! ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ซื้อมาแล้ว แกปั่นดิ๊!”
อาทิตย์เอานิ้วชี้มาที่ตัวเองอย่างงง ๆ “ฉันเหรอ”
“ซื้อมาก็ขี่สิ...เร็วเข้า! พี่เอมรอแย่แล้ว” เขาคะยั้นคะยอพร้อมกับเอามือตบเบาะนั่งคนปั่นย้ำ ๆ เป็นเชิงเร่ง
แน่นอนว่าถ้าปิ่นหยกรู้สภาพตัวเองหลังจากนั้น เขาคงเลือกที่จะปั่นเองหรือไม่ก็แบกถุงเยอะแยะมากมายเหล่านั้นเดินกลับบ้านเสียยังจะดีกว่า....
.......................................................
....................................
เอมจิตเหมือนจะยิ่งหัวเราะหนักขึ้นเมื่อได้รู้เรื่อง
“สรุปว่าพากันปั่นจักรยานแหกโค้งเข้าดงหญ้ากันมาเหรอเนี่ย!...โถ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“พี่เอมอย่าขำดิ...” ปิ่นหยกประท้วง หลังจากหวิดจะหน้าแหกไปสองรอบ กว่าท่านอาทิตย์จะสารภาพออกมาว่าขี่จักรยานไม่เป็น สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ต้องแบกสังขารเยิน ๆ ขึ้นมาเป็นคนขี่แล้วให้อีกฝ่ายที่ตัวทั้งสูงทั้งหนักเป็นคนถือของซ้อนท้ายอยู่ข้างหลัง ได้แต่นึกค่อนขอดตัวเองอยู่ในใจ....ไอ้ปิ่น แกมันจนแล้วยังแมนโคตร!
“วันนี้น้องแววมาช่วยงานด้วย... ลูกค้าก็ยังไม่เยอะ ทั้งสองคนไปทำแผลจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนไป”
“อ้าว พี่แววอยู่เหรอครับวันนี้”
พี่แววที่ว่าคือ
‘แวววัน’ สาวสวย โสด โหด เกรียน เรียนรามคำแหง พักอยู่หอนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงสามารถมาทำงานเป็นประจำได้ในวันธรรมดาที่เด็ก ๆ ไปโรงเรียน และวันหยุดบางวันที่เจ้าหล่อนมีเวลาและนึกอยากจะมาเช่นวันนี้
ปิ่นหยกมองไปรอบ ๆ บริเวณ แต่ไม่เห็นวี่แววของน้องชายคนเล็กของบ้าน “แล้วน้องอุ่นล่ะพี่เอม”
“บอกว่าไปหาหมอไอซ์ที่ห้องน่ะ...”
เอมจิตยิ้มน้อย ๆ แล้วชี้ไปทางอาคารหอพักชั้นบน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับเอ่ยทิ้งท้าย “พี่ไปดูลูกค้าก่อน พวกเธอก็ไม่ต้องรีบก็ได้ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยซะ”
...หมอไอซ์...? คงเป็น ‘พี่หมอ’ ที่น้องอุ่นเคยพูดถึง ผู้ชายใส่แว่นมาดขรึมที่พักอยู่ห้องชั้นสามคนนั้นสินะ
เขาพยักหน้าช้า ๆ จมอยู่ในห้วงความคิดบางอย่าง รู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกคนข้าง ๆ ลากด้วยพลังช้างสารเดินนำออกไปยังทางเชื่อมขึ้นหอพัก
“ไปเร็ว อยากอาบน้ำ เนื้อตัวเปื้อนไปหมดแล้ว” เสียงทุ้ม ๆ เอ่ยเร่งไปด้วย เขาอยากจะสวนไปนักว่าแล้วมันเป็นเพราะใครกันล่ะ แต่ก็ตัดสินใจเป็นคนดีสงบปากสงบคำเพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยจะโวยวายแล้ววันนี้จึงทำเพียงแค่เดินตามจนมาถึงห้องพักที่ใช้ร่วมกัน
อาทิตย์ใช้มือข้างที่ยังว่างควานหยิบกุญแจในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาไขประตูห้องโดยมีปิ่นหยกมองตามอย่างปลงชีวิต..
...ตกลงพี่เอมเอากุญแจอีกดอกให้หมอนี่ไปแล้วสินะ เขาไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้รึไงชีวิตเขาถึงต้องถูกหารครึ่งอย่างนี้
พอเข้าห้องได้ปิ่นหยกก็สะบัดแขนที่โดนดึงไว้ออกตอนอีกฝ่ายกำลังเผลอ ชิงคว้าผ้าขนหนูบนราวแขวนเดินฉับ ๆ เข้าห้องน้ำ เรื่องอะไรจะยอมให้เจ้าลูกเจี๊ยบนั่นอาบก่อนล่ะ แต่จังหวะที่กำลังจะหันมาปิดประตูก็ดันมีหน้ามึน ๆ นั่นโผล่แทรกเข้ามาเสียก่อน
งับประตูแรง ๆ ให้คอหลุดเลยได้ไหม...
…อา...ฆาตรกรรมเพื่อนร่วมห้อง ขึ้นโรงขึ้นศาลก็ต้องใช้เงินอีก ไม่เอา ๆ “ออกไป” เขาออกคำสั่ง ซึ่งให้ผลไม่ต่างจากการถอนหายใจ...ไม่กระเทือนอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“อยากอาบน้ำแล้ว”
“ฉันอาบก่อน”
"งั้นอาบด้วยกัน" ไม่ว่าเปล่ายังเบียดตัวแทรกเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
ปิ่นหยกอ้าปากค้าง ไอ้เบื๊อกนี่! ห้องน้ำเขาไม่ได้มีที่ว่างให้ผู้ชายสองคนมายืนเบียดกันอาบน้ำหรอกนะ! แล้วยังประสบการณ์เปียกแฉะฝักบัวสะบัดกับท่านชายอาทิตย์ครั้งก่อนที่ฝังใจมาจนวันนี้นั่นอีก
คำนวณผลได้ผลเสียแล้ว สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมแพ้...เอาวะ...ถอยไปตั้งหลักก่อนก็ได้ ร่างโปร่งหมุนตัวเตรียมจะออกจากห้องน้ำ แต่ไม่เร็วไปกว่าน้ำเย็น ๆ จากฝักบัวในมืออาทิตย์ที่ไม่รู้เอาไปถือไว้ตอนไหนที่พุ่งมาปะทะเต็มหน้า ชะเอาเศษดินและใบหญ้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าให้ไหลลงมาเป็นคราบโคลนจาง ๆ อยู่บนพื้นห้องน้ำ รู้สึกเหมือนโดนแก้แค้นจากครั้งก่อนอย่างไรพิกล ที่สำคัญ..แผลถลอกที่กระจายอยู่เต็มตัวนั่นทำเอาเขาเผลอส่งเสียง
‘ซี้ดดดดดดด’ ออกมาเบา ๆ มันแสบน้อยเสียเมื่อไหร่กัน! เส้นความอดทนเส้นสุดท้ายของเขาขาดผึงทันทีที่จบเสียงซี้ดก่อนจะตัดสินใจหันไปประกาศสงคราม
“เอาใช่ปะไอ้ลูกเจี๊ยบ!!!!!!” เขาหันมองซ้ายขวา เหลืออีกเพียงสิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะฉีดน้ำได้ในห้องน้ำแคบ ๆ นี้ เด็กหนุ่มคว้าสายฉีดชำระข้างโถส้วมไว้มั่นในมือ “เจอบาซูก้าสายฉีดก้นนี่หน่อยเป็นไง!!!!”
อารมณ์หงุดหงิดคงทำให้เขาลืมมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายซึ่งมีรอยยิ้มบาง ๆ ตรงมุมปาก... รอยยิ้มแบบเดียวกับที่ปรากฏอยู่บนใบหน้านักกีฬามืออาชีพเมื่อรู้ว่าตัวเองเหนือกว่าในเกมและมั่นใจว่าจะเป็นฝ่ายชนะ
และเหตุการณ์หลังจากนั้นก็ทำให้ปิ่นหยกหวาดผวาห้องน้ำในห้องพักของตัวเองไปอีกนาน
To be continued…===========================================
เกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำ....อุบไว้ตอนหน้านะคะ *v*
เขียนตอนนี้เกือบจะปันใจให้ อุ่นใจ*ปิ่นหยกแล้ว 55555 แหม เสะเคะมันไม่ขึ้นกับอายุ (ฮา)
ทำเพจของนิยายเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ ที่นี่ >>
http://www.facebook.com/DormitoryBoys ฝากด้วยค่า *คลานเข่า*
เอาไว้อัพเดท เนื้อเรื่อง ข้อมูลตัวละคร รูปวาด คอมมิค จากซีรีส์ "Dormitory Boys - สะดุดรัก หอพักอลเวง"
แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ *โค้งงาม ๆ*
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***