เพราะนายคือของฉัน [ll] : 5
“ไหนของฝากกู” โผล่หน้ามามหาลัย ก้นยังไม่ทันถึงเก้าอี้ก็ถูกทวงของฝากซะแล้ว ผมกระแทกถุงกะละแม ลงบนโต๊ะ ไม่ถึงนาทีของก็หมด ไม่ใช่เฉพาะพวกไอ้ทู ไอ้สัก แต่เป็นเพื่อนเกือบทั้งรุ่นที่นั่งรอเรียนใต้ตึก “มึงซื้อมาน้อยอะไอ้กลอย”
“กูเห็นมึงเอาไปซ่อนในกระเป๋ากางเกงไอ้ต๋อง อย่ามาทำงุบงิบ” ผมว่า ไอ้คนแอบเก็บลอยหน้าลอยตาแกะเปลือกใบตองของกะละแมออกแล้วโยนเข้าปาก
“แบบห่อใบตองหอมว่ะ” ไอ้สักว่า
“เออจริงของมึง รสชาติอร่อยกว่าอีก” ไอ้เคเสริม ส่วนไอ้ทูกินอย่างเดียว ไอ้คนบริโภคเงียบ
“ละเป็นไงบ้าง มึงไปที่นู้น มีใครทำร้ายร่างกายมึงไหม” พอหยุดกิน ปากก็ถาม ผมส่ายหน้าช้าๆ ส่งให้ แต่พอคิดอีกทีก็พยักหน้าลง “อะไรของมึง เดี๋ยวใช่เดี๋ยวไม่ใช่ไอ้ห่ากลอย”
“ไม่มีคนทำร้ายร่างกายกูไง มีแต่แซะกู”
“ใครวะ ย่ามึงเหรอ”
“เปล่า หลานย่ากู”
“หลานย่ามึง? น้องต่างแม่มึงนั่นน่ะนะ”
“เออ” พยักหน้ารับส่งๆ “สงสัยเกลียดกู”
“ทำไมมึงไม่บอกไปล่ะ กูก็เกลียดมึงเหมือนกันงี้” ไอ้เคว่าไม่ทันจบก็ถูกมือไอ้ต๋องฟาดเข้าเต็มหัว “ตบหัวกูทำพ่อง”
“มึงพูดไม่เพราะไอ้ห่า นั่นผู้หญิง จะให้ไอ้กลอยไปด่าแบบนั้นได้ไง” แล้วทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนพากันหันหน้าหนี “มึงต้องพูดเพราะๆ ว่า ผมก็เกลียดคุณเหมือนกันนั่นแหละงี้สิวะ”
“มันต่างกันตรงไหน” ถามอย่างสงสัย
“ก็ผมคุณ กับกูมึง ความรุนแรงมันต่างกันเว้ย”
“เอาตามที่มึงสบายใจ” ทุกคนพากันเปลี่ยนเรื่อง ส่วนไอ้คนอวดความต่างก็สนใจขนมของฝากต่อ
“แต่กูว่า ลูกใหม่พ่อมึงอาจกลัวมึงมาแย่งสมบัติหรือเปล่าวะ ย่ามึงรวยนี่” ไอ้สักเปิดประเด็นใหม่ ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์ “กูว่าคงใช่แหละ ไม่งั้นจะเกลียดมึงทำไม”
“กูว่าช่างมันเถอะ ปล่อยให้เขาเกลียดไป ยังไงกูกับพี่กูก็ไม่เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมดีที่สุด” รีบปิดประเด็นจนพวกอยากเผือกโอดโอยกัน เย็นนี้ผมก็จะไปหาแม่ด้วย จะไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ไม่อยากเล่าผ่านโทรศัพท์ “ว่าแต่ พวกอีเข็มมันรวมกลุ่มดูอะไรวะ หรือหวย”
“หวยห่าอะไรล่ะ ดูผู้ชายตามเคย” ไอ้สักส่ายหน้าอย่างระอา ลืมไปว่าเจ้าพ่อหวยมันต้องไอ้นี่
