ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22  (อ่าน 249167 ครั้ง)

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
หมอออออออ ไหงงั้นอ่ะ กล้าๆ หน่อย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กล้าหน่อยไม่ได้หรือไงคุณหมอ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ดีแล้ว แค่นี้แหละ เป็นแค่พี่ชายก็พอ ปล่อยพลุไปเหอะ ปากหนักอย่างนี้เป็นได้แค่นี้ก็ดีแล้วหล่ะลุงหมอ  :seng2ped:

จะจิกกัดลุงหมอจนวินาทีสุดท้ายนู่นแหละ อยู่บนคานไปเถอะพ่อคู๊ณณณณ  :L3:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
พ่อหมอควายเผือกคะ ใจคอจะให้น้องรอลุงอีก 3 ปีเชียวหรือคะ?
3ปีนี่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้นะ  ถ้ามีลูกก็โตพูดได้เลยนะคะ
ไปดูหมอจิวกับคุณตำรวจสิเขาไปถึงไหนกันแล้ว

ถ้าไม่พูดก็เป็นได้แค่พี่ชายแหละค่ะ    พี่หมอเผือกของน้องพลุ

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
มันเศร้าจริงแต่เฟลมากกว่า
คุณหมอขาน้องเค้าจะไปแล้ว
ยังปากแข็งไม่บอกรักอีก
อยากทึ้งหัวหมอว่าคิดไร

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
หมอปืนคิดว่าคำรักจากหมอ
จะฉุดรั้งอนาคตของพลุอีกใช่มั้ย
ไม่แน่คำรักอาจเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดนะ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
โอ้ยน้ำตาคลอ หมอปืนคำว่ารักถ้าไม่พูดออกมาพลุก็ไม่รู้หรอกนะเฮ้อ

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เฮ้ย...หมอปืน..หมอบ้าเปล่าวะนี่ จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกอะไรออกไป พอเลยปล่อยให้เหี่ยวแห้งตายไปเลย พลุหาใหม่เอาหนุ่มฝรั่งมาเย้ยเลย โมโหเฟ้ยยยย...

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
น่าสงสารพลุนะ ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย
หมอปืนทำตัวเองทั้งนั้นถ้าจะโดดเดี่ยวต่อไปก็เรื่องของหมอเถอะ  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
หมอปืนกว่าจะรู้ใจตัวเองก็ว่ายากแล้ว นี่จะยอมปล่อยให้พลุไปง่ายๆ อีกหรอ งื่อออ >.<

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ทำไมปากหนักยังงี้หมอปืนนนน :katai1:

ออฟไลน์ Trisul

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฉากคุณหมอวิทยานี่ทำเอายิ้มซะเมื่อยเเก้มเลย   :-[

รอตรมเรื่องฝั่งหมอปืนต่อไป

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
โอ๊ยอิหมอปืนนนนน.   :katai1:

ช้าตลอดๆๆๆๆ เลยเรื่องหัวใจเนี่ยะ คิดไรอยู่ อยากตบกระหม่อมลุงซักป๊าป

น้องพลุไปประเทศนึง ลุงไปประเทศนึง กว่าพลุจะเรียนจบ

กว่าจะเจอกัน. ลุงไม่เหนียงยาน หย่อนสมรรถภาพทางกายไปแล้วมั๊ง :ling1:

รอติดตามตอนต่อไปว่าอิตาลุงจะได้รักกับกับพลุเมื่อเกษียณรึเปล่า

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 16 สัญญา

“เดินทางปลอดภัยนะปืน” วิทยาตบบ่าปาวัสม์ครั้งหนึ่งพร้อมทั้งอวยพรให้โชคดี

ตอนนี้ขาของวิทยาดีขึ้นมากจนแทบจะกลับมาเดินเหินได้เป็นปกติ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างรติพัทธก็ยังคงเป็นห่วงจนเกินเหตุและต้องทำท่าจะเข้ามาประคองทุกครั้งเพียงแค่วิทยาจะขยับตัวไปทางไหน จนทั้งปาวัสม์และนุชนันท์หมั่นไส้แทบทนไม่ไหวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแอบยิ้มให้กันเพราะตอนนี้วิทยาดูจะมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พี่ปืนไม่ต้องรีบกลับมาหรอกนะครับ” รติพัทธบอกแม้วิทยาจะยืนยันว่าตัดใจจากปาวัสม์แล้วและตกลงปลงใจรับรักเขา แต่รติพัทธก็ยังอดห่วงเล็กๆ ไม่ได้อยู่ดี “ถ้าเกิดติดใจที่โน่นก็หาสาวฝรั่งอึ๋มๆ ดามใจแล้วแต่งงานอยู่กินกันไปเลยก็ได้นะครับ ไม่ห่วงเพื่อนพี่ทางนี้เดี๋ยวผมดูแลเอง”

“ห่วงแต่จิวเถอะไม่ต้องมาดูแลฉัน” นุชนันท์แกล้งว่าและหันไปหาปาวัสม์ “ตกลงเอาแบบนี้จริงๆ น่ะ” เธอถามย้ำให้แน่ใจเป็นครั้งสุดท้ายแม้จะรู้ว่าไม่ช่วยอะไร

จริงๆ แล้วกำหนดวันเดินทางของปาวัสม์คืออีกหนึ่งอาทิตย์นับจากนี้ แต่เจ้าตัวกลับมาขอเลื่อนวันเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นวันนี้ ตั้งใจให้ตรงกับวันที่ภาวัฒน์จะกลับมากรุงเทพอีกครั้ง เพราะไม่อยากเจอให้ต้องเจ็บปวดอีกและเขากลัวว่าถ้าเจอกันครั้งนี้จะตัดใจปล่อยมือเด็กหนุ่มไปไม่ได้

“อืม” ปาวัสม์ยิ้มทั้งที่นัยน์ตาเศร้า “เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วจะเปลี่ยนใจได้ยังไงล่ะ” เขาชูให้ดูตั๋วเครื่องบินในมือที่ไปเชคอินมาเรียบร้อย “อยู่ทางนี้ดูแลตัวเองดีๆ นะอุ้ม พักผ่อนบ้าง กินข้าวเยอะๆ ระวังอย่าให้ผอมล่ะเดี๋ยวอีกสองปีฉันกลับมาเธอจะสวยขึ้นจนฉันจำไม่ได้”

“จะไปแล้วยังพูดมากอีกนะ” นุชนันท์ตีไหล่ร่างสูงหยอกๆ “มาให้ฉันกอดอีกทีแล้วรีบๆ เข้าเกทไปได้แล้วไป”

“ครับที่รัก” ปาวัสม์รับคำพร้อมทั้งโอบสองแขนรอบตัวสาวร่างอวบก่อนจะปล่อยเธอและหันไปหาหนุ่มหน้าตี๋ที่มีผู้หมวดหนุ่มยืนจ้องเขาตาเขม็ง ปาวัสม์เอียงคอมอง “ฉันว่าฉันไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครนะ” พูดจบก็รวบคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดแนบแน่น “ดูแลตัวเองดีๆ นะจิว”

“หมอจิวมีผมดูแลอยู่แล้ว พี่ปืนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” รติพัทธแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้ทั้งสองผละออกจากกันเสียที

“ความรักน่ะมันก็วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเรานี่เอง ลองมองหาดูดีๆ แล้วสักวันนายก็จะหามันเจอเองน่ะแหละ” วิทยากระซิบบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผละออก “โชคดีนะปืน”

OOOOOO

“นี่จิว” นุชนันท์เรียกหลังจากเดินกลับมาขึ้นรถ เธอนั่งอยู่ในตอนหลังในขณะที่วิทยานั่งคู่กับคนขับซึ่งก็คือรติพัทธ “ถามจริงเถอะนายมีแผนอะไรอยู่อีกใช่ไหม”

“แผนอะไรอีกล่ะ”

“เรื่องเลื่อนตั๋ว” นุชนันท์ถาม “ทำไมนายถึงไม่ถามอะไรปืนสักคำ แถมยังเป็นคนดำเนินการหาให้เสร็จสรรพ”

“เธอนี่รู้ทันฉันไปซะทุกเรื่องจริงๆ นะ” วิทยายิ้มมุมปาก เขาก็แค่อยากจะแก้ตัวเรื่องที่เดาประเทศผิดไปหน่อย “นี่ถ้าปืนได้สักครึ่งหนึ่งของเธอก็ดีสิ ป่านนี้รักแรกของฉันอาจจะสมหวังไปแล้วก็ได้”

“ไม่ดีหรอกครับ” รติพัทธแทรกขึ้น เสียงขุ่นอย่างเห็นได้ชัด “หมอจิวมีผมดูแลดีอยู่แล้วทั้งคน”

“เหรอ” วิทยาทำเสียงสูงใส่และสบตานุชนันท์ทางกระจกมองหลัง “ฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกอุ้ม แค่สร้างโอกาส ส่วนที่เหลือมันจะกลายเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฟ้ากับคนสองคน”

OOOOOO

ปาวัสม์เดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ในดิวตี้ฟรีของอาคารผู้โดยสารขาออก พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมามากมาย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้เขาได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้เมื่อหกปีที่แล้ว เหตุการณ์ที่พลิกผันและเป็นแรงผลักดันให้เขาค้นพบเป้าหมายและความสุขของการเป็นหมอ จนกระทั่งหกปีต่อมาเด็กผู้ชายคนเดิมที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้งและสอนให้เขาได้เรียนรู้ว่า ‘รักแท้’ นั้นมีอยู่จริง

เขาเดินไปบนทางเลื่อน คู่รักที่อยู่ข้างหน้าดูท่าจะมีจุดหมายเดียวกับเขา ทั้งสองกอดและจู๋จี๋เล่นกันราวกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังจะไปฮันนีมูน ความหวานของทั้งคู่ทำเอาคนรักคุดอย่างปาวัสม์หมั่นไส้จนต้องเบือนหน้าหนี

“ความรักมีอยู่รอบตัวฉันจริงๆ น่ะแหละ” เขารำพึงกับตัวเอง

แต่แล้วหัวใจก็เกือบจะหยุดเต้นเมื่อร่างโปร่งที่แสนคุ้นตาเพิ่งจะเดินสวนไปบนทางเลื่อนฝั่งตรงข้าม

“พลุ!”

ปาวัสม์เกาะขอบทางเลื่อนชะโงกหน้าไป แต่เด็กหนุ่มดูท่าจะไม่ได้ยินและเคลื่อนไกลจากเขาไปทุกขณะ  คุณหมอหนุ่มมองย้อนไปตามทางของตนเองที่มีคนเดินอยู่เต็ม เขาหันกลับไปมองด้านหน้าซึ่งก็เหลือระยะทางอีกพอสมควรและคนก็เยอะไม่ต่างกัน 

...จะเอายังไงดี จะตามดีไหมเนี่ยดูไม่น่าจะทันเลยนะ...

ปาวัสม์คิดอย่างสับสนแต่แล้วคำพูดของวิทยาก็ดังขึ้นในหัว

‘ความรักไม่ใช่เรื่องของเหตุผลอย่ามัวแต่ใช้สมองคิดอะไรไร้สาระอยู่แบบนี้ นายต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวใจแล้วลองทำตามที่มันบอกดู’

“ทำตามหัวใจ” ปาวัสม์ตัดสินใจได้เด็ดขาดและออกวิ่งเต็มฝีเท้าทันที “ขอโทษนะครับ” เขาร้องบอกคู่รักที่กำลังกอดกันกลมตรงหน้าและอีกหลายๆ คนที่ต้องแทรกผ่านมา จนมาถึงสุดทางเลื่อน ปาวัสม์หันมองกลับไปเห็นแผ่นหลังของเด็กหนุ่มยังอยู่ไกลๆ

เขาไม่ยอมเสียเวลาพักหายใจและรีบวิ่งตามไปทันที

“พลุ!” เขาร้องเรียกเสียงดัง แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหันมา ปาวัสม์เร่งฝีเท้าขึ้นอีก ในที่สุดเขาก็วิ่งทันและฉวยข้อมือนั้นไว้ได้ “เดี๋ยวก่อนสิพลุรอฉันด้วย”

เด็กหนุ่มหันมามองหน้าเขาด้วยความตกใจ “คุณเป็นใครครับ”

ปาวัสม์หน้าเหรอ ถึงจะดูคล้ายแต่คนตรงหน้าก็ไม่มีทางเป็นภาวัฒน์ไปได้เด็ดขาด เขารีบปล่อยแขนเด็กหนุ่มพร้อมทั้งค้อมศีรษะให้ “ขอโทษครับผมทักคนผิด”

รู้สึกหน้าชาไปหมดที่หลงวิ่งตามคนผิดเสียตั้งนาน แถมตอนนี้ผู้โดยสารขาออกหลายๆ คนก็พากันหันมามองเพราะเสียงที่เขาตะโกนเรียกเด็กหนุ่มนั้นก็ไม่ใช่เบาๆ เสียด้วย

“คราวที่แล้วก็เพิ่งทักหัวหน้าผิดไป นี่ฉันคิดถึงจนเบลอไปแล้วเหรอไงเนี่ย”

ปาวัสม์ถอดแว่นออกขยี้ตาพลางหมุนตัวกลับ แต่แล้วหัวใจที่กำลังเต้นแรงจากการออกแรงวิ่งก็เกือบจะหยุดนิ่งเช่นเดียวกับเวลารอบตัวที่ราวกับหยุดเคลื่อนไหว เมื่อคนที่เรียกหากลับมายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ

“พลุ” เขารีบยกแว่นขึ้นสวมและเพ่งดูให้แน่ใจว่าคราวนี้เขาไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไป “นี่นายจริงๆ ใช่ไหม”

“หมอปืนมาทำอะไรที่นี่” ภาวัฒน์ถาม เขากำลังตรงไปที่เกทแต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อดังลั่นจนต้องเดินกลับมาดู

“ฉันจะไปดูงานที่ลาสเวกัส” ปาวัสม์บอก “แล้วนายล่ะกำลังจะไปไหนนี่มันฝั่งผู้โดยสารขาออกไม่ใช่เหรอ ไหนว่าจะเริ่มเรียนอีกสองเดือนไง งั้นที่บอกว่าวันนี้จะกลับกรุงเทพก็โกหกน่ะสิ”

“ผมไม่ได้โกหกสักหน่อย” นัยน์ตาสีดำขลับจ้องกลับอย่างดื้อดึง “ก็มากรุงเทพแล้วไปฝรั่งเศสเลยไง ผมต้องไปเรียนปรับพื้นฐานภาษาก่อน... แล้วทีหมอปืนล่ะไปดูงานถึงอเมริกาไม่เห็นบอกผมเลย นี่ไปดูงานเรื่องอะไรครับ”

“เวชศาสตร์ฉุกเฉิน” ปาวัสม์ตอบ “ฉันจะไปเข้าคอร์สและไปทำงานร่วมกับเขาสองปี”

“นานจัง”

“ไม่นานเท่าสี่ปีของนายหรอก”

เกิดความเงียบขึ้นเมื่อทั้งคู่ไม่รู้จะพูดอะไร ต่างคนต่างจ้องตาราวกับมีเรื่องอยากจะบอก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมานอกจากคำบอกลาตามมารยาท

“ผมไปก่อนนะครับ” ภาวัฒน์กระซิบ

“โชคดี”

“บังเอิญจังนะครับที่เรามาเจอกันที่นี่ได้”

นัยน์ตาคมหม่นเศร้าเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีดำขลับที่หม่นแสง เด็กหนุ่มกำลังจะเดินผ่านเขาไปอยู่แล้วเมื่อปาวัสม์ตัดสินใจพูดออกไป

...คนสองคน เจอกันครั้งแรกอาจเป็นเรื่องบังเอิญ ครั้งที่สองนับเป็นโชคชะตา แล้วครั้งที่สามนี่ล่ะจะถือว่าเป็นพรหมลิขิตได้หรือเปล่า...

“ฉันเลิกกับนิวแล้วนะ และที่ฉันต้องไปอเมริกานี่ก็เพราะผอ.สั่งให้ฉันช่วยไปให้พ้นๆ หน้าระหว่างที่เธอทำใจน่ะ”

ภาวัฒน์หยุดฝีเท้าและหันมาหาเขาทันที “ทำไมหมอปืนถึงเลิกกับเธอล่ะครับ”

...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ถ้าวันนี้ เขาไม่คว้าโอกาสในครั้งที่สามนี้ไว้ มันอาจไม่มีครั้งที่สี่และเขาอาจจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต...

“ฉันจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง”

...โอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้สารภาพความในใจ...

“เพราะฉันรู้แล้วว่าฉันรักใคร แต่ตอนนี้ใครคนนั้นก็กำลังจะจากฉันไปไกลแล้ว”

ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางให้คนตรงหน้า ปาวัสม์กำลังจะเดินจากไปเมื่อเสียงทุ้มเรียกไว้

“เดี๋ยวครับ”

ร่างสูงหันหลังกลับมา หัวใจเต้นโลดขึ้นอย่างมีความหวัง “มีอะไรเหรอ”

“หมอปืนไปผิดทาง เมื่อกี้หมอปืนวิ่งมาจากทางโน้นไม่ใช่เหรอ”

ปาวัสม์หัวเราะพร้อมทั้งเกาศีรษะแก้เก้อ “คนมันแก่แล้วก็เงี้ยหลงๆ ลืมๆ”

“ก็คงใช่แหละครับ” ภาวัฒน์กระซิบ “นอกจากจะหลงทาง ซื่อบื้อ แถมพอเหล้าเข้าปากก็ไม่เคยจำอะไรได้สักอย่าง”

ขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงักเมื่อในที่สุดคำพูดที่เคยลืมไปแล้วของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาในห้วงความคิด

‘ผมไม่ได้อยากเป็นหมอ ผมแค่อยากจะช่วยเป็นกำลังให้เขา และอยู่เคียงข้างเขาก็เท่านั้นเองครับ’

ขณะที่พูดฝ่ามือที่กุมแก้วเหล้าสั่นน้อยๆ และแก้มก็แดงเรื่อไปจนถึงใบหูเมื่อคุณหมอหนุ่มถามคำถามต่อไป

‘เขาที่ว่านี่คือพ่อของนายเหรอ ‘

คนผมน้ำตาลเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่นัยน์ตาสีดำขลับจะช้อนขึ้นสบตาเขาและตอบคำถาม

‘เขาเป็นผู้มีพระคุณของผมครับ’

“ที่ทำทั้งหมดนี่เพราะนายอยากจะอยู่เคียงข้างฉันอย่างนั้นเหรอ”

นัยน์ตาคมเบิกโพลง มือใหญ่กำแน่น เพิ่งเข้าใจในทุกรอยยิ้มและการกระทำของคนที่เคยน้อยใจ เป็นเขาเองต่างหากที่ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่ภาวัฒน์มีให้เขาตลอดมาเลย

ปาวัสม์กลับหลังหันอีกครั้งและกำลังจะออกวิ่งเมื่อพบว่าแท้จริงแล้วคนที่ตั้งใจจะไปตามยังไม่ได้เดินจากไปไหนเลย เขาก้าวเข้าไปหาและคว้ามือเด็กหนุ่มไว้แน่น

“ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าจริงๆ แล้วนายคิดยังไงกับฉันกันแน่”

“หมอปืนคือคนเดียวที่ผมคิดถึงและอยู่ในใจตลอดหกปีที่ผ่านมา”

คำตอบเสียงดังฟังชัดทำเอาหัวใจที่ห่อเหี่ยวมาหลายวันเต้นรัวอย่างลิงโลด ร่างสูงเม้มปากสนิท มือใหญ่คว้ามืออีกข้างของภาวัฒน์มากุมแน่น

 “ฉันก็รั...”

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ” ภาวัฒน์ตัดบทพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากเขา นัยน์ตาสีดำขลับสบนัยน์ตาคมแน่วนิ่งด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาด “อีกสี่ปีผมจะกลับมา ไว้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยพูดได้ไหมครับ เพราะถ้าหมอปืนพูดตอนนี้ผมคงไปไม่ได้ และสี่ปีมันก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ ถ้าเกิดว่าระหว่างนี้หมอปืนเกิดเปลี่ยนใจ...”

“ฉันมันไม่น่าเชื่อใจขนาดนั้นเลยเหรอ” ปาวัสม์ดึงมือภาวัฒน์ออกจากปากและแกล้งตัดพ้อ ไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มเองก็กังวลในเรื่องเดียวกัน

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเชื่อใจหรอกครับ แต่ผมไม่อยากเป็นภาระและอยากให้หมอปืนคิดทบทวนดูให้ดี... ผมเป็นผู้ชายนะครับ ไม่ใช่แค่หนทางข้างหน้าจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ระหว่างเรามันไม่มีอนาคตเลยนะครับ”

“นั่นน่ะสิ ไหนจะชีวิตหลังเกษียณ แก่ตัวไปก็ไม่มีลูกหลานมาดูแลด้วย” ปาวัสม์แกล้งว่า ทุกปัญหาที่เด็กหนุ่มพูดมานั้นทำเขากลุ้มใจจนแทบบ้ามาหลายวัน แต่เพียงแค่คำว่า ‘รัก’ ชัดเจนขึ้นในใจและตราบใดที่มีนายอยู่เคียงข้างเขารู้ว่าจะผ่านมันไปได้ “เอาเป็นว่าฉันจะรอ... แค่สี่ปีเท่านั้นนะ ถ้านานกว่านั้นฉันจะ...”

“ไม่จำเป็นต้องรอผมเลยครับ” ภาวัฒน์รีบบอก “หมอปืนจะไปรักใครก็ได้...”

“ฉันกำลังจะบอกว่าถ้านานกว่านั้นฉันบินตามนายไปต่างหาก” รอยยิ้มกว้างคลี่เต็มริมฝีปาก “ฉันอดใจไม่เจอคนรักนานขนาดนั้นไม่ได้หรอกนะ”

นัยน์ตาสีดำขลับเบิกโพลง คาดไม่ถึงกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตน

“อย่าให้คนแก่รอนานนักนะ เดี๋ยวเรี่ยวแรงมันจะไม่มีเหลือ”

“คนแก่อะไรหน้าตาดีขนาดนี้” ภาวัฒน์กระซิบ “และถึงเรี่ยวแรงจะไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ... เดี๋ยวผมทำเองก็ได้”

นัยน์ตาคมหรี่มองทางหางตา

“หมายถึงเรื่องดูแลคุณหมอน่ะ” ภาวัฒน์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางก้มลงมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ “ได้เวลาบอร์ดดิ้งพาสแล้ว ผมต้องไปแล้วล่ะครับเดี๋ยวจะตกเครื่อง”

“โชคดีนะพลุ ถ้ามีอะไรก็เมลหาฉันได้ตลอดเลยนะ”

“ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบส่งข้อความไง”

“ก็ไม่ได้ชอบส่ง” ปาวัสม์ว่า “แต่ชอบคนส่ง มีปัญหาไหม”

“ถ้าผมเรียนไม่เข้าใจผมเมลหาหมอปืนได้ไหม”

“ได้สิ”

“ถ้าไม่สบายเมลปรึกษาเรื่องยาได้ไหม”

“ได้”

“ถ้าทะเลาะกับเพื่อนล่ะ”

“ได้”

ภาวัฒน์นิ่งไป ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นบาง เขาสบตาร่างสูงอย่างชั่งใจก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว “แล้วถ้าแค่เหงาล่ะ” จากบ้านไปเรียนไกลถึงสี่ปี ขนาดยังไม่ทันขึ้นเครื่องเขาก็ Homesick ซะแล้ว

“ได้” ปาวัสม์บอกพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กหนุ่มที่วันนี้ไม่สะบัดหนีแถมยังอิงแอบลงซุกในฝ่ามือใหญ่ “ได้ทุกอย่างเลย มีอะไรก็บอกห้ามเก็บไปร้องไห้คนเดียวนะ... สู้ๆ นายทำได้อยู่แล้วคนเก่ง เอาล่ะ ไปได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”

“บอกให้ผมไปหมอปืนก็ปล่อยมือสิครับ”

ปาวัสม์ยิ้มเขินพร้อมกับปล่อยมือแต่เมื่อสัมผัสอบอุ่นนั้นคลายออกเขาก็รู้สึกใจหายขึ้นมาทันที นัยน์ตาคมก้มลงมองฝ่ามือที่ว่างเปล่าแต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ “เดี๋ยวก่อนพลุ” เขาเรียกเด็กหนุ่มพร้อมกับคว้ามือไว้อีกครั้ง “บัตรประจำตัวอันเก่าฉันน่ะ นายยังเก็บไว้กับตัวใช่ไหม”

ภาวัฒน์พยักหน้าพร้อมกับหยิบมันออกมา “ทำไมหรือครับ”

“ฉันขอคืนนะ” ปาวัสม์ดึงมันคืนมาจากมือคนผมน้ำตาลที่หน้าเสียไปถนัด “แล้ว...” เขาเว้นวรรคพร้อมกับเปิดกระเป๋าถือและค้นหาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบเอาบัตรประจำตัวของโรงพยาบาลใบใหม่ล่าสุดออกมายัดใส่มือเด็กหนุ่ม “ฉันลืมมันไว้ที่นาย อีกสี่ปีเอามาคืนด้วยนะ”

นัยน์ตาสีดำขลับตวัดมองดูบัตรในมืออึดใจก่อนจะช้อนขึ้นสบตาร่างสูงพร้อมกับอมยิ้ม “ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับที่จะเอาของแบบนี้มาล่อน่ะ แล้วอันนี้ก็ไม่มีตุ๊กตาโดราเอมอนด้วย”

“แต่มันมีคำสัญญาระหว่างเรา” ปาวัสม์ใช้มือข้างหนึ่งกุมทับมือเด็กหนุ่มที่ถือบัตรประจำตัวของเขาไว้ และยกมืออีกข้างขึ้นประคองข้างแก้มรั้งให้หันมาสบตา “สัญญานะว่าอีกสี่ปีนายจะเอามันมาคืน”

OOOOOO

บนถนนปูอิฐตัวหนอนสีแดงบริเวณลานกว้างหน้าอาคารเรียนสีน้ำตาลของมหาวิทยาลัยคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากกว่าปกติ เนื่องจากวันนี้เป็นวันรับใบประกาศนียบัตรจบการศึกษา บ้างก็รวมกลุ่มถ่ายรูปกันเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาจาก บ้างก็ถ่ายกับครอบครัวและคนรัก

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งในชุดสูทพิธีการสีดำสนิทกลับเดินไปบนถนนเพียงลำพัง เค้าโครงหน้าแบบคนเอเชียแท้ๆ ทำให้เขาดูแปลกแยกไปจากคนอื่นๆ ที่นี่อย่างสิ้นเชิง ภาวัฒน์หยุดยืนใต้ร่มเงาไม้มองใบประกาศนียบัตรในมือที่เขาดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนไกลถึงเมืองหลวงของฝรั่งเศส ประเทศซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นรากฐานของกฏหมายโลก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองป้ายโลหะสีทองบนพื้นอิฐสีแดงบ่งบอกชื่อสถาบันที่หล่อหลอมเขาตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา

การมาไกลถึงที่นี่สอนอะไรให้เขาหลายๆ อย่างนอกจากความรู้อันเข้มข้นทั้งเรื่องการใช้ชีวิตลำพัง ความรับผิดชอบ รวมทั้งเรื่องของความรัก

จากอีเมลฉบับแรกที่เขาเริ่มต้นเขียนถึงปาวัสม์นับตั้งแต่เหยียบย่างสู่ปารีสมาจนถึงวันนี้มีร่วมร้อยกว่าฉบับแล้ว มันเป็นหนึ่งในกำลังใจไม่กี่สิ่งนอกจากพ่อและแม่ที่ช่วยให้เขายืนหยัดผ่านช่วงเวลาที่ท้อแท้และค่ำคืนในฤดูหนาวที่เหงาจนแทบขาดใจมาได้ แม้ว่าช่วงสองปีหลังที่ปาวัสม์กลับไปอยู่เมืองไทยอีกครั้งจะตอบอีเมลเขาน้อยลงจนน่าใจหายก็ตาม แต่ภาวัฒน์ก็เข้าใจดีเพราะด้วยหน้าที่การงานที่เคยได้เห็นมาทำให้เขาจินตนาการได้ไม่ยากว่าปาวัสม์คงจะหมดเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับการดูแลคนอื่นจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างที่เป็นมาโดยตลอด เพียงแค่เปิดอ่านข้อความของเขาและตอบมานานๆ ครั้งนั่นก็เพียงพอแล้ว

ในขณะที่กำลังเหม่ออยู่นั่นเองหญิงสาวผมทองคนหนึ่งเดินเข้ามากอดเขาจากทางด้านหลัง

“I will miss you, guy” เธอบอกพร้อมกับจูบเขาที่แก้มครั้งหนึ่งก่อนจะผละจากไป

“See you babe” ภาวัฒน์โบกมือให้เธอก่อนจะหันมาสนใจใบประกาศของตัวเองอีกครั้ง เขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงและหยิบเอาบัตรประจำตัวใบหนึ่งที่ไม่เคยเอาไว้ห่างตัวเลยตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมาขึ้นมาดู รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนเรียวปาก

แม้ว่าอีเมลฉบับสุดท้ายของปาวัสม์จะหายไปนานกว่าสามเดือนแล้วก็ตามแต่ภาวัฒน์ก็ยังคงไม่สิ้นหวัง แม้ว่าบางทีจะมีช่วงที่เขาเอาแต่จินตการว่าคุณหมอหนุ่มกำลังนั่งอ่านอีเมลของเขาพร้อมกับใครคนอื่นก่อนจะหัวเราะอย่างขบขันและกดลบมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีบัตรใบนี้กับคำสัญญาที่ให้ไว้ และตอนนี้ก็ได้เวลากลับไปหาเจ้าของคำสัญญานั้นสักที 

“ผมกำลังจะกลับไปหาแล้วนะ”

ภาวัฒน์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับบอกตัวเองหนักแน่นว่าไม่เป็นไรถ้าจะต้องผิดหวัง ถึงอย่างไรการที่ได้รักมันก็มีความสุขมากมายแล้ว เขาลดสายตาลงและหมุนตัวกลับแต่ด้วยความไม่ทันระวังจึงไปชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมแว่นตากันแดดสีดำและชุดสูทหรูแบรนด์ดังที่หล่อเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่ศีรษะที่จัดทรงผมมาเป็นอย่างดีไปจนถึงรองเท้าหนังที่เป็นมันปลาบ

“โอ๊ย!!” ภาวัฒน์ร้องเสียงดังและเซจนแทบจะล้มเมื่อมือข้างหนึ่งเอื้อมมาคว้าตัวเขาไว้ได้ทัน

“Sorry (ขอโทษครับ)” ชายคนนั้นบอก

ภาวัฒน์หัวใจเต้นแรงด้วยความตกใจและคว้าไหล่อีกฝ่ายไว้แน่นเช่นกัน “I’m ok (ผมไม่เป็นไร)” กระซิบพลางพยามยืนทรงตัวด้วยตัวเอง แต่แทนที่จะปล่อยชายหนุ่มกลับกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก จนเขาต้องออกปาก “please let me go (ปล่อยได้แล้วครับ)”

“I can’t let you go my naughty boy (ฉันจะไม่ปล่อยนายหนีไปอีกแล้วเจ้าเด็กแสบ)” ชายคนนั้นตอบพร้อมทั้งยิ้มกว้าง “whether you still loving me or not. (ไม่ว่านายจะยังรักฉันหรือไม่ก็ตาม)”

นัยน์ตาสีดำขลับเบิกโพลงเมื่อได้ยินประโยคบอกคำรักที่หวานจนชวนเลี่ยน และเขาต้องใช้เวลาอีกอึดใจกว่าจะรู้ว่าใครกันคือชายที่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ “หมอปืน! มาได้ยังไงครับ แล้วทำไม...” ภาวัฒน์พูดไม่ออกเขามองชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้ชายวัยสามสิบกว่าๆ แน่นอน แถมสิ่งที่ฝ่ามือสัมผัสได้ผ่านชุดสูทนี่ยังเป็นกล้ามเนื้อแข็งๆ ไม่ใช่เนื้อเหลวๆ หรือไขมันนิ่มๆ “ทำไมถึงแต่งตัวหล่อแบบนี้ล่ะ”

“ให้อุ้มกับจิวช่วยเลือกให้น่ะ มีแฟนอายุน้อยกว่าตั้งสิบปีฉันก็ต้องทำตัวให้ดูดีหน่อยสิ” ปาวัสม์ยิ้มพร้อมกับถอดแว่นกันแดดพับเก็บใส่กระเป๋าและหยิบเอาแว่นสายตาออกมาสวมแทน “แต่แว่นนี่ขอเถอะ ไม่มีมันแล้วฉันมองอะไรไม่เห็นจริงๆ” เขามองสำรวจคนที่คิดถึงมาตลอดสี่ปีที่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยนอกจากผิวที่ขาวเนียนอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่ได้ออกไปทำงานกรำแดดเหมือนเมื่อก่อนกับผมสีน้ำตาลที่ยาวขึ้นเล็กน้อยซึ่งวันนี้ถูกจัดทรงเรียบร้อย

“จะใส่หรือไม่ใส่หมอปืนก็หล่อที่สุดในสายตาผมอยู่ดีแหละ” ภาวัฒน์ยิ้มกรุบกริบ

“ไม่ต้องมาทำเป็นปากหวานเลยเจ้าเด็กแสบ หนีฉันมาไกลถึงปารีสยังอุตส่าห์มาหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆ แถวนี้ไปทั่วเลยนะ ฉันเห็นนะว่าเมื่อกี้ทำอะไรกันน่ะ แถมยังเรียกเบบี้ด้วย” ปาวัสม์ประชดด้วยความหมั่นไส้ ลงทุนข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาแต่แวบแรกที่ได้เห็นหลังจากที่ไม่ได้เจอมาสี่ปีกลับเป็นภาพที่เจ้าตัวยืนให้คนอื่นหอมแก้มไปเสียนี่

“แค่เพื่อนสนิทน่ะครับ” ภาวัฒน์ตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางเปิดซองเอกสารและหยิบเอาใบประกาศกับใบตอบรับเข้าทำงานที่สถาบันทนายความชื่อดังออกมาให้ปาวัสม์ดูด้วยความภาคภูมิใจ “หมอปืนดูนี่สิครับ”

“อะไร” ปาวัสม์รับมาเปิดดูงงๆ ก่อนจะส่งคืน

ภาวัฒน์ดันเอกสารกลับใส่ซอง และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ด้วยเงินเดือนของผมตอนนี้ ต่อให้ไม่มีลูกหลานดูแลตอนแก่ผมก็มั่นใจว่าจะดูแลหมอปืนได้นะครับ แล้วผมก็อายุน้อยกว่าตั้งสิบปี ทีนี้คุณหมอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลชีวิตหลังเกษียณเลยสักนิด”

ปาวัสม์ยิ้มออกมาได้ในที่สุดเมื่อเข้าใจว่าภาวัฒน์กำลังจะสื่ออะไร นี่คงจะคิดมากกับสิ่งที่เขาพูดมาตลอดเลยสินะ... เป็นความผิดเขาเอง โอเค! เดี๋ยวจะขอโทษแบบทบต้นทบดอกให้เลย “ใครเขากังวลเรื่องพวกนั้นกัน ที่ฉันกังวลอยู่ตอนนี้น่ะมีอยู่แค่เรื่องเดียว”

ภาวัฒน์ย่นคิ้ว จู่ๆ ก็นึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจว่าอะไรคือสิ่งที่ปาวัสม์กังวล “เรื่องอะไรครับ”

ร่างสูงคลี่ยิ้มหวานกว้างพร้อมกับชะโงกเข้าไปกระซิบที่ข้างหู “ฉันพูดได้หรือยังว่าฉันรักนาย”

ภาวัฒน์เบี่ยงศีรษะหลบเล็กน้อยด้วยความเขิน “ก็พูดไปแล้วนี่ครับ”

“ว่าแต่เมื่อกี้น่ะ เป็นคำขอแต่งงานที่ทำเอาเคลิ้มเลยนะ” ปาวัสม์หัวเราะในลำคอ

“ผมไม่ได้พูดสักหน่อย” ภาวัฒน์รีบแก้ตัว

“พูดสิ”

“ก็บอกว่าไม่ได้พูด”

“ก็บอกว่าพูดไง”

“ผมแค่บอกว่าไม่ต้องห่วงชีวิตหลังเกษียณ ไม่ได้พูดทำนองว่าคุณหมอครับแต่งงานกับผมเถอะอะไร...” ภาวัฒน์อ้าปากค้างเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกให้พูดอะไรออกไป

“อือ” คุณหมอหนุ่มยิ้มกว้างกว่าเดิมด้วยความดีใจที่ในที่สุดก็หลอกให้คนตรงหน้าพูดออกมาจนได้

“หมอปืน!” ภาวัฒน์ตะโกน ใบหน้าร้อนผ่าวและรู้ทันทีโดยไม่ต้องส่องกระจกว่ามันต้องแดงไปถึงไหนๆ

“ไม่ต้องมาเรียกเสียงดัง ฉันยังไม่แก่หูยังไม่ได้ตึงขนาดนั้น” ปาวัสม์หัวเราะลงคอ ขออาศัยวัยที่อาบน้ำร้อนมาก่อนหลายปีให้เป็นประโยชน์หน่อยละกัน เรื่องอะไรใครจะไปยอมเสียเหลี่ยมให้เจ้าเด็กคนนี้แกล้งปั่นหัวอยู่ได้ฝ่ายเดียวล่ะ “เอาล่ะทีนี้ก็เอาบัตรประจำตัวฉันคืนมาได้แล้ว”

“นี่หมอปืนคิดจะเอาคืนจริงๆ เหรอ”

“ใช่สิ” ปาวัสม์แบมือ “สัญญาไว้แล้วก็ต้องรักษาสัญญาสิ อย่าบอกนะว่าทำหายไปแล้วน่ะ”

“ใครเขาจะกล้าทำหายล่ะครับ” ภาวัฒน์บ่นพร้อมกับหยิบออกมาส่งคืนให้ปาวัสม์ที่รับไปทันที รู้สึกใจหายที่ต้องจากมันไปหลังจากที่พกติดตัวยี่สิบสี่ชั่วโมงมาตลอดสี่ปี

แต่เมื่อภาวัฒน์ดึงมือกลับมาเขาก็พบว่าที่มือข้างซ้ายนั้นมีอะไรบางอย่างติดมาด้วย มันคือนาฬิกาข้อมือสีเงินเรือนหนึ่ง

“บัตรอันนั้นมีสัญญาแค่สี่ปี่ แต่นาฬิกาเรือนนี้จะไม่หยุดเดินไปจนถึงหลังเกษียณเลยนะ” ปาวัสม์ยิ้มกว้างและขยับข้อมือข้างซ้ายของตนให้เห็นนาฬิกาแบบเดียวกันที่ใส่เอาไว้อยู่ก่อนแล้ว “นับจากนี้ไปเวลาทั้งหมดของฉันเป็นของนาย ช่วยดูแลและใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยนะ แล้วก็เลิกเที่ยวไปเจ้าชู้ปากหวานใส่คนอื่นได้แล้ว บอกไว้เลยว่าฉันขี้หึง”

ภาวัฒน์ก้มลงดูนาฬิกาบนข้อมือที่เข็มวินาทีกำลังเดินไปช้าๆ รอยยิ้มกว้างวาดขึ้นเต็มเรียวปาก “อันที่จริงผมไม่เคยไปทำเจ้าชู้ปากหวานใส่ใครเลยนะนอกจากคุณหมอน่ะ”

“ไม่จริง”

“จริงสิ!” เด็กหนุ่มยืนยัน “ไม่เชื่อจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะครับ”

“ยังไงล่ะ”

ปาวัสม์ยังพูดไม่ทันขาดคำ ภาวัฒน์ก็คว้ารอบคอร่างสูงมาประทับริมปากลงไปแทนคำตอบรับคำสัญญาครั้งใหม่ “หวานไหมล่ะครับ” กระซิบเบาๆ พร้อมกับพาดสองแขนลงบนบ่ากว้างและจรดหน้าผากทาบทับกันไว้

ร่างสูงยิ้มกว้างไปจนถึงนัยน์ตา “หวานจนติดใจเลยล่ะ” รวบคนตรงหน้าเข้าสู่อ้อมแขนและย้ำคำสัญญาลงบนกลีบปากที่ตอบรับสัมผัสทันที

ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นแรงไม่แพ้กัน กับเสียงที่ขยับไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าของเข็มวินาทีบนนาฬิกาข้อมือสีเงิน หลังจากที่รอคอยมานานถึงสิบปี ในที่สุดเวลาของพวกเขาก็จะเริ่มต้นเดินไปพร้อมกัน แม้ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะมีอุปสรรคอะไรรออยู่แต่ความอบอุ่นของสองมือที่กุมกันไว้บอกกับหัวใจว่าไม่เป็นไรตราบใดที่คนสองคนจะสู้ไปด้วยกัน

 



                                                                                              The End



ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
 :z13: จิ้มๆๆๆไว้ก่อน

หมอปืนกลัวไม่มีแรงเอาใจพลุเหรอ
รีบไปฟิตร่างกายใหญ่เลยน่ะ
มีเมียเด็กก็ต้องหมั่นตรวจเช็ค
10 ปีที่พลุรอคอย ได้สมหวังสักที
4 ปีของหมอปืน พิสูจน์รักแท้ต่อพลุ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2015 12:03:12 โดย snowboxs »

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
น้ำตาซึม

รักมั่นคงและไม่เห็นแก่ตัว มันช่างประทับใจเหลือเกิน

ขอบคุณ คุณ leGGyDan ค่ะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ่านตอนจบแล้วนะ  เป็นพลุ-ปืนค่ะ   หมอปืนรุกไม่ขึ้นแล้วแหละ   ได้สามีหนุ่มกว่าไปเถอะ :m20:

จบแล้วสมหวังสักที  น้องพลุรักมั่นมากๆ น้องรอหมอมาตั้งหลายปี  บอกหมอไปแล้วด้วยแต่ดันไม่เก็ท

ตามจริงนะเราว่าคู่นี้จริงๆแล้วคงไม่ตายตัวหรอกว่าใครรุกใคร

ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากๆตลอดเวลาที่ตามอ่านมาค่ะ  ขอบคุณอีกครั้งสำหรับผลงานดีๆอีกชิ้นนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่ารักอ่ะ หมอปืนมารับคนรักกลับบ้านสินะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
จบจริงๆ หรอ
มาอีกๆๆๆ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ขอตอนพิเศษค่ะ พอจบตอนพิเศษก็ต่อภาค 2 เลยจะได้ไม่ขาดช่วง

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หมอปืนฟิตร่างกายไว้รอพลุเลยนะ

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
โหยยยยยยยยยยยยยย
จบแล้ววว
ใจจิขาดรอนๆ
ในที่สุดก็แฮปปี้ดี๊ด้ากันสักที
 :-[
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
 :pig4:น่ารักดีค่ะ  ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ในที่สุดก็มีความสุขกันสักที ขอตอนพิเศษให้ชุ่มชื่นหัวใจหน่อยนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ว้าวจบแล้วประท้บใจกับนิยายและตอนจบนะคะ หมอปืนน้องพลุละผองเพื่อน ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาใหัอ่านนะคะ รอรูปเล่มกับตอนพิเศษคะ ปลเราเดาว่าหมอปืนเป็นรุกร้องพลุเป็นรับ555

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
จบแล้ววววว จะมีต่อไหมคะ อยากอ่านต่อตอนพิเศษจังเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด