เพราะนายคือของฉัน [ll] : 18
คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก ต้องให้เธอแก้ รู้ก็รู้ว่าชอบ แต่ใจมันพูดไม่ได้ แต่ถ้าเธอช่วยมันก็ง่าย อะไรก็คงไม่แย่...ขอทักทายเป็นเพลงซะหน่อย ไม่ใช่อะไร แต่เพราะคนที่มารับผมกำลังเปิดเพลงเก่าฟัง แถมอินสุดๆ ทั้งร้อง ทั้งออกมือออกไม้จนผมกลัวว่า รถแพงจะจุ๊บท้ายรถคันข้างหน้าก่อนถึงที่หมาย
ผมถูกโทรเรียกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางดีให้เตรียมตัว อยู่รอนานเป็นชั่วโมงกว่าจะมีคนมารับ ขอไปเองก็ไม่เอา ทั้งที่พี่จอมก็อ้าปากหาววอดๆ แต่ก็ยังดันทุรังมารับ
“วันนี้พี่จะให้ผมสอนทำแกงอะไร?” ถามคนที่กำลังอินกับเพลงย้อนยุค
“ไม่ต้องสอน วันนี้กูขี้เกียจเรียน” คำตอบที่ดูไม่ค่อยกระจ่างจิตสำหรับผมเท่าไหร่
“พี่ไม่เรียน แล้วไปรับผมมาทำไมเนี่ย” เริ่มขยี้ผมตัวเองรัวๆ หลังจากถูกโทรปลุกก็รีบดีดตัวไปอาบน้ำ ด้วยประโยคที่ว่า แปบเดียวถึง เอาจริงรอเป็นชั่วโมงๆ “พี่จอมแม่ง”
“ถึงกูจะไม่เรียน แต่มึงก็ต้องมา ในเมื่อไอ้โชเพื่อนรักฝากมึงไว้ให้พวกกูดูแล”
“พี่เป็นคนอาสาเองไม่ใช่เหรอ”
“เหมือนกันนั่นแหละ”
“โคตรแถ”
“กูไม่สน”
ส่ายหน้าให้กับความไอด้อนแคร์ของพี่จอมเลยครับ รู้จักวันแรกเป็นยังไง วันนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น นับถือ ผมถอนหายใจรัวๆ พลางปิดเปลือกตาลง ถามว่าหลับไหม ขอตอบเลยว่าไม่ เสียงร้องเพลงดังลั่นรถขนาดนี้ หลับลงได้ก็บ้าแล้วๆ ถ้ามันเพราะผมก็คงพอรับได้ แต่นี่พี่จอมร้องคนละคีย์ ไอ้กลอยปวดหูสุดๆ
กว่าจะหยุดร้องก็ตอนจอดซุปเปอร์มาเก็ตสีส้ม พี่จอมลากรถเข็นฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ มือขาวๆ หยิบนั่น หยิบนี่ใส่รถเข็นจนผมต้องรีบห้าม
“พี่น่าจะอ่านก่อน” ผมบอกพลางหยิบของในรถเข็นออกมาอ่าน
“เสียเวลา” พี่จอมบ่น แต่ก็ยืนกอดอกรอผมอ่านฉลากบนสินค้า ผมว่า ของบางอย่างมันมีหลายแบบ หลายยี่ห้อ บางอันดีด้วย ถูกด้วย ก็น่าซื้อกว่าถ้าไม่ติดยี่ห้อนะ “กุ้งแม่น้ำว่ะ” อยู่ๆ คนยืนรอก็เดินผ่านหน้าผมไปที่ตู้แช่แข็งของทะเล “แม่ง ถูกด้วย”
“แพง” รีบเถียงทันควันจนพี่จอมหันมามอง “แต่ก็ถูกกว่าที่ร้านอาหาร”
“ใช่ไง ไอ้ซันพากูไปกินคราวนั้น สองตัวแม่งสองพันกว่าบาท แพงสัดหมา”
“กุ้งมันตัวใหญ่รึเปล่าก็เลยแพง”
“คนอย่างกู ต้องไซส์ใหญ่ๆ เท่านั้น” พี่จอมบอกเสียงเข้ม มือก็หยิบกุ้งแม่น้ำแช่แข็งหลายแพค ส่วนผมยังยืนทำหน้ากรุ้มกริ่มอยู่กับที่ “หน้าตาตอแหลนะมึงไอ้เกรียน”
“ผมไม่ได้คิดอะไรเลย” รีบปฏิเสธเสียงสูง พี่จอมหยุดเดินแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง “จริงๆ” ไม่ได้คิดเรื่องไซส์ใหญ่ๆ หรือเรื่องใต้สะดืออะไรเลยจริงๆ นะครับ เชื่อผม
“ไม่คิดก็ช่วยกูขน ยืนเป็นหลักกิโลไปได้”
