Re: Brother Next Door แจ้งรวมเล่ม Home The Series P.17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: Brother Next Door แจ้งรวมเล่ม Home The Series P.17  (อ่าน 177591 ครั้ง)

ออฟไลน์ whynotme

  • ♥ 09-07-2012 ♥
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 9: 22 Oct)
«ตอบ #330 เมื่อ23-10-2013 22:56:23 »

แล้วก้องจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย!  ไปคนเดียวอีกต่างหาก   :ruready

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 9: 22 Oct)
«ตอบ #331 เมื่อ24-10-2013 05:05:31 »

จนได้ แล้วมันก็ฮืิอกันมาจนได้...มหาสงครามอุบัติ!
แต่หนึ่งต่อสิบก็ไม่ไหวมั้ยคะ ไม่ใช่ เดอะ แมทริกซ์
ฝากความหวังไว้ที่หนูบอม(บาร์ด) ช่วยก้องด้วยยย ย ย  ย  .   .    .

ออฟไลน์ Vavaviz

  • oONaMMOo
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 9: 22 Oct)
«ตอบ #332 เมื่อ24-10-2013 09:02:15 »

ค้างงงงง *^*

พี่วินไปช่วยก้องด้วยยยย

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 9: 22 Oct)
«ตอบ #333 เมื่อ24-10-2013 09:53:01 »

เหมือนบอม จะสงสัย กลัวอ่ะ

ยังไงพวกแมร่งก็ไม่พ้นหมาหมู่

บอกพี่วินเหอะ พี่วินคงมีทางออกที่ดีกว่านี้

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10: 24 Oct)
«ตอบ #334 เมื่อ24-10-2013 16:46:52 »

ตอนที่ 10


ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ ผมเคยเดินมาแถวหลังโรงเรียนแค่เพียงหนเดียวเท่านั้น หลังรั้วโรงเรียนของเราเป็นตึกแถวและบ้านหลังเล็กๆ ค่อนข้างแออัด ดูขัดกับความเจริญรอบข้าง ซึ่งหากเดินเลยไปอีกหน่อย จะมีซอยเล็กซอยน้อยที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านมากมาย ในบรรดาซอยเหล่านั้น บางซอยก็เป็นซอยตัน แต่บางซอยก็สามารถทะลุไปแถวหน้าโรงเรียนหรือแม้แต่ซอยแถวหน้าคอนโดของผมได้ ผมไม่เคยเดินไปหรอก แต่เพื่อนของผมบอกมาอีกที เพราะบางคนก็อยู่ในซอยเหล่านี้ และก็เพื่อนพวกนั้นนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้ว่าเมื่อเดินเลยหลังโรงเรียนเราไปหน่อย จะมีที่ว่างๆ ที่ไม่มีคนใช้และเป็นสถานที่พวกวัยรุ่นมักมาจับกลุ่มกันยามเย็นหรือในตอนกลางคืน ซึ่งจุดนี้จะอยู่ห่างจากโรงเรียนของผมและโรงเรียน ส.ค. เป็นระยะทางเท่าๆ กันพอดี ดังนั้นเมื่อไอ้พวกเหี้ยนั่นบอกให้มาเจอกันหลังโรงเรียน ผมจึงรู้ได้ทันทีว่ามันหมายถึงที่ไหน

ผมรู้ตัวอยู่ตลอดว่าผมถูกคนเดินตามอยู่ห่างๆ ซึ่งก็คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากไอ้สองคนที่ผมเห็นเมื่อตอนหัวค่ำและตอนเดินออกมาเมื่อครู่

เมื่อเดินไปถึงสถานที่นัด ผมก็เห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังยืนรอผมอยู่แล้ว

หนึ่ง... สอง... สาม... สี่... ห้า... หก... เจ็ด... แปดคน ถ้ารวมกับไอ้สองคนที่เดินตามผมมาทางด้านหลังด้วยก็เป็น 10 คน แต่ดูท่าทางว่าพวกมันน่าจะเป็นแค่คนที่คอยดูลาดเลาให้เท่านั้น เพราะพอผมเดินใกล้เข้ามาถึงที่นี่ พวกมันก็หายไปแล้ว

ที่จริงแปดคนก็ไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่ เพราะตอนแรกผมกะไว้ว่าพวกมันอาจจะมีมากกว่า 10 คนด้วยซ้ำ ถ้าแค่แปดคนแบบนี้ก็ยังถือว่าโอเค... ในสถานการณ์ปกตินะ

“กูก็มานี่แล้วไง ยังไงต่อ” ผมเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนพลางกวาดสายตามองพวกมันทุกคน แน่นอนว่ามีอยู่สี่คนที่ผมเคยเจอแล้วจากเมื่อคืนแรก และอีกสองคนที่ผมเจอเมื่อเย็น ส่วนอีกสองคนที่ตัวใหญ่กว่าใครเพื่อนนั้นผมเพิ่งจะเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรก

เท่าที่มองด้วยตาเปล่า ผมไม่เห็นใครถืออาวุธอยู่ในมือสักคน ซึ่งแม่งแปลได้แค่สองอย่างเท่านั้นคือ ถ้าไม่เป็นโชคดีของผมไปเลย ก็คือแม่งมีอาวุธขนาดเล็กจำพวกมีดหรือปืนซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า และถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมคงตกอยู่ในอันตรายกว่าเดิมแน่ๆ

ที่จริงถ้าแค่มีดน่ะ ผมก็เคยเจอมาบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่หรอก แต่ผมต้องไม่ลืมว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ในคืนนี้ และที่สำคัญคือผมต้องย้ำตัวเองอยู่ตลอดว่าหัวเข่าของผมไม่ได้อยู่ในสภาพดีพอ ที่จะรับมือกับคนจำนวนเท่านี้ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เพราะฉะนั้นผมต้องเลิกทำอวดเก่งสักที

“มึงยังจำเพื่อนกูได้ใช่มั้ย” ไอ้คนที่เจอผมเมื่อตอนเย็นตรงหน้าโรงเรียน คนที่พูดเยอะที่สุดและกวนส้นตีนที่สุดพูดขึ้นพลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนๆ มันทั้งสี่คน แต่ผมไม่ตอบ มันจึงพูดต่อ “พวกมันบอกกูว่ามึงเล่นพวกมันซะน่วมเลยนี่หว่า และถ้าไม่ได้เอาคืน พวกกูก็คงนอนไม่หลับว่ะ มึงเข้าใจใช่มั้ยวะ”

ผมถอนหายใจเบาๆ แม่งอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นหรือดูหนังมาเฟียจีนเยอะไปรึเปล่าวะ ไอ้แตดหมานี่

“มึงจะให้กูทำยังไง” ผมถามย้ำไปอีกครั้ง ในขณะที่พวกมันเริ่มเดินเข้ามาล้อมกรอบผม

“ก็ไม่ยากหรอก แค่ยืนเฉยๆ ให้พวกกูรุมกระทืบแค่นั้นเอง” ไอ้คนตัวใหญ่สุดพูดขึ้นบ้าง

“ยืนเฉยๆ เหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้น “พูดออกมาเต็มปากเลยเหรอวะ พวกมึงเก่งแต่ทำร้ายคนที่ไม่สู้จริงๆ นะเนี่ย หรือคิดว่าถ้ากูตอบโต้กลับแล้วจะสู้กูไม่ได้ ถึงแม้พวกมึงจะมีกันแปดคนเนี่ยนะ” ดูเหมือนผมจะเลิกนิสัยปากดีไม่ได้จริงๆ แฮะ “เด็กกรุงเทพฯ ไม่สิ เด็กโรงเรียนมึงแม่งก็เก่งแค่เห่า แต่กัดไม่เป็นงั้นดิ แล้วอีกสองคนที่เดินตามกูมาตั้งแต่แรก ไม่มาร่วมวงด้วยรึไง มึงคิดว่าแค่แปดคนจะพอเหรอวะ อ่อนๆ อย่างพวกมึงเนี่ยนะ”

“ไอ้เช็ดแม่งนี่!!” เสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับกำปั้นที่เหวี่ยงเข้าหน้าของผมอย่างแรง “ปากดีนักนะ ไอ้เหี้ย!!”

หลังจากที่เสียหลัก ผมก็รู้สึกถึงหมัดและเท้าที่ถูกประเคนเข้าใส่ร่างกายของผมอย่างไม่ยั้ง ตอนแรกผมก็พอจะยกมือขึ้นกันและเอี้ยวตัวหลบหมัดของพวกมันได้บ้าง แต่การเอาแต่เป็นฝ่ายตั้งรับโดยไม่โต้ตอบ แม่งก็ทำยากจริงๆ ว่ะ

ผมตั้งการ์ดขึ้นปกป้องคางและชายโครงของตัวเองเอาไว้เพื่อลดความเสียหายเท่าที่จะทำได้ แต่แล้วจู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงของแข็งที่ฟาดลงบนหัวของผมอย่างแรงจนทำให้ผมถึงกับทรุดตัวลงไปบนพื้น แววตาของผมพร่ามัวไปชั่วขณะหนึ่ง ผมรู้สึกราวกับสมองของผมแทบจะหยุดทำงาน จากนั้นพวกมันก็ใช้ท่อนไม้หรืออะไรบางอย่างฟาดเข้าที่สีข้างของผมอีกที ทำเอาลมหายใจของผมขาดห้วง ผมพยายามหายใจเข้าปอดอย่างทรมานแต่ก็ไม่เป็นผล ผมที่ล้มตัวลงนอนคุดคู้บนพื้นถูกเตะซ้ำเข้าที่กลางหลังและกลางลำตัว ความเจ็บปวดราวกับว่ากระดูกถูกหักออกเป็นท่อนๆ วิ่งแล่นไปทั่วทั้งร่าง ภาพตรงหน้าของผมเริ่มเลือนลาง ดวงตาของผมก็เริ่มปิด และหูของผมก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้วนอกจากเสียงลมหายใจเบาๆ ของตัวเองที่ดูเหมือนจะยิ่งแผ่วลงทุกทีๆ

แม่งเอ๊ยยย ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าการโดนรุมกระทืบแม่งเจ็บเหี้ยๆ ขนาดนี้... คืนนี้กูจะตายมั้ยวะเนี่ย

ผมเริ่มรู้สึกถึงเลือดอุ่นๆ ที่ไหลลงมาตามใบหน้า ผมหลับตาลง เริ่มจะยอมแพ้กับการพยายามฝืนประคองสติเอาไว้แล้ว เสียงสบถด่าด้วยความสะใจของพวกมันก็เริ่มแผ่วลงไปทุกทีๆ จนเกือบจะเข้าสู่ความสงบเงียบ ผมไม่รู้ว่าถ้าหากผมหมดสติไปแล้ว พวกมันจะหยุดตีนที่กำลังรุมกระทืบผมอยู่รึเปล่า แต่ถ้าหากว่าสวรรค์ยังคงให้โอกาสแก่ผมที่อยากจะกลับตัวกลับใจทำเพื่อแม่สักครั้งในชีวิตแล้วล่ะก็ ผมก็หวังว่าผมจะไม่ต้องทรมานมากไปกว่านี้แล้วล่ะนะ...

“เฮ้ย!! อะไรวะ!” เสียงร้องตะโกนเสียงหนึ่งดังแว่วขึ้น ทำให้ผมรู้สึกตัวและค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาที่พร่ามัวของผมไม่สามารถจับภาพที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตรงหน้าได้ดีเท่าไหร่นัก ผมได้ยินและเห็นไอ้พวกเวรตะไลทั้งหลายกำลังเคลื่อนไหวหรือวิ่งผ่านหน้าผมไปมา และแล้วจู่ๆ หนึ่งในพวกมันก็ล้มลงตรงหน้าผม จากนั้นก็อีกคน และอีกคน

ผมพยายามจะขยับตัวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณชายโครง และหัวของผมก็เจ็บจนแทบจะระเบิด อีกไม่กี่อึดใจต่อมา เสียงตะโกนโหวกเหวกเมื่อครู่ค่อยๆ เบาลง จนกระทั่งกลายเป็นความเงียบสงบ ผมมองเห็นเท้าของคนๆ หนึ่งเดินเข้ามาหาผม จากนั้นเขาคนนั้นก็คุกเข่าลง

“ก้อง! ยังไหวอยู่รึเปล่า!” เขาจับตัวผมเขย่าเบาๆ จากนั้นก็พลิกตัวของผมเป็นนอนหงาย ผมเจ็บจนต้องร้องออกมา ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเองลอดผ่านปากออกมาเลยก็ตาม

ผมหันไปมองหน้าของคนที่กำลังพยุงหัวของผมเอาไว้ “พี่วิน...”

“ยังไม่ต้องพูดอะไร บอกพี่มาว่าเจ็บตรงไหน”

“เจ็บอะไร... ไม่เจ็บ... สักหน่อย” ผมยิ้มให้เขา

“ยังจะทำปากเก่งอีก!” เขาตะคอกใส่หน้าผม ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ผมก็เห็นเขาเป็นตอนที่เขาผมสั้นและหน้าเด็กกว่าในปัจจุบันนี้... ผมเห็นภาพของเขาเมื่อหลายปีก่อนที่ผมเคยลืมไปแล้วซ้อนขึ้นมา และมันก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง


M.Aplus

  • บุคคลทั่วไป
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10: 24 Oct)
«ตอบ #335 เมื่อ24-10-2013 16:53:16 »

สนุกเหมือนเดิมเลยพี่ต้นนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10: 24 Oct)
«ตอบ #336 เมื่อ24-10-2013 17:41:50 »

ค้างกว่าเดิมอีกพี่ต้นนนนนนนนน

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10: 24 Oct)
«ตอบ #337 เมื่อ24-10-2013 17:55:15 »

กีสสส
พี่ต้นนน
ตอนนี้มันทำร้ายจิตใจมากกกอะ
กลับมาเคลียร์ด่วนๆเลยนะค้าา

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #338 เมื่อ24-10-2013 18:17:35 »

ตอนที่ 11


เมื่อผมรู้สึกตัวขึ้น ผมก็ได้ยินเสียงของพี่วินกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ ผมพยายามนึกว่าผมกำลังอยู่ที่ไหน ร่างกายของผมที่นอนราบอยู่บนเบาะกำลังสั่นไหวเบาๆ ผมหันไปทางขวาแล้วก็เห็นที่เบาะนั่งสองเบาะ คนที่นั่งอยู่บนเบาะซ้ายหันมาหาผม แล้วจากนั้นก็ร้องเรียกชื่อผมด้วยความดีใจ

“เฮ้ย! ไอ้ก้อง! ฟื้นแล้วเหรอวะ!” ไอ้บอมพยายามจะเอี้ยวตัวมาหาผม แต่ก็ติดเข็มขัดนิรภัยที่คาดเอาไว้อยู่ “มึงยังไหวใช่มั้ยวะ อย่าตายนะเว้ย!”

“นั่งดีๆ อย่าเพิ่งวุ่นวาย” พี่วินที่กำลังขับรถอยู่พูดเตือนขึ้น

ผมอยากจะอ้าปากถามไอ้บอมว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ก็พูดไม่ออก มันหันกลับไปนั่งดีๆ ตามเดิม แต่ก็ยังคงเอี้ยวคอหันมามองผมอย่างเป็นห่วงอยู่เรื่อยๆ ผมหลับตาลง รู้สึกว่าร่างกายระบมไปหมดทุกส่วน ภาวนาอยากจะให้ความเจ็บปวดเหล่านี้มันหยุดลงเสียที ผมยังคงไม่เข้าใจว่าหลังจากที่ผมใกล้จะหมดสตินั้นมันเกิดอะไรขึ้น แต่ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่หัวของผมกำลังนึกถึงคือ... แม่

น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาโดยที่ห้ามไม่ได้ ผมอยากจะยกมือขึ้นปาดมันออกเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็น แต่ก็ขยับตัวไม่ไหว ผมรู้สึกถึงรถที่หยุดลง จากนั้นประตูรถที่อยู่ตรงหัวของผมก็เปิดออก ผมได้ยินเสียงของพี่วินพูดอะไรบางอย่างกับคนอื่น แล้วผมก็ถูกหามลงจากรถไปนอนบนเตียงอย่างทุลักทุเล ผมถูกเข็นเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยนางพยาบาลในชุดขาว แสงจากหลอดไฟนีออนส่องสว่างจ้าจนผมแทบสู้ไม่ไหว ผู้คนจำนวน 3-4 คนต่างเข้ามารุมล้อมผมและพยายามจะคุยกับผม ผมพยายามจะเรียกชื่อของพี่วิน ผมอยากให้เขาพาผมออกไปจากที่นี่ ผมอยากกลับบ้าน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงของผมเลย จนในที่สุดสมองของผมก็ยอมแพ้ แล้วจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับลงไปอีกครั้ง

ผมตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เมื่อมองไปรอบๆ ผมก็ต้องรู้สึกแปลกใจไปอยู่ครู่หนึ่งเนื่องจากสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย ผมต้องใช้เวลาสักพักถึงจะนึกออกว่าผมอยู่ที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง และมันเกิดอะไรขึ้นกับผม เมื่อหันไปทางขวา แสงสว่างจากภายนอกที่ทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องก็ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวันแล้ว ผมพยายามจะเอี้ยวตัวไปอีกทาง แต่อาการเจ็บแปลบที่ชายโครงและบริเวณท้ายทอยก็ทำให้ผมต้องชะงัก

“อย่าขยับตัวมาก” เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น

ผมค่อยๆ หันไปทางซ้ายมือแล้วก็พบว่าพี่วินกำลังเดินตรงเข้ามาหาผม “พี่วิน...”

“รู้สึกยังไงบ้างแล้ว”

“เมื่อคืนนี้... หลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น... แล้วไอ้พวกนั้นล่ะ มันเป็นยังไงบ้าง”

“หัดห่วงตัวเองก่อนเถอะ” เขานิ่วหน้า

“ผมไม่ได้ห่วงพวกมันสักกะติ๊ด ผมแค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมั่ง” ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากราวกับทราย “ผมหิวน้ำอะ...”

พี่วินรินน้ำใส่แก้วแล้วจากนั้นก็ปรับเตียง เขาช่วยประคองคอของผมให้ค่อยๆ จิบน้ำช้าๆ “ดีนะที่เราไม่เป็นอะไรมาก แค่แผลฟกช้ำและหัวแตก ไม่มีกระดูกอะไรแตกหัก คงต้องนอนโรงพยาบาลสัก 2-3 คืนล่ะมั้ง”

“ครับ” ผมรับคำเบาๆ

“ว่าแต่ พี่ถามอะไรหน่อย”

“ครับ”

“ใครเป็นคนสอนให้พันผ้าและหนังสือพิมพ์รัดรอบตัวเอาไว้แบบนั้นวะ”

หลังจากที่เอนหัวพิงลงบนหมอนเหมือนกันแล้ว ผมก็ยกมือขึ้นแตะลำตัวดู ผมเพิ่งสังเกตว่าผ้าที่ผมซื้อมาพันตัวกับแขนเอาไว้เมื่อเย็นวานถูกถอดออกไปหมดแล้ว และถูกแทนที่ด้วยชุดสีฟ้าเชยๆ ของโรงพยาบาลแทน

เมื่อวานก่อนออกไปหาพวกมัน ผมไปซื้อสายรัดลำตัวสำหรับนักกีฬาที่ใช้ป้องกัน หรือสำหรับเวลาบาดเจ็บมาหลายม้วน จากนั้นก็พันมันรอบลำตัวและต้นแขนบริเวณที่ไอ้พวกนั้นจะมองไม่เห็นเอาไว้ โดยตรงช่วงท้อง ผมใช้หนังสือพิมพ์ห่อตัวเอาไว้ก่อนด้วย 2-3 ชั้น ที่ผมทำแบบนั้นหลักๆ เลยก็เพื่อที่ว่าหากพวกมันมีมีด และถ้าผมหลบไม่พ้น แทนที่จะโดนถากๆ ผมก็อาจจะไม่เป็นอะไรเลย หรือถ้าหากผมจะโดนฟันแผลลึก ผ้ายืดๆ และหนังสือพิมพ์เหล่านั้นก็น่าจะช่วยลดความรุนแรงลงไปได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนั้นมันยังช่วยลดแรงกระแทกจากหมัดและเตะไปได้อีกนิดหน่อยด้วย

“ถึงจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็คงดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยล่ะมั้ง” พี่วินพูดต่อ “แต่ถ้าพวกมันรู้ว่าเราพันตัวเอาไว้แบบนั้น จะเป็นยังไง”

“มันไม่รู้หรอก ไม่ได้พันไว้จนหนาขนาดนั้น” ผมตอบ “หรือต่อให้รู้แล้วไงล่ะ”

เขาส่ายหน้า “แต่การที่พันตัวไปแบบนั้นมันจะทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าลงนะ ทำไมถึงเลือกที่จะปกป้องตัวเองมากกว่าจะสู้กลับ... ไม่สิ ที่สำคัญเลยคือก้องไปที่นั่นทำไมตั้งแต่แรก”

“ผมแค่...” ผมไม่รู้จะเรียงเรียงคำตอบยังไงดี “ผมปวดหัวอะ พี่วิน ผมขอกินยาก่อนได้มั้ย”

เขามองหน้าผมนิ่ง แต่คราวนี้แววตาของเขาดูเศร้าๆ ชอบกล... ผมคิดไปเองรึเปล่านะ

เขากดอินเตอร์คอมและบอกพยาบาลข้างนอกว่าผมต้องการยาแก้ปวด จากนั้นก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

“เมื่อเช้านี้พี่ลาออกแล้วนะ”

“อ้าว!” ผมอุทานด้วยความแปลกใจ “ทำไมอะพี่!”

