[Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว  (อ่าน 22162 ครั้ง)

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ระดับความหื่นมันสมกันจริงๆ
แต่เข้าสู่ระยะรัก/หลงแล้วนะ ต้องพิสูจน์ใจตัวเองกันต่อไป

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... อิจฉา vs ชื่นชม​ - 02/01/2019
«ตอบ #32 เมื่อ02-01-2019 20:33:04 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 1 จาก 6 / อิจฉา vs ชื่นชม









“เดี๋ยวดิ เมื่อกี๊ที่พูดน่ะ ล้อเล่นหรือเปล่า” ผมถามย้ำ เพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ไอ้แว่นพูด

“กูจะล้อเล่นทำไมล่ะ ไม่งั้นจะมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้เหรอ” ไอ้แว่นหน้าเศร้า

“มึงเนี่ยนะ ที่เป็นแฟนกับพี่ฮันเตอร์ นั่นมันดารานะเว้ย”

“เออ อย่าถามย้ำมากนักได้ไหม กูแล้วว่ากูไม่เหมาะกับพี่เขา ถึงมาขอร้องให้มึงช่วยเปลี่ยนบุคลิกให้กูนี่ไง”

ให้ตายซิ ทำยังไงก็ชวนให้เชื่อไม่ลงจริงๆ

หนุ่มหล่อที่จัดว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของผู้ชายที่สาวๆหลงใหลที่สุดในมหาวิทยาลัย จะมาเป็นแฟนกับไอ้แว่นโอตาคุสุดเซอแบบนี้เนียนะ

“มึงไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ” ไอ้แว่นเอ่ยถามเสียงเศร้า พร้อมกับน้ำตาอีกระลอก “กูรู้ว่ามันฟังไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครเชื่อทั้งนั้นแหละ”

“ม...ม...ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” เออ ใช่ กูยอมรับนั่นแหละว่าไม่เชื่อ “แต่กูไม่ยักรู้มาก่อนว่ามึงก็ชอบผู้ชายด้วย มันแปลกๆ เพราะกูจำได้ว่ามึงชอบพูดตลอดว่าอยากมีแฟนเป็นผู้หญิง”

“ก็พี่เขาอุตส่าห์มาสารภาพรักกันกูนี่นา... แล้วมึงก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่า ต่อให้กูมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ มึงก็ไม่มองว่ามันแปลก”

“กูพูดเหรอ? อ๋อ เรื่องที่มึงมาปรึกษากูตอนนั้นอะนะ ไหนบอกว่าเป็นเรื่องของเพื่อนของน้องสาวมึงไง นี่สรุปว่าเป็นเรื่องของมึงเองหรอกเหรอ”

“อืม ขอโทษที่หลอกถามนะ แต่ตอนนั้นกูยังไม่แน่ใจในตัวเองนี่หว่า”

“แต่นั่นมันก็สักพักแล้วนะ แสดงว่ามึงกับพี่ฮันเตอร์ก็มีความสัมพันธ์กันมานานแล้วอะดิ”

“ก...ก็...แค่เมื่อวานครั้งเดียวเอง ยังไม่นานซะหน่อย”

หือ!!! “กูหมายถึงว่าคุยกันมานานแล้ว ไม่ใช่ได้กันนานแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามึงกับพี่เขาก็....แลกโครโมโซมกันแล้วเหรอ”

“เออ มึงเลิกถามเรื่องแบบนั้นซะที กูไม่ได้สะดวกปากที่จะเล่าเรื่องอย่างว่าให้คนอื่นฟังเหมือนมึงหรอกนะ”

“เดี๋ยวๆๆๆ กูตามเรื่องไม่ทันจริงๆว่ะ มึงช่วยเล่าให้กูฟังตั้งแต่แรกทีได้ไหม”

“ก็ได้... มึงยังจำเรื่องคำใบ้ที่กูเจอใต้โต๊ะคอมได้ใช่ไหม”

“จำได้”

“อย่างที่กูบอกนั่นแหละว่ามันเป็นภาษาซี ตอนแรกกูก็กะจะค่อยๆตามหาพี่รหัส แต่เพราะวันนั้นพวกมึงเอาแต่ขู่กูว่ากูอาจจะได้พี่รหัสเป็นหมูตอน กูก็เลยลองเอาคำใบ้ที่ได้ไปเขียนในโปรแกรม ผลที่ได้ก็คือ......”







(หนึ่งเดือนก่อน)



“เฮ้ย!!”

“ตกใจอะไรวะไอ้เนิร์ด”

“ป...เปล่า โทษที”

“ผีโอตาคุเข้าหรือไงไอ้สัด กูกำลังตีดอทเพลินๆ ตกใจไปด้วยเลย เฮ้ย มีใครว่างไหม เอาไอ้แหยนี่ออกไปจากห้องคอมทีดิ เสียสมาธิกูเล่นเกมส์หมด”

นี่เป็นคำพูดปกติที่ผมถูกพูดด้วยเวลาอยู่ในภาควิชา



ผมเป็นเหมือนแบ๊ของคนในตึกคอมพิวเตอร์แห่งนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ยิ่งบุคลิกโอตาคุขั้นสุดของผมยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เพื่อนๆล้อเลียน

ไอ้แว่น ไอ้เนิร์ด ไอ้อ่อน ไอ้แหย ไอ้บ้าโมเอะ ไอ้แห้ง.... เหล่านี้เป็นคำเรียกแทนตัวผมทั้งนั้น มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าจริงๆแล้วผมมีชื่อเล่นว่าซอล

เพราะแบบนี้ไง ผมถึงไปสนิทกับไอ้เพลงและไอ้อาร์ม เพราะไม่มีเพื่อนในเอกเลยสักคน ถึงสองคนนั้นจะเรียกผมว่าไอ้แว่น แต่มันก็ไม่ได้เรียกเพราะต้องการเหยียบหยามหรือมองผมเป็นไอ้แหย

ไอ้อาร์มที่ตัวใหญ่และแข็งแรงทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ทุกครั้งที่อยู่กับมัน จะไม่มีใครกล้ามาแกล้งหรือแซวผม ส่วนไอ้เพลงเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากและมีความคิดที่เปิดกว้าง ทำให้ผมรู้สึกได้ยกระดับความคิดของตัวเองไปด้วย ที่สำคัญที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่พวกมันสองคนชอบเล่าเรื่องประสบการณ์บนเตียงให้ผมฟัง มีทั้งแบบปกติที่ได้ฟังจากไอ้อาร์ม และแบบไม่ธรรมดาจากไอ้เพลง มันทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงประสบการณ์เรื่องเพศโดยไม่จำเป็นต้องลงมือปฏิบัติ ไม่ซิ ต้องเรียกว่า คนอย่างผมไม่มีโอกาสจะมีประสบการณ์แบบนั้นจะถูกต้องกว่า

อารัมภบทเรื่องภูมิหลังของผมมาเยอะแล้ว กลับมาที่เหตุการณ์ตอนนี้กันดีกว่า...



HNTR3009 is My LineID



นี่แหละสาเหตุที่ผมส่งเสียงร้องเมื่อกี๊นี้

ไม่คิดเลยว่าการเอาข้อความจากคำใบ้ที่หาเจอมาประมวลผลในโปรแกรมสำหรับเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นข้อความแบบนี้



นี่มันไอดีไลน์นี่นา

เพิ่มเพื่อนเลยดีไหมน้า หรือว่ารอก่อน....?

จะรออีกทำไมวะ รอมาตั้งสองปีแล้ว เพิ่มๆไปเหอะ

ค้นหาจากไอดี.... ตรงนี้ซินะ



...................................มาแล้ว!



ไม่ขึ้นรูปโปรไฟล์ เป็นภาพสีพื้นขาวๆเท่านั้น



จะทักไปเลยดีไหมน้า.....?

โฮะ เลิกสองจิตสองใจได้แล้ว ทักๆไปเถอะ



/สวัสดีครับ/ .............จะมีใครตอบไหมน้า

........................... ไม่มีจริงๆด้วย สงสัยจะแห้ว



ช่างเถอะ กลับหอดีกว่า ต้องอาบน้ำเตรียมตัวไปร้านเหล้ากับไอ้สองคนนั้นอีก



#เสียงโทรศัพท์

มีสายเข้าระหว่างที่ผมกำลังเดินไปที่ลานจอดรถจักรยานยนต์



ไอ้อาร์มโทรมาทำไมวะ

“ฮัลโหลไอ้อาร์ม” ผมรับสาย

“ไอ้แว่น วันนี้เปลี่ยนที่แดกเหล้านะ” ไอ้อาร์มบอก

“ทำไมวะ มึงลืมไปจัดให้เจ๊แคชเชียร์เหรอ” ผมแซว พอได้คุยกับไอ้อาร์มหรือไอ้เพลง ผมก็จะรู้สึกสดใสแบบนี้แหละ ต่างจากตอนที่อยู่กับเพื่อนในคณะเดียวกัน

“ไม่เกี่ยว” ไอ้อาร์มตอบ “เอาเป็นว่ามาที่ห้องกูก็แล้วกัน เวลาเดิมนะ”

“ห้องมึง?”

“เออ อย่าเพิ่งถามมาก ตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดี แค่นี้นะ กูต้องไปซ้อมต่อแล้ว” ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

วางสายไปซะแล้ว



อารมณ์ไม่ดีอะไรของมันวะ



ช่างเหอะ.... อ้าวๆๆๆ จะเลยรถของตัวเองซะแล้ว

นี่แหละรถมอเตอร์ไซต์คู่ชีพของผม.....สกูตเตอร์

ถ้าคุณได้เห็นสภาพของผมตอนนี้ คุณอาจจะเป็นอีกคนหนึ่งที่เรียกผมว่าไอ้เด๋อก็ได้ นักศึกษาตัวเล็กๆในเสื้อเชิ้ดตัวใหญ่เกินขนาดตัว กับกางเกงที่ไม่เคยสัมพันธ์กับหัวเข็มขัดเลยสักครั้ง แถมตอนนี้ยังอยู่บนรถมอเตอร์ไซต์คันเล็กพร้อมด้วยหมวกกันน็อตลายการ์ตูนอาลาเล่

ผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ผมเลือกที่จะมีบุคลิกแบบนี้ ไม่ซิ ต้องเรียกว่าผมไม่สนใจเรื่องบุคลิกอะไรของตัวเองเลยเสียมากกว่า

ไม่สนใจต่อให้ใครบอกว่าแว่นตาของผมมันหนาเกินไป หรือทรงผมของผมเหมือนรังนกร้าง หรือผมเดินหลังค่อม และหรือต่างๆอีกมากมาย

ผมได้เรียนรู้อย่างนึงจากไอ้เพลงและไอ้อาร์ม นั่นก็คือ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบที่สุดได้หรอก และจงใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะเป็น ตราบเท่าที่ไอ้สองคนนี้ยังคบผมเป็นเพื่อนอยู่ ผมก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ผมไม่อยากเป็น





เห้อออออออ

สดชื่นจัง อาบน้ำหลังเรียนมาทั้งวันแบบนี้เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ



ผมเดินมาที่ชั้นวางหนังสือของตัวเอง เพื่อเลือกหนึ่งในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเกือบพันเล่มมาอ่าน เป็นกิจวัตรปกติที่ผมจะต้องทำช่วงเย็น

จะอ่านอะไรดีน้า... หรือว่าจะดูเอนิเมชั่นดี

ผมหันไปดูชั้นวางซีดีการ์ตูนโมเอะที่สูงเกือบจะเท่ากับชั้นวางหนังสือ



#คุณมี 1 ข้อความ

ใครทักมาหว่า คงจะเป็นไอ้อาร์มหรือไม่ก็ไอ้เพลงนั่นแหละ



/???/

เอ๊ะ!!! นี่มัน.... ไลน์ของพี่รหัสนี่นา

/สวัสดีครับ ผมชื่อพิณภัทร เป็นน้องรหัสของพี่ครับ/ เป็นการพิมพ์ตอบที่เร็วที่สุดในโลกเลย

/อ้าว ถอดคำใบ้ได้แล้วเหรอ/ ข้อความจากไลน์ปริศนาตอบกลับมา

/ได้แล้วครับ/ ผมดีใจสุดๆเลยที่ได้คุยกับพี่รหัสซะที

/เดี๋ยวพี่ขอตัวแป๊บนึงนะ เดี๋ยวทักไปหา/

/ครับ/



รอ

รอ....

รอ.........

รอ..........................................................



เฮ้ย มันจะนานเกินไปแล้วนะ หายไปไหนวะ นี่มันครึ่งค่อนชั่วโมงแล้วนะเนี่ย



/วันนี้หนึ่งทุ่มมาหาพี่ที่ร้านอาหารพิเลต้าโกลด์ได้ไหม/ ทักมาซะที

เอ.... หนึ่งทุ่มเหรอ น่าจะพอได้นะ นัดไอ้อาร์มไว้สองทุ่ม

/ได้ครับ ร้านที่อยู่ซอยหกใช่ไหม/

/ใช่ งั้นเจอกันที่นั่นนะ/

/ครับ/



หูยยยยยย ตื่นเต้นจังจะได้เจอพี่รหัสแล้ว

แต่งตัวเป็นพิเศษซะหน่อยดีกว่า

เอ๊ะ จะรีดเสื้อผ้าด้วยดีไหมน้า..... ขี้เกียจจัง

เอาเถอะ รีดสักหน่อย ยังไงก็ควรแต่งตัวดีๆสักวันนึง





19.00 น.



ที่นี่ซินะ

เอ.....? อยู่ตรงไหนนะ

ผมเดินเข้ามาในร้าน พบทั้งลูกค้าและพนักงานเดินขวักไขว่กันจนเต็มไปหมด

แล้วจะรู้ได้ยังไงละเนียว่าคนไหนคือพี่รหัสของเรา



“ขอโทษค่ะ จองไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานคนหนึ่งเดินมาถามผม

“ป...ปล่าครับ” ผมตอบเขินๆ ไม่เคยเข้าร้านอาหารหรูๆแบบนี้มาก่อน ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ

“แล้วได้นัดใครไว้ไหมค่ะ” เธอถามอีก

“ครับ ใช่ครับ นัดไว้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นคนไหน”

“เอ.... นี่ใช่คุณพิณภัทรหรือเปล่าคะ”

“ค..ครับ” รู้ได้ยังไงละเนีย

“เชิญทางนี้เลยคะ มีคนจองโต๊ะไว้รอแล้ว”

“ครับ” อ๋อ พี่รหัสของเราคงเป็นคนจองซินะ ท่าทางจะเป็นคนมีอันจะกินไม่เบา



“เชิญห้องนี้เลยค่ะ”

“เอ๋!?” นี่มันโซนวีไอพีไม่ใช่เหรอ มีแต่พวกแต่งตัวดีๆทั้งนั้นเลย “น...แน่ใจนะครับว่าเป็นที่นี่”

“ใช่ค่ะ” พนักงานยืนยัน “เชิญทางนี้เลยค่ะ”

“ต...แต่...” อ้าว เดินนำไปซะแล้ว



จริงจังนะ ตอนนี้ผมอายมากเลย คนอื่นๆในโซนวีไอพีคงสงสัยว่าคนที่มีสภาพการแต่งตัวแบบผมเดินเข้ามาในนี้ทำไม



“เชิญนั่งค่ะ”

มาถึงโต๊ะจนได้

ผมนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเก้อเขิน รู้สึกเป็นเป้าสายตายังไงก็ไม่รู้

“รับอะไรดีคะ” พนักงานถามอีกครั้ง “คนที่จองโต๊ะสั่งเอาไว้บอกว่าถ้าคุณลูกค้าอยากทานอะไรก็ให้สั่งได้เลย นี่ค่ะเมนู”

สั่งได้เลยงั้นเหรอ.....

เอ๋!!!

นี่มันแพงเกินไปแล้วนะ แต่ละรายการทำไมราคามันถึงได้โหดขนาดนี้ล่ะ

แล้วเขาสั่งกันยังไงละเนีย

“อ...เอ่อ...ผมขอเป็น....น้ำเปล่าก่อนก็แล้วกันครับ” สุดท้ายก็ไม่กล้าสั่งอะไร น้ำเปล่านี่แหละ

“ได้ค่ะ เดี๋ยวมานะคะ”

เห้อออออ เกร็งชะมัดเลย



“จริงเหรอ” “ใช่จริงๆหรือเปล่า” “ไม่รู้ซิ แต่เห็นเขาพูดกันแบบนั้น” “งั้นไปดูหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นา”

แตกตื่นอะไรกันน้า

จู่ๆพวกผู้หญิงก็วิ่งให้ควักไปหมด ทำอย่างกับว่าเจอโดราเอม่อนตัวจริงอย่างนั้นแหละ



“น้ำได้แล้วค่ะ” พนักงานสาวกลับมาเสิร์ฟน้ำให้กับผม

“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ย



“นี่ๆ” พนักงานสาวอีกคนหนึ่งพยายามสะกิดพนักงานคนที่กำลังบริการผมอยู่

“มีอะไร” เธอถาม

“ฮันเตอร์” หึ! ฮันเตอร์เอ็กซ์ฮันเตอร์เหรอ คงไม่ใช่ซินะ นั่นมันการ์ตูน

“อะไรคือฮันเตอร์” นั่นซิ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน

“ก็นักศึกษาคนนั้นไง ที่เรียนอยู่ที่นี่น่ะ เข้ามาในร้านเราด้วยล่ะ”

“ห๊ะ! น้องฮันเตอร์ที่เป็นดาราอ่ะเหรอ อยู่ไหน อยู่ไหนอ่ะ... อ...อุ๊ย ขอโทษค่ะ” พนักงานสาวทั้งสองหันกลับมาโค้งให้ผม

“ไม่เป็นไรครับ จะออกไปดูก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าหรอก” ผมบอก

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เราต้องบริการคุณลูกค้า” เธอรีบออกตัว

“จะไม่เสียดายเหรอครับ เผื่อเขาเข้ามาแค่แป๊บเดียว”

“ม...ไม่ได้จริงๆค่ะ” ดูก็รู้แล้วว่าอยากไป ไม่ต้องเซอร์วิสอะไรขนาดนั้นหรอกน่า ก็แค่รินน้ำเปล่าเอง

“ผมไม่บอกผู้จัดการหรอกครับ”

“ยังไงก็.... จะไม่บอกจริงๆใช่ไหมคะ”

“ครับ ไม่บอกครับ” ว่าแล้วเชียวว่าต้องอยากออกไปดู

“งั้นขอเวลาแค่ครู่เดียวนะคะ ครู่เดียวเท่านั้น แล้วจะรีบกลับมานะคะ ไปๆๆๆแก เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี”



ฮันเตอร์งั้นเหรอ.......? ดารา?

เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนะ รู้สึกจะเคยได้ยินว่ามีรุ่นพี่ปีสามคนนึงในสาขาเดียวกันกับผมนี่แหละ เป็นดาราที่กำลังดัง เห็นว่าไปเล่นซีรีส์วาย(มันคือซีรีส์อะไรวะ แล้วซีรีส์เอ็กซ์กับซีรีส์แซดไปไหน)แล้วก็เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมา

ผมอาจจะเคยเห็นผ่านๆสองสามครั้งละมั้ง



เห้อออออ

เกิดเป็นคนดังที่สาวๆทุกคนชอบนี่มันรู้สึกยังไงกันนะ จะเลือกผู้หญิงแบบไหนก็ได้ซินะ เบื่อแล้วก็คงมีใหม่ได้ทันทีเลย น่าอิจฉาคนแบบนี้จัง

แต่เราคงไม่มีโอกาสได้รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอก จะมีใครมาชอบไอ้เด๋อแว่นหนาอย่างผม มีเพื่อนถึงสองคนนี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว……





“คุณลูกค้าจะไม่รับอะไรเพิ่มแน่นะคะ อีกหนึ่งชั่วโมงร้านเราก็จะปิดแล้วนะคะ”

“ขอเป็น... น้ำอัดลมก็ได้ครับ”

ไอ้พี่รหัสบ้าเอ๊ย ให้กูมานั่งรอในร้านอาหารเป็นชั่วโมง ไม่โผล่มาซะทีวะ จนลูกค้าจะออกไปหมดร้านแล้วเนี่ย

นี่ถ้าอีกห้านาทียังไม่มานะ กูจะกลับ ยิ่งมีนัดอยู่ด้วย นี่ก็ถึงเวลาที่นัดไอ้อาร์มไว้แล้ว มันคงด่าผมที่ผมไปสายแน่ๆเลย



“ขอโทษที่ให้รอนะ” เอ๊ะ จู่ๆก็มีคนมานั่งโต๊ะเดียวกับผม “อุตส่าห์เลือกร้านที่คิดว่าคนน่าจะน้อยแล้วแท้ๆ แต่ก็วุ่นวายเข้าจนได้ อ๋อใช่ ลืมแนะนำตัวไป พี่ชื่อ..........................









.............................ฮันเตอร์”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 18:56:11 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
แหมมม แว่นได้ของดีเชียวนะ !!

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... พูด vs ฟัง - 03/01/2019
«ตอบ #34 เมื่อ03-01-2019 21:12:18 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 2 จาก 6 / พูด vs ฟัง









“ครับ?” ผมแปลกใจ

ก็คนที่มานั่งนะซิ ผมรู้จักเขา ไม่ใช่ๆ หมายถึง ผมรู้ว่าเขาเป็นใคร เหมือนจะเคยเห็นคนนี้ในเพจสิบหนุ่มฮอตของมหาลัย ไม่ต้องแปลกใจละว่าทำไมผมถึงเปิดดูเพจนี้ นั่นก็เพราะไอ้อาร์มเป็นหนึ่งในสิบหนุ่มฮอตแค่นั้นเอง

“รอพี่นานไหม” คนตรงข้ามถาม

“ข...เข้าใจผิดแล้วมั้งครับ” ผมพูดสิ่งที่คิด “พี่คงมานั่งผิดโต๊ะแล้ว”

“จะผิดได้ยังไง น้องชื่อพิณภัทรหรือเปล่าล่ะ?”

“ค...ครับ” ผมตอบ

“งั้นน้องก็เป็นน้องรหัสของพี่”

“เอ๋!?”

“อุทานแบบคนญี่ปุ่น ชอบการ์ตูนญี่ปุ่นเหรอ” โห รู้ได้ไงอ่ะ “.....ขอสเต็กทรีโบนสองทีครับ (ได้ค่ะ)”

“แค่อุทานแค่นี้ก็รู้เลยเหรอว่าผมชอบการ์ตูนญี่ปุ่น”

“แถมยังเป็นการ์ตูนโมเอะด้วยใช่ไหมล่ะ”

“เอ๊ะ เก่งเกินไปแล้ว”

“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ พี่ดูจากพวกกุญแจนั่นต่างหาก”

พวงกุญแจ? อ๋อ พวงกุญแจของผมที่วางอยู่บนโต๊ะเนี่ยนะเหรอ

“มีแต่ตัวการ์ตูนเด็กผู้หญิงเต็มพวงกุญแจไปหมด ถ้าไม่ใช่พวกคลั่งไคล้ คงไม่ห้อยมาเยอะขนาดนี้หรอก”

“มันแปลกไหมครับ”

“อะไรเหรอที่ว่าแปลก”

“ก็ผู้ชายที่ชอบการ์ตูนโมเอะไง สำหรับหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งอย่างพี่ฮันเตอร์ มันแปลกไหม”

“อ้าว รู้จักพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ต้องรู้ซิ ถึงยังไงพี่ก็เป็นคนดัง ถึงผมจะไม่เคยดูซีรีส์ที่พี่แสดง แต่คนที่เป็นสาเหตุให้ร้านอาหารวุ่นวายเมื่อชั่วโมงก่อนก็คือพี่ใช่ไหมล่ะ”

“ก็ไม่คิดว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้ ก็เลยทำให้น้องรหัสต้องรอนานเลย”

“ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นซะหน่อย ผมอยากรู้มากกว่าว่าพี่คิดว่าคนที่ชอบการ์ตูนโมเอะแปลกไหม”

“ทำไมพี่ต้องมองว่ามันแปลกด้วยล่ะ”

“ก็เพราะ...มันอาจทำให้ผมรู้ว่าควรวางตัวยังไงกับพี่รหัสที่มีน้องรหัสเป็นพวกโอตาคุ”

“โอตาคุ?”

“ก็คือพวกที่คลั่งไคล้อะไรมากๆ มากจนถึงขั้นที่คนรอบข้างมองว่าเป็นพวกเพี้ยน”

“อ๋อ... ไม่หรอก พี่ไม่ได้มองว่ามันแปลกอะไร คนเราก็มีเรื่องที่ชอบเป็นพิเศษกันทั้งนั้น เห็นแบบนี้พี่ก็มีความ... เรียกว่าอะไรนะ โอตาคุเหรอ”

“จริงดิ แล้วพี่คลั่งไคล้อะไรอ่ะ”

“ก็... ไม่เอาอ่ะ ไม่บอกดีกว่า พูดไปก็คงไม่เชื่อ”

“ไม่บอก แสดงว่าเป็นเรื่องน่าอาย หรือว่าพี่จะชอบดูหนังโป๊”

“ม...ไม่ใช่หรอกนะ”

“หรือว่าพี่เป็นพวกเสพติดเซ็กส์เหมือนกับเพื่อนของผม”

“เสพติดเซ็กส์? เหมือนเพื่อน?”

“ใช่ๆ ผมมีเพื่อนสนิทสองคน รู้ไหมว่าพวกมันอ่ะ ชอบล้อว่าผมเป็นพวกโอตาคุ แต่พวกมันหารู้ไม่ว่าพวกมันก็เป็นพวกคลั่งไคล้เข้าเส้นเหมือนกัน แถมยังคลั่งอะไรแปลกๆอย่างการมีเซ็กส์ พวกมันน่ะ แปลกกว่าผมเยอะเลยจริงไหม แต่พูดแบบนี้ก็หาว่าผมเอาดีเข้าตัวจนเกินไป เพราะว่าจริงๆแล้ว ผมก็ชอบฟังเรื่องทะลึ่งๆจากพวกมันเหมือนกันนั่นแหละนะ เพียงแต่มันน่าน้อยใจไปหน่อย เวลาพวกมันเล่าอะไรให้ผมฟัง ผมก็ตั้งใจฟังตลอด แต่พอผมเล่าเรื่องการ์ตูนโมเอะให้ฟังบ้าง พวกมันก็เผ่นแนบตั้งแต่ยังไม่ทันจบประโยคแรก ไม่ได้รู้อะไรเอาซะเลยว่าการ์ตูนพวกนี้มีศิลปะซ่อนอยู่มากมายขนาดไหน ทั้งความน่ารักเอ่ย ทั้งความสวยเอ่ย บางทีก็ช่วยฝึกจินนาการ และทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ดี รู้จักการให้อภัยและพยายาม เห็นไหม มีแต่อะไรที่มีประ....โยชน์......ทั้ง........นั้น..................เลย”

“อ้าว หยุดเล่าทำไมอ่ะ กำลังสนุกเลย”

“ก็มัน.... รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ที่มีคนนั่งฟังผมพูดเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ ปกติ ถ้าไม่ถูกห้าม คนฟังก็คงเดินหนีไปแล้ว”



“อาหารได้แล้วค่ะ” พนักงานเข้ามาแทรก

“ขอบคุณครับ” พี่ฮันเตอร์ขอบคุณพนักงาน

“มีอะไรจะรับเพิ่มก็เรียกได้เลยนะคะ”

“ครับ" พี่ฮันเตอร์พูดแล้วกลับมาคุยกับผมต่อ "แปลกนะ พี่ว่า เรื่องที่น้องเล่ามันก็น่าสนใจดีนะ ทำไมเพื่อนๆถึงไม่ชอบฟัง”

กลับมาคุยเรื่องที่คุยค้างไว้ซะด้วย

รู้สึกประหลาดจังที่มีคนตั้งใจฟังผมพูดขนาดนี้ อีกนัยหนึ่งก็รู้สึกประทับใจ ไม่แปลกใจเลยที่พี่เขาจะมีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ

พอได้มีโอกาสมานั่งจ้องใกล้ๆแบบนี้แล้ว พี่เขาเฟอร์เพ็คจังเลยแฮะ หล่อแบบหาตำหนิไม่ได้เลย ผิวก็มีออร่า ผมดำ นัยน์ตาสีดำสนิท แถมยังดูเป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกูล ดูจากวิธีการกินสเต็กแล้ว คงเป็นลูกคนรวยแหงๆ



“ไม่ชอบกินสเต็กเหรอ”

“ครับ?”

“ก็เห็นเอาแต่จ้องหน้าพี่ ไม่กินสเต็กซะที หรือว่าไม่ชอบ พี่สั่งอย่างอื่นให้ เอาไหม”

“อ...อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมกินได้หมดนั่นแหละ ขอแค่ไม่เผ็ดก็พอ”

“ไม่กินเผ็ดงั้นเหรอ”

“ก็กินได้นิดหน่อยครับ อย่างพวกซอสพริกหรือปาปิก้าอะไรพวกนี้”

“แบบนั้นใครเขาเรียกว่าเผ็ดกันล่ะ”

“ผมรู้ครับ เพื่อนผมก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ผมก็กินเผ็ดที่สุดได้แค่นั้นแหละครับ”

“แล้วนอกจากเรื่องการ์ตูนโมเอะกับกินเผ็ดไม่ได้แล้ว มีอะไรอยากพูดให้พี่ฟังอีกไหม”

“เอ๋?”

“ก็บอกว่าไม่ค่อยมีใครฟังเรื่องที่พูดไม่ใช่เหรอ พี่จะช่วยเป็นผู้ฟังให้”

เกิดมาในชีวิตก็เพิ่งเคยมีคนพูดประโยคแบบนี้ด้วยครั้งแรกนี่แหละ

“มันก็มีอีกเยอะแยะเลยแหละครับ แต่ก็มีเรื่องนึงที่อยากพูดกับพี่เป็นพิเศษ คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าได้เจอพี่รหัสก็อยากจะพูดเรื่องนี้ด้วย”

“เรื่องอะไรเหรอ ว่ามาได้เลย”

“คือผมน่ะ... จริงๆแล้ว.... จริงๆแล้วผมโกรธพี่มากเลยรู้ไหม พี่เป็นพี่รหัสที่แย่ที่สุดเลย ปล่อยผมทิ้งไว้โดยที่ไม่ดูแลได้ยังไง วันนัดเลี้ยงใหญ่ของคณะก็ไม่มา วันเข้าเรียนวันแรกก็ไม่มา รู้ไหมว่าผมโดนพวกเพื่อนๆล้อว่าเป็นน้องรหัสถูกทิ้ง ก็รู้อยู่หรอกว่าทิ้งปริศนาไว้ให้ แต่ถ้าผมยังแก้ไม่ได้ ก็ควรจะเปิดเผยตัวซะทีซิ ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้จนผมขึ้นปีสองแบบนี้ ถึงตอนนี้จะเข้าใจแล้วว่าพี่อาจจะยุ่งกับการเป็นดารา แต่อย่างน้อยก็ควรมีเวลาว่างมาดูแลน้องรหัสของตัวเองบ้างซิ ไม่ใช่ปล่อยให้เคว้งคว้างอยู่แบบนั้น พี่อ่ะ พี่เป็นพี่รหัสที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเลย” เห้อออออออ หายใจไม่ทัน



เพล้ง

พี่ฮันเตอร์ตาค้างไปเลย แล้วก็ทำมีดหันเนื้อหลุดมือด้วย

“ค....คือ....คือพี่.....”

เอ....? ผมพูดแรงเกินไปไหมนะ ก็คงแรงจริงๆนั่นแหละ คนปกติเขาคงไม่ตำหนิกันต่อหน้าแบบยืดยาวขนาดนี้

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะ....”

“พี่ขอตัวแป๊บนึงนะ” ห๊ะ!! พี่ฮันเตอร์ลุกจากเก้าอี๋ “ขอเวลาเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวพี่กลับมา”

“คือผมแค่...”



เฮ้ย รีบขนาดนั้นเลยเหรอ

พี่ฮันเตอร์วิ่งออกไปอย่างเร็วเลย

จะหนีไปเพราะคำพูดของผมหรือเปล่านะ เห้อ ปากเสียจริงเลยกู

แต่พี่เขาบอกว่าจะกลับมานี่นา

รอสักหน่อยก็แล้วกัน คนแบบพี่ฮันเตอร์คงไม่ใช่คนโกหกหรอกมั้ง





“....................................”

นี่มันยี่สิบนาทีเข้าไปแล้วนะ นิยามคำว่า ‘เดี๋ยวเดียว’ ไม่น่าจะนานขนาดนี้นี่นา

หรือว่าจะหนีไปแล้วจริงๆ

ก็ไม่น่าแปลกหรอกนะ โดนเราต่อว่าไปซะขนาดนั้น แถมยังได้มาเจอน้องรหัสจอมเด๋ออย่างเราอีก สู้ทำเหมือนว่าไม่มีน้องรหัสไปเลยยังดีซะกว่า



ไม่อยู่แล้ว กลับดีกว่า.....



“ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยสามสิบหกบาทค่ะ”

“ครับ?” พนักงานพูดถึงเลขอะไรวะ เฮ้ยยยย!! ลืมไปซะสนิทเลย ยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารนี่นา “อ...อ...เอ่อ... แต่ว่าผมไม่มีตังหรอกครับ คนที่จะจ่ายน่ะ....เขา...” ไปไหนแล้วก็ไม่รู้



“รับบัตรเครดิตไหมครับ” หึ! พี่ฮันเตอร์กลับมางั้นเหรอ

“รับค่ะ”

“งั้นนี่ครับ รวมทริปอีกหนึ่งร้อยบาทไปด้วยนะครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ งั้นรอสักครู่นะคะ”



พี่ฮันเตอร์กลับมานั่งเหมือนเดิม

แล้วไปทำอะไรมาละเนีย เหงื่อซกเลย

“เอ่อ...พี่หายไปไหนมาเหรอครับ” ผมถาม

“พี่น่ะเหรอ อ๋อ ไปห้องน้ำน่ะ”

นานมากกกกก

“ผมขอโทษด้วยนะครับเรื่องที่ต่อว่าพี่ไปเมื่อกี๊ เห็นพี่รับฟังผมทุกอย่างก็เลยสนุกปากเกินไปหน่อย”

“เปล่าเลย พี่ไม่ได้โกรธเรื่องนั้นหรอก พี่กลับรู้สึกผิดด้วยซ้ำ ความจริงแล้วซอลก็พูดถูกนะที่บอกว่าพี่ไม่เคยดูแลเลย”

“แต่ถึงยังไง... เอ๋!!!! ม...เมื่อกี๊...พี่เรียกผมว่าซอลเหรอ”

“............” พี่ฮันเตอร์เหมือนจะเพิ่งตระหนักได้ว่าพลั้งปากออกมา

“พี่รู้จักชื่อของผมได้ไงอ่ะ”

“เอ่อ...คือ...”

“ผมไม่เคยบอกใครเลยนะ นอกจากเพื่อนสนิทสองคนของผม หรือว่าพี่รู้จักไอ้อาร์มกับไอ้เพลง อ๋อ ผมรู้แล้ว พี่ต้องรู้จักไอ้อาร์มแน่เลย เพราะเป็นสิบหนุ่มฮอตเหมือนกัน แบบนั้นใช่ไหม”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”

“แล้วมันคืออย่างไหนอ่ะ”



“รบกวนเซ็นชื่อให้ด้วยนะคะคุณฮันเตอร์ เอ้ย ขออภัยค่ะ เซ็นให้ด้วยนะคะคุณลูกค้า” พนักงานเข้ามาแทรก

พี่ฮันเตอร์เซ็นชื่อจ่ายค่าอาหาร แล้วรับบัตรเครดิตกลับมา



“กลับกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อนซิ พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่ารู้ชื่อเล่นของผมได้ยังไง” ผมรีบเดินตามออกมา “พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์...”

“พี่รู้จักน้องซอลมาตลอดนั่นแหละ” พี่ฮันเตอร์ยอมหยุดคุยกับผมที่หน้าร้าน

“หมายความว่ายังไงที่รู้จักผมมาตลอด”

“คิดว่าพี่จะทิ้งปริศนาไว้ให้ซอลได้ไง ถ้าพี่ไม่รู้ว่าน้องรหัสของพี่เป็นคนไหน”

“นั่นซินะ.... งั้นแล้วทำไมพี่ถึงไม่เปิดเผยตัวกับผมล่ะ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร”

“ก็พี่.... พี่ถึงขอโทษอยู่นี่ไง”

“ไม่เห็นจะเมคเซนส์ตรงไหนเลย”

“แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ พี่...ผิดไปแล้ว”

“ความจริงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นหรอก แค่อยากบ่นให้ฟังมากกว่า ที่สำคัญตอนนี้ผมก็อยู่ปีสองแล้วด้วย หมดเวลาที่จะถูกรุ่นพี่ดูแลแล้ว”

“พี่ขอแก้ตัวได้ไหม”

“ครับ?”

“ถึงจะปีสองหรือปีไหนๆ ให้พี่ได้แก้ตัวเถอะนะ ถึงตอนนี้งานจะยุ่ง แต่ก็จะขอแก้ตัว ขอโอกาสพี่ได้ไหม”



จริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ

พวกที่ได้รับการดูแลจากพี่รหัสจะมีความรู้สึกใจสั่นแบบนี้หรือเปล่านะ



“ก็...ก็ได้ครับ” ผมตกลง “แต่ไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้ จริงๆแค่พี่นั่งฟังผมพูดอะไรยาวๆได้แบบนั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว”

“ยังหรอก ยังไม่พอ” จริงจังอีกแล้ว “พี่จะทำให้มากกว่านี้ ทุกอย่างที่ทำได้เลย”

“อ...โอเคครับ” รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ “คือว่า... พอดีผมมีนัดกับเพื่อนอะครับ ตอนนี้ก็เลยเวลามาเยอะแล้ว งั้นผมขอตัวดีกว่านะครับ”

“ครับ แล้วเดี๋ยวยังไงพี่โทรหานะ”

“ครับ เอ๊ะ! พี่มีเบอร์ผมแล้วเหรอ”

“มีแล้วครับ”

“ค...ครับ” ไม่ถามละกันว่ามีได้ไง “งั้นขอตัวนะครับ”

“พี่เดินไปส่งนะ”

“ไปส่งทำไมเหรอครับ รถผมจอดอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว”

“ไหนอ่ะ”

“มอ’ไซค์นี่ไง... ผมไม่มีรถยนต์หรอกครับ”

“มันไม่อันตรายใช่ไหม”

“พี่ไม่เคยนั่งมอ’ไซค์เหรอ”

“ไม่อ่ะครับ” นั่นไง เป็นลูกคนรวยอย่างที่คิดไว้เลย “ไว้วันหลังสอนพี่นั่งหน่อยนะ”

“ได้ซิครับ.... ผมขอตัวไปจริงๆแล้วนะครับ”

“ครับ"

"สวัสดีครับ" 

"ด....เดี่ญวครับน้องซอล"

"ครับ"

"เอ่อ........................







.....................ดีใจที่ได้เจอน้องซอลนะ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 18:56:31 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: [Rate 20+] Top Friend ... พูด vs ฟัง - 03/01/2019
«ตอบ #35 เมื่อ03-01-2019 21:39:31 »

ฮันเตอร์นี่ต้องมีอาการ แบบ เห็นอะไรซักอย่างของซอล หรือ การแสดงออกของซอล แล้วจะมีอารมณ์ ?? ใช่ไหมนะ 55555 :hao6:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 3 จาก 6 / น้องรหัส vs พี่รหัส 









ในที่สุด ผมก็ได้มาตามนัดของไอ้อาร์มซะที

พอไปถึงที่ห้องของไอ้อาร์ม ก็เจอสภาพเมาเป็นหมาของมันกับไอ้เพลงแล้ว

ถามว่าทำไมถึงได้ดื่มจนเมากันตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ ก็ได้รับรู้เหตุผลที่โคตรเอาแต่ใจเลย คนนึงบอกว่าเพราะถูกสาวบอกเลิก ทั้งๆที่ตัวเองบอกเลิกสาวทุกวัน ส่วนอีกคนก็โวยวายถึงแฟนเก่า ทั้งๆที่ปากก็เคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรแล้ว

เพื่อนหนอเพื่อน



#เสียงโทรศัพท์

เอ๋? ใครโทรมาเวลาดื่มเหล้าแบบนี้กันนะ



“ฮัลโหลครับ” ผมรับโทรศัพท์

“ฮัลโหลน้องซอล นี่พี่เองนะ” เสียงแบบนี้ต้องเป็นพี่ฮันเตอร์แหงเลย โทรมาทำไมหว่า เพิ่งจากกันเมื่อกี๊เอง “ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”

“ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ครับ”

“งั้นเหรอ เอ่อ พอดีว่าพี่ไปเจอโมเดลชุด ‘โมเอะโมเอะพี’ เข้า ก็เลยซื้อมาทั้งเซ็ตเลย”

“จริงเหรอครับ”

“ใช่ อยากดูไหมล่ะ ถ้าอยากดูก็มาที่คอนโดของพี่ได้นะ เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้”

“ได้ครับพี่ เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้เลย”



โมเอะโมเอะพีงั้นเหรอ หายากนะนั่น แพงด้วย เป็นคนรวยนี่มันดีจังเลยน้า

รีบไปดูดีกว่า



“เฮ้ยๆๆๆ มึงจะไปไหนวะ” ไอ้อาร์มรั้งแขนผมไว้

“กูมีธุระ” ผมอ้าง

“ธุระอะไรวะที่ทำให้มึงทิ้งกูกับไอ้เพลงได้ลงคอ”

“ธุระสำคัญก็แล้วกัน มึงสองคนอยู่ได้ไหม ต้องให้กูกลับมาดูแลหรือเปล่า”

“กระจอก คนอย่างกูไม่ต้องให้ใครมาดูแล มึงจะไปไหนก็รีบไปเลยไป” เมาแล้วเก่งงงง

“แน่นะ แล้วไอ้เพลงอ่ะ มึงจะปล่อยมันนอนกองอยู่ตรงนี้ไม่ได้นะ เอ....? กูว่ากูอยู่นี่ดีกว่า ไม่ไว้ใจมึงเลย” เห็นสภาพเมาเป็นหมากันทั้งคู่แบบนี้แล้วก็ไม่ค่อยอยากจะทิ้งไปเลย ชุดโมเดลเอาไว้ไปดูวันหลังก็คงไม่สาย

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ กูไม่ได้อ่อนขนาดนั้น ไอ้เพลงมันก็เพื่อนกู กูรับรองว่ากูดูแลมันได้ เดี๋ยวจะพามันขึ้นนอนบนเตียง แถมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วยเลย ไม่เชื่อมึงมาดูสภาพของมันพรุ่งนี้เช้าได้เลย”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แค่ให้มันนอนเป็นที่เป็นทางก็พอแล้ว” คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เตียงก็อยู่แค่นี้เอง

“เออ”

“งั้นกูไปนะ ฝากไอ้เพลงด้วยนะ”

“เออ”



แล้วผมก็ออกมาจากหอของไอ้อาร์ม ก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ไปที่คอนโดของพี่ฮันเตอร์ตามโลเคชั่นที่ได้รับ





ว้าวววว

ห้องหรูจัง

เกิดเป็นคนรวยนี่มันดีจังเลย



หลังจากผมมาถึงห้องของพี่ฮันเตอร์ เราสองคนก็ไม่ได้ทำอะไรมาก พี่เขาแค่คุยกับผมนิดหน่อย ส่วนที่เหลือก็แค่ปล่อยให้ผมนั่งลูบนั่งเล่นชุดโมเดล



ก่อนจะกลับพี่ฮันเตอร์บอกว่าจะซื้อชุดโมเดลแบบนี้มาอีก เพราะเห็นว่าผมชอบ จริงๆแล้วทีแรกพี่เขาบอกว่าจะยกให้ผม แต่พอมาคิดดูอีกที เขาไม่อยากให้ผมเสียนิสัย ซึ่งผมก็เห็นด้วยนั่นแหละนะ แบบนั้นทั้งเกรงใจทั้งเสียนิสัยเลย

เอาเป็นว่าผมโอเคกับการมีพี่รหัสแบบพี่ฮันเตอร์ก็แล้วกัน





“มาเลี้ยงข้าวเย็นผมอีกแล้ว ไม่ลำบากเหรอครับ พี่ไม่ต้องถ่ายละครเหรอ” ผมถามพี่ฮันเตอร์ในขณะที่เรากำลังทานอาหารเย็นกันอยู่ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“ก็มีครับ” พี่เขาตอบ “แต่ถ้าวันไหนว่างพี่ก็ไม่อยากพลาด บอกแล้วไงว่าพี่จะชดเชยที่พี่ไม่ได้ดูแลน้องซอลเลย”

“แบบนี้ก็เหนื่อยแย่ซิครับ ผมไม่อยากให้พี่ทำแบบนี้เลย ถ้าเป็นเพื่อนกัน ผมคงด่าพี่ไปแล้ว”

“เอ่อ... คือ... พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”



เอ๋ ไปห้องน้ำอีกแล้ว แปลกจังเลยแฮะ เป็นคนขับถ่ายดีขนาดนั้นเลยหรือไงกันนะ



...........................เห้ออออ

หายไปนานอีกแล้ว เข้าห้องน้ำอะไร ทำไมนานจัง



“โทษทีๆ พี่กลับมาแล้ว” หึ! พี่ฮันเตอร์กลับมาพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวอีกแล้ว

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมไม่เก็บความสงสัยเอาไว้

“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ”

“ก็พี่มีเหงื่อออกมาเยอะเลย ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ง...เหงื่อ อ...อ๋อ นี่อะเหรอ คงเป็นเพราะช่วงนี้พี่พักผ่อนน้อยละมั้ง”

“นั่นไง พี่เหนื่อยเพราะผมจริงๆด้วย”

“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย”

“นี่ครับ” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ “เช็ดเหงื่อออกหน่อยก็ดีนะครับ”

“ง...งั้นเหรอ ขอบใจมากนะ” พี่ฮันเตอร์รับผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดเหงื่อของตัวเอง “แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าก็ยังเป็นลายน่ารักเลย สมกับที่ชอบการ์ตูนโมเอะจริงๆ”

“อันนี้ผมยึดมาจากเพื่อนสนิทของผมน่ะครับ”

“ยึด”

“ใช่ครับ ก็ถือวิสาสะของความเป็นเพื่อนเอามานั่นแหละ เห็นว่าเป็นลายการ์ตูนน่ารัก ก็เลยยึดมาเลย แต่มันไม่ว่าอะไรผมหรอก มันก็คงมีแบบนี้อีกหลายผืน”

“น้องซอลกับเพื่อนนี่สนิทกันจังเลยนะ”

“จะว่าแบบนั้นก็ใช่ครับ แต่จริงๆแล้วเพราะพวกผมเป็นพวกชอบเรื่องลามกเหมือนกันซะมากกว่า เอ่อ.... พี่ไม่ว่าใช่ไหมที่ผมเป็นคนพูดอะไรตรงๆแบบนี้”

“ถ้าพี่จะว่า พี่คงว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วล่ะ เห็นน้องซอลพูดเอาไว้ครั้งที่แล้วว่าชอบให้เพื่อนเล่าเรื่องทะลึ่งให้ฟัง แบบนั้นใช่ไหม”

“แบบนั้นแหละครับ”

“ก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายทุกคนนั่นแหละ เพื่อน เกมส์ การ์ตูน กีฬา และเรื่องลามก”

“พูดอีกก็ถูกอีก เพียงแต่...ผมนึกภาพที่ฮันเตอร์เป็นคนทะลึ่งไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่”

“อย่างงั้นเหรอ”

“ก็พี่ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ มันจะออกมาเป็นยังไงน้า พี่ฮันเตอร์ในโหมดของคนหน้าหื่น นึกภาพไม่ออกจริงๆนะ”

“อยากเห็นเหรอครับ”

“ก็อยากเห็นนะครับ ผมชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่สาวๆที่เป็นแฟนคลับของพี่คงไม่ปลื้มเท่าไหร่”

“ฮ่าๆๆๆ นั่นซินะ”

“ขอบใจสำหรับผ้าเช็ดหน้านะ”

“ไม่ต้องคืนหรอกครับ ผมยกให้ ผมมีอีกหลายผืนเลย”

“งั้นเหรอ งั้นก็ขอบใจนะ ถือเป็นของขวัญจากน้องรหัสของพี่ก็แล้วกัน”

“เออ....ใช่ จริงด้วย ผมเอาแต่เป็นฝ่ายรับจากพี่อย่างเดียว ผมเองก็ยังไม่ได้ให้อะไรพี่ฮันเตอร์เป็นชิ้นเป็นอันเลยนี่นา”

“ไม่จำเป็นเลย แค่ว่างมาทานข้าวกับพี่ก็พอแล้ว นี่พี่ยังแปลกใจเลยนะว่าน้องซอลรอพี่ได้ไง ดึกแบบนี้”

“ผมนอนดึกเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างก็คือ ผมมาคิดได้ว่า พี่คงอยากให้มีคนน้อยๆ จะได้ไม่วุ่นวายเวลาที่พี่ปรากฏตัว ก็เลยต้องนัดมาหาอะไรกินดึกแบบนี้ ใช่ไหมครับ”

“วิเคราะห์ได้เก่งนี่นา ก็ตามที่ว่านั่นแหละนะ”

“แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ผมไม่อยากให้พี่ออกมาใช้เวลาดึกๆแบบนี้กับผมหรอก เป็นไปได้ก็อยากให้พี่พักผ่อน ต่อไปนี้พี่ไม่จำเป็นต้องมาเลี้ยงข้าวผมแล้วก็ได้นะ ผมพอใจแล้วที่ได้เจอพี่รหัส”

“น้องซอลมีอะไรที่พี่ชอบใจที่สุดรู้ไหม?”

“เอ๋? อะไรเหรอครับ”

“น้องซอลมองพี่เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ดาราดังหรือคนมีชื่อเสียง ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ชอบหรอกนะ พี่ก็รู้สึกขอบคุณทุกคนนั่นแหละที่ชื่นชอบพี่ แต่พี่แค่อยากมีคนที่คุยกับพี่เหมือนพี่เป็นแค่คนทั่วไป”

“สงสัยเพราะผมสนใจแต่การ์ตูนโมเอะละมั้ง นี่ถ้าเปลี่ยนพี่ฮันเตอร์เป็นพริตตี้เคียว ผมอาจจะปฏิบัติกับพี่ในอีกแบบนึงก็ได้”

“ชอบพริตตี้เคียวเหรอ อยากดูไหม”

“หมายถึงอะไรครับที่ว่าอยากดู”

“พี่เพิ่งจะได้คอลเล็กชั่นพริตตี้เคียวมาใหม่ ตอนนี้จัดวางไว้ที่ห้องแล้วล่ะ”

“ขอไปดูหน่อยซิครับบบบบ”

“พี่ก็ซื้อมาให้น้องซอลดูอยู่แล้วนั่นแหละ แต่ไหนบอกว่าไม่อยากรบกวนพี่ตอนดึกไง”

“ขอเว้นเรื่องโมเดลการ์ตูนไว้อย่างนึงก็แล้วกัน”

“ก็สมกับเป็นโอตาคุนั่นแหละนะ”

“แต่เรื่องเลี้ยงข้าวนี่ผมพูดจริงๆนะ พี่เอาเวลาตรงนี้ไปพักผ่อนดีกว่า”

“แล้วพี่จะเทคแคร์น้องรหัสของพี่ได้ยังไงละครับ”

“แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วนะ จริงๆพี่เลี้ยงผมแค่ข้าวมันไก่หรือข้าวแกงทั่วไปก็ได้ เข้าแต่ร้านอาหารหรูๆตลอดแบบนี้ ผมเกร็งยังไงไม่รู้”

“พี่ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนนี่นา แล้วพี่ก็ไม่ได้เลี้ยงทุกวันด้วย พอมีโอกาสก็เลยอยากให้กินของดีๆ”

“งั้นถ้าเปลี่ยนเป็นเลี้ยงผมทุกวัน อาหารก็จะไม่แพงแบบนี้แล้วใช่ไหม”

“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ”

"ก็คิดว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่เลี้ยงข้าวเช้าผมทุกวัน แต่เป็นอาหารพื้นๆ พี่ก็จะมีเวลาพักผ่อนตอนเย็นมากขึ้น อย่างตอนที่ผมอยู่ปีหนึ่ง พวกพี่รหัสของเพื่อนเขาก็ชอบซื้อข้าวเช้าไปให้น้องเหมือนกัน ไม่เปลืองตัง แถมได้เจอหน้าน้องรหัสทุกเช้าก่อนเข้าเรียนด้วย”

“อ๋อออ แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ งั้นเอาตามนั้นก็ได้ พี่จะซื้ออาหารเช้าไปให้น้องซอลทุกวันเลย”

“อืมมมม จะว่าดีก็ดีอะนะ แต่ผมอยู่ปีสองแล้วอ่ะ มีพี่รหัสคอยซื้อข้าวให้ทุกเช้าแล้วมันรู้สึกแปลกๆ”

“ให้พี่ทำเถอะนะครับบบ นะ พี่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อน้องซอลเลย”

“ก็...ก็ได้ครับ”

“งั้นเริ่มพรุ่งนี้เลยนะ แต่ว่า พรุ่งนี้ตอนบ่ายน้องซอลว่างไหม พี่มีของจะให้”

“ของอะไรอะครับ”

“ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพส์อะดิ เอาเป็นว่า ตอบพี่มาก่อนว่าว่างไหม”

“ว่างครับ ช่วงบ่ายไม่มีเรียน”

“งั้นเจอกันที่คณะนะ เดี๋ยวพี่โทรหาอีกที”

“โอเคครับ แต่อย่าซื้อให้ผมบ่อยนะ ไม่งั้นผมจะตีพี่ให้ดู... ล้อเล่นครับ ผมเลียนแบบคำพูดของแม่มาพูด”

“คือ.... พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำอีกรอบนะ”

“เอ๊ะ!” เข้าอีกแล้วเหรอ ท่อตรงหรือไงกัน…….





........เช้าวันต่อมา พี่ฮันเตอร์ซื้อข้าวมันไก่มาให้ผมจริงๆด้วย

แต่ปัญหาก็คือ ไอ้เพลงอะดิ ดันสนใจในตัวพี่รหัสของผมขึ้นมา แถมยังฝากให้ผมมาสารภาพความในใจแทนมันอีกด้วย แบบนี้จะเป็นอะไรไหมนะ

แล้วทำไมต้องมาสนใจพี่รหัสของกูด้วย ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อน กูจะไม่ทำอะไรแบบนี้ให้เลย





“รอพี่นานไหม” พี่ฮันเตอร์มาถึงตามเวลาที่นัดหมายในช่วงบ่าย

“ไม่นานครับ” ผมตอบ

“นี่ครับ ของขวัญที่พี่จะให้” พี่เขายื่นกล่องของขวัญใบใหญ่มาให้

“ขอบคุณครับ” ผมรับมาอย่างเขินๆ แต่ในใจเป็นกังวลสุดๆ จะพูดเรื่องที่ไอ้เพลงฝากมาพูดยังไงดีหว่า

“เปิดดูซิครับ”

“เปิด? ให้เปิดเลยเหรอครับ”

“ใช่ พี่อยากเห็นสีหน้าของน้องซอล”

“โอเคครับ” เป็นอะไรกันเอ่ย ผมเปิดกล่องของขวัญออกมา “เฮ้ย.... ด...ด....โดเรมี แม่มดน้อยโดเรมีนี่นา”

“ใช่ครับ ตั้งแต่รู้ที่เห็นว่าพวงกุญแจของน้องซอลเป็นรูปการ์ตูนตัวนี้ก็เลยพยายามหาซื้อโมเดลของมันมาตลอด แต่เพราะการ์ตูนเรื่องแม่มดน้อยโดเรมีมันจบไปนานแล้ว คอลเล็คชั่นพวกนี้ก็เลยหายากตามไปด้วย กว่าจะส่งซื้อได้ก็เลยกินเวลามาถึงตอนนี้”

“หือออออออ” ยอมรับเลยว่าน้ำตาคลอนิดนึง ทั้งดีใจทั้งซึ้งเลย

ทำไมสวรรค์ถึงใจดีกับผมขนาดนี้ ถึงจะส่งพี่รหัสมาช้า แต่ส่งมาแบบฟูลอ็อพชั่นมากเลย

“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่ฮันเตอร์ถาม

“ค...ครับ ดีใจจนพูดไม่ออกเลย ผมขอกอดพี่ทีนึงได้ไหม” ไม่รอคำตอบตกลง ผมก็พุ่งเข้ากอดพี่รหัสแสนใจดีทันทีเลย

“อ...เอ่อ” พี่ฮันเตอร์พยายามออกจากการกอดของผม

“เอิ่ม... ขอโทษทีครับ ผมลืมตัวไปหน่อย” ก็นั่นซินะ กูถือวิสาสะเกินไปแล้วที่ไปแตะต้องตัวคนดังขนาดนั้น

“เปล่าๆ พอดีพี่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

“ห๊ะ!?” เข้าห้องน้ำอีกแล้วเหรอ นี่เห็นหน้าผมแล้วทำให้ท้องเสียหรือไง



ผมรอพี่ฮันเตอร์อยู่พักใหญ่ๆ

ที่ยังไปไหนไม่ได้ก็เพราะมีเรื่องจากไอ้เพลงต้องพูดกับพี่ฮันเตอร์เขาก่อนนี่แหละ

แต่เอ.....?

ที่ไอ้เพลงบอกว่าพี่ฮันเตอร์มีแววว่าจะสนใจในตัวผู้ชายด้วยกัน มันจะจริงเหรอ?

ถึงจะเป็นคนสุภาพ แต่ก็ไม่ได้ดูผิดสังเกตขนาดนั้นนะ  ดูเป็นผู้ชายพอๆกับไอ้อาร์มนั่นแหละ แค่ไม่หยาบคายเท่านั้นเอง



“อ...อ้าว น้องซอล” พี่ฮันเตอร์ออกจากห้องน้ำในที่สุด “พี่นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”

“คือ...ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่นิดหน่อยอ่ะครับ”

“ถ้าจะขอบคุณก็ไม่ต้องแล้ว พี่เห็นแล้วล่ะว่าดีใจ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ แต่ก็ขอบคุณนะครับ เพียงแต่เรื่องที่จะพูดก็คือ.... พี่ฮันเตอร์จำเพื่อนผมคนที่ชื่อเพลงได้ไหมครับ ที่เจอกันเมื่อเช้าอะครับ”

“จำได้ มีอะไรเหรอ”

“คือ....มัน....ฝากให้ผมมาบอกพี่อ่ะครับว่า มันชอบพี่...แบบว่า...มากๆเลย”

“แล้ว?” ทำไมพี่ฮันเตอร์ไม่ดูมีสีหน้าว่าชอบใจล่ะ ไหนไอ้เพลงมั่นใจนักมั่นใจหนาว่าพี่เขาจะโอเค

“มันอยากให้พี่ไปเจอมันที่เดิมที่เจอกันเมื่อเช้าหน่อยน่ะครับ”

“แล้วซอลอยากให้พี่ไปเหรอ” พี่เขายิ่งดูหน้าเครียดกว่าเดิมอีก

“ม...ไม่รู้ซิครับ ก็ถ้าพี่ชอบเพื่อนผม ผมก็คงห้ามอะไรไม่ได้”

“งั้นถ้าพี่ไป ซอลคงสบายใจซินะ”

“ผ...ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ แต่จิตใจของพี่ ผมคงไปบังคับอะไรไม่ได้”

“ใช่ จิตใจของพี่ ใครก็มาบังคับไม่ได้ เรื่องที่พี่จะชอบใครด้วยก็เหมือนกัน ถ้าหมดธุระแล้วพี่ก็ขอตัวนะ”

“พ...พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์ครับ” ลองออกมาอีหลอบนี้ แปลว่าผิดคาดแหงเลย

อ้าว เดินหนีไปไกลเลย



เวรแล้วไงกู นอกจากจะทำให้พี่เขาโกรธแล้ว ยังเหมือนไปยัดเยียดรสนิยมทางเพศให้พี่เขาอีก

บ้าชิบหายเลยกู เพิ่งจะได้ของขวัญจากพี่เขามาแท้ๆ ก็ทำให้พี่เขาโกรธซะแล้ว

แบบนี้คงต้องหาทางแก้ไข

แต่ตอนนี้โทรบอกไอ้เพลงก่อนดีกว่าว่าไม่เป็นไปตามที่มันร้องขอมา….





...........เห้อออออ นานจัง

นี่มันห้าทุ่มแล้วนะ ทำไมพี่ฮันเตอร์ยังไม่กลับคอนโดฯ อีกล่ะ



หลังจากทำให้พี่เขาโกรธไปเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้ผมก็ต้องมานั่งตบยุงรับกรรมที่ทำไว้และเป็นการรอเพื่อที่จะขอโทษพี่เขาอยู่ที่หน้าคอนโดมิเนียม

ดีนะที่วันนี้ไอ้อาร์มกับไอ้เพลงไม่ชวนผมไปดื่มที่ไหน

พูดถึงไอ้สองคนนี้ ช่วงนี้ก็เงียบหายจากการดื่มน้ำเมากันไปเลย แล้วก็ชอบทำตัวแปลกๆ ดีกัน ตีกัน บางทีก็หงุดหงิดอารมณ์เสียอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมไปแซวให้มันสองคนได้กันเองไว้มาก ก็เลยพลอยทำตัวกันแปลกๆ สงสัยผมต้องเลิกแซวเรื่องนี้ได้แล้ว



“น...น้องซอล”

“พี่ฮันเตอร์!” กลับมาซะที “กลับมาแล้วเหรอครับ”

“กลับมาแล้ว ว่าแต่ ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ ยุงไม่กัดเหรอ”

“คือ...ผมจะมาขอโทษพี่อะครับ”

“ขอโทษ?”

“ใช่ครับ เรื่องที่ผมพูดกับพี่ไปเมื่อตอนบ่าย... เอ่อ นี่ครับ ผมทำมาให้” ผมยื่นกล่องข้าวไข่เจียวให้พี่ฮันเตอร์

“หา? อะไรครับเนีย”

“ข...ข้าวไข่เจียวครับ เอ่อ... ผมทำอาหารไม่เก่ง ก็มีแค่ไข่เจียวกับไข่ต้มนั่นแหละครับที่พอจะทำได้ ท...ทำมาได้แค่นี้แหละครับ ใจจริงก็อยากซื้อของดีๆมาขอโทษ แต่ผมคงไม่มีปัญญาซื้อ”

“อะไรกัน แค่นี้ก็พอแล้ว พอดีเลย กำลังหิว ถ่ายละครเสร็จยังไม่ได้กินอะไรเลย ขอบคุณนะครับ” พี่ฮันเตอร์รับกล่องอาหารไปอย่างยิ้มแย้ม

เป็นคนที่ใจดีอะไรอย่างนี้นะ

“เอ่อ... เรื่องที่ผมพูดไปน่ะ... คือผมไม่ได้....”

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”

“ไม่หรอกครับ ยังไงผมก็ต้องขอโทษ ผมไม่มีสิทธิ์ไปพูดอะไรแปลกๆแบบนั้นกับพี่”

“พี่หายโกรธแล้วล่ะ เพราะข้าวไข่เจียวนี่เลยนะที่ทำให้พี่หายโกรธ”

“จริงเหรอครับ” ดีจังที่ได้ผลด้วย

“จริงครับ เพียงแต่ว่า อย่าบังคับให้พี่ต้องชอบใครอีกล่ะ พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“โอเคครับ ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีกเลย รูดซิบปาก”

“งั้นขึ้นไปที่ห้องพี่ก่อนไหม พี่สั่งโมเดลมาเพิ่ม น่าจะมาถึงแล้วล่ะ”

“ไปครับ” นี่ผมตอบเร็วเกินไปไหมนะ

“งั้นไปกัน”



ดีใจจังที่ปรับความเข้าใจกับพี่ฮันเตอร์ได้เร็วแบบนี้



พอขึ้นไปถึงที่ห้องก็มีพัสดุมาวางไว้รอแล้วจริงๆด้วย ผมนี่แกะกล่องเร็วกว่าเจ้าของห้องเสียอีก

พี่ฮันเตอร์ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไข่เจียวของผม อย่างกับว่ามันเป็นอาหารชั้นเลิศ



หลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ผมกับพี่ฮันเตอร์ก็กลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง เราได้มีโอกาสเจอหน้ากันทุกวัน   

เพราะเราสนิทกันมากขึ้น เดี๋ยวนี้ผมก็เลยไปหาพี่เขาที่ห้องอย่างกับเป็นห้องตัวเอง ไปเล่นโมเดลของพี่เขาอย่างกับว่าเป็นของสะสมของตัวเอง สิ่งที่ผมชอบในตัวพี่ฮันเตอร์ที่สุดก็คงเป็นเรื่องความเสมอต้นเสมอปลายนี่แหละ เจอกันทีแรกเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น พี่เขายังคงสามารถนั่งฟังผมได้นานๆโดยไม่มีสีหน้าว่าเบื่อหน่าย จะมีที่แปลกก็ตรงที่พี่เขาชอบหนีหายไปเข้าห้องน้ำนานๆนั่นแหละ ความจริงเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากไม่บังเอิญว่าผมดันเกิด.............







..................รู้สึกสงสัยขึ้นมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 18:56:48 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
มาโซ หรออออออออ หื้มมมม   :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
เจออะไรๆ ต่อๆ

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... หนี vs ตาม - 05/01/2019
«ตอบ #39 เมื่อ05-01-2019 11:32:14 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 4 จาก 6 / หนี vs ตาม (วงเล็บ 1)









“นี่อะเหรอบูทของน้องซอล”

“ใช่ครับ” ผมภูมิใจนำเสนอซุ้มของตัวเองให้พี่ฮันเตอร์ชม ก็พี่เขาอุตส่าห์แวะเข้ามาดูนี่นา ถึงจะเรียนตึกเดียวกัน แต่การที่พี่ฮันเตอร์จะปรากฏตัวต่อหน้าคนเยอะๆ เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอก

นี่เป็นงานสัปดาห์วิทยาศาตร์ที่นักศึกษาสายวิทยาศาตร์ทุกคนต้องจัดบูทเพื่อให้น้องๆนักเรียนเข้ามาร่วมชม ศึกษา หรือเล่นเกมส์



“นั่นพี่ฮันเตอร์นี่นา” “คนที่เป็นดาราใช่ไหมอ่ะแก” “เพิ่งเห็นตัวจริงใกล้ๆ หล่อสุดๆไปเลย”

ก็เป็นธรรมดาอะนะที่หลายคนให้ความสนใจ แต่เป็นเพราะมีไอ้เด็กเนิร์ดอย่างผมยืนอยู่ตรงนี้ละมั้ง ก็เลยไม่มีใครอยากเดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับพี่เขา



“เด็กๆเข้ามาดูกันเยอะเลยนี่นา” พี่ฮันเตอร์ชื่นชม

“ก็ได้คำแนะนำจากพี่ฮันเตอร์นั่นแหละครับ ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจนักหรอกว่าจะทำโปรแกรมสอนวาดการ์ตูนโมเอะ แต่เพราะพี่ยืนยันว่ามันน่าสนใจ ผมก็เลยพลอยมั่นใจในตัวเองไปด้วย”

“พี่บอกแล้วไง ต่อให้ไม่มีให้ชอบ ก็มีพี่อยู่ตั้งหนึ่งคนที่ชอบ แค่นี้ไม่พอเหรอ”

“พอครับ” ถ้าผมเป็นสาวๆ ผมคงเขินจนตัวม้วน แต่นี่ก็แอบเขินอยู่เหมือนกันนะ

“จริงเหรอ!?”

“ครับ?”

“ก็ที่ตอบเมื่อกี๊ไง”

“ตอบ...?” ตอบอะไรหว่า

“ช่างเถอะ พี่มีของจะให้” พี่ฮันเตอร์ยื่นกล่องของขวัญมาให้ผม

“อีกแล้วเหรอ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องซื้ออะไรให้ผมแล้ว”

“ก็พี่อยากให้นี่นา”

“ขอบคุณครับ” อะไรอีกล่ะคราวนี้ โมเดล การ์ตูนภาพ หรือว่าพวงกุญแจ

“อย่าๆๆๆ” พี่ฮันเตอร์รีบห้ามด้วยการจับมือผมเอาไว้ “อย่าเพิ่งเปิดนะ เอากลับไปเปิดที่ห้องดีกว่า”

“เอ๋?” แปลกจัง ปกติต้องให้เปิดเลยนี่นา “งั้นก็ได้ครับ”

ผมเก็บกล่องของขวัญไว้ใต้โต๊ะคอมให้พ้นสายตาของเด็กๆ

“ว่าแต่... น้องซอลมือนิ่มจังเลยนะครับ”

“ก...ก็วันๆเอาแต่จับหนังสือการ์ตูนกับเล่นคอมนิครับ” รู้สึกจั๊กจี้จังที่ถูกพี่ฮันเตอร์ชมแบบนี้ “เอ่อ... ผมมีอะไรจะให้ดูด้วย”



ผมเดินเข้าไปเปิดบางอย่างจากในคอมพิวเตอร์เพื่อให้มันฉายขึ้นจอแสดงผลใหญ่



“อ.อ..เอ่อ...น...น้องๆทุกคนครับ” ผมพยายามพูดเสียงดังแล้วนะ แต่ก็ไม่ดังนักหรอก ก็มันตื่นเต้นไง เอาเป็นว่าทำให้เด็กนักเรียนในซุ้มหันมาสนใจได้ก็ถือว่าโอเคแล้ว “พ...พี่มีตัวการ์ตูนตัวนึงจะสอนน้องๆวาด เดี๋ยวมาดูที่หน้าจอพร้อมกันนะครับ”



ผมเปิดภาพวิดีโอ

นี่เป็นวิดีโอสาธิตการสร้างภาพการ์ตูนลายเส้นสองมิติแบบง่ายๆ แต่ให้ภาพวาดที่สวยงาม และเด็กเล็กๆก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง มันเป็นผลงานจัดแสดงของผมในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ



และในที่สุด....



“หึ!?” พี่ฮันเตอร์รู้สึกสงสัยเมื่อการสาธิตจบลง “นี่คือตัวละครตัวไหนเหรอ พี่ว่าพี่ก็ศึกษาตัวละครโมเอะมาเยอะแล้วนะ แต่ไม่ยักกะรู้จักตัวนี้แฮะ เพียงแต่ว่า...รู้สึกคุ้นๆ”

“พี่ต้องรู้จักอยู่แล้วซิครับ” ผมบอก “ก็มันเป็นภาพวาดใบหน้าของพี่ฮันเตอร์ไง”

“หา?”

“พี่ชอบไหมครับ ผมตั้งใจทำมากเลยนะ อยากทำเพื่อเป็นการขอบคุณพี่รหัสของผม แล้วก็ ขอบคุณที่พี่ช่วยเปลี่ยนแปลงให้ผมรู้สึกเป็นคนที่มีความสำคัญมากขึ้นด้วย”

“พ...พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”

“ครับ!?”

อะไรกันวะ

เวลาแบบนี้แทนที่จะซาบซึ้งซะหน่อย กลับอยากเข้าห้องน้ำซะงั้น อย่างนี้มันไม่ปกติแล้วนะ



หึ!

แล้วนั่นพี่ฮันเตอร์จะขึ้นลิฟท์ไปไหน ห้องน้ำอยู่แค่นี้เองไม่ใช่เหรอ



แปลก แปลกจริงๆ

แปลกซะจนทำให้ต่อมอยากรู้ของผมทำงาน



“นายๆ” หญิงสาวน่ารักคนหนึ่งเรียกผม

“ร...เรียกผมเหรอ” ผมถาม

“ใช่ๆ” เธอยืนยัน “รู้จักกับพี่ฮันเตอร์ด้วยเหรอ”

“ก็พอรู้อ่ะ” นึกว่าสนใจในตัวกู ที่แท้ก็สนใจพี่ฮันเตอร์นี่เอง

“เราอยากถ่ายรูปกับพี่เขาอ่ะ ช่วยขอให้หน่อยได้ไหม”

“ก็...” นึกอะไรดีๆออกแล้ว “ก็ได้ แต่เธอช่วยเฝ้าบูทแทนเราหน่อยได้ไหม เสร็จงานแล้วจะขอพี่เขาให้”

“โอเค ได้เลย เดี๋ยวที่เหลือเราเฝ้าให้เอง เราเห็นบูทของเธอมาทั้งวันแล้ว แค่นี้สบายมาก”

“ขอบใจมากนะ”



โอเค มีคนดูแลงานในความรับผิดชอบให้แล้ว งั้นก็ต้องตามไปดูให้หายสงสัยเสียหน่อย



เอ....?

ชั้นห้าหรือเปล่านะที่พี่ฮันเตอร์ขึ้นไปเมื่อกี๊ น่าจะใช่แหละ

ผมกดลิฟท์ตามขึ้นไป



ห้องน้ำอยู่ตรงโน่นซินะ

ชั้นนี้เงียบกริบ ไม่มีใครสักคนเลย ทำไมถึงต้องขึ้นมาถึงตรงนี้ ต้องการความเป็นส่วนตัวอะไรขนาดนั้น





“อาาาาาาาาาาาาาาาาาซ์ น้องซอล น้องซอลของพี่ อ้าาาาาาาาาาาาาาาาา”



!!!!!!!!!!!!!!

ส....เสียงนี่มัน.....

อย่าเป็นอย่างที่คิดนะ



ทันทีที่เข้าไปในห้องน้ำอันเงียบเชียบก็มีเสียงของคนกำลังครวญครางออกมา



“น้องซอล น้องซอลลลล”



เสียงมาจากห้องนั้นเหรอ

ผมค่อยๆย่องช้าๆไปในห้องน้ำข้างห้องที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง

เพื่อไม่ให้เจ้าของเสียงรู้ตัว ผมจึงทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด

เอาเข้าจริงๆ ผมก็พอจะเดาได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องปีนชักโครกเพื่อชะโงกหน้าดู ก็รู้ว่ามีคนกำลังใช้พื้นที่ห้องน้ำเป็นที่ระบายความใคร่อยู่ แต่ไม่ได้เตรียมใจว่าคนๆนั้นจะเป็น............



“พี่ฮันเตอร์!!!!!!” ผมร้องทันทีที่เห็นภาพของพี่รหัสที่แสนสุภาพและหล่อเหลากำลังนั่งสาวน้องชายอย่างบ้าคลั่ง

“ซ...ซอล!!!!” คนที่หลบอยู่ก็ตกใจเช่นเดียวกัน



บ...บ้าไปแล้ว

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

ผมกระโดดลงจากชักโครก และวิ่งออกมาจากห้องน้ำทันที



“เดี๋ยว!  ด...เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวกันน้องซอล”

ไม่ กูไม่หยุด อย่ามาเรียกกูนะ

ไม่ว่ายังไงผมก็เอาแต่เดินต่อไป ไม่หันหลังกลับไปมองเด็ดขาด

“มันไม่ใช่อย่างที่ซอลคิดนะ” ยังจะตามมาอีก “น้องซอล น้องซอล”

“เลิกเรียกชื่อผมซะที!!!” ผมตะโกนอย่างเดือดดานและหยุดมอง ที่ต้องหันกลับไปมองก็เพราะว่าผมอยากจะให้แน่ใจว่าพี่เขาจะไม่เดินเข้ามาใกล้ผมเกินไป “ย...หยุดเลยนะ อย่ามาเรียกชื่อของผมอีก จะตอนไหน เมื่อไหร่ หรือทำอะไร ก็อย่าเรียกชื่อผมอีก มันน่าขนลุก!”

“น้องซอล พี่แค่...”

“บอกว่าอย่าเรียกไง!!”

“.................” พี่ฮันเตอร์หยุดเรียก หยุดพูดทุกอย่างเลยเสียมากกว่า แล้วก็จบด้วยการก้มหน้ายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ที่หายไปตลอดทุกครั้ง เพราะมาทำเรื่องแบบนี้อะนะ” ผมยังคงพยายามถอยห่างออกไปเรื่อยๆ เลยมาสำนึกได้ว่าอยู่หน้าลิฟท์แล้ว งั้นก็กดลิฟท์เลยละกัน “ไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นพวกโรคจิตแบบนี้”



ติ๊ง

ลิฟท์มาแล้ว

ผมรีบพุ่งเข้าไปในลิฟท์และพยายามกดปิดประตูให้เร็วที่สุด



“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ตามไปหรอก” นั่นคือคำพูดสุดท้ายของคนด้านนอกก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิด ผมไม่ได้สนใจสักนิดว่าน้ำเสียงนั้นจะเศร้าสร้อยแค่ไหน



ผมรีบออกจากตึกคณะทันที ไม่กลับไปทำหน้าที่ดูแลบูทของตัวเองด้วยซ้ำ

ไม่รู้ล่ะ เดี๋ยวค่อยมาเก็บงานตอนดึกก็ได้ ถ้าขืนยังอยู่ เขาคนนั้นกลับมาจะทำยังไง

บ้าบอที่สุดเลย

ที่ไอ้เพลงเดาไว้ไม่ผิดเลย พี่ฮันเตอร์มีรสนิยมทางเพศกับผู้ชายจริงๆด้วย แต่ว่าทำไมต้องเอาชื่อกูไปครวญครางแบบนั้นด้วยวะ หรือว่า.... ที่ใจดีกับเรา ให้ของขวัญบ้างล่ะ ชวนไปดูโมเดลตุ๊กตาที่ห้องบ้างล่ะ อย่าบอกนะว่าหวังจะรุกล้ำอธิปไตยของกู



หยืยยยยยยยยย

ไม่เข้าท่าเลยสักนิด

นึกว่าฟ้าส่งพี่รหัสมาให้ นี่มันมาจากนรกชัดๆ





ค่ำวันนั้นหลังจากงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์จบลง ผมกลับมาเคลียร์งานที่บูทของตัวเอง

ยังมีอีกหลายจุดเลยที่ยังมีงานถูกปล่อยคาไว้อยู่ แต่ก็ไม่มีใครเหลือในตึกแล้ว แหงละซิ ใครจะเข้ามาอยู่ในที่แบบนี้ในเวลาอย่างนี้



เห้อออออออ

รู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้แฮะ

ผมมองซ้ายมองขวาอีกที

พี่ฮันเตอร์คงไม่ได้อยู่แถวนี้นะ

ก็ดูไม่เห็นเหมือนว่าจะมีใครซะหน่อย ผมคงประสาทหลอนไปเอง ก็ดันไปเจอเหตุการณ์แบบนั้นเข้านี่หว่า ใครไม่หลอนก็แปลกแล้ว



เอ๊ะ!!

นี่มันกล่องของขวัญจากพี่ฮันเตอร์นี่นา

ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เอาไปทิ้งดีกว่า

ผมถือกล่องของขวัญไปทิ้งลงถังขยะ



...............?

แบบนี้มันจะดีเหรอ

ยังไงพี่เขาก็อุตส่าห์ให้มา ต่อให้พี่เขาคิดไม่ซื่อกับผม แต่ก็ไม่เคยให้อะไรไม่ดีนี่นา

อาจจะเป็นแค่โมเดลการ์ตูนก็ได้



อืมมม..........เปิดดูหน่อยดีกว่า



ผมหยิบกล่องของขวัญในถังขยะกลับมา

ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่คงไม่ใช่อะไรประหลาดๆนะ



เอ๊ะ!?  เอ๋!!!!!!

เพราะว่าเห็นไม่ชัด ผมจึงรีบกลับไปที่ซุ้มของตัวเองเพื่อมองสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญใต้แสงหลอดไฟนีออน



เฮ้ย!

รูปถ่ายของผมนี่นา ไม่ใช่ๆ หมายถึงรูปที่ผมถูกแอบถ่ายไว้

ไม่ใช่ภาพปัจจุบันซะด้วย ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ

ภาพแอบถ่ายตอนที่ผมกำลังนั่งเรียน ตอนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่คนเดียว ตอนทานข้าว ตอนทำกิจกรรมรับน้อง

หึ! วันเลี้ยงใหญ่ก็มี แสดงว่าพี่ฮันเตอร์ก็มาวันเลี้ยงใหญ่ด้วยซินะ

แล้วนี่มันรูปตอนไหน ทำไมยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย..... อ๋อออ วันที่เข้ามารายงานตัววันแรกนั่นเอง

โอ้โห นี่ผมถูกตามติดชีวิตมานานแค่ไหนแล้วเนีย

นอกจากรูปก็จะมี แว่นตา.... หึ!! แว่นตาอันเก่าของผมนี่นา

จำได้ว่ามันเป็นแว่นตาที่เลนซ์แตกเพราะเกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับใครสักคนในวันรายงานตัวนั่นแหละ แต่ก็ทิ้งไปแล้วนี่หว่า มาอยู่ตรงนี้ได้ไง

กระดาษ...? จดหมายเหรอ.............. ข้อความเขียนว่า..........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 18:57:09 โดย Kings Racha »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

[Rate 20+] Top Friend ... หนี vs ตาม - 05/01/2019
« ตอบ #39 เมื่อ: 05-01-2019 11:32:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... หนี vs ตาม - 05/01/2019
«ตอบ #40 เมื่อ05-01-2019 11:47:27 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 5 จาก 6 /หนี vs ตาม (วงเล็บ 2)









‘สวัสดีครับน้องซอล น้องรหัสของพี่

ครั้งนี้น้องซอลคงแปลกใจที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญ คงไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ใช่ตัวตุ๊กตาญี่ปุ่น แต่ที่น่าจะเดาออกแล้วก็คือ คงรู้แล้วว่าถูกพี่สังเกตการณ์ชีวิตประจำวันมาตลอด ถ้าถามว่า อะไรที่ทำให้พี่ทำแบบนี้ คำตอบนั้นก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อวันแรกที่น้องซอลเข้ามาที่มหาวิทยาลัยนี้ น้องซอลอาจจะจำไม่ได้ว่าเคยเดินชนกับพี่จนทำให้แว่นตาร่วงแตก แต่แทนที่เด็กเปิ่นๆคนนั้นจะเก็บแว่นตาของเขาไป กลับเลือกที่จะพูดแค่ขอโทษและจากไป ทั้งๆที่คนที่ควรจะขอโทษต้องเป็นพี่ต่างหาก นั่นแหละครับ ความประทับใจแรกที่พี่ได้รับจากน้องซอล

เด็กขี้อายที่ไม่เคยเงยหน้ามองพี่เลยสักครั้ง ทั้งๆที่พี่ถูกสายตาของคนมากมายจับจ้องมา แต่มีแค่สายตาคู่เดียวที่ไม่คิดจะมองมาที่พี่ เอาแต่จดจ้องกับหนังสือการ์ตูน ความจริงพี่ก็หวังลึกๆนะว่าน้องซอลจะรู้ตัวสักนิดว่าพี่เฝ้ามองอยู่

ยังจำได้ไหม ที่น้องซอลเคยถามพี่ว่าพี่คลั่งไคล้อะไรมากที่สุด พี่ตอบได้ทันทีเลยว่า พี่คลั่งไคล้น้องซอล สาเหตุที่พี่ไม่ยอมเปิดเผยตัวกับน้องซอลสักที นั่นก็เพราะ ความคลั่งไคล้ของพี่ บางทีมันก็มากจนเกินไป พี่มักจะควบคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้เวลาที่เห็นหน้าของน้องซอล อาการมันหนักจนพี่คิดว่า บางทีพี่คงไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าน้องซอลได้

แต่แล้วในที่สุด วันที่น้องซอลทักมา พี่ก็อยากที่จะกล้าหาญสักครั้ง ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วพี่ก็ระงับความคลั่งไคล้นั้นไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่พี่ก็รู้สึกดีนะที่ในที่สุดก็ได้มาอยู่ใกล้ๆคนที่พี่ชอบสักที

มันคงแปลกๆถ้าพี่จะถามคำถามต่อไปนี้ พี่ไม่กล้าถามต่อหน้าหรอกนะ อย่างเก่งที่สุดก็แค่เขียนเป็นจดหมายนี้แหละ พี่อยากถามน้องซอลว่า “ขอโอกาสให้พี่ได้ไหม คบกับพี่ได้ไหมครับ”

                                                     พี่ฮันเตอร์’

                               



...................................................................ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในสมองคิดอะไรอยู่

มันมีอยู่บนโลกใบนี้ด้วยเหรอ คนที่ชอบเรามากขนาดนี้



เอาไงดีนะ

จะปรึกษาใครดี

ปรึกษาเหรอ!?

คนเดียวที่จะให้คำปรึกษาเรื่องแบบนี้ได้ดีที่สุดก็คือเป็น.........



“นะเพื่อนนะ ไปซื้อให้หน่อย กูมีเรื่องจะคุยกับไอ้เพลงตามลำพังอ่ะ” ผมขอร้องไอ้อาร์มในเช้าวันต่อมาที่โรงอาหารอาคารเรียนรวม

 “เรื่องอะไร ทำไมกูรับรู้ด้วยไม่ได้” ไอ้อาร์มโวยวายใส่ผม

“เออ ไม่มีอะไรหรอก” ผมบ่ายเบี่ยง “กูแค่จะปรึกษาอะไรมันนิดหน่อยเฉยๆ”

“ไม่ได้ กูต้องอยู่ด้วย”

“เฮ้ยยยย มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ กูขอร้องนะ กูไหว้ล่ะ นะเพื่อนนะ นะนะ” อย่าถามกูเยอะเลยนะ แค่นี้กูก็เครียดจะแย่แล้ว

“เออๆ มึงไปเหอะ” ไอ้เพลงช่วยพูดให้

“อะไรวะ เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนกับฝูงนะมึงไอ้แว่น” ไอ้อาร์มบ่นแต่ก็ยอมเดินออกไป

“ว่า? มีเรื่องอะไรจะปรึกษากู” ไอ้เพลงเปิดประเด็นทันที

“ในฐานะที่มึงเป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เก็บเกี่ยวมาแล้วทุก...”

“เข้าประเด็นเลยเหอะ อย่าอารัมภบท” ไอ้เพลงตัดบท

“คือ.... เอ่อ.... การที่..... การที่......การที่.....” จะถามมันยังไงดีน้า

“กาญจ์อยู่ที่ภาคตะวันตกของประเทศ”

“ไม่ใช่ กูไม่ได้หมายถึงกาญจนบุรี” ยังจะมาเล่นมุกอีก ติดเชื้อไอ้อาร์มมาหรือไง

“งั้นมึงก็พูดซะทีดิ อ้ำอึ้งอยู่นั่น”

“เอ่อ... ผู้ชายกับผู้ชายคบกัน มันแปลกไหมวะ” ถามแบบนี้มันตรงเกินไปไหมวะ

“หือ? ทำไมมึงถามกูแบบนั้น” ไอ้เพลงสงสัย

“ค...คือ...น้องกู น้องกูมีปัญหาเรื่องนี้” อ้างขิงข่าอะไรไปก่อนก็แล้วกัน

“น้องมึงเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”

“ก...กูหมายถึงว่า...” เสือกความจำดีอีก โกหกว่าอะไรต่อดีล่ะ “น้องกูมีเพื่อนผู้ชายคนนึง แต่ผู้ชายคนนั้นเหมือนจะถูกผู้ชายอีกคนจีบ แบบว่า ชอบมากๆเลย อะไรอย่างงี้อ่ะ”

“ทำไมมันซับซ้อนจังวะ”

“เออ นั่นแหละ ช่างมันเหอะ น้องกูมาปรึกษา แต่กูไม่รู้จะให้คำปรึกษาน้องกูยังไง กูก็เลยมาถามมึงนี่ไง ในฐานะที่มึงน่าจะเข้าใจเรื่องแบบนี้ดี”

“อืมมมม ถามว่าแปลกไหมอะเหรอ สำหรับคนทั่วไปก็คงแปลกละมั้ง”

“เหรอวะ” มันก็ยังไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย

“แต่เดี๋ยวนี้เขาก็ยอมรับกันหมดแล้ว ใช้ชีวิตตามที่คิดว่ามีความสุขไว้ก่อนดีกว่า ไม่รู้นะ กูถือคติว่า ชีวิตกูเป็นของกู แล้วตอนที่มึงเห็นกูกับพี่วิทยากรคนนั้นมีอะไรกันเมื่อปีที่แล้ว มึงรู้สึกยังไงล่ะ”

“ไม่รู้อ่ะ กูยังไม่ทันได้คิดว่ามันแปลกหรือไม่แปลก กูแค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ”

“แล้วหลังจากที่มึงรู้เห็น แล้วมันคิดยังไง”

“กูก็อยากรู้มากขึ้นอีก”

“กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น กูหมายถึงว่า มึงรู้สึกว่ากูแปลก แปลกจนถึงขั้นไม่อยากคบหาหรือรู้จักกูเลยหรือเปล่า”

“ถ้ากูคิดแบบนั้นแล้วกูจะมาอยู่แก๊งเดียวกับมึงได้ไงล่ะ”

“ก็นั่นไงที่กูจะพูด ถ้าอยากจะให้คำปรึกษากับน้องก็แค่บอกไปว่า เพื่อน สุดท้ายก็คือเพื่อน เพื่อน มันไม่ได้วัดกันที่ว่าเขามีรสนิยมแบบไหน ตอนที่เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้แปลว่าน้องมึงกับเพื่อนคนนั้นจะไปมีอะไรกันซะหน่อย แบบนั้นเขาไม่เรียกเพื่อนแล้ว  อ...เออ เอาเป็นว่า ต่อให้อยู่ดีๆ มึงมีแฟนเป็นผู้ชายขึ้นมา กูก็ไม่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดอะไรทั้งนั้นแหละ นี่แหละความคิดเห็นของกู ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าไม่เดือดร้อนใครอะนะ”

“อืมมมม มึงคิดแบบนี้เองเหรอ” นี่ซินะความคิดแบบคนที่เจริญแล้ว “ขอบใจสำหรับคำปรึกษานะ เดี๋ยวกูจะเอา...ไปบอกน้องอีกที”

“วุ่นวายนะมึงเนีย”



วัดกันที่การกระทำงั้นเหรอ?

แล้วการกระทำของพี่ฮันเตอร์ล่ะ?

ก็ดีกับเราทุกอย่างเลยนี่นา เกือบหนึ่งเดือนมานี้ ไม่มีเหตุการณ์ไหนเลยที่พี่เขาจะทำไม่ดีกับผม

ถ้าไม่นับเรื่องที่พี่เขาแอบไปช่วยตัวเองบ่อยๆ ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่หว่า แล้วผมก็ไม่มีสิทธิไปวิจารณ์ว่าพี่เขาโรคจิตด้วย เพราะผมเองก็เป็นพวกชอบฟังเรื่องลามกเข้าเส้นเหมือนกัน

เอาเข้าจริงๆแล้ว ก็น่าเห็นใจเหมือนกันแฮะ ต้องคอยหลบไปช่วยตัวเองทุกครั้งที่เจอหน้าผม ถือว่าต้องใช้ความอดทนมากๆเลย ยังไงพี่เขาก็คงไม่อยากทำอะไรไม่ดีกับผมซินะ แต่ผมนี่ซิ ที่พูดต่อหน้าพี่ฮันเตอร์แบบนั้น มันแรงไปหรือเปล่าเนีย



เห้ออออออออออ

ไม่มีสมาธิเรียนเลยแฮะ รันโค๊ดผิดบานเลย

ตอนนี้เหมือนว่าในหัวมีแต่คำพูดของพี่ฮันเตอร์วิ่งวนในหัวเต็มไปหมด



‘ก็บอกว่าไม่ค่อยมีใครฟังเรื่องที่พูดไม่ใช่เหรอ พี่จะช่วยเป็นผู้ฟังให้’

‘ดีใจที่ได้เจอน้องซอลนะ’

‘นองซอลมือนิ่มจังเลยนะครับ’

‘พี่ว่า เรื่องที่น้องเล่ามันก็น่าสนใจดีนะ ทำไมเพื่อนๆถึงไม่ชอบฟัง’

‘ต่อให้ไม่มีให้ชอบ ก็มีพี่อยู่ตั้งหนึ่งคนที่ชอบ’

‘อย่าบังคับให้พี่ต้องชอบใครอีกล่ะ พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว’



......พอมาคิดดูอีกที ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้รับแต่ความรู้สึกดีๆทั้งนั้นเลย และก็เหมือนว่าพี่ฮันเตอร์จะคอยบอกใบ้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงให้ผมรับรู้เสมอเลย

รู้สึกว่าตัวเองไก่อ่อนจริงๆก็วันนี้แหละ ถ้าคนอื่นที่ถูกกระทำแบบผมนานเป็นเดือนอย่างนี้ เขาคงรู้ตัวไปนานแล้ว

ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง.....





“จะไปไหนน่ะ” อาจารย์คุมห้องเรียนตะโกนถามผมที่กำลังจะวิ่งออกไป

“เอ่อ.....” เออวะ ลืมไปเลยว่ากำลังเรียนอยู่ “ขออนุญาตเข้าห้องน้ำสักครู่ครับ”

“รีบกลับมาเขียนโค๊ดต่อล่ะ นักศึกษายังไม่ได้ส่งงานนะ”

“ครับ” แล้วผมก็วิ่งออกไป



ห้องไหนน้า....?

พี่ฮันเตอร์เรียนเอกเดียวกับผมก็น่าจะอยู่ในตึกนี้นี่นา แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพวกพี่ปีสามหน้าตาเป็นยังไงกัน



“มองหาใครครับน้อง” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยถามมาจากข้างหลังในขณะที่ผมพยายามส่องกระจกห้องเรียนห้องหนึ่งอยู่ สงสัยพี่เขาไปเข้าห้องน้ำมาละมั้ง แล้วบังเอิญมาเจอผมเข้าพอดี “ปีหนึ่งใช่ไหมเราอ่ะ มาเดินเล่นทำไมตรงนี้ ไม่มีเรียนเหรอ”

“ป...เปล่าครับ” ผมปฏิเสธ “ผมอยู่ปีสองครับ”

“เหรอ” จะหาว่าผมเด๋อละซิ “แล้วมาหาใคร”

“ผมมาตามหาพี่ฮันเตอร์ครับ”

“น้องครับ พี่รู้ว่าเพื่อนพี่เป็นดารา แต่น้องจะตามมารบกวนถึงเวลาเรียนแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าอยากถ่ายรูปก็ควรเป็นเวลาอื่น”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้จะ... เอ๊ะ พี่เป็นเพื่อนของพี่ฮันเตอร์เหรอ”

“ก็ใช่ ต...แต่พี่ไม่ขอลายเซ็นให้หรอกนะ”

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่แฟนคลับของพี่ฮันเตอร์หรอก ผมเป็นน้องรหัสของพี่เขาน่ะครับ”

“น้องรหัส? ไอ้ฮันมีน้องรหัสกับเขาด้วยเหรอ” มีซิครับ ผมนี่ไง “อ๋อ น้องรหัสนี่เอง แต่วันนี้มันไม่มาเรียนหรอกนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน โทรไปก็ไม่รับ สงสัยถ่ายละครอยู่ละมั้ง แต่ปกติเวลามันจะไปไหนมาไหนก็มักจะบอกพี่นะ มีวันนี้แหละที่หายไปเฉยๆ”

“แล้วแบบนี้ ผมจะเจอพี่เขาได้ที่ไหนอ่ะครับ”

“ไม่รู้ดิ ลองไปหาตามพุ่มไม้ดูดิ”

“พุ่มไม้?”

“ก็ไอ้นี่มันชอบถือกล้องไปถ่ายรูปตามพุ่มไม้ใบหญ้า ถ้าไม่ติดว่ามันหน้าตาดี พี่ก็คงเข้าใจผิดว่ามันไปแอบถ้ำมองใครอยู่ พูดกันตามตรงนะ เห็นมันหล่อๆอย่างนั้นก็อย่างไปหลงกลมันล่ะ ไอ้ฮันอ่ะติ๊งต๊องจะตาย ปีที่แล้วก็เห็นถือกล้องเที่ยวมุดไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ พอมาปีนี้ก็บ้าการ์ตูนญี่ปุ่นบ้าบออะไรของมันก็ไม่รู้ เห็นเอาแต่ถามหาซื้อชุดโมเดล ท่าจะบ้า ทำตัวแปลกๆไม่อยู่กับร่องกับรอย มีพี่รหัสแบบมันต้องทำใจหน่อยนะ”

“ค...ครับ” ผมเข้าใจแล้ว เข้าใจหลายอย่างเลย

ตามถ่ายรูปทั้งปีก็คงเพราะตามดูชีวิตของผม

ที่สนใจการ์ตูนญี่ปุ่นขึ้นมาก็คงทำเพื่อหาเรื่องคุยกับผมแน่ๆ

หวิวๆในหัวใจยังไงก็ไม่รู้

มันเกิดอะไรกับความรู้สึกละเนีย

“พี่ว่าน้องกลับไปเรียนก่อนเถอะ” เพื่อนพี่ฮันเตอร์บอก “เดี๋ยวถ้าเจอมัน พี่จะบอกให้ว่ามีน้องรหัสมาหา”

“ขอบคุณนะครับ”



ผมกลับไปนั่งเรียนตามเดิม แต่ไม่ได้ยอมแพ้หรอกนะ ยังไงวันนี้ก็ต้องเจอหน้าพี่ฮันเตอร์ให้ได้





หืออออออออ

ยืนรอหน้าคอนโดฯ จนถึงตีหนึ่งแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับมาอีก

ผมกลับมารอพี่ฮันเตอร์ที่หน้าคอนโดมิเนียมของพี่เขา หวังว่าจะปรับความเข้าใจเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของพี่เขาเลย

โทรไปก็ไม่รับสาย ทักไลน์ก็ไม่อ่าน แบบนี้ไม่ปกติเลยสักนิด



หิวซะแล้วละซิ  ไปหาอะไรกินก็แล้วกัน วันนี้คงไม่ได้เจอแน่นอนแล้วล่ะ





“แน่ใจเหรอว่าพี่ฮันเตอร์พักอยู่แถวนี้”

“ก็ได้ข่าวว่าอย่างนั้นนะ”

“แล้วทำไมไม่เห็นเจอสักทีเลย”

หึ!! สาวๆสองคนที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่โต๊ะข้างๆก็มาตามหาพี่ฮันเตอร์เหมือนกันเหรอ

“เอางี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้บ่ายๆ เราไปที่สวนสาธรณะของมหาลัยกัน พี่ฮันเตอร์มาคิวถ่ายแนะนำมหาลัย”

“จริงเหรอ รู้ได้ไงอ่ะ”

“ก็ดูในแฟนเพจมาไง พวกดาราดังๆเขาก็ต้องมีตารางออกงานแจ้งซิ ไม่งั้นแฟนคลับจะตามไปเจอได้ยังไง”

“ดีๆ งั้นไปที่สวนสาธรณะก็ได้ วันนี้ไม่ไหวแล้ว ง่วงมากเลย”



อ๋ออออออ

แบบนี้เองซินะ

แฟนเพจเหรอ? ตารางงานเหรอ?

ลองค้นหาดูซะหน่อยซิ



อันนี้หรือเปล่าหว่า?

ผมค้นหาตารางงานของพี่ฮันเตอร์จากโทรศัพท์



20 สิงหาคม 2561

-12.45 น. ถ่ายทำวีดิทัศน์แนะนำมหาวิทยาลัยโครงการเปิดโลกกิจกรรม-



มีตารางงานจริงๆด้วยแฮะ

เอ.......? แล้ววันนี้ล่ะ มีงานอะไร ทำไมยังไม่กลับมาที่คอนโดฯ อีก



19 สิหาคม 2561

-ไม่มีงาน-



เอ๊ะ!

ไม่มีงาน

หมายความว่ายังไงละเนีย แล้วทำไมขาดเรียน

หรือว่า.........จะเป็นเพราะผม

ไม่ได้แล้ว แบบนี้ยิ่งต้องคุยกันให้รู้เรื่อง พรุ่งนี้ผมก็จะไปที่สวนสาธารณะด้วยเหมือนกัน.....





กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

ให้ตายเถอะ

พวกหญิงพวกนี้กินนกหวีดเข้าไปหรือไงนะ

แสบแก้วหูสุดๆไปเลย

แล้วนี่จะมุงอะไรกันนักหนา ยืนดูกันนิ่งๆไม่ได้หรือไง กูก็อยากเห็นเหมือนกันนะ



“พี่ฮันเตอรรรรร์พี่ฮันเตอรรรรรร์ ขอจับมือหน่อยค่ะ ขอจับมือหน่อย”



ไหนวะ?

โอ๊ย มองไม่เห็น

เอาไงดีหว่า

นี่คือวันถัดมาที่ผมมาตามหาพี่ฮันเตอร์ตามตารางออกงานของพี่เขาอย่างที่วางแผนไว้



“พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์ครับ” เอาวะ กูก็จะตะโกนบ้าง

นั่นไงๆ เหมือนจะเห็นแวบๆแฮะ

แล้วนี่จะเบียดอะไรกันนักหนา

เอาวะ เบียดมากูเบียดกลับ

“พี่ฮันเตอร์ พี่ฮันเตอร์” ผมทั้งตะโกนทั้งพยายามเบียดเสียดผู้คนเข้าไปจุดที่เชื่อว่าพี่เขากำลังจับมือกับบรรดาแฟนคลับอยู่ “พี่ฮัน.... พ...พี่ฮันเตอร์”

ชีวิตไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย

ใกล้ถึงข้างหน้าแล้ว ตะกายมือไปก่อนก็แล้วกัน



“พี่ฮันเตอร์ อย่าเพิ่งไปค่ะ ขอจับมือก่อน กรี๊ดดดด” เฮ้ยๆ ใครพูดว่าจะกลับวะ เดี๋ยวซิ



“พี่ฮันเตออออออรรรรรรรรรรรรรรรร์” ตะโกนแม่งให้สุดเสียงไปเลยก็แล้วกัน

ยังไงก็ต้องเบียดสู้ขึ้นไปให้ทันให้ได้

“พ.....พี่ฮัน...” เอ๊ะ! ใครจับมือผมหว่า

“ซ....ซอล!!” เฮ้ย!!! พี่ฮันเตอร์นี่นา พี่เขาจับมือผมไว้แล้ว แต่พี่เขาตาค้างไปเลย

“ย...อย่าเพิ่งปล่อย” ผมตะโกน “อย่าเพิ่งปล่อยมือผมนะ!!!!”



“...” เงียบกันหมดเลย

บรรยากาศนิ่งสนิทกันเลยทีเดียว ไม่รู้เป็นเพราะผมตะโกนออกไปหรือเปล่า



“ค...คือผม....”

“เอ่อ...ขอโทษนะครับทุกคน” พี่ฮันเตอร์พูดกับบรรดาแฟนคลับ แต่มือก็ยังจับมือผมไว้อยู่ “ผมต้องขอตัวคุยกับน้องรหัสของผมหน่อยนะครับ....มานี่!”



เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ จะลากผมไปไหน

จู่ๆพี่ฮันเตอร์ก็กระชากผมออกมาจากฝูงคน ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์คงจะงงไปตามๆกันว่าทำไมดาราดังถึงได้ลากไอ้เด๋อที่ไหนก็ไม่รู้ไปด้วย

ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องเดินกึ่งวิ่งตามพี่เขาไปนั่นแหละ ว่าแต่ว่า แรงเยอะเหมือนกันนะเนีย



“ออกรถเลยครับ”

“ด...เดี๋ยวซิ มอ’ไซค์ของผม ยังไม่ได้เอาไปเลย” ผมร้องบอก ก็จู่ๆพี่ฮันเตอร์ก็ลากผมขึ้นมาบนรถตู้แล้วสั่งคนรถขับออกไปเฉยเลย

“รถอยู่ไหน” พี่ฮันเตอร์ถามผม

“ย...อยู่หลังโรงพยาบาล” ผมตอบ

“ช่วยขับไปส่งหลังโรงพยาบาลหน่อยครับ”

เอ๊ะ! จะพาผมไปส่งเหรอ แต่ผมยังไม่ได้เคลียร์อะไรกับพี่เลยนะ ส่วนจะให้พูดตรงนี้เลยก็คงไม่ได้ มีคนเต็มรถเลย

จู่ๆพี่ฮันเตอร์ก็เอาเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดมาสวม พร้อมกับสวมแว่นตาดำด้วย



“ขอบคุณครับ... ลงไปซิ” พี่ฮันเตอร์สั่งเมื่อคนรถมาส่งที่หลังโรงพยาบาลจริงๆ

“แต่ว่า...”

“รีบลงเถอะน่า เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก” พี่ฮันเตอร์เอาฮู๊ดคลุมหัวแล้วก็เดินลงรถตู้ออกไป “เร็วเข้า”

“เอ๊ะ” ไม่ได้จะมาส่งผมเหรอ

ผมเดินตามลงไปแบบงงๆ จากนั้นรถตู้ก็เคลื่อนที่ออกไป



“คันนี้ใช่ไหม”

“ช...ใช่” ผมตอบ

“เอากุญแจรถมา”

“เอ๊ะ! พี่ขับเป็นเหรอ”

“เป็น พี่หัดมาแล้ว” หือ!! ไปหัดมาจากไหน “ไหนล่ะ...... กุญแจรถไง”

“อ...อ๋อ” ผมล้วงหากุญแจรถของตัวเอง “นี่ครับ”

“อ่ะนี่ สวมหมวกด้วย” พี่ฮันเตอร์เอาหมวกนิรภัยมาสวมศีรษะให้กับผม ก่อนจะขึ้นคล่อมรถและเปิดสตาร์ทรถจักรยานยนต์อย่างเชียวชาญ “ขึ้นมาเร็ว พี่บอกแล้วไงว่าไม่มีเวลามาก เดี๋ยวจะมีคนมาเห็นเข้า”

“ค...ครับ” ให้ตายซิ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไปหมด



อือหือออออ

ไปหัดขับรถมอเตอร์ไซค์มาจริงๆด้วยซินะ ถึงจะยังไม่ได้คล่องแคล่วเท่าไหร่ แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร



ไม่นานจากนั้นพี่ฮันเตอร์ก็ขับรถพาผมมาจอดที่คอนโดฯของพี่เขา



“ด...เดี๋ยวก่อน” ผมแทบจะถอดเก็บหมวกนิรภัยไม่ทัน



ไม่รู้พี่ฮันเตอร์จะรีบอะไรขนาดนั้น เขาจับมือผมจูงเข้าไปในคอนโดฯ อย่างรวดเร็ว

นี่มันก็ถีงแล้วนะ ทำไมยังต้องรีบอีก คงไม่มีคนตามมาแล้วละมั้ง



เพียงแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เราสองคนก็เข้ามาถึงในห้องของพี่ฮันเตอร์แล้ว



“ครับ? มีอะไรเหรอ ทำไมมองหน้าผม......อื้อออออออ”

ด...ด.....เดี๋ยวซิ

อะไรกัน จู่ๆก็กดริมฝีปากลงมาที่ใส่ริมฝีปากของผมซะอย่างนั้น

จริงๆก็ตกใจนะ แต่จะดิ้นไปทางไหนก็ไม่ได้ หลังพิงติดกำแพงซะขนาดนี้



“....................................................................”

นานจัง

พี่ฮันเตอร์กดริมฝีปากไว้อย่างนั้นนานพอสมควรเลย

จะว่ายังไงดีล่ะ ผมก็แค่ตกใจอะนะ ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก เพราะพี่เขาไม่ได้รุกหนักถึงขั้นที่ผมจะต้องต่อสู้ ก็แค่จูบเท่านั้น

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็ละริมฝีปากออกไป

จูบเป็นแบบนี้น่ะเหรอ นึกว่าจะมีอะไรพิเศษกว่านี้ซะอีก



“ที่ซอลกลับมาแบบนี้” คนตรงหน้าของผมหายใจหอบ เหมือนกับว่าเพิ่งจะต่อสู้กับอะไรบางอย่างมา “แปลว่าเข้าใจพี่แล้วใช่ไหม”

“ค...คือ....ผมแค่อยาก.... อื้มมมมม.... อืม........ อือ...............” แบบนี้ซิถึงจะเรียกว่ารู้สึกพิเศษ

ผมถูกกดริมฝีปากอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก มันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายไปหมด ไม่ใช่แค่การเอาปากมาแตะกัน แต่เป็นการส่งมอบและรับเอาความรักความหวังดีระหว่างทั้งสองฝ่าย

“พี่จะไม่ขออีกแล้ว” พี่ฮันเตอร์พูดหลังจากถอดริมฝีกปากออกไป “จะไม่ขออนุญาต ไม่ถาม ไม่ฟังคำตอบ ไม่อดทนรอ พี่จะเอาแต่ใจ พี่จะ...บังคับซอล จะขอบังคับให้ซอลเป็นแฟนกับพี่ จะไม่ถามความสมัครใจอีกแล้ว”

“...............” การที่ผมเงียบแบบนี้ มันหมายความว่ายังไงกันนะ

“หลังจากนี้เรา....เป็นแฟนกันนะ”

“ไหนบอกว่า...จะไม่ขอไง” ผมถามเอื่อยๆ

“งั้นก็ห้ามปฏิเสธล่ะ”

“ค...ครับ ไม่ปฏิเสธก็ได้”

“เฮอออออออ” คนตรงหน้าผมถอนหายใจออกมาเหมือนเอาความทุกข์ทั้งหมดออกจากอก “ขอบคุณครับ”

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็ดึงผมเข้าไปกอด

แค่กอดเท่านั้น

และมัน....วิเศษมาก



ไม่รู้ซิ ผมก็คงบอกไม่ได้ว่าทำไม หรืออะไร หรืออย่างไร แต่ถ้าสถานการณ์ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ก็........................









.......................ดีที่สุดแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 18:57:30 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... หนี vs ตาม - 05/01/2019
«ตอบ #41 เมื่อ05-01-2019 12:14:41 »

พี่ฮัน=ตาแก่หลอกกินเด็กชัดๆ
แค่เห็นหน้า ได้กลิ่น จับมือ เราจะพุ่งไปสาวว่าวรัวๆ ไม่ด้ายยยยย 555555

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 7 / ทอดทิ้ง vs เฝ้ารอ

ความที่ 6 จาก 6 / ชีวิตจริง vs ละคร









“อะไร? จบแล้วเหรอ” ผมโวยวาย “ไหนมึงบอกว่ามีอะไรกับพี่เขาแล้วไง แล้วไหนล่ะฉากเลิฟซีน”

“โห่ไอ้เพลง” ไอ้แว่นร้อง “กูไม่ใช่มึงนะ ที่จะสะดวกใจเล่าเรื่องบนเตียงให้คนอื่นฟัง”

“ต...แต่อย่างน้อยมึงก็ควรพูดถึงสาเหตุที่ว่าทำไมมึงร้องไห้โวยวายหน้าห้องกู มึงจะเล่าจบทื่อๆแบบนี้ไม่ได้”

“ก...ก็เล่าได้ แต่ขอข้ามเรื่องบนเตียงไปเลยได้ไหม”

“แน่นอน.... ว่าไม่ได้!”

“แล้วมึงจะเว้นวรรคทำไมวะ”

“แต่ก็แปลกนะ ทำไมพี่ฮันเตอร์สนใจคนอย่างมึง แถมยังเข้าขั้นคลั่งไคล้ซะด้วย”

“....................” อ้าว เงียบซะงั้น “หือออออ”

“เฮ้ยย กูเปล่าว่ามึงซะหน่อย แค่บอกว่ามันค่อนข้าง... ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ไม่ต้องร้องๆ”

“ก...กูรู้หรอก ว่ามึงจะพูดว่ากูไม่เหมาะสมกับพี่เขา”

“ม...ไม่ใช่แบบนั้น”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดปลอบใจกูเลย”

“เออๆ กูขอโทษ”

“ต...แต่ แต่ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้กูเสียใจ”

“ยังไงวะ ไหนเล่าให้กูฟังต่อที”

“ก็หลังจากที่กูคิดดีแล้วว่าจะคบกับพี่ฮันเตอร์............................”









(หนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว)





“ขอบใจซอลมากนะพี่วันนี้มาดูพี่ถ่ายละคร” พี่ฮันเตอร์พูดและนั่งลงข้างๆผม

“ก็พี่ชวนมา ผมก็เลยมา” ผมบอก “แต่ผมไม่ได้ดูพี่แสดงเลยเมื่อกี๊ เอาแต่อ่านการ์ตูนอย่างเดียว”

“ครับ ไม่เป็นไรหรอก”



จะว่าไปแล้วก็ควรจะดูบรรยากาศซะหน่อยนะ

ผมลองมองไปรอบๆ

แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเลิกกองแล้ว แต่ก็ยังมีคนเดินขวักไขว่อยู่ตลอด เอาเข้าจริงๆ รู้สึกว่าจะมีนักแสดงแค่สองคนเองมั้ง ที่เหลือก็ทีมงานทั้งนั้นเลย

พวกนักแสดงนี่เก่งจังเลยเนาะ แสดงตามบทบาทท่ามกลางคนเยอะๆแบบนี้ก็ได้ด้วย



“กลับกันเถอะ พี่เหนื่อยแล้ว” พี่ฮันเตอร์ชวน

“โอเคครับ” ผมตอบรับแล้วยัดหนังสือการ์ตูนเข้ากระเป๋าสะพาย



เราสองคนเดินออกมาจากกองถ่ายละคร เนื่องจากรถค่อนข้างจอดอยู่ไกลจึงต้องใช้เวลาเดินสักพัก และระหว่างนั้น.......



“เอ่อ...คือ...” ผมพูดอย่างประหม่า “ยัง...ยังไม่จับมือได้ไหมครับ ผมยังไม่ชินจริงๆ”

“งั้นเหรอ” พี่ฮันเตอร์ปล่อยมือที่แอบเอื้อมมาจับมือของผม “คือ...รอพี่แป๊บนึงได้ไหม”

“ครับ? พี่ลืมอะไรเหรอ”

“เปล่าครับ พี่จะ...เอ่อ...ขอตัวไป...เอ่อ...เข้าห้องน้ำ เดี๋ยวเดียว”

“พี่ไม่ได้กำลังจะไป....” ไม่อยากจะพูดออกมาตรงๆเลย

“คือ...พี่...” เอิ่ม คงคิดจะไปช่วยตัวเองจริงๆซินะ หน้าแดงเชียว “ทนไม่ไหวจริงๆเวลาอยู่ใกล้ๆกับซอล”

“งั้น....ถ้าเกิดว่า...ผมให้จับมือได้ แลกกับที่พี่ไม่ต้องไปทำ...เอ่อ...แบบนั้น ได้ไหม”

“เอ่อ...” ตลกจัง เขินกันไปเขินกันมา “ถึงมันจะแทนกันไม่ได้ แต่พี่เลือกได้จับมือน้องซอลก็ได้ครับ”

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็ค่อยๆเอามือมาจับผม

พี่เขาดูจะต่อสู้กับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านของตัวเองอยู่

“ผม....ขอโทษนะครับ” ผมพูด

“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ”

“ที่ยังไม่กล้าให้พี่ทำอะไรแบบนั้นไง ทั้งๆที่เราเป็นแฟนกันแล้ว แต่ผมก็.....”

“ไม่เลยครับ พี่เข้าใจดี” แล้วพี่ฮันเตอร์ก็พาผมเดินต่อ “ซอลคงคิดว่าพี่เป็นพวกชอบผู้ชายละซิ ใช่ไหม”

“อ้าว มันก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับ ไม่งั้นพี่จะมาชอบผมทำไม”

“ผิดแล้ว ถึงพี่จะมีอารมณ์แบบนั้นกับซอล ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะมีอารมณ์แบบนี้กับผู้ชายคนอื่นได้หรอกนะ แม้กระทั่งจับมือ นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่มีจับมือผู้ชาย แต่ถ้าเป็นมือของผู้ชายคนอื่น พี่คงต้องใช้เวลาทำใจไม่ใช่น้อยๆเลย”   

“งั้นผมก็คงรู้สึกเหมือนกันกับพี่นั่นแหละมั้งครับ”



เนี่ยนะเหรอคำว่า ‘ความรัก’

มันรู้สึกอย่างนี้เองเหรอ เหมือนหัวใจสามารถพองโตได้จนล้นออกไปนอกอวกาศ

นี่ผมจะไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อนอีกต่อไปแล้วซินะ





“พี่ฮันเตอร์” ผมเรียกพี่เขาหลังจากเข้ามาในรถแล้ว

“ครับ?”

“ช่วยสอนผม...จูบได้ไหมครับ”

“ครับ!?”

“ครั้งที่แล้วที่เราจูบกัน ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ครั้งนี้ผมอยากจะรู้ว่ามัน.....อืออออออออออ”



ผมยังไม่ทันพูดจบเลย พี่ฮันเตอร์ก็เข้าจู่โจมเสียแล้ว



นี่เองหรอกเหรอที่เรียกว่าจูบ

ไม่มีรสชาติ แต่กลับหวานหอม

สัมผัสเพียงแค่ที่ริมฝีปาก แต่กลับส่งผลไปทั้งร่างกาย

แม้รุนแรง แต่กลับอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด……



เห้อ....มีความสุขจัง



“พรุ่งนี้มานอนกับพี่นะครับ” คำขอร้องจากคนที่เพิ่งจะละริมฝีปากออกไป

“ค...ครับ” เป็นคำตอบที่คิดน้อยที่สุดเลย



และนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมใช้ความคิดน้อยลงกับเรื่องของพี่ฮันเตอร์หลอกนะ เราสองคนค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นทีละน้อย

จากจับมือกลายเป็นจูบ

จากจูบกลายเป็นการไปนอนค้างในห้องเดียวกัน

ไปไหนมาไหนด้วยกัน

มีกุญแจห้องของกันและกัน

นอนกอดกันจนถึงเช้า

อาบน้ำด้วยกัน

และ.........



“คืนนี้พี่ขอได้ไหมครับ” ในที่สุดคำร้องขอก็ออกจากปากพี่ฮันเตอร์ เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ “พี่คิดว่าพี่คงทนไม่ไหวอีกแล้ว”

“ก...ก็ได้ครับ” บอกแล้วไงว่าผมคิดน้อยลงไปมาก

“งั้นคืนนี้เจอกันที่ห้องของพี่นะ” พี่เขายิ้มและจูบผมเบาๆที่เปลือกตา ก่อนจะลุกออกจากเตียงของผมเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในตอนเช้า





เห้อออออออออออ

ผมเป็นคนตอบตกลงเองแท้ๆที่จะเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งครั้งแรกกับพี่ฮันเตอร์ แต่ก็ดันมาประหม่าและคิดมากซะเอง เครียดหนักจนส่งผลให้ขาดเรียนวันนี้ไปเลย



หลังจากพี่ฮันเตอร์ออกจากห้องของผมไป ผมก็เริ่มศึกษากิจกรรมทางเพศที่ผู้ชายกับผู้ชายเขาทำกัน ทั้งหาข้อมูล อ่านจากผู้มีประสบการณ์ตรง และค้นหาหนังประเภทนี้มาดู



.............ให้ตายเหอะ ทนดูไม่ไหวแล้ว

ไม่เห็นจะน่าดูเลยสักนิด



ไม่ไหวๆ

ไปหาอะไรกินดีกว่า เดี๋ยวค่อยกลับมาดูใหม่ ขอเวลาทำใจแป๊บนึง





“เห็นสถานะใหม่ของพี่ฮันเตอร์หรือยัง”

“สถานะอะไรอ่ะ”

หึ! ผมมาเจอสาวๆสองคนที่เป็นแฟนคลับตัวยงของพี่ฮันเตอร์ในร้านอาหารอีกแล้ว

“ก็ที่พี่ฮันเตอร์โพสว่า ‘กำลังมีความรัก’ ไง”

“จริงเหรอออ” นั่นนะซิ จริงเหรอวะ

“นี่ไง”

“หูยยย จริงด้วยอ่ะ อะไรกันอ่ะ มีแฟนซะแล้วเหรอ เซ็งเลย”

“ไม่เห็นต้องเซ็งเลย”

“ไม่เซ็งได้ไงอ่ะแก มีแฟนแล้วความน่าสนใจก็น้อยลงไปด้วย ฉันอุตส่าห์จิ้นตั้งนาน”

“ก็นั่นแหละที่บอกว่าไม่ต้องเซ็ง ไม่แน่นะ คนที่พี่ฮันเตอร์โพสอาจจะหมายถึงพี่ซีลก็ได้” ใครวะ?? ซีลไหน

“เออ นั่นดิ จริงด้วย”

“ใช่แหละ ฉันว่าต้องใช่แน่ๆเลย เห็นคลิปใหม่หรือยังแก มีแต่โมเม้นฟินๆทั้งนั้นเลย”

“ไหนดูหน่อย.... โอ๊ยยย แฮชแท็กนักล่าแมวน้ำกำลังจะเป็นจริงแล้วเหรอ มีหมอนไหมอ่ะแก”

“ฟินจิกหมอนละซิ”

“แกก็คิดเหมือนฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ”

“แน่นอนนน อ๊ายยยย เอาไปโพสทวิตเตอร์ดีกว่า”



ใครคือซีล?

อะไรคือแฮชเท็กนักล่าแมวน้ำ?



ผมนี่รีบกินรีบกลับห้องเลย ต้องไปตรวจสอบดูเดี๋ยวนี้



หื๊อออออออ!!!!

แบบนี้เองหรอกเหรอ

ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งนัวเนียกัน แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง......





“นี่มันคืออะไร” ผมไม่รอช้าที่จะแสดงหลักฐานให้ตัวการดูหลังจากที่พี่ฮันเตอร์กลับมาจากมหาลัย

“อะไรครับ” ยังจะมาทำเป็นงงอีก “ทำไมเจอหน้าพี่ก็โกรธขึ้นมาซะอย่างนั้น”

“ก็นี่ไง” ผมชี้ไปที่ภาพในโทรศัพท์

“อะไร?” พี่เขาหยิบไปดู “อาห๊ะ พี่เคยเห็นแล้ว เห็นบ่อยแล้วด้วย แล้วซอลเอามาให้พี่ดูทำไม”

“พี่พูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ไงอ่ะ พี่จูบกับผมไปแล้วนะ แล้วนี่มันอะไร ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทั้งกอดกัน ทั้งจูบกัน นี่มัน...”

“เดี๋ยวๆๆๆ นี่ซอลกำลังบอกว่า ซอลหึงพี่เพราะ....ฉากในซีรีส์ที่พี่เล่นเนี่ยนะ”

“จะอะไรก็ช่างเถอะ แล้วไหนบอกว่าไม่คิดอะไรแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นไง”

“ก็มันเป็นการแสดงอะครับ แล้วนี่มันก็เป็นซีรีส์วายด้วย จะให้พี่แสดงกับผู้หญิงเหรอ”

“แสดงกับผู้หญิงก็ได้นี่นา”

“งั้นเขาจะเรียกว่าซีรีส์วายได้ไง”

“แล้วไอ้ซีรีส์วายมันคืออะไรล่ะ”

“หา? นี่...ซอลไม่รู้จักซีรีย์แนวนี้เหรอ”

“ไม่รู้! ไม่โอเคด้วย”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนซิครับ” พี่ฮันเตอร์เข้ามากอดผมไว้ก่อนที่ผมจะทันได้ออกจากห้อง “นั่นมันเป็นแค่การแสดง พี่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี่นา”

“แล้วทำไมไม่บอกละว่าเล่นบทแบบนี้”

“ก็พี่นึกว่าซอลรู้อยู่แล้วนี่นา”

“ถึงรู้หรือไม่รู้ก็ต้องบอกดิ ไม่ใช่ปล่อยให้ผมรู้เองแบบนี้”

“หึหึหึหึ”

“มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยนะ”

“ป...เปล่าครับ พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่นึกว่าในโลกนี้จะมีคนหึงด้วยเหตุผลแปลกๆแบบนี้ก็เท่านั้นเอง”

“แปลกเหรอ มันแปลกยังไง ถ้าผมไปจูบกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้บ้าง พี่จะไม่คิดอะไรใช่ไหม”

“งั้นจะให้พี่ทำไงล่ะ” พี่ฮันเตอร์จับตัวผมให้หันไปสบตากับพี่เขา “ให้เลิกเป็นนักแสดงไปเลยไหม”

“จ...จะบ้าเหรอ ทำแบบนั้นผมก็รู้สึกผิดอะดิ”

“แล้วจะให้พี่ทำยังไงครับ ก็นั่นมันเป็นงานนี่นา”

“ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่ยังไงมันก็.....” ไม่ชอบใจอยู่ดี

“พี่บอกแล้วไงว่านั่นมันแค่การแสดง และพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา เขาเป็นเพื่อนร่วมงาน ผู้กำกับสั่งคัตก็คือจบ”

“ไม่เห็นจะรู้สึกดีขึ้นตรงไหนเลย”

“งั้นพี่จะทำให้ดูว่า ในละครกับชีวิตจริง มันต่างกันยังไง”

“ด...เดี๋ยว พี่จะทำอะไรอ่ะ” จู่ๆผมก็โดนคนตรงหน้าล่วงมือเข้ามาในเสื้อผ้า

“ก็ทำให้ดูไง” ทันใดนั้นสายตาพี่ฮันเตอร์เปลี่ยนไปแบบไม่เหมือนเดิมเลย เหมือนเสือที่กำลังจะกินเหยื่อตัวเล็กๆ

“น...ไหนบอกว่าคืนนี้ไม่ใช่เหรอ” ผมพยายามขัดขืน “นี่มันเพิ่งจะเลิกเรียนเองนะ”

“หุบปากไปเถอะน่า”

“อื๊อ!” ปิดปากของผมทำไม

อะไรของพี่ฮันเตอร์กัน จู่ๆก็เปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคน

“อื้ออออ” ผมได้แค่ร้องเพราะตกใจเมื่อเห็นเสื้อของผมถูกดึงจนกระดุมกระเด็นหลุดออกไปหมด

“ทนมานานแล้ว คราวนี้แหละ จะเอาให้ไม่ยั้งเลย” คำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของคนสุภาพแบบพี่ฮันเตอร์ได้ยังไงกัน

เสียงลมหายใจของคนหื่นกระหายรินรดไปทั่วผิวกายของผม พี่เขาจู่โจมผมอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่มือก็ปิดปากของผมไว้ไม่ให้ส่งเสียง

“นั่งลงไป” คราวนี้อะไรอีกล่ะ

“อ...อะไร” ผมตาค้างเลยที่ถูกบังคับให้ลงไปนั่งมองดุ้นใหญ่สีชมพูของคนตรงหน้า

“บอกว่าอย่าพูดมากไง” พี่เขาเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิมซะอีก “อ้าปาก!”

“เอ๊ะ!”

“ก็บอกให้อ้าปากไง”

“ทำไมต....อั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ทันทีที่ผมเปิดปากออกก็ถูกดุ้นแข็งอันใหญ่กระแทกเข้าใส่ในปาก

“อั๊กๆๆๆๆ”

มันเข้าไปลึกมากจนเกือบถึงคอหอยเลย

“อ่าาาาาา ใช่ ใช่ แบบนี้แหละที่ต้องการ” พี่ฮันเตอร์ร้องครางออกมาอย่างพึ่งพอใจ

แต่ผมนี่ซิ โดนลวงคอจนจะอ้วกอยู่แล้ว

“......แฮ่กๆๆ” แล้วในที่สุดผมก็ทนต่อไปไม่ไหว ต้องละปากออกมาเพราะอาการสำลัก

“จะคายออกมาทำไมเล่า ดุ้นพี่ใครๆก็อยากกินทั้งนั้นแหละ เอาเข้าปากไป” นี่ไม่ใช่การเชิญชวน แต่เป็นการบังคับ คราวนี้ผมถูกจับหัวกดเข้าใส่ท่อนเอ็นแข็งอย่างเต็มแรง

“อั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

นอกจากจะจับหัวผมไว้แล้ว พี่เขาก็ยังโยกบั้นเอวเพื่อดันดุ้นนั้นใส่ปากของผมไม่หยุด



เอ๊ะ!!

มีน้ำอะไรเค็มๆมันๆไหลอยู่ในปากของผมก็ไม่รู้



“อ่าาาาาา แตกจนได้” อะไรนะ! น้ำกามของพี่ฮันเตอร์เองหรอกเหรอ จะไปแล้ว คายออก ต้องคายออก “จะคายออกมาทำไม! กลืน! กลืนเข้าไปให้หมด”

“ต...แต่ผม....อื้ออออ!!!” ผมถูกปิดปากบังคับให้กลืนทุกอย่างลงไป

“มานี่” จากนั้นผมก็ถูกดึงให้ลุกขึ้น ก่อนจะถูกเหวี่ยงอีกครั้งจนต้องไปนอนกลิ้งอยู่บนเตียง “คิดว่าจะจบแล้วเหรอ”

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนครับ” ผมเริ่มกลัว “ย...อย่าทำอะไรผมเลยนะ”

“อะไรกัน ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีซะหน่อย เดี๋ยวจะพาขึ้นสวรรค์เลยค่อยดูซิ”

“ม...ไม่นะ ผมยัง... โอ๊ยยย อูยยยยยยย อ๊อยยยยยยยยยยย” ผมครางเสียงดังออกมาเพราะตกใจ แต่ไม่นานก็รู้สึกแตกต่าง

ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพี่ฮันเตอร์เอาหน้าซุกเข้าไปที่บั้นท้ายของผม จากนั้นผมก็รู้สึกทั้งจั๊กจี้ ทั้งขนลุก ทั้ง...ล่องลอย

“อ๊าาาาาาาาาาา” ผมร้องไม่หยุด ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

“ชอบใช่ไหม”

“..............” ในเวลาแบบนี้ใครมันจะไปกล้าพูด

“ถามว่าชอบใช่ไหม!!!”

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา ค...ครับ ชอบครับ ช...ชอบครับ” ร่องแคบของผมถูกจู่โจมอย่างหนักอีกครั้งพร้อมกับที่จุดเสียวตรงกลางก็ถูกมือใหญ่ๆของพี่เขาล้วงมือมาขย้ำ



เอ๊ะ!

จะทำอะไรอีกน่ะ



“ต้องเปิดช่องกันซะหน่อย”

หมายความว่าไง

เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวซิ นั่นกำลังจะเอานิ้วสอดเข้าไป.....

“อ๊า!!” ผมถูกนิ้วของคนหื่นกระหายสอดใส้เข้าไปในร่องแคบอย่างรวดเร็ว

“ท่าทางจะฟิตแฮะ” พี่เขาเอาแต่มองไปที่ก้นของผมอย่างกับว่ามันเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทุกวัน “แบบนี้คงยังไม่พร้อมเท่าไหร่ เอางี้ละกัน”

“อ๊อยยยย อ๊อ... งืออออออออออออ” จะไม่ให้ผมครางได้ไงละ ก็ถูกนิ้วมือสวนเข้าไปข้างในทั้งเร็วทั้งแรงแบบนั้น ตัวผมนี่บิดเป็นงูเลย

“อืม น่าจะพอใช้ได้แล้ว” อะไรใช้ได้วะ “ลุกขึ้นมานี่”

 “ป...ไปไหน” ไปไหนอีกอ่ะ พี่จะรุนแรงเกินไปแล้วนะ

“โน่นไง” นี่ไม่ใช่การชี้บอกนะ แต่เป็นการใช้มือรวบเส้นผมเพื่อบังคับให้ผมหันหน้าออกไปมองบรรยากาศนอกระเบียง “จะพาขึ้นสวรรค์แล้วก็ต้องดูอะไรสวยๆงามๆข้างนอกซิ”



ใครจะไปอยากดูอะไรตอนนี้กัน....

ต้องหาอะไรยันตัวเองไว้ก่อน

ผมใช้มือยันกับกระจกระเบียบไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงจากท่ายืน



“ใช่ แบบนั้นแหละ ก็เป็นงานนี่หว่า” นั่นคำชมเหรอ “เอาละนะ รับรองว่าอร่อยติดใจ”

ติดใจอะไรอ่ะ

“เอ๊ะ จะใส่เข้ามา..... โอ๊ยยยยย!!!” ทำไมต้องรุนแรงขนาดนี้ด้วยนะ

พี่ฮันเตอร์เล่นเสียบดุ้นแข็งเข้ามาทั้งอย่างนั้นเลย ทั้งเจ็บทั้งจุกเลย รู้สึกเหมือนตัวจะขาดออกจากกันยังไงก็ไม่รู้

“อ๊าาาาาา” พี่ทำเสียงหื่นเกินไปแล้วนะ “แช่ไว้ก่อน แช่ไว้ อ๊าาาาาา”

“ผ...ผม...ผมจุก” ผมสารภาพ

“แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายน่า หลังจากนี้จะชอบใจจนต้องขอแรงๆเลยแหละ”

“พี่พูดอะไรของ..... อ๊อยยย” นั่นไง เริ่มจนได้ พี่ฮันเตอร์เริ่มเขย่าบั้นเอวของตัวเองแล้ว “โอ๊ย...อ....โอ๊ย พี่... ผม...โอ๊ย”

“จะพูดอะไร”

“ผม....จ....โอ๊ย” แปลกแฮะ มีความรู้สึกแปลกๆเพิ่มเข้ามา ถึงจะยังเจ็บแต่กลับรู้สึกดีคล้ายการดึงเซี่ยนออกจากเท้า

“ทำไม จะพูดอะไรไหนว่ามาซิ.... อ๊าาาาาา เสียว ได้เปิดซิงนี่มันสุดยอดจริงๆ”

“อื้อ...อื้อ....อื้อ....อื๊อ อื๊อ อ๊ะ อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“ครางเก่งเหมือนกันนิ ไหนบอกว่าจุกไง เสียวแล้วใช่ไหมล่ะ แล้วแบบนี้ละชอบไหม”

จะอะไรอีก แค่นี้ก็เสียวซ่านไปหมดแล้ว

“อูยยย อ๊าาาาาา อื้มมมมมม” ทั้งที่เบื้องหลังของผมยังถูกกระแทกดุ้นเข้าออกไม่หยุด พี่ฮันเตอร์ก็ยังสู้อุตส่าห์จับตัวผมเข้าไปใกล้เพื่อใช้ลิ้นละเลงที่ยอดเนินหน้าอก “พ...พี่ อ๊ะ พี่ฮัน....เตอร์ อ๊ะๆๆๆๆๆ ผม...ส....ผม....ส..... งื้อออออ”

“จะพูดก็พูดซิ เอาแต่ครางอยู่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง”

“อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ” ใครมันจะไปพูดได้วะ โดนกระหน่ำอยู่แบบนี้

“จะขมิบแรงทำไมล่ะ อ๊าาาาา บอกว่าอย่าชมิบไง”

“อ๊ากกก อะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอะ” ให้ตายซิ ทนไม่ไหวแล้วนะ "อ่าาาา...า...า....ซ"

“อ้าว! น้ำเยิ้มออกมาแล้วเหรอ”

“ไม่ต้องพูดได้ไหม” ผมสุดจะทนกับการพูดถึงเรื่องเซ็กส์อย่างเปิดเผยของไอ้คนบ้ากาม

“กล้าว่าพี่เหรอ ห๊ะ!!”

“โอ๊ยยยย ไม่ได้.... อูยยย อ๊าาาาาา อ๊าๆๆๆๆๆๆ” อะไรกันล่ะ สุดท้ายไม่ว่าจะทำอะไรก็โดนอยู่ดีไม่ใช่เหรอ

ผมโดนจู่โจมอีกระลอก



..................น...นี่มันกี่นาทีแล้วเนีย นานเกินไปแล้วนะ ต่อมความรู้สึกก็เริ่มจะรับไม่ไหวแล้วด้วย



“พ...พี่ฮันเตอร์ อูย ผ...ผมไม่....”

“อย่ามาพูดว่าไม่ไหวนะ” เอ๋? เอาแต่ใจชะมัด “รู้ไหมว่าพี่ต้องอดทนมาตั้งแค่ไหน ไม่ว่ายังไงก็....”



ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆๆ

เสียงนาฬิกาปลุกงั้นเหรอ



“หมดเวลาแล้วเหรอ น่าเบื่อจัง” พี่ฮันเตอร์มีสีหน้าผิดหวัง “พี่มีคิวงานต้องถ่ายซีรีส์ คงหมดเวลาสนุกแล้วล่ะนะ”

“ส...สนุกอะไรของ...พี่ล่ะ” ผมบ่น “แล้วไหงยัง...ไม่หยุด....อีกล่ะ อูย น...ไหนบอก ว...ว่าหมดเว...ลาแล้วไง”

“ถ้าอย่างนั้น...” เอ๊ะ น้ำเสียงพี่ฮันเตอร์เปลี่ยนกลับมาอ่อนโยนและสุภาพเหมือนเดิมแล้ว “พี่ขอเสร็จข้างในเลยได้ไหมครับที่รักของพี่”

“ค...ครับ” เป็นคำขอร้องเรื่องเพศที่อบอุ่นดีแฮะ งั้นก็ไม่ควรจะปฏิเสธซินะ

“งั้นก็....”

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาซ์” กูไม่น่ามีความคิดคล้อยตามเลย โดนจัดหนักจังหวะนี้นี่มัน....

“อ่าซ์ ..... เอาละนะ จะเสร็จแล้ว”

“ผ...ผมด้วย”

และสาม....สอง...หนึ่ง.................... ตูมมมมมม!! (เกิดเป็นโกโก้ครั้น)





“เห้ออออออออ เหนื่อยจังเลยเนาะ”

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก” ผมโวยวายใส่พี่ฮันเตอร์หลังจากนอนพักหายใจไปประมาณสิบห้านาที “ก็พี่เองไม่ใช่เหรอที่ทำนานซะขนาดนั้น กี่นาทีเนีย ห๊า! ค...ครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ ผมเพิ่งเคยทำครั้งแรกนะ ไม่ปราณีกันบ้างเลยหรือไง ผมเป็นแฟนพี่นะไม่ใช่ตุ๊กตายาง ถึงจะทำ....อุ๊บ”

ถูกจูบอีกแล้วซิเรา

“พี่มีความสุขมากเลย” พี่ฮันเตอร์พูด “ขอบคุณนะครับ”

“ค...ครับ” เห้อ.... แบบนี้ก็ต้องยอมเท่านั้นแหละนะ

“งั้นพี่คงต้องขอตัวก่อนนะครับ ไม่งั้นได้เข้ากองถ่ายสายจริงๆแน่เลย” พี่ฮันเตอร์ตรวจดูเวลาแล้วก็รีบลุกขึ้นไปแต่งตัวทันที “ซอลใช้ห้องน้ำและเสื้อผ้าของพี่ได้ตามสบายเลยนะครับ ถ้าจะกลับก็อย่าลืมส่งข้อความไปบอกก่อนล่ะ แต่ถ้าจะนอนที่นี่ก็ตามสบายเลยนะ เสร็จงานแล้วจะรีบโทรหานะ บาย...”



เชี่ย

ตอนปู้ยี่ปู้ย่ำกู ทำไมใจเย็นทำอยู่ได้ตั้งครึ่งชั่วโมง พอเป็นเรื่องงานนี่รีบเชียวนะ



เห้อออ

ไปอาบน้ำดีกว่า



“โอ๊ยยยย” ไอ้สัด ทำไมเจ็บจัง

ผมรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวเลย มันมาเจ็บอะไรตอนนี้ละเนีย

อุบาทชิบหาย ท่าเดินอย่างกับคนพิการเลยกู

โอ๊ยยยยย

ต้องมาทรมานกับอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอชีวิตกู



เอ....? ถ้ามีอาการแบบนี้ต้องแช่ในน้ำอุ่นหรือเปล่านะ จะทำให้รู้สึกดีขึ้นและแผลหายเร็ว เหมือนจะอ่านเจอมาแบบนี้

งั้นก็ขอใช้อ่างอาบน้ำอุ่นหน่อยก็แล้วกันนะ..............





เห้อออออออออ

ถึงจะยังเจ็บแต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว แบบนี้ต่อไปคงต้องไปขอเคล็ดลับจากไอ้เพลงแล้วล่ะ ถ้าพี่ฮันเตอร์มีพฤติกรรมการร่วมเพศแบบนี้ สงสัยจะต้องรับศึกหนักอีกนาน





“อีกแล้ว สถานะใหม่ของพี่ฮันเตอร์มาอีกแล้ว” อีกแล้วเหรอ สงสัยผมจะถูกชะตากับผู้หญิงสองคนนี้ มากินข้าวทีไรก็เจอทุกทีเลย

“สถานะที่ว่า ‘กำลังมีความสุข’ ใช่ไหม... ฉันเห็นแล้วล่ะ”

“โอ๊ย ฟินอะแก ต้องหมายถึงพี่ซิลแน่เลย นักล่าแมวน้ำของฉ้านนนน”

“มีข่าวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้สึกว่าคนที่พี่ฮันเตอร์ควงอยู่ จะไม่ใช่พี่ซีลแล้วล่ะ”

“ไม่จริงอ่ะ แล้วจะมีใครที่ไหนได้อีก”

“นี่ไง มีข่าวมาว่าช่วงนี้พี่ฮันเตอร์ชอบไปไหนมาไหนก็คนนี้บ่อยๆ”

“ไหนๆ.... เอ...? นี่มันคนที่พี่ฮันเตอร์ดึงออกจากกลุ่มแฟนคลับเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“จริงด้วย ก็ว่าแล้วว่าทำไมหน้าคุ้นๆ เหมือนจะเคยเห็นที่ไหน ที่แท้ก็นายเห่ยคนนั้นนั่นเอง”

“มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่พี่ฮันเตอร์จะมาคบกับคนแบบนี้”

“นั่นนะซิ แต่มันก็มีข่าวออกมาตลอดเลยนะ ถ้าคบกับคนแบบนี้ สู้ให้มีแฟนเป็นผู้หญิงยังจะดีซะกว่า ไม่ได้เข้ากันเลย อย่างกับเจ้าชายกับขอทาน”

“แกก็พูดแรงเกินไป”

“แกก็คิดเหมือนฉันอยู่ละซิ”

“แต่แกพูดออกมาก่อนนี่นา”

“นี่ถ้าพี่ฮันเตอร์คบกับนายเห่ยคนนี้จริงๆนะ ฉันจะเลิกกดติดตาม แถมเปลี่ยนไปแอนตี้เลยด้วยซ้ำ”

“ก็จริงนะแก พวกแฟนคลับคงโกรธมากอ่ะ ไปคว้าตัวอะไรก็ไม่รู้มาเดินข้างๆ ไม่รู้จะดึงตัวเองให้ต่ำลงทำไม.... แต่ก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายเลย ข่าวก็ยังเป็นข่าวอยู่ ยังไม่ได้รับการยืนยันซะหน่อย แถมดูๆแล้ว โอกาสเกิดขึ้นจริงไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ”

“ก็จริง.... ลองเช็คตารางงานของพี่เขาในช่วงนี้ดีกว่า มีไปออกงานที่ไหนน้า............”





ไม่เหมาะสมเหรอ

เจ้าชายกับขอทาน

ดึงลงมาต่ำอย่างงั้นเหรอ

นี่ผม.................









....................ไม่สมควรได้รับความรักบ้างเลยเหรอ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โถ่หนูลู๊กกกก //ลูบหัว :hao5: :hao5: 

ปล.โหมดซาดิสของดาราที่เบื้องหน้าราวกับเทพบุตรมันช่างน่ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ .... :laugh: :laugh: :laugh: :hao6:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
วงวารน้องไม่ต้องคิดมากลูกแฟนคลับก็แค่แฟนคลับไม่ใช่ยืน 1 แบบน้องปล่อยพวกนางเห่าต่อไป  :hao3: :hao3:
ส่วนอิอาร์มกับเพลงนี่นึกว่าจะดราม่าไหงซิทคอมละนี่  :laugh: :laugh:
แต่ฮันโคตรน่ากลัวอะคือพีคหลายตลบสุด  :a5:  o22

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารน้อง ครั้งแรกก็เจอพี่เล่นหนักเลย
ไลฟ์สไตล์แตกต่างกันเยอะ คู่นี้คงใช้เวลาปรับตัวอีกซักพัก

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 8 / ปิดบัง vs เปิดเผย

ความที่ 1 จาก 2 / หนึ่งครั้ง vs ร้อยครั้ง









“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” ผมพูด

“คราวนี้มึงก็รู้แล้วนะว่าทำไมกูร้องไห้” ไอ้แว่นยังคงมีสีหน้าเศร้าสร้อย

“ที่แท้พี่ฮันเตอร์ก็เป็นพวกอารมณ์ทางเพศรุนแรงนี่เอง”

“ไอ้สัดเพลง! มึงโฟกัสอยู่แค่เรื่องนั้นหรือไง มึงต้องสนใจเรื่องที่กูเสียใจอยู่ซิ”

“ล้อเล่นน่า ล้อเล่น” ผมแก้ตัว จริงๆก็โฟกัสเรื่องนั้นมากกว่าจริงๆนั้นแหละ “อะแฮ่ม... เอาเป็นว่าที่มึงเสียใจเนีย เพราะว่าถูกเปรียบเทียบว่าไม่เหมาะสมกับพี่ฮันเตอร์ใช่ไหม”

“ไม่ต้องย้ำมากก็ได้นะ.... แล้วสรุปว่ามึงจะช่วยกูไหม”

“ไอ้เรื่องที่ว่าจะให้ช่วยเปลี่ยนบุคลิกให้น่ะ ไม่ได้ยากอะไรหรอกนะ เพียงแต่....” ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาพูดเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่ไอ้แว่นก็ไม่คิดจะพูดถึงสักเท่าไหร่หรอก “สำหรับคนที่เคยเปลี่ยนตัวเองมาก่อนอย่างกูอ่ะ ขอบอกเลยนะว่ามันไม่มีอะไรคุ้มค่าเลยสักนิด ถ้าย้อนกลับไปได้กูก็อยากที่จะเป็นตัวเองคนเดิม”

“มึงไม่ใช่กู มึงไม่เข้าใจหรอก”

“ใครบอกว่าไม่เข้าใจ ตัวกูเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วกับมึงในวันนี้ก็ไม่ต่างกันนักหรอก กูว่ามึงโชคดีกว่ากูด้วยซ้ำที่พี่ฮันเตอร์เขาชอบมึงในแบบนี้ แต่กูน่ะ ไม่ถูกบังคับก็เหมือนต้องทำ ไม่บอกตรงๆก็เหมือนถูกออกคำสั่ง ไม่ดีเลยที่ถูกดึงความเป็นตัวเองออกไป”

“แต่กูก็อยากทำเพื่อพี่ฮันเตอร์นี่นา อย่างน้อยก็ไม่อยากให้พี่เขาอายคนอื่นที่เดินข้างๆกับคนแบบกู”

“เออ กูเข้าใจ เดี๋ยวช่วย”

“จริงนะมึง งั้นเริ่มที่อะ.....”



ตุ๊บ!!

เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องน้ำ



“เอ๊ะ! มีคนอยู่ในห้องน้ำมึงด้วยเหรอ” ไอ้แว่นสงสัย



คนอยู่ในห้องน้ำงั้นเหรอ.....?

เฮ้ยยย!!!!!!!!

ชิบหายละกู ลืมไปเลยว่าไอ้อาร์มซ่อนอยู่ในนั้น



“ม...ไม่มีๆ ไม่ใครในนั้นหรอก” ผมรีบโกหก “คงเป็นของอะไรตกสักอย่างแหละมั้ง”

“จะบ้าเหรอ ของอะไรจะตกเองได้”

“อ...เออ สบู่มั้ง คงเป็นสบู่นั่นแหละ มันร่วงเองเป็นประจำ คือ... กูว่ามึงกลับไปก่อนดีกว่านะ”

“อ้าว ไหนมึงบอกว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงกูไง”

“ก็ใช่ไง แต่มึงต้อง.... ไปตัดผม ใช่ๆ ไปตัดผมก่อนเลย แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน เดี๋ยวกูไปหามึงถึงห้องเลย มึงรีบไปตัดผมเลยดีกว่านะ จะได้ไม่เสียเวลา” ผมรีบดึงไอ้แว่นออกจากเตียงและพยายามดันมันออกจากห้อง

“แล้วมึงไม่ไปกับกูเหรอ”

“ไม่ต้องหรอก กูไปก็ตัดผมไม่เป็นอยู่ดี มึงคุยกับช่างเลย บอกเขาว่าของทรงผมที่ดูเข้ากับหน้าหน่อย แค่นั้นแหละ”

“แต่ว่า...”

“เอาเถอะน่า เชื่อกู เดี๋ยวกูตามไปนะ ไม่เกินสองชั่วโมง”

“ทำไมถึงนานขนาดนั้นอ่ะ”

“หนึ่งชั่วโมงก็ได้ กู...ขออาบน้ำก่อน ใช่ๆ กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

“มึงจะไปแน่นะ”

“เออ” ผมดันไอ้แว่นออกจากห้องได้ในที่สุด “อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน”

“แน่นะมึง”

“แน่ซิ รีบไปๆ ช่างเขาจะได้รีบตัดผมให้มึง”

“อ...โอเค”

“แล้วเจอกานนน”



เห้อออออ ส่งแขกได้ซะที

คราวนี้ก็ไอ้อาร์ม ผมรีบเปิดประตูห้องน้ำออกมา



“ไอ้อาร์มมมม กูขอโทษ” สารภาพบาปก่อนเลย “กูมัวคุยกับไอ้แว่นจนลืมไปเลยว่ามึงอยู่ในนี้”

“อีกนานแค่ไหนวะ” ไอ้อาร์มพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ก็ขอโทษอยู่นี่ไง กูไม่นึกว่าไอ้แว่นมันจะมีเรื่องเล่ายาวเหยียดขนาดนั้น”

“เปล่า... กูหมายถึง เราต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะ ไอ้แว่นก็เพื่อนเรา ทำไมเราสองคนต้องทำอะไรหลบๆซ่อนๆด้วย”

“อ...ไอ้อาร์ม” ทำไมจู่ๆมันพูดออกมาแบบนั้นวะ หรือว่ามันหงุดหงิดที่ถูกลืมไว้ในห้องน้ำ “ก็เราสองคนตกลงเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่เหรอ”

ไอ้อาร์มเดินออกมาจากห้องน้ำในที่สุด แต่ไม่ได้เปลือยแล้วนะ

“น่าอิจฉาจังเลยเนาะ” มันนั่งพูดนิ่งๆบนเตียง “ไอ้แว่นอ่ะ น่าอิจฉา ที่มันสามารถพูดเรื่องของมันกับพี่ฮันเตอร์ได้อย่างเปิดเผย”

“ก็...” ผมพยายามหาข้อมาอธิบาย “สองคนนั้นไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อนนี่นา”

“งั้นเหรอ... เพราะเป็นเพื่อนกัน ก็เลยทำให้เราต้องปิดทุกอย่างไว้แบบนี้เหรอ”

“มันเป็นความต้องการของเราสองคนเองนี่หว่า ตอนแรกกูก็ถึงได้พยายามลืมครั้งแรกที่มึงกับกูมีอะไรกันไง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมารู้สึกแย่ในสถานการณ์แบบนี้ มึงคิดว่ากูไม่รู้สึกแย่เหรอที่ควบคุมความอยากของตัวเองที่มีต่อมึงไม่ได้”

“กู...ขอโทษนะ” ไอ้อาร์มเอื้อมมือมากุมมือของผมไว้ “กูไม่น่าพูดแบบนี้เลย ทั้งๆที่เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีอยู่แล้วเนาะ”

“................” ไม่ต้องมาทำเป็นพูดปลอบใจกูเลย

“งั้นกูว่ากูไปซ้อมแล้วดีกว่า” ไอ้อาร์มลุกขึ้นจากเตียง

“อ้าว แล้วไหนบอกว่าจะทำกับกูอีกรอบนึงไง”

“มึงต้องรีบไปหาไอ้แว่นไม่ใช่เหรอ”

“ก็อีกตั้งเป็นชั่วโมง ไม่เห็นต้องรีบเลย”

“รีบเหอะ ไอ้แว่นรอความหวังจากมึงอยู่นะ ที่สำคัญ กูก็พร้อมเพื่อมึงตลอด ถ้ากูซ้อมเสร็จแล้วจะรีบมาจัดให้มึงเลย”

“แต่ว่า...”

“รีบไปอาบน้ำเถอะ กูอยากรีบเข้าสนามแล้ว ช่วงนี้มัวแต่เอาเวลามาอยู่กับมึงจนเริ่มจะละเลยการซ้อมมากไปหน่อยแล้ว.... เอาน่า กูสัญญาว่าซ้อมเสร็จแล้วจะมาหามึงคนแรกเลย”

“เอา...งั้นก็ได้” ผมรู้สึกหดหู่ยังไงไม่รู้ที่ไอ้อาร์มจะจากผมไปแบบนี้



“เออใช่” ไอ้อาร์มหันมาพูดกับผมก่อนที่มันจะปิดประตูห้อง “ถ้าเป็นกูอ่ะ กูจะไม่บังคับให้มึงเปลี่ยนอะไรเลย กูอยากให้มึงเป็นไอ้เพลงในแบบที่กูรู้จักก็พอ”



แล้วประตูห้องก็ถูกปิดลง



เป็นกูในแบบของกูงั้นเหรอ..................... ทำไมกูกับมึงต้องเป็น ‘เพื่อน’ กันด้วยนะ





“ว้าว ดูดีนี่นา” ผมเอ่ยปากชมไอ้แว่นทันทีที่เจอหน้ามันที่หอพักของมันเอง “ช่างเข้าก็เก่งนะเนียที่ทำให้ผมยุ่งๆของมึงเป็นรูปเป็นทรงได้ขนาดนี้”

“เหรอวะ” ไอ้แว่นดูจะเขินๆกับทรงผมใหม่ของตัวเอง มันก็ไม่ได้สั้นจากเดิมนักหรอก แต่ดูดีมากขึ้น เหมาะกับคนที่อายุยี่สิบ “แต่กูยังรู้สึกแปลกๆอยู่เลย”

“อย่าไปจับนักดิ ช่างเขาอุตส่าห์ทำให้ เสียทรงหมด”

“ก็มันเขินนี่หว่า”

“ถ้าอยากเปลี่ยนบุคลิกตัวเองจริงๆก็เลิกจับได้แล้ว”

“อ...เออ ก็ได้... แล้วนั่นมึงถืออะไรมากด้วยน่ะ”

“เครื่องมือไง เริ่มกันที่คอนเท็คเลนซ์ก่อนเลย”

“ห๊ะ”

“ถ้าอยากจะลืมความเป็นโอตาคุ ก็ต้องถอดแว่นของมึงออกก่อนเลย แล้วค่อยมาลองจับแต่งตัวกันดูอีกที กูเอาเสื้อผ้าของกูมาให้ลองหลายตัวเลย มึงกับกูตัวเท่าๆกัน น่าจะใส่ได้แหละ... แต่ตอนนี้ก็ถอดแว่นตาออกก่อนนะ” ผมดึงแว่นออกมาจากดวงตาของไอ้แว่น แล้วก็นึกสนุกลองสวมแว่นตาของมันมันดู “โอ้โห สายตามึงแย่ขนาดนี้เลยเหรอ ถอดแว่นออกมาที มึงไม่ตาบอดเลยเหรอวะ”

“มึงยังนั่งอยู่ตรงนี้ไหม”

“ยังอยู่ดิ.... อะนี่ ใส่เป็นใช่ไหม เคยใส่ไหมคอนแท็กอ่ะ”

“ก็พอได้อยู่”

“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ” ผมเพิ่งมองเห็นใบหน้าของไอ้แว่นที่ไม่มีแว่นตาอันใหญ่และผมที่รุงรังมาปิดบังใบหน้า หน้าขาวใส ตาโต ริมฝีปากชมพู “กูเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ฮันเตอร์ถึงชอบมึง พี่เขาก็ตาแหลมเหมือนกันนะเนี่ย เลือกแฟนหน้าตาน่ารักเชียว”

“พูดอะไรของมึง”

“นี่เคยสังเกตตัวเองบ้างไหมเนีย จริงๆมึงหน้าตาใช้ได้เลยนะ ลองเป็นแบบนี้แค่ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้ากับท่าทางการเดินนิดหน่อย ก็ขึ้นมาเป็นตัวยอดได้สบายเลย”

“ตัวยอดอะไรวะ?”

“ภาษาของวงในน่ะ เอาเป็นว่ากูจะทำให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมองมึงจนเหลียวหลังเลยแหละ เอาล่ะ ใส่คอนเท็คได้แล้ว”

“โอเค... เอ่อ ประตูห้องน้ำอยู่ตรงไหนวะ” ไอ้แว่นคลำหาทางเดิน

“ข้างหลัง นี่มึงเว่อไปไหม ตาบอดจริงๆแล้วหรือไง”



ไอ้แว่นเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปในห้องน้ำ



“ไอ้เพลง” ไอ้แว่นเรียกจากในห้องน้ำ

“ว่า?” ผมขานรับ

“มึง...เอ่อ...มึงทำยังไงวะ ถึงสามารถมีเซ็กส์ถี่ๆได้อ่ะ”

“ห๊ะ!?.... อ๋อ ถามเผื่อตัวเองละซิ จะเอาไว้ใช้กับพี่ฮันเตอร์อะดี๊”

“ช่างกูเหอะน่า”

“เอาจริงๆเลยก็ไม่มีอะไรมาก ระหว่างที่กำลังทำภารกิจก็อย่าไปเกร็งมาก ปล่อยสบายๆ แต่ไม่ใช่สบายตลอดเวลา เกร็งเบาๆขณะ...”

“โอ๊ยยย มึงต้องพูดละเอียดขนาดนั้นเลยหรือไง”

“อ้าว ก็มึงถามเองนิ แหมมม แต่ก่อนกูเห็นมึงชอบให้กูเล่าแบบละเอียดไม่ใช่เหรอ พอเสียตัวให้พี่ฮันเตอร์หน่อยแล้วทำเขินเชียวนะ”

“ไม่ใช่ซะหน่อย มึงเล่าอ้อมๆหน่อยก็ได้”

“เออๆๆ แต่เห็นมึงบอกว่าหลังจากทำอะไรกับพี่เขาแล้วมึงแช่น้ำร้อนใช่ไหม นั่นอะถูกแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีก็อย่าลืมแช่น้ำเย็นต่อด้วย ระหว่างวันก็บริหารกล้ามเนื้อก้นตลอด....”

“ก้นมันบริหารได้ด้วยเหรอวะ”

“ก็คือการขมิบไง”

“ก็บอกว่าอย่าพูดตรงเกินไปไง” ไอ้แว่นออกมาจากห้องน้ำในที่สุด

“แล้วจะให้กูอธิบายว่ายังไง ขมิบนี่แหละ เข้าใจง่ายที่สุดแล้ว... มานี่มา มาลองดูเสื้อผ้าหน่อยซิ”



ไอ้แว่นยืนนิ่งเป็นหุ่นให้ผมลองชุดที่เตรียมมา



“แล้ว...” ไอ้แว่นเปิดปากอีกครั้ง “นอกจากขมิบแล้ว มีวิธีอื่นอีกไหม”

“ไอ้สัด แล้วก็ทำเป็นเหนียม” ผมด่า “เคล็บลับสำคัญที่กูใช้นอกจากนี้ก็มีอีกสองสามข้อ ต้องพยายามกินผักเยอะๆเพื่อให้มีการขับถ่ายอย่างเป็นปกติ และก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอ”

“มึงออกกำลังกายด้วยเหรอ”

“แน่นอนซิ ถึงกูจะไม่ได้ซ้อมกีฬาหนักๆเหมือนไอ้อาร์ม แต่กูก็ทำโยคะเกือบทุกวันนะ หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆก็ทำกายบริหารอย่างง่ายก็ได้ อืมมม แต่เอาเข้าจริงๆ ที่ช่วยได้มากที่สุดเลยก็คงเป็น....”

“อะไรวะ”

“คนที่เรามีอะไรกับเขาด้วยไง ตราบเท่าที่เรารู้สึกดีต่อเขา ไม่ว่าจะทำเรื่องอย่างว่าสักกี่ร้อยครั้ง ยังไงมันก็...........มีความสุข”

“มึงทำหน้าอย่างกับเจอคนแบบนั้นแล้ว”

“ห๊ะ”

“ก็หน้ามึงมันฟ้องอ่ะ แต่กูคงเข้าใจผิดเองมั้ง เพราะมึงไม่เคยมีอะไรกับใครเกินกว่าหนึ่งครั้งอยู่แล้ว”

“อ...เออ ก็แบบนั้นแหละ”



ไม่ว่าจะทำสักกี่ร้อยครั้ง ก็มีความสุขอย่างนั้นเหรอ...............





“เฮ้ยยยย นี่มันไอ้แว่นเพื่อนกูจริงๆเหรอวะ” ไอ้อาร์มประหลาดใจทันทีที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของไอ้แว่น “หน้าตาจริงๆของมึงก็น่ารักดีนี่หว่า”

“เห็นไหม กูบอกแล้วว่าใครๆก็ต้องพูดแบบนี้” ผมยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูดก่อนหน้านี้ให้ไอ้แว่นฟัง

“แล้วมึงคิดยังไงวะไอ้แว่น ถึงได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้” ไอ้อาร์มทำทีว่าไม่เคยรู้สาเหตุมาก่อน

“คือตอนนี้กู...คบกับพี่ฮันเตอร์อยู่อ่ะ” เชรดโดโกโก้ครั้นช์ ไอ้แว่นมึงพูดออกมาตั้งแต่คำถามแรกเลย

“พี่ฮันเตอร์ที่เป็นพี่รหัสของมึงอะนะ” ไอ้อาร์มยังตีเนียนถามต่อ

“อืม...” เออ กูยอมมึงแล้วไอ้แว่น ตอบตรงไม่มีปิดบังอะไรเลย “ว่าแต่... มึงไม่แปลกใจบ้างเหรอว่าทำไมกูถึงไปคบกับผู้ชาย”

“อ...อ๋อ เอ้ย! กูต้องแปลกใจดิ” มึงไม่เนียนตรงนี้แหละไอ้อาร์ม “แต่ถ้าดูจากทรงของมึงในวันนี้แล้วก็... ไม่แปลกใจหรอกที่จะมีผู้ชายมาชอบมึง ก็น่ารักซะขนาดนี้”

“อะแฮ่ม” มึงจะชมไอ้แว่นมากเกินไปแล้วนะไอ้อาร์ม กูยังยืนอยู่ตรงนี้นะ

“ต...แต่ก็น้อยกว่าไอ้เพลงนิดนึงอะนะ” รีบแก้ตัวเชียวนะมึง

“เออ กูรู้ว่ากูสู้กับไอ้เพลงไม่ไหวหรอก” ไอ้แว่นบอก

“แล้ว... ทำไมพวกมึงมาที่นี่อ่ะ จะมาดูกูซ้อมรักบี้เหรอ”

“เปล่า” ผมปฏิเสธ “แค่อยากให้ไอ้แว่นมันมาโชว์ความเปลี่ยนแปลงหน่อย ถ้าเกิดว่าเพื่อนสนิทในกลุ่มยังบอกว่าดูดี แสดงว่ากูประสบความสำเร็จ”

“ไม่ต้องมาอ้างกูเลย” ไอ้แว่นค้าน “มึงนั่นแหละคะยั้นคะยอให้กูมาที่นี่เป็นเพื่อน”

“ม...ไม่ใช่ซะหน่อย กูจะให้มึงมาอวดความเปลี่ยนแปลงจริงๆ”

“แต่ก็ขอให้กูอยู่ดูไอ้อาร์มซ้อมจนจบเนี่ยนะ” ไอ้แว่น มึงพูดมากเกินไปแล้วนะ “ถ้ารักบี้อะไรนี่ไม่สนุกอย่างที่มึงโม้ให้ฟังจริงๆ กูจะด่าให้ดู”

“ห...เฮ้ย กูพูดอย่างงั้นที่ไหนกันเล่า แค่บอกว่าไหนๆก็มาแล้ว ก็ดูไอ้อาร์มซ้อมหน่อยละกัน”

“ตอนนั่งรถมามึงไม่ได้พูดแบบนี้เลย”

“พูดดิ มึงฟังผิดเอง.....”

“โอเคๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” ไอ้อาร์มแทรก “เอาเป็นว่า กูเห็นแล้วว่าไอ้แว่นเปลี่ยนไปจริงๆ และ ถ้าพวกมึงจะนั่งดูกูซ้อมก็ได้ ตามใจ”

“อ๋อใช่” ไอ้แว่นนึกขึ้นได้ “วันนี้พวกเราไปดื่มกันเหอะ ไม่ได้ร่วมโต๊ะกันนานแล้วนะ”

“อืม นั่นซิ” ผมเห็นด้วย แต่... จะไม่เมาเป็นหมาเหมือนวันนั้นอีกแล้ว

“โอเค ได้” ไอ้อาร์มตอบตกลง

“งั้นก็ถึงเวลาที่มึงสองคนต้องขึ้นเตียงแล้วอะดิ” หึ! ทำไมไอ้แว่นพูดแบบนั้นวะ มันรู้เรื่องของผมกับไอ้อาร์มแล้วเหรอ “อ้าว ทำไมพวกมึงทำหน้าตกใจกันขนาดนั้นวะ ลืมไปแล้วเหรอว่า มึงต้องไปถวายตัวให้เจ๊แคชเชียร์ ส่วนไอ้เพลงก็อาจจะขอเข้าร้านเหล้าด้วยสิทธิพิเศษครบห้าสิบครั้ง”

““กูว่าเปลี่ยนร้านดีกว่า”” กรรม! ผมกับไอ้อาร์มประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกันเลย

“อะไรของพวกมึงสองคนเนี่ย พูดพร้อมกันเชียว” ไอ้แว่นแปลกใจ “มีปัญหาอะไรกับร้านนั้นวะ”

“ป...เปล่า กูแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” ดีมากไอ้อาร์ม หาข้ออ้างไปอย่างนั้นแหละ

“แต่ที่ๆมีโต๊ะว่างให้เราเสมอ มันมีแค่ที่นั่นนะเว้ย”

“กู...ก็คิดว่าอยากเปลี่ยนร้านเหมือนกัน” ผมรีบสนับสนุน

“อะไร มึงก็ด้วยเหรอไอ้เพลง พวกมึงสองคนทำตัวกันแปลกๆนะ”

“แปลกอะไร ไม่แปลก กูก็แค่....” จะอ้างว่าไงดีวะ “อยากเปลี่ยนร้าน แล้วก็... อ๋อ ใช่ กูไม่อยากให้ครบห้าสิบครั้งไง ขืนครบห้าสิบครั้งขึ้นมาจริงๆ ก็หมายความว่ากูต้อง... เออ นั่นแหละ กูไม่อยากจะเสียเจตนารมณ์ของตัวเอง”

“แล้วมันจะมีร้านไหนที่มีโต๊ะให้มึงวะ ร้านเหล้าเดี๋ยวนี้ต้องจองข้ามวันนะ”

“กูว่าคงต้องมีแหละ เอาเป็นว่ากูตัดสินใจแล้วว่าจะไปร้านใหม่” เมื่อไอ้อาร์มไม่สามารถหาข้ออ้างได้แล้ว มันจึงเลือกที่จะเอาแต่ใจไปเลย “แต่ยังไงก็ต้องรอกูซ้อมเสร็จก่อนอยู่ดี... งั้นพวกมึงสองคนก็นั่งดูอยู่ตรงนี้แหละ กูไปซ้อมต่อแล้วนะ... เออ ไอ้เพลง ช่วยกูยกผ้าเย็นไปแจกนักกีฬาหน่อยดิ”

“โอเค ได้” อันนี้เคยทำ ไม่ยาก แล้วก็จะได้หาเรื่องออกห่างจากไอ้แว่นก่อนด้วย ก่อนที่มันจะสงสัยอะไรไปมากกว่านี้



ผมกับไอ้อาร์มช่วยกันยกกระติกน้ำไปแจกให้นักกีฬาที่กำลังรอซ้อมต่อในช่วงครึ่งหลัง



“ที่ไม่ไปร้านเดิมเพราะมึงหึงกูใช่ไหมล่ะ” จู่ๆไอ้อาร์มก็พูดขึ้น

“ห...หึงพ่อมึงดิ” อย่ามาทำเป็นยิ้มมุมปากแบบรู้ทันกูนะ “กูก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ชอบกลิ่นผู้หญิงที่ติดตัวมึง”

“เออ กูก็ไม่อยากให้มึงมีกลิ่นผู้ชายคนอื่นติดตัวเหมือนกัน” นี่มึงกล้าหว่านเสน่ห์ใส่กูเหรอ “ขอบใจนะที่มาดูกูซ้อม”

“ก็บอกว่าพาไอ้แว่นมาให้มึงดูไง” ผมเถียง

“โอเค... ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ก็ขอบใจอยู่ดีนั่นแหละ”



“พี่อาร์ม พี่อาร์ม” เด็กหนุ่มร่างท้วมและค่อนข้างเตี้ย วิ่งเข้ามาหาไอ้อาร์ม

“มีไรวะแน็ต” ไอ้อาร์มถาม

“วันนี้พี่สองไม่มาซ้อมอ่ะพี่ โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย โค๊ชอยากรู้ว่าพี่สองหายไปไหน”

“อ้าว มึงมาถามกูแล้วกูจะไปถามใครอ่ะ”

“ก็พี่เป็นกัปตันทีมนี่นา”

“ใช่ กูรู้ แต่กูอยู่ในสนาม ส่วนมึงอยู่นอกสนามและเป็นคนดูแลทีมด้วย ก็หาวิธีแก้เองดิ”

“อ้าว แล้วผมจะไปบอกโค๊ชยังไงอ่ะ”

“คิดเอาเองดิ ไปๆๆๆ ไปหาทางทำให้ไอ้สองรับโทรศัพท์ให้ได้ บอกมันว่าถ้าไม่รับสาย กูจะให้มันเอาชุดนักกีฬาไปซักเดือนนึง”

“ครับ... เอ้ย! ก็เขาไม่รับสายผม แล้วผมจะบอกเขาแบบนั้นได้ไงล่ะ ผมเครียดนะพี่ ยังจะมาเล่นมุกอีก โค๊ชจะสั่งให้ผมลงซ้อมแทนพี่สองอยู่แล้วเนีย”

“เอ่อ.... งั้นลองโทรไปหาคนที่ชื่อหมิว เบอร์อยู่ในเครื่องนั่นแหละ ให้เมียมันตามให้ละกัน”

“อ...โอเคพี่.... อ่อ ยังไม่ได้ขอบคุณพี่เรื่องที่ให้ผมลาพักในวันซ้อมใหญ่ครั้งก่อนเลย ถึงจะงงๆที่พี่บอกให้ผมลาหยุดทั้งๆที่เป็นวันสำคัญ แต่ก็ขอบคุณนะพี่”

“พ...พูดมาก ไปได้แล้ว เร็ว รีบไปจัดการธุระของมึงเลย”



“เดี๋ยวนะไอ้อาร์ม...” ผมทักท้วง

“เฮ้ย กูถึงเวลาซ้อมแล้วอ่ะ ไปลงสนามก่อนนะ”

ไอ้สัดอาร์มมมม ที่แท้ก็เป็นแผนของมึงนี่เอง มึงหลอกว่าคนดูแลทีมไม่มา แต่จริงๆแล้วมึงบอกให้เขาลาพักเองหรอกเหรอ

เดี๋ยวเถอะมึง กูจะ.... จะทำอะไรได้บ้างวะ มีแต่มันต่างหากที่ทำผมตลอด



ยิ่งผ่านไปนานขึ้น ทำไมยิ่งรู้สึกว่าตัวผมเป็นเหมือนหมากในกระดานของไอ้อาร์ม หรือว่าจริงๆแล้ว...........







.............ทุกอย่างถูกวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
แผนสูงสินะอาร์์ม

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 8 / ปิดบัง vs เปิดเผย

ความที่ 2 จาก 2 / มีแฟนแล้ว vs ยังโสด









“อ้าว หวัดดีครับพี่ฮันเตอร์” ผมกล่าวทักพี่ฮันเตอร์หลังจากเดินกลับมานั่งที่เดิม มายังไงละเนีย แต่ก็พอเดาได้อะนะ “ไอ้แว่นชวนมาเหรอครับ”

“เปล่าหรอก” พี่ฮันเตอร์ปฏิเสธ “พี่ถามซอล พอรู้ว่าซอลอยู่ที่สนามรักบี้ ก็เลยมาหา...... คิดถึง”



เชรดครกนรกภูเขาไฟ

พูดกันตรงๆแบบนี้เลยเหรอ เปิดเผยกันจังนะ ทั้งผัวทั้งเมียเลย



อ๋อใช่ มีเรื่องนึงที่ต้องพูดกับพี่ฮันเตอร์นี่นา



“พี่ฮันเตอร์ครับ” ผมเรียก

“ครับ ว่าไง”

“เรื่องที่ผมฝากไอ้แว่นไปบอกชอบพี่ คือผม....”

“อ๋อ เรื่องนั้นอะเหรอ พี่ไม่ถือสาหรอก”

“คือผมไม่รู้ว่าพี่แอบชอบไอ้แว่นอยู่อ่ะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ แต่ตอนนี้น้องก็คงเลิกชอบที่แล้วละมั้ง ก็มีเจ้าของแล้วนิ”

“ห๊ะ! ผมเนี่ยนะมีเจ้าของ”

“อ้าว ก็คนที่ยืนคุยกันตรงนั้นไง ไม่ใช่แฟนของน้องเหรอ”

หือออออ!!

“พี่พูดถึงไอ้อาร์มอะเหรอ... นั่นมันเพื่อนผม”

“เพื่อน? แค่เพื่อนเหรอ พี่ดูแล้ว ไม่เหมือนว่าเป็นแค่เพื่อนกันเลยนะ”

พี่เห็นอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ



“มันสองคนเป็นเพื่อนกันจริงๆ” ไอ้แว่นช่วยแก้ต่างให้ “ปกติพวกมันก็กระนุ้งกระนิ้งกันแบบนี้ประจำนั่นแหละ แต่ไม่มีอะไรหรอก”

“งั้นเหรอ” เหมือนพี่ฮันเตอร์จะไม่ค่อยเชื่อ

อันตรายแฮะ ต่อไปจะทำอะไร คงต้องระวัง ห้ามมีพิรุจต่อหน้าพี่ฮันเตอร์

“งั้นพี่ถามอะไรน้องหน่อยซิ” พี่เขายังมีคำถามกับผม

“อะไรเหรอครับ”

“จะมีใครบอกพี่ได้ไหมว่าทำไมน้องซอลของพี่ถึงได้กลายเป็นคนนี้”

“คนไหนเล่า?” ไอ้แว่นโวยวายก่อนเลย “ก็แค่เปลี่ยนไปนิดหน่อยเอง”

“แบบนี้พี่ไม่เรียกว่านิดหน่อยนะ”

“แล้วดีขึ้นไหมครับ” ผมถาม

“ก็...” พี่ฮันเตอร์มองแฟนตัวเองแบบพิจารณาแต่ก็มีความมึนงงในสายตา “ก็ดีครับ”

“'ก็ดี' แค่นั้นเองเหรอ” ไอ้แว่นหดหู่อย่างเห็นได้ชัด

“ด...ดีครับ ดีมากเลย” พี่ฮันเตอร์รีบพูดแก้ “ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไง ซอลก็น่ารักสำหรับพี่เสมอแหละ”



แหวะ

กูอ้วกได้ไหมเนีย ผมยังนั่งอยู่ตรงนี้นะพี่ จะหวานก็เพลาๆหน่อย



“ขอบคุณนะครับ” ไอ้แว่นกดสวิทช์เปลี่ยนเป็นยิ้มร่า “ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ นึกว่าพี่ฮันเตอร์จะไม่ชอบซะแล้ว”

“มั่นใจไว้เพื่อน” ผมตบไหล่ไอ้แว่น “แล้วคืนนี้พี่ฮันเตอร์จะไปดื่มกับพวกผมไหมครับ”

“มีดื่มกันด้วยเหรอ?” พี่ฮันเตอร์ถาม

“ใช่ครับ พวกผมสามคนไปกันหมดเลย”

“ซอลก็ไปด้วยเหรอ”

“ไปครับ” ไอ้แว่นตอบ

“งั้นไป” โอ้โห ตอบเร็วได้ใจมาก



ผม ไอ้แว่น และพี่ฮันเตอร์ ยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ระหว่างดูการซ้อมอยู่ข้างสนาม

คือ... จะพูดยังไงดีล่ะ ผมไม่ได้มีสมาธิกับการพูดคุยเท่าไหร่หรอก ยังไงสันดานเก่ามันก็แก้ไม่หาย อารมณ์กำหนัดของผมน่ะมันไม่เลือกเวลาหรอก แต่ดีหน่อยที่ผมอุ่นใจได้ว่าคืนนี้ผมคงได้รับการบำบัดแน่ๆ จากไอ้คนที่ผมนั่งมองมันอยู่นี่แหละ

ทั้งๆที่หยุดซ้อมไปช่วงนึงเพราะโดนหมากัด แต่ก็ไม่ทำให้ฟอร์มของไอ้อาร์มตกเลย ยังเป็นตัวหลักในการเล่นรักบี้อยู่เสมอ

ไอ้อาร์มในชุดรักบี้ เสื้อรัดรูปเล็กน้อย กางเกงขาสั้น มีเหงื่อท่วมตัว และจังหวะการเคลื่อนไหวร่างกายที่สวยงาม ยังไงซะก็ต้องยอมรับว่าเป็นภาพที่น่าดู ตลอดการนั่งดูการซ้อม จุดโฟกัสสายตาของผม เล็งไปที่มันคนเดียวเลย.....หล่อ เท่ หุ่นดี แข็งแรง น่าหลงใหล

เห้ออออออ อยากให้ถึงช่วงเวลาบนเตียงเร็วๆจัง





“อันนี้คือเขาซ้อมกันเสร็จหรือยัง” ไอ้แว่นหันมาถามผมเมื่อนักกีฬาต่างก็พากันแยกย้ายและค่อยๆหายกันไปทีละคน

“เสร็จแล้ว” ผมตอบ “แต่ตอนนี้พวกนักกีฬากำลังไปอาบน้ำอยู่อ่ะ ต้องรออีกสักพักแหละ ไอ้อาร์มมันเป็นกัปตันทีม ต้องรอให้ทุกคนกลับหมดก่อน”

“โห่ ยังงี้ก็อีกนานอะดิ จะมีร้านไหนเหลือโต๊ะในเรานั่งไหมเนี่ย”



“อ้าว ยังไม่ได้จองโต๊ะกันไว้เหรอ” พี่ฮันเตอร์ถามแทรก

“จริงๆก็มีร้านที่มีโต๊ะจองนั่นแหละ แต่ไอ้เพลงกับไอ้อาร์มไม่ยอมเข้า” นึกว่าไอ้แว่นจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

“งั้น.... เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่ฮันเตอร์บอก “พี่พอจะหาให้ได้ เดี๋ยวพี่ขอไปโทรจองโต๊ะให้ก่อนนะ”



แล้วพี่ฮันเตอร์ก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์



“เจ๋งโคตรอะมึง” ผมชื่นชมให้ไอ้แว่นฟัง “มีแฟนก็ต้องมีแบบพี่ฮันเตอร์นี่แหละ มึงนี่โชคดีมากเลย”

“อืม พี่เขาเจ๋ง” ไอ้แว่นบอก “แต่กูก็ไม่ได้ชอบความเจ๋งของเขาหรอกนะ กูแค่ชอบเพราะเขาเป็นพี่ฮันเตอร์”

“จ้าาาาาาา ไอ้โลกสวย รักกกกกันให้นานๆนะ กูยินดีกับมึงด้วยที่เจอคนดีๆ”

“ก็ดี ถ้าไม่นับเรื่องบนเตียงอะนะ” แน๊ะ เดี๋ยวนี้มีแอบแซวแฟนตัวเอง



“เป็นไงพวกมึง” ไอ้อาร์มโผล่เข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แว่น “ดูกูซ้อมสนุกไหม”

“ไอ้สัดอาร์ม อย่าเอาตัวมาโดนกูนะ มีแต่เหงื่อ” ไอ้แว่นเตือน “แล้วที่มึงถามอ่ะ กูไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหนเลย กีฬาอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“แล้วมึงอ่ะ หนุกไหม” มันหันมาถามผม

“ห๊ะ” ถามกูเหรอ ไม่รู้ กูมัวแต่ดูร่างกายที่ชุ่มเหงื่อของมึงอยู่ “ก...กูก็ดูไม่เป็นเหมือนกัน”

“มึงเป็นอะไรวะหน้าแดงๆ” รู้แล้วยังจะมาถามอีก



“พี่อาร์ม” มีอีกคนเพิ่มขึ้นมา เป็นเพื่อนนักกีฬาของไอ้อาร์ม กำลังกวักมือเรียกหยอยๆ ห่างออกไปไม่กี่ก้าว

“มีไรวะไอ้ตัส” ไอ้อาร์มเดินไปหาเพื่อน

“คือ...พี่ช่วยแนะนำผมให้คนนี้รู้จักหน่อยดิ” โอ้โห ความเสียงดังระดับนี้ ไม่ต้องเรียกไอ้อาร์มไปหาก็ได้นะ แบบนี้มันตั้งใจจะให้ได้ยินชัดๆ

เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวนะ ผู้ชายคนนั้นสนใจในตัวไอ้แว่นเหรอ แบบนี้ก็แสดงว่าการปรับเปลี่ยนไอ้แว่นให้ดูดีขึ้นก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามอะดิ

เก่งเหมือนกันนะกู

“ไอ้สัด เขามีแฟนแล้ว” ไอ้อาร์มด่าน้องร่วมทีม “เขาก็นั่งคุยกันอยู่เมื่อกี๊ไม่เห็นหรือไง”

“อ้าวเหรอ” เป๊กไปนะจ๊ะพ่อหนุ่ม “แล้วคนนั้นล่ะ?”

เฮ้ย! ไหงเปลี่ยนมาเป็นกูได้ล่ะ

“พ่อมึงตาย” ไอ้อาร์มด่าทันที “ไม่ได้โว๊ย!!”

“อ้าว ทำไมอ่ะ เขาก็มีแฟนแล้วเหรอ”

“ก...ก็...ก็ยังหรอก”

“ถ้ายังโสด งั้นพี่ก็แนะนำให้ผมหน่อยดิ พี่ก็รู้นี่หว่าว่าผมชอบแบบนี้”

“ไม่แนะนำเว้ย” อ้าว โวยวายซะงั้น “ไปไหนก็ไปเลยมึงอ่ะ อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู ไม่ได้คนนี้ก็จะเอาคนนั้น อะไรของมึงวะ ถ้าว่างมากก็ไปซ้อมโยนลูกให้มันแม่นๆเลยไป”

“อ้าว อะไรวะพี่ ด่าผมเป็นชุดเลย”

“กูบอกให้ไปไง ไปอาบน้ำได้แล้ว ไป”

“เออๆๆ ก็ได้ แค่นี้ก็ทำให้น้องไม่ได้ โด่...”



แล้วไอ้อาร์มก็เดินกลับมานั่งอย่างหัวเสีย



“หวงกูอะพอเข้าใจได้” ไอ้แว่นพูดทันที “แต่หวงไอ้เพลงทำไมวะ นั่นนักกีฬารักบี้เชียวนะ ไอ้เพลงต้องอยากเก็บเข้าคอลเล็กชั่นแน่ๆ จริงไหมวะไอ้เพลง”

จะมาโยนอะไรให้กูตอนนี้

“ม...ไม่อ่ะ” ปฏิเสธไปก่อนละกัน

“ห๊ะ อย่างมึงเนียนะปฏิเสธผู้ชาย” ไอ้แว่นงงในงงอีกที

“ก็...หน้าตาไม่ผ่านอ่ะ อืม รวมๆแล้ว ยังไงก็ไม่ได้” ผมอ้าง

“ถามจริง กูว่าเขาก็โอเคเลยนะ แบบนั้นคือไม่โอเคสำหรับมึงเหรอวะ”

“ไม่โอเคอ่ะ กูหานักรักบี้ที่เจ๋งกว่านี้เองได้”

“มาตรฐานสูงเกิ๊น นักรักบี้ที่เจ๋งกว่านี้ก็มีแต่ไอ้อาร์มเท่านั้นแหละ ใช่ไหมวะไอ้อาร์ม สนใจอยู่ในคอเล็คชั่นของไอ้เพลงไหมมึงอ่ะ?”

“กูไปอาบน้ำนะ!” ไอ้อาร์มตะคอกโดยไม่สนใจคำพูดหยอกล้อของไอ้แว่นเลย แล้วมันก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว



“เอ๊า” ไอ้แว่นงงสองตลบ “แล้วนี่ไอ้อาร์มมันไปอารมณ์เสียอะไรมาละเนีย อารมณ์ขึ้นๆลงๆอีกแล้ว”

นั้นดิ ก็ปฏิเสธไปแล้วนี่นา ทำไมยังหัวเสียอีก



“ได้แล้วนะครับ” พี่ฮันเตอร์เดินกลับมา “จองโต๊ะให้แล้วนะ”





......................บ้าไปแล้ววว

“ว้าววววว” ผมร้องหลังจากมาถึงร้านที่พี่ฮันเตอร์จองที่นั่งไว้ให้ “นี่มัน... แน่ใจนะว่าผมเข้าไปได้”

“ได้แน่นอน” พี่ฮันเตอร์ตอบ



“เชิญด้านนี้ครับคุณลูกค้า” พนักงานหนุ่มในชุดบาร์เทนเดอร์โก้หรูเดินนำทางพวกเราทั้งสี่คนไปที่โต๊ะ

ที่นี่มันก็คือร้านเหล้านั่นแหละ แต่หรูในหรูอีกทีนึง ดนตรีแจ๊ส อยู่สูงถึงชั้นสามสิบ แถมคนในร้านก็มีแต่พวกแต่งตัวในชุดราคาแพงทั้งนั้นเลย



“เห้ออออ” ผมถอนหายใจ

“เป็นอะไรเหรอ” พี่ฮันเตอร์ถามผมหลังจากที่เรานั่งกันเรียบร้อย

“อ...เอ่อ เปล่าหรอกครับ แค่ไม่นึกว่าพี่จะพามาร้านแบบนี้” ผมตอบ “พวกผมเคยแต่เข้าร้านเหล้าตื๊ดๆทั่วไป เข้ามาเจอบรรยากาศแบบนี้ ผมก็เลยเกร็งนิดหน่อย”

“ไม่ดีเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ดีครับ จะว่ายังไงดีล่ะ ใจจริงก็อยากเข้าร้านแบบนี้นะครับ แต่ผมไม่มีปัญญาจ่ายจริงๆ”



“ผมขอสปาร์คกลิ้งนะครับ” โห ไอ้แว่นดูเชี่ยวชาญจัง สั่งออเดอร์พนักงานแบบไม่มีขะเขินเลย “พี่ฮันเตอร์จะเอาไวน์ขาวแบบเดิมไหมครับ”

“ไม่ดีกว่า” พี่ฮันเตอร์ตอบ “วันนี้มากันหลายคน... งั้นเอาเป็นแชมเปญหนึ่งก็แล้วกันครับ”

“งั้นผมขอยกเลิกสปาร์คกลิ้งนะครับ แต่เพิ่มมาตินี่หนึ่งครับ”

“ลูกค้ารับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” พนักงานถามอีกครั้ง

“แค่นี้ก่อนครับ” พี่ฮันเตอร์สรุป

แล้วพนักงานก็เดินออกไป



“ทำไมมึงคล่องจังวะ” ผมยิงคำถามใส่ไอ้แว่นทันที “อย่างกับพวกลูกคนรวยแน๊ะ”

“ลูกคนรวยอะไรของมึง ก็พี่ฮันเตอร์พากูเข้าร้านแบบนี้ตลอด กูก็ต้องสั่งเป็นบ้างเปล่าวะ” นั่นคือเหตุผลจากไอ้แว่น   

“โหหหห มีแฟนเป็นคนรวยนี่มันน่าอิจฉาจังเลยนะ”

“รวยอะไรกัน” พี่ฮันเตอร์รีบออกตัว “พี่ว่าราคาบนนี้กับร้านเหล้าทั่วๆไป มันก็ไม่ต่างกันมากนักหรอก เพียงแต่เรามักคิดว่ามันแพงมาก ก็เลยไม่กล้าขึ้นมา”

“แล้วก็มีอีกเหตุผลนึง ผมว่าคงเป็นเพราะไม่รู้จะใส่เสื้อผ้าแบบไหนเข้ามาในร้านด้วยนั่นแหละ จริงๆพี่ฮันเตอร์น่าจะบอกผมซะหน่อยว่าจะพามาร้านแบบนี้ ผมจะได้กลับไปเปลี่ยนชุดก่อน”

“ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นหรอก ใส่ชุดอะไรก็ได้ ดูเพื่อนน้องดิ ใส่ชุดกีฬาเข้ามา พนักงานยังไม่ว่าอะไรเลย”

“......................” หึ! ทำไมการสนทนาเงียบลง

“ไอ้อาร์ม!” ผมเรียกไอ้คนข้างๆที่เอาแต่นั่งเหม่อ

“ว่า!?” ไอ้อาร์มตกใจ

“นี่พวกกูคุยกันจนไปถึงอยุธยาแล้วมั้ง มึงไม่คิดจะร่วมวงคุยกันหน่อยหรือไง” ผมบ่น

“คุย...อะไรกันเหรอ” เหม่อไปถึงไหนของมันละนั่น

“มึงนี่น้า...”

“ช่างเถอะๆ” พี่ฮันเตอร์เอ่ย “แล้วนี่ทั้งสามคนสนิทกันมานานแล้วเหรอ”

“ผมเพิ่งจะเข้ามาในกลุ่มเมื่อปีที่แล้วครับ” ไอ้แว่นอธิบาย “แต่ไอ้สองคนนี้สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว หรือว่าประถมนะ?”

“อนุบาล ตั้งแต่อนุบาล” ไอ้อาร์มตอบ

“โห เป็นเพื่อนที่เหนียวแน่นดีนะ” พี่ฮันเตอร์ร้อง “แบบนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมดูสนิทกันกว่าปกติ”

เอาอีกแล้ว

“ไม่หรอกครับ” ไอ้อาร์มปฏิเสธ “ผมก็เหมือนเพื่อนทั่วไปนั่นแหละ”

“ไม่ใช่ซะหน่อย!!” เดี๋ยวนะ นั่นกูเพิ่งจะปากลั่นออกไปเองใช่หรือเปล่า “ม...มึงเป็นเพื่อนสนิทของกูต่างหาก”

“ก็ตามนั่น”



“เครื่องดื่มได้แล้วครับ”

ได้เวลาดื่มกันซะที



ผม ไอ้อาร์ม ไอ้แว่น และพี่ฮันเตอร์ นั่งดื่มแชมเปญกันจนหมดไปสองขวด กว่าจะได้ฤกษ์แยกย้ายก็เกือบห้าทุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าพี่ฮันเตอร์อาสาจ่ายทั้งหมด



หลังเลิกจากการดื่ม ผมก็ตรงดิ่งไปหาไอ้อาร์มที่หอเลย ก็คงเดาได้ไม่ยากอะนะว่าผมไปทำอะไร เพียงแต่ว่า....



“กูทำให้มึงไม่รู้สึกดีแล้วเหรอวะ” ผมถามหลังกิจกรรมทางเพศของผมกับไอ้อาร์มสิ้นสุดลง “มึงดูไม่แฮปปี้เลย แล้วก็เงียบผิดปกติด้วย”

“เปล่า กูก็ยังรู้สึกดีเหมือนเดิมนั่นแหละ” ไอ้อาร์มตอบ

“หรือว่ามึงเบื่อแล้ว” ยอมรับนะว่าผมนอย

“กูไม่ได้เบื่อ จริงๆ มึงอย่าคิดมากดิ กูแค่เหนื่อยนิดหน่อย ก็แค่นั้น”

“งั้นกูกลับแล้วนะ มึงจะได้พักผ่อน”

“เฮ้ยๆๆ” ไอ้อาร์มรีบคว้าแขนผมไว้ “มึงอย่านอยดิ กูไม่ได้เบื่อจริงๆ”

“แล้วมึงเป็นอะไร กูดูออกนะ ทำหน้าอย่างกับผิดหวังอะไรมา”

“กูแค่อิจฉาไอ้แว่นกับแฟนมันอ่ะ”

“ไหนเราคุยกันเรื่องนี้เข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ”

“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องที่เขาสองคนเปิดเผยว่าคบกัน กูอิจฉาเรื่องที่ไอ้แว่นมีข้ออ้างที่ดีต่างหาก”

“ข้ออ้าง?”

“ก็ตอนเย็นที่ไอ้ตัสจะเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับมึงแล้วก็ไอ้แว่นไง สำหรับไอ้แว่น มันสามารถปฏิเสธได้ง่ายๆว่ามันไม่โสดเพราะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่พอเป็นมึง กูไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะใช้ห้ามไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับมึง มัน...อึดอัด”

“นี่ใช่ไหมเหตุผลที่มึงหัวเสียตอนนั้น”

“อืม”

“แต่ที่ทำก็โอเคแล้วนิ สุดท้ายก็ไม่มีใครมายุ่งกับกูซะหน่อย”

“จะให้กูแกล้งหงุดหงิดใส่ทุกคนที่พยายามเข้าหามึงแบบนี้ไปตลอดอะเหรอ แล้วถ้าเป็นมึงบ้างล่ะ ถ้ามีผู้หญิงพยายามจะเข้าหากูผ่านมึงบ้าง มึงจะทำยังไง”

“กูก็คง.....” เออว่ะ นั่นดิ จะทำไงดี.... พอโดนย้อนคำถามแบบนี้แล้วก็เข้าใจความรู้สึกของไอ้อาร์มขึ้นมาเลย “กูคงทำแบบนี้มั้ง....จุ๊บ”

“..................” ไอ้อาร์มช็อกไปเลยที่โดนผมหอมแก้ม

“กูจะหอมแก้มมึงให้ผู้หญิงคนนั้นดู” ผมอธิบาย “ไม่ต้องคิดหาวิธีให้เสียเวลา แล้วเดี๋ยวผู้หญิงก็เลิกสนใจในตัวมึงเอง”

“งั้น...กูก็หอมแก้มมึงได้ใช่ไหมถ้ามีใครพยายามเข้าหามึงอ่ะ”

“อย่าทำเชียวนะ กูทำได้แค่คนเดียว”

“อ้าว แล้วกูจะกันคนอื่นออกจากมึงยังไงอ่ะ”

“ก็ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าไอ้แว่น.........................









..............................จะพูดว่าเราเป็นแฟนกันก็ได้”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่ฮันมันดีตรงเต็มที่ เปิดเผย เอาจริงเอาหนักกับน้องแว่น
อาร์มเห็นแบบนั้นคงอยากสวีทแบบเปิดเผยบ้าง??

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ก็เป็นแฟนกันไปเลยเซ่ ฮ่วย คิดไรซับซ้อน

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
«ตอบ #52 เมื่อ08-01-2019 19:04:35 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 9 / ปัจจุบัน vs อดีต

ความที่ 1 จาก 3 / ลด vs เพิ่ม









ไอ้อาร์มมันอยู่ไหนวะ?

ก็บอกว่าให้ลงมารอที่สนามบาสไง



!!!!

หึ! ลูกบาสฯ

กลิ้งมาจากไหนหว่า



ผมหยิบลูกบาสเก็ตบอลที่กลิ้งมาชนเท้าขึ้นมาแล้วมองซ้ายมองขวา ก็พบเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังวิ่งมาหา



“ของคุณหรือเปล่าครับ” ผมถาม

“ใช่ครับๆ” เขาตอบ ผมจึงส่งลูกบาสฯคืนให้ “ขอบคุณครับ”



แล้วผมก็ยืนรอและมองหาไอ้อาร์มต่อไป...



“ขอโทษนะครับ” พ่อหนุ่มนักบาสเดินกลับมา

“ครับ?” มีอะไรอีกหว่า ผมมองซ้ายมองขวาว่ายังมีลูกบาสฯหลงเหลืออยู่อันไหม... ก็ไม่มีนี่นา

“ผมชื่อแมธทิวครับ อยู่วิดวะปีหนึ่ง”

“ห๊ะ” แนะนำตัวทำไม

“คือ... ชื่ออะไรเหรอครับ เป็นเด็กวิศวะเหรอ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าเลย”

อ๋อออ เข้าใจแล้ว

ร้างลาจากการเชื่อมสัมพันธ์ไปนาน ทำเอาสัญชาตญาณในการรับรู้ของผมถดถอยไปเลยทีเดียว ไอ้น้องคนนี้คงกำลังสนใจผมอยู่แน่นอน ก็หล่อดีอะนะ เพียงแต่ไอ้คนที่ผมรออยู่หล่อกว่านี้เยอะ

“พี่อยู่ถาปัด ปีสอง” ผมแนะนำตัวคร่าวๆ

“รุ่นพี่หรอกเหรอครับ นึกว่าอยู่ปีเดียวกันซะอีก แล้วว่าแต่... พี่ปีสองคนนี้ชื่ออะไรเหรอครับ”



“โทษทีนะน้อง” !!!!! ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้พูด เป็นไอ้อาร์มต่างหากที่โผล่มาจากด้านหลัง “คนนี้แฟนพี่”

“อ...เอ่อ...” น้องนักบาสอ้าปากค้างไปเลย “ฟ...แฟนพี่อาร์มเหรอครับ”

“ใช่” ไอ้อาร์มตอบหน้าเครียด “ได้ลูกบาสก็กลับไปเล่นได้แล้ว หรืออยากโดนรับน้องอีกสักเดือนไหม”

“ไม่ๆๆ ไม่ครับ งั้นผมไปดีกว่า”

แล้วเด็กหนุ่มตัวสูงก็วิ่งสี่คูณร้อยกลับสนามบาสเก็ตบอลไป



“เฮ้ยยย จะลากกูไปไหน” ผมนี่งงเลย จู่ๆไอ้อาร์มก็พยายามจูงแขนผม

“อารมณ์กูมาวะ พูดแบบนี้ทีไรแล้วอยากจัดการมึงตลอดเลย” ดูคำอธิบายจากปากไอ้อาร์มดิ

“ปล่อยเลย” ผมสะบัดมือออก “มึงจะของขึ้นทุกครั้งที่พูดแบบนี้เลยรึไง พอให้อ้างได้ก็ลำบากกูตลอดเลย”

“แล้วไม่ได้เหรอ” ไม่ต้องมาส่งซิกเลย

“ไม่ได้ กูไม่มีเวลา อะนี่”

“อะไรวะ ถุงอะไรอ่ะ”

“ก็ของที่กูโทรบอกว่าจะเอามาให้มึงไง อารมณ์ขึ้นจนลืมเรื่องอื่นเลยหรือไง”

“เสื้อเหรอ”

“เออ ไอ้แว่นฝากมาให้”

“ไอ้แว่น? อ๋อ เสื้อที่ใส่ในงานเปิดโลกกิจกรรมวันพรุ่งนี้ แล้วว่าแต่ ทำไมไอ้แว่นฝากมึงมาได้อ่ะ”

“เมื่อคืนมันไปห้องกู ก็เลยฝากมาให้”

“มันไปทำไม!!”

“คิดอะไรของมึงห๊ะ มันไปฝึกปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพกับกูเว้ยเฉยๆ หมดธุระแล้ว กูไปนะ”

“เดี๋ยวดิ... ไม่สนใจโล้สำเภากับกูจริงๆเหรอ”

“ไม่ มึงดูสภาพกูก่อนไหม เลอะสีทั้งตัวขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร กูไม่ถือ”

“กูไม่ได้ห่วงว่ามึงจะถือไหม แต่กูมีงานต้องไปทำต่อ ก็ไอ้เปิดโลกกิจกรรมของมึงนี่แหละ ลำบากเด็กคณะกูอยู่เนีย”   

“โถๆ เดี๋ยวนี้ไม่เรียกร้องกูเหมือนแต่ก่อนเลยนะ ปกติต่อให้ไม่มีเวลามึงก็ต้องหาเรื่องทำจนได้ไม่ใช่งะ”

“เออ กูไม่เว้าวอนแล้ว พอใจยัง”

“ภูมิใจนะเนี่ยที่ทำให้อาการติดเซ็กส์ของมึงดีขึ้นได้”

“เสียงดังเกินไปแล้วนะ... กูอ่ะดีขึ้น แต่มึงอ่ะอาการหนัก อย่าทำเป็นอ้างกูหน่อยเลย คืนนี้มึงคิดจะไปหากูที่ห้องอยู่แล้วใช่ไหม”

“เกลียดจริงๆพวกรู้ทัน”

“ชิ  ไม่มีอะไรงั้นกูไปแล้วนะ”

“เดี๋ยวๆๆๆ”

“อะไรอีก กูบอกว่ากูไม่ว่างไง เพื่อนรออยู่”

“แล้วพรุ่งนี้มึงจะไปงานกับกูไหม”

“ไปทำไมอ่ะ กูไม่ใช่สิบหนุ่มฮอตที่ต้องขึ้นเวทีไปพูดอะไรซะหน่อย”

“ก็แล้วใครจะดูแลกูอ่ะ คนอื่นเขามีคนติดตามไปด้วยหมดเลย”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่ไป”

“โห ไปหน่อยดิ นะนะ ไปเป็นผู้ดูแลของกูหน่อยนะ”

“กูไม่อยากไป... มึงก็รู้นี่นาว่า.... พวกหนุ่มฮอตครึ่งนึงก็เคยอะไรๆกับกูมาแล้ว กูไม่อยากไปเจอหน้าพวกนั้นให้เป็นเรื่องอีก”

“เออใช่ งั้นมึงไม่ต้องไป เดี๋ยวกูหาคนอื่นไปแทน”

“ทีอย่างงี้รีบห้ามเชียวนะ”

“แฮๆ”

“จะไปจริงๆแล้วนะ อย่ามารั้งกูอีกนะ”

“ครับบบผม คืนนี้เจอกันนะ เดี๋ยวพี่จัดให้”

“ไอ้สัด”



พอต่อปากต่อคำกับไอ้อาร์มเสร็จ ผมก็กลับมาทำงานศิลปะต่อที่คณะ



ที่ทำอยู่นี้ก็คือพวกฉากเวทีกับป้ายสัญลักษณ์ของคณะต่างๆนั่นแหละ ทางมหาวิทยาลัยให้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของผมเป็นคนดูแลเรื่องนี้ เพราะมันเป็นงานที่ต้องออกไปแสดงให้คนภายนอกดู พวกผมและเพื่อนๆในคณะก็เลยต้องพิถีพิถันกับมันหน่อย…….





“เห้อออ เสร็จซะที” ผมบ่นในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม “แล้วนี่คือยังไงต่ออ่ะ ของพวกนี้จะขนไปยังไง”

“พวกเจ้าหน้าที่มหาลัยจะเป็นคนเข้ามาเอาอ่ะ” เพื่อนผมที่ชื่อเมย์บอก ตอนนี้ทุกๆคนเริ่มวางมือและแยกย้ายกันแล้ว “อีกสักพักคงเข้ามา พวกเราก็คงหมดหน้าที่แล้วมั้ง”

“ดี อยากกลับหอไปอาบน้ำแล้ว เลอะสีทั้งตัวเลย”

“ใช่ๆ เหมือนกัน เราก็จะรีบกลับไปหาซื้อชุดสวยๆใส่ไปงานพรุ่งนี้เหมือนกัน”

“สนใจงานแบบนี้ด้วยเหรอ” ผมแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น ปกติเด็กคณะผมทำแค่งานเบื้องหลังเท่านั้นแหละ เป็นพวกติสแตก ไม่ค่อยเข้าร่วมงานกับใครเขาหรอก

“สนใจซิ พวกเชียร์ลีดเดอร์ก็นัดกันจะไปทั้งแก๊งเลย”

“มันมีอะไรน่าสนใจนักหรือไง ก็แค่งานประชาสัมพันธ์ของมหาลัยเองนี่นา”

“ใครจะไปสนเรื่องแบบนั้นกันล่ะ ที่ทุกคนอยากไปร่วมงานก็เพราะการประมูลต่างหาก”

“ประมูล?”

“นี่ไม่รู้เรื่องบ้างเลยเหรอ ก็การประมูลออกเดทกับสิบหนุ่มฮอตไง”

“ออกเดท!?”

“สนใจขึ้นมาแล้วละซิ พรุ่งนี้อะนะ ทั้งสิบหนุ่มฮอตจะเปิดประมูลเสื้อของตัวเองที่สวมใส่ในงาน ใครที่ประมูลไปได้ ก็จะได้รับสิทธิออกเดทกับเจ้าของเสื้อเป็นเวลาหนึ่งวันเลยนะ”

“หนึ่งวัน!!”

“ใช่ๆ น่าสนใจใช่ไหมล่ะ คราวนี้ต่อให้เป็นพวกเชียร์ลีดเดอร์ เราก็ไม่หวั่นหรอกนะ ความสวยช่วยอะไรไม่ได้ ความรวยเท่านั้นที่จะชนะ พอรู้ว่าจะมีจัดประมูล เราถึงขั้นต้องขอให้ที่บ้านส่งค่าขนมสำหรับสามเดือนมาให้เลยเชียวล่ะ งานนี้เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอม จะต้องคว้าอาร์มมาออกเดทให้ได้”

“อ...อาร์มเหรอ”

“ใช่ๆ กัปตันทีมรักบี้เชียวนะ สาวๆคนไหนก็ใฝ่ฝันทั้งนั้นแหละ จริงๆก็ชอบพี่ฮันเตอร์นะ แต่ถ้าได้แค่วันเดียวขอเลือกกัปตันทีมรักบี้ก็แล้วกัน ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งวันหรอก แค่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันสักหนึ่งชั่วโมงก็ฟินแล้ว”



“ประมูลวันพรุ่งนี้ เธอเล็งใครไว้บ้างอ่ะ” นั่นพวกสาวเชียร์ลีดเดอร์นี่นา กำลังพูดเรื่องประมูลกันอีกแล้ว

“แน่นอน ก็ต้องเป็นอาร์มวิศวะซิ” !!!! สนใจไอ้อาร์มอีกแล้วเหรอ “เล็งมาตั้งนานแล้ว จะได้มีโอกาสทำความรู้จักซะที”

“แต่ฉันชอบพี่ฮันเตอร์นะ แต่พอมาคิดดูอีกทีคงสู้ราคาประมูลไม่ไหว ก็เลยเล็งอาร์มไว้เหมือนกัน”

“ส่วนฉันอ่ะใครก็ได้ ควงสิบหนุ่มฮอตตั้งหนึ่งวันเชียวนะ ใครรู้ก็ต้องอิจฉาทั้งนั้นแหละ ไม่แน่นะอาจจะได้โบนัสพิเศษก็ได้”

"ร้ายกาจนะย่ะ กะจะได้โบนัสโดยเฉพาะเลยละซิ ขอให้ได้ ขอให้โดนละกันนะจ๊ะ แต่อย่ามายืมเงินของฉันนะ"

“แต่ก็ระวังไว้ด้วยล่ะ เผลอไปประมูลได้เพื่อนสาวขึ้นมา แทนที่จะได้โบนัส จะกลายเป็นล้มละลายเอานะเธอ”



เชี่ย...

ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

แบบนี้อยู่เฉยไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง



“เมย์” ผมเรียกเพื่อนที่กำลังจะเตรียมตัวกลับ

“ว่าไง มีอะไรอีกเหรอ” เธอถาม

“มีอะไรให้ช่วยหน่อยน่ะ..................................................”







....................“ได้รับแล้ว ฝากขอบใจพี่ฮันเตอร์ด้วยนะไอ้แว่น.... โอเค บาย” ผมวางสายโทรศัพท์

โอเค เท่านี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว ขออย่าให้มีอะไรผิดแผนเลย



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

น่าจะเป็นไอ้อาร์มนะที่มาเคาะห้องของผม



นั่นไง ไอ้อาร์มจริงๆด้วย



“มาดึกจังวะ” ผมพูด “จนกูจะนอนหลับอยู่แล้ว”

“เมื่อกี๊มึงคุยโทรศัพท์กับใคร” อะไรของไอ้อาร์มวะ มาถึงก็หน้าตึงเลย “กูเห็นมึงพูดถึงพี่ฮันเตอร์”

“ป...เปล่านิ ไม่มีอะไรซะหน่อย” จะบ้าเหรอ ขืนบอกไป มันก็รู้แผนของผมหมดน่ะซิ

“ทำไมต้องปิดบังกูด้วย”

“ปิดบังอะไรวะ”

“มึงนี่มัน.... เกินจะเยียวยาจริงๆ”

“เกินเยียวยา? มึงพูดถึง.....เฮ้ยๆ ใจเย็น อะไรของมึงเนีย”

จู่ๆไอ้อาร์มก็พุ่งเข้าใส่ผมอย่างรวดเร็วและรุนแรง

“ด...เดี๋ยวซิ เตียงอยู่ตรงโน้น” ผมถูกทำให้นอนลงไปกับพื้นหน้าห้องนั่นแหละ “ป...ประตู ประตูห้องยัง...”

“ให้คนแม่งเห็นกันให้หมดนั่นแหละ” ไอ้อาร์มเสียงดุมาก

“เป็นบ้าอะไรของมึงอีกละเนีย... เฮ้ย! อ...เอาจริงเหรอ ย...อย่า อย่าเพิ่งถอดดิ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นจริงๆหรอก”

“คนอย่างมึงก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”

“พ...พูดอะไรของมึงเนีย” ผมพยายามดิ้น แต่ไม่ค่อยจะขยับเท่าไหร่เลย ชุดนอนก็ถูกฉีกออกไปเรื่อยๆแล้ว “ไอ้อาร์ม อย่านะเว้ย”

“กูจะทำให้มึงหายร่านวันนี้แหละ” พูดอะไรของมันวะ

“ช...ชุดนอนกู” ผมเริ่มร้อง ก็ไอ้อาร์มอะดิ กระชากชุดนอนลายการ์ตูนแสนรักของผมขาดหมดเลย มันไปหื่นกระหายมาจากไหนละเนีย “เดี๋ยวซิ ป...ปิดประตูก่อน”

“อยู่เฉยๆ!!!” ไอ้อาร์มเริ่มใช้แรงมหาศาลของมันจับตัวผมคว่ำหน้าลงพื้นแล้วยกบริเวณส่วนล่างของร่างกายผมขึ้นจนเท้าแตะไม่ถึงพื้น

“อ...ไอ้อาร์ม” ผมพยายามดิ้นอีกครั้ง รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเลย

“กูบอกว่าให้อยู่เฉยๆไง”

แล้วจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่ามีท่อนเอ็นแข็งกำลังพยายามเสียบพุ่งเข้าใส่ช่องแคบของผมอย่างเกรี้ยวกราด

“ด...เดี๋ยวดิ จ...เจลล่ะ แบบนี้มัน.... โอ๊ยยยย!!!” นั่นไง เจ็บชิบหาย “ไอ้... อ...ไอ้เหี้ยอาร์ม ก...กู จ...เจ็บ”

แม่งเอ๊ย

เจ็บอย่างกับโดนหักกระดูกออกเป็นสองท่อน

“อยาก! ร่าน! ดี! นัก! ใช่! ไหม!”

“อู๊! อู๊! อู๊! อู๊! อู๊!” ดีนะที่ผมเอามือปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน ก็โดนมันกระแทกเข้าใส่แบบทันทีทันใดอย่างนี้ ถ้าไม่ปิดปากไว้ คนในหอได้แห่ออกมามุงดูที่หน้าห้องของผมแน่ๆ

“บอกว่าอย่าดิ้น!”

ไม่รู้ล่ะว่าไอ้อาร์มมันไปบ้ามาจากไหน แต่ผมต้องพยายามตะกายไปปิดประตูห้องให้ได้ก่อน

เพราะถูกยกเอวไว้จนสูง สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือใช้มือตะกายพื้นไปที่ประตูให้ได้ แม้จะห่างแค่นิดเดียว แต่เพราะถูกไอ้คนข้างหลังระบายความเกรี้ยวกราดไม่หยุด หนทางมันจึงคล้ายว่าไกลมาก

“อึ๊ อึ๊ อึ๊ อึ๊ อึ๊ อึ๊......... อึ๊ อึ๊ อึ๊..........อึ๊” ต้องกัดฟันไว้ไว้ อย่าร้องออกมาเชียวนะ

อีกนิดเดียว จะถึงประตูแล้ว

“ชอบนักใช่ไหม อยากเสียตัวมากไม่ใช่หรือไง” ไอ้อาร์มทั้งเร่งขยับเอว ทั้งอัดอารมณ์โกรธใส่ผม ไม่ว่าผมจะตะกายไปแค่ไหน มันก็ไม่ปล่อยให้ส่วนแข็งขืนของมันหลุดออกมาได้เลย

“อึ๊......” จะถึงแล้ว อีกนิดเดียว ต้องปิด.... ต้องปิดประตูให้ได้…………..



บั้งงงง

สำเร็จ



“อั๊กกก!!!” ผมปล่อยเสียงของความเจ็บปวดที่ยาวนานออกมาทันที “ไอ้...อั๊ก! ไอ้...อั๊ก! กู...อั๊ก! เจ็บ...อั๊ก”

“มึงจะได้หายร่านซะทีไงงงงงง”

“อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!”

ไอ้อาร์มยิ่งรุนแรงกว่าเดิมอีก ผมถูกกระหน่ำใส่เหมือนปืนกล

“มีกูคนเดียวไม่พอใช่ไหม มันคันนักหรือไง ถึงต้องไปหาท่อนอื่นมาเสียบแทน”

“พูด...อั๊ก เรื่อง...อั๊ก อะ...อั๊ก ไร...อั๊ก ของ...อั๊ก มึง...อั๊ก”

“อย่ามาตอแหลกับกู”

“มึง...อั๊ก อั๊ก อั๊ก อั๊ก อั๊ก อั๊ก” บ้าเอ๊ย ทั้งจุก ทั้งเจ็บ ขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ คงคุยกับไอ้บ้าอาร์มไม่รู้เรื่องแน่ๆ

ผ่อนคลาย.... ต้องผ่อนคลายไปให้ถึงจุดสูงสุด

อย่าเกร็ง... อย่าตกใจ... อย่าตื่นกลัว....

ต้องเปลี่ยนความรู้สึกทั้งหมดให้กลายเป็นความเสียวซ่านให้ได้

แต่มันก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆเลย สถานการณ์ที่โดนโจมตีหนักโดยปราศจากสารหล่อลื่นแบบนี้ คงจะทำให้รู้สึกดีได้ยาก   



“อื้ออออออ อ่าซ์....” โอเค หลังจากผ่านไปครู่เล็กๆ ความเจ็บก็พอจะทุเลาลง อย่างน้อยก็ไม่เจ็บเท่าครั้งแรกแล้ว เพราะงั้น... “ม...มึงเป็นบ้า อะ...ไรของมึงเนีย”

“กูลงโทษพวกไม่ทำตามสัญญาไง”

“ส...สัญญา...อะไรของมึง อ๊อยยย”

“ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนอื่นไง”

“แล้วกู... ท...ทำแบบนั้น...ที่ไหน ก...กันเล่า”

“มึงไม่ทำงั้นเหรอ” หึ! ไอ้อาร์มหยุดแล้ว มันถอดน้องชายของมันออกไปแล้ว

“เฮ้ย!!”

แต่ก็หยุดพักหายใจได้แค่ครู่เดียว

ไอ้บ้าอาร์มยกตัวผมขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวผมลงไปบนเตียงอย่างกับเป็นตุ๊กตา

“ทำอะไรอีกเนี่ย” ผมถูกพันธนาการแขนทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของไอ้อาร์ม แล้วจากนั้นมันก็ยัดท่อนแข็งของมันเข้าใส่ผมอีกรอบ “อ๊ากกกกก!!!”

“มึงบอกกูมาดิ” เหมือนว่าไอ้อาร์มกำลังจะพูดอะไรที่ทำให้ผมพอเข้าใจสิ่งที่มันโกรธออกมาหน่อยแล้ว มันดึงสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ผ้าเช็ดหน้าของมึงไม่อยู่กับพี่ฮันเตอร์ได้ไง บอกกูมาดิว่ามึงเอาเวลาไหนไปอ่อยเขา”

“อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” นี่มึงจะให้กูตอบยังไง ในเมื่อมึงจู่โจมกูไม่หยุดแบบนี้

“มึงก็รู้นิว่าพี่เขาเป็นแฟนกับไอ้แว่น ขนาดแฟนของเพื่อนมึงยังจะเอาอีกเหรอ”

“อ๊ะๆๆๆๆ กูไม่....” ต้องพยายาม... ต้องพยายามพูดออกมาให้ได้ “ไม่ได้... อ๊ะๆๆๆ ให้ผ้า...ช...เช็ดหน้าใครนะ อื้อออออ....”

“แล้วพี่เขาจะมีผ้าเช็ดหน้าแบบนี้ได้ไง”

“จ...จะไป...รู้เหรอ” พูดลำบากจัง “ข...เขาอาจ...ซื้อ.... อ๊ะ มา...เองก็ได้”

“มันไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก มึงสารภาพมาดีกว่าว่าไปแอบอ่อยพี่เขามา”

“ก็บอกว่า....ไม่ได้...อ่อยไง!!” เผลอตะโกนจนได้

“มึงยังจะอีกโกหกใช่ไหม..... เฮอๆๆๆๆๆ” ไอ้อาร์มหยุดขยับและเริ่มหอบ ดูท่าว่ามันคงจะเหนื่อยเหมือนกัน

“กูไม่ได้ให้อะไรพี่เขาจริงๆนะ” ผมรีบชิงโอกาสพูด

“มึงคิดว่ากูโง่เหรอ ผ้าเช็ดหน้าลายแบบนี้ ไม่มีทางที่คนอย่างพี่ฮันเตอร์จะซื้อใช้เอง พอที กูไม่ฟังคำโกหกของมึงแล้ว มึงต้องโดนกูจัดหนัก จะได้หายคันกับแฟนเพื่อน”

“แต่อาจจะ.... อ๊อยยยยยยยย” ไอ้อาร์มเริ่มอีกรอบแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เหมือนจะพอมีเบาะแสของเรื่องนี้ “อ...ไอ้แว่น....”

“มึงยังกล้าพูดถึงไอ้แว่นอีกเหรอ อ่อยแฟนมันแล้ว ยังมีหน้าพูดถึงมันอีกเหรอ”

“กูจะบอก....ว่า... ไอ้แว่น....ม...มีผ้า...เช็ดหน้า....ข....ของกู”

“จริงเหรอ!?” ไอ้อาร์มยอมหยุด แต่แล้วก็ทำต่อ “พิสูจน์ดิ ไม่งั้นกูจะทำอยู่แบบนี้แหละ ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันแล้วคืนนี้”

“มึง...ก็หยุด...ก่อนดิ... อ๊อยยย”

“ไม่ กูไม่หยุด มึงพิสูจน์ทั้งแบบนี้แหละ กูจะทำไปเรื่อยๆ” แล้วมันก็ถอดเสื้อของตัวเองทิ้ง แสดงให้เห็นถึงความจริงจังที่จะทำกิจกรรมทางเพศอย่างไม่หยุดยั้ง

“ม...มือถือ” ในเมื่อบังคับมันไม่ได้แล้วนิ ผมคงต้องหาวิธีพิสูจน์ความจริงให้มันเห็นเองแล้วล่ะ “อ่ะๆๆๆ หยิบ...มือถือ...ให้หน่อย”

“อะนี่ จะโทรก็รีบโทร” ไอ้อาร์มหยิบโทรศัพท์จากข้างเตียงมาให้ผม แต่เอวจะยังขยับเข้าออกตลอด



บ...เบอร์ไอ้แว่น อยู่ไหนวะ

แล้วกูจะคุยยังไงวะในสภาพแบบนี้



ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด “ฮัลโหลไอ้เพลง มีไร”

“เอ่อ...”ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อไม่ให้ส่งเสียงครางออกมา แล้วก็กดเปิดปุ่มเสียง เพื่อให้ไอ้อาร์มได้ยินด้วย “กู...ถามไรหน่อย...ดิ”

“ว่า?”

“ผ...ผ้า อ่าซ ผ้าเช็ดหน้าที่มึง...เอาของกูไป... ยังอยู่ไหม ซ...”

“ยังอยู่... นี่มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ทำไมพูดเสียงแปลกๆ”

“ป...เปล่า” อดทนไว้ อดทนไว้... อย่าส่งเสียงครางเชียวนะ “มึงไม่ได้...ให้ใคร.... อ๊ะ....ไปใช่ไหม”

“ไม่... เอ๊ย อ๋อ นึกออกแล้ว พี่ฮันเตอร์เอาไปแล้วอ่ะ กูให้พี่เขาไปแล้ว” เห้อออ โล่งอกไปที ในที่สุดความจริงก็ได้รับการพิสูจน์ “ทำไมเหรอ มึงจะขอคืนหรือไง”

“ป...เปล่า”

“แล้วจะโทรมาถามกูทำไมวะ แค่จะถามหาผ้าเช็ดหน้าเนี่ยนะ”

“อ...เออ แค่นั้นแหละ แค่นี้ก่อนนะ” ผมกดวางสายทันที ไม่ไหวแล้ว ต้องครางระบายความเสียวซ่านออกมาเดี๋ยวนี้ “อ่าาาาาาาาซซซซซ์”

ได้ส่งเสียงระบายความรู้สึกที่ถูกกดไว้สักที



“.....................................” แต่แล้วไอ้อาร์มก็ล่าถอยออกไปซะอย่างนั้น

“อ้าว หยุดทำไมอ่ะ” ผมสงสัย

“ก็...กูเข้าใจผิดไง” มันอธิบายพร้อมกับเกาหัวตัวเอง “โทษที กูโกรธมากไปหน่อย น่าจะถามมึงก่อน”

“ไม่เป็นไร”

“งั้นกูไม่ลงโทษมึงแล้วก็ได้”

“พ่อมึงดิ จะมาหยุดอะไรตอนนี้ กลับมาทำต่อเลยนะ”

“อ้าว ก็มึงพิสูจน์ได้แล้วนิ กูก็ไม่จำเป็นต้อง...”

“ช่างหัวมันเหอะเรื่องนั้นอ่ะ กลับมาทำต่อซะที กูทนไม่ไหวแล้ว” ผมไม่รีรออะไรทั้งนั้น รีบใช้มือกวัดแกว่งหาท่อนเอ็นของไอ้โง่อาร์ม

“มึงนี่น้า...”

“หุบปากเหอะน่า” เจอแล้ว ทันทีที่จับแท่งอุ่นๆได้ ผมก็รีบดึงมันกลับมายัดใส่ช่องสวาทที่กำลังเรียกร้องทันที

“กูขอโทษจริงๆนะ”

“เรื่องขอโทษเอาไว้ทีหลังเหอะน่า รีบๆขยับเอวซะทีได้ไหม กูอารมณ์ค้างอยู่เนี่ย”

“ครับบบๆๆ จะทำให้ดีเลยครับคุณเพลง.... แล้วจะใส่เจลก่อนไหม”

“ใส่บ้าอะไรตอนนี้ เริ่มซะที... แรงๆหน่อยนะ”

"จ๊ะ"



เห้ออออออออ

ทำไมกูต้องมามีปัญหากับอะไรแบบนี้ด้วยเนีย

ปัญหาวันนี้จบลง แต่ก็ยังเหลือวันพรุ่งนี้อีก............







.......... โถ ชีวิต

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
«ตอบ #53 เมื่อ08-01-2019 22:16:56 »

ความควีน ความจะเปย์นี้ หื้มมมมมมมม

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
«ตอบ #54 เมื่อ09-01-2019 11:45:56 »

ตามมมม

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
«ตอบ #55 เมื่อ09-01-2019 17:58:02 »

คนนึงก็ขยันยั่ว คนนึงก็ยั่วขึ้น 5555

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
«ตอบ #56 เมื่อ09-01-2019 22:27:32 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 9 / ปัจจุบัน vs อดีต

ความที่ 2 จาก 3 / ใจเขา vs ใจเรา









“และคนที่ประมูลออกเดทกับน้องอาร์มไปได้ก็คือ....... คุณเมย์ค่าาาาาาาา ขอเสียงปรบมือด้วยค่ะ เชิญขึ้นมาถอดเสื้อไปจากน้องอาร์มได้เลยนะคะ”

เมย์ สาวร่างอ้วนเตี้ย เดินดุ่ยๆขึ้นเวทีอย่างกระดี๊กระด๊าไปถอดเสื้อของไอ้อาร์มออก

สาวๆในงานต่างก็พากันปราบปลื้มเมื่อได้ยลโฉมกล้ามเนื้อเป็นลอนภายใต้ร่มผ้านั้น



โถ ก็แค่ได้เห็นเท่านั้นแหละ ไม่อยากจะคุยว่าผมทั้งลูบทั้งคลำจนจำสัมผัสได้หมดแล้ว



“ขอบคุณนะคะคุณน้องเมย์ที่ร่วมประมูลกับเรา เดี๋ยวเราจะนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ไปทำบุญแน่นอนค่ะ” พิธีกรพูดต่อ “เอาละคะ เดี๋ยวเราปล่อยให้น้องอาร์มไปพักก่อนดีกว่านะคะ จะได้เตรียมตัวไปออกเดทกันนะคะ เชิญหนุ่มฮอตคนต่อไปของเราเลยดีกว่า น้องอ้วน เดือนคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและรองชนะเลิศเดือนมหาวิทยาลัยค่าาาาาาาา”



แล้วการประมูลก็ดำเนินการต่อไป





“อะนี่” เมย์เดินถือเสื้อที่ได้จากการประมูลมาให้ผมที่แอบอยู่หลังสุดของงานเปิดโลกกิจกรรม

“ขอบใจนะ” ผมกล่าวแล้วรับเสื้อมา

ก็นึกว่าเสื้อตัวไหน มันก็ตัวเดียวกับที่ผมเอาไปให้ไอ้อาร์มเมื่อวานเองนี่นา

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ได้ถอดเสื้อของอาร์มกับมือตัวเอง ก็ดีใจแล้ว” สาวอ้วนดูพอใจมาก “ว่าแต่ทำไมเพลงต้องปิดหน้าปิดตาขนาดนี้ด้วยล่ะ จะมาปล้นห้างหรือไง”

“เราไม่ค่อยสบายน่ะ” ผมอ้าง

จะบ้าเหรอ ขืนเปิดหน้าในที่แบบนี้ พวกโจทก์เก่าก็จะได้แห่กันมาทักให้เพียบไปหมด ไหนจะต้องหลบไอ้แว่นอีก

พูดถึงไอ้แว่นแล้วก็อึ้งไปเลย ก่อนหน้านี้ที่มีการประมูลเสื้อของพี่ฮันเตอร์ มันดันราคาขึ้นไปทีเดียวสองหมื่น เล่นเอาคนทั้งงานตาค้างกันไปเลย แบบนี้มีหวังได้โจษจันกันทั้งมหาลัยแน่ๆ

“ไม่สบายก็ยังสู้อุตส่าห์มาเอาเสื้ออีกนะ” เมย์ตำหนิ “แต่ไม่คิดเลยนะว่าเพลงก็อยากออกเดทกับกัปตันทีมรักบี้ด้วยเหมือนกัน”

“เปล่าซะหน่อย” ผมรีบปฏิเสธ

“ถ้าเปล่าแล้วมาขอให้เราประมูลให้ทำไมอ่ะ แถมเสียเงินตั้งเป็นหมื่นอีก”

“ช่างเราเถอะ แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ออกตัวประมูลแทนให้อ่ะ”

“ก็ยอดเงินของเพลงมันสูงนี่นา ขืนเราสู้ไปก็แพ้อยู่ดี แต่ยังไงก็อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะ เพลงจัดการให้เราได้แน่ใช่ป่ะ”

“ได้ รับรอง”

“งั้นก็ไปเดทกับอาร์มให้สนุกนะ" ยังจะมาแซวอีก "ว่าแต่... ขอเสื้อได้ไหม”

“ไม่ได้”

“หวงจังนะ ไม่เอาก็ได้ ไปดูประมูลต่อดีกว่า เผื่อจะพอสู้ราคาประมูลคนอื่นได้บ้าง”

แล้วเมย์ก็เดินกลับเข้าไปในงาน



โอเค สำเร็จตามแผน เท่านี้ไอ้อาร์มก็ไม่ได้ไปเดทกับสาวที่ไหนแล้ว



กลับหอดีกว่า……



“น้องเพลง” ใครเรียกวะ

“พ...พี่ปั้นจั่น” เชี่ยแล้วไง มาไงวะเนี่ย

“เป็นไงบ้างครับ ไม่เจอกันนานเลย มางานกับเขาด้วยเหรอ”

“ค...ครับ” กูว่ากูปิดบังตัวเองดีแล้วนะ ทั้งหมวก ทั้งแว่นดำ ทั้งแมส ยังจำได้อีกเหรอ

“แล้วทำไมถึงปิดหน้าแบบนั้นล่ะ หลบใครอยู่หรือเปล่า”

“ผมไม่ค่อยสบายน่ะครับ” โกหกรอบสอง

“อ้าวเหรอ พี่พาไปหาหมอไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะกลับหอแล้ว”

“งั้นพี่ไปส่งไหม”

“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ผมเอารถมาเอง”

“งั้นก็ดีเลย ไปส่งพี่หน่อยซิ พี่ไม่ได้เอารถมา”

อะไรวะ นี่จะไปกับกูให้ได้ใช่ไหม

ไม่ได้ๆ ยังไงก็ต้องหาทางหนีให้ได้ ถ้าไอ้อาร์มมาเห็นว่ากำลังพูดกับพี่ปั้นจั่น เดี๋ยวได้เคลียร์กันอีกยาวแน่ๆ

“ผมลืมไปน่ะครับว่ายังไม่ถึงเวลากลับ”

“ดีเลย งั้นเดินเล่นในงานด้วยกันก่อนก็ได้ พี่ก็ยังไม่ได้เดินเที่ยวงานเหมือนกัน นานๆจะได้ออกมาเดินเล่นในห้าง” โอ๊ยยย จะตื๊ออะไรนักหนา

“ผมนัดเพื่อนไว้อ่ะครับ”

“เพื่อน? คนไหนเหรอ?”

“น...โน่นอะครับ ผมกำลังจะไปหามันพอดี ขอตัวก่อนนะครับ” ผมนี่รีบเดินเลย



เฮ้ยยยย!!!

ยังตามมาอีกเหรอ



เอาแล้วไงกู ดูท่าว่าจะไม่จบง่ายๆซะแล้ว

ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี



นั่น!

ความหวังของผมปรากฏตัวออกมาแล้ว



“พี่ฮันเตอร์” ผมเรียกคนที่เห็นในสายตาทันทีพร้อมกับดึงทุกอย่างที่ปิดบังใบหน้าออก

“อ้าวน้องเพลง” พี่ฮันเตอร์ทักและคงแปลกใจที่เห็นผมในงาน “มางานด้วยเหรอ ไหนเมื่อวานเห็นน้องซอลบอกว่าเพลงไม่มาไง”

“อย่าเพิ่งชวนคุยเลยครับ” ผมร้อนใจมาก “มีคนกำลังตามผมมา ช่วยพาผมไปหาที่หลบก่อนได้ไหม”

“ไหนอ่ะ” พี่ฮันเตอร์มองหา ซึ่งดูเหมือนว่าจะเห็นพี่ปั้นจั่นยืนด้อมๆมองๆผมอยู่ “ อ๋อ คนนั้นอะนะ ให้พี่จัดการให้ไหม”

“ไม่ต้องครับ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่อง แค่หาที่หลบก็พอ”

“งั้น... ตามพี่มาทางนี้” พี่ฮันเตอร์เดินนำ



ผมเดินตามเข้าไปในช่องทางเดินเล็กๆที่อยู่ตรงนั้น มันเป็นทางที่นำไปยังห้องรับรองนั่นเอง



ยังตามมาอยู่ไหมน้า...?



“ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีคนนอกกล้าเข้ามาในนี้หรอก” พี่ฮันเตอร์บอกให้ผมสบายใจ “งั้นยืนรอตรงนี้แป๊บนึงนะ พี่ไปหยิบของในห้องก่อน เดี๋ยวพาออกไป”

“ขอบคุณมากนะครับ”

“รอเดี๋ยวเดียว”

แล้วพี่ฮันเตอร์ก็เดินเข้าไปในห้องรับรอง ส่วนผมก็ยืนระแวงอยู่หน้าห้องต่อไป



น่ากลัวเหมือนกันแฮะผู้ชายคนนั้น นึกถึงคำพูดของไอ้อาร์มขึ้นมาเลยที่เคยเตือนผมเกี่ยวกับพี่ปั้นจั่น



“จะกลับแล้วเหรอครับพี่ฮันเตอร์” เอ๊ะ! นั่นเสียงไอ้อาร์มไม่ใช่เหรอ อยู่ในห้องด้วยเหรอเนี่ย

“ใช่ จะกลับแล้วล่ะ” เสียงพี่ฮันเตอร์ตอบกลับ

“ออกเดทกับไอ้แว่นก็อยากทำอะไรเพื่อนผมมากนะพี่ เดี๋ยวมันช้ำหมด”

“ช่วงนี้พี่ไม่ได้ทำอะไรกับน้องซอลมากนักหรอก อืมมม พอดีเลย พี่ถามอะไรหน่อยซิ”

“อะไรเหรอพี่”

“ซอลเป็นอะไรเหรอช่วงนี้ ทำไมเขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเลย ทีแรกก็นึกว่าจะเปลี่ยนแค่วิธีการแต่งตัว แต่เดี๋ยวนี้เริ่มพูดจาไม่เหมือนเดิม ไม่ค่อยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเหมือนเดิมแล้วด้วย”

“เอ่อออออ ถ้าผมบอกพี่แล้ว พี่อย่าไปบอกมันนะว่าผมบอกพี่”

“ได้ แล้วสรุปว่าสาเหตุมันคืออะไร”

“ก็ไอ้แว่นมันดันไปได้ยินกลุ่มแฟนคลับของพี่นั่นแหละ สาวๆพวกนั้นพูดว่าไอ้แว่นกับพี่ไม่เหมาะสมกัน มันก็เลยพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนมองเห็นว่าเหมาะสมกับพี่”

“อ๋อออ ที่แท้เรื่องก็มีที่มาที่ไปแบบนี้นี่เอง”

“อย่าลืมนะพี่ อย่าบอกว่าผมเป็นคนเล่าล่ะ”

“โอเค ได้... นั่นอะไรน่ะ ของขวัญให้คู่เดทเหรอ เอาใจสาวๆเก่งน่าดูเลยนะเรา”

“อ๋อ อันนี้อะเหรอครับ ไม่ใช่ของคู่เดทผมหรอก ผมซื้อให้ไอ้เพลง หลังวันหยุดยาวเป็นวันเกิดของมัน ไหนๆออกมาที่ห้างแล้วก็เลยซื้อไว้เลย”

“จริงเหรอ วันอังคารหน้าเป็นวันเกิดน้องเพลงหรอกเหรอ”

“ครับ”

“มีเพื่อนสนิทนี่มันดีจังเลยนะ ใส่ใจรายละเอียดของกันและกันด้วย”

“ปกติผมก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจหรอกรับ แต่ปีนี้อยากจะ...ทำอะไรดีๆบ้าง”

“คนที่พูดว่าอยากทำอะไรดีๆ เขาไม่มีสีหน้าอมทุกข์แบบนี้หรอกนะ”

“ผมเปล่าอมทุกข์นะพี่.... พี่มองว่าผมอมทุกข์เหรอ”

“ก็ใช่นะซิ อาร์มทำหน้าเหมือนคนที่กำลังอมทุกข์เพราะแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเอง แต่ทำอะไรไม่ได้”

“เฮ้ยยยย!! พ...พี่เอาอะไรมาพูด ผมจะไปแอบชอบเพื่อนสนิทที่ไหนได้ ชีวิตผมก็มีแค่ไอ้สองคนนั้นนั่นแหละ”

“ก็พี่กำลังพูดถึงหนึ่งในสองคนนั้นนั่นแหละ”

“พี่พูดอะไร....... เอ่อ....พ...พี่คิดว่าแบบนั้นเหรอ มันเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“พี่เคยเถียงกับซอลหลายครั้งแล้วล่ะว่า อาร์มกับเพลงมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าเพื่อนกัน ไม่รู้ซิ ในมุมของคนที่มองอยู่ห่างๆอย่างพี่ มันอาจจะมองเห็นชัดกว่าคนที่อยู่ใกล้ๆละมั้ง”

“ผมคือ.... อย่าบอกไอ้แว่นเรื่องนี้นะพี่”

“พี่ไม่พูดอยู่แล้ว.... แล้วทำไมถึงไม่สารภาพความรู้สึกตัวเองให้อีกฝ่ายนึงได้ฟังสักทีล่ะ”

“เพราะความสัมพันธ์เดิมละมั้งครับ ผมยอมรับว่าผมอิจฉาพี่นะ พี่กับไอ้แว่นไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อน ตอนที่ตัดสินใจอะไร ก็ไม่มีเรื่องอื่นมาเป็นอุปสรรคให้ต้องคิดเยอะเลย”

“มีคู่รักเป็นล้านคู่เลยนะที่เขาเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการเป็นเพื่อนกัน”

“ผมรู้ครับ ผมคิดเรื่องนั้นแล้ว ผมยอมรับหัวใจตัวเองนานแล้วด้วย แต่ไอ้เพลงไม่ได้คิดแบบนั้น มัน... มันเชื่อว่าการได้เพื่อนสนิทตัวเองเป็นแฟนเป็นเรื่องน่าอาย ซึ่งไอ้คนที่มันอายมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้แว่นนั่นแหละ ไอ้เพลงกลัวมากว่าไอ้แว่นจะรู้ความลับนี้เข้า”

“ซอลเป็นคนน่ารักกว่าที่คิดนะ พี่ว่าเขาคงไม่มองความรักเป็นเรื่องน่าอายหรอกมั้ง”

“ก็...ผมไปบังคับให้ไอ้เพลงคิดแบบนั้นไม่ได้นี่นา ใจผมกับใจเขา มัน...คิดไม่เหมือนกัน”

“ก็เลยต้องยอมรับสภาพตัวเองไปแบบนี้ต่อไป ได้รักแต่ไม่ได้รัก งั้นเหรอ”

“ใช่... น่าสมเพชใช่ไหมพี่  ‘มี’ แต่ต้องพูดว่า ‘ไม่มี’  โสดแต่ก็มีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว เดินต่อก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ทำไม่เป็นซะแล้ว.... แต่มันก็ยังดีนะ อย่างน้อยผมก็ยังได้อยู่ข้างๆเขา ถึงมันจะไม่มีอะไรชัดเจน มันก็คงไม่มืดมนไปมากกว่านี้หรอก แค่ถ่วงเวลาต่อไปเรื่อยๆ ผมจะยื้อให้ถึงที่สุดเลย”

“ขอโทษนะอาร์ม”

“ครับ? พี่ขอโทษผมทำไม”

“ขอโทษที่พี่พาใครบางคนมาด้วย”



แอ๊ดดดดดดดดด

เสียงประตูห้องรับรองถูกเปิดออก อย่างกับว่ามันเปิดทั้งภาพและความรู้สึกทั้งหมดออกมาด้วย



“อ...ไอ้เพลง!!!” ไอ้อาร์มตาค้างและอ้าปากหวอที่เห็นผมยืนอยู่หน้าประตู “น...ไหนบอกไม่มาไง”

“มา....มาเอาเสื้อตัวนี้” ผมยกเสื้อให้คนเบื้องหน้าดู

“เสื้อ?” ไอ้อาร์มค่อยๆเดินออกมาจากห้อง แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผม ก่อนจะหยิบเสื้อไปดู “นี่มัน...เสื้อของกูนิ ทำไม? ยังไง?”

“คนที่ประมูลก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเจ้าของเงินนี่นา” ผมอธิบาย

“นี่มึงจะบอกว่า...”

“อือฮึ กูเป็นคนประมูลเอง แต่ให้เพื่อนออกหน้าแทน”

“ท...ทำไม...”



“อะแฮ่ม” พี่ฮันเตอร์ส่งสัญญาณการมีอยู่ของตัวเอง “ที่เหลือก็คุยกันเองนะ พี่ว่าพี่ยุ่งเรื่องของน้องสองคนมากเกินไปแล้ว”

“ขอบคุณมากนะครับพี่ฮันเตอร์” ผมพูด “ส่วนเรื่องเงินหนึ่งหมื่นที่ผมยืมมา จะรีบหาใช้คืนนะครับ”

“เอาเถอะ พี่ไม่รีบหรอก ถ้ามันช่วยให้ใครได้ออกเดทกัน พี่ก็ยินดี... อืม... ความจริงไม่ต้องคืนก็ได้นะ ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดจากพี่กับซอลก็แล้วกัน”

“แต่ว่า...”

“เอาไปเถอะน่า ที่สำคัญนี่ไม่ใช่เวลามาคุยกับพี่นะ คุยกับคนที่อยู่ตรงหน้าเถอะ.... งั้นพี่ขอตัวจริงๆแล้วดีกว่านะ ไปเดทกันให้สนุกล่ะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าน้องซอลจะเห็นด้วย เดี๋ยวพี่จะรีบพาเขาไปเที่ยวไกลๆเลย”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

“ไปละ” ในที่สุดพี่ฮันเตอร์ก็เดินจากไป



เหลือผมกับไอ้คนตรงหน้าไว้ให้มองหน้ากันแบบเขินๆ



“นี่มึง...” ไอ้อาร์มพยายามเริ่มพูด “ขอเงินพี่ฮันเตอร์มาเพื่อประมูลกูเหรอ”

“อ...อืม” ผมตอบ

“ก็...แปลว่าเราต้องไปเดทกันอะดิ”

“ก็คงงั้น”

“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

“ก็กูไม่อยากให้มึงไปออกเดทกับคนอื่นนี่นา”

“แบบนั้นเองเหรอ เอ่อ... เรื่องที่กูพูดเมื่อกี๊ มึงได้ยินหรือยังอ่ะ”

“ก็... อืม ได้ยิน”

“ค...คือ...มึงไม่ต้องคิดมากนะ กูก็แค่...”

“อย่าพูดเรื่องอื่นเลย” ผมห้ามไม่ให้คนข้างหน้าอธิบายอะไรทั้งนั้น “วันนี้เราสองคนเป็นคู่เดทกันต่างหาก ไม่ใช่เพื่อนกันซะหน่อย”

“............................” คนตรงหน้าเอาแต่อ้าปากค้างและกระพริบตาปริบๆ

“ทำไมทำหน้าอย่างงั้นอ่ะ ไม่เดทเหรอ”

“ด...เดทๆๆๆ เดทซิ งั้น...” ไอ้อาร์มยื่นมือออกมา “อยากไปไหน บอกผมมาได้เลยครับ”

ผมวางมือลงบนฝ่ามือเบื้องหน้า

“ช่วยเซอร์ไพส์หน่อยซิ”

“จัดให้.........”



แล้วการเดทก็เริ่มขึ้น



ผมถูกขับรถพาไปไกลจนถึงทะเลเลย เซอร์ไพส์พอไหมล่ะ



เราเล่นน้ำ ขี่ม้า เดินเที่ยวถนนการค้า บางทีก็เข้าชมการแสดงโชว์ ดูหนัง เสาะหาร้านอาหารที่ว่าอร่อยละแวกนั้น

คงสงสัยละซิว่าทำไมพวกเราถึงทำอะไรได้มากขนาดนั้น ก็เพราะมันไม่ใช่เดทในวันเดียวไง ตลอดทั้งวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยาวมาถึงวันหยุดพิเศษ ทั้งสามวันถูกใช้ไปกันการท่องเที่ยวแบบสองต่อสอง

และแน่นอนว่า ตลอดการท่องเที่ยวในสามวันนี้ เวลาเกือบครึ่งถูกใช้ไปกับการสร้างเสริมกิจกรรมทางเพศ ยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้นี่นา ยิ่งได้ออกมาเจอบรรยากาศแปลกๆใหม่ๆอย่างนี้ด้วยแล้ว เราสองคนยิ่งไม่มีใครห้ามใคร

“มีความสุขไหม...”

นี่แหละ คำถามที่ฟังจนชินหูระหว่างการร่วมสัมพันธ์

ความรู้สึกของการทำกิจกรรมทางเพศเปลี่ยนไป มันไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกหรือการปลดปล่อยความกำหนัดของเด็กวัยรุ่น เราได้รับทั้งความอ่อนโอน นุ่มนวล ความปรารถนาดี

เป็นวันหยุดที่ผมไม่ต้องแคร์สายตาของใครเลยเพราะไม่มีใครรู้จักผมอยู่แล้ว เราสามารถเดินจับมือกัน ป้อนขนมให้กัน หรือนอนตักอยู่ริมหาดได้โดยสะดวกใจ



จนกระทั่งวันสุดท้าย....



“ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เลย” คนที่กำลังนอนหนุนตักผมอยู่พูดขึ้น “อยากให้มีแต่วันแบบนี้ไปตลอด”

นี่เป็นเวลาโพล้เพล้ที่ดวงอาทิตย์กำลังอัสดง ท้องฟ้าสีส้มตัดกับสีของน้ำทะเลที่เริ่มมืดลงเล็กน้อย เสียงน้ำทะเลสาดซัดเบาๆ ทุกๆห้าวินาที อย่างกับเป็นสัญญาณของการนับถอยหลังเวลาที่กำลังจะหมดลง

“ไม่ได้หรอก” ผมตอบลอยๆ สายตายังมองไปที่ทะเลสุดลูกหูลูกตา “ยังไงก็ต้องถึงวันพรุ่งนี้”

“ขออีกวันไม่ได้เหรอ” อีกคนก็งอแงเหมือนเด็ก

“งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรานะ” ผมเอามือลูบศีรษะของเขา “แต่พรุ่งนี้อาจจะดีกว่าวันนี้ก็ได้”

“มันจะดีกว่าได้ยังไง ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”

“.....................” คิดว่าผมอยากให้มันจบลงนักหรือไง เปล่าเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเพิ่มเวลาอีกสักหนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี หรือตลอดไปเสียด้วยซ้ำ “กลับกันเถอะ ต้องขับรถอีกไกลนะ”

“ขออยู่แบบนี้จนกว่าดวงอาทิตย์จะตกดินเถอะนะ” คำขอร้องสุดท้าย

“ได้........................................”









‘….สิ้นแสงบนนภา เวลาหวนย้อนกลับ ความสุขมิลาลับ สดับจับตรึงใจ

จะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ ว่าสุขคงไม่ใช่ ใยฟ้าเพทุบาย แกล้งได้แม้ใจคน....’

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ลด vs เพิ่ม - 08/01/2019
«ตอบ #57 เมื่อ09-01-2019 23:25:32 »

ชอบอะ อยากมีในชีวิจจริง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
«ตอบ #58 เมื่อ10-01-2019 01:38:28 »

 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
«ตอบ #59 เมื่อ10-01-2019 18:55:44 »

อาร์มมันอยากเปิดตัวจะแย่แล้ว นุ้งเพลงสงสารมันเหอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด