วันที่ยี่สิบสาม
(ปันปัน)
น้องมาขอคืนพี่ไปแล้ว โล่งไปได้หน่อยล่ะ งานนี้ แต่งานก็ไปหนักที่ไอ้หนาวเหมือนเดิม เพราะนอกจากที่มันจะต้องวางแผนเตรียมงานให้น้องมาขอธงคืนแล้ว ยังต้องไปกัดกับพวกวิศวะเรื่องพาออกนอกสถานที่อีก
เพื่อนกูเลยไม่มีเวลามานั่งเล่นกับกูเลย
แต่นั่นมันก็ไม่เท่าไหร่ ชีวิตผมไม่ได้มีเพื่อนคนเดียวนี่ มันไม่อยู่ ผมก็ไปอยู่กับคนอื่นได้ ทอม กระเทย ตุ๊ด ดี้ เกย์ ผมอยู่ด้วยได้หมด ไม่มีปัญหา
แต่... ก็ดูจะมีปัญหามาให้ปวดกบาลเล็ก ๆ เหมือนกัน ช่วงนี้
“น้องปันปันครับ เย็นนี้ว่างไหมเอ่ย ไปดินเนอร์กับพี่นะครับ”ไอ้ผู้ชายหน้าสวย ตัวซวยที่มานั่งยิ้มหน้าแฉล้มอยู่ข้างผมทุกวันที่มันว่างนี่คืออะไร
ไม่ตลกนะโว้ย
“อย่าทำหน้านิ่ว คิ้วขมวดอย่างนั้นสิ ไม่รู้หรือไงว่ามันน่าหยิกขนาดไหน”เชี่ยยย กูหนาว กูสยอง เข้าใจกูหน่อยเหอะไอ้คุณคิตตี้
เพื่อนผมที่ปกติจะมานั่งด้วยนี่ หายเกลี้ยงครับ ไอ้พลอยที่อยู่นานสุดยังทนไม่ไหว หนีไปฮาแตกกันหมด ไอ้ตุ๊กตาหมี กุหลาบแดง แม่งมันไม่ได้เข้ากับผมสักนิดเลย
ไม่เลิกเอามาให้กูสักที ให้ตายเหอะ
ไอ้หนาวก็จะฆ่าผมละ โคตรพ่อโคตรแม่หมีที่เอาไปวางไว้ในห้องมัน ทำให้มันไม่มีที่จะนอน แล้วยังโยนสารพัดของไปกองไว้อีก
รู้น่า ว่ามันไม่ดี แต่จะให้เก็บไว้เองมันก็สยองฉิบ คิดดู ถ้าพวกคุณเอาตุ๊กตาเด็กน้อยไว้ในห้องนอน ลืมตาตื่นมาเจอมันยืนจ้องคุณอยู่ตรงหน้า จะรู้สึกยังไง?
ผมรู้สึกอย่างนั้นแหละ
ขืนเอาไปไว้ในห้องผม มีหวังได้ประสาทหลอนจนเข้าโรงบาลแน่
หืม... ไอ้หนาวน่ะเหรอ ปล่อยมันไปสิ เดี๋ยวมันก็จัดการของพวกนั้นเองแหละ ผมรู้ มันทำได้สบาย ห้องพี่ทิวยังว่างอยู่... มั้งนะ
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกมาวุ่นวายกับผมซะทีเนี่ย คุณคิส”ผมจ้องหน้าคนที่เข้ามาก่อนกวนในชีวิตผมอย่างหงุดหงิด ทุกวันนี้แม่ง โดนล้อชิบหายเลย เชี่ย
“ปันปันก็ตกลงเป็นแฟนพี่สิครับ”ผมเบ้ปากแล้วหันหน้าหนี เหอะ เพลียไอ้คุณคิตตี้นี่ชะมัด กูไม่ได้ชอบผู้ชาย ยังจะมาตื้ออยู่ได้
ที่สำคัญ... ต่อให้กูชอบผู้ชาย
กูก็ไม่เป็นรับโว๊ยยยยย
สลัดเป็ด ห่า
ไม่โง่ตกลงคบมึงหรอก สัด ยิ่งตามติดล่ะสิไม่ว่า
บ้าชะมัด
เบื่อโว้ยยยย
“พี่รอได้นะครับ ปันปันน้อย”ขนลุกชะมัด ปันปันน้อยเหี้ยอะไร เล็กจนโตไม่เคยมีใครเรียกผมแบบนี้เลยนะ “พี่มีประชุด เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะครับ”
ชายหนุ่มหน้าหวานขยิบตา แล้วส่งจูบให้ผม ก่อนจะหันหลังเดินฮัมเพลงไป อารมณ์ดีนักนะมึง