พยักหน้ารับ มือก็ช่วยขนสิ่งที่พี่จอมหยิบออกมา ทั้งกุ้ง ทั้งหอย มีแซลมอนด้วย ของโปรดด้วย นี่แหละนะ มากับคนรวยก็จะได้กินของดีๆ แม้อาจต้องแลกด้วยการเป็นพ่อครัวหลังจากนี้ก็ตาม
เริ่มมองเห็นอนาคตอันใกล้ของตัวเองแล้ว
จ่ายเงินเสร็จสรรพก็ถึงเวลากลับ ตอนนี้มีทั้งของแช่แข็ง ของสด ของสุก คงไม่ได้จะกินแค่สามคนหรอกใช่ไหม ปริมาณมันเยอะเกินไป หรือจะซื้อเก็บไว้ทำให้พี่ซันกินทีหลัง? แต่ไม่น่าจะใช่
“พี่ซื้อไปทำไมเยอะแยะวะ” ถามไป มือก็คาดเข็มขัดไป
“ก็วันนี้วันเกิด” ตาโตหลังจากได้ยิน
“วันเกิดพี่เหรอ” เมื่อกี้ก็ไม่ได้ซื้อของขวัญด้วย
“ใช่ วันเกิดอยากจะแดก” พูดจบก็หันมาฉีกยิ้มให้ เอาซะผมอยากพ่นน้ำลายใส่หน้าจริงๆ แม่ง “แล้วที่ซื้อไปเยอะ เพราะพวกไอ้แทมจะมาด้วย”
“อ่าว พวกพี่แทมก็มาเหรอ”
“ไอ้นี่ ก็กูเพิ่งพูดไป” รีบยกมือไหว้เลย พึมพำกับตัวเองออกเสียงหน่อยเป็นไม่ได้ “แล้วเงินที่ซื้อก็มาจากเงินไอ้โช”
“เงินพี่โช? ยังไง”
“ก็ก่อนไป มันโอนตังค์ให้กู บอกให้กูดูแลมึง พามึงไปกินของดีๆ บ้าง กูก็เลยซื้อแต่ของดีๆ มานี่ไง”
“ของดีๆ สบายเงินในกระเป๋าตัวเองสินะ พี่จอมแม่ง...”
ผมนึกค่อนขอดโมโหพี่โชอยู่ในใจที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ แต่พอคิดอีกทีก็เพราะเป็นห่วง กลัวว่าผมจะเหงา เอาจริงๆ โอนเงินมาให้ผมตรงๆ เลยดีกว่า แบบนี้โคตรเสียดุล ไม่นานรถราคาแพงฝ่าการจราจรแออัดมาจนถึงคอนโด เพราะของเยอะ พี่จอมเลยต้องช่วยยก ปกติเวลามาสอนทำอาหาร ผมจะเป็นคนยกทุกครั้ง
“ลืมซื้อน้ำจิ้ม” พี่จอมพูดขึ้นตอนออกจากลิฟต์
“ผมทำเป็น” รีบบอกเพราะตอนนี้นิ้วผมชาดิก ไร้ความรู้สึกใดๆ ของมันหนักมาก แล้วก็เยอะมาก “พี่เคาะห้องเร็วๆ”
ยังไม่ทันได้เคาะ ประตูก็เปิดออกพอดี พร้อมๆ กับคนด้านในที่โผเข้ามาดึงถุงจากมือผมไป พี่ซันหน้ายุ่งมองของที่ซื้อมา แต่ก็ไม่ได้พูดหรือบ่นอะไร เพราะถึงบ่นไป พี่จอมก็ไม่ฟังอยู่ดี อันนี้ไอ้กลอยโคตรเข้าใจ
“กินข้าวเช้ามาหรือยัง” พี่ซันถามเสียงนุ่ม ผมส่ายหน้าช้าๆ “อ่าว ไอ้จอม มึงไม่ได้ซื้ออะไรให้น้องมันรองท้องมาเหรอ” เอาแล้วครับ เสียงนุ่มเมื่อกี้เริ่มแข็งกระด้าง พี่จอมเดินหน้านิ่งเข้ามาหา
“มันไม่บอกกูนี่ว่าหิว แล้วกูจะตรัสรู้เองไหมล่ะ”
“ก็มึงไปรับน้องมันเช้าแบบนั้น ก็น่าจะคิดเองได้”
“มึงด่ากูไม่มีสมองเหรอ”
“ผมกินนมกล่องรองท้องมาแล้วครับ” รีบห้ามก่อนจะเกิดศึกสงครามกลางห้อง พี่จอมมองผมตาขวางเอาซะหดหัวแทบไม่ทัน “ผมยังไม่หิวครับ” รีบหันมาบอกพี่ซันที่ยังยืนนิ่งมองหน้าแฟนตัวเอง “ทำกับข้าวดีกว่าเนอะ พี่จอม” สถานการณ์มึนตึงสุด เริ่มรู้สึกผิดจริงๆ
ผมดึงพี่จอมเข้าไปที่หน้าซิงค์ล้างจาน แม้อีกคนฮึดฮัดไม่เต็มใจ แต่ก็ตามมา ส่วนพี่ซันจากที่ปรายหางตามอง ตอนนี้กำลังเอาของที่ซื้อออกมาวางกองบนโต๊ะอย่างเงียบๆ โคตรรู้สึกไม่ดีสุดที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน จนกระทั่งกลุ่มพี่แทมมา ห้องถึงกลับมาคึกคักอีกรอบ
“กูซื้อไก่ย่างแปดดาวมาฝากด้วย” พี่ตินชูถุงไก่ย่างหอมฉุยให้ดู “น้ำจิ้มเด็ดมาก”
“แม่ค้าก็เด็ด”
“เด็ดยังไงเหรอพี่” เห็นสายตาวับวาวเลยรีบถาม
“ตรงนี้ไง” พี่แทมวาดรูปทรงองเอวเอสให้ดู แต่ที่ดูจะชอบคงเป็นช่วงบนที่นึกว่าเต้นไท้เก็กท่าแตงโมผลใหญ่ “เด็ดสัด”
“ต่ำตมไม่หยุด” พี่เบส่ายหน้าอย่างระอาให้กับเพื่อนตัวเอง
“ทำมาปากดีไอ้เบ เมื่อกี้หมาตัวไหนบ่นอยากไปซื้อเพิ่ม” พี่ตินย้อนแทน เอาไอ้ทูชะงักมือที่กำลังล้วงขนม ส่วนพี่เบตาลีตาเหลือกยิ้มประจบเพื่อนผมอย่างไว “ไอ้อ่อนกลัวเมีย”
“เชี่ยเอ้ย พอมาอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้ อดนึกถึงไอ้โชไม่ได้ สะกิดกูทำแมวอะไรไอ้ติน” พี่แทมตีหน้ายุ่งใส่เพื่อน แต่ก็โดนถลึงตาใส่ “เจ็บตาเหรอสัด”
“เจ็บตาพ่อมึงสิ นู้น” ผมยิ้มแห้งๆ ส่งให้ทุกคนที่มองตามนิ้วของพี่ติน แต่ก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจความหมาย
“ไอ้กลอยทำไม หรือมันเจ็บตา” ว่าแล้วผมก็ต้องรีบโยกหัวหลบเมื่อพี่แทมยื่นมือมาจะจับหัวแหกตา จนสุดท้ายพี่จอมคงทนไม่ไหว มอบฝ่ามือใหญ่ๆ ฟาดป๊าบเข้าให้ “มือหรือตีนวะ หนักฉิบหาย”
“มือกู หรืออยากได้ตีนก็ไม่มีปัญหา” พี่จอมแม่งคนจริงยกขาลอยขึ้นมาพร้อมถีบ ยังดีที่พี่เบรับไว้ก่อนถึงตัวพี่แทม ที่จริงน่าจะกลัวถูกลูกหลงมากกว่า
“กลอยมันไม่ได้เจ็บตาหรอก แต่มึงไม่น่าจะพูดถึงไอ้โช เดี๋ยวน้องมันเศร้า ไอ้โง่” เหมือนประโยคพี่ซันจะฟังดูดีสุด แต่มาสะดุดตรงท้ายประโยคนี่แหละ
“เอ้า กูก็ลืม โทษทีนะไอ้น้อง” ผมยิ้มรับให้พี่แทม แม้จะอยากปัดมือหนักๆ ที่ตบบ่าออกก็ตาม
หลังจากคุยกันจบก็ถึงเวลาทำอาหาร ไม่งั้นมื้อเที่ยงอาจได้รวมมื้อเย็นได้ ซึ่งกับข้าวที่ทำก็ง่ายๆ เพราะมีไก่ย่างอยู่แล้ว ผมเลยทำข้าวผัดแซลมอนเพิ่ม ตอนแรกว่าจะทำข้าวผัดหมู แต่พี่จอมดันอยากกินอะไรที่มันแปลกใหม่ เลยจัดให้ไปตามคำขอ แม้เงินที่ซื้อของทุกอย่างจะมาจากพี่โชก็ตาม
มีเคลียร์แน่นอนวันนี้
ระหว่างผมผัดข้าว คนอื่นๆ ก็นอนดูหนังเอเลี่ยนอะไรสักอย่างที่มันน่าเกลียด น่ากลัว อ้าปากทีมีตัวเล็กยื่นออกมาด้วย แต่ที่น่ากลัวคือตอนมันฝังตัวอ่อนในร่างกายของมนุษย์ พอถึงเวลาพุงก็จะระเบิดออกพร้อมกับมีตัวอ่อนของเอเลี่ยนวิ่งยั้วเยี้ยไปหมด ที่จำได้แม่นเพราะพี่โชเคยเปิดดูก่อนนอน ขนาดผมดูบ้างปิดตาบ้างยังเก็บไปฝัน ก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกตบแก้มจนชาดิก ลืมตาตื่นมาเห็นพี่โชไอหอบอย่างหนัก เพราะผมละเมอบีบคอพี่โชที่คิดว่าเป็นตัวเอเลี่ยน มันหลอนจริงๆ นะครับ ไอ้กลอยคอนเฟิร์ม
“แล้วพวกกุ้งจะทำตอนไหน” พี่ซันถามขณะผมวางจานข้าวผัดให้แต่ละคน
“ต้องถามพี่จอม เพราะกลอยก็ไม่รู้” โบ๊ยไปหาอีกคน อยากให้คุยกันมากกว่า เพราะยังมึนตึงใส่กันอยู่ “พี่จอม พี่ซันถามว่าจะย่างกุ้งตอนไหน”
“ใครจะไปย่างกุ้งวะ กูฝากซื้อของหน่อย” พี่แทมหูดีประหนึ่งใส่เครื่องช่วยฟัง
