SIDE STORY :: พี่รหัส #1นารายณ์ talk
มันเป็นเรื่องราวหลังเปิดเทอมได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน
ผมได้ไอ้ตัวแสบเป็นน้องรหัส ไม่ใช่แค่แสบธรรมดาแต่ไอ้เด็กเวรนี่เล่นผมซะแสบสรรค์ถึงทรวงใน แค่รับน้องวันแรกไอ้เด็กเวรนี่ก็เกรียนแตกปีนเกลียวกล้าหือกับพี่ว๊ากที่สั่งให้มันร้องเพลงประจำคณะ แน่นอนว่ามันร้องไม่ได้หรอก ไอ้ผมที่มีหน้าที่นั่งหล่อดูน้องๆก็ได้แต่ภาวนาให้มันไม่เถียงอะไรพี่ปีสามกลับไป
ซึ่งคำภาวนาของผมก็ไร้ผลเมื่อไอ้เด็กเวรมันร้องไม่ได้ไม่พอแต่มันเสือกลืมวิธีแนะนำตัวด้วย ที่สำคัญคือมันไม่ไปล่ารายชื่อรุ่นพี่เหมือนเพื่อนคนอื่นในชั้นปีด้วยซ้ำ
ผมแทบจะยกตีนก่ายหน้าผาก
“นั่นน้องรหัสมึงใช่ป่าววะ”เพื่อนร่วมภาคคนนึงเดินมาทัก ขณะนี้บรรยากาศโคตรคุกรุ่นเลย ไอ้เจอร์น้องรหัสผมถูกสั่งให้ไปลุกนั่งอยู่อึกมุมนึง
“เออ แม่ง...”
“ไม่เข้าไปช่วยมันหน่อยอ่อวะ”
“กูขอบาย มันไม่คิดจะตามหาพี่รหัสตัวเองด้วยซ้ำ ทำไมกูต้องไปช่วยมันวะ”
“เห้ยๆ เด็กมันปากดีไปงั้นแหละมึงไม่เห็นเหรอว่าแค่ลุกนั่งไม่ถึงร้อยทีก็ขาสั่นลิ้นห้อยแล้ว”ผมหันไปมองร่างสูงโปร่งของน้องรหัสแล้วก็พบว่ามันดีแต่ปากตามที่เพื่อนพูด
“ปล่อยมันไป”
“มึงใจแข็งว่ะ ไม่ไปช่วยมันหน่อยวะมึงก็รู้ว่าพี่เขาคงสั่งให้มันทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะปล่อยเด็กคนอื่นกลับบ้าน”
ผมถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่”แต่มันยังไม่รู้ว่ากูเป็นพี่รหัส ถ้าเข้าไปช่วยมันไม่เท่ากับว่าเป็นการเฉลยมันเหรอวะ”
“เอ๊า! ก็เมื่อกี้มึงบอกเองว่าน้องมันไม่สนใจพี่รหัส มึงเข้าไปช่วยมันก็คงคิดว่ามึงทำดีเอาหน้าเรียกเสียงกรี๊ดไม่มานั่งสนใจมึงหรอก ดูดิ๊นั่น เริ่มอู้ละ อีกเดี๋ยวแม่งต้องโดนพี่นิลตีหัวแบะ”
พูดซะกูอยากช่วยเลยไอ้ห่า ถุ้ยยยย!
เข้าไปช่วยแล้วโดนเกลียดกูจะเข้าไปทำไมวะ
เออ กูจะเข้าไปทำไมวะ!?
ผมแม่งใจอ่อนโดนเพื่อนกล่อมนิดนึงก็เดินหน้าหล่อมาหาให้เด็กแสบที่ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแล้ว มันตวัดตามองผมเชิงถามว่า ไอ้เหี้ยมึงมายืนหล่อค้ำหัวกูทำไม?
“ยืนขึ้นซะ”ผมกล่าวเสียงเรียบ แต่ไอ้คนโดนสั่งก็ดื้อไม่รู้เวล่ำเวลา ร่างโปร่งเปลี่ยนท่านั่งจากนั่งหงายหมดสภาพเป็นนั่งขัดสมาธิกอดอก เออ เอาเข้าไป สรุปคือจะไม่ลุกให้ได้ใช่ไหม
เพราะตำแหน่งที่มันอยู่คือด้านหลังแถวของพวกปีหนึ่งคนอื่น พวกเพื่อนๆมันเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันบ้าง แต่ไอ้คุณพี่ว๊ากปีสามด้านหน้านี่เห็นเต็มๆ ไอ้พี่นิลเลิกคิ้วมองผมที่อยู่ดีๆๆก็เข้ามาสอด พี่เขาส่งงานต่อให้เพื่อนและเดินเข้ามาหาพวกเราสองคน ไอ้เด็กดื้อแทนที่จะสำนึกขึ้นมาลุกนั่งต่อมันกลับส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเหมือนการที่พี่นิลเดินมาเป็นความผิดของผม
“มีธุระอะไร”พี่นิลพูดเสียงเข้ม
ไม่ต้องดุกูก็ได้ครับกูไม่ใช่เฟรชชี่
แต่ก็เอาเถอะ พี่แกต้องเก๊กขรึมต่อหน้ารุ่นน้อง
“ผมเห็นน้องเขาร้องเพลงไม่ได้เลยคิดว่าจะพาน้องไปสอนร้องเพลงครับ”แล้วกูก็เดือดร้อนต้องตอบแบบเป็นทางการด้วยไง คือปกติผมกับพี่นิลค่อนข้างสนิทกันครับ
“หน้าที่สอนร้องเพลงคือหน้าที่ของพวกเราปีสาม คุณเป็นใครมีสิทธิ์อะไร!?”ไอ้คุณพี่นิล มึงไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ก็ได้นะ
“ถึงผมจะไม่ได้มีหน้าที่สอนร้องเพลงแต่ยังไงผมก็เป็นพี่ พี่มีหน้าที่ต้องดูแลน้องครับ!”
“หึ!”
มึงหลุดขำนะครับพี่นิล โชคดีที่ไอ้เด็กเวรนี่มัวแต่อวดดีหันหน้าไปอีกทางมันเลยไม่เห็นว่าพี่ว๊ากหลุด พี่นิลแม่งแกล้งหลอกให้ผมพูดจาหล่อๆซึ่งขัดกับนิสัยปกติผม ไอ้พี่มันทำปากขมุบขมิบพอแปลความได้ว่า
...น้องรหัสมึงเหรอ...
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
“งั้นผมฝากคุณดูแลเขาด้วย ถ้าวันพรุ่งนี้เขายังร้องไม่ได้ผมจะลงโทษคุณอีกคน!!”หาเรื่องซวยแล้วไงวะกู ไอ้พี่นิลสะบัดตูดกลับไปด้านหน้าตามเดิมทิ้งผมไว้กับเจ้าปัญหาก้อนใหญ่เพียงลำพัง
“มึงก็ลุกขึ้นได้แล้ว จะรอให้พี่เขากลับมาอีกรึไง!?”
ผมรู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรโง่และโคตรพลาดยิ่งกว่าเผลอทำผู้หญิงท้องอีก ภายในห้องพักสี่เหลี่ยมแคบๆราคาครึ่งหมื่นต่อเดือนของไอ้คุณท่านน้องรหัส ผมทอดถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สิบเมื่อไอ้เด็กเวรที่ผมใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการบังคับขู่เข็นให้มันพามาที่หอเพื่อสอนร้องเพลงกลับนั่งแดกมาม่าอย่างสบายอารมณ์
“กินดิ นั่งหล่ออยู่นั่นแหละ”มันเขยิบหม้อมาให้ผมอย่างไม่ทุกข์ร้อน ในหม้อแม่งใส่ผักใส่หมูน่ากินสัส เออ กินก็ได้วะ
“หิวอ่ะเดะ! อ๊ะๆ อย่ามองตาขวาง เดี๋ยวไม่ให้กินซะเลย”กูอยากกินตายล่ะ เด็กเวรนี่นอกจากจะเหี้ยแล้วยังกวนตีนอีก ผมก็บ้าจี้รีบคว้าตะเกียบไม้จ้วงกินกับมันซะงั้น
“พี่หล่อๆ”
ดูมันเรียก
“ไร”
“พี่มาเสือกไมวะ”
พรวด! มาม่ากูพุ่งเลยสัส!
“โอ๊ยยย หล่อแต่กินเลอะเทอะก็ไม่ไหวนะแม่งงง เช็ดเลยๆ”ถ้ามึงไม่ใช่น้องรหัสกูนะกูตบปากแตกไปละ ผมมองแรงใส่มันซึ่งไม่สะทกสะท้านกินส่วนของตัวเองต่อสบายใจเฉิบ
“ตกลงมึงจะให้กูสอนร้องเพลงป่ะเนี่ย”
“สอนดิๆ ขี้เกียจโดนทำโทษละ เหนื่อยฉิบหาย แต่จะให้นั่งท่องเองก็ใช่เรื่องไง เมื่อวานแค่หยิบโพยที่แม่งแจกขึ้นมากูก็หลับละ จะให้เปิดเพลงฟังกรอกหูเสียงร้องแม่งก็เก่าเกินยังกับจ้างลิเกมาร้อง...”มันกินไปบ่นไป เบะปากด้วย คิดว่าน่ารักตายห่าล่ะ
เออ...ทำไมกูเห็นว่ามันน่ารักนิดๆวะ
“ว่าแต่พี่เหอะ ชื่อไรวะ”นี่มึงคุยกันมาตั้งนานแต่ไม่รู้จักกูเนี่ยนะ
“นารายณ์”
“เชร้ดดดดด ชื่ออลังการเว่อร์วังมาก ผมชื่อเมเจอร์นะ จะเรียกสั้นๆว่าเจอร์ก็ได้ แต่ถ้ากล้าเรียกว่าเมมีต่อยปากแตก!”
“พูดจาให้มันดีๆหน่อยมึงอ่ะ”ผมเอ่ยปรามเพราะมันชักจะเล่นหัวกูมากเกินไปละ
“เออๆ ว่าแต่พี่อยู่หอแถวนี้ป่ะ”
“ป่าว กูอยู่คอนโด แต่ก็ไม่ไกลหรอก ไอ้คอนโดที่อยู่ปากซอยข้างๆอ่ะ”ไอ้เจอร์มันเช่าหอใกล้ๆมหาลัยอยู่ ซึ่งเพื่อนในคณะผมหลายคนก็อยู่แถวนี้แหละผมที่ขี้เกียจขับรถไปกลับบ้านบ่อยๆเลยขอพ่อซื้อคอนโดข้างๆนี่ซะเลย
“เหยดดดด หล่อ รวย K ใหญ่นะครับพี่นารายณ์”
“มึงก็หล่อหนิ แต่Kใหญ่รึป่าวอันนี้ไม่แน่ใจ”ผมแกล้งแซวเด็กมันสักหน่อยมันงี้มองตาขวางเลย สงสัยแทงใจดำ
“ลองดูป๊ะล่ะ”
เด็กมันกล้า ยักคิ้วมาให้สองจึก
“ควักออกมาเดะ”
“เหี้ย!!”
“ก็มึงถามเองว่าอยากดูไหม”
แต่กูกล้ากว่า ฮ่าๆๆๆ เจอกูสวนหน่อยหุบปากสนิทเลย แม่งก้มตาก้มตากินมาม่าของมันต่อเงียบ ไอ้ผมก็หิวเลยขอแดกฟรีหน่อยเห็นมันทำมาสามซองทีแรกก็นึกว่ากินเยอะที่จริงแล้วพอมีสำนึกแบ่งกูนี่หว่า
“อ่ะ ล้างด้วย ตรงระเบียงนะ”
แม่งใช้...ผมตีหน้าเซ็งแต่ก็ยอมล้างให้เพราะตอนทำมันก็ทำให้แบบไม่มีบ่น ผมเลื่อนประตูออกไปยังระเบียงเพื่อพบกับก็อกน้ำเตี้ยๆรองด้วยกะละมังหนึ่งใบและเก้าอี้ซักผ้า
โอเค๊ ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างคุณชายนารายณ์เกิดมาครั้งนึงต้องนั่งยองๆล้างจานตามคำสั่งเด็กเวร“เห้ย!! โหยยย พี่มึงเป็นเดือนมหาลัยเหรอ!? มิน่าล่ะหล่อสัส!”เสียงไอ้เจอร์ดังมาจากเตียงของมัน เดาว่ามันคงเปิดเน็ตเข้าเฟสแล้วเจอคนแชร์รูปผมจากเพจประกวดดาวเดือนมหาลัยมา
“มึงก็ลองประกวดดิ กูว่าหน้าอย่างมึงคงได้เป็นเดือนภาคชัวร์ๆแต่จะถึงเดือนคณะไหมอันนี้กูไม่แน่ใจ”ผมพูดตามความจริง น้องรหัสผมมันหล่อครับ เห็นมันปากหมาอย่างงี้แต่ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันหรือรุ่นพี่ก็เล็งมันกันเยอะ แต่หน้ามันไม่แมนเท่าไหร่ ไม่ได้ว่ามันอ้อนแอ้นอะไรนะไอ้ห่านี่ก็มีกล้ามหน่อยๆแต่คือเดือนคณะผมส่วนใหญ่ต้องกล้ามหนาสูงหล่อมาดเข้มไง อารมณ์วิศวะเถื่อนๆหน่อย แต่ไอ้นี่แค่ส่วนสูงก็ไม่ผ่านละ
“ไม่เอาอ่ะ น่ารำคาน ผมสันดานเหี้ยไม่เหมาะกับตำแหน่งหน้าตาคณะ”
“รู้ตัวหนิ”
“พี่มีเมียยัง”
หม้อในมือกูแทบร่วง
“ยัง”
“เก็บกินตามทางไม่อยากผูกมัด?”
“กูไม่นิยมวันไนท์แสตนด์”
“พี่ยังซิงอยู่เหรอ อ่อนว่ะ”
“ยังไม่ได้พูดสักคำว่ากูไม่เคย”เห็นมาดนิ่งๆแต่พี่ก็ฟาดมาเยอะนะน้องพี่แค่บอกว่าไม่ชอบเฉยๆ
“ดีๆ เดี๋ยวหมดรับน้องละไปเที่ยวกัน”
“มึงควรไปกับพี่รหัสมึงมากกว่านะ”ผมล้างหม้อเรียบร้อยก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เก็บของเข้าที่ก่อนทิ้งตัวนั่งขอบเตียง ในหัวทบทวนเนื้อเพลงไปพลางปากก็แกล้งหลอกถามเด็กไปพลาง
อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะแสดงอาการยังไงตอนมีคนถามถึงพี่รหัส
“อ้าว!? ผมคิดว่าพี่เป็นพี่รหัสผมซะอีก”ผมว่าพร้อมยักคิ้วกลับมาแบบเยาะเย้ย
สัส! เสือกฉลาด
วันรุ่งขึ้น...
ผมอยากจะจับน้องรหัสตัวเองมาเคี้ยวแล้วก็กลืนลงท้อง! ผมไม่ได้เกิดพิศวาสอะไรมันหรอก แต่ผมโมโห! ไอ้เด็กห่ามันจงใจร้องเพลงผิด!! ผมมั่นใจมากว่ามันเจตนาร้องผิดไปท่อนนึงเพราะไอ้ท่อนที่ว่าเมื่อวานมันจำได้เป็นท่อนแรกด้วยซ้ำ!! แล้วผลจะเป็นยังไงล่ะ คนซวยคือผมไม่ใช่มัน! ไอ้พี่นิลแม่งก็เลว พอไอ้เจอร์ร้องผิดปุ๊ปก็สั่งให้มันหยุดร้องและไปรวมกลุ่มกับเพื่อนก่อนจะหันมาสั่งให้ผมวิ่งวนรอบแถวเด็กปีหนึ่งสิบรอบ!
เหนื่อยน่ะไม่เท่าไหร่แต่กูอาย!!
ไอ้เหี้ยเจอร์แม่งส่งยิ้มกวนส้นตีนมาให้ก่อนหันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อตัวเอง
ไอ้เด็กเวร! โปรดสัตว์ได้บาปเลยกูไม่น่าเชื่อไอ้เพื่อนเวรมันเล้ยยยยย
“เหนื่อยไหมเพื่อน”
“ไอ้เคน มึง...”ไอ้เลวที่กล่อมให้ผมไปช่วยไอ้เจอร์เมื่อวานกล่าวพร้อมยืนน้ำมาให้ ผมมองมันด้วยความเคียดแค้นแต่มันไม่สะทกสะท้าน
“เราจะไปเลี้ยงสายรหัสกันเมื่อไหร่ดีวะ”
“กูไม่ไปละสัส!!”
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เรื่องราวต่างๆเมื่อเราเปลี่ยนมุมมองสิ่งที่เราเห็นก็จะต่างกันออกไป
ที่ผ่านมาเราเห็นเรื่องราวผ่านมุมของเพลินมาแล้วคราวนี้ลองมองจากมุมของเจอร์ดูบ้าง แล้วจะพบว่าผู้ชายก้าวร้าวนี่มันช่าง____
#จงเติมคำลงในช่องว่าง
ตอนที่แล้วมีคนอ่าน talk เราแล้วเข้าใจผิด ขอแก้ข่าวค่ะ
เราไม่ได้จะหักมุมให้ครอสเป็นพระรองนะคะเราแค่คิดว่านิสัยครอสเหมือนพระรองในซีรีย์ที่แสนดีเฉยๆ 55555+
เรื่องนี้พระเอกก็ครอสนั่นแหละจะเป็นใครไปได้
ยกเว้น side story ที่มีพี่นารายณ์กับแวนโผล่มาแย่งซีนอยู่เนืองๆ ถถถถถถถถ