แม่ง จะทำยังไงให้มันเลิกตามตูดผมเป็นลูกไก่สักทีวะ (ลูกไก่ที่จ้องเสียบตูดด้วย แม่งงงง)
โยนเรื่องสยองหลายบรรทัดทิ้งไปก่อน เสาร์นี้มีชิงธงรอบแก้ตัวของน้อง ไม่รู้ว่าหนาวมันจะให้ทำอะไรเหมือนกันแหะ ไม่เห็นเรียกประชุมอะไรเลย
อยากรู้ต้องทำไง... ถามดิ ปากมีไว้พูดนี่หว่า
ผมเดิมไปหาไอ้หนาวที่ตึกเรียนของคณะ มันชอบนั่งเล่น นั่งทำงานอยู่แถวนั้นกับน้องหนูวรนุช ที่อื่นมีเยอะแยกไม่นั่ง นั่งแม่งที่นั่นแหละ
เดินหาคนที่ต้องการพบอยู่สักพัก ไม่นานก็เจอ หาไม่ยากหรอก ออร่าของเดือนคณะจับซะขนาดนั้น บวกกับรังสีความเป็นเฮดวินัยอีก
จะบอกว่าน่าเข้าใกล้ หรือน่าหลบไปให้พ้น ๆ ดีวะ
“เฮ้ย หนาว”ผมส่งเสียงทักแล้วเดินเข้าไปหา เคยไปแกล้งมัน โผล่ข้างหลัง โดนหมัดฮุก ปวดเบ้าตาไปหลายวัน เข็ดครับ เข็ด
“ไง ปันปัน”ลนหวานเงยหน้าจากกองงานขึ้นมามองผม ต้องส่งสัปดาห์หน้าทั้งนั้นเลยนี่หว่า รีบทำสัส “ไม่ต้องมามองด้วยสายตาแบบนั้น คิดว่ามีเวลาทำเยอะนักหรือไง”
“เออ ๆ”ผมยกมือยอมแพ้ จริงของมัน เวลาแทบจะไม่มี ไหนจะงาน ไหนจะแลป ไหนจะน้อง ไม่รีบทำ ๆ ให้เสร็จ ๆ ก็ได้ตาแพนด้าวันสุดท้าย ตามหลักของผมแน่ “แล้วมึงเอาไงวะ เรื่องชิงธงรอบแก้ตัว คิดไว้ยัง”
“คิดไว้แล้ว”หนาวมันกระตุกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนจะยักคิ้วให้ผมข้างนึง “เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้วด้วย”
“ต้องทำไรบ้างวะ”เหี้ยนี่ ทำไรไม่บอกกันสักอย่าง มันน่าเตะฉิบ อมพะนำไว้เพื่อ ? นั่น ๆ ยังมายิ้มขำ ๆ อีก “บอกมาเร็ว ๆ เด่ะ”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ”คำตอบกวนตีนฉิบหายเลยว่ะ ผมหรี่ตามองมันอย่างหงุดหงิด “พวกปี 1 ต้องเป็นคนทำ และมีคนอื่นมาตัดสินให้ ไม่ต้องห่วง”
“อะไรของมึงวะ”พูดไม่รู้เรื่อง แม่งคิดจะทำอะไรของมัน
ลมหนาวส่ายหน้าให้ผมน้อย ๆ แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ บ่งบอกว่ามันจะไม่บอกอะไรไปมากกว่านี้ ให้ผมรอดูวันจริงเอง
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”ไม่อยากซักไซ้มาก ผมรู้ว่าที่หนาวมันไม่บอกเพราะกลัวเรื่องจะรั่วไปเข้าหูพวกน้อง ๆ เหมือนที่ปีอื่น ๆ เคยมีมา
ถ้าคนรับจะรู้ก่อนทุกเรื่อง ไม่รู้จะทำและทุ่มเทไปเพื่ออะไร ให้เขามองว่าเป็นละครฉากนึงที่สร้างขึ้น เงียบ ๆ แล้วเดินตามไปเรื่อยก็ผ่านไปวัน ๆ
เหมือนอย่างที่ตอนท้ายของปีที่แล้ว ปีที่ทำให้เพื่อนของผมคนนี้เกือบหลั่งน้ำตาออกมา ทุกอย่างโถมเข้ามาใส่มันจนแทบจะแบกรับกันไม่ไหว โดยที่ตัวต้นเหตุยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ไม่เดือดร้อนอะไร มีแต่พวกเราที่ต้องดิ้นรนกันไป
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอกน่า ปีนี้ไม่มีทางซ้ำรอยหรอก”หนาวมันยิ้มออกมาบาง ๆ ดวงตาของมันยังฉายแววหม่นหมองอยู่น้อย ๆ “ฉันไม่ปล่อยให้มันเป็นอย่างปีที่แล้วหรอกน่า”
ใช่... พวกเราจะไม่มีทางปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนปีที่แล้ว
เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง
กับใครหลายคน เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยในสายตาของพวกเขา แต่กับคนที่ต้องแบกรับสถานการณ์นั้นเอาไว้โดยที่ยังไม่รู้อะไร
มันเป็นอะไรที่เลวร้าย และเพื่อนของผมคนนี้โดนมาแล้ว
นับตั้งแต่วันที่ผมถามไอ้ลมหนาวถึงเรื่องชิงธงรอบแก้ตัว จนวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอะไร แต่อีกเดี๋ยวก็คงได้รู้กันแล้ว มันใกล้ถึงเวลานัดเต็มที
แต่ทำไม ประธานคณะวิชาหลายคนถึงเดินไปเดินมาแถวนี้กันวะ
พวกน้องปี 1 ก็ทยอยกันมาเยอะแล้ว วันนี้พวกเรานัดกันที่สนามฟุตบอล ปีสูงทั้งหลายให้ขึ้นไปอยู่บนอัศจรรย์ ส่วนปีหนึ่งในรวมกันในสนาม
เท่าที่มอง ๆ ก็เหมือนจะมากันครบแล้วนะ ไม่เลว ๆ แต่ประเด็นคือ... ลมหนาวมันยังมาไม่ถึง แล้วพวกประธานทั้งหลายจะมายืนออกันที่ประตูทางเข้าอัศจรรย์ทำไมกันฟะ
“หนาวยังไม่มาอีกเหรอวะ”พลอยมันเดินมากระซิบถามผม โดนทิ้งนัทให้ยืนกอดอกข่มขู่น้อง ๆ อยู่ข้างบน ในตำแหน่งที่น้องแม่ง น่าจะเห็นชัดที่สุดละ
“ยัง แต่น่าจะใกล้แล้วล่ะมั้ง มันไม่เคยไม่ตรงต่อเวลา”เสียงที่ผมพูดไปมันไม่หนักแน่นอย่างเคน ใช่ ไอ้หนาวไม่เคยผิดเวลา มันมักจะมาก่อนใครตลอด
แต่นี่มันใกล้เวลาขึ้นทุกที ทำไมยังไม่มาอีกวะ เหี้ย!
“ขอบคุณที่มากันนะครับ”เสียงที่คุ้นเคยของคนที่พวกผมกำลังรอดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของเดือนคณะปีสาม ขวัญใจช่างภาพจะเดินเข้ามาพร้อมกับประธานคณะแพทยศาสตร์
อยากจะด่าที่มาโคตรช้า แต่ดูยังไงก็ไม่คุ้มกับการโดนพี่ทิวจวก ไม่ดี ไม่คุ้ม ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตน้อย ๆ แล้วทรัพย์สินที่ไม่ค่อยจะมี
ผมก็ว่าจะเอ่ยทักไอ้หนาวแหละ แต่เห็นใครอีกคนที่เดินตามเข้ามาพร้อมกับหน้าที่ยิ้มแย้มนั่นแล้ว อยากจะเปลียนเป็นขอส่งใบลาแทน
ไอ้คุณเหี้ยคิตตี้ จะมาทำซากหาอารายธรรมขอมโบราญอะไรแถวนี้ ตอนนี้ วันนี้ เวลานี้ วะ
“อ้าว พี่คิส ไปไงมาไงเนี่ย”ผมกับหนาวหันควับไปมองคนที่ทักไอ้คุณคิสอย่างงุนงง พี่ทิวรู้จักกับคนที่มาก่อกวนชีวิตผมคนนี้ด้วยเหรอ?
“มีธุระนิดหน่อยเลยมาน่า ไม่มีไรหรอก”พี่คิสแกบอกปัดไปยิ้ม ๆ โดยที่สายตาเหล่มาหาผม เหี้ย สยองเว้ย สายตาสื่อความนัยน์นั่นคือไรวะ
“มาจีบเด็กล่ะสิ พี่น่ะ”พี่ทิวพูดแบบรู้ทัน เออ พี่ จัดการมันเลย ให้มันรีบ ๆ กลับไปทำงานของมันเลยพี่ “วันนี้ไม่ทำงานหรือไงกันพี่”
“เคลียร์เรียบร้อยแล้วน่า คนอย่างคิสซะอย่าง”ไอ้คิสยักคิ้วให้พี่ทิวอย่างกวน ๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างรู้ทันไม่ต่างกัน “พี่ไม่ยุ่งกับเด็กมึงหรอก ไม่ต้องห่วง”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”พี่ทิวเขาหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปรวมกับพวกประธานคณะคนอื่น ๆ ส่วนลมหนาวเดินตรงออกไปหานัท
โดยไม่ลืมจะส่งสัญญาณให้พวกผมออกไปด้วยน่ะเออ เฮ้ย เพิ่งเห็นว่าไอ้พี่ว๊ากตัวแสบมันมาด้วย มาตั้งแต่ตอนไหนกันเนี่ย
“วันนี้มากี่คนครับ”คำถามเดิมที่รู้กัน แต่ไม่ใช่ลมหนาวเป็นคนถาม กลับเป็นไอ้พายุเป็นคนถาม มึงเกี่ยวอะไรกับคณะกูวะเนี่ย
“354 คนครับ/ค่ะ”วันนี้มาครบ ไม่มีใครขาดเว้ย หรือต้องนัดวันหยุดวะ ถึงมากันได้ครบ ปกติแม่งหนีหายกันสนุกฉิบเป๋งเลย
“วันนี้มารวมกันเพื่อทำอะไร รู้กันอยู่แล้วใช่ไหมครับ”หนาวกวาดตามองไปที่น้องในสนาม ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นน้อย ๆ แล้วพูดต่อ “มันเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกคุณแล้ว ผมหวังว่าพวกคุณจะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุดนะครับ”
“ครับ/ค่ะ”สีหน้าของเด็กปีหนึ่งเริ่มเครียดเกร็ง แน่สิ ก็หนาวมันเล่นเน้นคำว่า ‘โอกาสสุดท้าย’ เสียงเข้มขนาดนั้น บ่งบอกความเอาจริงเต็มที่
“การชิงธงรอบแก้ตัวของพวกคุณในวันนี้...”หนาวมันเว้นจังหวะให้รู้สึกลุ้นระทึกกันไป มึง ไม่ใช่แค่น้องลุ้น กูก็ลุ้นนะโว้ย “โจทย์สั้น ๆ คือ พวกคุณจะทำอะไรก็ได้ ให้กรรมการทุกคนซึ่งเป็นตัวแทนมาจากทุกคณะวิชายอมรับด้วยเสียงข้างมาก”
พวกประธานทั้งสิบสองคณะวิชาเดินออกมายืนอวดโฉมกันบนแท่นเหมือนมีสปอร์ตไลท์ส่องประกายระยิบระยับ (โอเวอร์ไป) แต่ละคนวางภูมิกันเต็มที่ ถึงจะไม่ได้อยุ่ในชุดนักศึกษาก็เถอะ
โจทย์โหดสัสเหมือนกันนะเนี่ย ก็เล่นให้ทุกคนยอมรับให้ได้ เป็นกูยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง ยิ่งทุกคนที่ว่านี่เป็นถึงประธานของแต่ละคณะวิชาด้วย
สู้เขาละกัน น้องเอ๋ย
“พวกคุณมีเวลาถึงสี่โมงเย็นคิดว่าจะทำอะไร เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผมและประธานคณะผูตัดสินทุกคนจะมารวมตัวกันที่นี่อีกครั้ง เข้าใจตรงกันนะครับ”
“ครับ/ค่ะ”เป็นน้องได้แต่ตอบรับ ห้ามปฏิเสธ ทำใจหนัก ๆ กับโจทย์โหด ๆ ต่อไปนะหนูน้อยทั้งหลาย
พวกผมทั้งหมดเดินกลับเข้าไปใต้อัศจรรย์ ดีที่วันนี้แดดไม่ร้อนเท่าไหร่ ปดติถึงจะเป็นแปดโมงเช้า แต่แดดของราชอาณาจักรสยามไม่เคยแคร์ใครอย่างที่รู้กัน
“ถ้าแบบนี้ ก็ว่างจนถึงสี่โมงเย็นใช่ไหม น้องหนาว”อยู่ ๆ ไอ้คุณคิตตี้ก็ถามขึ้น ผมแม่งเสียงสันหลังพิกล ๆ “น้องปันปัน ไปเที่ยวกับพี่นะครับ”
“ไม่!”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ดีที่คนไปกันเกือบจะหมดแล้ว เหลือกันแต่พวกเราเอง งั้นผมจะซัดหน้าสวย ๆ ตรงหน้าให้หงายไปเลย
“ก็ไม่มีอะไรต้องทำนี่ปัน ไปเที่ยวฟรีก็ไม่เสียหายอะไร”พลอยเอาศอกมายันผมเบา ๆ อย่างหยอก ๆ “ไปเหอะ ดีกว่าอยู่ว่าง ๆ น่า”
“ไม่”ผมยังยืนยันคำเดิม เรื่องอะไรจะไป อยู่กับคนแบบนั้นปวดหัวตายห่า ไม่มีทางเด็ด ๆ
“ไปเที่ยวผ่อนคลายสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรไม่ใช่เหรอ ปันปัน”คราวนี้เป็นพี่ทิวพูด ตาดวงตานั่นมันอะไร ข่มขู่ ไล่ให้ไป หรืออะไรวะ
ส่วนคุณเพื่อนที่น่ารัก มึงคิดจะช่วยกูสักหน่อยไหม ยืนกลั้วหัวเราอยู่นั่นแหละ แล้วมึง ไอ้ว๊ากวิศวะ หัวเราะให้มันน้อย ๆ หน่อยเหอะ
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบปฏิเสธไปอีกรอบ พรรคพวกที่รักยิ่งของผม ก็พากันยันผมให้กับไอ้คุณคิส แล้วโบกมือมาให้กันอย่างเริงร่า
ส่วนคนที่ลากผมไปเที่ยวน่ะนะ ยิ้มกว้าง แล้วโบกมือกลับให้อย่างรื่นเริงไม่ต่างกัน
ให้ตายเหอะ ช่วงนี้ดวงโคตรตกต่ำเลย บัดสบที่สุด
สุดท้ายผมก็โดนลากมาเที่ยวจนได้ จริง จะต่อยสักสามสี่หมัดแล้วกลับไปนอนก็ได้ ถ้าไม่ติดว่ามีข้อความจากใครคนนึงส่งมา...
ต้องบอกไหมว่าใคร? ที่ใหญ่พอที่จะมาข่มขู่ผมได้? ไม่ผิดหรอก พี่ทิวนั่นแหละ
จริง ๆ เขาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนักหรอก ก็เป็นลูกผู้มีอิทธิพลธรรมดา แต่สายตาสังหารกับคำสวดที่เฉ่งได้ทั้งวันทั้งคืนนั่นน่ะ ไม่ธรรมดา
โดนต่อยก็แค่เจ็บ แต่โดนสวนนี่ นอกชาหูจะชา ตาจะง่วงแล้ว ไอ้คำทั้งหลายทั้งมวลที่ก้องในหัวก็ ฮึยยย ไม่ไหวหรอก นอนไม่หลับไปหลายคืนเลย
ยอมแพ้โดยดุษฎี
ผมโดนคุณคิสลากไปไหนมาไหนตั้งแต่เช้ายันบ่าย กว่าจะได้กลับมามหาลัย คือเข้าใจกันใช่ป่ะว่าผมเป็นผู้ชาย มันก็เป็นผู้ชาย จะไปเดินห้างเลือกเสื้อผ้ามันก็ใช่ที่ ไปนั่งสวนสาธารณะก็อุบาทว์ลูกตาชาวบ้าน จะให้ไปกินอาหารในภัตตาคารหรู ๆ ก็สยึมกึ๋ย
คนที่เห็นฝันร้ายตายห่า
กลับมาถึงใต้อัศจรรย์ที่ห้องรับรอง ผมเห็นพี่ทิว ไอ้หลาว ไอ้พายุ แล้วก็ใครอีกคนนึงนั่งกินขนม ดื่มน้ำอะไรสักอย่างกันอยู่ (ไม่ใช่น้ำชาแน่นอน หนาวมันไม่กินน้ำชา ยกเว้นชานมเย็น) อีกคนนั่นน่าจะเป็นน้องฟางข้าวที่หนาวเคยเล่าให้ฟังมั้ง นั่งข้างพี่ทิวด้วยนิ
“กลับมาแล้วสิมึง”ไอ้พลอยเดินเข้ามาทางข้างหลัง มือมันตะปบเข้าที่เอวที่ไม่ค่อยจะมีของผม “เป็นไง โดนมายัง เจ็บมะ ยังดูเดินสบาย ๆ อยู่เลยนิ”
“คิดไรของมึง กูไม่ได้ไปม่านรูดนะเว้ย”ผมดึงมือเพื่อนสาวที่ห้าวเดินหญิงออก แล้วหันไปผลักหัวแรง ๆ ไอ้ทอมงี่เง่านี่ “กูกับเขาไม่ได้เป็นไรกันสักหน่อย”
“เหรอออ เห็นเขาตามตื้อมาจะเป็นเดือนละ ไม่สนใจหน่อยหรือไงวะ”นัทที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจ เดินเข้ามาถามมั่ง “ใจอ่อนแล้วยอม ๆ ไปเหอะ เขาก็ดูเป็นคนดีนะ”
“กูไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย ยอมห่าไร”ผมแยกเขี้ยวใส่พวกมันสองคนแล้วเดินเข้าไปในห้องรับรอง “จะถึงเวลาแล้วนิ หนาว เอาไงต่อ”
“เตรียมขึ้นไปข้างบนได้แล้วล่ะ คนที่เหลือก็ทยอยกันมาแล้ว เดี๋ยวพวกเราขึ้นไปแสตนด์บายกันก่อนเลย”หนาวมันหยิบคุกกี้บนโต๊ะเข้าปากอีกชิ้นแล้วลุกขึ้นยืน
“คุณจะขึ้นไปเลยใช่ไหม”พายุมันเงยหน้าขึ้นมาคุยกับหนาว ไอ้หนาวไม่ตอบอะไร แต่พยักหน้ารับให้เป็นอันรู้กัน “งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปเลย”
“คุณนั่งรออยู่ในนี้ก่อนก็ได้ ไว้ค่อยขึ้นไปพร้อมพี่ทิว”เฮ้ ๆ พูดด้วยความเป็นห่วงหรือไม่อยากเห็นหน้ากันวะนั่น หน้าเพื่อนผมนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ นิ่งสนิท “ข้างบนมันไม่ได้เย็นเหมือนข้างล่างนี่หรอกนะครับ”
“เรื่องทนแดด ทนฝน วิศวะเราเชี่ยวชาญกว่าคนที่อยู่แต่ในห้องแลปอย่างพวกคุณเยอะ”พายุมันยิ้มยียวนให้กับเฮดวินัยของพวกผม แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “ให้นั่งอยู่เฉย ๆ แบบนี้มันใช่วิสัยของพวกเราซะที่ไหนกัน”
“ต้องใช้แรงงานกลางแดดสินะ ถึงเป็นพวกคุณน่ะ”ไอ้หนาวแขวะกลับอย่างไม่คิดจะยอมแพ้ สู้ สู้เขาเลยมึง อย่าให้มันได้ใจฝ่ายเดียวนะเว้ย
“ถึงสมเป็นชายแท้ไงครับ คุณ”แม่ง มีขยิบตาให้ด้วย สีหน้าของไอ้หนาวเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเล็กน้อย ทำเพื่อนกูอารมณ์เสียจนได้
“อย่าเถียงกันสิ”เสียงดุ ๆ ของพี่ทิวไผ่ขัดขึ้นก่อนจะเกิดสงครามขึ้นมา “อายคนอื่นเขาบ้าง เถียงอะไรกันเป็นเด็กอยู่ได้”
เอ่อ... ในนี้มีแต่พวกเรา ให้อายใครวะครับ คุณทิวไผ่ที่เคารพรัก
“อย่าไปใส่ในเลยนะพี่คิส สองคนนี้ก็ทะเลาะกันแบบนี้ล่ะ”อ่าว เฮ้ย ยังไม่กลับไปหลุมตัวเองอีกเหรอวะ เชี่ยนี่
“วิศวะกับเทคนิคก็แบบนี้ ตอนรุ่นที่พี่เรียนอยู่ยิ่งกว่านี้อีก มองหน้ากันก็จะซัดกันแล้ว พี่ชินแล้วล่ะ”คุณคิตตี้ตอบกลับพร้อมหัวเราะออกมาเบา ๆ “เป็นสีสันดีออก”
“อีกสักพักจพกลายเป็นสีเลือดเอาน่ะสิครับ เฮ้อ”ประธานคณะแพทย์ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างระอาใจ “เอ้า ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก”
“ครับ”องคนนั้นตอบรับพร้อมกัน แล้วเดินออกจากห้องรับรองขึ้นไปข้างบนทันที ส่วนผม ไม่ต้องถาม รีบขึ้นตามไปอยู่แล้ว ไม่อยู่กับตัวที่ลากไก่ลงไปกินในถามแถวนี้แค่สองคนหรอก
แค่นี้ก็หนาวไปทั้งตัวและหัวใจละ
สี่โมงพอดีเป๊ะ ทุกคนมาครบทั้งพี่และน้อง คนมากันเต็มอัศจรรย์ ไม่รู้ว่ามาจากไหนกันเยอะแยก ที่มอง ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นคณะเทคนิคการแพทย์ของเรานี่ล่ะ แต่ก็มีคณะอื่นขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน
หนาวกับพายุเดินไปบนแท่นปะรำ ที่ไม่รู้เอามาตั้งกันตอนไหน ใครใช้ให้พวกมันยืนด้วยกันวะ เดือนกับเดือน ออร่ากระจาย ดับกันเป็นแถบ ไม่เห็นใจคนหน้าคมตัวดำอย่างกูบ้างเลย ไอ้พวกคนขาว
ว่าแต่มันญาติดีกันถึงขนาดไปยืนคู่กันได้แล้วเหรอวะ? หรือใครชักนำ?
“หวังว่าจะพร้อมกันแล้วนะครับ”กวาดตามองตามฉบับนั่นล่ะ ผมมองลงไปในสนาม น้องนั่งกันอยู่ครบ แล้วมีอุปกรณ์อะไรกันมาด้วย
ไวใช่ย่อยนี่ เวลาน้อยนิด แต่จะทำออกมาในรูปแบบที่มีอุปกรณ์ช่วย กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไง
“ถ้าพวกคุณพร้อมแล้ว ก็เชิญ”พายุมันผายมือเชิงให้น้อง ๆ เริ่ม มึงมาเสือกอะไรคณะกูนักหนาวะ เหี้ยนี่ ไม่ใช่แค่ผมเหล่มัน แต่พวกเราทุกคนยกเว้นไอ้หนาวเหล่มันหมด
เสือกจริงนะมึงน่ะ
เสียงกลองรัวดังขึ้น ก่อนที่น้องจะกระจายเป็นกลุ่ม ๆ นับรวม ๆ แล้วได้สิบสองกลุ่มพอดี คิดจะเลียนแบบแปลอักษรพวกวิศวะคราวที่แล้วหรือไง
เสียงกลองหยุดลงพร้อม ๆ กับที่พวกน้องมันนั่งย่อลงไป ทุกอย่างเงียบไปอึดใจ ก่อนที่เสียงกลองจะดังขึ้นอีกครั้ง พน้องมันลุกขึ้นพร้อมกับร้องเพลงบูมประจำมหาวิทยาลัยประสานกันก้อง
หลังจากจบเพลงบูมของมหาลัยแล้วน้องนั่งหมดก็นั่งย่อลงไปอีกครั้งนึง ลุก ๆ นั่ง ๆ ปวดขากันตายห่า
ตึง ตึง
น้องกลุ่มนึงเด้งตัวลุกขึ้น
ตึง ตึง
พวกมันกางป้ายไวนิลออก เป็นตราประจำคณะแพทยศาสตร์
ตึง ตึง
เสียงเพลงบูมประจำคณะแพทย์ดังขึ้นจากในสนาม ผมแอบเห็นไอ้หนาวมันเบิกตาขึ้นนิด ๆ ส่วนพี่ทิวไผ่นี่ ปรบมือออกมาเบา ๆ เลยทีเดียว
ทุกอย่างมันวนลูปไปอยู่แบบนี้ พอร้องเพลงบูมคณะนึงจบ น้องมันก็ย่อลงไป โดยที่ยังกางไวนิลนั่นอยู่ แล้วอีกกลุ่มก็จะยืนขึ้นกางป้ายไวนิลโดเรียงจาก แพทย์ เภสัช ศิลปะศาสตร์ นิเทศ ถาปัตย์ มนุษย์ ครุ นิติ บริหาร กายภาพ วิศวะ และเมดเทคปิดท้าย ก่อนจะร่วมกันร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัย
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”เสียงยังคงไม่ตก นั่น กูเห็นไอ้หนาวมันยกยิ้ม ตามันก็ประกายความพึงพอใจ เป็นกู กูก็พอใจวะ ทำได้ไม่เลวกันเลย เวลาเท่านี้ แต่ทำได้ดีไม่น้อย
ไม่เด่ะ ทำได้ดีเลยต่างหาก
พวกปีหนึ่งมาเรียงแถวตอนกันอีกครั้ง หลังจากจบการแสดงไป เหงื่อไหลซึมกันออกมาเป็นแถว กลางสนามในเวลาเย็น ก็ร้อนไม่น้อยหรอก ผมเคยยืนแบบนี้เหมือนกันตอนปีหนึ่ง
บอกเลยว่า... ร้อนเหี้ย
หนาวมันเดินขึ้นปะรำไปอีกรอบแล้ว คราวนี้ฉายเดี่ยว ไอ้พายุไม่ตามขึ้นไปเสือกด้วย ผมเหล่ไปมองกาฝากที่เกาะติดมาแต่เช้า ที่นั่งยิ้มอยู่ข้างหลังผม แม่ง เมื่อไหร่จะไปสักทีวะ
“พยาบาล ดูแลเพื่อนคุณด้วยครับ”ลุ้นกันชิบหายแล้วน้อง ๆ น่ะ มึงรีบ ๆ เข้าประเด็นเลยเหอะ กูลุ้นเหมือนกัน “การตัดสินว่าพวกคุณจะได้ธง หรือไม่ได้ธงคณะไป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม หลังจากนี้ตัวแทนของแต่ละคณะวิชาจะมาประกาศผลกันเอง ผลที่ออกมาจะเป็นกลางที่สุด ผมหวังว่าจะไม่มีประเด็นอะไรที่ออกมาให้พวกผมต้องข้อครหานะครับ
ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีการเตี๊ยมหรือคิดจะกลั่นแกล้งใด ๆ หากพวกคุณไม่ได้ธงคณะไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวพวกคุณ และการตัดสินใจของคณะกรรมการนะครับ”
“ครับ/ค่ะ”
เอาแล้วเว้ย งานนี้จะได้ไม่ได้วะ หนาวแม่งเล่นยืมมือทุกคณะมาแบบนี้ มันโหดสัสมาก กะว่าถ้าน้องแม่งไม่เต็มที่ จะเอาให้อายไปทุกคณะเลยสินะ
อะไรไม่รู้ แต่ตอนนี้กูลุ้นฉิบหายเลยโว้ยยยยย
“ลุ้นเหงื่อตกเลยนะครับ น้องปันปัน มา พี่เช็ดหน้าให้นะครับ”
“ไม่ต้อง!”สัด ไอ้ลูกแมวเวร ไปนั่งที่มึงเลย กูหมดอารมณ์ลุ้นเลยแม่ง
ใครก็ได้เอาไอ้คิตตี้ไปเก็บในถังขยะติดเชื้ออันตรายทีเหอะ!!
กราบ!
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เอาพี่เสี่ยงกับน้องปันมาเสิร์ฟแล้วค้า 5555
เขียนเอง หนาวเอง
เอาเป็นว่า... สุขสันต์วันสงกรานต์ สุขสันต์วันปีใหม่ไทยนะคะ ทุกคน ไม่มีตอนพิเศษจะมอบให้ แต่มีตอนหลักมาต่อให้นะคะ แหะๆ
//หนีไปปั่นต่อ พยายามทำสต็อกตอน จะได้อัพไวๆกับเขาบ้างอยู่ค้า