[เรื่องสั้นมาก] kyoudai no kizuna สายสัมพันธ์สองพี่น้อง 2 (Shonen) 28/4/2560
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นมาก] kyoudai no kizuna สายสัมพันธ์สองพี่น้อง 2 (Shonen) 28/4/2560  (อ่าน 1417 ครั้ง)

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************



มาลงเรื่องสั้นเรื่องใหม่ค่ะ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องค่ะ
อ๊ะๆ แต่เป็นพี่สาวกับน้องชายนะคะ
ไม่ต้องห่วงค่ะ ยังไงเรื่องนี้ก็แนวชาย*ชายอยู่แล้ว
แต่อยากเน้นเรื่องความรักที่พี่สาวมีให้น้องชายค่ะ ความรักที่บริสุทธิ์ และไม่หวังสิ่งตอบแทนค่ะ
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ



คนซ้าย พี่ยู นากามารุ ยูอิจิ
คนขวา โทโมะ ยามาชิตะ โทโมฮิสะ
ส่วนตัวนิจินั้นคือเราเอง กร้ากกกก
แต่งสนองนีทตัวเองอีกเรื่องค่ะ 555


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2017 16:58:04 โดย lovejinjunno »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อย่าลืมลงกฎเล้าด้วยนาจา  :pig2:

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อย่าลืมลงกฎเล้าด้วยนาจา  :pig2:
ขอบใจจ้า อยู่ว่าล่ะ เหมือนลืมอะไรไป 55

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

โทโมะจัง


พี่ยูหรือตายูค่ะ


-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
                “ไง  โทโมะจัง  เดี๋ยวนี้อารมณ์ดีจังนะ  มีเรื่องอะไรดีๆหรือเปล่าเนี่ย  หืม”  ฉันถามน้องชายขึ้นในเช้าวันหนึ่ง  เมื่อสังเกตได้ว่า  ช่วงนี้เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  ดูสิ  ฮัมเพลงแต่เช้าเชียว
                “อ๋อ  ก็...นิดหน่อยฮะ”  โทโมะจังตอบด้วยท่าทางเขินๆ  ใบหน้านวลสีน้ำผึ้งระเรื่อขึ้น  น่าเอ็นดูจริงเชียว  น้องใครเนี่ย  หึหึ  ฉันคิดพลางอมยิ้มออกมา
                “เหรอจ๊ะ”  ฉันถามแล้วส่งสายตาล้อเลียนไปให้อีกฝ่าย  สงสัยฉันคงเป็นพี่สาวประเภทเห่อน้องชายตัวเองแน่ๆ  ถึงได้เห็นว่าน้องชายตัวเองนี่ช่างน่ารักเสียจริงๆ  โดยเฉพาะเวลาเขินเนี่ย  เห็นแล้วอยากจับฟัดจริงๆ
                “พี่อ่ะ  อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นนสิฮะ”  ดูสิ  เขินใหญ่แล้ว  ฮ่าฮ่าฮ่า  น่ารักจริง
                “อ่ะ  โอเค  พี่ไม่ล้อแล้ว  ป่ะไปเรียนได้แล้ว  ประเดี๋ยวจะไปสายเอา”  ฉันเลิกแหย่น้อง  เช้านี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกัน  ตอนเย็นค่อยแหย่ต่อ  หึหึ  น้องชายหน้าหวานแบบนี้มีไว้เป็นอาหารตาให้กับพี่สาวอย่างเรา  ได้แหย่น้องชายเล่นก่อนไปเรียนนี่ช่างเป็นการเริ่มต้นวันที่สดชื่นดีจริงๆ
                “ฮะ  งั้นผมไปล่ะ”
                “จ้า  เลิกเรียนแล้วตรงกลับบ้านเลยนะ”  ฉันร้องบอกโทโมะ
                “เอ่อ  แต่พี่ฮะ  เย็นนี้ผม...”  โทโมะชะงักอยู่กับที่ทันที  แล้วค่อยๆหันหลังกลับมาช้าๆ  ด้วยท่าทางไม่มั่นใจ
                “เห~?  มีเดทหรอกเหรอเนี่ย”  ฉันถามพลางทำหน้าประหลาดใจ  มีโอกาสแกล้งน้องอีกแล้วสิเนี่ย  เช้านี้สงสัยยังอีกยาวไกล(สินะ)
                “อ่ะ  เอ่อ  ฮะ”  อีกฝ่ายตอบด้วยท่าทางกระดากอาย  มันช่างน่ารักในสายตาพี่สาวคนนี้จริงๆ  แต่ก็ไม่อยากให้น้องชายไปเรียนสาย  ก็เลยต้องยอมปล่อยตัวให้ไปเรียนแต่โดยดี  หากก็ยังแอบเสียดายอยู่นิดๆ
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
                ณ  โรงเรียนมัธยมกรีนการ์เด้น
                “นี่พี่ยู  สงสัยโทโมะจังต้องมีแฟนแล้วแน่ๆเลยอ่ะ”  ฉันเอาเรื่องของน้องชายสุดรักสุดสวาทมาปรึกษาคนรักที่เรียนอยู่ที่เดียวกัน
                “เห?  โทโมะจังเนี่ยนะ  มีแฟนแล้ว  พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย”  อีกฝ่ายถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อ  หึหึ  คงรู้สึกเหมือนฉันแน่ๆเลย  ที่คิดว่าโทโมะจังยังเด็กอยู่
                “อ่าว  ทำไมล่ะ  แล้วนิจิจะโกหกให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะเนี่ย”  ฉันแกล้งถามอีกฝ่าย
                “ก็  พี่ยังรู้สึกว่าโทโมะจังเขายังเด็กอยู่เท่านั้นล่ะ”  ฮ่าฮ่าฮ่า  นั่นปะไร  คิดเหมือนกันจริงๆด้วยสินะ  อืม  จะว่าไป  พี่ยูจะคิดแบบนั้นมันก็ไม่แปลกอะไรนักหรอก  เพราะว่าฉันกับโทโมะจังน่ะ  เจอพี่ยูพร้อมกันน่ะสิ  แล้วตอนนั้นโทโมะจังก็ยังอยู่ชั้นประถม  6  อยู่เลย  ส่วนฉันอยู่มัธยมต้นปีที่  2  พี่ยูอยู่มัธยมต้นปีที่  3  ตอนนี้โทโมะจังก็อายุเท่าพี่ยูตอนนั้นแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้น  ฉันก็ยังเห็นว่าโทโมะจังยังเด็กอยู่อยู่ดีนั่นแหละ
                “นิจิก็คิดว่าโทโมะจังยังเด็กอยู่เหมือนกันแหละ  แต่ถ้าจะคิดให้ดีแล้วเนี่ย  ปีนี้โทโมะจังอายุ  15  แล้วนะ  แต่เอ๊ะ  ยังไงก็ยังเด็กอยู่จริงๆนั่นแหละ  แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...นะ  ความรักช่วงนี้ก็คงจะเป็นแบบรักแรกอะไรแบบนั้นล่ะ  รักในวัยเรียนน่ะ  คงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงหรอกเนอะ”  ฉันคิดเองเออเองสรุปเองเสร็จสรรพ  เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าที่จะปรึกษาคนข้างๆ
                “อืม  พี่ก็ว่าอย่างนั้นนะ  พวกเราก็แค่คอยดูแลอยู่ห่างๆก็พอแล้วล่ะ  ว่าแต่  เคยเห็นหน้าเด็กคนนั้นหรือยังล่ะ”  พี่ยูถาม
                “ไม่เคยหรอก  ไว้เย็นนี้จะบอกให้โทโมะจังพาตัวมาแนะนำให้รู้จักซะหน่อย  อยากรู้จังว่าจะหน้าตาน่ารักขนาดไหนนะ  จะน่ารักกว่าโทโมะจังไหมเนี่ย”  ฉันว่าพลางทำหน้าครุ่นคิด
                “ฮ่าฮ่าฮ่า  ยังเป็นพี่ที่เห่อน้องไม่เปลี่ยนเลยแฮะ”  พี่ยูหัวเราะพลางขยี้ผมของฉันอย่างหมั่นเขี้ยว
                “โอ๊ย  พี่ยู  ทรงผมนิจิเสียทรงหมดแล้วเนี่ย  ชิชิชิ”  ฉันเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง  บังอาจมาแตะต้องทรงผมของฉันได้ยังไงเนี่ย  ยิ่งจัดทรงยากๆอยู่ข้าง  เฮ้อ  ขี้แกล้งจริงๆเชียว นิสัยเหมือนใครก็ไม่รู้  ชิ
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
 
                ที่บ้าน
                “พี่ยูขอบคุณนะคะที่มาส่ง”  ฉันกล่าวขอบคุณที่พี่ยูมาส่งถึงบ้าน
                “จ้า  งั้นพี่ไปนะ”  พี่ยูเอ่ยลา  แต่ฉันก็เรียกรั้งไว้เสียก่อน  แล้วบอกอีกฝ่ายไปว่า  “กลับบ้านดีๆนะ  เดินระวังๆด้วย  อย่าเดินตกท่อล่ะพี่  ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่”  ฉันแกล้งแซวพี่ยูเล่น  ก็จริงนี่นา  พี่ยูน่ะ  ซุ่มซ่ามตัวยงเลยเชียวล่ะ
                “จ้า~”  พี่ยูหันกลับมาบอก  แต่ก็ยังไม่วายแอบส่งสายตาเคืองๆมาให้ฉันได้แอบขำก่อนกลับไป
                เมื่อพี่ยูเดินไปแล้ว  ฉันก็ตรงเข้าบ้าน  เฮ้อ  เหงาจัง  โทโมะจังยังไม่กลับเลยแฮะ  วันนี้จะกลับมากินข้าวเย็นไหมเนี่ย  แต่แหม  มีเดทแบบนี้คงกินจากข้างนอกมาเรียบร้อยแล้วล่ะสิ  แต่เอาเถอะ  จะทำเผื่อแล้วกัน  กันเหนียว  ว่าแล้วฉันก็เดินไปเก็บกระเป๋า  อาบน้ำเสร็จจึงลงมาทำอาหารเย็นกินโดยไม่ลืมที่ทำเผื่อน้องชายด้วย
 
                “กลับมาแล้วคร้าบบบบบบบบบบบบ”  ฮ้า  กลับมาแล้วสินะเจ้าน้องชาย  แหม  ดูสิ  เสียงสดใสมาเชียวนะ
                “กลับมาแล้วหรอจ๊ะ  แล้วกินอะไรมาหรือยังละ”  ถามไปอย่างนั้นเองแหละ  ที่จริงก็รู้อยู่หรอก  ไปเดทก็ต้องกินกลับมาแล้วทั้งนั้นล่ะ
                “ยังฮะ  พี่ฮะเย็นนี้มีอะไรกินบ้างฮะ”  เห?  ยังไม่ได้กินอีกหรอเนี่ย  ฉันได้แต่มองตามน้องชายที่เดินเข้าไปในครัว  และฉันก็เดินตามเข้าไปอีกคน  เห็นโทโมะจังกำลังเปิดๆปิดๆหม้อเพื่อดูว่ามีอะไรให้กินบ้าง
                “แล้วทำไมไม่กินจากข้างนอกมาเลยล่ะ  นี่ถ้าพี่ไม่ได้ทำเผื่อเราจะทำยังไงเนี่ยหืม”  ฉันถาม  ไม่ได้ประชดหรอกนะ  แต่ก็จริงนี่นา  ถ้าไม่ได้กินมา  แล้วฉันไม่ได้ทำเผื่อจะทำยังไงกันล่ะ  ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องทอดแค่ไข่ดาวให้กินแน่ๆ
                “ก็...อยากกลับมากินข้าวกับพี่มากกว่านี่นา”  ฉันได้ฟังก็อมยิ้ม  หึหึ  จะกลับมากินข้าวพร้อมฉันนี่นะ  น่ารักไปไหมเนี่ย
                “อ่ะ  เอาล่ะ  เอาล่ะ  รีบกินแล้วจะได้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  พี่มีอะไรจะคุยด้วยหน่อยน่ะจ่ะ”  ฉันเร่งน้องชาย
                เมื่อโทโมะกินข้าวเสร็จก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  ระหว่างนั้นฉันก็จัดการเก็บล้างถ้วยชามให้โทโมะ  แล้วจึงมานั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์  สักพักจึงได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดมา  ไม่ต้องหันหน้าไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร  จากนั้นจึงรู้สึกถึงน้ำหนักที่ทิ้งตัวลงมาที่โซฟาตัวเดียวกัน  ฉันจึงหันไปมองโทโมะเพื่อที่จะพูดในสิ่งที่อยากพูด เป็นต้องขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาทันที
                “นี่โทโมะ  สระผมมาใช่ไหมเนี่ย  แล้วทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งล่ะ  ดูสิผมยังเปียกอยู่เลยเนี่ย”  ฉันถามออกไปด้วยความเป็นห่วง  ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาน่ะสิ  จริงๆเลย  น้องคนนี้นี่  ชอบทำให้เป็นห่วงเรื่อยเลย  ฉันคิดขณะเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อเอาผ้าขนหนูลงมาเช็ดผมให้น้อง  โดยไม่รอให้อีกฝ่ายกล่าวอะไร  หยิบเสร็จแล้วจึงรีบเดินลงมาที่ข้างล่างทันที
                “ขอบคุณฮะพี่”  โทโมะว่าเสียงใสพลางยิ้มสดชื่นมาให้  ทำให้ฉันอดที่จะคลายจากอารมณ์เสียไม่ได้
                “เฮ้อ  จริงๆเลยน้องคนนี้นี่”  ฉันพูดพลางถอนใจเฮือกใหญ่
                “ว่าแต่  พี่มีอะไรจะพูดกับผมหรอฮะ”  เออ  นั่นสินะ  ถ้าโทโมะไม่ถามฉันคงลืมไปแล้วนะเนี่ย
                “โทโมะ  ตอบพี่ตามตรงนะ  เราน่ะ  มีแฟนแล้วใช่ไหม”  ฉันพูดน้ำเสียงจริงจัง  ซึ่งแตกต่างจากเมื่อครู่นี้พอสมควร  มองสบตาน้องชายเพื่อรอคำตอบ
                “เอ่อ  ฮะ”  ฉันมองเห็นแววตาที่ประหม่าของโทโมะ  นี่คงรักเขาเข้าจริงๆสินะ  น้องฉัน
                “แล้วเด็กคนนั้นน่ะ  ชื่อเสียงเรียงนามอะไรล่ะ”  ฉันถามพลางอมยิ้ม
                “เอ่อ  คือ  ชื่อ  ทางุจิ  จุนโนะสุเกะฮะ”  ทำไมโทโมะพูดออกมาเหมือนไม่มั่นใจเลย  มีอะไรหรือเปล่านะ  เหมือนกับไม่ค่อยอยากให้ฉันรู้จักเด็กคนนั้นเลยแฮะ  ก็แค่เด็กที่ชื่อทางุจิ  จุนโนะสุเกะเท่านั้นเองนี่นา  แต่...เอ๊ะ  ทางุจิ...จุนโนะสุเกะงั้นหรอ
                “ชื่อจุนโนะสุเกะงั้นหรอ  งั้นก็ต้องเป็นเด็กผู้ชายน่ะสิโทโมะ”  ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเครียดออกมาโดยไม่รู้ตัว  แต่จากท่าทางของโทโมะแล้วฉันก็คิดว่าตัวเองคงพูดด้วยเสียงน่ากลัวออกไปแน่ๆ  แต่ก็ทำได้แค่รอฟังคำตอบที่ฉันเองก็พอที่จะรู้แล้วจากอีกฝ่าย
                “เอ่อ  ฮะ  เอ่อ  พี่  เอ่อ  “  โทโมะพูดติดขัดจนฉันนึกสงสารขึ้นมา
                “เฮ้อ  ไม่เห็นต้องกลุ้มใจขนาดนั้นเลยนี่นา  พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”  ฉันพูดกับโทโมะแล้วยิ้มออกมาให้อีกฝ่ายได้สบายใจ
                “เอ่อ  พี่ไม่ว่าอะไรหรอฮะที่   ผม  เอ่อ”
                “จ้า  แล้วพี่จะว่าอะไรได้ล่ะ  หืม  เรามีกันแค่สองคนพี่น้องนะ  คนที่โทโมะรัก  พี่ก็ต้องรักสิจ๊ะ”  ฉันพูดให้กำลังใจน้อง  เท่านั้นแหละ  รอยยิ้มแจ่มใสก็แต่งแต้มทั่วใบหน้านวลทันที
                “จริงหรอฮะ  ผมดีใจจัง”  พูดจบโทโมะก็โถมตัวเข้ามากอดฉันจนแทบจะหายใจไม่ออก  จึงเกือบที่จะหงายหลังตกโซฟา  แต่ดีที่ฉันตั้งหลักได้เสียก่อน
                “เอ้า  เบาๆหน่อยสิ  เดี๋ยวก็ตกเก้าอี้กันพอดี”  ฉันทำเสียงดุๆ  แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร  ออกจะขำๆเสียด้วยซ้ำ
                “ขอโทษฮะ”  โทโมะพูดขอโทษพลางยิ้มแหยๆอย่างคนสำนึกผิดมาให้
                “หึหึ  เอ้อ  ว่าแต่  พี่อยากเจอเด็กคนนั้นจัง  วันหลังพามาที่บ้านให้พี่ได้รู้จักด้วยสิ  พี่จะได้ช่วยดูให้ด้วยว่าเด็กคนนั้นจะรักน้องพี่จริงหรือเปล่า  นะ”  ฉันพูดในสิ่งที่คิดออกไป  ที่จริงแล้วก็อยากรู้จักนั่นแหละนะ
                “ฮะ”  โทโมะตอบรับพลางยิ้มกว้างด้วยความดีใจ  ทำให้ฉันอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
                “วันนี้มีการบ้านหรือเปล่าเนี่ย  หืม”  ฉันถาม
                “ฮะ  มี  เยอะด้วยแหละ”  โทโมะตอบ  ยังยิ้มไม่ยอมหุบอยู่
                “อ่ะ  มีการบ้านก็ไปทำเถอะไป  เดี๋ยวจะนอนดึกเอา”  ฉันเป็นห่วง  นอนดึกเดี๋ยวหน้าหมองหมดราศีกันพอดี
                “ฮะ  เอ่อ  พี่ฮะ  ขอบคุณนะฮะ”  เจ้าตัวพูดจบจึงลุกขึ้นเดินขึ้นไปทำการบ้านบนห้อง  ปล่อยให้ฉันอยู่ข้างล่างคนเดียว  ฉันอยู่ว่างๆก็เปิดโทรทัศน์ดูเปลี่ยนช่องไปเรื่อย  เมื่อไม่พบว่ามีช่องไหนน่าดู  จึงปิดแล้วเดินขึ้นห้องไปอ่านหนังสือ
 
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
                โรงเรียนมัธยมกรีนการ์เด้น
                “พี่ยูคะ  นิจิไปคุยกับโทโมะจังแล้วล่ะ  เรื่องนั้นน่ะ”  ฉันเปิดประเด็นขึ้นมาในขณะที่กำลังกินอาหารกลางวันที่โรงเรียน
                “อ้อ  หรอ  แล้วโทโมะว่าไงล่ะ”  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน
                “โทโมะจังบอกว่าวันหลังจะพามาให้รู้จักค่ะ”  ฉันตอบพลางระบายยิ้มไปให้คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
                “อื้มดีนะ  พี่น้องคู่นี้นี่ไม่มีอะไรปิดบังกันดีจริงๆ”  ฉันดูจากสายตาพี่ยูก็รู้ว่าพี่เขารู้สึกอย่างที่พูดไปจริงๆ  ฉันจึงได้แต่ยิ้มตอบกลับไปอย่างภูมิใจ  ก็แน่ล่ะ  มีกันแค่  2  คนเองนี่นา  พ่อกับแม่ก็ไปทำงานที่เมืองนอกกันทั้งคู่ ไม่ให้ห่วงน้องแล้วจะให้ไปห่วงแมวที่ไหนล่ะเนี่ย
                “เอ่อ  พี่ยู  เย็นนี้กลับด้วยกันนะ  ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ”  ฉันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาแล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงซีเรียส
                “อื้ม  ก็ต้องกลับด้วยกันอยู่แล้วนี่  มีอะไรหรือเปล่า”  พี่ยูถามด้วยเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าพี่ยูเป็นห่วง  ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
                “เอาน่าพี่  ตอนนี้ยังคุยไม่ได้  ไว้ค่อยคุยตอนนั้นแล้วกันค่ะ”  ฉันพูด  เพราะไม่อยากพูดกลางโต๊ะอาหารในโรงอาหาร
                “อืม  เอางั้นก็ได้  แล้วแต่เราแล้วกัน”  พี่ยูยิ้มให้อย่างเข้าใจ  พอกินเสร็จพี่ยูก็เดินไปส่งฉันที่ห้องเรียน  จากนั้นจึงเดินกลับห้องตัวเอง
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
                ตอนเย็น
                พอออดเลิกเรียนดังปุ๊บฉันก็รีบเก็บของปั๊บ  ทั้งที่อาจารย์ยังไม่ทันออกจากห้องด้วยซ้ำ  พออาจารย์ออกจากห้องไปแล้ว  ฉันเก็บของเสร็จพอดี  จึงรีบเดินออกจากห้องทันที  พอพ้นประตูห้องเรียนก็เจอเข้ากับพี่ยูที่มายืนคอยอยู่ก่อนแล้ว  เพราะนักเรียนม.ปลายปี  3  จะเลิกเร็วกว่าชั้นปีอื่น  ฉันจึงเดินเข้าไปหา  แล้วเดินออกไปด้วยกัน
                “เราน่ะ  มีอะไรจะคุยหรอ  ว่ามาสิ”  พอเดินมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียน  พี่ยูก็ถามขึ้น  พี่ยูนี่ความจำดีจริง
                “เอ่อ  เดี๋ยวก่อนแล้วกันค่ะ  วันนี้โทโมะจังกลับช้า  ไปคุยกันที่บ้านแล้วกัน”  ฉันพูดพลางเดินต่อไป  จะให้คุยกันตรงนี้ก็ไม่น่าจะเหมาะแฮะ  มีนักเรียนเยอะแยะไปหมดอย่างนี้
                “อื้ม  เอางั้นก็ได้  ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญมากเลยสินะเนี่ย”  พี่ยูหันหน้ามามองฉันแล้วถามขึ้นมา
                “ค่ะ  สำคัญมากเลยแหละ”  ฉันทำได้แค่ตอบกลับไปแค่นี้เท่านั้น  เพราะรายละเอียดนั้นฉันคิดว่าต้องพูดที่บ้านเท่านั้น  ถึงจะสะดวกกว่า
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
                ที่บ้าน
                เมื่อกลับมาถึงบ้าน  ฉันจึงจัดการไขกุญแจแล้วเชื้อเชิญให้พี่ยูเข้าไป  จากนั้นก็บอกให้พี่ยูไปนั่งที่โซฟาก่อน  แล้วฉันก็เข้าไปเอาน้ำมาให้พี่ยู  และนั่งลงที่โซฟาตัวข้างๆกัน
                “คือ  พี่ยู  เอ่อ”  ฉันเปิดประเด็นขึ้นอีกครั้ง  ฉันรู้สึกลำบากใจที่จะปรึกษาอีกฝ่าย  ด้วยไม่รู้ว่าพี่เขาจะคิดยังไงกับเรื่องนี้  จึงพูดค้างไว้ก่อน
                “หืม?”  พี่ยูหันหน้ามาทางฉันที่จู่ๆก็หยุดพูดไป
                “คือ  พี่ยูคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่อง  เอ่อ  ผู้ชายกับผู้ชาย..”  ฉันถามออกไป  ตอนท้ายประโยคเบาราวกระซิบ  ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือเปล่านะ
                “เห?  ผู้ชายกับผู้ชายหรอ  มีอะไรหรือเปล่า”  พี่ยูถามน้ำเสียงอ่อนโยน  ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น  หากจะพูดเรื่องโทโมะจังออกไปให้อีกฝ่ายฟัง  ...คงไม่เป็นไรสินะ
                “คือ  คนรักของโทโมะจังเป็น...”  ฉันพูดค้างไว้อีกแล้วสิ  จนพี่ยูต้องเอ่ยพูดต่อประโยคให้จนจบ
                “ผู้ชายใช่ไหม”  เสียงพี่ยูนิ่ง  นิ่งซะจนฉันกลัว  ทำไมล่ะ  เมื่อกี้เสียงพี่ยูยังอ่อนโยนอยู่เลย  ทำให้ฉันนึกกังวลขึ้นมาว่า  พี่ยูจะว่าอะไรหรือเปล่านะ  จะรังเกียจไหม  เฮ้อ  รู้สึกอึดอัดจัง  ทำไมเงียบไปแบบนี้ล่ะ  ฉันได้แต่ก้มหน้ามองมือที่วางบนตักตัวเองอยู่อย่างนั้นด้วยความไม่สบายใจ  แล้วฉันก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อพี่ยูเอื้อมมือมาแตะที่ฝ่ามือฉันเบาๆ  ความไม่สบายใจ  ความรู้สึกอึดอัดที่รู้สึกเมื่อครู่ก็บรรเทาเบาบางลงจนไม่หลงเหลือถึงความรู้สึกนั้นอีก  ฉันสบายใจขึ้นมาก  จนสามารถมองหน้าพี่ยูตรงๆได้ แล้วก็เห็นพี่ยูมองมาอยู่ก่อนแล้ว  มันเป็นสายตาที่อ่อนโยนเหลือเกิน
                “ไม่เป็นไรนะ  พี่ไม่ได้ว่าอะไรหรอก  เรื่องแค่นี้เองนี่”  พี่ยูพูดแล้วก็ยิ้มให้ฉันอย่างใจดี  ฉันจึงยิ้มตามไปด้วย
                “หรอคะ  เอ่อ  พี่ยูไม่รังเกียจโทโมะหรอ”  เมื่อรู้สึกสบายใจขึ้น  ฉันถึงกล้าถามพี่เขาออกไป
                “แล้วทำไมพี่ต้องรังเกียจโทโมะด้วยล่ะ”  พี่ยูพูดแล้วเลิกคิ้วถาม  ทำให้ฉันต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
                “ดีใจจัง  ที่พี่ยูไม่รังเกียจ”  ฉันพูดทั้งที่ยังไม่หุบยิ้ม
                เมื่อคุยธุระเสร็จ  พี่ยูก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว  แล้วจึงขอตัวกลับ  เมื่อพี่ยูกลับไปแล้ว  ฉันจึงขึ้นไปทำการบ้านที่ข้างบนเพื่อรอน้องชายกลับมา  วันนี้มีการบ้านน้อย  ฉะนั้นขอทำการบ้านก่อนแล้วกัน  เดี๋ยวค่อยลงไปทำอาหาร  จะได้กินพร้อมโทโมะจังด้วยเลย
 
                “กลับมาแล้วคร้าบบบบบบบ”  เสียงดังขึ้นที่ข้างล่าง  บ่งบอกให้รู้ว่าสมาชิกภายในบ้านอีกคนได้กลับมาถึงแล้ว  พอดีกับที่ฉันทำการบ้านเสร็จพอดี  ฉันจึงลงไปข้างล่างทันทีหลังจากที่เก็บการบ้านเข้าที่แล้ว
                “กลับมาแล้วหรอ  ป่ะ  ไปอาบน้ำก่อน  เดี๋ยวพี่จะทำอาหารให้กินนะ”  ฉันพูดพลางเดินเข้าไปในครัว  เพื่อทำหน้าที่แม่บ้านประจำบ้าน  ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ทำอยู่ประจำ
                “ฮะ”  ดีจัง  วันนี้เสียงก็สดใสอีกแล้ว  นี่แหละน้า  คนกำลังมีความรัก  หึหึ
                “จ้า  แล้วลงมาเร็วๆล่ะ”  ฉันพูดไปมือก็เปิดตู้เย็นเพื่อที่จะเอาของสดออกมาประกอบอาหาร
                “ฮะพี่”  จากนั้นเสียงเดินขึ้นบันไดก็ดังขึ้นแล้วค่อยๆเบาลง  เป็นที่รู้กันว่าอีกคนได้เดินขึ้นไปข้างบนแล้ว  ฉันจึงมุ่งสมาธิไปกับการทำอาหารจริงๆจังๆเสียที  เวลาผ่านไปสักพัก  จึงได้ยินเสียงขึ้นจมูกของน้องชายดังขึ้น
                “ฮ้า  หอมจังฮะ  พี่ให้ผมช่วยไหม”  โทโมะที่จัดการกับตัวเองเสร็จแล้ว  ก็เดินเข้ามาในครัวทันที  ปากพูดตาก็มองหาว่ามีอะไรที่พอจะช่วยทำได้บ้าง
                “เอ้าดีเลย  มาคนแกงนี่ให้พี่ดีกว่า  เนี่ยจะเสร็จแล้วล่ะ”  ฉันจึงหางานให้ทำเสียเลย  ส่วนตัวเองก็หันไปทำอย่างอื่นที่รออยู่  ไม่นานอาหารเย็นสำหรับวันนี้ก็เสร็จสิ้นและพร้อมที่จะลำเลียงออกไปวางไว้บนโต๊ะอาหารได้แล้ว
 
                เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว  จึงช่วยกันเก็บจานชามที่กินแล้วไปล้าง  ฉันทำหน้าที่ล้างโทโมะจังทำหน้าที่เช็ดจาน  พอเสร็จแล้วจึงพากันออกไปดูโทรทัศน์
                “โทโมะ  วันเสาร์นี้ว่างไหม”  ขณะที่กำลังดูรายการโทรทัศน์อยู่นั้น  จู่ๆฉันก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
                “เห?  วันเสาร์หรอฮะ  คือ  ผมมีนัดแล้วอ่ะฮะ”  โทโมะพูดเสียงอ่อยๆ  ทำให้ฉันรู้ทันทีว่านัดกับใครไว้  จึงได้แต่คิดว่า  เฮ้อ  นี่แหละน้า  คนมีแฟน  ก็ต้องให้เวลากับคนรักบ้างสิเนอะ  คิดอย่างนั้น  แต่ในใจก็อดที่จะรู้สึกเหงาขึ้นมาไม่ได้
                “อืม  งั้นหรอ  ไม่เห็นเป็นไรเลย  ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ  พี่ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย”  ฉันพูดพลางยิ้มให้  ยิ้มที่ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าฉันไม่ได้คิดอะไร
                “หรอฮะ  ขอโทษฮะ”  แน่ะ  ยังทำหน้ารู้สึกผิดอีก
                “นี่  ถ้ายังไม่ยิ้มให้พี่อีกนะ  พี่จะไม่อนุญาตให้เราไปเดทจริงๆด้วย”  เมื่อพูดดีด้วยแล้วไม่ได้ผลก็ต้องใช้ไม้นี้แหละ  ฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  และก็เป็นผลให้โทโมะยิ้มกว้างให้ฉันทันที  ฉันจึงยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน
                “ว่าแต่  พี่จะชวนผมไปไหนหรอฮะ”  โทโมะถามฉันด้วยท่าทางสงสัย  พลางเอียงคอน้อยๆแต่พองามทำให้เด็กชายตรงหน้าฉันดูไร้เดียงสายิ่งขึ้น
                “ก็กะว่าจะพาไปกินอาหารนอกบ้านซะหน่อยน่ะ  พอดีพรุ่งนี้เงินเดือนจากงานพิเศษพี่ออก  เลยกะว่าจะพาไปเลี้ยง  พี่ยูก็ไปด้วยนะ”
                “เห?  พี่ยูไปด้วย  พี่จะเลี้ยงอาหารพี่ยูด้วยหรอฮะ”  โทโมะถามพลางอมยิ้มจนแก้มตุ่ย  น่าหมั่นเขี้ยวนัก
                “ตอนแรกพี่กะว่าจะพาเราไปด้วย  พี่น่ะจะเลี้ยงเราคนเดียวเท่านั้นแหละ  ส่วนตายูก็ออกเองสิ  เรื่องอะไรพี่ต้องเลี้ยงเขาด้วยล่ะ”  ฉันอธิบาย  มีน้องไปด้วยก็ต้องเลี้ยงน้องสิ  จะเลี้ยงทำไมคนอื่น  ถึงคนอื่นในที่นี้จะเป็นแฟนตัวเองก็เถอะ  แต่ถ้าจะให้เลือกเลี้ยงจริงๆก็ต้องเลือกเลี้ยงน้องอยู่ดี
                “หรอฮะ  อื้ม  แต่ถึงผมไปได้  ผมก็ไม่อยากไปหรอกฮะ”  โทโมะพูดออกมา  ทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วทันที  ทำไมล่ะ  ไม่อยากไปกับฉันหรอ  นี่ฉันโดนน้องชายเบื่อหน้าแล้วใช่ไหมเนี่ย  ฉันคิดสงสารตัวเอง หัวใจห่อเหี่ยว
                “ก็...ผมไม่อยากเป็นก้างน่ะสิฮะ  แหมคู่รักจะไปหวานชื่นกันสองคน  แล้วผมจะไปทำไมกันล่ะ  จริงไหมฮะ”  โทโมะเฉลยให้ฟังโดยไม่ต้องให้ฉันถามแล้วยิ้มขำออกมา
                “ไม่จริง  ไม่จริงเลยขอบอก  พี่กับพี่ยูเคยหวานกันซะที่ไหนล่ะ  เราก็เคยเห็นนี่  แล้วในโอกาสพิเศษแบบนี้พี่ก็อยากจะอยู่กับคนสำคัญของพี่บ้างสิจ๊ะ  อ๊ะ  แล้วก็ไม่ต้องพูดเลยนะว่าคนสำคัญของพี่น่ะ  คือพี่ยู”  ฉันพูดดักคอน้องชายไว้ก่อนเลย  ที่จริงแล้วคนสำคัญก็ใช่พี่ยูหรอกนะ  แต่ถ้าให้เทียบความสำคัญจริงๆแล้วน่ะ  ที่สำคัญที่สุดก็คนที่อยู่ตรงหน้าฉันนี่แหละ  เจ้าน้องชายที่น่ารักของฉันคนนี้อย่างไรล่ะ
                “อ้าว  แล้วพี่ยูไม่สำคัญหรอฮะ”  เฮ้อ  ยัยเด็กคนนี้นี่คนนึง  ฉันคิดพลางถอนใจอย่างกลุ้มๆ
                “โทโมะ”  ฉันพูดเสียงดุส่งสายตาอาฆาตไปให้  เป็นเชิงให้หยุดได้แล้ว  เท่านั้นแหละโทโมะถึงหยุดได้  แต่ก็ยังมีหัวเราะคิกคักอยู่
                “เอ้า  มีการบ้านหรือเปล่าเนี่ย  ไปทำการบ้านได้แล้วไป”  ฉันได้ทีไล่น้องชายให้ขึ้นไปทำการบ้านทันที  ไม่ไหวมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับโทโมะแล้ว
                “ฮะ  ฮะ  อ่อ  พี่ฮะ”  โทโมะจังที่กำลังจะลุกเพื่อจะขึ้นไปทำการบ้านเรียกฉัน
                “หืม  อะไรล่ะ”  ฉันถามออกไปเสียงออกจะห้วนสักหน่อย  เพราะไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก  จะแซวอะไรอีกก็ไม่รู้
                “คือว่า  ผมจะพารุ่นพี่ทางุจิมาให้พี่รู้จักวันอาทิตย์หน้านะฮะ  พี่ทำตัวให้ว่างด้วยนะฮะ”  โทโมะบอก  พอฉันพยักหน้ารับรู้พลางยิ้มกว้างออกมา  โทโมะจังจึงเดินขึ้นไปทำการบ้าน  วันอาทิตย์หน้านี้งั้นหรอ  อืมม  ได้สิ  จะทำตัวให้ว่างเข้าไว้  แล้วก็จะบอกพี่ยูด้วย  ให้มาช่วยกันดูเจ้าหนุ่มนั่นอีกคน
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 

To be con.. 2

อ่านตอนแรกอาจจะงงๆเนอะ มันวายตรงหนายย แต่ก็อยากให้อดทนอีกนิดส์ค่ะ พอดีเรื่องเน้นเรื่องพี่สาวเห่อน้องชายน่ารักค่ะ เอาเรื่องตัวเองมายำซะ 555 ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2017 16:57:30 โดย lovejinjunno »

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ตอน 2 มาต่ออย่างเร็วค่ะ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
                วันพุธ  สัปดาห์เดียวกัน
                โรงเรียนมัธยมกรีนการ์เด้น
                อ่อดดดดดดดด  เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น  ฉันรีบเก็บของใส่กระเป๋า  เพราะไม่อยากให้พี่ยูที่จะต้องกลับบ้านพร้อมกันรอนาน  มือก็ยัดข้าวของใส่กระเป๋า  ตาก็เหลือบไปมองที่หน้าประตูด้วยความเป็นกังวลว่าพี่ยูจะมาหรือยังนะ  แล้วก็เห็นชายหนุ่มยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว  ทำให้ฉันยิ่งเร่งมือเก็บของให้เร็วกว่าเดิม  เฮ้อ  วิชาเมื่อครู่เป็นวิชาที่ต้องใช้หนังสือหลายเล่มด้วยสิ  เมื่อเก็บของหมดแล้วฉันจึงรีบเดินเร็วๆไปหาคนที่กำลังรออยู่ทันที
                “พี่ยูคะ  ขอโทษนะคะ  พอดีอาจารย์ปล่อยช้าไปหน่อยค่ะวันนี้”  ฉันยิ้มน้อยๆไปให้พี่ยู  พลางกระชับสายสะพายหลังของกระเป๋าเป้ให้เข้าที่  แล้วจึงออกเดินไปกับพี่ยูเหมือนอย่างเช่นทุกวัน
                “ไม่เป็นไรจ่ะ  พี่เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”  พี่ยูพูดพร้อมรอยยิ้มใจดี
                “พี่ยู  วันนี้นิจิขอแวะที่อื่นก่อนกลับบ้านนะคะ”  ฉันหันไปบอกคนที่เดินข้างๆ  พรุ่งนี้ต้องใช้กระดาษรายงานด้วย  วันนี้ใช้ซะหมดเกลี้ยงเลยแฮะ
                “แวะที่ไหนละ”
                “ร้านขายเครื่องเขียนร้านเดิมแหละค่ะ  จะซื้อสมุดรายงาน”
 
                “เอ๊ะ  นั่นมัน  โทโมะจังนี่นา”  พอเดินไปเกือบจะถึงประตูโรงเรียนฉันก็เห็นใครบางยืนอยู่ข้างๆประตูโรงเรียน  ฉันกำลังจะวิ่งเข้าไปหาน้องชาย  แต่เป็นต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคน  คนที่เดินอยู่ข้างๆฉันจนถึงเมื่อครู่วิ่งเข้าไปหาโทโมะจังก่อนแล้ว  ทำไมฉันต้องรู้สึกแปลกๆด้วยนะ  พอเห็นว่าเป็นใครที่วิ่งออกไป  แล้วมันรู้สึกใจหายยังไงพิกล  เฮ้อ  ช่างเถอะ  ฉันคงคิดมากไปเอง  ฉันมองไปที่พี่ยูที่ยืนอยู่กับโทโมะจัง  คนอะไร  วิ่งเร็วจริงเชียว  ฉันได้แต่คิดพลางก้าวเท้ายาวๆเข้าไปหาน้องชายอีกคน
                “ว่าไงเรา  ทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้ล่ะเนี่ย  มีอะไรหรือเปล่า”  ฉันถามน้องชายออกไปด้วยความเป็นห่วง  รู้สึกผิดปกติขึ้นมา  เพราะทุกวันโทโมะจังมักจะกลับบ้านเอง  ไม่เคยที่จะแวะมาหาฉันที่โรงเรียนก่อนอย่างนี้หรอก
                “คือ  ช่วงนี้ผมคงจะรอกลับพร้อมพี่แหละฮะ  หวังว่าคงไม่รบกวนพี่กับพี่ยูหรอกนะฮะ”  โทโมะกล่าวเสียงใส  ทำให้ฉันรู้สึกเบาใจลงไปได้หน่อย  ฉันคงเป็นห่วงน้องมากเกินไป
                “ไม่หรอกน่า  โทโมะนี่คิดมากเป็นผู้หญิงไปได้”  พี่ยูว่า  แล้วฉันก็เห็นคนที่โดนว่าทำหน้ายู่ไม่พอใจแล้วเชิดหน้าไปอีกทาง  ทำเอาฉันอดที่จะแอบขำไม่ได้  ก็ท่าทางแบบนี้แหละน่า  ถึงได้โดนพี่ยูแซวเข้าให้ตลอดเนี่ย
                “ป่ะ  กลับกันได้แล้ว  ประเดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน”  ฉันออกปากชวนให้กลับบ้าน  ไม่อย่างนั้นคงต้องยืนฟังทั้งคู่ง๊องแง๊งใส่กันอีกแน่ๆ  เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว  ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ
                “ฮะ  ป่ะ”  โทโมะพูดแล้วจึงก้าวเข้ามาจูงมือฉันออกเดินไปตามทาง  ฉันได้แต่มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที  แล้วจึงยอมเดินไปกับน้องชาย  แต่ก็อดที่จะหันกลับไปมองคนข้างหลังไม่ได้  ก็เห็นพี่ยูที่เดินตามมา  มองฉันอยู่ก่อนแล้ว  ฉันจึงยิ้มแห้งๆให้อีกฝ่าย
                เมื่อเดินมาถึงร้านขายเครื่องเขียนร้านประจำ  ฉันจึงบอกให้โทโมะหยุดเดิน  แล้วฉันก็เดินเข้าไปหาซื้อสมุดรายงานที่ข้างในร้านทันทีเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา  ด้วยความที่เป็นร้านใหญ่  จึงมีของให้เลือกซื้อมากมาย  แต่ก็ไม่ทำให้ฉันเสียเวลามากนัก  เพราะฉันมาที่ร้านนี้บ่อยจนรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนแล้วน่ะสิ  แล้วส่วนที่ขายสมุดก็เดินเข้าไปไม่ลึกนักด้วย  ฉันก้มมองหาสมุดรายงานไปเรื่อย  ด้านที่ฉันมองหาอยู่นั้นสามารถมองออกไปที่ข้างนอกหน้าร้านได้  เพราะที่หน้าร้านเป็นกระจกใส  ฉันเป็นห่วงกลัวว่าอีกสองคนจะรอนาน  จึงมองออกไปที่ข้างนอกบ่อยๆ  แล้วก็เห็นอีกสองคนที่อยู่ข้างนอกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  ส่วนโทโมะจังก็มีท่าทางงอนแบบเด็กๆใส่อีกคน  ก็ทำให้ฉันเบาใจลงไปได้นิดนึง  แต่ความรู้สึกผิดปกติที่รู้สึกเมื่อครู่มันกลับมาอีกแล้ว  ฉันได้แต่ส่ายหัวไปมาเพื่อขจัดความรู้สึกนั้นออกไปจากความคิด  เมื่อเจอสมุดรายงานที่ต้องการแล้วจึงรีบไปจ่ายเงินทันที  แล้วเดินกลับบ้านพร้อมกับอีกสองคน  ตลอดทางมีเสียงง๊องแง๊งของพี่ยูและโทโมะดังขึ้นตลอดทาง  โทโมะถึงแม้ว่าจะเดินอยู่กับฉันแต่ก็ยังอุตส่าห์หันกลับไปต่อล้อต่อเถียงกับคนที่เดินอยู่ข้างหลังได้อีก  ฉันได้แต่เดินไปก็ยิ้มตามไปด้วย
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

 วันศุกร์
ตั้งแต่วันพุธเป็นต้นมา  โทโมะก็กลับบ้านพร้อมฉันกับพี่ยูทุกวัน  และวันนี้ก็อีกเช่นกัน  จนฉันอดที่จะรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้  ทำไมล่ะโทโมะมีแฟนแล้วนี่นา  แล้วทำไมไม่กลับบ้านพร้อมเขาล่ะ  ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้น้องกลับด้วยหรอกนะ  แต่แบบนี้มันแปลกนี่นา  ถ้าไม่ได้กลับพร้อมคนรัก  โทโมะก็มักจะกลับเองโดยที่ไม่เคยแวะมาหาฉันที่โรงเรียนก่อนแบบนี้นี่นา  หมู่นี้เป็นอะไรไปนะ  ถึงแม้ว่าโทโมะยังคงดูร่าเริงเหมือนเดิมก็เถอะ
“พี่ยู  พี่ว่าช่วงนี้โทโมะแปลกๆไหมคะ”  ฉันโทรศัพท์คุยกับพี่ยู  แล้วจึงปรึกษาพี่เขาเรื่องโทโมะซะเลย  ตอนนี้โทโมะขึ้นไปทำการบ้านที่ข้างบน  จึงปลอดภัยที่จะคุยกับพี่ยูเรื่องนี้
“พี่ก็ว่าแปลกๆอยู่นะ  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นกลับบ้านพร้อมเราเลยนี่  บางทีพี่ยังคิดเลยว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ”  พี่ยูพูดเสียงเป็นห่วง
“นิจิเคยถามนะคะว่ามีอะไรหรือเปล่า  แต่โทโมะก็บอกว่าไม่มีอะไร  ดูจากท่าทางแล้วก็ไม่มีอะไรให้จับพิรุธได้เลย  จนนิจิอดคิดไม่ได้ว่า  หรือนิจิจะเป็นห่วงน้องมากเกินไปจริงๆ  อ๊ะ  พี่ยู  เท่านี้ก่อนนะคะ  มีสายซ้อนน่ะค่ะ  แล้วนิจิจะโทรไปหาใหม่ค่ะ”  ฉันร้องบอกพี่ยู  เมื่อมีสัญญาณสายซ้อนดังขึ้น  พอวางสายจากพี่ยู  เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที
“ฮัลโหล  บ้านยามาชิตะค่ะ”  ฉันรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“เอ่อ  ขอสายโทโมฮิสะครับ”  เสียงปลายสายเป็นเสียงโทนสูง  แต่ก็ฟังดูนุ่มหูในขณะเดียวกัน  หรือว่า...
“ใช่จุนโนะสุเกะใช่ไหมคะ”  ฉันตัดสินใจถามออกไป  เมื่ออีกฝ่ายตอบรับ  ฉันจึงไปตามโทโมะลงมารับโทรศัพท์ทันที  จากนั้นฉันก็เดินไปเปิดโทรทัศน์ดูเพื่อเป็นการฆ่าเวลารอจนกว่าน้องชายจะโทรศัพท์เสร็จ
“พี่ฮะ”  ฉันหันไปตามเสียงเรียก  แล้วเลิกคิ้วขึ้นถาม
“คือ  พรุ่งนี้ผมไปกับพี่ได้แล้วนะฮะ”  โทโมะพูดยิ้มๆ  ฉันขมวดคิ้ว
“อ้าว  แล้วนัดของโทโมะจังล่ะ”  ฉันสงสัย  ทำไมล่ะ  หรือว่าโดนยกเลิกนัดนะ
“ฮะ  รุ่นพี่เขาโทรมาบอกว่ามีธุระด่วนฮะ  ฉะนั้นพรุ่งนี้ผมว่างแล้ว  ไปกับพี่ได้แล้ว”  โทโมะพูดเสร็จก็ส่งยิ้มหวานมาให้  แต่ฉันก็จับสังเกตได้ว่า  รอยยิ้มนั้นดูฝืนๆยังไงอยู่  แล้วเมื่อครู่ฉันก็แน่ใจว่าเสียงโทโมะที่เรียกฉันฟังดูหงอยๆ  ฉันดึงมือน้องให้ลงมานั่งด้วยกันแล้วจึงยื่นมือไปลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะ”  ฉันพูดเป็นเชิงถาม  เฮ้อ  เป็นห่วงจัง  ยิ่งเห็นยิ้มๆแบบนี้นี่แหละ  น่าเป็นห่วงที่สุดเชียว
“ฮะ  สบายมาก  เรื่องเล็กฮะ”  โทโมะพูดแล้วก็ยิ้มมาให้ฉันอีก  คราวนี้ฉันเห็นถึงความจริงใจในร้อยยิ้มชัดเจน  ฉันจึงหมดห่วง
“ป่ะ ไปหาชุดก่อน  หรือว่าจะใส่ชุดที่จะใส่ไปเดทล่ะ”  ฉันถาม
“อ๋อ  ก็ชุดที่เตรียมไว้แล้วแหละฮะ  ขี้เกียจหาอีกชุดแล้วฮะ”  โทโมะพูดแล้วหัวเราะเสียงดังด้วยอารมณ์ดี  ฉันเห็นแบบนั้นก็คลายความกังวลลงไปได้เยอะทีเดียว
“พรุ่งนี้ไปกี่โมงฮะ  ผมจะได้ตื่นให้ทัน”  โทโมะถามอย่างกระตือรือร้น
“ก็ประมาณ  9  โมงจ่ะ  ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่ไปกินข้าวนอกบ้านอย่างเดียวหรอก  คิดว่าจะไปดูหนังด้วยน่ะ  แล้วก็เดินเที่ยวอะไรแบบนี้แหละ”  ฉันบอกโปรแกรมอย่างย่อๆกับน้องชาย
“ว้าว  ดีจังฮะ  ผมกำลังอยากดูหนังอยู่พอดีเลย”  โทโมะยิ้มไม่หุบ  จะว่าไปแล้ว  ฉันไม่ได้ดูหนังกับโทโมะจังมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย  ดี  พรุ่งนี้เป็นโอกาสดีจริงๆ
“อ่ะ  มัวแต่คุยเพลินเลย  โทโมะทำการบ้านเสร็จหรือยังเนี่ย  เดี๋ยวไม่มีเวลาทำนะ”  ฉันเตือนโทโมะจัง  คุยกันจนเพลินเลยแฮะ  จึงรีบไล่ให้น้องชายไปทำการบ้านซะก่อน
“ฮะ”  พูดเสร็จแล้วก็รีบเดินขึ้นไปข้างบนทันที
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

เช้าวันเสาร์
“เอ้า  โทโมะเร็วๆหน่อย  สายแล้วนะ”  ฉันเร่งน้องชายให้เดินเร็วๆ  เลยเวลานัดแล้วด้วย  พี่ยูจะมาถึงหรือยังเนี่ย
“ฮะ  ผมก็กำลังรีบอยู่ฮะ”  ฉันวิ่งนำโทโมะไปก่อน  เพราะกลัวพี่ยูจะคอยนาน  พอไปถึงที่นัดแล้วก็เห็นพี่ยูยืนคอยอยู่ก่อนแล้วจริงๆด้วย
“พี่ยูคะ  ขอโทษนะคะที่มาสาย”  เฮ้อ  วิ่งจนเหนื่อยเลย
“อ้าว  โทโมะจังมาด้วยหรอ  แล้วเดทล่ะ”  พี่ยูถาม  เมื่อโทโมะจังวิ่งมาถึงแล้ว  ฉันก็นึกหวั่น  จะเปิดศึกน้ำลายกันอีกหรือเปล่านะเนี่ย  คู่นี้ประจำเลย
“แล้วเค้ามาด้วยไม่ได้หรอพี่ยู”  นั่นล่ะ  เริ่มแล้วสินะทั้งคู่ของวันนี้
“หยุด  ทั้งสองคน”  ฉันพูดเสียงดังห้ามทัพก่อน  ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ต้องไปไหนกันแล้ว  ฉันคงได้ยืนฟังทั้งสองคนบริหารเสียงกันอยู่ตรงนี้แน่ๆเลย
“ไปกันได้แล้ว  ป่ะ  ป่ะ”  ฉันเร่ง  เมื่อเห็นโทโมะจังกำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่ฉันเห็นท่าทางไม่น่าไว้ใจแล้วฉันก็ต้องรีบพูดอะไรสักอย่างขึ้นก่อนทันที  แล้วจึงเดินนำออกไปก่อนโดยไม่รอฟังคำท้วงใครทั้งนั้น
“พี่ฮะ  รอด้วย”  โทโมะร้องแล้วรีบวิ่งเข้ามาเดินคู่กับฉันทันที
“วันนี้จะดูหนังเรื่องอะไรกันดี”  พี่ยูถามความเห็นฉันกับโทโมะจัง
“ผมว่าแล้วแต่พี่นิจิดีกว่า”  โทโมะว่า  แล้วหันมาหาฉัน  ส่วนฉันได้แต่คิด  คิดไปเรื่อย  ก็คิดไม่ออกว่าจะดูเรื่องอะไรดี
“อ่ะ  ดูเรื่องนี้ดีกว่า”  พอเดินมาถึงโซนภาพยนตร์แล้ว  ฉันจึงชี้ไปที่จอหนังเรื่องที่อยากดูทันที
“ไหนฮะ  อ๊า  หนังผีนี่ฮะ”  โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงสยอง
“หืม  หนังผี...  เอ่อ  นิจิจะดูจริงๆหรอครับ”  พี่ยูถาม  ฉันแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่  ทั้งสองคนนี้กลัวผีเสียยิ่งกว่าอะไร  ก็อยากให้ฉันเป็นฝ่ายเลือกเองทำไมล่ะ  หึหึ
“เรื่องนี้เป็นหนังผีก็จริงอยู่  แต่มันไม่น่ากลัวหรอก  มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากกว่า”  ฉันอธิบายให้ทั้งสองคนฟัง
“อืม  พี่ว่าไงก็ว่าตามกันฮะ  พี่พูดออกมาแบบนี้ผมก็วางใจหน่อย  เพราะเรื่องไหนที่พี่รับประกันแล้วว่าไม่น่ากลัว  ผมก็ดูได้ทุกเรื่องอยู่แล้วฮะ”  ฉันฟังก็ยิ้มกว้างทันที  นั่นสินะ  ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว  ฉันชอบดูหนังผี  แต่โทโมะกลับกลัวผีมาก  เวลาที่ฉันอยากดูหนังผีฉันต้องเลือกดูหนังผีที่ไม่น่ากลัว  เพราะโทโมะจังจะได้ดูด้วยได้เสมอ
“เอ้า  ถ้าอย่างนั้นก็ไปกัน  เดี๋ยวพี่ไปซื้อตั๋วให้นะ”  แล้วฉันก็เดินเข้าไปต่อแถวซื้อตั๋วหนังทันที  ปล่อยให้อีกสองคนยืนรออยู่ที่เดิม  โดยไม่กลัวว่าทั้งสองคนจะเปิดศึกน้ำลายกันกลางโรงหนัง
พักใหญ่ฉันก็เดินถือตั๋วสามใบออกมา  สายตามองไปที่น้องชายและคนรักที่ยืนรออยู่  ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย  แปลกจัง  ทำไมไม่เห็นทะเลาะกันเลยล่ะ  แล้วทั้งสองคนมองอะไรกันนะ  พอเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย  ฉันจึงมองไปตามสายตาของโทโมะและพี่ยูไป  บริเวณนั้นไม่ค่อยมีใครเดินอยู่  จึงทำให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตี๋ยิ้มกว้างจนตาหยี เดินอยู่เคียงข้างสาวมั่นผมม้าปัดข้างสีน้ำตาลทองซอยสั้นผิวขาวนวลริมฝีปากแดงในชุดเสื้อยืดแขนยาวกางเกงยีนส์สีดำ  ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้น  ฉันขมวดคิ้วแล้วมองกลับไปที่น้องชายอีกที  ตอนนั้นฉันเดินเข้าไปใกล้โทโมะมากแล้ว  มากพอที่จะเห็นแววตาที่น้องชายมองไปยังคนสองคนอีกด้านหนึ่ง  ผู้ชายคนนั้นน่ะหรอ  ฉันคิด  เพราะจำได้ว่าโทโมะเคยบอกว่า  จุนโนะสุเกะเป็นคนตัวสูง  เพรียว  และจากที่ฉันดูชายหนุ่มคนนั้นแล้ว  ก็คิดว่าคงใช่จริงๆ  เฮ้อ  ฉันได้แต่ถอนใจกับตัวเอง  แล้วจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น  พอเดินไปถึงที่น้องชายกับพี่ยูยืนรออยู่  ฉันกำลังจะส่งตั๋วในมือไปให้พี่ยู  ก็ต้องสะดุดลง  เพราะเห็นว่าพี่ยูยังคงมองไปที่โทโมะจังอยู่  เวลานี้เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างนั้นแหละ  ฉันได้แต่มองโทโมะจังทีมองพี่ยูที  ต้องรออีกพักนึงทั้งโทโมะจังและพี่ยูถึงรู้สึกตัวว่าฉันเดินมาถึงแล้ว  จากนั้นจึงพากันไปหาอะไรกินกัน  เพราะกว่าฉันจะซื้อตั๋วมาได้ก็ต้องรอนาน  ตอนนี้จึงได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว  ส่วนหนังที่จะดูเป็นรอบบ่ายโมง  ฉันเลือกที่จะไปกินกันที่ร้านอาหารในห้างแห่งนั้น  เพื่อประหยัดเวลาไปในตัว
พอเดินมาถึงที่ร้านต่างคนต่างก็นั่งที่ตัวเอง  ไม่มีใครพูดอะไรกัน  ฉันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆที่แสนจะอึดอัด
“จะกินอะไรกันดี  หืม”  ฉันถามความเห็นจากทั้งสองคน  เมื่อเห็นพนักงานเสิร์ฟมารอรับออเดอร์แล้ว  ไม่ชอบเลยบรรยากาศแบบนี้  วันนี้อุตส่าห์เป็นวันดีทั้งที
“เอ่อ  ผมขอเป็นอันนี้แล้วกันฮะ  แล้วก็เอาน้ำสตอเบอรี่ปั่นฮะ”  โทโมะเงยหน้ามายิ้มให้ฉันแล้วจึงก้มลงสั่งอาหารจากเมนู  โทโมะจังสั่งเสร็จพี่ยูก็สั่งต่อ  จากนั้นฉันก็สั่ง
พอสั่งเสร็จ  ฉันก็มองไปที่ทั้งสองคน  พลางคิด  เที่ยววันนี้จะไปรอดไหมล่ะเนี่ย  ไม่ใช่ว่าฉันไม่เครียดไม่กังวลหรอกนะ  แต่...เฮ้อ  ไม่อยากเห็นน้องทำหน้าเศร้าอย่างนั้นนี่นา  คิดพลางถอนใจอยู่คนเดียว  คิดอะไรไปได้ไม่นานอาหารก็มาถึง  กลิ่นหอมฉุยมาเชียว  ร้านนี้นี่ดีจัง  อาหารได้เร็วดี
“ว้าว  กลิ่นหอมจังเลยฮะพี่”  โทโมะพูดขึ้นเสียงสดใสพลางสูดกลิ่นหอมของอาหารที่พนักงานเสิร์ฟนำมาวางไว้ที่โต๊ะ  ฉันมองก็ยิ้มออกมา  เอ้อ  เห็นเศร้าๆเมื่อครู่  พออาหารมาแล้วอารมณ์ดีขึ้นแฮะ  เห็นอย่างนี้แล้วก็ทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นเช่นกัน
“อ่าว  ทำไมของโทโมะน่ากินกว่าของพี่ล่ะ”  พี่ยูพูดโวยวายออกมาเล็กๆ  ฉันอดที่จะส่ายหัวไปมากับตัวเองไม่ได้  ตายู...อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย
“ฮ่าฮ่า  ไงล่ะ  ของเค้าน่ากินกว่าของพี่ยูอีก”  เป็นโทโมะจังที่พูดโอ้อวดกับอีกฝ่าย  ทำน้ำเสียงภูมิใจสุดฤทธิ์เลยนะเนี่ย  ฉันขำเบาๆ  เมื่อครู่ยังเคร่งเครียดกันอยู่เลย  เฮ้อ  คู่นี้นี่พอกันเลยแฮะ
“เอ้า  อย่ามัวแต่เถียงกันอยู่เลย  รีบกินเถอะ”  ฉันเร่ง  นี่ใครอายุมากที่สุดในนี้กันแน่เนี่ย  พี่ยูดันลดอายุตัวเองลงไปเท่ากับโทโมะจังซะอย่างนั้น  เมื่อฉันมองไปที่สองคนที่ยังแอบส่งสายตากัดจิกกันต่ออีก
“ฮ้า  อร่อยจัง  ขอโทษครับ”  โทโมะที่กินเสร็จก่อนเงยหน้าขึ้นเรียกพนักงานเสิร์ฟ  นี่โทโมะจังยังไม่อิ่มอีกหรอเนี่ย
“ขอไอศกรีมสตอเบอรี่ราดน้ำเชื่อมสตอเบอรี่ฮะ”  เมื่อพนักงานเดินมาถึงก็สั่งทันที  อ่อ  ที่แท้ก็สั่งไอศกรีมกินนี่เอง
“อ่ะ  ของฉันเอาดาร์กช็อกโกแลตราดช็อกโกแลตเข้มข้นเยอะๆนะคะ”  ฉันสั่งต่อโดยไม่รอพี่ยูที่ยังกินไม่เสร็จ
“พี่ยูจะกินอะไรฮะ  อ๊ะ  แต่พี่ยูยังกินอาหารไม่เสร็จนี่นา  งั้นก็ไม่ต้องกินไอติมหรอกเนอะ  งั้นเอาเท่านี้แหละฮะ”  โทโมะเริ่มสงครามน้ำลายหลังอาหารเที่ยงทันที  ทำเอาฉันแทบกุมขมับ  เฮ้อ  แต่ก็อดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้  เมื่อมองพี่ยูแล้วเห็นพี่เขาส่งสายตาเคืองๆไปให้โทโมะไม่หยุดหย่อน
“นี่ดีนะ  ที่ยังพอมีเวลาอยู่”  ฉันพูดขึ้นหลังจากที่พนักงานนำไอศกรีมมาเสิร์ฟแล้ว
“นั่นสิฮะ”  โทโมะพูดเสียงสดใส  เหมือนกับไม่เคยมีเรื่องเครียดมาก่อน  ทำให้ฉันคลายความกังวลลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
“กินกันเร็วๆเถอะ  จะได้เวลาหนังฉายแล้วเนี่ย”  ได้ทีพี่ยูเร่งเชียว  ชิชิชิ  ตัวเองอดกินไอศกรีมก็เลยพาล  แย่จริงๆเลยพี่ยูเนี่ย  ฉันคิดค่อนขอดพี่ยู
“แหม  ตัวเองอดกินก็เลยแกล้งพวกเราน่ะสิ  เนอะพี่นิจิเนอะ”  โทโมะพูดแล้วหันมาพยักเพยิกหน้ากับฉัน  ฉันจึงได้แต่หัวเราะเบาๆออกมา  จากนั้นจึงรีบกิน  เมื่อดูนาฬิกาข้อมือ  จริงด้วย  เหลืออีกแป๊บเดียวเองนี่นา
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
การไปกินอาหารนอกบ้านวันนี้ก็ผ่านไปด้วยดี  ถึงแม้ว่าวันนี้โทโมะจะขอกลับก่อนเวลาก็ตาม  แต่ก็ถือว่าราบรื่นดีอยู่  พี่ยูก็มาส่งให้ถึงบ้านอีกเช่นเคย  วันนี้ก็ไม่ต้องทำอาหารเย็นกินน่ะสิ  ดีจัง  เมื่อเข้าบ้านโทโมะจังก็ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนบนห้องทันที  แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร  สงสัยจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว  เพราะฉันเองยังรู้สึกเหนื่อยเลย  ฉันจึงเดินขึ้นไปนอนพักบนห้องเช่นกัน
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

วันอาทิตย์  ณ  ยิมบ๊อกซิ่ง
“นี่จุนโนะ”  ผมถามคนที่นั่งดื่มน้ำอยู่ด้านข้างผมที่ข้างสนาม
“หืม”  ดื่มน้ำเสร็จจุนโนะก็หันมาเลิกคิ้วถาม
“ฉันถามจริงๆนะ  เด็กคนนั้นน่ะเป็นใครกัน”  ผมถามในสิ่งที่ติดค้างคาใจของผมมานานนับสัปดาห์  ตั้งแต่เด็กคนนั้นเข้ามาในชีวิตของผมและจุนโนะ
“ใครกัน  อ๋อ  เด็กที่ชื่อโทโมฮิสะน่ะหรอ”  จุนโนะทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มน้อยๆแล้วพูดออกมา  ผมมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย  ไม่มีอะไรซ่อนอยู่ข้างใน
“อื้ม”  ผมพยักหน้าตอบ  พลางจ้องหน้าอีกฝ่ายรอคำตอบ
“เฮ้อ  โทโมฮิสะน่ะ  เขาเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเรานี่แหละ  ฉันเคยเจอเขาตอนที่ไปเข้าค่ายน่ะ  แล้วพอกลับมาโทโมฮิสะเขาก็มาสารภาพรักกับฉัน  แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบตกลงไปหรอก  ก็เลยคบกันแบบพี่กับน้องมากกว่าน่ะ  เรื่องก็มีเท่านี้แหละ  มีอะไรจะถามอีกไหมครับคุณอุเอดะ”  จุนโนะอธิบายซะยืดยาว  พอพูดจบก็ยิ้มกว้างให้ผมซะอย่างนั้น  แล้วจะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะ  ก็ไม่เชิงว่าผมจะเชื่อใจจุนโนะอะไรขนาดนั้นนักหรอกนะ  แต่เป็นเพราะเวลาที่จุนโนะมองเด็กคนนั้นน่ะ  เหมือนกับมองน้องชายแท้ๆคนหนึ่งเท่านั้น  ข้อนั้นผมรู้ดีเพราะผมสนิทกับน้องชายของจุนโนะเหมือนกัน  แต่ผมสัมผัสได้จากแววตาเด็กคนนั้น  ว่ารักจุนโนะมากมายแค่ไหน  จนผมอดที่จะสงสารไม่ได้จริงๆ  ผมคิดว่าผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ  เพื่อไม่ให้เด็กคนนั้นต้องถลำลึกไปกว่านี้.....................
 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
 
วันจันทร์
 
“โทโมะจางงงงงงงง  ตื่นหรือยัง  สายแล้วน้า”  ฉันตะโกนเรียกน้องชายที่ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นลงมากินข้าวกินปลาเลย  สงสัยตื่นสาย
“...............”  เงียบ  ไม่มีแม้เสียงตอบจากสวรรค์  เฮ้อ  เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ  เมื่อวานก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ลงมาข้างล่างให้เห็นหน้าค่าตากันเลย  เป็นห่วงจัง  ฉันคิดพลางเดินขึ้นไปข้างบนด้วยความเร็วทันที  ถึงหน้าห้องน้องชายฉันก็ตะแคงหูแนบกับประตูเพื่อฟังการเคลื่อนไหวภายในห้อง  แต่ก็เงียบ  เหมือนไม่มีคนอยู่อย่างนั้นแหละ  ฉันเลยลองบิดลูกบิดประตูดูพบว่าไม่ได้ล็อกจึงจัดการเคาะประตู  2-3  ทีพอเป็นพิธีแล้วเปิดเข้าไปก็พบกับห้องที่ว่างเปล่า  เตียงนอนถูกเก็บอย่างเรียบร้อย  ฉันเปิดตู้เสื้อผ้าโทโมะออก  ชุดนักเรียนหายไป  1  ชุด  แสดงว่าคงไปเรียนแล้วสินะ  แต่แปลกจัง  ทำไมไปเร็วนักล่ะวันนี้  มีอะไรหรือเปล่านะ  ฉันกำลังจะหันหลังกลับเดินออกจากห้องแต่สายตาฉันไปสะดุดกับกระดาษสีขาวแผ่นเล็กๆบนโต๊ะหนังสือ  ฉันจึงเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดู  ....ถึงพี่นิจิ  วันนี้ผมขอไปเรียนเร็วกว่าทุกวันนะฮะ  ไม่ต้องเป็นห่วง  พอดีผมต้องไปทำธุระที่โรงเรียนแต่เช้าฮะ  จากโทโมะ.....  เฮ้อ  จู่ๆก็หายไปแบบนี้  ไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงล่ะ  ยัยเด็กคนนี้นี่
ฉันเดินลงมาข้างล่าง  จัดการเก็บจานชามเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้วจึงไปโรงเรียน  วันนี้ฉันคงไปสายแน่ๆเลย  ดูสิเนี่ย  7  โมงครึ่งเข้าไปแล้วเนี่ย 
 
พักเที่ยง  โรงเรียนมัธยมกรีนการ์เด้น
“ไงเรา  ได้ข่าวว่ามาสายหรอวันนี้”  เสียงทักดังขึ้นจากด้านหลัง  ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร  เสียงแบบนี้มีคนเดียวแหละ  พี่ยู
“ค่ะ  พอดีมีเรื่องนิดหน่อยค่ะ”  ฉันบอกอย่างไม่มีปิดบัง  เพราะไม่รู้จะปิดไปทำไม  พี่ยูก็เหมือนครอบครัวเดียวกันไปแล้วล่ะ  ตอนนี้น่ะ
“เห?  มีเรื่องอะไรงั้นหรอ  เรื่องโทโมะหรือเปล่า”  พี่ยูถามด้วยความสงสัย  พลางถามถึงโทโมะจังด้วยน้ำเสียงติดกังวล
“ค่ะ...”  ฉันตอบค้างไว้  เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี
“พี่ว่า  โทโมะจังคงมีปัญหาแล้วล่ะ”  พี่ยูพูดขึ้นลอยๆ  โดยไม่หันมามองฉันที่เงยหน้ามองพี่เขาอยู่
“นิจิก็คิดแบบนั้นค่ะ  เป็นห่วงจัง  แต่โทโมะก็ไม่ได้บอกอะไรให้รู้เลย  เลยไม่รู้จะช่วยโทโมะจังได้ยังไง”  ฉันพูดแล้วระบายลมหายใจหนักๆออกมา  หรือว่าฉันเป็นพี่สาวที่ใช้ไม่ได้ขนาดนั้นนะ  ที่ไม่รู้เรื่องอะไรของน้องชายเลย  ไม่รู้เลยสักนิด...
“นิจิ  พี่ว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้บอกเราน่ะ  อาจเป็นเพราะว่าเขายังไม่ต้องการความช่วยเหลือก็ได้  เราคงทำได้แค่คอยดูคอยประคับประคองโทโมะอยู่ไกลๆเท่านั้นล่ะ  ตอนนี้น่ะนะ”  พี่ยูกล่าว  เฮ้อ  ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ   บางทีตอนนี้คงทำได้แค่นี้จริงๆสินะ  ฉันยิ้มอ่อนๆกับตัวเอง
“ค่ะ”  ฉันพยักหน้ารับ  ได้แต่รอสักวันวันที่โทโมะจะออกปากพูดกับฉันถึงเรื่องราวทั้งหมด  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา  เรามีกันแค่สอง  มีเรื่องอะไรก็จะพูดกัน  จะปรึกษากันเสมอ  แต่พอมาถึงวันนี้  โทโมะมีอะไรกลับไม่ยอมบอกฉัน  ทำให้ฉันอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“ป่ะ  ไปซื้อข้าวกันเถอะ  เดี๋ยวจะหมดเวลาพักซะก่อน”  พี่ยูเอ่ยชวน  คงเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งเงียบอยู่  ฉันเงยหน้ามองพี่ยูก่อนจะพยักหน้าตกลงแล้วลุกขึ้นตามพี่ยูไป
 
ตอนเย็น
ในขณะที่ฉันเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกับพี่ยูเหมือนเช่นทุกวัน  แต่สิ่งที่ไม่มีเหมือนเดิมคือ  วันนี้ไม่มีเด็กชายหน้าตาจิ้มลิ้มมายืนรอพวกเราที่ประตูโรงเรียนอย่างเคย  ทำให้ฉันอดที่จะกังวลไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ  รู้สึกเป็นห่วงน้องชายขึ้นมาจับใจ  จึงบอกพี่ยูให้รีบเดินจะได้ถึงบ้านเร็วๆ  เมื่อถึงบ้านฉันจึงรีบเข้าบ้านทันที  ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องโทโมะ  เป็นห่วงเหลือเกิน  ภายในบ้านมืดสลัวเนื่องจากไม่ได้เปิดไฟ  บรรยากาศเงียบเหงาจนฉันรู้สึกใจหายขึ้นมา  ฉันเดินลึกเข้าไปมองรอบๆก็ไม่พบคนที่ต้องการพบ  ฉันตัดสินใจขึ้นไปดูที่ห้องน้องชาย  ในขณะที่ฉันกำลังจะก้าวขึ้นบันไดไปนั้น  พี่ยูได้วิ่งตัดหน้าฉันขึ้นไปข้างบนก่อน  ฉันเป็นห่วงโทโมะจนลืมไปแล้วว่าพี่ยูอยู่ข้างหลังฉันตลอด  จนฉันตั้งสติได้ความรู้สึกแปลกๆที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันได้เกิดขึ้นมาอีกแล้ว  มันแปลบที่หัวใจเหมือนเหล็กแหลมลนไฟนับร้อยทิ่มแทงลงมาที่หัวใจอย่างนั้นแหละ  มันเกิดจากอะไรนะ  แต่ฉันก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งนึกถึงสาเหตุ  ตอนนี้จิตใจฉันหวนกลับไปนึกถึงน้องชายอีกครั้ง  จากนั้นฉันจึงวิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว

To be con... 3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด