เช้าอากาศสดใส เมื่อคืนเหมือนได้นอนเต็มอิ่มยังไงไม่รู้สินะ ก็เมื่อคืนพี่ชาร์ปมาส่งที่บ้าน แต่ผมก็ทำท่าหมางเมินใส่ แต่ในใจนี้กับยิ้มแล้วหัวเราะชอบใจอยู่ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ ขณะที่พี่ชาร์ปมาส่งเจ้าตัวน้อยลูกรักของผมก็หลับไปแล้วครับที่เบาะหลัง ถึงยังไงก็ไม่มีเสียงพูดคุยกันนอกจากเสียงเพลงกล่อมเจ้าตัวน้อยของเรา
เช้านี้เลยดูสดชื่นทั้งคนเป็นแม่และลูกชาย และอาหารวันนี้ก็มีแต่ของโปรดของเจ้าตัวน้อยทั้งนั้น ดูแล้วเด็กน้อยของผมก็ยิ้มหน้าบานจนจะถึงหูอยู่ละ คงดีใจที่วันนี้ผมเอาใจเป็นพิเศษละสินะ
“วันนี้ทานเยอะๆเลยนะครับ จะได้ตัวโตๆ” ผมบอกกับลูกชายของผมที่นับวันยิ่งดูโตเป็นหนุ่มไปเรื่อยๆ แล้วหล่อด้วยสิ
“วินจะกินให้หมดเลย ฝีมือแม่ครับอร่อยที่สุดเลย” อะไรร้อยวันพันปีไม่ค่อยอ้อน วันนี้เป็นอะไรน่าอ้อนจัง เหมือนพี่ชาร์ปเลย อ้อนเหมือนกันเป๊ะ เฮ้อคิดแล้วก็เหนื่อยใจทั้งที่ว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว แต่ก็ต้องมาเจอกันโดนบังเอิญอีก
ติ๊ง ต๊อง ติ๊ง ต๊อง
“เอ๊ะใครมากดกริ่งที่หน้าบ้านแต่เช้าแบบนี้นะ น้องวินครับทานข้าวไปก่อนนะครับ แม่ครับไปดูก่อนนะครับว่าใครมา” บอกลูกชายด้วยหน้าหมางง หรือหน้าสงสัยอ่ะครับ
“ไม่เอา น้องวินจะไปด้วย เดียวแม่เป็นอันตราย” ผมควรร้องไห้ดีมั้ยครับที่ลูกชายเป็นห่วง ตัวก็แค่เนี่ยจะทำอะไรใครได้
“เออ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันครับ” เดินมาที่หน้าบ้านก็ชะโงกหน้าออกไปดูว่าใครมาที่หน้าบ้าน แล้วก็ถึงบางอ้อที่ว่า มีผู้ชายหน้าหล่อนามว่าชาร์ปพ่อของเด็กชายชาวินมายืนชะเง้อคอรอที่หน้าบ้านนั้นเองครับ ก็นึกว่าใครมากดกริ่งหน้าบ้านแต่เช้า
“อ้าวคุณชาร์ป ผมก็นึกว่าใครมากดกริ่งแต่เช้า ไม่ทราบว่ามาทำอะไรที่หน้าบ้านผมครับ” ไม่ให้อีกฝ่ายอ้าปากทัก ผมก็ถือโอกาสถามออกไปเลยว่ามาทำอะไร
“เออ พี่มาทำธุระแถวนี้นะ ผ่านมาเลยมาแวะดูว่าตื่นกันหรือยัง เพราะเมื่อคืนก็กลับกันซะดึกก็เลยมาดูว่าตื่นกันหรือยังแล้วก็มีธุระต้องมาทำแถวนี้ด้วย” ตอบไปเกาท้ายถอยไปแสดงว่ากำลังโกหกว่ามาทำธุระแถวนี้สินะ
“ออเหรอครับ แล้วทำธุระอะไรที่ว่าเสร็จหรือยังครับ” ถามลองเชิงเอาไวครับ
“ออ เออ ทำเสร็จแล้ว เลยผ่านมาทางนี้เลยมาหานะ” นั้นไงแล้วความจริงก็ออกจากปากผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของน้องชาวินและอดีตคนรักของผมครับ
“ออครับ ถ้าอย่างนั้นเข้ามาก่อนครับปล่อยแขกรอหน้าบ้านนานๆมันจะดูไม่ดีเอาได้ครับ”
“ขอบคุณครับ” พี่ชาร์ปอย่ายิ้มแบบนี้นะ ใจไม่ดีเลย อันตรายจริงคนๆนี้ แต่ก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนไปคือพี่ชาร์ปดูเอิบอิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานที่เห็นเสียอีก ไม่รู้สิครับ ไม่คิดละ เข้าบ้านดีกว่าเรา
“เชิญนั่งตามสบายเลยนะครับ บ้านออกจะเล็กไปหน่อย คนรวยๆอย่างคุณชาร์ปคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
“พี่จะไปว่าอะไรวาลได้ละครับ พี่ว่าไม่เล็กนะครับ อยู่ได้สามคนสบายเลยนะ วาลว่ามั้ยละ” จะมาไม้ไหนกันนะพี่ชาร์ป
“เหรอครับ ผมว่ามันจะดูอึดอัดมากกว่านะครับ เออ คือว่าคุณชาร์ปทานอะไรมาหรือยังครับ” ที่ถามไปไม่ใช่เพราะห่วงหรอกนะ เพราะหิวแล้วต่างหาก
“พอดีเลย พี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า รีบออกมาเลยไม่ได้ทานอะไร นอกจากกาแฟดำหนึ่งถ้วย”
“กินกาแฟเยอะไม่ดีนะครับ อ้าวแล้วชาวินไปไหนละเนี่ย น้องชาวินครับ อยู่ไหนครับ” อยู่ดีดีลูกก็หายไปไหนไม่รู้ครับ ตะโกนหาก็ได้งานนี้บ้านไม่ได้ใหญ่มากตะโกนไปก็ได้ยินครับ
“น้องวินอยู่นี้ น้องวินหิวครับ” อ้อที่แท้ก็หิวนี้เองลูกเรา
“ครับ แม่ครับขอโทษนะครับที่ปล่อยให้น้องวินหิว”
“ไม่เป็นไรครับ คุณลุงมากินข้าวกันครับ ฝีมือคุณแม่อร่อยมากเลยนะครับ น้องวินกินหมดทุกวันเลย คริคริ” ได้ทีชมใหญ่เลยนะลูกชาย
“ครับผม งั้นลุงชาร์ปไม่เกรงใจละนะ อย่ามาว่าลุงแย่งกินละ 55555” นี่ก็อีกคนเล่นเป็นเด็กๆไปได้
“เอาละครับ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ตอนนี้ก็ได้เวลารับประทานอาหารกันแล้ว เราก็ลงมือทานกันได้แล้วครับ คุณเอาข้าวเยอะมั้ย วันนี้หุงไว้เยอะหน่อยเพราะไม่ได้ออกไปไหนเลยหุงไว้กินเที่ยงด้วย”
“พี่ขอสองทัพพีพอครับ ถ้าไม่อิ่มค่อยขออีกจานแล้วกัน” มีถ้าไม่อิ่มด้วย ถ้าแต่ก่อนนี้ต้องบอกพี่ขอเยอะๆครับ หรือไม่ก็พูนจานมาเลยวาล โอ้แต่ก่อนนี้ซื้อข้าวอาทิตย์ละห้ากิโล ถ้าผมอยู่คนเดียวข้าวห้ากิโลตามห้างนี้อยู่ได้เกือบเดือน บางที่มอดขึ้นด้วยซ้ำ คิดแล้วก็ตลกตัวเอง เอาละกินข้าวดีกว่าเรา คิดเล็กคิดน้อยไปได้
จบจากอาหารเช้าเราสามคนก็มานั่งที่ห้องรับแขก วันนี้ชาวินน้อยกินไปสองจาน ส่วนพี่ชาร์ป เฮ้อ คิดแล้วไม่มีผิดกินเยอะยังไงก็กินเยอะอย่างนั้น คิดเอาว่าข้าวที่ผมหุงเต็มหม้อ มีอันต้องหมดเพราะพี่ชาร์ป กินไปห้าจานคนเดียว และตอนนี้ก็ทำท่าว่าจะหลับให้ได้ ตรงกับสุภาษิตที่ว่าหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน มันยังใช้ได้อยู่ ผมก็อยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ทำไรยังหางานไม่ได้เลย ถึงพี่ชาร์ปจะให้ผมไปทำงานที่บริษัทพี่เขาแต่ผมเองก็ปฏิเสธไปเพราะงานที่พี่ชาร์ปให้ทำคืองานเลขา แต่งานเลขามันคืองานผู้หญิง ผมเลยปฏิเสธไปครับ งานที่เหลือตอนนี้ก็พนักงานขายตามสาขาต่างๆครับ งานในบริษัทไม่มีว่างเลยนอกจากเลขา แต่ไม่ใช่เลขาหน้าห้องนะครับ มันคืองานเลขาในห้องมาถึงตรงนี้ผมรู้เลยว่าพี่แกคิดอะไรอยู่ ผมเลยรีบปฏิเสธออกไปทันทีครับ และตอนนี้ก็คิดหนักเรื่องงาน เงิน และโรงเรียนของลูกชาย คนเป็นแม่ก็ต้องทำให้ได้เพื่อลูก และอนาคตของลูก ถึงจะลำบากเพียงใดแม่ก็จะทน แต่ตอนนี้
“คุณชาร์ปครับ ไม่กลับเหรอครับ สายมากแล้วนะครับ เดียวไปทำงานสายลูกน้องว่าเอาหรอกครับ”
“ใครจะมากล้าว่านินทาพี่ลับหลัง ว่าแต่เราเถอะ ไม่ทำแน่เหรอตำแหน่งนี้ หายากนะ เงินก็สูงด้วย ไม่ต้องทำอะไร แค่ตรวจเอกสารให้พี่ก่อนที่พี่จะเซ็นต์อนุมัติก็แค่นั้นเอง” ถามว่าอยากทำมั้ยก็อยากครับ เพราะเงินดี งานสบายผมทำได้ครับ แต่ติดที่ว่าต้องอยู่ในห้องสองต่อสองกับพี่แกนี้สิยิ่งตกลงให้แกจีบได้ ถ้าผมรับงานนี้มันก็คือวิธีที่พี่ชาร์ปจะทำแต้มได้มากขึ้น เอาไงดีเรา อ้า คิดออกละ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอคิดดูก่อนนะครับ ได้คำตอบแล้วจะแจ้งให้ทราบครับ” เอาแบบนี้ละกัน เลี่ยงๆไปก่อนละกัน มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น
“อ่า ได้ครับ พี่ให้วาลคิดไม่เกินคืนนี้นะครับ พรุ่งนี้พี่จะมารอคำตอบที่หน้าบ้านนะครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวกลับก่อนดีกว่าดูดูแล้วว่าชาวินจะหลับแล้วนะ พี่ไม่รบกวนแล้ว ไปก่อนนะ ชาวินครับลุงไปก่อนนะครับ”
“น้องชาวินครับ ลุงชาร์ปจะกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับก่อนเร็ว” หันไปบอกลูกตามมารยาททางสังคมครับ
“กลับแล้วเหรอครับ ไว้มาเล่นกับวินใหม่นะครับลุงชาร์ป สวัสดีครับ กลับบ้านดีดีนะครับ” ลูกชายผมครับ ชาวินเป็นเด็กดีครับ แต่อีกอย่างชอบอวยพรทุกคนไม่เว้นแต่นก หนู แมลงสาบ แม้แต่งูยังอวยพรให้โชคดี แต่ก็ดีครับเขาจะได้โตเป็นเด็กที่ดีไม่มีปัญหา
“ถ้างั้นเดียวผมเดินไปส่งที่หน้าบ้านครับ”
“ขอบคุณครับ” ก็แค่ทำตามมารยาทเท่านั้นแหละครับพี่ชาร์ป
“ไม่เป็นไรครับทำตามมารยาท”
“วาลครับ พูดดีดีกับพี่ไม่ได้เหรอครับ คุณๆอะไรนั้นไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้ครับ มันดูห่างเหินกันไป เอางี้เรียกพี่ว่าพี่ชาร์ปเหมือนเดิมโอเคไหม”
“ผมว่ามันไม่โอเคครับ เรียกคุณแบบนี้แหละครับเป็นทางการดี” เดินออกมาส่งแค่นี้ก็เถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้วครับ เฮ้อ จะรอดไหมครับงานนี้
“โอเค ได้ครับ ถ้ามันทำให้วาลสบายใจพี่จะไม่ขัดครับ ถ้างั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารเช้า แล้วพรุ่งนี้พี่จะมารอคำตอบจากวาลนะครับ” ผมได้แค่พยักหน้าบอกเป็นนัยสำคัญไปว่าได้ครับ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วพี่ชาร์ปก็เดินไปที่รถที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆนี้แล้วก็ขับออกไป ผ่านไปสักพักผมก็เดินเข้ามาในบ้านแล้วก็เจอเด็กแสบที่ตอนนี้หลับอยู่ที่โซฟาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลูกชายผมเป็นเด็กเลี้ยงง่ายครับแต่ถ้าไม่ชอบใครก็จะไม่เข้าใกล้หรือไม่ก็ไม่พูดด้วยเลย แต่คนไหนที่ถูกชะตาด้วยละก็จะเล่นหาเรื่องมาเล่ามาคุยโน่นนี้นั้นจะรำคาญไปเลยละครับ แต่ผมว่าก็ดีนะครับเป็นการทำให้เด็กเข้าสังคมได้ ที่ผมไม่ให้น้องออกไปไหนเพราะกลัวว่าน้องจะโดนล้อว่าเป็นเด็กไม่มีแม่ไม่มีพ่อเดียวน้องจะเสียใจเอาได้ เพราะผมเองก็ไม่เคยบอกใครว่าผมท้องได้ เรื่องนี้เป็นความลับที่สุด และเรื่องชาวินผมก็บอกไปว่าเป็นลูกผมโดยให้เขาเรียกผมว่าแม่เท่านั้นนอกนั้นไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากให้คนตีข่าวใส่สีผมไป แต่ผมไม่สนใจครับ อีกไม่นานน้องก็จะเข้าโรงเรียนแล้วจะเป็นเด็กนักเรียนชั้นป.1แล้ว ตอนเรียนอนุบาลผมก็ให้ไปเรียนที่โรงเรียนอื่นที่ไม่ใช่โรงเรียนในระแวกนี้ครับ เอาละเล่ามาเยอะ เอาตัวแสบไปนอนดีกว่าครับ ผมเองก็ต้องทำงานบ้านจะได้ทำสะดวกหน่อยครับ เพราะชาวินชอบกวนเวลาผมทำงาน ดีที่วันนี้หลับเร็ว รีบทำดีกว่าเดียวตื่นมาจะยุ่ง
ชาร์ป part
หลังจากที่ผมขับรถออกมา ก็ได้แต่ยิ้มเพราะความดีใจ ก็จะไม่ให้ยิ้มไม่ให้ดีใจได้ไงละครับ ได้อยู่กับลูกเมีย เหมือนครอบครัวขนาดนี้มันเป็นอะไรที่มีความสุขมากครับ ต่อไปผมต้องลุยหน้าเดินหน้าท้าชนต้องกุมหัวใจของวาลให้ได้ แต่ตอนนี้ผมต้องรีบกลับไปทำงานที่ทำค้างไว้ก่อนครับ
Rrrrr
แล้วผมก็หันไปมองว่าใครโทรมา เจอชื่อปุ๊บก็ไม่อยากรับเลยครับ จะใครละครับเลขาแสนสวยผู้มากด้วยเสน่ห์แต่ผมไม่ได้พิศวาทเธอนะครับ เพราะผมเข็ดกับรักครั้งนั้นมาก่อนแล้ว ผู้หญิงแบบนี้ร้อยทั้งร้อยผ่านมาหมดละครับ แต่ยังไงผมก็ต้องรับสายครับเผื่อมีธุระสำคัญ
“สวัสดีครับคุณรินญาดา” ผมรับสายเธอ
“สวัสดีคะบอส ตอนนี้บอสอยู่ไหนแล้วคะ” เจ้าหล่อนทักทายตามมารยาทแล้วถามผมว่าอยู่ไหน มันคืออะไรกัน
“ผมกำลังจะเข้าบริษัทครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทรมาเวลานี้” ผมถามออกไป ถ้าไม่มีธุระก็มีเรื่องเดียวคือชวนออกไปหาอะไรทานแน่เลยครับ เพราะเท่าที่รู้มาเธอกำลังวางแผนจับผมให้อยู่หมัดแล้วรัดผมให้ตายในอ้อมกอดของเธอนั้นเอง
“เอ่อ คือว่า เที่ยงนี่บอสว่างหรือเปล่าคะ” นั้นไงผมว่าละ
“ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญผมขออนุญาตวางสายนะครับ เพราะช่วงเที่ยงผมมีนัดด่วนครับ” แล้วผมก็วางสายเธอไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรอีกแล้วผมก็ขับรถต่อไปเรื่อยตามถนนที่จะมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายนั้นก็คือบริษัทของผมครับ
รินญาดา Part
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้คุณชาร์ป กล้าวางสายฉันเหรอ ต่อไปนี้แกไม่รอดแน่”
“ร้องโวยวายอะไรครับที่รัก”
“อ่ะ เปล่าคะ รินทำให้เสี่ยตื่นเหรอคะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่หรอกจ่ะ ก็จะถึงเวลาตื่นของเสี่ยละ จะได้เวลากลับบ้านแล้วด้วย”
“เสี่ยคะ รีบกลับจังเลย อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
“เดี๋ยวที่บ้านเสี่ยรู้เข้ามันจะไม่ดี”
“ก็ได้คะ ไว้วันไหนว่างๆมาหารินอีกนะคะ”
“ได้จ่ะที่รัก อ่ะนี้ทิปเล็กๆน้อยๆปลอบใจน้องรินคนสวย”
“ขอบคุณมากคะเสี่ย รักเสี่ยที่สุดเลย”
“ถ้าอย่างนั้นเสี่ยกลับก่อนนะ”
“เดี๋ยวรินไปเปิดประตูให้คะ”
“เสี่ยกลับละ จุฟ ไปนะคะคนดี”
“บ๊ายบายคะ”
“หึ ไอ้เสี่ยหน้าโง่ กูหลอกมึงขนาดนี้ยังจะหลงกูอีกนะ รายต่อไปเชิญคะ แล้วต่อไปก็คุณชาร์ป หึ คุณต้องเป็นของรินรู้ไหมคะคุณชาร์ป”
วาล Part
“น้องชาวินครับ อยู่ไหนครับ เที่ยงแล้วนะครับ มากินข้าวกันเร็วครับ” เอ๊ะเจ้าชายน้อยของผมไปไหนกัน
“ฮึก อึก ไม่นะ ฮึก ฮือออ ไม่ตายนะ อือ ไม่ตายนะ” เอ๊ะเสียงน้องชาวินนิ เหมือนจะร้องไหน ใครทำอะไรน้อง เสียงดังมาจากหน้าบ้านด้วย เดียวเดินออกไปดูหน่อยละกัน
เดินมาถึงหน้าบ้านผมก็หันซ้ายหันขวาหาลูกชายอันเป็นที่รักของผม แต่เสียงสะอื้นยังดังต่อเนื่อง อยู่ไหนนะ
“น้องวินครับ อยู่ไหนครับ”
“คุณแม่ครับ น้องวินอยู่ อึก นะ นี้คะ ฮึก ครับ”
“อ้าว แล้วมานั่งร้องไห้อะไรอยู่ตรงนี้ครับ แม่นึกว่านอนอยู่บนห้องเสียอีก แล้วนั้นอะไรครับ”
“แม่ครับ แม่ช่วยน้องหมาตัวนี้ด้วย มันกำลังจะตาย แม่ครับพามันไปโรงพยาบาลหน่อยนะครับ นะๆๆๆๆ” ผมก็นึกว่าลูกร้องไห้เพราะอะไรที่แท้ก็หมาน้อยโดนวางยานี้เอง
“น้องวินครับวิ่งไปเอาไข่ดิบมาให้แม่หน่อยครับ เอามาเยอะๆเลยนะ น้องวินยกมาทั้งแผงเลยก็ได้” ผมบอกลูกชายตัวน้อยเสร็จ น้องวินก็รีบวิ่งปาดน้ำตาเข้าไปในบ้านทันที ผมเองก็ทำการจัดท่าให้น้องหมาตัวน้อยแสนน่ารักและโชคร้ายตัวนี้ และเริ่มการรูดท้องให้มันขย้อนอาหารที่มันกินออกมา น่าสงสารจริงครับ น่ารักน่าชังไม่ใช่หมาพันธุ์ราคาแพ้ครับ เป็นหมาบ้านตัวน้อยที่เกิดจากแม่หมาจรจัดแถวนี้แน่เลยครับ
“แม่ครับไข่มาแล้ว” โห้ ลูกชายผมยกแผงไข่มาได้จริงครับ เก่งจริงลูกชายผม
“เอามาให้แม่มา เอาละแม่จะช่วยน้องหมาตัวนี้แล้วนะครับ” แล้วผมก็เริ่มลงมือตอกไข่แล้วก็กรอกปากเจ้ามาน้อยทีละใบ ไปเรื่อยๆจนมันขย้อนเอาอาหารที่มันกินออกมาครับ ผมป้อนไปจนไข่เกือบจะหมดแผง แล้วก็ดูอาการมันครับว่าเป็นอย่างไร
“แม่ อึก คะ ฮึก ครับ น้องหมาตื่น อึกแล้ว” ผ่านไปห้านาทีปาฏิหาริย์ก็บังเกิดครับ เจ้าหมาน้อยฟื้นขึ้นมาได้ น้องชาวินดีใจจนร้องไห้อีกรอบ ทีเรื่องแบบนี้อ่อนโยนจังนะตัวแสบ
“ครับ แล้วจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีละครับ”
“ได้เหรอ อึก ครับ” เจ้าชายน้อยของผมตาโตเลยครับ
“ได้สิครับ แม่ให้น้องชาวินตั้งชื่อให้น้องหมาน้อยตัวนี้ครับ แล้วชาวินก็ต้องดูแลเขาให้ดีดีด้วยนะครับ”
“ครับผมน้องวินจะดูแลอย่างดีเลย เย้ๆๆๆๆ เจ้าหมาน้อย เราจะตั้งชื่อเจ้าว่า ว่า ไข่เจียวนะ เจ้าชื่อไข่เจียวนะ ไข่เจียว” เอ๊ะ ไข่เจียวเหรอ เอาน่าให้สิทธิ์เขาแล้วนินะ แต่ลูกชายผมก็เติบโตขึ้นมาอีกขั้นนึงแล้ว ต่อไปก็ต้องดูพัฒนาการของเข้าไปอีกนานเลยครับ
ปี๊นๆ ปี๊นๆ
“เอ๊ะรถใครมา น้องชาวินครับไปดูสิว่าใครมาเดียวแม่จะอุ้มน้องหมาน้อยตามไปนะครับ”
“ครับผม” แล้วเจ้าชายน้อยของผมก็วิ่งไปด้วยความเร็วแสงครับ จากนั้นผมก็เดินตามเข้าไปโดยอุ้มน้องไข่เจียวสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเด็กชายชาวินแล้วก็ดูว่าใครมา พอเดินมาถึงหน้าบ้านก็เจอกันรถสีดำจอดอยู่
“รถใครนะ แล้วน้องวินไปไหนอีกละนิ น้องวินครับอยู่ไหนครับ” แล้วผมก็เอาเจ้าไข่เจียวไปไว้ในที่ร่มๆหาผ้ามาห่มให้มันแล้วตามหาน้องชาวินต่อ
“อร๊ายยยยย มะ แม่ครับ น้องวะ อ้ากกกกก วินอยู่ นะ อีๆๆๆๆๆๆ นี้ครับ” เอ๊ะบอกให้มาดูว่าใครมาแล้วทำไมหัวเราะร้องกรี๊ดกร๊าดขนาดนั้นละครับ อยู่กับใครกัน หรือว่า
“คุณชาร์ป”
“ครับเรียกพี่ทำไมครับ” แล้วเขามาทำอะไรกัน
“คุณมาทำอะไรอีกครับ ไหนบอกไปทำงานไง”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่มากินข้าวที่บ้านเมีย” ฮึ อะไรใครเมีย คืออะไร
“อะไรนะครับ”
“มากินข้าวกับลูกกับเมียไงครับ”
“ไอ้บ้า ใครลูกเมียคุณกัน” นั้นสิ พูดปรักปรำ
“ก็ที่ยืนเถียงอยู่นี้ไงครับ เมีย แล้วที่นั่งตักอยู่นี่ก็ลูก และที่พูดบอกและหิวอยู่นี้ก็สามีไงครับ” หะ อะไรนะ ตาโตเลยครับผม เขาพูดอะไรของเขากัน ไม่จริงนะ “ถึงกับค้างเลยเหรอครับที่รัก”
“คุณมันบ้าไปแล้วใครเมียคุณ ไม่มีแล้วผมก็ไม่ใช่ด้วย” เถียงครับเถียง
“แล้วที่นั่งตักอยู่นี้ลูกหมาที่ไหนถ้าไม่ใช่ลูกของพี่กับวาล” ทำไมต้องยำด้วยนะ
“ชิ” เถียงไม่ออกครับ ได้แต่ส่งเสียงชิออกไปเท่านั้น
“วาลครับพี่หิวแล้วนะครับ”
“น้องวินก็หิวแล้วเหมือนกัน เอ่อแล้วไข่เจียวละครับแม่” ลูกชายถามหาน้องหมาของตัวเอง
“อะไรนะครับไข่เจียว วันนี้มีไข่เจียวเหรอครับของโปรดป๊าเลย”
“ไม่ใช่ครับ ไข่เจียวคือหมาครับ” หึหึ ถึงกับเหวอไปเลยครับคุณพี่ชาร์ป
“แม่เอาไปนอนแล้วครับ มันคงเพลียเดียวค่อยไปดูมันนะครับกินข้าวกันก่อน”
“ครับ ถ้างั้นไปกินข้าวกัน เย้ๆๆๆๆ วันนี้แม่ทำอะไรให้กินนะน้องวินตื่นเต้นจังเลย คริคริ” ดีใจใหญ่ได้รับรางวัลเป็นลูกหมาและยังตื่นเต้นดีใจว่าจะได้กินอะไรในวันนี้
“ครับ ครับ ปะไปกินข้าวกัน คุณจะกินข้าวไหมครับ ถ้าจะกินก็ตามมา” มองตาขว้างให้แล้วยังมายิ้มตาปิดอีกนะพ่อคู๊ณ
“ครับ ไปแล้วครับ รอด้วยครับ” เฮ้อนิสัยขี้อ้อนแบบเด็กๆยังไง ก็ยังเป็นนิสัยเด็กๆอย่างนั้น มันไม่ได้ดูน่ารักเลย
แล้วทั้งสามก็นั่งกินข้าวด้วยกันโดยมีเสียงของน้องชาวินพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ว่าที่คุณพ่อของตัวเองฟัง และเรื่องวันนี้ว่าทำอะไรไปบ้าง และผมก็นึกขึ้นได้ เลยลุกขึ้นไปเอานมจืดที่ยังไม่แช่เย็นมาเทใส่ชามเล็กๆ เพื่อเอาไปให้เจ้าไข่เจียว
“ไข่เจียว กิกๆๆๆๆๆๆ(เสียงเรียกสุนัข) ออกมาเร็ว มากินนมเร็ว” เรียกอยู่นานไม่เห็นออกมา เลยเดินไปเปิดผ้าที่เอาห่อตัวเจ้าน้องหมาน้อยไว้ออกดู มันอยู่ในสภาพลมหายใจโรยริน ผมคิดว่าต้องพามันไปหาหมอแล้วละถึงจะช่วยแค่เบื้องต้นแต่หมาตัวเล็กแค่นี้จะทนได้นานขนาดไหนกัน ผมรีบอุ้มเจ้าไข่เจียวแล้วไปบอกพี่ชาร์ปให้พาไปโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกรักษาสัตว์ที่อยู่ใกล้ที่สุด หลังจากที่ผมอุ้มไข่เจียวแล้วบอกว่ามันจะไม่ไหว เจ้าชายน้อยของผมถึงกับร้องไห้โฮเลยครับ ผมละสงสารลูกจริงๆครับ ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ต้องตั้งสติเอาไว้ แล้วก็ออกจากบ้านไปที่คลินิกกันครับ
ณ คลินิกรักษาสุขภาพสัตว์เลี้ยง
ห้องฉุกเฉิน
“แม่ครับ ฮึก ไข่เจียวเข้าไปในห้องนั้นนานแล้วนะครับ” เจ้าชายน้องของผมบ่นออดแอดออกมาเมื่อน้องหมาน้อยเข้าไปนานแล้ว
“คุณหมอกำลังช่วยไข่เจียวยอยู่ครับ นั่งรอก่อนนะครับ อีกแป๊บเดียวก็ออกมาแล้ว”
กึก
แล้วประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก เราสามคนหันไปมองแล้วคนที่วิ่งไปคนแรกก็ไม่ใช่ใคร เด็กชายชาวิน เจ้าชายของผมครับ
“คุณหมอครับ ไข่เจียวหายหรือยังครับ” ด้วยความเป็นห่วงน้องหมาเลยถามออกไปตามประสาเด็ก
“หายแล้วครับแต่คงต้องให้นอนที่คลินิกเพื่อดูอาการนะครับ น้องเป็นเจ้าของหมาน้อยตัวนั้นเหรอครับ” คุณหมอหนุ่มย่อตัวนั่งลงถามเด็กน้อยด้วยท่าทีอ่อนโยน เด็กน้อยไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงว่า ใช่ครับผมเป็นเจ้าของหมาน้อยตัวนั้น
หลังจากนั้นเราก็ทำเรื่องการจ่ายค่ารักษาค่ายา พอผมเห็นค่ารักษาและค่ายาเท่านั้นแหละครับ ลมจะจับให้ได้เลย ก็จะไม่ให้ลมจับได้ไงละครับ นึกว่าค่ารักษาพยาบาลคน โฮ หมื่นนิดๆนี้ก็ถือว่าเยอะพอควรครับ ผมจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายละครับ
“มา พี่จัดการเอง” พี่ชาร์ปตอบขึ้นมาท่ามกลางความตกตะลึงของผม โดยที่ผมยอมยื่นบิลล์ค่ารักษาค่ายาให้พี่เขาไปจ่ายครับ อยากเอาหน้าดีนัก ปล่อยไปครับเขารวยนิครับ
แล้วผมก็เดินมาหาเจ้าชายน้อยของผมที่ยื่นอยู่ในห้องพักฟื้นที่มีไข่เจียวนอนหลับไหลอยู่โดยไม่รู้สึกตัว
“อึก” เป็นเสียงสะอื้นของเจ้าชายน้อยของผมครับ ถึงจะหยุดร้องแล้วแต่ยังมีลูกสะอื้นอยู่ โตไปอีกขั้นแล้วสินะลูกชายตัวน้อยของแม่
#############################################################
มาแล้วครับ ตอนที่4 แล้ว ตัวละครเพิ่มมีอีกตัวแล้ว นางจะมาทำอะไร รอต่อไปนะครับ นางจะมาดีหรือมาร้ายนะไรท์คงบอกไม่ได้ แต่ก็คงเดาไม่ยากละนะ
แล้วก็เพิ่มมาอีกตัวที่จะมาเพิ่มสีสันต์หรือป่วนกันแน่นะ
ยังไงก็
เม้นให้กำลังใจ
บวกเป็ดรัวๆๆๆๆๆๆ นะครับ
ขอโทษนะครับที่มาช้า
อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นบทเรียน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้น ขอบคุณที่บวกเป็ดมากๆนะครับ
ตอนหน้าเจอกันใหม่ครับ