คุยต่อกันไม่นานพวกผมก็ยกโขยงขึ้นเรียน วิชาป้าแหม่มเป็นแบบบรรยาย สงสัยจะหลับอีกตามเคย ตอนกลับมาถึงเมื่อวาน ผมกับพี่โชก็หลับเป็นตาย เหนื่อยกับการเดินทางไม่พอ ยังมาเหนื่อยกับการจราจรอีก จากที่พี่โชจะขับคนเดียว กลายเป็นผมต้องสลับบางช่วงที่เป็นทางตรง ต่อให้คนเราแกร่งแค่ไหน ก็ต้องมีช่วงเวลาเหนื่อยจนอยากวูบ พี่โชก็เป็นครับ ตอนนั้นรถเหวี่ยงนิดๆ จนผมสะดุ้ง โชคดีมีปั๊มเลยแวะพัก แล้วผมก็เปลี่ยนขับ ประมาทเพียงนิดเดียว ท่านยมก็แทบมายืนรอเลยนะครับ อย่าลืมว่า เหนื่อยก็พักอย่าฝืน
และโชคดีที่วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้า ผมคิดจะกลับไปหาแม่ ระหว่างถอยรถออกจากลาน เสียงโทรศัพท์ก็ดัง ปลายสายเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะโทรมา
“ฮัลโหล น้องบีม” ทักทายเสียงร่าเริงเข้าไว้ แต่ปลายสายกลับเงียบ “น้องบีมได้ยินน้ากลอยไหม”
(ได้ยินค่ะ) น้ำเสียงเบาหวิวอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน ปกติจะเป็นเด็กร่าเริง พลังเยอะ
“น้องบีมมีอะไรให้น้ากลอยช่วยหรือเปล่าคะ” แอบขนลุกเวลาต้องพูดเพราะกับเด็ก
(น้ากลอยทำอะไรอยู่เหรอคะ) จากคำถาม ถูกถามกลับมาแทน ผมย่นคิ้วลงพลางสงสัย ว่าเด็กตัวเล็กจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจได้ (เลิกเรียนแล้วเหรอคะ)
“เลิกแล้วค่ะ” เป็นอาภาพรเลยกู ผมขยับมือถือออกมาดูเมื่อหลานพี่โชเงียบไป คิดว่าวางสาย แต่มันก็ไม่ใช่ “น้องบีมมีอะไรบอกน้ากลอยได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเองอยู่แล้ว...” พูดไม่ทันจบดีปลายสายก็สะอื้นคล้ายกับร้องไห้ออกมาซะงั้น เล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูก กลัวไปพูดจี้จุดอะไร “ร้องไห้ทำไม น้ากลอยพูดไม่ดีกับน้องบีมเหรอคะ เดี๋ยวน้าจะตีมือตัวเองให้” ว่าแล้วก็ตีมือตัวเองเฉย การบ้าจี้มักจะเกิดขึ้นโดยง่าย ยามเราขาดสติ ยังดีที่ว่าตีมือ ถ้าต่อยหน้า รับรอง เห็นดาวตอนกลางวันแน่นอน
(ไม่มี) หา อะไรไม่มีวะ (ทำไมไม่มีใครว่างเลย) เสียงพูดปนสะอื้นหนัก จนผมต้องตั้งสติเพื่อจะฟัง (พ่อก็ไม่ว่าง แม่ก็ไม่ว่าง น้าโชก็ไม่ว่าง ไม่มีใครว่างเลย)
“พ่อแม่แล้วก็น้าโชต้องทำงานไงครับ เลยไม่ว่าง” พยายามพูดเป็นกลางเพื่อให้หลานพี่โชใจเย็นขึ้น โดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริงที่น้องบีมว่ามา เพราะปกติแล้ว พี่อัลกับพี่ชีสก็ยุ่งอยู่ตลอด จากที่คิดว่าพูดกลางๆ แต่อีกฝั่งกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้น แล้วผมต้องทำยังไงล่ะ “น้องบีมอยู่ที่โรงเรียนเหรอคะ ให้น้ากลอยไปหาไหม” วิญญาณคนรักเด็กเข้าสิง ผมนึกหน้าน้องบีมตอนร้องไห้หนักๆ ออกเลย หน้าขาวจะแดงจนเหมือนระเบิดได้
(น้ากลอยจะมาหาน้องบีมเหรอคะ) จับเสียงได้ว่าสะอื้นน้อยลง ยิ่งพอผมรับคำ น้องบีมก็หยุดร้อง (น้องบีมจะรอนะคะ รีบๆ มา) กำลังจะอ้าปากพูด หลานพี่โชก็ตัดสายทิ้งไปซะงั้น งานเข้าเลยกู ผมเกาหัวตัวเองไปมาอย่างงงๆ มึนๆ เอาวะ พูดว่าไปแล้วคืนคำคงไม่ได้ จะเสียหมาเอา ปกติทุกทีก็เป็นหมาอยู่ละ
และเพื่อความกระจ่างแจ้ง เลยโทรไปหาพี่โช ได้ใจความว่า วันพรุ่งนี้โรงเรียนมีงาน แต่พี่ชีสกับพี่อัลสามีดันมีงานด่วนเลยไปไม่ได้ ปลายสายของผมก็ด้วย คงไม่คิดว่าหลานตัวเองจะโทรมาหาผม เพราะน้องบีมเป็นคนบอกแม่ตัวเองว่า ไม่เป็นไร น้องบีมไม่โกรธใครที่ไปงานไม่ได้ แล้วไหงโทรมาร้องห่มร้องไห้กับผมได้ ถึงแม้จะพอรู้ความบ้างแล้ว แต่ผมก็ขับไปหาน้องบีมที่โรงเรียนตามที่บอกอยู่ดี ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมงกว่าจะถึง เห็นน้องบีมมาเกาะรั้วประตูรอกลางแดด ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงคงเพราะอากาศร้อน คิดถูกแล้วที่มา
“น้ากลอยๆ” มือเล็กๆ ยื่นผ่านซี่กรงประตูรั้วกวักเรียกผม เห็นพี่ยามที่อยู่ตรงประตูมองด้วย ผมไม่ใช่แก๊งลักเด็กสักหน่อย ไม่ต้องมองตาขวางแบบนั้นก็ได้ “น้องบีมรอตั้งนาน”
“รถมันเยอะ แล้วน้องบีมทำไมไม่ไปรอน้ากลอยในร่มล่ะ ตากแดดแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยเอานะ”
“ไม่เอา เดี๋ยวน้ากลอยไม่เห็นแล้วจะกลับบ้าน”
เหมือนเห็นตัวเองในวัยเด็ก เวลามีงานโรงเรียนทีไร ผมจะไปยืนรอแม่ที่หน้าโรงเรียน กลัวว่าแม่จะไม่มาหรือมาแล้วไม่เห็นผม
“น้ากลอยรู้เรื่องงานโรงเรียนวันพรุ่งนี้แล้วนะ” พอผมพูด น้องบีมก็ทำหน้ามุ่ย “เดี๋ยวน้ากลอยมางานแทนเอง” หวังว่าพรุ่งนี้คาบเช้าของป๋าเปาจะไม่เช็คชื่อ “ไม่รู้จะมาแทนได้ไหมนะ”
“มาได้ค่ะ มาได้ เดี๋ยวน้องบีมบอกคุณครูให้ แต่น้ากลอยจะมาแน่ๆ นะคะ”
ได้เห็นรอยยิ้มกว้างแล้วรู้สึกดี แม้ตอนแรกที่โทรไปปรึกษาพี่โช ได้คำตอบว่าไม่ต้องไปเพราะไม่อยากให้ผมขาดเรียน แต่พอได้เห็นหน้าเศร้าของน้องบีม มันก็อดไม่ได้จริงๆ
“ครับ แต่รายละเอียดงานน้ากลอยไม่รู้เลย”
“เดี๋ยวน้องบีมให้แม่เอาจดหมายไปให้น้ากลอยนะคะ น้องบีมดีใจ”
ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้างดูน่ารัก จนภาพวันวานตอนน้องกัดเอวผมค่อยๆ เลือนไปทีละนิด พอจะคุยกันอีก น้องบีมก็ถูกเรียกจากด้านใน หลานพี่โชโบกมือให้ผมก่อนจะวิ่งไปรวมกับเพื่อน ดวงตากลมโตฉายแววเป็นประกายยามที่รู้ว่าผมจะมางานโรงเรียนแทน จะว่าไป ผมก็เป็นคนขี้ใจอ่อนเหมือนกันนะครับ แบบนี้ขอด่าตัวเองแรงๆ หน่อยเถอะ
...ไอ้คนดี ไอ้คนหล่อ ไอ้เทพบุตรกลับชาติมาเกิด
หลงตัวเองพอประมาณก็กลับไปขึ้นรถ แล้วมุ่งหน้าไปหาแม่ที่ร้าน บอกพี่กิ่งไว้แล้ว ว่าจะรอตอนพี่กิ่งกลับค่อยคุย ดังนั้นช่วงที่รอ ผมก็ต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีในการช่วยงาน แต่พอมาถึง ร้านดันปิดซะงั้น ไฟในการทำงานมอดลงไปทันที ผมเดินผ่านชั้นล่างขึ้นบันไดไป เห็นแม่นั่งนับเงินตากแอร์เย็นช่ำในห้องนอนตัวเอง ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปกอด แต่แม่คงคิดว่าผมเป็นขโมย เลยคว้าตะกร้าฟาดใส่เต็มหน้า
“ตายแล้ว” แม่โวยวายเมื่อเห็นว่าเป็นผม ที่ตอนนี้ลงไปนั่งพื้นกุมหน้าตัวเองครึ่งซีก
“ยังไม่ตายแม่ แค่หน้าช้ำ”
“ยังมาพูดติดตลกอีก ไหนแม่ดูหน่อย”
ผมยันตัวลุกขึ้นเอามือออก รู้สึกแสบหน้าเบาๆ คงเพราะถูกฟาดอย่างแรง ไม่รู้หน้าแหกเสียโฉมหรือเปล่า
“ทำไมแม่ปิดร้านเร็วล่ะ หรือไม่สบาย” ถามขณะแม่ลูบตรงหางตาตรงที่แสบ
“วันนี้ขายดีจะตาย ไม่เห็นแม่นับเงินเหรอ” แม่พูดติดตลก พลางหยิบเงินมากรีดแล้วพัดโบก
“แม่เป็นคนตลกตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมว่า ก่อนจะพากันขำ “คิดถึง” ว่าแล้วก็กอดร่างอวบๆ ของแม่แน่น
“ตัวแม่เหม็นนะ”
“เหม็นอะไรหอมจะตาย” ครับหอม กลิ่นหอมติดเสื้อเลย
“อ้อนอะไรเรา ไปเชียงใหม่เป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่า”
“พี่กิ่งบอกให้รอด้วย ไม่อยากรู้ทีหลัง” พูดเสร็จก็แอบดึงแบงค์สีเทาออกมาจากกอง แต่ถูกแม่ฟาดเข้าที่หลังมือ “แม่อะ นิดๆ หน่อยๆ”
“เผลอเป็นไม่ได้ แล้วก็หัดใช้เงินให้มันน้อยๆ หน่อย”
“ไม่ได้ใช้เยอะเลย พี่โชฟ้องใช่ไหม นิสัยไม่ดี”
“ไปว่าพี่เขาอีก ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว แม่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เหนียวตัวไปหมด”
ก่อนไปแม่ยังขยี้หัวผม เอาซะทรงที่เซ็ทมากลายเป็นรังนก ระหว่างรอแม่อาบน้ำ ผมก็แต่งรูปพี่โชที่แอบถ่ายไปเรื่อยๆ และด้วยความหล่อใส ผมเลยแอบเพิ่มเขาเดวิลเข้าไป เสร็จแล้วก็อัพโหลด เพียงแค่ไม่กี่วินาที คนก็เริ่มกดไลค์ และมีคอมเม้นเข้ามาอย่างพี่จอมที่เอาแต่ส่งเลขห้ามารัวๆ พี่แทมบอกระวังตีนเจ้าของรูป คิดว่าผมจะกลัวเหรอ แต่คอมเม้นที่เด็ดสุดก็คงเป็นเจ้าของรูปนั่นแหละ พี่โชตอบกลับแค่คำเดียวสั้นๆ ว่า ลบ แต่ผมก็ไม่สน หัวเดวิลที่ถูกส่งมาก็ไม่ทำให้ผมกลัวแต่อย่างใด
บอกแล้วว่านี่...กลอยประเกรียนครับผม
อยู่ที่ร้านจนเย็นกว่าพี่กิ่งจะกลับมา ผมยกมือไหว้พี่ผิงที่เข้ามาทักทาย ก่อนจะกลับห้องเพราะรู้ว่าผมกับพี่กิ่งแล้วก็แม่มีเรื่องคุยกัน
“ว่ามา” พี่กิ่งนั่งไขว่ห้างทำหน้านิ่ง ส่วนแม่ก็นั่งมองหน้าผมสลับกับพี่สาวไปมา
“มีอะไรกันหรือเปล่า” แม่ถามออกมา ผมเลยหยิบสมุดบัญชีสองเล่มออกมาวางบนเตียง พี่กิ่งทำหน้าเคร่งเครียดมาก ต่างจากแม่ก็ยังไม่รู้อะไร “สมุดบัญชีใครน่ะ เราให้โชเปิดให้อีกเหรอ”
“ย่าให้มาครับ” ผมบอกแม่ เพียงเท่านั้นแม่ก็ตีหน้านิ่ง มือที่กำลังยื่นไปจะหยิบก็ถูกดึงกลับไปไว้บนตักตามเดิม “ย่าบอกว่า พ่อเปิดบัญชีไว้ให้กลอยกับพี่กิ่ง” คราวนี้ทุกคนพากันเงียบหมด “มีของแม่ด้วย แต่ย่าเผาทิ้งไปเพราะ...”
“เพราะไม่ชอบแม่” พี่กิ่งเป็นคนเติมประโยค “แกไม่ควรเอาของๆ เขามา”
“แต่ย่าบอกว่า พ่อตั้งใจให้พวกเรา” ผมเถียงพี่สาวไป และก็ได้ยินเสียงฮึดฮัดจากทางจมูก “สมุดแม่โดนเผา แต่เงินในนั้น ย่าให้คนรู้จักทำเรื่องแล้วโอนเข้าบัญชีชื่อพี่กิ่ง” ว่าแล้วผมก็ยื่นสมุดทั้งสองเล่มให้แม่ “ย่าฝากบอกว่า ขอโทษ ย่าขอโทษที่ตอนนั้นขัดขวางพ่อกับแม่”
“มันไม่สายไปหน่อยเหรอ เพิ่งมาสำนึกได้เนี่ย” พี่กิ่งแทรกออกมา “พวกเราลำบากมาขนาดไหน กว่าจะถึงวันนี้ แม่ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อเลี้ยงลูกสองคน ฉันต้องมองเพื่อนๆ กินขนมเพราะตัวเองไม่มีเงินซื้อ หรือพอได้มา ฉันก็ต้องเก็บไว้ให้แกกิน แกอาจไม่สน แต่ฉันไม่มีวันลืม” พูดกิ่งพูดด้วยความโกรธจนน้ำตาไหล แต่เจ้าตัวก็รีบปาดทิ้งอย่างไม่ใยดี “ถามว่าโกรธไหม คงไม่ แต่ให้อภัยไหม ก็ไม่เหมือนกัน!”
“กิ่ง” แม่ยื่นมือไปจับมือของพี่กิ่ง มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ ติดอยู่ “โกรธไปก็มีแต่ลูกที่ทรมานนะ”
“แต่เขาทำให้เราลำบากนะคะแม่” โหมดอ่อนไหวของพี่กิ่งไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ แต่มันก็พาลให้ผมอ่อนไหวไปด้วย
“นั่นมันอดีต ตอนนี้เราก็ไม่ได้ลำบากแล้วจริงไหม กิ่งคิดแค้นไป ชีวิตเขาหรือเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สู้ทำทุกวันให้เป็นวันที่ดี เขาก็อยู่ของเขา เราก็อยู่กันแบบนี้เหมือนเดิม มีกิ่ง กลอย แม่ ก็พอแล้วนี่จริงไหม” พี่กิ่งไม่ได้ตอบอะไรนอกจากโผเข้าไปกอดแม่พร้อมร้องไห้สะอื้น “กลอยล่ะ ยังโกรธไหม”
“ไม่ฮะ” ส่ายหน้ารัวๆ แต่พอพี่กิ่งปรายตามองก็รีบพยักหน้า “นิดๆ ก็ได้” ตอบปุ๊บ แม่ก็ขำออกเสียง
“ดีแล้วลูก คิดมากไปก็ปวดหัวซะเปล่าๆ”
“จริง คิดเรื่องอดีตปวดหัวจะตาย มาคิดเรื่องอนาคตดีกว่า” พอผมพูดจบ พี่กิ่งก็ผละจากอ้อมกอดของแม่ มือยกปาดน้ำตาตัวเองออกจากแก้ม “เงินเยอะแบบนี้ ไปเที่ยวรอบโลกกันไหม” พูดไม่ทันจบดี ก็โดนกระดาษทิชชู่เปียกน้ำตาปาเข้าเต็มหน้า ผมมองค้อนพี่สาวที่อุกอาจทำร้ายต่อหน้าแม่
“เก็บเงินไว้ใช้ตอนจำเป็นบ้าง” โดนดุแต่ผมไม่สะทกสะท้านหรอก เพราะมันชินไปแล้ว
“งั้นซื้อบ้านกันไหม ย่าบอกพ่อเคยจองบ้านเดี่ยวให้แม่ด้วย แต่สัญญาถูกยกเลิกไป”
“ถ้าแม่อยากได้ ฉันก็ซื้อให้ได้ ไม่ต้องพึ่งบ้านนั้น”
“ลืมไปว่าพี่สาวสุดสวยทำงานธนาคาร” พูดจบก็ต้องลุกหนี พี่กิ่งไล่กวดรอบห้องจนแม่ต้องห้าม พลางไล่ให้แยกย้าย ผมแลบลิ้นส่งท้ายก่อนพี่กิ่งจะออกจากห้องแม่ “แม่ไม่โกรธย่าจริงๆ เหรอ”
“แม่รู้ ว่าที่เขาทำ เพราะอยากให้ลูกเขาได้กับคนที่ดีและเพียบพร้อม ไม่มีใครอยากให้ลูกของตัวเองต้องมาทนทุกข์ ตกระกำลำบากหรอก” แม่ลูบศีรษะผมขณะพูด แววตาอบอุ่นทอดมองจนผมกอดแม่แน่น “เหมือนที่แม่ อยากให้กลอยมีชีวิตที่ดี มีความสุข”
“แต่แม่ก็ไม่ได้ห้ามที่กลอยคบกับพี่โช...”
“เพราะแม่รู้ว่าโชจะไม่ทำให้ลูกแม่ต้องเสียใจ”
“แล้วถ้าเสียใจล่ะ แม่จะทำยังไง”
“แม่จะไปต่อยเลยดีไหม” ฟังก็รู้ว่าแม่พูดให้ตลก และผมก็ขำออกมาจริงๆ “รักที่ดีไม่ได้หาง่ายๆ เหมือนกับคนดีและรักเรา ก็หาไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน กลอยต้องดูแลสิ่งที่ลูกรักให้มากๆ อย่าดื้อ อย่าซน พี่เขาพูดหรือห้ามอะไรก็ให้ฟังบ้าง โดยเฉพาะเรื่องแอบไปกินเหล้า”
“โหย”
เถียงไม่ออกเลยทีเดียว นี่พี่โชฟ้องแม่ผมกี่เรื่องวะเนี่ย ร้ายกาจเกินไปแล้วนะปีศาจ
“แล้วจะนอนที่นี่หรือกลับล่ะ แต่ดูแล้วคงไม่นอนใช่ไหม” ยิ้มแห้งๆ ส่งให้แม่ที่รู้ทัน ผมก็อยากจะนอนอยู่หรอก แต่ไม่ได้บอกพี่โชเอาไว้ บอกแค่ว่าจะเอาของฝากมาให้เฉยๆ
ผมเอาของฝากที่ซื้อมาให้แม่กับพี่กิ่งเสร็จก็ขอตัวกลับ พี่โชโทรมาหาหลายรอบช่วงที่ผมกำลังอ้อนแม่ ไม่รู้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พอโทรกลับไปก็ไม่มีใครรับสายซะงั้น หรือจะปวดหัว ตัวร้อน ไม่สบาย มีไข้ คิดแบบนี้ผมก็เหยียบความเร็วเพิ่ม แต่ก็ไม่ให้เกินกำหนดของกฎจราจร เพราะกลัวถูกจับแล้วก็ถูกยึดรถไปอีก
จอดรถใต้คอนโดได้ก็รีบวิ่ง จะผอมก็คราวนี้แหละ ในหัวสมองมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับพี่โช จนลิฟต์เปิดประตูชั้นที่กดไว้ ผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้อง เปิดประตูเข้าไปก็ต้องผงะ เมื่อถูกจู่โจมจนตัวเซ
“น้ากลอย”
“น้องบีม?”
ใช่ครับ เปิดประตูปุ๊บ เอวผมก็ถูกรวบกอดแน่นจากน้องบีมทันที หลานพี่โชยิ้มแป้นแล้นมองหน้าผม ดวงตาใสเป็นประกายวิบวับ
“น้ากลอยมาช้าจัง น้องบีมจะหลับอยู่แล้ว”
“น้องบีมมีอะไรกับน้ากลอยเหรอครับ” เข้าห้องมาก็รีบยกมือไหว้พี่ชีส พี่สาวของพี่โชที่นั่งไขว้ห้างจิบไวน์ขวดแพงกับน้องชายตัวเองอย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาคิ้วผมกระตุก “โทรหาไม่รับ ไอ้เราก็คิดว่าเป็นอะไร” พูดลอยๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงได้ยิน
“น้ากลอยลืมที่คุยกันเมื่อเช้าแล้วเหรอคะ? ปลาทองจัง” มัวแต่ฉุนพี่โชจนโดนน้องบีมแขวะเข้าให้ ปากเล็กยื่นคล้ายกับงอน จนผมต้องรีบยิ้มส่งให้
อยากติดเครื่องปรับอารมณ์ไว้ตรงหน้าผากตัวเองจริงๆ
“หัวน้ากลอยไม่มีวุ้นสักหน่อย เป็นปลาทองได้ไง อีกอย่าง น้ากลอยก็จำได้อยู่แล้ว” ไม่หรอก ผมจำไม่ได้ หากน้องบีมไม่พูดถึงเรื่องที่คุยกันไว้ละก็นะ “แล้วไหนล่ะ รายละเอียดที่จะให้น้ากลอยดู”
พูดจบ น้องบีมก็วิ่งไปหาแม่ตัวเองพลางหยิบซองสีขาวมาให้ผม เปิดออกดูก็เจอแผ่นกระดาษที่บอกรายละเอียดของงาน รวมทั้งกำหนดการต่างๆ
“ขอบใจนะ ที่กลอยไปงานแทนพี่กับพี่อัล ไม่งั้นน้องบีมคงงอนพี่ไปอีกนาน” พี่ชีสว่า ก่อนจะลุกมาหาผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร “แต่งานมีการแสดงด้วยนะ”
“การแสดง?” ถามกลับเสียงเบา เริ่มรู้สึกถึงภัยร้ายที่ออกมาจากสายตาของพี่ชีส
“ใช่จ้ะ เป็นการแสดงที่ผู้ปกครองจะต้องแสดงพร้อมเด็กนักเรียน” มือเรียววางบนบ่าผมปุ๊บ น้ำตาก็แทบจะไหล ยิ่งประโยคถัดมา ทำเอาผมแทบอยากถอนตัว “ไม่ต้องห่วง วันนี้น้องบีมจะสอนกลอยเอง รับรอง พรุ่งนี้ทุกอย่างราบรื่นแน่นอน”
มิน่าพี่โชถึงบอกให้ผมปล่อยผ่าน มันมีแบบนี้นี่เอง ผมถอนตัวตอนนี้ยังทันไหม ไม่น่าเกิดมาเป็นคนดีเลยจริงๆ
...TBC
มาแล้วค่าาา ขอโทษที่หายไปไม่บอกกล่าว พอดีติดงานนิดหน่อย ได้โปรดให้อภัยด้วยค่า (ก้มไหว้ย่อ)
ตอนนี้ดราม่าเรื่องอดีตตอนสุดท้ายแล้ว ตอนหน้ามาสนุกกับงานโรงเรียนน้องบีมกันค่า
แล้วพบกันค่ะ
รักกกก