“ย่างกุ้งที่เป็นสัตว์ ไม่ใช่ที่เป็นประเทศ ไอ้โง่” โดนพี่จอมด่าไปหนึ่งดอก พี่แทมยักไหล่ตักข้าวเข้าปากอย่างไม่แคร์อะไร “ตอนบ่ายๆ ค่อยทำ” พี่จอมปรายตามองพี่ซันก่อนจะตอบออกมา น้ำเสียงแข็งไปนิด แต่ก็ทำใจชื้นขึ้นบ้าง
“ห้องพี่มีเตาย่างใช่ป่ะ เหมือนกลอยจะเห็นในตู้”
“อืม ไอ้ซันซื้อ”
เน้ มีพูดชื่อกันแล้ว
“คงซื้อไว้ให้พี่จอมนั่นแหละเนอะ”
“ชงเก่งสัด”
ถูกพี่จอมฟาดหัวไปที แต่ก็ได้นิ้วโป้งจากพี่ซันเป็นรางวัล เรื่องชงไว้ใจไอ้กลอยได้ บาริสต้ายังต้องหลบให้กลอยประเกรียนสุดหล่อแม่นเว่อร์คนนี้
“ไอ้โชติดต่อมึงบ่อยไหม” พี่ตินถามขึ้นมา ผมยิ้มตอบกลับไปบางๆ “ไม่บ่อยเหรอ หรือมันจะแอบมีชู้?”
“ชู้พ่อมึงสิไอ้ห่าติน พูดอะไรใช้สมองด้วย เดี๋ยวไอ้เกรียนก็คิดมาก น้ำตาแตกพอดี” พี่จอมปกป้องผมอีกแล้ว ประทับใจจริงๆ
“เอ้า กูแค่สมมติ”
“มึงไม่ได้พูดคำว่าสมมติสักคำ” คราวนี้พี่แทมรีบเสริม คงเอาคืนจากที่โดนไปแน่
“ก็คุยกันเกือบทุกวันครับ ถ้าพี่โชตื่นเร็วหรือเรียนสาย แล้วก็ถ้าผมเลิกฝึกงานไว”
“แย่เนอะ ที่นี่เช้า ที่นู่นค่ำ พอที่นี่ค่ำ ที่นู้นเช้า เอาใจเวลายากฉิบหาย” ความเห็นแบบแปลกๆ ของพี่เบแต่ก็ทำให้ทุกคนเห็นด้วย “แล้วนี่มึงกับไอ้ทูฝึกงานเสร็จวันไหน”
“อีกไม่นานก็ฝึกเสร็จแล้ว เร็วเหมือนกัน เหมือนเพิ่งเริ่มฝึกไปเอง” ผมว่า แต่ไอ้ทูรีบแทรกขึ้นมาแทบจะทันที
“แต่ของผมเป็นช่วงเวลาที่โคตรจะนาน อยากฝึกจบเร็วๆ”
“ทำไมวะ”
“ก็ชอบมีมนุษย์ป้าวุ่นวาย จับผิดตลอด น่าเบื่อ”
“กูเห็นใจมึงไอ้ทู” ตบบ่าเพื่อนสนิทไป แต่พี่เบกลับขำออกมา “พี่หัวเราะเยาะเพื่อนผมเหรอ” ชงเก่งไม่พอ เสี้ยมก็เก่งนะผมน่ะ
“กูให้มาช่วยก็ไม่ยอม สม” พี่เบพูดเยาะจนไอ้ทูหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลอง
“ฝึกจบแล้วไงต่อวะ” พี่แทมถามผม ในขณะที่คู่พี่เบงอนง้อกันอยู่
“ต้องส่งเปเปอร์ที่ฝึกงานกับวิทยานิพนธ์ตอนเทอมแรก” บอกอย่างเซ็งๆ อยากฝึกแล้วจบเลย มีแบบนี้ที่ไหนบ้าง
“มีอะไรให้ช่วยก็บอก” ตาโตหลังจากพี่แทมว่า “ยกเว้นเรื่องวิทยานิพนธ์อะไรนั่น แค่ของกูยังแทบกระอักเลือด”
“ไอ้เราก็นึกดีใจ ปั๊ดโธ่”
“มึงก็โง่เชื่อไอ้แทมมัน” ถูกพี่จอมด่าไม่พอ ยังถูกขำใส่หน้าอีก
เออ ผมมันคนใจง่าย หลงเชื่อคนง่าย เกิดมาเป็นคนดีก็แบบนี้ ชอบโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
ข้าวเที่ยงผ่านพ้นไปก็อยู่ในช่วงว่าง พี่ตินคว้ากีต้าร์โปร่งมาดีดให้พี่แทมร้อง ก็หัวเราะแก้ง่วงกันไปได้ ส่วนผมก็ง่วนอยู่กับการเตรียมกุ้ง เตรียมหอย ยังดีที่มีลูกมืออย่างพี่จอม มีไอ้ทูมาอีกคน สบายหน่อย
“เวลาย่างแล้ว จะมีมันกุ้งเหมือนที่ร้านไหมวะ” ไอ้ทูถามอย่างสนใจเมื่อผมผ่ากุ้งแม่น้ำ
“ก็คงเหมือนมั้ง แต่ของเขากุ้งเป็น นี่กุ้งแช่แข็ง ถ้ามีคงไม่เยิ้มว่ะ” ตอบไป มือก็ทำไปไม่หยุด พี่จอมก็แกะหอย ล้างหอย เมื่อก่อนโคตรเงอะงะ ตอนนี้เริ่มคล่องทำอะไรก็ไวขึ้น ความรักมันทำให้เราอยากพัฒนาตัวเอง รวมทั้งเพิ่มความพยายามของเราได้จริงๆ นะครับ พี่จอมเป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียว
“แต่ซื้อเยอะโคตร แพงไหมวะ” ไอ้คนขี้สงสัยหยิบกุ้งที่ยังไม่ได้แกะออกจากแพคมาดูพลางทำตาโตเป็นลูกปิงปอง “เชี่ย อย่างแพง พี่จอมลงทุนซื้อขนาดนี้เลยเหรอพี่”
“แน่นอน” เจ้าของชื่อขานรับอย่างยืด แต่ผมก็รีบขัด
“ตังค์พี่โชต่างหาก”
“ไอ้นี่”
ก่อนผมจะถูกทำร้ายร่างกาย เสียงเพลงถูกคีย์แถมนุ่มก็ดังคลอเคล้าเสียงกีต้าร์โปร่ง คนร้องได้เปลี่ยนมือแล้ว จากพี่แทมเป็นพี่ซัน แบบนี้ค่อยลื่นหูน่าฟังหน่อย เมื่อกี้แทบอยากเอาเก้าอี้ไปให้พี่แทมขึ้นปีนตามหาคีย์ เลือกเพลงที่มีแต่เสียงสูงด้วย ไม่สงสารลำคอตัวเอง กับหูคนในห้องเลย
“ขอเพลงซ่อนกลิ่นได้ป่ะครับ” รีบตะโกนไปบอก พี่ตินยกมือเป็นสัญลักษณ์โอเค ไม่นานเพลงโปรดของพี่โชก็ดังขึ้นพร้อมเสียงนุ่มๆ ของพี่ซัน
แต่จริงๆ ผมชอบฟังพี่โชร้องมากกว่า
ได้ฟังเพลงที่ขอ ก็มีกำลังใจในการทำน้ำจิ้มซีฟู้ด ปั่นพริก กระเทียม รากผักชีให้แหลกพอประมาณ ก่อนตักออกมาใส่ถ้วย เติมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ปรับรสชาติจนถูกใจทุกคน อร่อยไม่อร่อยพี่ตินถึงขั้นขอแบ่งกลับบ้านคิดดู พอน้ำจิ้มเสร็จก็ได้เวลาย่างกุ้ง เตาไฟฟ้าทำให้ทุกอย่างสะดวกสบายขึ้นมาก ยิ่งมีคนยืนย่างให้ยิ่งสบายไปใหญ่
“ดูยังไงว่ามันสุกวะ” พี่จอมออกปากอาสาย่างกุ้งให้ คงอยากย่างให้พี่ซันกินวันหลังแน่ๆ
“เนื้อมันจะเด้งๆ ขึ้นมา” ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่คนย่างก็พยักหน้าเออออเพราะสายตาจ้องกุ้งบนเตาอย่างใจจดใจจ่อ “หอยเชลล์พี่จะทำยังไง ย่างเฉยๆ เหรอ”
“ไอ้ซันอยากกินอบชีสอะ”
“แหม”
“แหมพ่อมึงสิ” พี่จอมรีบถลึงตาใส่ผมกับไอ้ทูหลังจากหลุดฟอร์มออกมา “รีบๆ ทำเลยมึง ไอ้เชี่ยทู มึงมาช่วยกูเลย”
“เขินก็บอกว่าเขินสิพี่” ไอ้ทูว่าขำๆ
“ไม่ได้เขิน”
ไม่เขินก็ไม่เขิน แค่หูแดงเท่านั้นเอง
หยอกเย้าไปพอประมาณก่อนกลับมาทำหอยเชลล์อบชีส หอยทำแล้ว เหลือหน้าที่จะโปะ เริ่มจากสับกระเทียมจนละเอียดแล้วเอามาผสมกับเนย พริกไทยดำ ออริกาโน่สักหน่อย คนจนส่วนผสมเข้ากันก็วางบนตัวหอยที่อยู่ในฝา
“แล้วชีสล่ะ” พี่จอมถาม
“เดี๋ยวตอนเราย่างค่อยโรยหน้ามัน”
“มึงจดสูตรให้กูด้วย กูไม่ได้มอง”
“ผมรู้หน่า ว่าพี่อยากจะทำให้พี่ซันกินเองในวันข้างหน้า เดี๋ยวจดให้” พูดไปพร้อมโยกหัวหลบเศษหางกุ้งที่ไหม้เกรียม “เดี๋ยวก็ไม่จดให้ซะหรอก”
“เดี๋ยวกูจะฟ้องไอ้โชว่ามึงคุยกับคนอื่น”
“พี่จอมเอาที่ไหนมาพูด มั่ว”
“กูเห็นว่ามึงไปแดกไอศกรีมกัน”
“ไอติมเหรอพี่” พี่ทูยื่นหน้าเข้ามาเสือกเต็มที่
“ไอศกรีมที่ร้าน ไม่ใช่ไอติมใต้สะดือ ไอ้ต่ำตม” ผมรีบแก้ไขความคิดเพื่อน เผลอหน่อยเป็นไม่ได้ “แล้วพี่จอมก็มั่ว ผมไม่ได้ไปสองคนซะหน่อย มีคนอื่นด้วย”
“มึงมีชู้อีกแล้วเหรอ!”
“ใครมีชู้? ไอ้กลอยมีชู้เหรอ”
“ใครชู้ ไหน คนไหน”
ผมแทบอยากเอาเท้าอุดปากเพื่อนสนิทที่มันโวยวาย แถมตอนนี้กลุ่มที่ร้องเพลงก็ยกโขยงเข้ามาจนแน่นโซนครัวไปหมด โดยเฉพาะพี่แทมที่เอาหน้ามาซะใกล้ นิ้วก็ยกขึ้นชี้หางคิ้วตัวเองที่ยังมีแผลเป็นหลังจากถูกเย็บไป คล้ายเตือนเรื่องที่ผ่านมา
“ผมไม่ได้มีชู้โว้ย!”
“แล้วมึงไปแดกไอติมกับใคร บอกกูมา ก่อนกูจะโทรไปฟ้องเพื่อนกู”
“ไปกินกับเพื่อนที่มาฝึกงานด้วยกัน”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิง”
“ก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี”
“เขามีแฟนอยู่แล้ว”
“โกหกหรือเปล่าวะ”
“พี่แทมก็ ผมจะโกหกไปทำไมเล่า”
“กูจะไปรู้มึงเหรอ”
“พอๆ จบๆ พวกมึงมูฟออกจากครัวกูด้วย กุ้งย่างจะไหม้แล้วโว๊ย” พี่จอมโวยวายใช้ที่คีบชี้หน้าทุกคน ยกเว้นพี่ซันที่มองเฉยๆ ผมรู้ได้ไงน่ะเหรอ ก็เพราะความตาไวปนความขี้เสือกนั่นแหละ “กี่โมงถึงซื้อเบียร์ได้วะ”
“ห้าโมงเย็นพี่” ไอ้ทูตอบอย่างไว รู้ดีจริงๆ เรื่องนี้
“รู้งี้แวะซื้อก่อนเข้ามาดีกว่า เสียเวลาแม่ง”
“มันก็ไม่ได้อยู่ดี เขาให้ซื้อสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายสอง”
“ตอนนี้บ่ายสองสามสิบ ทำไมมึงไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้ไอ้ทู”
“ผมผิดเหรอเนี่ย”
“เออ”
“กูผิดตรงไหนวะ”
ผมยื่นมือตบบ่าเพื่อนสนิทที่ตีหน้างง
“ถ้ามึงเถียงกับพี่จอม มึงจะไม่มีวันเป็นคนถูก”
“เอาแต่ใจสัด เชี่ย”
ทั้งผมกับไอ้ทูหลบพริกขี้หนูที่ถูกปามาเกือบทั้งถุง เป็นพวกที่ชอบขว้างปาข้าวของจริงๆ ไม่ควรทำตามนะครับ จะเสียของเอา และพอทุกอย่างก็กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง ยกเว้นเสียงร้องที่ผิดคีย์จนอยากจะเอาสำลีอุดหู ผมเปลี่ยนหน้าที่ในการมาย่างกุ้ง ย่างหอยแทน เพราะพี่จอมย่างจนไหม้ไปหมด ขืนยังให้ย่างต่อ คงไม่ได้กินพอดี แล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วราวกับนิยาย พวกพี่แทมถูกใช้ไปซื้อเบียร์ที่ซุปเปอร์มาเก็ตด้วยเงินที่พี่โชโอนมาให้ มันน่าเจ็บใจอีกแล้ว
“ฝึกจบแล้ว มึงอยากทำอะไร” พี่จอมถามผมในขณะที่กำลังจัดเรียงอาหารและกับแกล้ม
“ก็เร่งทำรายงานต่อ”
“กูหมายถึงถ้ามึงทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว”
“ผมอยากไปนั่งโง่ๆ ตกหมึกดู”
“ตกหมึก? ที่ทะเลเหรอ”
“แล้วน้ำตกมีปลาหมึกไหมล่ะพี่ ถามไม่คิด ปั๊ดโธ่”
ด้วยความปากดีเลยถูกเตะก้นไปหนึ่งรอบหนักๆ พอดีกับพวกไปซื้อของข้างนอกกลับมา ก็ถึงเวลาสนุกสนาน เสียงเพลงยังคงพึ่งกีต้าร์โปร่งอยู่ เห็นพี่ซันว่า ห้องข้างๆ เพิ่งคลอดลูกกลับมา ไม่อยากเสียงดังรบกวน ก็ว่าทำไมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้แว่วๆ เข้าหู ถ้าไม่รู้คงนึกว่ากำลังเจอดีเข้าให้
“ไม่เมาไม่กลับ ชน”
ชนก็ชน ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ชุ่มคอสุดๆ ตอนอยู่ห้องก็ชอบซื้อมาดื่มบ้าง แต่ดื่มคนเดียวมันรู้สึกกร่อยๆ แต่นี่มีคนเยอะทำให้ดื่มจนลืมสัญญาห้าแก้ว เอาง่ายๆ ดื่มจนลืมชื่อตัวเอง แล้วก็ลืมไปว่าพรุ่งนี้ต้องไปฝึกงาน แทบไม่ต้องเดาว่าพรุ่งนี้ผมจะมีสภาพยังไงไปที่โรงเรียนสอนศิลปะ
“ไอ้กลอยชนๆ”
“ชนอะไร ผมไม่ได้ชนอะไร ผมนั่งอยู่กับที่” เมาแล้วเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ปกติผมคอแข็งแท้ๆ ไม่รู้เบียร์ผสมกับอะไรโคตรเมาเลยตอนนี้ “ทำไมพี่แทมมีสองหัว แม่งไม่น่าคบสัด”
“กูคนไม่ใช่นกเว้ย”
“นกบ้านพี่มีสองหัวเหรอ อยากเห็น”
“มึงด่ากู หรืออยากเห็นจริงๆ ไอ้สัดกลอย”
“ผมด่าพี่ตรงไหน แค่สงสัย ว่านกบ้านพี่มีสองหัวเหรอ”
“ด่าตรงนี่แหละไอ้ห่านี่”
เสียงหัวเราะจากทุกคนยังดังอยู่ตลอดรวมทั้งผมด้วย แม้จะนั่งคอหัก คอพับแต่ก็ยังขำ แม้ภาพในความคิดตอนนี้จะเห็นหน้าพี่โชลอยไปลอยมาก็ตาม
“คิดถึงพี่โชอะ”
“อ่าว ร้องไห้เฉย”
“เมื่อไหร่พี่โชจะกลับมาวะพี่”
“ดราม่าร้องไห้ ฉิบหายแล้ว”
“ผมไม่ได้ดราม่า ผมแค่คิดถึง มันผิดเหรอวะ คิดถึงอะ รู้จักไหม สะกดเป็นไหม”
“ด่ากูโง่ กูยังรู้สึกดีกว่านี้ไอ้ห่า”
“พี่แทมแม่งโง่”
ประโยคสุดท้ายที่พูดออกไปก่อนภาพและเสียงจะถูกตัดไป นี่ผมไม่ได้คออ่อนเลยนะ แค่จิบๆ เอง ไม่มีใครที่ไหนเมาหรอก สงสัยเพราะ....เพราะอะไรดีวะ หาข้อแก้ตัวยากเลยทีนี้ แต่เอาเป็นว่า ผมไม่ได้เมา ทุกคนโปรดเข้าใจตามนี้นะครับ
***
“ไอ้เชี่ยติน มึงไปเอายาดองจากไหนมาผสมเบียร์วะแม่ง”
“ร้านข้างๆ ห้างนั่นไง โคตรเด็ด”
“เออเด็ดจริง เอาไอ้คออ่อนน็อกไปแล้วเนี่ย”
“ไอ้เด็กพวกนี้แม่งไม่ได้ดั่งใจ กูแค่ผสมครึ่งๆ เอง”
“มึงนี่นะ”
“เอาน่า นานๆ ให้เมากันที มันจะได้ลืมความเหงาคิดถึงไอ้โชไง”
“จริง แม่งโทรจิกจนกูคิดว่า ชาติที่แล้วไอ้โชเกิดเป็นไก่ไอ้สัด สั่งกูก็เก่ง ใช้กูพาไอ้กลอยไปนั่นนี่อีก เมียกูก็ไม่ใช่”
“เอาน่า ก็มันห่วง มันรักของมัน พวกมึงก็ช่วยๆ กันดูแลให้หน่อย”
“ไอ้ซัน มึงนี่มันพ่อพระจริงๆ”
“กูคนดี”
“ดีแตกน่ะสิ”
“เรื่องผัวเมีย นอกเวลาค่อยเคลียร์ไอ้สัด แล้วนี่จะเอายังไงกับไอ้กลอย?”
“ให้นอนนี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยไปส่ง”
“เกิดไอ้โชรู้ มันได้บินมากระทืบพอดี”
“กล้าก็ลองดู กูกลัวที่ไหน”
“มันต้องอย่างนี้ ไอ้จอมคนจริง เพื่อนกูครับเพื่อนกู”
“แน่นอน กูคนจริงทุกเรื่อง”
“ยกเว้นเรื่องผัว”
“พวกมึงออกจากห้องกูไปเลยไอ้แทม พาเพื่อนมึงออกไปด้วย”
“เพื่อนกูคนไหน? ถ้าหมายถึงไอ้คนดีพ่อพระนี่ มันผัวมึงไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้สัด...”
“จะเคลียร์อะไรละก็ เบาเสียงหน่อยนะเว้ย ถึงไอ้กลอยจะเมา แต่ก็อาจได้ยิน อู้ว อ๊า”
“ไอ้สัดแทม รีบๆ ออกจากห้องกูไปเลย มึงด้วยไอ้ซัน หัวเราะกู”
“แต่นี่ก็ห้องกู”
“กูจะนอนกับไอ้เกรียน”
“ก็นอนด้วยกันนั่นแหละ”
“ให้ไอ้เกรียนนอนที่โซฟานี่แหละ”
“หวงผัวนี่หว่า”
“ยังไม่ออกจากห้องกูไปอีกไอ้เพื่อนเลว”
“เออๆ ไล่พวกกูอยู่ได้ อยากกินกันก็บอก พวกกูไม่ขวางหรอก แต่เบาๆ หน่อย ข้างห้องมีเด็ก”
“ไอ้เหี้ย!”
หลังจากบรรดาเพื่อนสนิทกลับไปกันหมด จอมก็แสร้งทำเป็นเก็บจานชามที่วางอยู่บนโต๊ะ แม้หางตาจะปรายมองคนรักที่เดินไปหาผ้า หาหมอนมารองคดแฟนเด็กของเพื่อนสนิทที่ฝากเอาไว้ก่อนไปเรียนต่อ
“ยังไม่หายโกรธกูเหรอ” น้ำเสียงนุ่มกระซิบชิดใบหู พร้อมกับอ้อมแขนที่โอบรัดเอว “หายโกรธกูได้หรือยัง”
“กูไม่ได้โกรธสักหน่อย” ปลายเสียงสะบัดแต่บอกไม่ได้โกรธ ซันขำออกมาเบาๆ ทำเอาคนในอ้อมกอดหน้างอ “กูจะล้างจาน”
“เดี๋ยวกูช่วย จะได้เสร็จไวๆ”
“ถ้าจะช่วยก็ไปยืนดีๆ”
“แล้วแบบนี้ไม่ดีตรงไหน”
ประโยคยียวนตีรวนจนคนปากร้ายเถียงไม่ออก ตอนนี้ซันช่วยล้างจานก็จริง แต่ก็ยืนซ้อนด้านหลังของจอม ดูแล้วจะเป็นการรบกวนมากกว่าช่วยเสียอีก
“เป็นหมาเหรอ กัดคอกูอยู่ได้” จะขยับหนีก็ไม่ได้เพราะถูกโอบรัดไว้ทั้งตัว
“ด่าผัวเป็นหมาเหรอ” เสียงทุ้มที่ทำให้จอมต้องย่นคอหนี
“เมาแล้วเสี้ยนเหรอมึง” ทำปากดีกลบเกลื่อนไปอย่างนั้นเอง
“เสี้ยนโคตร จานพวกนี้พรุ่งนี้ค่อยล้าง” พูดไม่ทันจบดี ก็ดึงร่างคนในอ้อมกอดเข้าห้องนอนพร้อมกับลงกลอนกันคนเมาด้านนอกเผลอเข้ามาขัดจังหวะ “พร้อมที่จะถูกกูง้อหรือยัง”
“พร้อม”
“มึงนี่นะ”
“ทำไม กูทำไม”
“ทำให้กูรักมากกว่าเมื่อวานอีก”
“ปากดี คืนนี้จัดมาหนักๆ กูชอบ”
“จัดไปครับ”
ท่ามกลางความดุเดือดของสงครามความรักภายในห้องนอน ด้านนอกมีคนเมากำลังดราม่าละเมอร้องไห้คิดถึงคนไกล มือไม้วาดไปในอากาศอย่างต้องการฝ่ามืออุ่น
...เมื่อไหร่ถึงจะกลับมาสักที
...TBC
สวัสดีเดือนเมษายนค่าาา ใกล้สงกรานต์แล้ว เพื่อนๆ คนไหนที่วางแผนจะเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ เมาไม่ขับ ง่วงแวะปั๊มนอน ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ >w< แล้วก็อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย โดยเฉพาะเพื่อนๆ ทางภาคเหนือที่กำลังเจอฝุ่น pm25 อย่าลืมใส่หน้ากากป้องกัน เพราะมันอันตรายจริงๆ
แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา ...
ปล. ที่จริงจะลงเมื่อวาน แต่เป็นวันโกหก กลัวลงไปแล้วจะโดนเล่นมุกแกล้ง เลยมาลงวันนี้แทน (หัวเราะทั้งน้ำตา)