ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22  (อ่าน 248871 ครั้ง)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
แนะนำว่าอย่าเขียนคำว่าจบเลยค่า เขียนว่าครึ่งแรกครึ่งหลังดีกว่า เขียนจบนึกว่าจบเรื่องแล้ว ธ่อออ
รับทราบค่า~ยังไม่จบง่ายๆแน่ค่ะ ติดตามอ่านกันไปยาวๆนะคะ^^

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
นายเทมส์นี่ยังไงจ๊ะ ส่งไปอยู่กับน้องนิวดีมั้ย
คุณลุงใจเย็นๆน้าาา ฮ่าๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
เห็นคำว่าจบแล้วใจกระตุก.....งานเข้าแล้วนะพลุเอ๊ย!!!

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
พลุกลัวอะไรกันแน่นะ
พลุจบมหาลัยหรือเปล่า ได้เรียนต่อมั้ยนะ
 o12

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดูพลุเกรงใจเทมป์อยู่นะ เหมือนพลุปกปิดอะไรไว้
ไปบ้านเทมส์คงมีอะไรให้หมอปีนรู้จักพลุเพิ่มขึ้นบ้าง


ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 6 เล่า...สู่กันฟัง(ครึ่งแรก)

บรรยากาศการเดินทางในรถกระบะสีบรอนซ์เงินกลางเก่ากลางใหม่ดูจะไม่ราบรื่นเท่าพื้นถนนลาดยางที่สี่ล้อเคลื่อนผ่าน ซึ่งต้นตอของความเงียบชวนอึดอัดนั้นมาจากเด็กหนุ่มที่ปกติจะเป็นคนเรียกเสียงหัวเราะได้เสมอนั่งหน้าง้ำกอดอกเบียดตัวอยู่กับกระจกหน้าต่างด้านหลังคนขับ ที่ๆ ไกลที่สุดจากคนตัวโตซึ่งนั่งข้างหน้าและพยายามง้องอนขอคืนดี

ภาวัฒน์ไม่ได้มีทีท่าแข็งกร้าวหรือโวยวาย เขาเพียงแค่เงียบ... เงียบ... และเงียบ เท่านั้น

ซึ่งเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดและโกรธมากขนาดไหน จนพลอยทำให้คนแปลกถิ่นอย่างปาวัสม์ที่นั่งอยู่ข้างกันเครียดตามไปด้วย

“ไม่เอาน่าพลุ ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้” ศุภพัฒน์ตีหน้าเศร้าอย่างรู้สึกผิด

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสักกระแสเสียงใดตอบกลับมานอกจากเสียงลมหายใจหนักๆ จนในที่สุดคนตัวโตก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ให้กับความใจแข็งของเพื่อนรักและปล่อยให้นั่งคิดอะไรไปเงียบๆ

รถกระบะวิ่งไปตามถนนในเมืองที่มีรถขวักไขว่ ลัดเลาะผ่านคูเมือง เลี้ยวเข้าตรอกซอกซอยและในที่สุดล้อทั้งสี่ก็หยุดลงหน้าบ้านสวนดูร่มรื่น ต้นชัยพฤกษ์สูงใหญ่ยืนต้นขนาบอยู่สองข้างบ้านไม้เรือนไทย แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมลานกว้างที่ปลูกหญ้าเขียวชอุ่มแซมด้วยพันธ์ไม้ดอกพื้นเมืองที่จัดเป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก

ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันร่างสูงล่ำไม่ต่างจากศุภพัฒน์ยืนรอรับอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน เขาคือคุณอุดมผู้เป็นนายหัวใหญ่ของบ้านหลังนี้ นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเปิดเป็นสำนักคาราเต้ปาวัสม์คงคิดว่าเขาหลงมาในถิ่นมาเฟียเป็นแน่แท้

ศุภพัฒน์รีบเปิดประตูรถลงไปทักทายผู้ที่ยืนรออยู่ทันที “สวัสดีครับป้อ” เขาเปลี่ยนสำเนียงมาอู้คำเมือง

“เป็นจะใดลูก เดินตางอิดก่อลูก” คุณอุดมตบบ่าทักทายแม้จะเป็นกันเองแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากริ่งเกรง

“บ่อิดเต้าใดป้อ”

“คุณอาสวัสดีครับ” ภาวัฒน์เดินตามมาห่างๆ และยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“ว่าจะใดเจ้าพลุไม่บ่ป๊ะกั๋นเมินสบายดีก่อ” คุณอุดมถามไถ่และลูบหลังโอบไหล่อย่างเอ็นดูเพราะเห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่ยังเด็กจนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม “น่าจะมาแอ่วบ้านหมั่นๆ ป้อก๊ะแม่พลุคิดเติงหา”

“ป้อ...” ศุภพัฒน์สะกิดแขนพ่อพร้อมกับขยิบตา

ภาวัฒน์หน้าเจื่อน ทันทีที่เท้าเหยียบจังหวัดบ้านเกิดเขาก็โดนยิงคำถามที่ไม่อยากตอบ “ผมสบายดีครับคุณอา ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

คนสูงวัยหันไปทักทายแขกผู้ไม่คุ้นหน้า “แล้วนี่... เปิ้นคงเป็นหัวหน้าเจ้าพลุแม่นก่อ ขอบคุณจั๊ดนักที่จ้วยดูแลเจ้าพลุระหว่างอยู่กรุงเตพ”

“ไม่ใช่ครับคุณอา นี่คุณหมอปาวัสม์” ภาวัฒน์รีบแนะนำคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากัน “พอดีหัวหน้ากับพี่ที่ศูนย์กู้ชีพเกิดติดธุระด่วนขึ้นมาน่ะครับ คุณหมอเลยอาสามาช่วย และนี่อาอุดมเป็นพ่อเทมส์น่ะครับ”

“เรียกผมปืนก็ได้ครับ” ปาวัสม์ยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณหมอ คนกันเองทั้งนั้นบ่ต้องเกรงใจเน้อ ป้อขอโตดแต๊ๆ ตี้จั๊ดก๋านเรื่องทุกอย่างไปโดยพละการ แต่ป้อทนบ่ได้ที่จะให้ลูกชายที่เมินๆ จะปิ๊กบ้านทีกับเพื่อนๆ ไปนอนอุดอู้กันตี้โรงแรม ทั้งๆ ตี้บ้านเฮาก็อยู่แค่นี้”

“ฉันบอกนายแล้ว” ศุภพัฒน์ได้ทีรีบสำทับว่าไม่ใช่ความผิดตน

“ป้อหื้อคนเตรียมห้องหับเอาไว้แล้ว เอาของไปเก็บล้างหน้าล้างต๋ากั๋นก่อน แล้วลงมากินข้าวกั๋น นี่ก็เตี่ยงแล้ว ท่าจะหิวกั๋นแล้ว”

“พ่อจัดห้องไว้ให้อาหมอตรงเรือนรับรอง” ศุภพัฒน์หันมาบอก “เดี๋ยวผมจะให้คนพาไปนะครับ ส่วนพลุนายก็ไปนอนห้องฉันเหมือนเดิมละกันนะ”

“ฉันพูดเหรอว่าจะนอนกับนาย” ภาวัฒน์ย้อนถาม เขายังโกรธศุภพัฒน์อยู่ คิดว่าเขารู้ไม่ทันหรือไงเรื่องที่ตัวเองเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ ถึงคุณอุดมจะเป็นนายหัวจอมเจ้ากี้เจ้าการแต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคุณพ่อขี้ห่วงที่ตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแบบสุดโต่งเหมือนกัน “ฉันจะไปนอนกับหมอปืนที่เรือนรับรอง”

...เฮ้ย! แล้วถามฉันสักคำไหม ว่าอยากนอนด้วยหรือเปล่า!?...

ปาวัสม์คิดในใจ แต่ดูเหมือนคนถูกนินทาจะรู้ทัน นัยน์ตาสีดำขลับหันมาค้อนควับใส่เขาทีนึง

“หมอปืนจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม เร็วๆ เข้าสิครับเรามีอย่างอื่นต้องทำอีกเยอะนะ” ไม่พูดเปล่า ภาวัฒน์คว้ามือเขาและลากกระเป๋าเดินไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมานำทาง

ระหว่างที่ร่างสูงเดิน ไม่สิ! ถูกจูงตามมาเงียบๆ นัยน์ตาคมก็แอบมองสำรวจบ้านของศุภพัฒน์ไปด้วย มันเป็นเรือนไม้ทรงไทยแท้ๆ ที่มีพื้นที่กว้างขวางและร่มรื่นผิดกับความวุ่นวายของเมืองใหญ่หลังรั้วไม้ลิบลับ เสียงร้อง ‘เอี้ย’ ดุดันกับเสียงไม้หักเป็นจังหวะดังก้องมาจากอีกฟากหนึ่งของตัวบ้าน ปาวัสม์เดาได้ทันทีว่าคงมาจากโรงฝึกคาราเต้

“ถึงแล้วครับ” ภาวัฒน์ปล่อยมือเขาได้ในที่สุดและเปิดประตูเข้าไปในห้องหนึ่งที่สุดทางเดิน

มันเป็นห้องขนาดกะทัดรัด ตบแต่งง่ายๆ แต่สวยงามตามสไตล์พื้นบ้าน มีเครื่องเรือนเครื่องใช้ครบครันทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและ... (บางทีเด็กหนุ่มอาจจะยังไม่เอะใจอะไรแต่เขาน่ะตกใจตั้งแต่แรกเห็นแล้ว) เตียงหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องซึ่งแน่นอนว่ามีอยู่... เตียงเดียว

“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นนะครับ” ภาวัฒน์ชี้มือไปที่ประตูซึ่งอยู่ด้านในสุดของห้อง

ปาวัสม์พยายามไม่คิดหยุมหยิมที่ต้องนอนเตียงเดียวกันเพราะเขาเองก็เคยนอนกับวิทยาบ่อยๆ และตอนอยู่กรุงเทพที่ไปค้างห้องเด็กหนุ่มก็ใช่ว่าจะมีหลายเตียงซะเมื่อไหร่ “ดูนายคุ้นเคยกับที่นี่จังนะ”

“ผมกับเทมส์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนหลังเลิกเรียนผมแวะที่นี่เกือบทุกวัน ทำการบ้านบ้างฝึกคาราเต้บ้าง พ่อแม่เราก็รู้จักและคุ้นเคยกันดี”

พอเล่าถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็เงียบไปเสียเฉยๆ เขาทิ้งข้าวของกองไว้มุมหนึ่งแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

ปาวัสม์เองก็รู้เพลียจากการเดินทางและการอดนอนทำงานมาทั้งคืน เขาจึงรีบจัดแจงเก็บของและพุ่งเข้าห้องน้ำไปปลดปล่อยความเมื่อยขบบ้าง

เกือบครึ่งชั่วโมงในห้องน้ำสร้างความอิ่มเอมใจให้เขาราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้มีผีเสื้อบินว่อน ดังนั้นการที่กลับออกมาอีกครั้งแล้วพบว่าเด็กหนุ่มยังนอนขดตัวกลมดิกอยู่บนเตียงในชุดเดิมไม่ขยับไปไหนจึงสร้างความขัดใจให้เขาเป็นอย่างมากเหมือนมีใครเอาซากอะไรเน่าๆ มาทิ้งในทุ่งดอกไม้แสนสวยของเขา และเจ้าของทุ่งอย่างเขาก็ต้องจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย

คิดได้ดังนั้นผีเสื้อในทุ่งก็สลัดปีกสวยกลายเป็นเดวิลน้อยแสยะยิ้มหวานเจ้าเล่ห์ให้แทน ปาวัสม์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้แต่คนขี้เซาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “หลับปุ๋ยเชียวนะ” คนแผนสูงแทบจะกลั้นหายใจเมื่อใช้สองมือจับชายผ้าห่มที่เด็กหนุ่มนอนกอดไว้แล้วดึงเต็มแรง “นี่แน่ะ!”

“โอ๊ย” ภาวัฒน์ร้องเสียงหลง แรงดึงเมื่อสักครู่ทำให้เขากลิ้งตกจากเตียงมานอนเอ้งเม้งอยู่บนพื้น โดยมีคุณหมอหนุ่มยืนชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัว น้ำจากเส้นผมที่เพิ่งสระมาหมาดๆ หยดเป็นสายใส่หน้าเขา “อะไรเนี่ย เปียกหมดแล้ว!... ผมเจ็บนะ หมอปืนอ่ะเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เครื่องหน้าที่ยับยุ่งของเด็กหนุ่มกลับกลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้ปาวัสม์อยากแกล้งต่อ “ฉันยังไม่แก่ถึงขนาดที่จะเล่นอะไรแบบนี้ไม่ได้สักหน่อย นี่แน่ะ!” เขาคว้าขาข้างหนึ่งของภาวัฒน์ที่ยังพาดคาอยู่บนเตียงขึ้นมาและเกาไปบนฝ่าเท้า ยังผลให้คนบ้าจี้ทั้งดิ้นและบิดตัวหนีพัลวัน

“ฮะฮะ หมอปืน บอกว่าไม่เล่นไง ฮะฮะ” ภาวัฒน์ทั้งดิ้น ตี และอ้อนวอน แต่ดูท่าคนขี้แกล้งจะยังไม่สาแก่ใจ เมื่อเด็กหนุ่มสะบัดขาหลุดมาได้และพยายามจะคลานหนี ปาวัสม์คว้าตัวเขาไว้แล้วจู่โจมเข้าที่เอวซึ่งเป็นจุดอ่อนอีกครั้ง “ฮะฮะ ไม่เอาแล้ว ผมหัวเราะจนเหนื่อยแล้วนะ หมอปืนอย่าแกล้งผมเลย ผมยอมแล้ว ฮะฮะ โอ๊ย เหนื่อย”

“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย นี่กำลังเอาจริงเลยนะ”

ภาวัฒน์ขำจนน้ำตาเล็ด “เอาจริงอะไรกัน ฮะฮะ หมอปืนจะทำอะไรผม”

“ทำให้นายยิ้มไง”

คำตอบทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังดิ้นรนหยุดขัดขืนและกลั้นใจนิ่งฟัง เห็นดังนั้นปาวัสม์จึงยอมยกเลิกภารกิจแกล้งเด็กและเปลี่ยนมาใช้สองมือประคองให้ลุกขึ้นนั่งหันมาเผชิญหน้ากัน

“หน้าบูดตั้งแต่ขึ้นเครื่องแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะแต่ถ้าเจ้าตัวแสบอย่างนายซึมเป็นลูกหมาโดนวางยาแบบนี้งานพรุ่งนี้ก็กร่อยหมดน่ะสิ” ปาวัสม์ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบจมูกเด็กหนุ่มด้วยความหมั่นไส้

“ถ้าคุณหมออยากรู้ทำไมไม่ถามล่ะครับ”

ปาวัสม์ส่ายหน้า “ฉันไม่ได้อยากรู้ว่านายกลุ้มใจเรื่องอะไร ก็แค่อยากเห็นนายยิ้มเท่านั้นเอง แต่ถ้านายเล่าแล้วสบายใจ... ฉันถามก็ได้นะ ว่าแต่ถามว่าอะไรดีล่ะ”

“งั้นก็อย่าถามเลยครับ”

ปาวัสม์บีบจมูกอีกฝ่ายแน่นขึ้นอีกพร้อมกับบิดไปมา “แล้วจะพูดทำไมเนี่ย... นายไปล้างหน้าล้างตาไป พ่อเจ้าเทมส์รอกินข้าวเย็นอยู่”

“ขี้เกียจอ่ะ ขอนอนต่อได้ป่ะ” ภาวัฒน์เบ้ปากงอแงแต่ก็ยินยอมลุกไป
OOOOOO

“ไหนๆ ก็มาเจียงใหม่ตึงเตื้อ ไปไหว้พระกั๋นก่อนเดี๋ยวป้อหื้อลุงเสริมขับรถไปส่ง” คุณอุดมบอกระหว่างทานข้าวพร้อมกับหันไปหาลูกชาย “คุณหมอเขาอุตส่าห์มาจ้วย ผ่อเขาดีๆ เน้อลูก”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ” ปาวัสม์รีบบอก “ตอนจบใหม่ ผมก็มาเป็นหมอใช้ทุนอยู่ที่นี่สามปี พอรู้เส้นทางอยู่บ้างเดี๋ยวผมโบกรถกระป๋องไปเองก็ได้ครับ”

“จะลำบากไปนิหยังคุณหมอ จะอั้นก่าเอารถผมไปสิครับ จะได่ขับปาละอ่อนไปแอ่วโตย มีคุณไปโตยผมก็ค่อยวางใจ๋หน่อยครับ”
ภาวัฒน์แอบขำ เป็นปาวัสม์ต่างหากที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด ยิ่งเมื่อลองได้เมาแล้วล่ะก็

“เจ้าพลุ” ผู้สูงวัยเรียกเบาๆ และนิ่วหน้าอย่างครุ่นคิด “ป้อพลุโทรมาแน่ะ ป้อบอกไปแล้ว ว่าอยู่กับป้อบ่ต้องเป็นห่วงแต่จะใดป้อว่าถ้าบ่กึ๊ดจะแวะไปหากะโทรบอกเปิ้นหื้อได้ยินเสียงสักน้อยก็ยังดี”

“ขอบคุณครับคุณอา” ภาวัฒน์วางช้อนและยกมือไหว้แต่ไม่ตอบรับเรื่องที่จะโทรศัพท์กลับบ้าน

“มาเจียงใหม่ตึ๊งเตื้อบ่ไปไหว้ครูบาศรีวิชัยเปิ้นว่าจะมาบ่ถึงนะลูก เดี๋ยวกินข้าวแล้วรีบไป๋กั๋นเลยนะ เอาฤกษ์เอาชัยก่อนยะก๋านพรุ่งนี้ แล้วจะได้รีบกลับมาพักผ่อนกั๋น พรุ่งนี้หมู่เฮาต้องตื่นแต่เจ๊า”

“บ่เอาน่าป้อ งานมันเริ่มบ่ายโมงนะ” จู่ๆ ศุภพัฒน์ก็โอดครวญขึ้นมาด้วยรู้ทันว่าพ่อของตนกำลังวางแผนอะไรไว้ “เฮามายะก๋านนะครับบ่ได้มาเข้าค่าย”

“มันก่าบ่เสียหายนี่” เสียงนายหัวใหญ่เข้มขึ้นมาทันที “โดยเฉพาะแกเจ้าเทมส์ ห้ามต่อรองเด็ดขาด ไปอยู่กรุงเตพเมินบ่ได้ฝึกร่างกายล่ะสิ เส้นเซิ่นยึดหมดแล้ว ไป กินอิ่มแล้วขะใจ๊ จะได้ปิ๊กมาจ้วยพ่อสอนคลาสละอ่อน”

OOOOOO

ออกจากบ้านสวนขับรถราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมายคือรูปหล่อครูบาศรีวิชัยที่ตีนดอยสุเทพ ปาวัสม์เปิดไฟเลี้ยวเข้าลานจอดรถ เพราะเป็นวันธรรมดาและยังไม่ใช่เวลาเลิกงานทำให้หาที่จอดได้ไม่ยากเย็น

ทั้งสามลงจากรถไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนและเข้าไปกราบไหว้ขอพรกันตามอัธยาศัย ปาวัสม์กราบเสร็จก่อนเหลียวมองเด็กหนุ่มเห็นหลับตาอธิษฐานไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ ด้วยไม่อยากรบกวนจึงหลบฉากออกมาเงียบๆ

“อาหมอ” ศุภพัฒน์ที่เดินตามมากวักมือเรียกเขาเรียกไปคุยหลังรถ

ร่างสูงเดินเข้าไปหาอย่างระแวดระวัง นึกสงสัยหน่อยๆ ว่าจะมาไม้ไหน ถ้าเปรียบภาวัฒน์เหมือนโกลเด้นรีทรีฟเวอร์จอมขี้เล่น ศุภพัฒน์ก็ร็อดไวเลอร์เจ้าพ่อลอบกัดดีๆ นี่ล่ะ “มีอะไรเหรอเทมส์”

คนตัวโตยกมือขึ้นกอดอกและเอาหลังพิงรถไว้ “อันที่จริงก็ไม่ได้อยากเล่าเท่าไหร่หรอกนะ แต่เห็นพลุเป็นแบบนั้นผมก็ไม่สบายใจเหมือนกัน”

“มีอะไรก็รีบพูดมา อย่ามัวแต่ลีลา”

“เรื่องพลุน่ะ... ผมว่าอาหมอคงพอจะเดาได้บ้างใช่ไหม” ศุภพัฒน์ถามหยั่งเชิง ถึงเขาจะอยากได้คนกลางช่วยเคลียร์ปัญหาแต่ก็ต้องดูให้แน่ใจว่าคนๆ นั้นจะมาเป็นบัฟเฟอร์ไม่ใช่ตัวเร่งเชื้อไฟ เพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะรู้จักหรือสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนนี้ดีซะเมื่อไหร่ เพียงแต่สายตาสีดำขลับของคนที่เขาแอบมองมานานนับปีนั้นพุ่งตรงไปยังคนๆ นี้อย่างที่เขาจินตนาการมาตลอดว่าอยากจะได้รับการมองแบบนั้นบ้าง

ปาวัสม์พยักหน้า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด หมอนั่นทะเลาะกับพ่อแล้วหนีออกจากบ้านมาใช่ไหม”

คำถามแรกผ่าน... ศุภพัฒน์พยักหน้าและพูดต่อ

“อาหมอเดาถูกแล้วครับ” สีหน้าของศุภพัฒน์เครียดขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด “เรื่องเรียนต่อน่ะ พ่อมันอยากให้เป็นทนายจะได้มาสานต่องานของเขา พลุเองก็เห็นดีเห็นงามมาตลอด แต่อยู่ดีๆ มันก็โพล่งขึ้นมาว่าจะไปเรียนหมอที่กรุงเทพ ไม่ว่าแม่ ครูหรือใครๆ จะพูดห้ามยังไงก็ไม่ฟัง”

นัยน์ตาคมเบิกกว้างขึ้นทันที นึกถึงคำตอบในใบแนะแนวการศึกษาที่แอบเห็นมาครั้งหนึ่ง “เรื่องที่พลุเคยเรียนหมอฉันรู้แล้ว และก็เรื่องที่ตาบอดสีแดงด้วย”

“นั่นไง!” ศุภพัฒน์ตบมือฉาด ถ้าคุณหมอหนุ่มจะรู้ละเอียดถึงขนาดนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องหยั่งเชิงอะไรให้เสียเวลาอีกแล้ว “อาหมอเองก็คิดว่ามันแปลกไหมใช่ล่ะ มันบ้าไปแล้วหรือไงตาบอดสีแท้ๆ แต่ดันอยากเป็นหมอ”

“แต่พลุบอกว่าสอบติดและได้เรียนจนถึงปีสองนะ” ปาวัสม์ตั้งข้อสังเกต “จะเข้าเรียนได้ต้องมีผู้ปกครองมาทำเรื่องมอบตัว... ถ้าอย่างนั้นตอนนั้นก็ยังไม่ได้หนีออกจากบ้านสิ”

“ใช่ครับ พลุกับพ่อทะเลาะกันหนักก็จริง แต่สุดท้ายพ่อก็ยอมเพราะอยากให้มันได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าของบางอย่างต่อให้พยายามให้ตายแค่ไหนก็ไม่มีทางเป็นไปได้ พลุจะได้เลิกล้มความตั้งใจและยอมกลับบ้านแต่โดยดี”

“แต่ผลที่ได้กลับเป็นตรงกันข้าม”

ศุภพัฒน์พยักหน้า “ครั้งนี้ก็เลยทะเลาะกันรุนแรง แล้วนับจากวันนั้นพลุก็ไม่ยอมติดต่อหรือกลับบ้านอีกเลย นี่ก็ปาไปครึ่งปีแล้ว” เขาถอนหายใจยืดยาว “ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้มาก ได้แค่คอยช่วยอยู่ห่างๆ กับแอบส่งข่าวพลุให้ที่บ้านรู้ก็เท่านั้น”

“แล้วพลุไม่เคยเล่าอะไรให้นายฟังเลยเหรอ”

“ถ้าผมรู้แล้วจะมาเล่าให้อาหมอฟังเหรอครับ”

“ขนาดพวกนายสนิทกันมาเป็นสิบปียังไม่รู้แล้วฉันจะช่วยอะไรได้เหรอ”

ศุภพัฒน์เม้มปาก คนที่อยากถามคำถามนั้นควรจะเป็นเขามากกว่า “เห็นพลุเป็นคนร่าเริงคุยเก่งแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเรื่องตัวเองเท่าไหร่... แต่ไม่รู้สินะ แม้จะเพิ่งเจอกันแต่ผมรู้สึกได้เลยว่ามันฟังอาหมอ เป็นเพราะมันอยากเป็นหมอด้วยหรือเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมก็จนปัญญาแล้ว บางทีผู้ใหญ่แถมยังเป็นคนนอกอย่างอาหมออาจมีมุมมองหรือทางออกแบบที่พ่อหรือเพื่อนอย่างผมคิดไม่ถึงก็ได้”

“อย่างนี้เองสินะ” ในขณะที่กำลังจุกกับคำว่า ‘คนนอก’ ปาวัสม์ก็ได้ข้อสรุปอะไรบางอย่าง

“อาหมอคิดอะไรได้แล้วหรือครับ”

“พ่อนายไม่ได้แคนเซิลที่พักโดยพลการ แต่นายเป็นคนโทรมาขอให้พ่อจัดการให้ต่างหาก... ไหนจะเรื่องที่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังอีก นายนี่รักหมอนั่นจริงๆ เลยนะ”

คนหลงรักข้างเดียวยิ้มเศร้า “บางทีรักแทบตายก็ไม่ช่วยอะไรนะครับ”

“นายทำดีแล้ว” ปาวัสม์ตบบ่าให้กำลังใจ “ขอบใจนะที่เล่าให้ฟัง ฉันก็ไม่รู้จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนแต่ก็จะลองพยายามในแบบของฉันดูแล้วกันนะ”

ศุภพัฒน์ยิ้มอย่างขอบคุณเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

“ไม่เอาน่าพ่อ” ปากบ่นแต่มือก็รีบกดรับโทรศัพท์ “ครับป้อ ไหว้พระเสร็จแล้วครับ... ป้อครับ ผมก็อยากจะไปแอ่วบ้าง... โอเคครับ สิบนาทีก่าถึงบ้านแล้ว แค่นี้นะป้อ” เขาแลบลิ้นใส่โทรศัพท์ “เจ้าพ่อคอมมิวนิสต์เอ๊ย!”

“คุณอุดมโทรตามเหรอ” ปาวัสม์ต้องแสร้งทำไม่ให้ดูดีใจจนออกนอกหน้า ในที่สุดตัวป่วนก็ไปซะที

“กะเวลาได้พอดีเป๊ะเลยว่าต้องไหว้พระเสร็จแล้ว” คนตัวโตโอดครวญ “งั้นผมกลับบ้านก่อนนะ ฝากพลุด้วย อย่างน้อยๆ ก็ให้หน้ามันยืดหน่อย พรุ่งนี้งานจะได้ไม่กร่อย”

“แล้วนายจะกลับยังไง ให้ฉันวนรถไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งพี่วินกลับ” ศุภพัฒน์โบกมือเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับผ่านมาพอดี “เที่ยวให้สนุกนะครับ”

“นานจัง” ปาวัสม์แซวเด็กหนุ่มที่เพิ่งไหว้พระเสร็จและเดินมาถึงรถ “ขอพรอะไรเหรอ”

“ก็นิดหน่อยน่ะครับ”

“เรื่องที่บ้านเหรอ” ร่างสูงแกล้งพูดแทงใจดำ และมันได้ผลนัยน์ตาสีดำขลับหันมาค้อนควับใส่เขาทันที

แต่ภาวัฒน์ก็ปรับสีหน้าเป็นปกติได้เร็วจนไม่น่าเชื่อ “เทมส์ล่ะครับ”

“พ่อโทรมาตามกลับบ้านไปแล้ว”

“แล้วเราจะไปไหนต่อดี”

คุณหมอหนุ่มสะบัดหน้าไปทางขึ้นดอยสุเทพ “เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ว่ามาไม่ถึง”
OOOOOO

เครื่องลงเมื่อคืน เช้านี้เปิดกล่องข้อความเห็นคอมเมนท์แล้วดีใจอ่า....
จนอดใจไมไหวต้องแอบหนีหัวหน้ามาอัพ... อัพไม่ตรงวันอย่าโกรธเค้าน้า...

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
แรงจูงใจที่เปลี่ยนใจพลุจากทนายมาเป็นหมอ ก็หมอปีนนั่นแหละ
คงเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน 

ปล. คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ถึงคนเขียน

แค่อัพก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ

พลุนี่สงสับยิ่งเครียดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำท่าไม่แคร์โลกเท่านั้น   
หมอปืนคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับอุบัติเหตุ
นับไปสองคนนี้ก็มี Bond ที่ผูกมัดทั้งคู่ไว้ด้วยกัน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากอ่่่านอีก ความลับของพลุุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
แรงจูงใจที่เปลี่ยนใจพลุจากทนายมาเป็นหมอ ก็หมอปีนนั่นแหละ
คงเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน 

ปล. คนเขียนสู้ๆ
ขอบคุณค่า~

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มันมีปมอะไรกัน อยากรู้ๆ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
ถึงคนเขียน

แค่อัพก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ

พลุนี่สงสับยิ่งเครียดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำท่าไม่แคร์โลกเท่านั้น   
หมอปืนคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับอุบัติเหตุ
นับไปสองคนนี้ก็มี Bond ที่ผูกมัดทั้งคู่ไว้ด้วยกัน

ขอบคุณมากค่า~ จริงๆแล้วต้องเป็นคนเขียนที่ขอบคุณคนอ่าน ถ้าไม่มีคนอ่านคงไม่มีกำลังใจเขียนต่อแน่ๆค่ะ^^

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พลุนี่เฮี๊ยวมาก 5555

ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แหม กขค ไปแล้วน้า ครึ่งหลังพี่หมอเร่งทำคะแนนด่วนจร้า
ขอแบบหวานๆนะคะ รอติดตามคร่า

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอมาอัพสุดแสนจะดีใจ พออ่านจบ
กลับไปอ่านตอนเก่าเพื่อรอตอนใหม่ เป็นแบบนี้ต่อไป..

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
ทริปนี้น้องพลุจะมีอะไรเปิดออกมาอีกไหมนะ

ออฟไลน์ Nunutrsl28

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จะติดตามไรเตอร์ได้ทางไหนบ้างค่าา :hao3:  :L2: :mc4: :oo1:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
จะติดตามไรเตอร์ได้ทางไหนบ้างค่าา :hao3:  :L2: :mc4: :oo1:
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าอยากจะติดตามจริงๆอ่ะ555...อย่างแรกคือเราไม่มีหน้าเฟสหรือทวิตโดยเฉพาะ อย่างที่สองเราเป็นแม่นางช่างเวิ่น คือถ้าฟอลไปจากที่จะรักอาจกลายเป็นเกลียดได้นะคะ555
ดังนัั้นก่อนฟอลคิดดูดีๆ ก่อนนะคะ ถ้าคิดว่าโอก็ตามนี้เลยค่า twitter~> @leggydan ค่ะ คุยได้ทุกอย่างตั้งงแต่สากกะเบือยันเรือรบค่ะ ยกเว้น ยืมตังค์กะขายของน้า~555

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
คนร่าเริงเฮฮา เวลาโกรธแล้วเงียบเนี่ย น่ากลัวเนอะ แต่น้องพลุแบบนี้ก็ชอบ ดูเท่ห์ดี
แล้วนี่พี่หมอปืน ตกลงยอมเป็นคุณอาด้วยความเต็มใจแล้วใช่ไหมเนี่ย 555
เทมส์ ก็น่ารักดีออกนะ รักและหวังดีกับพลุจริง ๆ  ชอบเวลาเรียกพี่หมอปืนว่าอาหมออ่ะ เหมือนเด็ก ๆ เลย
เรื่องครอบครัวของพลุนี่ก็พูดยากเนอะ น่าเห็นใจพลุ แต่ก็เข้าใจพ่อของพลุนะ อยากให้ดีกันไว ๆ จัง
แล้วตกลงเรื่องที่พลุอยากเป็นหมอ เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุตอนนั้นยังไง  เกี่ยวกับพี่หมอปืนยังไง อยากรู้จัง
ปล. ขอโทษที่มาเม้นท์ช้านะคะ ยังติดตามเรื่องนี้เสมอน้า ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
 :pig4: พึ่งได้มาอ่าน จากคำแนะนำของคุณนาวเลยนะเนี่ย ไม่ผิดหวังอ่ะ น่าติดตามจิงๆ มีเรื่องที่ต้องค้นหาอีกเยอะเลย  :L1:

เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งน็า  +1  :3123:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เพิ่งได้มีโอกาสเบ้ามาอ่าน เนื้อเรื่องน่าสนใจมากๆเลยค่ะ
อ่านรวดเดียวเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ  o13

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
รอครึ่งหลังอยู่นะ คนแต่งนิยายว่างรึยัง
คนแต่งสู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
รอครึ่งหลังอยู่นะ คนแต่งนิยายว่างรึยัง
คนแต่งสู้ๆๆๆ
ดึกๆ นะคะ สัญญา ขอฟื้นพลังแป๊บบบบบบบ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
จริงๆ กะว่าจะรอให้ครบตอนค่อยมาอ่านทีเดียว
แต่เห็นคนเขียนมาโพสในกระทู้ก็นึกว่ามาต่อแล้ว ก๊ากกก
ไม่เป็นไรค่า อ่านเลยล่ะกัน บอกตรงนี้ว่ารอครึ่งหลังอยู่นะคะ กิ๊วๆ

 :กอด1:

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าพอจะปะติดปะต่ออะไรได้บางอย่าง (แบบเดาๆ 555)
น้องพลุต้องเคยเจอหมอปืนมาก่อน สมัยที่หมอมาใช้ทุนที่เชียงใหม่รึเปล่า?
และต้องมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้น้องตัดสินใจอยากเรียนหมอจนทะเลาะกับพ่อแบบนี้
แต่เห็นคุณพ่ออยากให้กลับบ้าน คุณพ่อน่าจะหายโกรธแล้วนิดนึงรึเปล่านะ? TvT
พาหมอปืนไปเที่ยวบ้านด้วยสิคะ บอกพ่อว่าเนี้ย ไม่ได้เป็นหมอ แต่อนาคตจะได้เป็นแฟนหมอแทน #เดี๋ยวๆ 5555

รอดูสองหนุ่มเค้าไปเที่ยวกัน >_<
ตอนที่หมอปืนแกล้งหยอกน้องพลุในห้องนอนน่ารักมากก เพิ่งรู้ว่าเป็นคนบ้าจี้ ชอบตรงหยิกจมูก
อ่านแล้วรู้สึกเอ็นดู หมอปืนบอกว่าตัวเองไม่แก่ แต่อ่านตอนที่เทมส์เรียกว่าอาหมอแล้วเรารู้สึกหมอปืนดูแก๊แก่ทุกที 5555

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
“หมอปืนไหวไหม?”

“ไห...” ปาวัสม์อ้าปากจะตอบ แต่แล้วก็ต้องปิดปากสนิทตามเดิมด้วยเกรงว่ามื้อเที่ยงจะรวมตัวกันประท้วงแล้วพุ่งออกมาจากกระเพาะ

ทางขึ้นดอยสุเทพแม้จะไม่ลาดชันและน่ากลัว แต่เมื่อถูกเหวี่ยงวนๆ อยู่ท้ายรถกระป๋องที่ไม่ยอมลดเกียร์หรือถอนคันเร่งเวลาเข้าโค้งแล้ว เวลาร่วมยี่สิบนาทีท้ายรถนั่นสำหรับเขามันไม่ต่างอะไรกับการนั่งรถไฟเหาะตีลังกา

ภาวัฒน์มองด้วยความเป็นห่วงพลางช่วยลูบหลังให้ ปาวัสม์นึกเสียหน้าอยู่หน่อยๆ กับวัยที่เริ่มล่วงเลยของตนแต่จะให้เขาค่อยๆ ลากเกียร์รถที่ไม่ใช่ของตัวเองขึ้นดอยมาเองก็ดูจะไม่ปลอดภัย การใช้บริการรถสาธารณะจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

“โอเค!” เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูงและเงยหน้าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด “ไปไหว้พระกันเถอะ”

“ไหวแน่นะ” เด็กหนุ่มยังไม่ไว้ใจเพราะหน้าคุณหมอหนุ่มยังซีดเป็นไก่ต้มน้ำปลาอยู่เลย

“อย่ามาดูถูกกันนะ แน่จริงมาวิ่งแข่งขึ้นพระธาตุกันไหมล่ะ ถ้าแพ้ฉันยอมทำทุกอย่างเลย”

จากที่กำลังเป็นห่วง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์วาดขึ้นบนเรียวปาก “หมอปืนพูดเองนะ”

ปาวัสม์ที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปในอีกสิบนาทีต่อมายืนหอบจนตัวโยนเกาะราวบันไดที่ปั้นเป็นรูปพญานาคเจ็ดเศียรไว้แน่นทั้งที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาได้แค่ครึ่งทาง หน้าซีดเผือด มืออีกข้างกุมชายโครงที่เจ็บแปลบทุกลมหายใจเข้าออก

“ไอ้เด็กแสบ!” เขาชี้นิ้วเรียกเด็กหนุ่มที่ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยสักนิดและกำลังยืนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งทำท่าล้อเลียนเขาอยู่บนบันไดขั้นบนสุด

“หมอปืนเป็นคนท้าเองนะครับ” ภาวัฒน์ซึ่งยังหยุดขำไม่ได้กระโดดลงบันไดทีละสองขั้นมาช่วยประคองแขนพาขึ้นไปจนถึงที่หมาย

“ป้อบ่สบายก่าพ่อหนุ่ม” หญิงชราคนหนึ่งที่นั่งพักสูดยาดมอยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ร้องบอกพลางกวักมือเรียกหยอยๆ “ปามานั่งพักตี้นี้ก่อน ไหวก่อ เอายาดมก่อยายจะหื้อยืม”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ” คุณหมอหนุ่มรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจที่ถูกเข้าใจผิดอีกครั้ง “ผมดีขึ้นแล้ว... แล้วก็เอ่อ... จริงๆ แล้วเราไม่ใช่พ่อลูกกันหรอกครับ”

“อ้าว... ขอโตดเน้อลูก หมู่สูก็บ่ได้หน้าเหมือนกันสักหน่อย ปาหลานมาแอ่วก๋า แล้วนี่มาจากตี้ไหนกั๋นล่ะ”

“เอ่อ...” ปาวัสม์ที่ไม่รู้จะแก้ตัวไปทางไหนดีเริ่มคิดจะตามน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดเมื่อคนข้างตัวช่วยแก้ต่างให้แทน

“หลานเหลินอะหยังกั๋นแม่อุ้ย” ภาวัฒน์พูดภาษาถิ่นด้วยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นหญิงชรา “เปิ้นเป้นอ้ายผมเองเพิ่งมาจากเมืองกรุงวันนี้”

“เอ๊า! คนบ้านเดียวกันก็บ่บอก เออเนาะอ้ายตั๊วหน้าก็บ่ได้แก่ขนาดนั้น แม่อุ้ยขอโตดต้วยเน้อ”

“บ่เป็นหยังครับแม่อุ้ย” เด็กหนุ่มค้อมศีรษะขอบคุณก่อนจะหันมายักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนร่างสูง “หมอปืนอ่ะ เดินดีๆ สิครับ ไหนว่าอายุสามสิบกว่าๆ นี่ไม่แก่ไง แล้วไหงเป็นแบบนี้ล่ะครับ”

“ยังไม่กว่า เพิ่งสามสิบถ้วน” ปาวัสม์ค้อนคืนไปหนึ่งที “นายเองก็อู้คำเมืองได้นี่แล้วทำไมไม่พูดเหมือนเจ้าเทมส์ล่ะ... หรือกลัวฉันฟังไม่รู้เรื่อง บอกแล้วไงว่าเคยอยู่ที่นี่สามปี ถึงพูดไม่ได้แต่ก็ฟังเข้าใจนะ”

“ใครเขาเป็นห่วงคุณหมอกัน” เด็กหนุ่มว่าคนขี้ตู่ “แม่กับคนอื่นๆ ที่บ้านก็อู้คำเมืองนี่ล่ะ แต่พอดีพ่อผมเป็นทนายเลยให้ความสำคัญกับการใช้คำและภาษาไทยให้ถูกต้อง ทีนี้ถ้าอู้คำเมืองจนติดปากก็กลัวไปเผลอพูดตอนอยู่ในศาลแล้วจะดูไม่ดี ผมเลยพลอยพูดภาษากลางติดพ่อไปด้วย”

คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง ดูท่าเด็กคนนี้จะสนิทสนมและได้รับอิทธิพลจากพ่อมาไม่น้อย ซึ่งตรงข้ามกับเขาที่สนิทกับแม่มากกว่าเพราะพ่อจากไปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเกิดเสียอีก “น่าเสียดายนะ เวลานายอู้คำเมืองมันดูน่ารักดีออก”

“ไม่มีผู้ชายคนไหนดีใจเวลาโดนชมว่าน่ารักหรอกนะครับ” ภาวัฒน์พูดเสียงแข็งและเบือนหน้าหนี

ปาวัสม์อมยิ้มมุมปากเมื่อแอบเห็นแก้มสีออกแทนอมสีเลือดฝาด เขาแกล้งพูดย้ำอีกครั้ง “ไม่เห็นเป็นไรเลย อะไรที่มันน่ารักก็คือน่ารักน่ะแหละ”

พูดไปแล้วก็นึกเขินตัวเองขึ้นมาเหมือนกันที่ชมเด็กผู้ชายหุ่นน้องๆ หมีว่าน่ารัก มันเป็นคำที่เหมาะกับเด็กผู้หญิงหรือรชญาแฟนสาวของเขามากกว่า

แต่ทำไมนะ คนที่กำลังยืนหน้าแดงเพราะถูกเขาแซวนี่มันช่างน่าเอ็นดูซะจนอยากจับล๊อคคอมาขยี้ผมยุ่งๆ นั่นสักที

“รีบไปไหว้พระธาตุกันเถอะ” พูดจบร่างสูงก็นิ่งไปด้วยความตกใจ เมื่อภาวัฒน์หันมาคล้องมือรอบแขนเขา

“หมอปืนค่อยๆ เดินนะเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป” หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีจนปาวัสม์อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ และยินยอมให้เด็กหนุ่มกึ่งจูงกึ่งประคองเขาเดินไป

OOOOOO

หลังไหว้พระธาตุดอยสุเทพเสร็จ ภาวัฒน์ก็เดินไปซื้อกระดิ่งอธิษฐานมาสองอันระหว่างรอปาวัสม์วางสายจากการโทรไปรายงานตัวกับรชญา “ทำไมหมอปืนไม่ส่งข้อความไปล่ะ โปรแกรมแชทมีตั้งเยอะแยะ แถมยังง่ายและเร็วกว่าด้วย” ถามพลางยื่นกระดิ่งให้อันหนึ่ง ทุกครั้งที่เขาส่งข้อความไปหาแม้จะเป็นการกวนเล่นตามประสาแต่ปาวัสม์ก็ยังเลือกที่จะโทรกลับทุกครั้งจนเขานึกเกรงใจ “หรือว่าเป็นคนไม่ชอบพิมพ์อะไรยาวๆ น่ะ”

ปาวัสม์รับกระดิ่งมาและเดินคู่กันไปตามทางในลานวัด ตะวันเริ่มบ่ายคล้อยประกอบกับท้องฟ้ามีเมฆมากทำให้อากาศในช่วงหน้าฝนเช่นนี้เย็นและร่มรื่น “เรื่องขี้เกียจก็มีส่วน แต่ฉันคิดว่าเทคโนโลยีที่ดูเหมือนทำให้เราใกล้กันแต่จริงๆ แล้วมันทำให้เรายิ่งห่างกันมากกว่า ตัวอีโมชั่นหน้ายิ้มที่ส่งมารู้ได้ยังไงว่ากำลังมีความสุข แต่ถ้าโทรหาแม้จะไม่เห็นหน้าแต่ก็ยังได้ยินเสียงอย่างน้อยฉันก็รู้ว่าปลายทางกำลังสะอื้นหรือหัวเราะ”

“หมอปืนเคยโดนสาวหักอกทางมือถือเหรอ”

ปาวัสม์ยิ้มเจื่อน พลางย่อตัวลงนั่งผูกกระดิ่งบนราวที่ทางวัดจัดไว้ “คงงั้น ฉันรู้แค่ว่าเธอไม่สบายใจเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่รับสายและส่งข้อความกลับมาว่าสบายดีพร้อมกับหน้ายิ้ม แต่ฉันมารู้ทีหลังว่าจริงๆ แล้วตอนนั้นเธอกำลังร้องไห้ หลังจากนั้นมาฉันเลยไม่เคยเชื่อใจอีโมชั่นนั่นอีกเลย เพราะฉันไม่มีวันเห็นน้ำตาที่หยดลงบนหลังแป้นพิมพ์”

“แล้วถ้าหมอปืนโทรกลับแล้วผมไม่รับล่ะ จะโทรจนกว่าจะรับหรือเปล่า”

“ไม่ล่ะเปลืองตังค์ นายไม่ได้สำคัญขนาดนั้นสักหน่อย”

“ชิ” ภาวัฒน์ทำปากยื่นปากยาวใส่ทั้งอิจฉาและสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน “ผมผูกกระดิ่งของผมไว้ข้างๆ ของหมอปืนได้ไหม” แต่ยังไม่ทันที่คุณหมอหนุ่มจะอนุญาตเขาก็จัดแจงแขวนเรียบร้อยก่อนจะหันมายิ้มหน้าแป้นแล้น

“ดีใจอะไรขนาดนั้น”

“ดีใจที่ได้อยู่ข้างคุณหมอ”

ปาวัสม์หัวเราะพรืด “แค่นี้ก็เอาเนอะคนเรา... แล้วตกลงนายอยากได้อะไร ยังไงก็อย่าให้มันแพงนักล่ะ” เขาถามถึงสัญญาที่วิ่งแพ้

“แล้วทำไมผมต้องเอาอะไรที่มันแพงๆ ด้วยล่ะ”

ปาวัสม์ไหวไหล่ “ไม่รู้สิ ง้อสาวแต่ละทีทำฉันแทบหมดตัว”

“แต่ผมไม่ใช่สาวๆ ของหมอปืนนี่นา” คนถูกเอาไปเปรียบเทียบหน้ามุ่ย “ติดไว้ก่อนละกันครับ เดี๋ยวคิดได้แล้วจะบอก... วิวบนนี้สวยจัง หมอปืนเรามาถ่ายรูปกันเถอะ” เขาเปลี่ยนเรื่องและถอยหลังไปพิงราวกั้นตรงจุดชมวิว

ปาวัสม์พยักหน้าเห็นด้วยพลางมองไปรอบๆ “ให้ใครช่วยถ่ายดีล่ะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ เราถ่ายกันเองก็ได้” ภาวัฒน์กดเปิดแอปพลิเคชั่นถ่ายรูปของโทรศัพท์และเหยียดมือออกไปสุดแขน มีภาพตัวเมืองเชียงใหม่เห็นอยู่ลิบๆ เป็นฉากหลัง “หมอปืนรู้จักเซลฟี่ป่ะเนี่ย”

“ไอ้รู้จักน่ะรู้หรอกแต่ไม่ถนัดน่ะ” ร่างสูงเกาศีรษะ ออกเขินนิดๆ ที่ผู้ชายตัวโตๆ สองคนมาเซลฟี่คู่กัน

สาวๆ กลุ่มหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านไปแอบเหลียวมองพวกเขาและยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคัก ชะรอยเขาคงโดนเข้าใจผิดว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนเป็นแน่แท้ แต่สิ่งที่ทำให้ปาวัสม์อายไม่ใช่เรื่องการเข้าใจผิดแบบนั้น สิ่งทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้คือรอยยิ้มร่าเริงราวกับแสงอาทิตย์ของเด็กหนุ่มที่กำลังชักชวนเขาถ่ายรูปอยู่ต่างหาก

“เข้ามาใกล้ๆ สิครับเดี๋ยวเก็บไม่หมด” ภาวัฒน์บอก แต่คนอายุมากกว่าก็เก้ๆ กังๆ จนเขาอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงยกแขนขึ้นคล้องรอบคอร่างสูงแล้วดึงเข้ามาจนชิดเสียเอง “เอ้า... ชีสสสส”

“เอ่อ...” ปาวัสม์ยิ่งออกอาการเคอะเขินจนทำอะไรไม่ถูก เพื่อให้กล้องหน้าเก็บภาพได้หมดพวงแก้มของทั้งสองจึงใกล้จนแทบจะสีกัน ไออุ่นจากผิวกายอีกฝ่ายทำให้อุณหภูมิหัวใจเขาไต่ขึ้นสูง หัวใจเต้นเร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ

“มองกล้องนะครับ อย่ามัวแต่มองหน้าผม”

การถ่ายรูปกินเวลาแค่ชั่วอึดใจแต่สำหรับปาวัสม์แล้วมันเนิ่นนานราวชั่วโมง ทันทีที่ภาพถูกเซฟเขารีบผละหนีมาตั้งหลัก ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นกุมหน้าอก หัวใจพุ่งกระทบรัวแรงจนเจ็บราวกับคนเป็นโรคหัวใจขาดเลือด

...กลับไปกรุงเทพ เห็นทีต้องไปให้หมอโรคหัวใจตรวจสักหน่อยแล้วล่ะมั้ง....

ร่างสูงกำมือชื้นเหงื่อแน่น ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่กำลังก่อเกิดอยู่ในใจตนทีละน้อยนี้ รู้เพียงแต่มันเริ่มตั้งแต่เด็กหนุ่มเข้ามาวนเวียนในชีวิต และกำเริบขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาเข้ามาใกล้

ปาวัสม์เหลียวดูคนผมสีน้ำตาลที่สาละวนอยู่กับการจิ้มโทรศัพท์ไม่พูดไม่จา การมองไม่ช่วยให้ได้คำตอบแต่ทำให้เขายิ้มตาม เขาย่องไปชะโงกข้ามไหล่เด็กหนุ่ม “ทำอะไรน่ะเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้”

ภาวัฒน์สะดุ้งเฮือก เขากดปิดหน้าจอและยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสียดื้อๆ “เปล่า” ตอบด้วยท่าทีมีพิรุธสุดๆ

“ต้องมีอะไรแน่ๆ นี่แอบถ่ายตอนฉันทำหน้าแปลกๆ แล้วแกล้งเอาไปอัพลงเฟซบุ๊กใช่ไหม” ปาวัสม์คว้าแขนเด็กหนุ่ม “เอามาดูเดี๋ยวนี้นะ”

คนผมน้ำตาลทำหน้าใสซื่อเหมือนเด็กทารกแต่มือกำโทรศัพท์แน่น “ไม่มีอะไรสักหน่อย หมอปืนอย่าคิดมากน่า”

“เชื่อนายหมาก็ออกลูกเป็นควายล่ะ”

แล้วสงครามแย่งชิงโทรศัพท์ก็เริ่มขึ้น ด้วยอายุที่น้อยกว่าและทักษะทางกีฬาที่ดีเป็นทุนเดิมทำให้ภาวัฒน์หนีพ้นมือยาวๆ ของคุณหมอหนุ่มได้ไม่ยากเย็น ทั้งสองยื้อแย่งเล่นกันราวกับเด็กๆ อยู่พักใหญ่จนคนอายุมากกว่าเริ่มเวียนหัว เขาออกเซไปเล็กน้อยเด็กหนุ่มจึงฉวยโอกาสนั้นแกล้งขัดขากะแค่จะให้เสียจังหวะเพื่อที่ตนจะวิ่งหนี

แต่ปาวัสม์กลับเสียหลักล้มจริงๆ “เฮ้ย!”

ภาวัฒน์สะดุ้งสุดตัวและหันกลับมาคว้าแขนร่างสูงไว้ แทนที่หน้าจะทิ่มลงไปวัดพื้นคอนกรีต คุณหมอหนุ่มจึงหงายหลังล้มลงบนแผ่นอกแข็งแรงของเด็กหนุ่มแบบเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด

“เกือบได้ไปนอนห้องฉุกเฉินซะเองแล้วไหมล่ะ” ปาวัสม์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อวงแขนแข็งแรงเลื่อนลงโอบกระชับรอบเอวแล้วดึงเบียดกับแผ่นอกกว้างเพื่อช่วยพยุงให้เขายืนตัวตรงขึ้นได้ ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลยื่นมาวางคางเกยลงบนบ่า

“ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร เชื่อกันบ้างสิครับ” ภาวัฒน์กระซิบเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด “ถ้าหมอปืนเป็นอะไรไปผมจะอยู่ยังไง”

เสียงแผ่วค่อยกับลมหายใจอุ่นๆ ที่ราดลงบนใบหูและแก้มทำเอาหัวใจปาวัสม์เต้นสะดุดก่อนจะรัวจนแทบจะหลุดออกจากอกอีกครั้ง เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าร้อนผะผ่าว เด็กสาวกลุ่มเดิมเดินกลับมาและตั้งต้นหัวเราะคิกคักกันอีกครั้ง เห็นดังนั้นร่างสูงก็ลนลานแกะแขนเด็กหนุ่มออกและแกล้งดุเสียงดังเพื่อกลบเสียงหัวใจเต้น

“รำคาญน่า ปล่อยได้แล้ว!”

ปาวัสม์มัวแต่แอบมองเด็กสาวกลุ่มนั้นจนแน่ใจว่าเดินไปลับตาจึงไม่ทันได้เห็นสีหน้าจืดเจื่อนของเด็กหนุ่มด้วยตกใจที่ถูกผลักออก เข้าใจผิดไปเสียถนัดว่าคงโดนรังเกียจเข้าให้แล้ว

นัยน์ตาสีดำขลับเงยขึ้นมองท้องฟ้า จากที่เคยแจ่มใสกลุ่มเมฆก้อนใหญ่เริ่มจับตัวหนา ฝนทำท่าจะตั้งเค้าเช่นเดียวกันกับม่านหมอกทึบทึมในหัวใจของเขา
******************************************** TBC *******************************************
จบแว้ววววววววววววววววววววววววว...
ขอโทษที่ให้ครึ่งหลังซะน๊านนนนน นานนะคะ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
คนร่าเริงเฮฮา เวลาโกรธแล้วเงียบเนี่ย น่ากลัวเนอะ แต่น้องพลุแบบนี้ก็ชอบ ดูเท่ห์ดี
แล้วนี่พี่หมอปืน ตกลงยอมเป็นคุณอาด้วยความเต็มใจแล้วใช่ไหมเนี่ย 555
เทมส์ ก็น่ารักดีออกนะ รักและหวังดีกับพลุจริง ๆ  ชอบเวลาเรียกพี่หมอปืนว่าอาหมออ่ะ เหมือนเด็ก ๆ เลย
เรื่องครอบครัวของพลุนี่ก็พูดยากเนอะ น่าเห็นใจพลุ แต่ก็เข้าใจพ่อของพลุนะ อยากให้ดีกันไว ๆ จัง
แล้วตกลงเรื่องที่พลุอยากเป็นหมอ เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุตอนนั้นยังไง  เกี่ยวกับพี่หมอปืนยังไง อยากรู้จัง
ปล. ขอโทษที่มาเม้นท์ช้านะคะ ยังติดตามเรื่องนี้เสมอน้า ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1:

มาช้าดีกว่าไม่มาค่ะ
แล้วก็ตามว่่า ลงตอน 6 จบแล้วน้า^^

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
จริงๆ กะว่าจะรอให้ครบตอนค่อยมาอ่านทีเดียว
แต่เห็นคนเขียนมาโพสในกระทู้ก็นึกว่ามาต่อแล้ว ก๊ากกก
ไม่เป็นไรค่า อ่านเลยล่ะกัน บอกตรงนี้ว่ารอครึ่งหลังอยู่นะคะ กิ๊วๆ

 :กอด1:

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าพอจะปะติดปะต่ออะไรได้บางอย่าง (แบบเดาๆ 555)
น้องพลุต้องเคยเจอหมอปืนมาก่อน สมัยที่หมอมาใช้ทุนที่เชียงใหม่รึเปล่า?
และต้องมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้น้องตัดสินใจอยากเรียนหมอจนทะเลาะกับพ่อแบบนี้
แต่เห็นคุณพ่ออยากให้กลับบ้าน คุณพ่อน่าจะหายโกรธแล้วนิดนึงรึเปล่านะ? TvT
พาหมอปืนไปเที่ยวบ้านด้วยสิคะ บอกพ่อว่าเนี้ย ไม่ได้เป็นหมอ แต่อนาคตจะได้เป็นแฟนหมอแทน #เดี๋ยวๆ 5555

รอดูสองหนุ่มเค้าไปเที่ยวกัน >_<
ตอนที่หมอปืนแกล้งหยอกน้องพลุในห้องนอนน่ารักมากก เพิ่งรู้ว่าเป็นคนบ้าจี้ ชอบตรงหยิกจมูก
อ่านแล้วรู้สึกเอ็นดู หมอปืนบอกว่าตัวเองไม่แก่ แต่อ่านตอนที่เทมส์เรียกว่าอาหมอแล้วเรารู้สึกหมอปืนดูแก๊แก่ทุกที 5555

มันโดนตรงได้เป็นได้แฟนหมอนี่แหละค่ะ5555
ปล. หมอปืนฝากบอกเค้าไม่แก่นะ เพิ่งจะสามสิบถ้วนๆ 5555

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
โดนทักว่าเป็นพ่อนี่งั่กไปเลยค่ะ
แต่ว่าสมัยนี้ก็มีลูกทันใช้กันเร็วจริงๆ
หมอปืนแค่ 30 โดนทักว่าเป็นพ่อ

เราว่างวดนี้หมอปืนท่าทางออก*รับ*มากกว่าพลุนะ

คนเจียงใหม่ขอแซวหน่อยนะ
อ้ายสองคน(ปืน+พลุ) ยะอะหยังกั๋นในวัดเจ้า?
พี่ชายสองคนทำอะไรกันในวัดเหรอ? (เวอร์ชั่นภาษากลาง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2015 11:09:38 โดย Kano Jou »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด