แรงรัก ครั้งที่ 1
[/b][/size]
Your love’s got me crazy right now
เพล้ง!!! แจกันราคาเหยียดแสนถูกปาไปกระทบกับผนังห้องจนแตกกระจาย เหลือไว้เพียงซากไร้ราคา เช่นเดียวกับดอกกุหลาบขาวที่ถูกจัดช่อไว้อย่างประณีต บัดนี้ถูกรองเท้าสลิปเปอร์เหยียบขยี้จนช้ำแหลกเหลือไว้เพียงซากไร้ค่า
“ใครเอาดอกกุหลาบพวกนี้มาจัดใส่แจกัน!”
คนที่เพิ่งระบายโทสะใส่กุหลาบขาวตวาดกร้าว ใบหน้าอ่อนเยาว์เชิดขึ้นอย่างคนถือดี ริมฝีปากรูปกระจับบิดเบี้ยว ดวงตาร้ายตวัดมองคนรับใช้รุ่นราวคราวแม่อย่างเอาเรื่อง
“ป้าขอโทษค่ะคุณนุ่ม อย่าโกรธป้าเลยนะคะ ถอยไปก่อนค่ะเดี๋ยวเศษแจกันจะบาดเท้าเอา”
ป้าแม่บ้านรีบกุลีกุจอมาเก็บเศษแจกันด้วยมือเปล่า กลัวความคมของเศษแจกันน้อยกว่าอารมณ์ร้ายของคนตรงหน้า
เด็กหนุ่มอารมณ์ร้ายหันไปเล่นงานคนอื่นต่อ กวาดสายตามองพวกคนใช้ที่พากันนั่งก้มหน้าตัวสั่น มีเพียงหัวหน้าแม่บ้านที่กล้าเสนอหน้ามาเก็บเศษแจกัน นอกนั้นกลัวจนหัวหด…ริมฝีปากบางแสยะยิ้มสะใจ การสร้างความหวาดกลัวให้คนอื่นมันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง
“จำไว้นะพวกขี้ข้า ถ้ายังขืนเอาดอกกุหลาบพวกนี้มาใส่แจกันให้ฉันเห็นอีก คราวหน้าฉันจะไม่ปาใส่ผนังแต่จะปาให้หัวกลวงๆของพวกแกแทน ไสหัวออกไปให้พ้น!”
พวกมันสะดุ้งเฮือก ลนลานคลานเข่าออกไปจากห้องโถง เหลือเพียงหัวหน้าแม่บ้านที่กำลังสาละวนอยู่กับการทำความสะอาด แต่ก็ดูชักช้าอุ้ยอ้ายจนน่าหงุดหงิด ยังไม่ทันได้บรรดาโทสะใส่ก็มีจอมสารแนเข้ามาสอดก่อน
“อะไรกันนุ่ม ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้”
วี เดินตรงไปห้ามป้าพรไม่ให้เก็บเศษแจกันเพราะกลัวป้าได้แผล ใบหน้าหวานเกินชายหันไปตำหนิคนที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ก่อนจะหันกลับมามองแม่บ้านอย่างห่วงใย ริมฝีปากสีระเรื่อคลี่ยิ้มอ่อนโยน ปลอบคนสูงอายุให้คลายความกังวล จากนั้นก็ลุกไปยืนประจันหน้ากับเด็กที่อายุน้อยกว่าเขามาก แต่ก็ไม่เคยเคารพกันเลย ซ้ำยังชอบทำตัวกร่างใส่
ฝ่ายคนอายุน้อยกว่ากระตุกยิ้ม ยกมือขึ้นกอดอกอย่างวางท่า ทำตัวเหนือกว่าทั้งที่มีสถานะเป็นแค่เมียน้อยเหมือนกัน เขาหัวเราะหึในลำคอ พวกขี้ข้าชั้นต่ำคงรีบวิ่งแจ่นไปฟ้องนายผู้แสนดีของมัน ถึงได้แกว่งเท้าเข้ามาแส่อย่างนี้
“ถ้าเป็นเรื่องแจกัน พี่เป็นคนเอาดอกกุหลาบขาวมาจัดใส่เอง จะโกรธก็โกรธพี่แทน อย่าไปลงที่ป้าแกเลย พี่ขอ”
“ก็รู้ว่าผมไม่ชอบแล้วจะสะเออะเอามาเห็นทำไม”
“ก็นายหัวท่านชอบ พี่เลยเอามาจัดใส่แจกันเพื่อละลึกถึงท่าน”
“หรอออ…ถ้าคิดถึงกันมากนักก็ตายตามกันไปเลยสิ เผื่อโชคดีได้เจอกันในนรก”
“พูดอะไรอย่างนั้นนุ่ม”
“เลิกทำหน้าตอแหลสักที รำคาญตา”
“
นุ่ม!”
วีเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างถึงได้ขึ้นเสียง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็มีคนเข้ามาขัด
“เอะอะเสียงดังอะไรกัน”
หยาดทิพย์ หญิงวัยสี่สิบเดินวางมาดเข้ามาราวกับนางพญา ใบหน้าหย่อนคล้อยตามวัยถูกปิดทับด้วยเครื่องสำอางค์หนาเตอะ ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดดูไม่เข้ากับชุดเดรสรัดรูปไว้ทุกข์สีดำ หน้าอกอวบอิ่มแทบทะลักออกมายามเธอก้าวเดิน
เธอเป็นเมียน้อยคนแรกของนายหัวจึงได้รับความไว้วางใจให้ดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน และกำลังจะขึ้นเป็นนายหญิงคนใหม่ของเกาะ เนื่องจากนายหัวเพิ่งเสียชีวิต อำนาจที่อยู่ในมือจึงมีมากขึ้นจนสามารถข่มไอ้อีทุกตัวที่บังอาจมาผยองใส่ โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นคนโปรด คนที่ใครก็แตะต้องไม่ได้
“นุ่ม”
หญิงวัยสี่สิบเรียกอีกฝ่ายเสียงแข็งอย่างวางอำนาจ
“นี่แกก่อเรื่องอีกแล้วหรอ รู้ไหมว่าแจกันใบนี้ราคาเท่าไร ต่อให้แกไปขายตัวให้ผู้ชายทั้งเกาะก็ไม่มีปัญญาจ่ายหรอกนะ ที่สำคัญ ที่นี่ไม่ใช่ซ่องบ้านเกิดแก เพราะฉะนั้นอย่าทำตัวสถุลแบบนี้!”
นิ้วเรียวที่มีแหวนเพชรประดับอยู่ชี้ไปที่ซากความเสียหายพลางจ้องเด็กตรงหน้าไม่วางตา ในขณะที่นุ่มก็เชิดหน้าขึ้นประชันฝีปากอย่างไม่สนหัวงอกหัวดำ
“อ้าวที่นี่ไม่ใช่ซ่องหรอกหรอ ก็เห็นนายหญิงแต่งหน้าทำผมแบบนี้…”
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบแปดมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะแสร้งพูดด้วยสีหน้าซื่อ
“…ก็คิดว่าเป็นแม่เล้าเสียอีก”
“
นี่แก!”
หยาดทิพย์ก้าวพรวดเข้าไปตบหน้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสุดแรง นุ่มเซเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว แต่ยังคงรักษาสีหน้าไว้ได้แม้จะถูกอีกฝ่ายชี้หน้าด่าต่อ
“หัดเจียมตัวซะบ้าง! นายหัวไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวแกแล้ว คอยดูเถอะ อีกไม่นานฉันจะเฉดหัวแกออกจากบ้าน ส่งกลับไปนอนอ้าขาให้ผู้ชายเอาในซ่อง!”
นุ่มยิ้มรับอย่างยินดี คิดว่าเขาอยากอยู่ที่เกาะนี่นักหรือไง บางที่ไอ้ซ่องที่ว่านั่นมันอาจจะดีกว่าที่นี่ก็ได้ อย่างนั้นมันก็ไม่มีน้ำทะเลล้อมรอบให้ความรู้สึกเหมือนถูกขัง ไม่มีโซ่ตรวนล่องหนที่ค่อยพัธนาการร่างกายเขาไว้ และที่สำคัญ ไม่มีผู้คุมคอยบงการชีวิต!
อ้อ แต่จะว่าไป…ผู้คุมที่ว่านั่นก็
ตายไปแล้วหนิ
หึ “นี่แกยิ้มเยาะเย้ยฉันหรอ อยากลองดีนักใช่ไหม!”
หยาดทิพย์เห็นอีกฝ่ายแสยะยิ้มก็โกรธจัด ง้างมือขึ้นเตรียมฟาดอีกหนแต่ถูกป้าแม่บ้านเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณหยาด มีเรื่องด่วนค่ะ เรื่องด่วน”
ป้าแม่บ้านเข้าไปกระซิบกระซาบกับเจ้านายตัวเองก่อนจะผละออก หยาดทิพย์ชะงักไปชั่วครู่ สีหน้ามาดร้ายเปลี่ยนเป็นยิ้มพราว เธอละตัวออกห่างจากคู่กรณี แสร้งปัดเสนียดออกจากมือ ก่อนสะบัดหน้าเดินเชิดออกไป
ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาอันทีค่ากับพวกเห็บหมัด เพราะแขกคนสำคัญรอเธออยู่ เธอต้องรีบไปให้การต้อนรับอย่างดี เผื่ออีกฝ่ายจะติดอกติดใจจนไม่อยากกลับ…ว่าแล้วก็จัดการแหวกคอเสื้อให้กว้างขึ้นจะได้เห็นเนินอกอวบอิ่มชัดๆ
. . .
ท้องฟ้าคำรามลั่น ส่งสัญญาณเตือนว่าอีกไม่นานจะเกิดพายุฝน เมฆครึ่มเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมน่านฟ้าทั่วทั้งเกาะ ลมพัดหวีดหวือรุนแรงจนต้นไม้สูงใหญ่ไหวเอน
ใหญ่ละสายตาจากหน้าต่างบานใสที่เริ่มมีละอองน้ำเกาะพราว พยักหน้าขอบคุณแม่บ้านที่ยกกาแฟมาเสิร์ฟ ก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆห้อง
ที่นี่ดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไร ยังคงให้ความรู้สึกอึดอัด อึมครึมเหมือนก้อนเมฆที่อุ้มน้ำไว้จนหนักอึ้งแต่ไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นหยาดฝน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทุกมุมห้องมีรูปปั้นสัตว์ดุร้ายตั้งอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องโดยผู้ล่า โดยเฉพาะรูปปั้น…
หายไปแล้ว “คุณใหญ่กำลังมองหารูปปั้นสิงโตหรือคะ”
แม่บ้านเห็นผู้เป็นนายขมวดคิ้ว จ้องไปยังมุมห้องก็เข้าใจได้ทันทีเพราะทำงานที่นี่ตั้งแต่คุณเขายังเด็ก
“อยู่ที่ห้องเก็บของน่ะคะ พอดีว่าคุณนุ่มเธอไม่ชอบ นายหัวเลยสั่งให้นำแจกันดอกกุหลาบขาวมาตั้งแทน”
“แล้วไหนล่ะกุหลาบขาว”
ที่เห็นตรงหน้ามีเพียงแจกันว่างเปล่า
“…คือ”
แม่บ้านละล่ำละลัก จะตอบว่าดอกกุหลาบขาวเพิ่งถูกนุ่มเอาไปเผาทิ้งเมื่อสองวันก่อนก็ไม่กล้า คุณเขาเกลียดดอกกุหลาบขาวยิ่งกว่าอะไร เมื่อกี้ก็เพิ่งอาละวาดไปซะใหญ่โต นายหัวท่านก็แปลกคน สั่งให้เอารูปปั้นสิงโตไปทิ้งเพราะคุณนุ่มไม่ชอบ แต่กลับเอาสิ่งที่คุณนุ่มเกลียดมาตั้งแทน
“เอ้าป้าพร มัวนั่งเหม่ออะไรอยู่ มีงานอะไรก็ไปทำสิ”
หยาดทิพย์เดินกรีดกรายเข้ามาในห้องพอดี ป้าแม่บ้านจึงรีบออกไปจากห้องโดยที่ยังไม่ได้ตอบคำถาม
“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ พอดีว่าติดสายสำคัญอยู่น่ะค่ะ”
เธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับใหญ่ แอบอ้างว่าติดธุระทั้งที่ความจริงแล้วไปเติมหน้าทาปากมา จงใจโน้มตัวไปหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างมีจริต ดวงตาเรียวช้อนขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่ท่อนขากำยำภายใต้กางเกงสแล็ค ไปจนถึงดวงตาคำขลับทรงเสน่ห์
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็เพิ่งมาถึง”
ใหญ่เสหน้ามองออกนอกหน้าต่างแทนการมองผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามยกขาขึ้นไขว่ห้างจนกระโปรงรัดรูปเลิกขึ้นอวดขาอ่อน บรรยากาศตอนนี้เหมือนอยู่ในซ่องอย่างไรพิกล นี่คฤหาสน์ราคาแพงดูตกต่ำขนาดนี้แล้วหรือ
“ดิฉันให้เด็กจัดห้องไว้ให้แล้วนะคะ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้ คุณก็รู้ดีว่าห้องของฉันอยู่ที่ไหน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็มาเคาะประตูได้ทุกเมื่อ…”
เสียงหวานเรียกสายตาจากใหญ่ หล่อนสบตาเขาอย่างสื่อความหมายโดยมีเสียงร้องโอดครวญของสายลมดังคลอ ไม่นานนักฝนก็กระหน่ำเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง มีแสงวาบเป็นพักๆสลับกับเสียงฟ้าร้องสนั่น ไอเย็นแผ่เข้ามาในห้องจนสัมผัสได้ ความเงียบก่อตัวขึ้นเมื่อเสียงฝนกล่อมให้ใหญ่ตกอยู่ในภวังค์
…เขาจำความรู้สึกตอนที่พบกับผู้หญิงคนนี้ครั้งแรกได้ดี เธอดูทะเยอทะยาน กระหายอำนาจ และซ่อนความริษยาในแววตาไม่มิด
พ่อเป็นคนพาเธอเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็หยามหน้าแม่ด้วยการประกาศกร้าวว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะ
‘เมียน้อย’ แม่ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด อ้อมกอดของลูกชายวัยสิบห้าไม่สามารถทำให้ความเจ็บปวดนั้นทุเลาลงได้
หลังจากพาเมียน้อยที่อายุมากกว่าลูกชายเพียงสองปีเข้ามาอยู่ในบ้าน พ่อก็พาคนใหม่เข้ามาอีกในปีถัดมา แต่เมียน้อยคนที่สองกลับเป็นผู้ชาย แม้จะหน้าสวยเกินหญิง อีกทั้งยังมีรูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนเด็กสาววัยแรกแย้ม แต่แม่ก็รับในความวิปริตของพ่อไม่ไหว
แม่ทุกข์ใจจนไม่เป็นอันทำอะไร…แต่พอนานๆเข้าความเจ็บปวดก็เปลี่ยนเป็นชินชา
….จนกระทั้งวันหนึ่ง พ่อกลับบ้านหลังจากไปทำธุระในเมือง น่าแปลกที่มีเด็กชายตัวน้อยติดสอยห้อยตามมาด้วย นัยน์ตาเศร้าช้อนมองมาที่เขา ก่อนจะรีบก้มหน้าหลบตา
พ่อพาเด็กคนนี้มาจากซ่อง บอกใครต่อใครว่ารับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ตั้งชื่อและให้ใช้นามสกุลเดียวกัน แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เด็กคนนี้จะกลายเป็น ‘เมียน้อย’ คนที่สามของพ่อ
แม่คัดค้านอย่างสุดทน เธอเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล..แต่กลับแพ้ผู้หญิงต่ำต้อยคนนั้น เธอเป็นหญิงงามที่ใครก็ต่างหมายปอง…แต่กลับแพ้ผู้ชายทั้งแท่ง
….และล่าสุด เธอกำลังจะแพ้ให้กับเด็กชายอายุเจ็ดขวบ
แม่เริ่มต่อต้านทุกวิถีทาง พ่อเอ็นดูเด็กคนนั้นมากกว่าใครเพื่อน ทั้งคู่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆ แม่ร้องไห้ทุกคืน พอผ่านไปหนึ่งปีแม่ก็เริ่มล้มป่วย สุดท้าย…แม่ก็กระโดดลงมาจากดาดฟ้าเพื่อหลุดพ้นจากความทรมาน
ใหญ่ในวัยสิบแปดปีโทษทุกอย่างบนโลกที่ทำให้แม่พบกับจุดจบน่าสังเวช ก่อนจะไปจากที่นี่…ขังทุกความทรงจำเอาไว้ในเกาะนี้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อเมริกา…
“…คุณใหญ่ดูเหนื่อยๆนะคะ ขึ้นไปพักก่อนดีไหม ถ้าอาหารพร้อมแล้วจะให้เด็กขึ้นไปตาม”
หยาดทิพย์พูดเอาใจ ใหญ่ตอบรับก่อนจะเดินตามแม่บ้านขึ้นไปชั้นบน ห้องนอนเก่าของเขาอยู่ทางปีกซ้าย แต่แม่บ้านกลับเดินนำไปทางปีกขวา
“หลังจากที่คุณใหญ่ย้ายออกไป คุณนุ่มเธอก็ใช้ห้องนั้นต่อค่ะ...”
แม่บ้านช่วยเฉลยความแคลงใจหลังจากพาเขามาถึงห้องรับรองแขกที่ใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ เขาไหวไหล่ ไม่มีปัญหากับห้องพักอยู่แล้วเพราะมาอยู่เพียงชั่วคราว
แม่บ้านและสาวใช้ช่วยกันนำสัมพาระของเจ้านายเก็บเข้าที่ก่อนจะออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ใหญ่ตรงไปที่เตียงหลังใหญ่ บนหัวเตียงมีแจกันดอกกุหลาบขาวช่อโต เขาเอื้อมมือไปหยิบออกมาหนึ่งดอก พินิจมองกลีบสีขาวนวลน่าถนอม พลันนึกถึงยามที่มันชุ่มไปด้วยสีแดงฉานของเลือด
‘…เอ้อ ผมลืมบอก ตอนที่พ่อของพี่ตกลงมาจากดาดฟ้า มือข้างขวาของเขากำดอกกุหลาบขาวไว้ไม่ยอมปล่อย’ คำบอกเล่าของวินผุดขึ้นมาให้หัว เขาไม่เคยรู้ว่าพ่อชอบดอกกุหลาบขาว รู้เพียงว่ามันเป็นดอกไม้ที่แม่ชอบ และเมื่ออาทิตย์ก่อนพ่อก็โทรมาพูดเรื่องแม่กับเขา
‘…ฉันรู้ว่าแกโกรธเกลียดฉันเพราะฉันทำให้แม่แกเสียใจ…แต่เชื่อเถอะใหญ่ ฉันรักแม่แกคนเดียว และไม่มีวันเชื่อว่าแม่แกฆ่าตัวตายจริงๆ’ การที่พ่อไม่ยอมยกใครขึ้นเป็นเมียหลวงแทนที่แม่คือหลักฐานว่าพ่อพูดความจริง แม้ว่าแม่จะจากไปนานแค่ไหน แต่ตำแหน่งนายหญิงยังคงเป็นของแม่ ส่วนคนอื่นๆก็ยังคงมีสถานะเป็นแค่เมียน้อย
แต่คำว่า
‘รัก’ ของพ่อ เป็นแบบไหนนั้นเขาไม่เข้าใจ บอกว่ารักทั้งที่ทำร้าย รักอย่างเห็นคนแก่ตัว
ก๊อกๆ ใหญ่หลุดออกจากความคิด หันมองประตูที่ถูกเปิดแง้มเบาๆ มีใครบางคนชะโงกหน้าเข้ามาด้วยท่าทีเอียงอาย
หนึ่งในเมียน้อยของพ่อ “ขออนุญาตนะครับ คือ อาหารพร้อมแล้ว…”
วีหลุบตามองพื้นอย่างประหม่าเมื่อถูกคนตรงหน้าจ้อง พอเห็นว่าคุณใหญ่ถือดอกกุหลาบที่ตนเป็นคนนำมาจัดใส่แจกันก็รู้สึกปลาบปลื้ม แต่เขินอายเกินกว่าจะเงยหน้าสบตา คนตรงหน้าเปลี่ยนไปมากจากครั้งสุดท้ายที่เห็น ท่าทางดูภูมิฐานขึ้นตามวัย ใบหน้าคมคายได้รูปเสมือนถอดแบบมาจากผู้เป็นบิดา แววตาคมปลาบเปี่ยมไปด้วยอำนาจ…น่าเกรงขามและก็น่าหลงใหลในคราวเดียวกัน
“ครับ เดี๋ยวผมตามไป”
น้ำเสียงทุ้มต่ำตอบห้วน แต่คนฟังกลับคิดว่ามันมีเสน่ห์เหลือล้น อดจินตนาการถึงเรื่องน่าอายไม่ได้ แก้มทั้งสองข้างแดงปรั่งเมื่อลองมโนภาพถึงเสียงทุ้มนั่นเวลาเอ่ยเรียกชื่อเขายามกระแทกสะโพกใส่…
“อ่าห์ วี อื้มม สุดยอด” น่าเสียดายที่ใหญ่ไม่ได้เห็นสีหน้าพราวเสน่ห์ของวียามที่เจ้าตัวกำลังคิดเรื่องใต้สะดือ เขารีบเดินเข้าไปล้างตาล้างตาในห้องน้ำ พอออกมาวีก็ไม่อยู่เสียแล้ว สองเท้าพาตัวเองเดินลงบันได แว่วได้ยินบทสนทนาของผู้ร่วมโต๊ะดังมาถึงนี่
“นุ่มล่ะครับ ไม่มาทานข้าวด้วยกันหรอ”
“จะถามหามันทำไมล่ะวี ฉันเป็นคนสั่งให้มันอดอาหารเอง โทษฐานที่อวดเก่งใส่ฉัน ทำเป็นหยิ่งผยอง เฮอะ จะถูกเฉดหัวออกจากบ้านยังไม่รู้ตัวอีก”
“แต่พี่หยาดก็ตบหน้านุ่มไปแล้ว น่าจะหายกันนะครับ”
“เอ๊ะ นี่เธอเข้าข้างมันหรอ หุบปากซะถ้าไม่อยากอดข้าวเย็นอีกคน”
ใหญ่ไม่สนใจบทสนทนาเพราะกำลังคิดบางอย่างในหัว พอเห็นป้าแม่บ้านเดินสวนทางออกมาก็รีบเรียกไว้
“ป้าครับ หนังสือเก่าๆของผมยังอยู่หรือเปล่า”
“ยังอยู่ค่ะยังอยู่ มันอยู่ในห้องเก่าของคุณใหญ่เหมือนเดิม เดี๋ยวป้าไปเอาให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วผมจะไปเอาเอง”
ป้าแม่บ้านคิดจะคัดค้านแต่คุณเขาก็เดินไปห้องอาหารเสียก่อน อดเป็นกังวลไม่ได้เพราะห้องเก่าของคุณใหญ่ก็คือห้องปัจจุบันของคุณนุ่ม เมื่อกี้คุณนุ่มเธอเพิ่งสั่งย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเธอในห้อง หวังว่าทั้งคู่จะไม่มีเรื่องกันนะ…
. . .
“…ทำแบบนี้จะดีหรอครับคุณนุ่ม”
ชายวัยฉกรรจ์ถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ต่างจากเจ้าของห้องที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยืนกอดอกมองไอ้หนุ่มตังเกลูกชาวประมง แม่ของมันเป็นสาวใช้ที่นี่และตัวมันเองก็เป็นคนสวนจึงรู้ทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์หลังนี้ดี การลักลอบเข้ามาในห้องของเขาแบบไม่มีใครเห็นจึงทำได้อย่างง่ายดาย
“อะไรกัน มาถึงขั้นนี้แล้ว”
นุ่มเดินเข้าไปใกล้ ยกแขนขึ้นโอบรอบคอคนที่ตัวโตกว่า ดวงตากลมโตช้อนมองด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
“…นายเองก็อยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ”
มือเรียวลูบไล้ต้นแขนกำยำเนิบนาบ ผิวสีคร้ามแดดหยาบกระด้างบ่งบอกว่าเป็นพวกกุลีแบกหาม นุ่มรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ชอบแอบมองเขาบ่อยๆ และคงเอาเขาไปจินตนาการจนเสร็จไปถึงไหนต่อไหน วันนี้เขาเลยสนองให้ จัดการนัดแนะลูกคนใช้ขึ้นมาทำบัดสีถึงในห้อง หยามน้ำหน้าเจ้าของคฤหาสน์เล่น
นี่เป็นวิธีประกาศอิสระภาพของเขาล่ะ อาจจะฟังดูแปลก แต่นุ่มเชื่อว่าดวงวิญญาณของมันยังวนเวียนอยู่ที่นี่ เขาอยากให้มันเห็นเขามีอะไรกับผู้ชายคนอื่น อยากยั่วให้มันโมโห ให้มันเดือดพล่านร้อนรนจนทนไม่ไหว ให้มันแค้นใจที่ถูกเขาทำให้เจ็บปวดแต่ตัวเองกลับทำอะไรไม่ได้ นั้นเพราะมันเป็นแค่ดวงวิญญาณที่ไม่มีใครมองเห็น เหมือนอย่างที่เขาเป็นอยู่ …ไร้ตัวตน ยังหายใจแต่ก็เหมือนตายไปแล้ว
…เขาจะทรมานแม้กระทั้งวิญญาณของมัน เหมือนอย่างที่เขาถูกทรมานแม้กระทั้งใจ…จากนั้นก็จะไปจากที่นี่ กลบฝังอดีตไว้ในส่วนลึกของความทรงจำแล้วใช้กาลเวลาช่วยลบเลื่อน
“…จูบฉันสิ”
นุ่มเผยอปากอย่างเย้ายวน ส่งสายตาเรียกร้องจนคนมองประหม่า ร่างสูงโน้มหน้าลงไปใกล้ สีหน้ากระสันซ่านที่เขาเคยจินตนาการถึงตอนช่วยตัวเองกำลังปรากฎอยู่ตรงหน้า
“…ผมรักคุณ”
ไอ้หนุ่มตังเกกระซิบชิดใบหู นุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปาก บ่อยครั้งที่
ตัญหาราคะ แฝงตัวมาในคราบของ
“ความรัก” “ตกลงที่นี่กลายเป็นซ่องจริงๆแล้วงั้นหรอ”
ริมฝีปากที่กำลังจะแตะกันเป็นอันต้องชะงักเมื่อเสียงบุคคลที่สามดังขึ้น แขกที่ไม่ได้รับเชิญยืนกอดอกพิงขอบประตู มือข้างหนึ่งยกขึ้นแกว่งกุญแจเล่นด้วยท่าทางสบายๆ ต่างจากสองคนที่รีบผละตัวออกจากกัน
ไอ้หนุ่มตังเกเหงื่อแตกผลั่กเพราะกลัวถูกไล่ออก ส่วนคนต้นเรื่องยืนนิ่ง สายตาจับจ้องไปยังคนที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องของเขา
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน “คะ...คุณใหญ่ครับ คะ..คือ คือ..”
คนเป็นขี้ข้ากลัวจนพูดจาติดๆขัดๆ รีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแทบเท้าผู้เป็นนาย สองมือยกขึ้นไหว้อย่างหวาดหวั่น ใหญ่ตบบ่าหนักๆเชิงบอกว่าไม่ถือสาเอาความ ชายหนุ่มจึงรีบผลุดผลันออกไปจากห้อง…
เหลือเพียงคนแปลกหน้าที่ดูคุ้นเคย “อยากมากถึงขนาดพาลูกค้าขึ้นมาเอาบนห้องเลยหรือไง แถมอีกฝ่ายยังเป็นคนสวนซะด้วย ใฝ่ต่ำจังนะ”
ใหญ่พูดแบบไม่ใส่ใจนัก เดินผ่านร่างเล็กไปราวกับธาตุอากาศ แต่ยังไม่ทันไปถึงชั้นหนังสือก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง นุ่มกระชับแขนแน่น แนบหน้าไปกับแผ่นหลังกว้างอย่างโหยหา
“คิดถึง…”
เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาราวกับปุยนุ่นกระทบพื้น ไออุ่นจากแผ่นหลังกว้างแผ่กระจายไล่ความหนาวเหน็บที่กำลังกัดกินจิตใจ…
เขาเกิดมาเพื่อเป็นส่วนเกินของโลกใบใหญ่ ไม่มีใครข้างกาย ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่มีพ่อแม่ให้พักพิงใจ…แต่เขามีคุณใหญ่ โลกใบเล็กของเด็กชายวัยเจ็ดขวบ อ้อมกอดอบอุ่นเป็นเหมือนบ้านที่ปลอดภัย สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมาเป็นเหมือนที่พักพิงใจ รอยยิ้มละมุนเป็นเหมือนคำปลอบโยนที่บอกว่าเขาไม่ได้เดียวดาย…
…แต่แล้ววันหนี่งโลกใบนี้กลับหันหลังให้เด็กชายตัวน้อย ข้างกายมีกระเป๋าใบโต
‘คุณใหญ่จะไปไหนฮะ ให้นุ่มไปด้วยได้ไหม นุ่มกลัว ทุกคนใส่ชุดสีดำกันหมด มีคุณตำรวจเดินเต็มบ้านเลย”
เด็กน้อยวัยแปดขวบดึงชายเสื้อของคนตัวโตไว้ เพิ่งเห็นว่าคุณใหญ่ก็ใส่ชุดสีดำเหมือนกัน อีกฝ่ายดึงมือเล็กออกก่อนจะหันมาสบตา และฆ่าเด็กน้อยด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค
‘กูเกลียดมึง ไอ้ลูกโสเภณี โตขึ้นมึงคงเป็นอีตัวเหมือนแม่มึงสินะ’ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เด็กน้อยเจ็บปวดปางตายเท่ากับการจากไปแบบไม่หวนกลับมา…
ที่ย้ายมานอนห้องของคุณใหญ่ก็เพื่อจะซึมซับทุกอย่างที่เป็นคุณใหญ่ไว้ให้ได้มากที่สุดเมื่อโดนความคิดถึงเล่นงาน
“…คิดถึงจนเหมือนจะตาย”
คนถูกกอดแน่นยืนนิ่งไปชั่วขณะ สักพักห็แกะแขนเรียวออกแล้วหันกลับไปเผชิญหน้า นัยน์ตาเศร้าคู่นั้นทวีคูณความเศร้ามากขึ้นเมื่อมีน้ำใสเอ่อคลอ…ใหญ่แสยะยิ้มสมเพช
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้มาใช้บริการ แค่แวะมาเอาหนังสือ”
ว่าจบก็หันกลับไปสนใจชั้นวางหนังสือต่อ นุ่มทอดมองแผ่นหลังกว้างด้วยแววตาระทมทุกข์ ความเยือกเย็นแผ่กระกายจนรู้สึกหนาวอีกครั้ง ภายในใจปวดหนึบเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบเค้นจนกลั่นเป็นหยดน้ำใส ร่วงเผาะออกจากตาไหลลงอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า แต่โลกใบนี้ก็ยังเพิกเฉยต่อเขา...
ไม่ยอม ไม่ยอมให้คุณใหญ่หันหลังให้อีกแล้ว เขาจะทำทุกวิถีทางให้ได้โลกใบนี้กลับคืนมา แต่คนไร้การศึกษาอย่างไอ้นุ่มจะมีปัญญาคิดอะไรได้ นอกจาก…เอาตัวเข้าแลก มันดูเหมือนจะเป็นงานถนัดของเขาในสายตาคนอื่น
นุ่มใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ เขาเปลี่ยนไปยิ้มพราว แววตาระยิระยับ ทำสีหน้าเย้ายวนกว่าตอนยั่วไอ้ลูกขี้ข้า
“แค่แวะมาเอาหนังสือหรอครับ…แล้วไม่สนใจ
เอาผมด้วยหรอ”
ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายหันมาสนใจเขาแทบจะทันที ใหญ่เลิกคิ้ว ไล่สายตามองร่างระหงตั้งแต่หัวจรดเท้า คนตรงหน้าสวมชุดคลุบอาบน้ำในสภาพหมิ่นเหม่ คอเสื้อข้างหนึ่งย้วยลงจนเห็นลาดไหล่ อวดผิวเนียนละเอียดดุจกลีบกุหลาบขาว และดูจะผุดผ่องยิ่งขึ้นเมื่อต้องแสงสลัว
“แล้วมีอะไรให้สนใจล่ะ?”
ใหญ่ถามกลับอย่างลองเชิง เด็กหนุ่มวัยยี่สิบแปดเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับมีกลิ่นอ่อนๆลอยมาแตะจมูก แขนเรียวยกมือขึ้นคล้องคอเขา ก่อนเคลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบเสียงพร่า
“ของแบบนี้ต้องลองเองถึงจะรู้…”
ว่าจบก็คว้ามือใหญ่มาแนบแก้มตน พร้อมช้อนตามองอย่างเว้าวอน ราวกับทาสผู้ภักดีกำลังรอคำบัญชาจากเจ้านาย ริมฝีปากนุ่มบรรจงจูบที่ฝ่าร้อนอ้อยอิ่ง นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนา
ใหญ่หัวเราะหึ ทำตัวร่านสมกับที่เกิดในซ่อง ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน แต่ข้อเสนอของ‘เมียน้อยพ่อ’ก็น่าสนใจดี
“เอาสิ…อยากรู้เหมือนกันว่าลีลา
ไอ้ตัวเบอร์หนึ่งของที่นี่ จะสู้
กะห-ี่ข้างทางได้ไหม”
TBC
ระหว่างรอก็ลองทายดูว่าใครคือฆาตกร เง้อออ
[/size][/size][/size]