“ไม่ต้องสนใจหรอก ตอนนี้กินยาแล้วนอนพักไปเหอะ ปวดหัวไม่ใช่รึไง” เขาตอบ จากนั้นก็เดินไปที่ประตู แต่ก่อนจะเดินออกไป เขาก็หันกลับมาหาผมก่อน “นอนไปซะ ตื่นแล้วค่อยคุย พี่มีธุระต้องจัดการอีก”

หลังจากที่พี่วินเดินออกจากห้องไปไม่นาน พยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมกับยาแก้ปวด หลังจากที่ผมกินมันเข้าไปแล้ว ผมก็หลับลงแทบจะในทันที ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานขนาดไหน แต่ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ใกล้ๆ ผมเห็นพี่วินกำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายอีกสามคน สองคนนั้นอยู่ในเครื่องแบบตำรวจ ส่วนอีกคนอยู่ในชุดสูท ผมรู้สึกคุ้นๆ หน้าเขาชอบกล แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

“ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดการให้ครับ ขอตัวก่อนนะครับ” ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะตะเบ๊ะทำความเคาพแล้วจึงเดินออกจากห้อง

“ผมทำตามที่คุณขอแล้วนะ อาจารย์วิน...”

“อย่าเรียกผมว่าอาจารย์เลยครับ ท่านผู้อำนวยการ” พี่วินพูดขัด “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ผมก็ไม่ใช่อาจารย์อีกต่อไปแล้ว”

“ผมยังไม่ได้อนุมัตินะ ยังไงคุณก็จะยังคงเป็นครูในโรงเรียนของผมต่อไป แต่ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นจริง งั้น... วิน ลุงจะพูดกับวินในฐานะลุงกับหลานก็แล้วกัน” ชายในชุดสูทถอนหายใจ “ตั้งแต่พ่อของวินจากไป ลุงก็ช่วยแม่ของวินดูแลวินมาตลอด ถึงเมื่อก่อนวินจะเคยเหลวไหล เกเร แต่ลุงรู้มาตลอดว่าลึกๆ แล้ววินคือเด็กดีที่รักแม่ของวินมาก วินเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตั้งใจเรียนขึ้นเพื่อแม่ เพื่อพ่อใหม่ เพื่อตัวเอง ลุงจึงเสนอให้วินมาทำงานที่โรงเรียนนี้เพื่อหาประสบการณ์ จนกว่าจะถึงตอนที่วินไปสอบเพื่อเรียนต่อ ที่ผ่านมาถึงจะมีคอมเพลนท์เรื่องสไตล์การสอนของวิน หรือแม้แต่วิธีที่วินใช้ลงโทษเด็กเข้ามาบ้าง อย่างมากลุงก็แค่ตักเตือนไปตามระเบียบ แต่ก็ยังคงเชื่อใจและให้โอกาสวินอยู่เสมอ เพราะลุงรู้ว่าวินคือครูที่อุทิศตนให้แก่นักเรียนอย่างแท้จริง ต่างจากครูคนอื่นๆ หลายคน แต่...” เขาถอนหายใจอีกครั้ง “วินรู้ใช่มั้ยว่าลุงจะพูดอะไร”

“วินรู้ครับ” พี่วินตอบ “วินทำผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ คำสัญญาที่ว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงเกินสมควรแก่เด็กนักเรียน ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม คำสัญญาที่ว่าจะไม่มีเรื่องชกต่อยกับใครอีก ไม่ว่ากรณีไหนก็ตามเช่นกัน วินผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับลุงและแม่ วินทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง วินขอโทษครับ” พี่วินพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ก็หนักแน่น

“ยังไงก็ตาม ลุงก็คงทำได้ดีที่สุดแค่นี้ล่ะนะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคดีความ ฝ่ายกฎหมายของเราและทนายของลุงจัดการได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ลุงจะจัดการให้เอง ยังไงเด็กคนนี้ก็เป็นนักเรียนโรงเรียนของเรา และก็เป็นผู้เสียหายด้วย แต่วินแน่ใจเหรอว่าจะไม่ต้องโทรไปบอกแม่ของเด็กน่ะ เด็กคนนี้คือคนที่เคยอยู่บ้านข้างๆ ของแม่เราเมื่อสมัยก่อนไม่ใช่เหรอ”

“ลุงวุฒิไม่ต้องเป็นห่วงครับ ตอนนี้วินคือผู้ปกครองของเด็กคนนี้ วินจะดูแลมันเอง”

“เอาเถอะๆ แล้ววินจะทำยังไงต่อไป”

“วินขอดูแลน้องมันก่อนแล้วกันครับ รอจนกว่ามันจะหาย แล้วจากนั้นค่อยว่ากัน”

“นี่ ลุงก็ไม่รู้ทำไมหรอกนะ แต่...” ชายร่างท้วมหัวเราะในลำคอเบาๆ “ลุงรู้สึกเหมือนว่าเด็กคนนี้คงจะมีความพิเศษสำหรับวินมาก ลุงเข้าใจผิดรึเปล่า”

พี่วินไม่ตอบ แต่หันมาที่เตียง และเมื่อเห็นว่าผมกำลังนอนลืมตามองพวกเขาอยู่ เขาก็สาวเท้าเข้ามาหาผม ผมรีบหลับตา ตั้งใจว่าจะแกล้งทำเป็นหลับอยู่ แต่ท่าทางจะไม่เนียนซะแล้วล่ะมั้ง

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่วินถาม

ผมลืมตาขึ้นมองหน้าเขา “...เพิ่งตื่น”

“ก้อง นี่ผู้อำนวยการศราวุฒิ เคยเจอท่านบ้างรึเปล่า”

ผมส่ายหน้าเบาๆ “เคยเห็นแต่ในรูปครับ”

“เป็นยังไงบ้างล่ะเรา” ผู้อำนวยการถามผม

“ก็ดีครับ รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว”

“แบบนั้นก็ดี งั้นครูให้เธอพักผ่อนไปดีกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องเรียนและเรื่องค่าใช้จ่าย รักษาตัวไปจนกว่าจะหาย แล้วจากนั้นค่อยกลับไปเรียน เข้าใจมั้ย”

“ขอบคุณมากครับ”

“งั้นผมไปล่ะ ฝากที่เหลือด้วยนะ อาจารย์อัครวินท์”

ผมกับพี่วินยกมือขึ้นไหว้ผู้อำนวยการ แล้วจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปโดยมีพี่วินเดินออกไปส่งที่หน้าประตู

“พี่วิน...”

“ว่า” เขาตอบพลางเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ผมที่เตียง

“พี่เป็นคนมาช่วยผมไว้ใช่มั้ย”

“ใช่”

“แล้วพี่รู้ได้ยังไง”

“เจ้าเจษฎาวิทย์... ไอ้เจ้าบอมมันโทรไปบอกพี่”

“เออใช่ แล้วไอ้บอมล่ะ”

“ตอนนี้โรงเรียนน่าจะเพิ่งเลิก แต่พี่บอกมันไว้ว่าไม่ต้องมา ให้เราพักผ่อนไปก่อน”

“มันรู้เรื่องของผมได้ยังไง”

“มันสงสัยตั้งแต่ตอนที่เจอเรากับไอ้เด็กสองคนนั้นมีปากเสียงกันหน้าโรงเรียนแล้ว และพอตอนมันกลับเข้ามาในโรงเรียน มันก็บังเอิญไปได้ยินไอ้เจ้าวิทวิสิทธิ์มันคุยโทรศัพท์กับเด็กพวกนั้น ไอ้เจ้าบอมมันก็แอบฟังอยู่จนพอจับใจความได้ ถึงมันจะไม่ค่อยรู้เรื่องมากมาย แต่มันก็จับแพะชนแกะเอา มันบอกพี่ว่าตอนแรกมันก็ไม่คิดด้วยว่าเราจะไปเจอไอ้พวกนั้นจริงๆ จนกระทั่งมันโทรไปหาเรานั่นแหละ มันถึงรู้ว่าเรากำลังคิดจะทำอะไร จากนั้นมันก็รีบหาเบอร์ของพี่ และโทรมาบอกพี่ แต่กว่าที่พี่จะได้คุยและตามไปถึงที่นั่น ก็ช้าไปแล้ว”

“ครับ...”

“ก้อง” พี่วินมองหน้าผม “ทำไมถึงทำแบบนั้น อธิบายเหตุผลทั้งหมดมาให้พี่ฟังเดี๋ยวนี้”

ผมนิ่งไปพักหนึ่ง รวบรวมความคิดและคำพูดที่จะใช้ จากนั้นก็เริ่มเล่าตั้งแต่ที่ไอ้ข้าวมันเดินมาเตือนผม ไปจนถึงสิ่งที่ไอ้สองคนนั้นบอกผมที่หน้าโรงเรียน ผมพยายามเล่าทุกสิ่งที่ได้ยินมาแบบคำพูดต่อคำพูด จากนั้นจึงบอกเขาไปตรงๆ ว่าเหตุผลที่ผมตัดสินใจทำแบบนั้นลงไปคือเพราะว่าผมไม่อยากให้เขาต้องเดือดร้อน

“ว่ากันตรงๆ เลยนะ ผมก็กังวลเรื่องที่มันขู่จะยกพวกมาตีโรงเรียนของเราและทำให้เด็กคนอื่นต้องเดือดร้อนเหมือนกันนั่นแหละ ผมคิดว่ามันอาจจะไปเล่นงานเด็กคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แค่เพราะอยากจะแก้แค้นผม แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้แคร์เรื่องพวกนั้นเท่าไหร่หรอกว่ะ... ผมรู้ว่าแม่งฟังดูเหี้ยนะ แต่ถ้าพี่ถามว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้นและอยากได้คำตอบแบบจริงๆ เลยล่ะก็ ผมก็คงบอกได้แค่ว่าผมนึกถึงแต่พี่ ไม่อยากให้พี่ต้องเดือดร้อน ก็แค่นั้น” ผมอธิบายให้เขาฟัง “แต่ดูเหมือนสุดท้ายผมก็สร้างปัญหาให้พี่อยู่ดี...”

“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ไปที่นั่นซะ เราก็ไม่ต้องมานอนอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้ และพี่ก็คงต้องไม่ลาออกด้วย” เขาพูดด้วยสีหน้าซีเรียส

ผมก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสู้แววตาของเขา “เออๆ ผมขอโทษอะ”

“คิดรึไงว่าทำแบบนั้นแล้วปัญหามันจะถูกแก้ได้จริง สมองมีคิดได้แค่นั้นรึไงวะ”

ผมนิ่วหน้า อยากจะเถียงเขากลับไป แต่ก็พูดไม่ออก เพราะลึกๆ แล้วผมก็รู้ว่าเขาพูดถูก และไอ้ผมเองมันก็ไม่ใช่คนหัวดีที่จะคิดอะไรได้ลึกลับซับซ้อนนัก ผมมันก็แค่ตัดสินใจทำอะไรลงไปแบบโง่ๆ แค่นั้นเอง

เราสองคนเงียบลงไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่พี่วินจะวางมือลงบนหัวของผมเบาๆ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “แต่พี่ก็ดีใจนะ ที่ก้องคิดจะทำเพื่อพี่”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขางงๆ “พี่วินไม่โกรธผมเหรอ”

“โกรธ ยิ่งตอนแรกน่ะ โกรธมากด้วย” เขาตอบ “แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแล้ว สงสารมากกว่าว่ะ และก็พอเข้าใจด้วย”

“เข้าใจอะไร” ผมสงสัย

“เราก็ได้ยินที่เมื่อกี้พี่คุยกับลุงวุฒิแล้วนี่... หึๆ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก พี่รู้ว่าเราได้ยิน” เขาโน้มตัวเข้ามาหาผม “พี่ว่าเราสองคนมันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ ก้อง ตอนที่พี่รู้จักเราเมื่อหลายปีก่อน พี่ยังแปลกใจตัวเองว่าทำไมพี่ถึงได้รู้สึกรักและเอ็นดูเรานัก ทั้งที่ปกติก็ไม่ได้ชอบเด็กเท่าไหร่หรอก แต่ตอนนี้พี่เข้าใจแล้วว่ามันเป็นเพราะพี่คงเห็นตัวของพี่เองอยู่ในนี้” เขาชี้มาที่ผม “ตอนเด็กๆ พี่ก็เป็นเด็กขี้แง อ่อนแอ และไม่สู้คนเหมือนกัน พี่มีเพื่อนน้อย ไม่ค่อยมีใครมาคบ พ่อพี่เค้าเลยเอาพี่ไปฝึกเทควันโด พอขึ้นมัธยม พี่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากจะเป็นที่ยอมรับของคนอื่นๆ อยากจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ‘เฮ้ย กูก็อยู่ตรงนี้ด้วยนะเว้ย’ พี่จึงเริ่มไปฝึกที่ค่ายมวยเพิ่ม เพื่อให้คนอื่นๆ สนใจ และนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้พี่เริ่มรู้จักเด็กเกเรคนอื่นๆ ทำให้พี่มีเรื่องชกต่อยเป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นพี่ก็ชนะมาตลอด”

ผมนอนฟังเรื่องของเขาแล้วก็รู้สึกอึ้งๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีความหลังแบบนั้น

“ตอนนี้เราเองก็น่าจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยล่ะ ความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะ เป็นหัวโจกของกลุ่ม มีเรื่องทะเลาะวิวาทเข้ามาหาบ่อยๆ ทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่ได้อยากจะไปหาเรื่องใครก่อน และที่สำคัญคือความเหงาในใจที่ไม่ว่าจะไปต่อยตีกับใครเท่าไหร่ มีคนเดินตามหลังเฮฮาด้วยมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปอยู่ตลอด”

โป๊ะเชะเลย! ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงอะไร

“พี่ถูกย้ายบ้านและย้ายโรงเรียนไปอยู่ข้างบ้านเรา แต่ก็ไม่วายที่จะเกิดเรื่องเดิมๆ ขึ้น มีคนมาหาเรื่องเพราะความเป็นเด็กใหม่บ้าง มีคนหมั่นไส้เพราะหน้าตาบ้าง ต่างๆ นานา จากนั้นก็เริ่มมีคนมาติดสอยห้อยตามเหมือนเดิม แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักนิด สิ่งๆ เดียวที่ต่างออกไปคือเรานั่นแหละ ก้อง เราทำให้พี่รู้สึกถึงการได้เป็น ‘พี่ชาย’ เป็นครั้งแรก” พี่วินยิ้มมุมปากน้อยๆ “เพราะการที่มีเรามาวอแวอยู่ใกล้ๆ มันทำให้พี่ได้รู้จักการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ได้ดูแลคนอื่น และได้เห็นด้านดีๆ ของตัวเองที่พยายามไม่แสดงออกมา แต่พี่ก็ไม่คิดหรอกนะว่าสุดท้ายพี่นี่แหละที่กลายเป็นคนทำให้เราโตขึ้นมาใช้ชีวิตแบบเดียวกับพี่ตอนอายุเท่าๆ กัน ไปซะได้”

“พี่วิน ผมถามอะไรพี่หน่อยดิ”

“ว่ามา”

“เมื่อกี้ผมได้ยินว่าพ่อพี่เสียไปแล้วเหรอ”

“ใช่ ตอนพี่อยู่ ม. 3”

“พ่อผมก็เหมือนกัน แต่เค้าเสียไปตั้งแต่ผมอยู่ประถมแล้ว”

“พี่รู้”

“ผมไม่เคยตั้งใจจะเป็นนักเลงหรืออะไรเลยนะพี่”

“พี่รู้ มันแค่เป็นสิ่งที่เรามีติดตัวมาตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง เพียงแต่ตอนแรก เรายังไม่เคยได้ใช้มัน”

“สิ่งที่มีติดตัวเหรอ”

“ใช่ จะเรียกว่า ‘คาริสมา’ ก็คงได้มั้ง เราสองคนมีสิ่งนี้เหมือนๆ กัน”

“เดี๋ยวๆ อะไรม่าๆ นะ” ผมนิ่วหน้า

พี่วินหัวเราะเบาๆ “มันคือบุคลิกเด่น หรือคุณสมบัติเฉพาะคนที่ติดตัวคนเรามาตั้งแต่เกิด หรืออาจจะไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด แต่เกิดมาจากการฝึกฝน ขัดเกลา หรืออะไรพวกนั้นก็ได้ เช่นเราคงเคยเห็นคนบางคนที่เกิดมาเพื่อเป็นหัวหน้าห้อง หัวหน้ากลุ่ม รึหัวหน้าหมู่ลูกเสือตลอด หรือคนที่ดูเป็นคนดุ น่ากลัว และน่าเกรงขาม เต็มไปด้วยพลัง อะไรพวกนั้นก็เหมือนกัน”

“ผมเนี่ยเหรอ มีไอ้ ริดม่าๆ อะไรนั่น”

“ถ้าเราคล้ายกับพี่จริง เราน่าจะรู้ตัวนะว่าเวลาเราโกรธขึ้นมา คนรอบข้างมักจะกลัวเราขนาดไหน หรือเวลาก่อนมีเรื่อง เรายังไม่ทันจะทำอะไร แต่บางทีฝ่ายตรงข้ามก็กลัวเราแล้ว เป็นต้น” เขาเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง “อย่างน้อยๆ เรื่องเหล่านั้นก็เกิดกับพี่น่ะนะ และพี่ยังมีน้ำเสียงกับบุคลิกแบบนี้อีก คนก็เลยมักจะกลัวพี่กัน หรือแม้แต่เด็กนักเรียน เพื่อนๆ เราเองมันก็กลัวพี่ไม่ใช่รึไง ใช่ว่าพี่จะไม่รู้”

“อ้าว รู้ตัวด้วยเหรอ”

“อย่านะ พี่ไม่ใช่อาจารย์ของเราแล้ว คราวนี้จะทำอะไรก็ได้แล้วนะเว้ย” เขาหลิ่วตา

“ยังไม่ใช่ตรงไหน ก็ ผอ. เค้ายังไม่ได้อนุมัติสักหน่อย ที่สำคัญ พี่จะทำคนเจ็บได้ลงเชียวเหรอ...”

“หึๆ กวนตีนนักนะ” เขาส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนั้นพอหลังจากที่พี่โทรไปคุยกับแม่ของเรามาแล้ว พี่ก็เลยยิ่งมั่นใจว่านอกจากบุคลิกหรือนิสัยที่มันมักทำให้คนรอบข้างกลัวรึเข้าใจผิดโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วเนี่ย ก็ยังมีอีกอย่างที่เราสองคนมีเหมือนๆ กัน นั่นคือ ‘ดวง’”

“ดวง” ผมสงสัย

“ใช่ ดวงที่มักจะดึงดูดปัญหาการทะเลาะวิวาทเข้ามาในชีวิตบ่อยๆ”

“ถูกเผงงงง ผมก็เคยบอกพี่ไปแล้วไงว่าผมไม่เคยตั้งใจจะไปหาเรื่องใครก่อนหรอกนะ”

“พี่ก็ไม่เคยพูดสักคำว่าไม่เชื่อ” จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืน

“จะไปไหนอะ”

“ไปโทรศัพท์ ยังมีธุระที่ต้องจัดการอีกนิดหน่อย”

“เดี๋ยว พี่วิน ผมขอถามอะไรเป็นอย่างสุดท้ายหน่อยดิ”

“ว่ามา”

“เมื่อกี้พี่บอกว่าตอนนั้นพี่เอ็นดูผม รู้สึกเหมือนเป็นพี่ชายของผม แล้ว... แล้วตอนนี้ล่ะ ทำไมพี่ถึงยังต้องทำอะไรเพื่อผมขนาดนี้ด้วย ทำไมพี่ถึงต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย แถมสุดท้ายยังต้องลาออกจากงานเพราะผมอีก ทั้งที่เราก็ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปีแล้ว ที่พี่ทำลงไปทั้งหมดนี่คือในฐานะครูของผมเหรอ”

เขามองหน้าผมนิ่ง แววตาของเขายากเกินกว่าที่จะอ่านออก “ไม่ใช่ทั้งคู่ พี่ไม่ได้ทำลงไปเพราะในฐานะครู และก็เพราะการที่เราไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปีนั่นแหละ ที่ทำให้พี่รู้สึกต่อก้องไม่เหมือนเดิม”

“ผมงงว่ะ”

“ก็มึงมันโง่ไง”

“อ้าว!”

“มันก็เหมือนกับที่เราคิดถึงสวัสดิภาพของพี่มากกว่าเด็กคนอื่นๆ ของโรงเรียนหรือแต่ตัวเองนั่นแหละ ทุกอย่างที่พี่ทำก็เพราะพี่ไม่ได้คิดถึงก้องในฐานะลูกศิษย์ แต่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่พี่ใส่ใจเป็นพิเศษ ก็แค่นั้นเอง”

“พี่... เอ่ออ พี่หมายความว่ายังไงอะ”

“ยังจำเมื่อคืนนั้นที่เราเจอกันได้มั้ย”

ผมพยักหน้าเบาๆ

“มันมีอยู่คำถามนึงที่ก้องถามพี่ และพี่ก็ตอบกลับไปด้วยประโยคคำถามคล้ายๆ กัน... ตอนนั้นพี่ไม่ได้แค่กวนตีนกลับไปเฉยๆ หรอกนะ”

ผมพยายามนึกว่าตอนนั้นผมถามอะไรเขา และเขาตอบอะไรผมกลับมาวะ แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ไอ้ห่าเอ๊ยยย!! ที่เรื่องสำคัญแบบนี้ล่ะเสือกลืม! คืนนั้นเราไม่ได้เจอกันในสถานการณ์ที่ดีเท่าไหร่นัก และบรรยากาศระหว่างเราก็ใช่ว่าจะเป็นมิตร ผมจำได้ว่าเราต่างก็ฟาดปากกันไปมาหลายหน เขาเองก็ถามนั่นถามนี่ผมหลายอย่างจนผมรำคาญ แต่สรุปผมเคยถามอะไรเขาไปและเขาตอบอะไรผมกลับมาล่ะเนี่ย!

“หึๆ คิดเข้าไปนะ ไอ้ตัวแสบ” เขาพูดทิ้งท้ายไว้พร้อมรอยยิ้มหยันก่อนจะเดินออกจากห้องไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2015 00:47:04 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #339 เมื่อ24-10-2013 18:21:14 »

ตอนที่ 12


อีกสองวันถัดมาผมก็ถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาล... เอ่ออ ที่จริงคือผมเป็นคนงอแงขอออกจากโรงพยาบาลเองมากกว่า พี่วินเป็นคนดูแลจัดการเรื่องทั้งหมดให้ผม นอกจากนั้นเขาก็ยังเป็นคนขับรถพาผมไปส่งที่คอนโดอีกด้วย แต่ถึงแม้จะได้อยู่ด้วยกันแทบตลอด เราสองคนกลับไม่ได้คุยเรื่องที่ยังค้างกันต่อจากเมื่อวานเลย ไอ้ผมน่ะ ก็อยากจะคุยกับเขาอยู่หรอก แต่เดี๋ยวก็พยาบาลเดินเข้ามาในห้องบ้าง หมอบ้าง แม่บ้านบ้าง และไหนจะยังเพื่อนๆ ของผมที่มาเยี่ยมอีก สุดท้ายเมื่อรู้สึกตัวอีกที ผมก็นอนอยู่บนเตียงของตัวเองในห้องแล้วเรียบร้อย ส่วนพี่วินที่ช่วยผมถือของเยี่ยมขึ้นมาก็กำลังวางพวกมันให้เข้าที่อยู่ในห้องครัว

“พี่วิน...”

“ว่าไง”

“แม่ผมไม่รู้เรื่องเหรอ”

“พี่ไม่ได้บอก”

“ทำไมอะ”

เขาเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน “อยากให้บอกรึไง”

“เปล่า แค่ถามเฉยๆ”

“จริงๆ มันก็ควรต้องบอกอยู่หรอก แต่พี่เห็นว่าเราไม่เป็นอะไรมากก็รีบๆ หาย แล้วก็ลืมๆ มันไปซะ ไม่ต้องไปทำให้เค้าไม่สบายใจอาจจะดีกว่าก็ได้” เขาเดินมานั่งบนเตียง

“ขอบคุณครับ พี่”

“มีมารยาทก็เป็นเหมือนกันเว้ย” เขายิ้มน้อยๆ

“อ้าว พูดแมวๆ อีกละ ทำไมพออยู่กันสองคนนอกโรงเรียนทีไร พี่ต้องว่าผมอยู่เรื่อย”

“ไม่ได้ว่าอะไรเลย” เขาหัวเราะเบาๆ “แค่เอ็นดูเฉยๆ”

“ถ้าเอ็นดูจริง รักกันจริง ก็หัดพูดจาให้มันดีๆ บ้างดิวะ” ผมบ่นเบาๆ

จู่ๆ พี่วินก็คว้ามือของผมไปกุมเอาไว้ ทำเอาผมต้องหันไปมองหน้าเขาด้วยความตกใจ “อีกไม่นานพี่ก็ไม่ได้เป็นครูแล้ว เพราะงั้นพี่จะพูดก็คงได้ใช่มั้ย”

“พ...พูดอะไร”

“พี่ชอบก้องว่ะ”

“ฮะ... เฮ้ยย!! พี่พูดเล่นใช่มั้ยเนี่ย!” ผมรีบชักมือกลับทันที รู้สึกเลือดแม่งสูบฉีดขึ้นไปเลี้ยงที่หน้าจนปวดแผลที่หัวตุบๆ

“ก็พูดเล่นน่ะสิ” เขาหัวเราะ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “ทำไมวะ คิดว่าพี่จะพูดจริงรึไง”

“พี่จะบ้าเรอะ! ผู้ชายที่ไหนเค้ามาล้อเล่นเรื่องแบบนี้กันวะ!” ผมโวยวายพลางหันหน้าหลบไปทางอื่น

“ก็ผู้ชายแบบพี่นี่แหละ ว่าแต่ทำไมต้องเขินขนาดนั้นด้วย”

“ไม่ได้เขินเว้ย แค่... แค่...”

“เวลาเขินก็น่ารักนะเราเนี่ย” เขาหัวเราะเบาๆ ทำเอาผมยิ่งเขินจนแทบจะตายเข้าไปใหญ่

ผมก้มหน้าหลบไม่ให้เขาเห็นว่าผมกำลังหน้าแดงมากขนาดไหน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลแฮะ

“แล้วถ้าเกิดว่าพี่ไม่ได้พูดเล่นขึ้นมา ก้องจะทำยังไง” เขาถาม

“เพ้อเจ้อน่ะ! เลิกเล่นได้แล้วเหอะ ผมไม่เชื่อพี่หรอก”

“ก็ไม่ได้บอกให้เชื่อ แค่ถามว่าจะทำยังไง”

“ไม่ทำไงทั้งนั้นอะ ไม่รู้ไม่ชี้เว้ย เลิกพูดเหมือนตัวเองชอบผู้ชายสักทีเหอะ ขนลุก!” ผมพูดไปก็ก้มมองหมอนที่วางอยู่ข้างๆ ตัวไป ยังคงไม่กล้าหันไปเผชิญหน้าเขาอยู่ดี

พี่วินเงียบลงไปพักหนึ่ง จากนั้นจู่ๆ ผมก็ต้องสะดุ้งจนแทบสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากที่จุ๊บลงบนแก้มของผมเบาๆ

“เฮ้ยย!! พี่วิน!” ผมเขยิบตัวหลบพร้อมกับหันขวับไปหาเขา

เขาส่งยิ้มให้ผม จากนั้นก็ชะโงกหน้าเข้ามาจูบลงบนริมฝีปากของผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว เขาใช้มือข้างหนึ่งจับคางของผมเอาไว้ แต่ด้วยความตกใจ ผมดันเผลอตัวเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย ทำให้เขาค่อยๆ ใช้ลิ้นสอดเข้ามาในปากของผม ทันทีที่ลิ้นของเราสัมผัสกัน แค่เพียงนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น ผมก็รู้สึกถึงกระแสไฟอ่อนๆ ที่วิ่งไปทั่วทั้งร่างทันที

“อื๊อออ!!” เมื่อรู้สึกตัว ผมก็รีบผลักหน้าอกของเขาออกอย่างแรงพร้อมกับหอบหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก “พี่ทำเหี้ยอะไรของพี่เนี่ย!!”

เขามองหน้าผมนิ่ง ก่อนที่จะยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ “แล้วคิดว่าทำอะไรล่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องตลกนะเว้ย!!” ผมตะโกนแทบสุดเสียง ทำให้เขาเองก็ยังต้องผงะไปด้วยความตกใจ

“ก้อง...” เขาเขยิบตัวเข้ามาหาผม

“มึงถอยไปเลย!!” ผมเหวี่ยงหมัดขวาเข้าใส่ที่แก้มซ้ายของเขาอย่างเต็มแรง

ใบหน้าของพี่วินสะบัดไปทางขวาพร้อมกับเซถลาจนล้มลงไปบนพื้นห้อง เขาก้มหน้าลงอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม ที่มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย

“มึงออกจากห้องของกูไปเดี๋ยวนี้เลย!! ไป!!” ผมตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ร่างกายสั่นเทาจนแทบควบคุมไม่ได้ ผมทั้งรู้สึกตกใจ หวาดกลัว และสับสนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

พี่วินใช้หลังมือแตะที่มุมปาก จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น เราสองคนมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ครู่หนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนว่าผมเห็นความเจ็บปวดฉายอยู่ในแววตาที่ปกติจะอ่านไม่ค่อยออกอยู่ชั่วสั้นๆ แต่ผมคิดว่าผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ เพราะจู่ๆ เขาก็มีรอยยิ้มฉายขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ แบบที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวทุกครั้งที่เห็น มันไม่ใช่รอยยิ้มเพราะรู้สึกมีความสุข สนุก หรืออะไรในเชิงนั้น แต่เป็นรอยยิ้มที่แลดูผิดที่ ผิดเวลา และไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเขายิ้มทำไม

เขาหันหลังให้ผมแล้วเดินออกจากห้องนอนไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ หลังจากที่ได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง ผมก็เอนตัวนอนลงบนเตียง หัวของผมปวดจนแทบจะระเบิด แต่ใจของผมที่กำลังปั่นป่วนนั้นกลับรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า นี่เขาทำเหี้ยอะไรของเขาวะ และนี่ผมเป็นเหี้ยอะไรของผมเนี่ย!

ผมไม่เข้าใจเลยนะเว้ย ผมไม่เข้าใจเขา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ไม่เคยรู้ว่าเขาคิดยังไงกับผม ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร และไม่รู้ว่าผมควรจะทำตัวยังไงด้วย เขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นแค่ของเล่นของเขาเท่านั้นเอง

ผมทั้งปวดหัว เจ็บสีข้าง และไหนจะยังรอยฟกช้ำอื่นๆ บนร่างกายอีก ผมสบถเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกออกจากเตียงและเดินไปหยิบยาที่อยู่ในถุงออกมากิน แล้วจากนั้นก็กลับมานอนลงบนเตียงเหมือนเดิม

เมื่อคิดย้อนไปถึงตอนที่เขาจูบผม ผมก็เผลอยกหลังมือขึ้นมาถูปากของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ นั่นมันจูบแรกของผมนะเว้ย ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจูบแรกของผมมันจะออกมาในรูปแบบนั้น ถึงผมจะชอบผู้ชายอยู่แล้ว และพี่วินเองก็หน้าตาดี แถมยังเป็นคนแรกที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกดีๆ เวลาที่อยู่ด้วยกันได้อีกด้วย แต่ผมชอบพี่เขาแน่เหรอ ไม่สิ ผมว่าผมชอบเขาแหละ แต่ชอบแบบไหนนั้น ผมเองก็ยังไม่รู้ตัวเลย และที่สำคัญคือเขาเองก็เพิ่งบอกอยู่หยกๆ ว่าเขาไม่ได้ชอบผม แต่แล้วทำไมเขาถึงทำแบบนั้นวะ หรือว่าเขาแค่อยากจะเล่นๆ กับผมเท่านั้น เขาอาจจะชอบผู้ชายเหมือนกันและแค่อยากจะมีอะไรกับผมอย่างนั้นเหรอ ถ้าเกิดเขาคิดแบบนั้นจริงล่ะก็ ความนับถือ ชื่นชม และความรู้สึกดีๆ ที่ผมเคยมีให้เขามาตลอดแม่งคงจะพังลงไปหมดตั้งแต่วันนี้แล้วล่ะว่ะ

ผมที่หลับลงไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือ ผมพลิกตัวและควานหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนตัว และเมื่อคว้ามันมาได้ ผมก็รับสายทันทีโดยลืมมองว่าคนที่โทรเข้ามาคือใคร

“ฮาโหลวว..ว...”

“หลับอยู่เหรอลูก”

“อ้าว แม่... อืมมม ก้องนอนอยู่อะ” ผมขยี้ตา

“พอแม่ไม่โทรไปหาแล้วก็หายเงียบเลยนะ”

“โหยยย ไม่ต้องคิดมากเลยแม่ ก้องแค่ยุ่งๆ เหนื่อยๆ แค่นั้นแหละน่า”

“ไม่ได้ไปมีเรื่องอะไรกับใครมาใช่มั้ย”

“เฮ้ยยย ไม่มีๆ” ผมรีบปฏิเสธ “แม่ไปเอามาจากไหน”

“จะจากไหนล่ะ ก็จากประวัติในอดีตแกนั่นแหละ”

“โอ๊ยย เจ็บดังจึ้กก...”

“นี่ ก้อง พรุ่งนี้วันเสาร์ แม่จะลงไปหานะ ไม่ได้เจอหน้าลูกชายมาตั้งนานแล้ว แม่คิดถึง”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผมก็ตื่นเต็มตาทันที ผมรีบผุดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเร็วจนเจ็บแผล ทำให้เผลอร้องโอ๊ยออกมาเบาๆ

“เป็นอะไร ตาก้อง”

“เปล่าๆ ก้องแค่บิดตัวผิดท่าแล้วเจ็บเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่พรุ่งนี้แม่จะมาเหรอ มาทำไม ไม่ต้องมาหรอกน่าาา ก้องอยู่ได้”

“อะไร นี่แกมีเรื่องปิดบังอะไรแม่อยู่รึเปล่าเนี่ย”

“เฮ้ยยย ไม่มี จะบ้าเหรอ!”

“อย่าบอกนะว่าแกมีผู้หญิงมานอนอยู่ที่ห้องน่ะ”

คงจะใช่อยู่หรอก

“บ้าละ แม่ก็พูดไป ก้องแค่ไม่อยากให้แม่เหนื่อยและไม่อยากให้เป็นห่วงเกินไปต่างหาก เออๆ เอาเหอะ อยากมาก็มา ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ก้องเองก็คิดถึงแม่เหมือนกันนั่นแหละ แต่ไม่แสดงออกเฉยๆ บอกไว้ก่อนเลยนะเนี่ย จะได้ไม่ต้องทำเป็นงอน ขี้เกียจง้อ”

หลังจากคุยกับแม่อยู่พักหนึ่ง ผมก็วางสายลงด้วยใจกระวนกระวาย ผมจะทำยังไงไม่ให้แม่เห็นแผลที่หัวได้วะเนี่ย ไอ้รอยฟกช้ำตามร่างกายก็ยังพอใส่เสื้อผ้าปกปิดได้ แต่แผลบนใบหน้ากับบนหัวที่ยังไม่หายดีและยังคงต้องพันแผลเอาไว้แบบนี้เนี่ย ผมจะทำยังไงดี

ในขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องของผมก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงไขกุญแจ และจากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก พี่วินเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงพลาสติก 2-3 ถุงในมือ

“ซื้อข้าวมาให้” เขาพูดพลางเดินตรงไปยังห้องครัว

ผมลุกออกจากเตียงและเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูห้องนอน มองดูเขาที่กำลังหยิบของออกมาจากถุงมาวางบนเคาน์เตอร์

“หิวรึยัง จะกินเลยรึเปล่า” เขาถามโดยไม่ได้หันมามองผม

น้ำเสียงและพฤติกรรมที่แลดูเป็นปกติของเขาชักทำให้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้มันเป็นความจริง หรือว่าผมแค่ละเมอฝันกลางวันไปเองกันแน่

“พี่วิน”

“อะไร”

“แม่ผมเค้าจะมาหาอะ”

เขาหันมาหาผม “แล้วยังไง”

“แผลผมเห็นชัดแบบนี้ จะปิดแม่ยังไง”

เขาเลิกคิ้วขึ้น “ปิดเหรอ”

“ก็ผมไม่อยากให้แม่ต้องเป็นห่วง พี่ก็พูดแบบเดียวกันไม่ใช่รึไง”

เขาส่ายหน้าเบาๆ “แล้วจะทำยังไงไม่ให้แม่รู้”

“ผมก็ไม่รู้ พี่คิดว่าไงอะ พี่ว่าผมควรทำไงดี”

“แล้วทำไมถึงมาถามพี่ พี่ไม่ได้อยากให้ก้องโกหกแม่นะ”

“อ้าว แต่พี่ก็ไม่ได้โทรไปบอกแม่ผมนี่”

“พี่ไม่ได้โทรไปบอกเค้า ไม่ได้หมายความว่าพี่โกหกหรืออยากให้ก้องโกหกเค้าสักหน่อย แต่เอาเหอะ อยากจะให้พี่ทำยังไงล่ะ เลือกเอาเองก็แล้วกันว่าอยากให้พี่ช่วยโกหกเพราะแค่อยากให้เค้าสบายใจชั่วคราว หรืออยากจะบอกความจริงเค้าไปตรงๆ แบบลูกผู้ชาย”

“โห ถ้าพี่พูดขนาดนี้ ยังจะเหลือทางเลือกให้ผมอีกเหรอ” ผมนิ่วหน้า

“พี่ไม่ได้บังคับนะ ก้องเลือกเองได้ ถ้าจะให้พี่ช่วยโกหก ก็คงต้องบอกว่าตกบันได รถมอเตอร์ไซค์ล้ม อะไรก็ว่าไป จะเอางั้นปะล่ะ แม่เค้าจะเป็นห่วงน้อยลงมั้ย”

ผมส่ายหน้า “ก็คงไม่อะ...”

พี่วินเดินเข้ามาหาผม “ก้อง คืนนั้นเราทำเพื่อพี่อย่างลูกผู้ชายมาแล้ว ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาอย่างลูกผู้ชายด้วยสิวะ พี่ดีใจนะเว้ยที่เราทำเพื่อพี่ขนาดนั้น ถึงมันจะเป็นการกระทำที่โง่มากกว่ากล้าหาญก็เหอะ แต่ไม่ต้องห่วง ถ้าหากว่าก้องตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับผลที่ตามมา พี่ก็จะขอเป็นส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน”

“คืออะไรพี่ ผมไม่เข้าใจ”

“พี่จะช่วยพูดกับแม่ของเราให้เอง”

“เฮ้ย จริงอะ พี่จะพูดอะไรกับแม่ของผม”

“ก็ทุกอย่างเท่าที่พูดได้นั่นแหละ ว่าแต่แม่จะมาเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้ครับ”

เขาพยักหน้าเบาๆ “ตกลงว่าหิวรึยัง จะได้หาข้าวให้กิน”

“ครับ หิวก็หิว...” ผมพยักหน้า “เฮ้ยนี่ พี่วิน... คือ... เรื่องเมื่อกี้อะ...”

“เรื่องเมื่อกี้ทำไม”

“พี่... พี่... ผม...” จู่ๆ ผมก็ดันพูดไม่ออก “คืออ... พี่คิดยังไงกับผมกันแน่อะ ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น”

“ก่อนอื่นพี่ว่าก้องตอบตัวเองก่อนเหอะว่าก้องคิดยังไงกับพี่ ทำไมถึงต้องยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อช่วยเหลือพี่ขนาดนั้นด้วย” เขาหันมามองหน้าผมพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก “เรื่องคืนนั้นน่ะ เราอาจจะถึงตายก็ได้นะ รู้ใช่มั้ย”

ผมไม่ตอบ แต่ถึงเขาไม่พูด ผมก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะผมก็เคยโดนรุมกระทืบจนปางตายจริงๆ มาแล้วหนนึง เพราะฉะนั้นผมรู้ดี ผมแค่ทำปากดีและพยายามคิดว่า ‘เรื่องมันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้น’ แค่นั้นแหละ

“การที่ก้องยอมทำขนาดนั้น มันต้องมีเหตุผลสิ”

“ผม... ผม...” ผมนิ่วหน้า

“ถ้าหากสมมติว่าพี่บอกก้องว่าพี่ชอบผู้ชายและพี่ชอบเราล่ะ มันจะทำให้พูดง่ายขึ้นมั้ยว่าเราคิดยังไงกับพี่กันแน่”

ผมถึงกับสะอึกไปอีกครั้ง “พี่... พี่วินเป็นเกย์เหรอ”

“ใช่” เขาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน

“แล้วพี่... พี่ก็ชอบผมด้วย...”

“ใช่”

“ทำไมอะ”

“ไม่รู้ มันชอบของมันเอง” เขายักไหล่

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมรู้สึกว่าใจเต้นแรง

“ตั้งแต่ตอนแรกที่เจอคืนนั้นแหละ แล้วก็...”

“แล้วก็อะไร” ผมสงสัย

“พอเรื่องของพี่ก่อนเหอะ พี่ยอมสารภาพความในใจแล้วนะเว้ย แล้วก้องล่ะ ไม่ได้คิดอะไรกับพี่สักนิดเลยรึไง” เขาก้าวเข้ามาหาผม

“ผม... ผม...” ผมก้มหน้าหลบเขา

“ก้อง มองหน้าพี่” เขาเดินมาจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของผม “ก้องจะชกพี่ จะต่อย จะเตะพี่ จะทำอะไรพี่อีกก็ได้ แต่พี่อยากได้ความจริงจากปากก้อง ถ้าหากพี่ไม่มีความหวัง พี่ก็จะไม่วุ่นวายกับก้องอีก เราก็จะเป็นแค่ครูกับลูกศิษย์ที่บังเอิญพักอยู่คอนโดเดียวกัน แค่นั้น”

“พี่วิน ผม... ผมไม่รู้...” ผมไม่กล้าสบตาเขา

“ก้องไม่รู้จริงๆ เหรอวะ สรุปตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่แค่คิดไปเองงั้นดิว่าเราเองก็น่าจะรู้สึกดีๆ กับพี่อยู่บ้าง”

ผมรู้สึกทั้งเขินและกลัวจนรู้สึกร้อนไปหมด “แต่ผมอยากรู้จริงๆ อะว่าพี่วินชอบผมเพราะอะไร บอกได้ป่าว”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้ แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ล่ะก็...”

“ก็...” ผมเลิกคิ้วขึ้น รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

เขาถอนหายใจเบาๆ “พี่รักเรามาตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว แต่ไม่ได้รักแบบนั้นนะเว้ย ตอนนั้นมันเป็นแค่ความรู้สึกแบบพี่น้อง พี่รู้สึกผูกพันกับเรามาก ก็คงอย่างที่บอกว่าพี่เคยเห็นตัวตนของพี่ในตัวเรา พี่เลยเอ็นดูเรา รักเราเหมือนกับน้องแท้ๆ แต่พอเราได้เจอกันอีกครั้ง ก้องโตขึ้น เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ทั้งหน้าตาและนิสัยของเรา มันทำให้ความรักที่พี่เคยมีแปรเปลี่ยนไป พูดแบบนั้นเข้าใจรึเปล่า พี่อะ ชอบคนหน้าแบบเราอยู่แล้ว ตอนเจอกันในคืนนั้นก็รู้สึกปิ๊งเลย และพอพี่ได้ใช้เวลาอยู่กับเรา พี่ก็ยิ่งรู้สึกหมั่นเขี้ยวเรามากขึ้นไปอีก เข้าใจปะวะ ก้อง เราเป็นเด็กดีนะเว้ย เป็นคนน่ารัก ใครอยู่ด้วยก็รัก มีความสุข นอกจากนั้นยังเป็นคนมีหัวคิดอีกต่างหาก ถึงบางทีจะคิดอะไรโง่ๆ ไปบ้างก็เหอะ แต่พี่ก็ชอบที่เราพยายามที่จะทำเพื่อแม่และเพื่อคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเพื่อนๆ หรือแม้แต่เพื่อคนอื่นอย่างพี่ การที่พี่ได้เห็นตัวตนจริงๆ ของเราแบบนี้แหละ มันยิ่งทำให้พี่ชอบเรามากขึ้นไปอีก แต่ก่อนหน้านี้พี่มีคำว่า ‘ครู’ ค้ำคอ จึงพูดไม่ได้ แสดงออกไม่ได้มาก แต่หลังจากนี้พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้ว พี่เลยอยากให้เรารู้เอาไว้ว่า ‘พี่ชอบเรา’ นะเว้ย... ตอบแบบนี้โอเครึยัง”

ผมก็รู้นะ ว่าเขาเป็นคนตรงๆ แต่ตรงแบบนี้มันก็ทำเอาผมจุกไปเลยเหมือนกัน ทำไมเขาถึงได้พูดเหมือนกับเขารู้จักผมดีขนาดนั้น ทั้งๆ ที่แม้แต่ตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นคนแบบนั้น ที่สำคัญ ทำไมเขาถึงได้มองเห็นสิ่งดีๆ ในตัวของผมเยอะนักวะ ทั้งที่คนรอบข้างผมต่างก็พากันส่ายหน้าใส่ผม ไม่มีใครเคยเห็นความดีของผม ไม่เคยมีคนมองผมในด้านดีๆ แม้แต่เพื่อนที่แท้จริงผมก็ยังไม่เคยมี ที่ผ่านมาก็มีแค่แม่คนเดียวเดียวเท่านั้นที่ยังคงรักผม ถึงแม้ว่าผมจะทำเรื่องไม่ดีให้แม่ต้องปวดหัวและเสียใจแค่ไหนก็ตาม แต่นี่เขากลับบอกว่าเขาเชื่อในตัวของผมอย่างนั้นเหรอ เขาบอกว่าเขาชอบผมในแบบที่ผมเป็น ชอบในตัวตนของผม... ตัวตนที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่รู้เลยเนี่ยนะว่าเป็นยังไง

“ก้อง...”

เสียงของพี่วินปลุกผมจากภวังค์ ผมกะพริบตาและมองหน้าเขา จู่ๆ ดวงตาก็พร่ามัว และรู้สึกถึงหยดน้ำที่ไหลลงมาจากตา

“หืออ...” ผมยกมือขึ้นปาดหยดน้ำออกจากแก้ม นี่ผมร้องไห้เหรอเนี่ย

“ไม่เป็นไรนะ ก้อง” พี่วินดึงตัวของผมเข้าไปกอด “อดีตมันจะเป็นยังไงก็ช่างมัน รู้เอาไว้ว่าตอนนี้นอกจากแม่แล้ว ก้องยังมีพี่ที่รักและเป็นห่วงเรามากๆ อยู่อีกคนก็พอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่น้อยครั้งนักที่ผมจะได้ยิน

ผมจำไม่ได้เลยว่าผมถูกกอดแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ผมไม่เคยกอดแม่ และกับเพื่อนหรือผู้หญิงคนไหนก็ยิ่งไม่เคย หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่เคยมีใครอยากกอดผมมากกว่า นอกจากนั้น ผมยังจำไม่ได้แล้วด้วยว่าความอบอุ่นของจากคนเป็นพ่อนั้นมันเป็นอย่างไร ไม่เคยมีใครทำให้ผมอย่างที่พี่วินทำ ไม่เคยมีใครใกล้ชิดผมแบบเขา และที่สำคัญ ไม่เคยมีใครบอกว่ารักผมและกอดผมเอาไว้ในอ้อมแขนแบบนี้มาก่อนเลย

ผมยกแขนขึ้นกอดเขาแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะผมนึกถึงตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่เคยสอนให้ผมเป็นคนขี้แง แต่แม่งก็ยากจริงๆ ว่ะ หลายต่อหลายครั้งที่ผมได้แต่แสดงความเข้มแข็งปลอมๆ ออกไปให้คนอื่นเห็น โดยเก็บความอ่อนแอไว้ส่วนลึกสุดของใจ หลายๆ ครั้งที่ผมอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ได้ ความอัดอั้นทั้งหมดที่เคยมีเริ่มเอ่อล้นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ร่างกายของผมสั่นไหวเบาๆ

พี่วินยกมือขึ้นลูบหัวผมช้าๆ จากนั้นเขาก็จุ๊บลงบนกลางกระหม่อมของผม “นานๆ ทีจะระบายออกมาบ้างก็ได้ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก การลองสำรวจความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองและกล้ายอมรับมัน ก็เป็นการแสดงความเข้มแข็งที่แท้จริงอย่างนึงเหมือนกัน”

น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่ก็อ่อนโยนของเขา คือสิ่งที่ทำให้ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป จู่ๆ ความเหงา ความเศร้า ความกลัว และความอ่อนแอที่เคยถูกเก็บไว้มานานต่างก็ถูกระบายออกไปผ่านสายน้ำตาที่พรั่งพรู ความรู้สึกเหล่านั้นมันคือสิ่งที่ผมไม่เคยระบายออกไปให้ใครฟัง ไม่สิ ที่จริงผมว่าตัวผมเองยังไม่เคยแม้แต่จะสำรวจหรือรับรู้เลยด้วยซ้ำว่ามีมันอยู่ในก้นบึ้งจิตใจของผมด้วย ที่ผ่านมา ผมคิดว่าแรงผลักดันของการที่ผมอยากจะเป็นคนใหม่ ไม่อยากทำให้แม่เสียใจอีกแล้วนั้นคือความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว่าแท้จริงแล้วมันคือความเหงาและความกลัวที่ตัวเองจะกลายเป็น ‘ไอ้ขี้แพ้’ อย่างที่ถูกญาติพี่น้องและคนอื่นๆ สบประมาทเอาไว้ต่างหาก

หลังจากที่ร้องไห้จนพอใจแล้ว พี่วินก็พาผมไปนั่งลงบนโซฟา ผมเริ่มเล่าเรื่องในวัยเด็กให้เขาฟัง เริ่มตั้งแต่ตอนที่ผมมีเรื่องชกต่อยจริงๆ เป็นครั้งแรก ไปจนถึงครั้งสุดท้ายที่ทำให้หัวเข่าของผมมันพังแบบทุกวันนี้ แต่ผมไม่ได้เล่าถึงรายละเอียดของวีรกรรมเหล่านั้นหรอก สิ่งที่ผมระบายออกไป มันคือความอัดอั้นที่ผมเก็บไว้มานานต่างหาก ทั้งความอึดอัดที่ต้องเจอแต่ปัญหา ความผิดหวังในตัวเองที่ทำให้แม่เสียใจ ความรู้สึกโดดเดี่ยวจากการที่ถูกมองว่าต่ำต้อยกว่าคนอื่น ไม่ใช่เรื่องฐานะ แต่เป็นพฤติกรรมทางสังคมที่บรรดาพ่อๆ แม่ๆ คนไหนต่างก็ไม่อยากให้ลูกของตัวเองเป็นเพื่อนกับผมเป็นต้น

หลังจากที่ผมระบายไปจนหมดแล้ว พี่วินก็เล่าเรื่องในวัยเด็กของตัวเองให้ผมฟังบ้าง น่าตลกดีที่หลายๆ อย่างที่เขาเล่าออกมา มันฟังดูคล้ายกับชีวิตของผมจริงๆ จนกระทั่งเขาพูดถึงแฟนคนที่เพิ่งเลิกกันไปขึ้นมา

“ที่ผ่านมาพี่ก็เคยมีแฟนผู้ชายแค่สองคนเอง คนแรกคบกันปีนึง คนที่สองเกือบสองปี”

“แล้วทำไมพี่ถึงเลิกอะ”

“จับได้ว่ามันไปมีอะไรกับคนอื่น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ทั้งสองคนเลยเหรอ”

“ใช่”

“โห แม่งงง...”

“ตอนก่อนจะคบกัน พี่ก็พอรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นคนแนวๆ นี้ หมายถึงไอ้คนที่สองอะนะ ไม่รู้ดิ พี่ว่าพี่คงชอบคนที่มันดื้อๆ เฮ้วๆ หน่อยมั้ง แต่ปกติตอนอยู่กับพี่ มันก็โอเคนะ พี่คิดว่าพี่คงทำให้มัน ‘เชื่อง’ ได้ แต่เปล่าเลย สุดท้ายสันดานรักสนุกของมันก็แก้ไม่หาย... ช่างมันเหอะ จบไปแล้ว ไม่อยากคิดถึงว่ะ”

“พี่ยังคิดถึงเค้าอยู่อะดิ”

“ไม่เลย” เขาพ่นลมหายใจออกจมูกเบาๆ พร้อมกับเผยอรอยยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย “พี่ไม่เคยเสียดายความสัมพันธ์ที่มันจบเหี้ยๆ สักครั้ง... เอาจริงๆ พี่ไม่เคยรู้สึกเสียดายอะไรเลยด้วยซ้ำ มีแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่พี่รู้สึกเสียใจและเสียดาย นั่นคือตอนที่พี่ต้องย้ายบ้านและคิดว่าคงจะไม่ได้เจอเราอีกแล้วนั่นแหละ” เขาหันมายิ้มให้ผม

ผมเขินจนหน้าร้อนไปหมด “พี่วินแม่งกะล่อนว่ะ! เชี่ย! ท่าทางจะเจ้าชู้นะเนี่ย!”

“ไม่เกี่ยว พี่มีอะไรคิดอะไรก็พูดไปตรงๆ คนอย่างพี่ มีแค่พูด หรือไม่พูด แค่สองอย่างเท่านั้น ไม่มีโกหกตอแหล”

“ตอนแรกพี่ยังเคยบอกเลยว่าไม่คิดอะไรกับผม”

“ก็เราเป็นครูกับลูกศิษย์กันนี่หว่า แม่งก็... เออ ช่างมันเหอะ!” เขาพูดปัดด้วยสีหน้ารำคาญใจ “แต่พี่ยังไม่รู้เลยนะว่าเราคิดยังไงกับพี่ ก้อง”

“ผม...” ผมหันหน้าหลบเขาไปอีกทาง “ผมก็ไม่รู้ว่ะพี่”

“ไม่ได้ชอบพี่ใช่มั้ย”

“เปล่า... มันก็... ไม่ใช่ว่าไม่ชอบขนาดนั้น...”

“งั้นก็ชอบ”

“มันก็... ไม่รู้ดิ มันก็ชอบแหละ แต่ก็ไม่เชิงอีกอะ มันแบบ ไม่ได้... เอ่ออ...”

“เฮ้ย! เอาไงแน่วะ งั้นสรุปง่ายๆ ตกลงเราชอบผู้ชายรึเปล่า เอาให้ชัดๆ เลย”

ผมไม่ตอบ แต่พยักหน้าเบาๆ จริงๆ ก็อยากจะบอกเขาเหมือนกันว่าเขานี่แหละ สเป๊กผมเลย แต่ก็พูดไม่ออก

“เออๆ ก็แค่เนี้ย ไม่เห็นยาก สรุปว่าตอนนี้ก้องรู้แล้วว่าพี่ชอบเรา แล้วไงต่อ รู้สึกยังไงบ้าง และจะทำยังไงต่อไป”

“ก็ไม่ทำไงอะ... เฮ้ยพี่ ผมไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อนนะเว้ย ผมก็ไม่รู้จะตอบพี่ยังไง และไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันนั่นแหละ” ผมพูดพึมพำเบาๆ “ขอเวลาผมหน่อยได้มั้ยเล่า...”

เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ แล้วจากนั้นก็ดึงตัวของผมเข้าไปโอบ “มึงนี่มันน่ารักจริงๆ ว่ะ!”

“เฮ้ย! ขึ้นมึงขึ้นกูกับลูกศิษย์เหรอวะ!” ผมโวย

“ก็แค่ตอนนี้แหละวะ อีกไม่กี่เดือนมึงก็ไม่ใช่นักเรียนของกูอีกต่อไปแล้ว”

เราสองคนเงียบกันไปพักหนึ่ง ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นเบาๆ “เอาจริงๆ ผมก็คงรู้สึกดีกับพี่นิดๆ ล่ะมั้ง...”

“หือ อะไรนะ” พี่วินถาม

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ผมรีบปฏิเสธทั้งที่เขินจนร้อนหน้าไปหมด

“เฮ้ย เอาดีๆ เมื่อกี้ไม่ได้ยินจริงๆ” เขาถามสีหน้าซีเรียส

“ช่างมันเหอะน่า! ที่สำคัญอะ ช่วยผมคิดก่อนดิว่าพรุ่งนี้แม่มา ผมควรจะบอกแม่ยังไงดี ผมเครียดนะเว้ย”

“ก็บอกเค้าไปตามจริงไง”

“อันนั้นน่ะผมรู้แล้ว แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีนี่หว่า อีกอย่าง ผมไม่รู้ด้วยว่าผมควรจะเล่าให้เค้าฟังขนาดไหน มันยากนะเว้ย พี่”

“ไม่ต้องห่วง” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “เดี๋ยวพี่จัดการเอง”




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
« ตอบ #339 เมื่อ: 24-10-2013 18:21:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #340 เมื่อ24-10-2013 18:24:48 »

ลงให้ 3 ตอนติดเลยนะ เพราะรักนะเนี่ย ไม่อยากให้ค้าง อิอิ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #341 เมื่อ24-10-2013 18:27:54 »

 :L1: :pig4:

prapawon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #342 เมื่อ24-10-2013 18:43:11 »

จุใจมาก 3 ตอนรวด 

 :-[

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #343 เมื่อ24-10-2013 19:17:18 »

หายค้างเลย ขอบคุณมากครับ ว่าแต่ตอนหน้าต้องดราม่าแน่ ๆ รู้สึกยังงั้นนะ  :katai4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #344 เมื่อ24-10-2013 19:19:41 »

เอาละเว่ยยยย

ออฟไลน์ Maree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #345 เมื่อ24-10-2013 19:36:44 »

 :impress2: :-[ :o8: :-[

ว้าววววว มาสามตอนรวดเลยยยยยย
กรี๊ดดดดด พี่วินสุดๆๆๆๆๆๆๆ
เท่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ จะรอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #346 เมื่อ24-10-2013 19:39:26 »

โอ้วววว 3 ตอนรวด
 :katai2-1:
แอบขำตอนก้องเอาผ้า เอาหนังสือพิมพ์พันตัวไปให้เค้ากระทืบ ฮ่าาาาาา
คิดได้ไง

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #347 เมื่อ24-10-2013 19:46:46 »

ด้วยวัย ด้วยไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน น้องเลยยังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองน่ะ
พี่วินให้เวลาน้องหน่อยนะ แต่แค่ที่ต่างคนต่างทำเพื่อกันและกันขนาดนี้แล้วก็เนอะ... :mew3:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #348 เมื่อ24-10-2013 19:58:20 »

ขอบคุณมากกกก
อย่างนี้ค่อยรักกันจริง ha ha ha

เรื่องเริ่มคลี่คลายแล้วนะครับ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #349 เมื่อ24-10-2013 20:01:51 »

โอ้ยย  สามตอนรวดด  <3

โหยยน้องก้องพี่วินน่ารักอ่ะ  รอต่อไปนะค่ะ

 :katai4: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
« ตอบ #349 เมื่อ: 24-10-2013 20:01:51 »





ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #350 เมื่อ24-10-2013 20:16:26 »

ขอบคุณค่ะ

pammii

  • บุคคลทั่วไป
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #351 เมื่อ24-10-2013 20:18:07 »

อ๊ายยยย พี่วิน น่ารักอ่ะ อยากได้

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #352 เมื่อ24-10-2013 20:24:23 »

อรั๊ยยยย น่ารักมากกกก ทั้งก้องทั้งพี่วิน ทั้งคนเขียน คิกคิก

อ่านตอนนี้แล้วเขินจัง

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #353 เมื่อ24-10-2013 20:28:05 »

อ๊ากกก!!!! แบบนี้รักเลย

สามตอนรวดด

เต็มอิ่มมากพี่น้องง~!

 :pig4:  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #354 เมื่อ24-10-2013 20:37:59 »

จัดเต็ม 3 ตอนรวด
 :pig4: :pig4:

พี่วินใจเย็น อย่าเพิ่งเร่งน้องมัน
หยอดบ่อยๆ แต่เอาแบบไม่เลี่ยน
แม่ก้องจะมาแล้ว ช่วยน้องมันก่อนนะ
ไม่อยากให้แม่ก้องมองก้องเป็นเด็กเกเร

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #355 เมื่อ24-10-2013 21:08:12 »

รอบนี้มาเต็มเลย จุใจ


ตอนหหน้าคุณแม่มาจะบอกยังไงเนี้ย

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #356 เมื่อ24-10-2013 21:19:42 »

ขอบคุณมากจ้า
ที่มาลงต่อให้ 3 ตอนรวด  พี่วินสุดยอดมาก  น้องก้องไม่งงแล้วนะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #357 เมื่อ24-10-2013 21:36:39 »

นึกแล้วเชียวว่าก้องต้องลุยเดี่ยวแล้วพี่วินมาช่วย
แอบใจหายตอนก้องต่อยพี่วินหลังถูกจูบ สับสนรุนแรงไปนิดนึง ดีที่พี่แกยังกลับมาเลยได้ปรับความเข้าใจกัน

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #358 เมื่อ24-10-2013 22:10:22 »

นึกว่าจะโกรธกันซะแล้ว
คุยกันตรงๆแบบนี้ก็ดีเนาะ

กอด3ที  :กอด1:

zeaza

  • บุคคลทั่วไป
Re: Brother Next Door (ตอนที่ 10-12: 24 Oct)
«ตอบ #359 เมื่อ24-10-2013 22:59:42 »

อ่านรวด 3 ตอนจุใจมากค่ะ
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักพี่วิน >.<

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด