[Rainverse] Beautiful Silence #คุณผู้มากับสายฝน : Special Christmas [25-12-61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Rainverse] Beautiful Silence #คุณผู้มากับสายฝน : Special Christmas [25-12-61]  (อ่าน 50656 ครั้ง)

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5

Chapter 23

You had me at hello


“ที่ผ่านมาผมเห็นแก่ตัวกับคุณมาก”

“ไม่ใช่แค่คุณหรอกค่ะ” เบลยิ้มรับแม้แววตาเหนื่อยล้า “ฉันก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน รู้เต็มอกว่าคุณมีมาเรียอยู่แล้ว แต่ฉันไม่คิดปฏิเสธการแต่งงานสักนิด”

ซีมอน รอสซ์สบตาผู้ที่ได้ชื่อว่าภรรยาเก่า เบลในความทรงจำเขาคือผู้หญิงที่เข้มแข็ง สดใสและเด็ดเดี่ยว แต่วันนี้เธอต่างออกไป เหนื่อยล้า ไร้ซึ่งความมั่นใจ แววตามีแต่ความรู้สึกผิดอัดแน่น เขาไม่รู้ว่าควรโทษอะไร ระหว่างตัวเองในวัยหนุ่มที่เด็ดขาดไม่พอจะปฏิเสธการแต่งงานกับเบล หรือโทษพระเจ้าที่เล่นตลกร้ายผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยเส้นด้ายแห่งโชคชะตา

ซีมอนได้ยินเสียงของเบล

เบลได้ยินเสียงของเขา

พวกเราเป็นโซลเมตทว่าไม่ได้รักกัน

...เขาไม่ได้รักเบลอย่างที่เบลรักเขา

การตัดสินใจในวัยหนุ่มส่งผลกระทบถึงตอนนี้ เหมือนโดมิโน เมื่อตัวแรกล้มตัวอื่นก็ล้มตาม ในที่สุดทุกอย่างก็พัง โดมิโนชิ้นสุดท้ายล้มลง ความอดทนเฮือกสุดท้ายถูกทำลาย นี่คือผลลัพธ์จากวันนั้น หากเขายืนกรานปฏิเสธ…

อาจจริงอย่างเบอนาร์ดว่า เขาในตอนนั้นคงไม่ได้เทิดทูนความรักไว้เป็นอันดับหนึ่ง ซีมอนโตมาในโลกของการแข่งขัน ทุกอย่างถูกมองเป็นตัวเลข เป็นผลประโยชน์และเม็ดเงินนับไม่ถ้วน

ความรักและผลประโยชน์ เขาเลือกไม่ได้ มันไม่สามารถไปด้วยกัน...ไม่เคย

ความเคยชินทำให้ซีมอนเลือกผลประโยชน์ เบลคือผลประโยชน์ชิ้นงาม ซีมอนเชื่อว่ามาเรียจะเข้าใจ วินาทีที่เขาคิดอย่างนั้น เขาได้ทำร้ายจิตใจผู้หญิงถึงสองคนในเวลาเดียวกัน

“ผมขอโทษ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา”

“ทุกอย่างเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน” เธอหลุบตาลง “เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ”

“ผมแต่งงานกับคุณเพราะผลประโยชน์ ผมเป็นผู้ชายที่ใจร้ายกับคุณมาก” ซีมอนก้าวเข้าหาเบล แต่เธอถอยหลัง เขาเลยหยุดอยู่แค่นั้น “ผมควรหย่ากับคุณเมื่อครบกำหนดสัญญา แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ผมไม่ได้รักคุณแบบคนรัก แต่ผมไม่ปฏิเสธว่าตลอดเวลาที่เราใช้คำว่าคู่ชีวิต ผมผูกพันกับคุณ มันทำให้ผมลังเล ทำร้ายทั้งคุณและมาเรียไม่จบสิ้น”

“ความผูกพันน่ากลัวนะคะ” เธอแค่นหัวเราะ ซีมอนไม่รู้ว่าภายในใจเบลคิดอะไรอยู่ เขาเหมือนจะรู้จักเธอดี แต่ก็ไม่ “แต่ฉันก็ยังรู้สึกดีที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันมีความหมายกับคุณบ้าง แม้ไม่ใช่ในฐานะที่ต้องการ”

“เบล…”

“ไม่ค่ะ อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ฉันไม่ต้องการความสงสาร” เบลสบตาเขา น้ำเสียงจริงจัง เธอเม้มริมฝีปาก ถอนใจแผ่วเบา “ทุกคนมองฉันแบบนั้น ทั้งเบอนาร์ด อเล็กซ์ เซ็บ หรือแม้กระทั่งคุณ แต่ฉันไม่คู่ควรกับมัน ฉันไม่ควรได้รับความสงสารหรือเห็นใจ พูดกันตามตรงซีมอน เรื่องนี้เริ่มที่ฉัน ความเชื่อเพ้อฝันเรื่องโซลเมต ทุกอย่างถึงดำเนินมาถึงตอนนี้ ถ้ามีใครสักคนที่ต้องได้รับความเห็นใจ คนนั้นควรเป็นมาเรีย เธอไม่ผิดอะไรสักนิดเดียว”

“คุณจะรับความผิดไปทั้งหมดไม่ได้เบล ผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องมันขับเคลื่อนต่อไป”

“โอเคซีมอน ฉันจะแบ่งความผิดกับคุณคนละครึ่ง” เธอยิ้มให้เขา ซีมอนอยากยิ้มตอบ แต่มันยากเกินไป

“สักวันเราอาจเป็นเพื่อนกันได้”

“ค่ะ สักวัน”

“ผมปลดปล่อยคุณแล้วนะเบล”

“เหลือแค่ฉันที่ยังไม่ปลดปล่อยตัวเอง” ซีมอนมองเบลก้มหน้าสูดหายใจลึก เสียงเธอสั่นเครือ กระทั่งเงยหน้าถึงเห็นน้ำตาอีกฝ่าย “แต่คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะเป็นอิสระ...สักวันหนึ่ง เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ฉันอนุญาตให้ตัวเองหลุดจากกรงขังที่สร้างขึ้น ฉันหวังว่าคุณจะยังยินดีรับฉันเป็นเพื่อน”

“ผมยินดีเสมอ”

ตอบรับออกไปเช่นนั้น ซีมอนหมายความอย่างที่พูด เบลสบตาเขา รอยยิ้มถูกส่งมา ซ้อนทับกับรอยยิ้มในวันวานเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน


‘คุณได้ยินเสียงฉันไหมคะ?’

‘คุณ…?’

‘พวกเราได้ยินเสียงกันและกันในวันฝนตก เขาว่าเราเป็นโซลเมตกันนะคะ คิก~’


‘สวัสดีค่ะ ได้เจอคุณตัวจริงสักที’

เบลในวันนั้นสดใสร่าเริง รอยยิ้มเจิดจ้ากว่าพระอาทิตย์

‘สวัสดีครับ’

ซีมอนได้ยินเสียงตัวเองตอบกลับไปแบบนั้น


“ขอบคุณค่ะ สุดท้ายฉันอยากให้คุณรู้ไว้” คราวนี้เบลก้าวเข้าหาเขา ดูเปราะบาง แต่ก็เข้มแข็ง ช่างเป็นความขัดแย้งที่ทำให้ซีมอนไม่อาจละสายตา เธอกระซิบข้างใบหูเขา “You had me at hello, Simon”

“ขอบคุณ และขอโทษด้วย” เบลให้ใจเขาตั้งแต่แรกเจอ แต่เขาทำแบบเธอไม่ได้

เบลยิ้ม ค้อมศีรษะลง เธอหมุนตัวเดินจากไป ไร้คำร่ำลา แผ่นหลังบอบบางหายลับ บานประตูปิดลง แต่ตัวตนส่วนหนึ่งของเบลยังคงสลักลึกในความทรงจำซีมอน พันธนาการเขาไว้ด้วยความรู้สึกผิด เธอไม่หายไปไหน แต่จะเป็นรอยแผลเป็นประทับอยู่ในใจเขา

เบล เปเรซ

อดีตคู่ชีวิต

แม่ของเซบาสเตียน

และในอนาคต

หากเขายังอยู่บนโลกใบนี้ แม้เป็นเพียงตาแก่ไร้เรี่ยวแรงนอนติดเตียงรอวันสุดท้ายของชีวิต…

“ผมจะรอคำว่าเพื่อนจากคุณ...เบล”


[Sebastian]

ผมคิดว่าแพทริคขี้กังวลเกินไป วันนั้นผมไม่น่าร้องไห้ให้เขาเห็น มันคงฝังใจเจ้าแมวยักษ์น่าดู เรื่องราวทุกอย่างจบลงแต่แพทริคยังคงยืนกรานจะพักอยู่กับผม ไล่ก็ไม่ไป ดื้อดึงจนน่าจับมาฟาดบั้นท้ายสักทีสองทีให้ขึ้นรอยแดง

และบางที ผมคงต้องจับเขามาฟาดจริงๆ ไม่ใช่แค่ขู่

“ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ”

“อะไรอีก”

“คุณครับ” เขาเข้ามาออดอ้อนคลอเคลีย กอดผมแน่นจากด้านหลัง ไล่จูบตั้งแต่กกหู ลำคอตบท้ายด้วยแก้ม “ไม่โกรธผมนะ แค่อยากให้คุณพักผ่อนบ้างก็เท่านั้น”

“โดยการซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วลากฉันมาเที่ยว?”

ผมกวาดตามองภายในบ้านพักที่แพทริคจองไว้ มันเป็นบ้านพักเดี่ยวชั้นเดียวในตัวอุทยาน ตัวบ้านร่มรื่นน่าอยู่ ข้างนอกรายล้อมด้วยต้นไม้ บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ผมยอมรับว่าที่นี่สวยงามชวนให้ผ่อนคลายทีเดียว

“ครับ ไม่ดีเหรอ คุณก็ยอมมานี่”

“ใช่ ฉันยอมมา แต่การไม่ถามกันสักคำ คิดว่าดี?” ผมย้อนถาม เอี้ยวหน้ามองแพทริคที่ทำหน้าจ๋อย “ถ้าเกิดฉันติดธุระขึ้นมา หรือมีตารางงานที่เลื่อนไม่ได้ คิดไหมว่านายจะเสียค่าตั๋วแถมใช้โควต้าวันหยุดหมดไปเปล่าๆ”

“ผมแค่อยากเซอร์ไพรส์คุณ”

“คราวหลังจะทำอะไรบอกกันก่อน ฉันไม่อยากให้นายเสียเงินฟรี” ผมดุเขา แมวยักษ์เลยซบหน้ากับไหล่ผม ส่งเสียงหง่าวๆ ขอความเห็นใจ “ฉันพูดไปตั้งยาว เข้าใจบ้างไหมเจ้าเด็กดื้อ”

“อื้อ”

“ตอบดีๆ แพท” ผมหมุนตัวเผชิญหน้าเขา เชยคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าสบตากัน “หน้ามุ่ยเชียว ไม่พอใจที่ฉันดุ?”

“เปล่า…”

“ก็มาด้วยแล้วนี่ไง” ผมเสียงอ่อนลง ลูบแก้มแพทริคเบาๆ “ทำไมสุดท้ายกลายเป็นฉันที่ง้อนายล่ะ”

แมวยักษ์ไม่ตอบ เขาทำแค่ยิ้ม เอียงแก้มแนบฝ่ามือผม สายตาออดอ้อน สองมือโอบเอวผมไว้ ดึงให้เข้าไปชิด ผมขยับเข้าไปหาอย่างว่าง่าย

“เพราะคุณแคร์ผมน่ะสิ”

“นับวันนายยิ่งได้ใจใหญ่”

แพทริคหัวเราะเมื่อผมว่าแบบนั้น เขายื่นหน้าเข้ามา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องการอะไร ผมเบี่ยงหนี ไม่ตามใจแมวยักษ์อย่างที่เคย เด็กดื้อต้องโดนลงโทษซะบ้าง

“โธ่เซ็บ”

เขาโอดครวญเมื่อผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอด ผมเดินไปทิ้งตัวบนโซฟาหน้าจอทีวี กดเปิดดูไปเรื่อยเปื่อย แพทริคตามมานั่งข้างๆ ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่จนต้องหันไปหรี่ตาใส่

“ยังไม่อนุญาต ห้ามหอม”

“ไม่รู้ ไม่สน”

“หัดเป็นแมวดื้อตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมเลิกคิ้ว “ดื้อมากๆ จะไม่รักนะ”

“อย่าขู่ผมแบบนั้น” แพทริคหน้ามุ่ย ไม่พอใจที่ผมพูดคำว่าไม่รัก “ขู่อะไรผมก็ได้ แต่อย่าบอกว่าไม่รักได้ไหม”

“ก็รู้นี่ว่าแค่ขู่” ผมหัวเราะ โยกหัวเขาเบาๆ แพทริคจับมือผมออกมา กุมไว้แน่น สบตาผมก่อนเปลี่ยนโทนเสียงเป็นจริงจัง

“คุณเป็นไงบ้างเซ็บ”

“สบายดี”

“ไม่สิ” แพทริคถอนใจ “คุณรู้ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร คุณสัญญาไว้ว่าจะเล่าให้ผมฟังถ้าพร้อมแล้ว”

“เฮ้อ...ต้องรู้ให้ได้เลยใช่ไหม” ผมบ่น แต่ก็ตอบไปตามตรง “ฉันน่ะพอไหวแล้วล่ะ ห่วงก็แต่แม่ ตอนนี้ลุงกับอเล็กซ์ยังไม่กล้าเข้าหน้าแม่ด้วยซ้ำ ปกติพวกเขาจะแวะมาพักกับแม่สามวันต่อสัปดาห์ นี่หายไปเลย มีแค่โทรหาบ้าง ฉันกลัวแม่จะคิดมาก ไม่ว่ายังไงแม่ก็แคร์พวกเขา…”

“เรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลา”

“ใช่ ฉันก็หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยา” ผมพยักหน้ารับ “แม่เหลือแค่พวกเขากับฉัน สายเลือดตัดกันไม่ขาดอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม เวลาที่ความรู้สึกผิดในใจของทุกคนหายไป”

“ความรู้สึกผิดมันไม่มีวันหายหรอก” แพทริคว่า น้ำเสียงเขาอ่อนโยน “แต่สักวันเราจะหาทางอยู่กับมันได้ โดยไม่ให้มันทำร้ายความรู้สึกเราเหมือนตอนนี้ต่างหากครับ”

“แค่ช้าเร็ว” ผมยักไหล่ “เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ นายพาฉันมาถึงนี่ จะไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกหรือไง คงไม่คิดจะอยู่ในบ้านพักตลอดทั้งวันหรอกนะ”

“ก็ง้อคุณก่อน พอคุณหายโกรธผมค่อยพาคุณออกไปเที่ยว”

“หายโกรธแล้วไง”

“งั้นไปเที่ยวกันครับ เขาบอกว่าพระอาทิตย์ตกดินที่นี่สวยมาก”

แพทริคยิ้มให้ผม ท่าทางตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็กๆ หากมีสิ่งหนึ่งที่สวยงามกว่าพระอาทิตย์ตกดิน มันคงเป็นรอยยิ้มของเขา สดใสและเต็มไปด้วยพลังบวก

ผมลุกขึ้น ยื่นมือให้แพทริค

“ไปสิ ไปดูพระอาทิตย์ตกดินกัน”


วันหยุดพักผ่อนกับการมาเที่ยวในครั้งนี้ดีกว่าที่คิด ต้องขอบคุณแพทริคที่พาผมมา พวกเราเที่ยว ชื่นชมธรรมชาติ ดูพระอาทิตย์ตก ดื่มด่ำบรรยากาศที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ มันทำให้ผมทิ้งเรื่องเครียดในหัวไปได้มากทีเดียว มื้อค่ำในคืนนี้จบที่ร้านอาหารพื้นเมืองติดกับที่พัก เสียงดนตรีบรรเลงสนุกสนานครื้นเครง พวกเราดื่มกินจนกรึ่มได้ที่ถึงตัดสินใจพากันกลับ

“ฮะๆๆ วันนี้สนุกชะมัดคุณว่าไหม”

“เดินแทบไม่ตรงแล้วแพท” ผมส่ายหัว แพทริคดื่มหนักกว่าผมมาก “เข้าที่พักเร็ว อยากอาบน้ำจะแย่”

พวกเราเที่ยวมาทั้งวัน ผมเหนียวตัวจนอยากอาบน้ำแล้วเข้านอนเอาแรงไวๆ ผมพยุงแพทริคเข้าข้างใน ขอบคุณที่บ้านพักนี้มีห้องน้ำสองห้อง ผมจัดการยัดเขาเข้าห้องแรก กำชับเจ้าตัวจนแน่ใจว่าแพทริคจะไม่เมาหลับคาอ่างก่อนพาตัวเองมาอาบน้ำชำระร่างกายอีกห้อง

สายน้ำเย็นไหลผ่านตัว ปลุกสติผมให้กลับมา ผมยังคงมึนอยู่นิดๆ แต่หัวโล่งกว่าเดิมมาก ผมพันผ้าเช็ดตัวเดินออกมา ตอนนั้นเองที่โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้!”

“อื้มเซ็บ” แพทริคซุกหน้ากับลำคอผม ริมฝีปากประทับจูบดูดดึงไม่ห่าง เส้นผมสีจินเจอร์เปียกชื้นแนบลู่ไปกับศีรษะ กลิ่นหอมจากตัวอีกฝ่ายทำให้ผมรู้ว่าแพทริคอาบน้ำเสร็จแล้ว และเจ้าหมอนี่มันซุ่มรอจู่โจมผม “ตัวคุณหอมจังครับ อยากกินให้หมดทั้งตัวเลย”

“เฮ้ ขยับออกไปหน่อย”

“ขอนะครับ”

“แพท แพท เฮ้!”

เขาไม่ฟังผมสักนิด แพทริคปิดปากผมด้วยจูบหนักๆ ฝ่ามือไล้ตะโบมไปทั่ว เขาบีบหน้าอกผม ออกแรงเคล้นจนขึ้นรอยแดง ก่อนต้อนผมไปทางโซฟา โถมตัวทับลงมาทั้งที่ปากไม่ละจากกันสักนิด

ผมพลิกตัว กดแพทริคลงล่างและคร่อมทับเขาไว้ แมวยักษ์เป็นผู้คุมเกมจนชักได้ใจเกินเหตุ

“หน้าอกคุณใหญ่จัง” เขาเอนตัวพิงโซฟา มองมาแววตาหวานเชื่อม มือหนึ่งโอบเอว อีกมือประคองบั้นท้ายผม แถมมือนั้นยังอยู่ไม่สุขซะด้วย ผมกระตุกยิ้ม

“ชอบไหมล่ะ”

“ชอบจนอยากบีบให้ช้ำ”

“อย่ารุนแรงนักสิ” ผมเชยคางเขา โน้มลำตัวไปใกล้ จงใจให้มันเด่นล่อตาอีกฝ่าย “อ่อนโยนกับมันหน่อย รู้ไหมว่ามันชอบลิ้นของนายนะ”

แพทริคตาวาว สายตาแปรเปลี่ยนเป็นนักล่า ผมกดนิ้วโป้งลงบนริมฝีปากเขา คลึงเบาๆ ก่อนส่งไปข้างใน แพทริคตวัดลิ้นโลมเลีย สายตาจ้องผมไม่ละไปไหน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอยากกินผมเต็มแก่

ผมทาบนิ้วกับลิ้นเขา กดเบาๆ ให้แพทริคเผยอริมฝีปาก จากนั้นก็หยัดตัวป้อนนมให้แมวยักษ์ที่หิวกระหายถึงปาก เขาดูดกลืนมัน ปลายลิ้นตวัดเลีย ฟันคมครูดผ่านส่วนยอด ผมตัวสั่น โอบกอดศีรษะเขาไว้ สอดปลายนิ้วเข้ากับเส้นผมสีจินเจอร์ จิกทึ้งระบายอารมณ์เสียวซ่าน แพทริคซุกหน้ากับอกผม แนบแน่น เสียงดูดดึงเปียกแฉะฟังหยาบโลนผสมกับเสียงหายใจหนัก ผมหลับตาเชิดหน้าขึ้นเมื่อหน้าอกอีกข้างถูกบีบแรงกว่าเดิม ผมหลุดเสียงครางออกมา หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะด้วยความพอใจจากคนทำ

แพทริคคงคิดว่าตัวเองคุมเกม

ผมจะทำให้เขารู้ว่าตัวเองคิดผิด

“อ่า เซ็บ ซี้ด…”

“เสียวไหม” ผมกระซิบข้างหูเขา จงใจบดเบียดส่วนล่างของพวกเราให้แนบชิดกว่าเดิม ถูไถผ่านผิวผ้า “ชอบให้ฉันบดแรงๆ หรือเปล่า อ่า...อื้ม!”

“ค...คุณกำลังทำให้ผมคลั่งนะ”

“ฮะ ดีสิ” ผมหัวเราะ บดตัวลงกับตักแพทริค เสียดสีความแข็งขืนที่ตั้งลำและร้อนผ่าว ผ้าเช็ดตัวที่พันท่อนล่างพวกเราหลุดลุ่ย แต่ผมไม่สน ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป “ฉันชอบให้นายคลั่งเพราะฉัน หลงฉันให้มากกว่านี้เด็กดี นายเป็นของฉันเข้าใจไหมแพท”

วันนี้ผมจะบดขยี้ให้แพทริคครวญครางอยู่ใต้ร่างเลยล่ะ

เจ้าแมวยักษ์คำรามฮึ่ม มือที่ประคองเอวออกแรงให้ผมขยับบดแรงกว่านี้ ในขณะเดียวกันแพทริคก็เด้งเอวขยับรับเป็นจังหวะ มือที่บีบบั้นท้ายผมขยับหายไปครู่หนึ่ง ผมเหลือบมอง แพทริคป่ายมือไปยังที่นั่งข้างตัว หลังจากนั้นก็หยิบหลอดเจลที่วางไว้ขึ้นมา

บอกแล้วว่าเจ้าแมวยักษ์เตรียมตัวจะกินผม วางแผนไว้อย่างดีขนาดไหนคิดดู

“ฉันทำเอง”

ผมแย่งเจลหลอดนั้นมาเทใส่มือแพทริค กระทั่งมันชุ่มโชก กระตุกยิ้มให้เจ้าแมวยักษ์ที่หรี่ตามองเหมือนไม่ไว้ใจ ก่อนจับมือเขาวางไว้ที่บั้นเอว ผมสบตาแพทริค ค่อยๆ เคลื่อนมือเขาลงต่ำ จับนิ้วอีกฝ่ายไว้แล้วให้มันชำแรกเข้าไปในตัวพร้อมกับนิ้วของผมเอง

“อะ แพท…” ผมครางชื่อแพทริคเสียงต่ำ สะกิดนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายที่อยู่ภายในตัวเอง สะโพกแอ่นหยัดรับสิ่งที่อยู่ภายใน “ในนี้อุ่นไหม”

“เซ็บ คุณยั่วผมเกินไปแล้วนะ” เขาตอบเสียงกระท่อนกระแท่น ความอดทนน้อยลงทุกที

“อยากเข้าไปข้างในไหม” ผมถาม ขยับสะโพกบดเล่นกับนิ้วของเขา แพทริคส่งเข้ามาอีกนิ้ว ขยับเกี่ยวเสียดสีอยู่ข้างในให้ผมดิ้นพล่านเป็นการเอาคืน ผมเลยเกร็งรัดนิ้วเขาเป็นการตอบแทน

“ซี้ด! คุณมันร้ายเซ็บ”

“ข้างในฉันอุ่นมากนะ” ผมยังพูดจากระตุ้นอารมณ์เขา “ถ้าได้นายเข้ามามันคงรัดแน่นกว่านี้แน่ ตรงนี้ของฉันรักนายจะตายอยู่แล้วแพท”

“ให้ผมเข้าไปเถอะ”

เขาขอเสียงพร่า ผมหัวเราะ บังคับให้แพทริคถอนนิ้วออกไป ขยับตัวนั่งคร่อมเขาไว้ให้อะไรๆ มันง่ายกว่าเดิม

“อ้อนวอนฉันสิ” ผมว่าอย่างเหนือกว่า ขยับสะโพกถูไถกับปลายส่วนแข็งขืนที่ตั้งชัน มันกระตุกและสั่นทุกครั้งที่ลื่นผ่านปากทาง...ใช่ ผมจงใจ “อ้อ ฉันยังอยากให้นายเรียกฉันว่าแด๊ดดี้นะ”

“ดะ…”

“หืม?”

“ให้ผมเข้าไปข้างในนะครับแด๊ดดี้ ซี้ด…!”

แพทริคเชิดหน้าสูดปากทันทีที่ผมกดตัวตนเขาเข้าไปข้างใน ผมโอบต้นคอเขาไว้ กระตุกยิ้มมุมปากให้แพทริคที่มองมาตาเยิ้ม คืนนี้ผมจะคุมเกม ไม่ว่าแพทริคจะยอมหรือไม่ก็ตาม

ผมเริ่มขยับเมื่อทุกอย่างเข้าที่ แพทริคพยายามจะพลิกตัวผมลงล่าง แต่ผมขืนตัวเอาไว้ เจ้าแมวยักษ์ดูขัดใจ แต่พอผมทิ้งตัวขยับโยก ความไม่พอใจก็หายไปเหลือแต่เสียงครางทุ้มในลำคอ แพทริคถูกผมชักนำไปตามจังหวะที่กำหนด เสียงหอบกระเส่าดังปนกัน แพทริคดึงตัวผมเข้าไปจูบ

รสจูบครั้งนี้ดุดันและเรียกร้องกว่าทุกครั้ง

ผมไม่หยุดขยับ จังหวะถี่รัวขึ้นเมื่ออารมณ์โหมกระพือ เหงื่อไหลเต็มตัวจนคิดว่าจบจากนี่คงต้องอาบน้ำกันใหม่

“อึก! แพทอย่าสวน!”

“คุณคุมเกมได้คนเดียวหรือไง” แพทริคเถียง ยังคงสวนเอวขึ้นมาไม่หยุด มันกระแทกจุดอ่อนไหวภายในผมเต็มๆ จนตัวสั่นคลอน ต้องกัดปากห้ามเสียงเอาไว้ “ร้องสิครับ ผมอยากได้ยินเสียงครางของคุณ”

“ร้องว่าอะไรดี” ผมกัดปาก “แบบนี้เหรอ…”

ผมครางต่ำเสียงแหบพร่าข้างใบหูเขา บดช่วงล่างตัวเองสู้ให้แพทริคคลั่งกว่าเดิม เขาคำรามฮึ่ม กัดหน้าอกผมและดูดดึงไม่ห่าง ผมจิกหัวเขาไว้ แอ่นตัวให้แพทริคทำได้ถนัดยิ่งขึ้น

“เรียกแด๊ดดี้อีกสิ อะ อืม...”

“อ่า...แด๊ดดี้ ข้างในคุณร้อนมาก” เขากระแทกสวน “รัดผมแน่นสุดๆ ไปเลย”

“รัดได้แน่นกว่านี้อีกนะ” ไม่ว่าเปล่า ผมสาธิตทันที

“ซี้ด อย่าแกล้งครับ”

“หึๆๆ” ผมหัวเราะ เร่งจังหวะขึ้นเมื่อรู้สึกไม่ไหวแล้ว แพทริคจับตัวตนผมไว้ ก่อนหน้านี้มันแข็งเกร็งจนถูไถกับหน้าท้องเขาไปมา “ชอบที่ฉันทำให้นายไหมแพท รู้สึกดีหรือเปล่าเด็กดี”

“ชอบครับ” เขาหอบแฮ่ก ขยับรูดรั้งให้ผมจนเสียวซ่านไปถึงปลายเท้า “ชอบให้แด๊ดดี้บดผมแรงๆ อย่างนี้ ซี้ด!”

แพทริคกระตุกเฮือก ปลดปล่อยข้างในจนชุ่มฉ่ำ ผมตามเขาไปติดๆ ห้วงอารมณ์ฉีดกระจายเต็มหน้าท้องเป็นลอน ผมทิ้งตัวซบเขา กดจูบลงบนต้นคอแพททริค ดูดเม้มตีตราจอง ส่วนนั้นยังคาอยู่ในตัว ไม่คิดจะเอาออก แช่ไว้แบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

“เลอะหมดเลย”

“เพราะใครกันที่เริ่ม?”

แพทริคหัวเราะ เขาดันตัวผมออก ส่วนนั้นหลุดตามมา ผมเผลอร้องเมื่อจังหวะที่ถอดถอนจุดนั้นยังอ่อนไหวและไวต่อสัมผัสอยู่ เจ้าแมวยักษ์หยิบทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดทำความสะอาดให้ผม เขาทำท่าจะล้วงของเหลวที่อยู่ข้างในออกให้ด้วยซ้ำแต่ผมห้ามเอาไว้แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวที่กระจัดกระจายตกแถวนั้นมาคลุม

“ชอบตอนคุณขึ้นให้ผมจัง”

“ถ้าชอบก็เรียกแด๊ดดี้บ่อยๆ แล้วจะขึ้นให้”

“คุณนี่จริงๆ เลย” แพทริคบ่นพึมพำ ผมเลยยื่นหน้าไปจูบปลายจมูกเขา แมวยักษ์จ้องผมตาแป๋ว

“น่ารัก” ผมยิ้ม “นายน่ะน่ารักจังนะแพท”

ผมเกลี่ยนิ้วกับใบหน้าแพทริค รอยกระสีอ่อนกระจายเต็มจมูกและข้างแก้ม มันน่าเอ็นดูในสายตาผมมากๆ จะว่าไปเขาก็ดึงดูดสายตาผมตั้งแต่แรกพบแล้ว ผู้ชายตัวสูงที่ปีนต้นไม้ช่วยลูกแมวจนตัวเองเปียกปอนเกือบเป็นอันตราย ทว่ามือกลับประคองเจ้าตัวเล็กไว้ไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บ...

...และดวงตาสีฟ้าใสที่มองมา

คงตั้งแต่ตอนนั้น ถึงผมจะไม่รู้ตัวเองก็ตาม

“ถ้าผมน่ารักก็รักผมให้มากๆ”

“รู้น่า” ผมบีบจมูกเขา “แล้วนายล่ะ รู้อะไรไหม…”

“ครับ?”

“Maybe…” ผมสบตาเขา ยกยิ้มเมื่อเห็นแววตาใสซื่อมองตอบอย่างงงๆ “You had me at hello, Patrick”

แพทริคนิ่งไป หลังจากนั้นถึงหัวเราะออกมา

“อื้ม เช่นกันครับ”





_________________________________________

You had me at hello : คุณได้ใจฉันตั้งแต่แรกเจอ ... ต่างคู่ ต่างเวลา และต่างผลลัพธ์

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
งื้ม...มมม คุณเสือดำแซ่บมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   :m25:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
แซ่บมากกกกกกกกก ซี้ดปากกันระรัววววว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สมกับเป็นเสือ แซ่บๆๆๆๆ

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
Epilogue

There’s a rainbow always after the rain


[Patrick]



“ใกล้หมดหน้าฝนแล้ว”

ผมทัก เงยหน้ามองท้องฟ้าตอนเช้า เมฆสีเทากำลังเคลื่อนตัวออก เปิดทางให้ท้องฟ้ากระจ่างและแสงอาทิตย์ เมื่อเช้ามืดฝนตกอยู่ร่วมห้าชั่วโมง มันเพิ่งหยุดเมื่อเก้าโมงเช้าที่ผ่านมานี่เอง

“อืม ตกนานแบบนี้คงส่งท้ายแล้วล่ะ” เซบาสเตียนพยักหน้ารับ เขาก้าวไปข้างหน้า สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดแล้วหันมาทางผม “จะไม่ได้ยินเสียงนายตอนฝนตกแล้วแพท”

“ว้าว อย่าบอกนะว่าคุณคิดถึงเสียงผม”

“เปล่า ดีใจ ไม่มีเสียงอะไรรบกวน” เขาตอบหน้าตาย ผมเลยเบ้หน้าใส่

“ระวังไว้เลย หน้าฝนปีหน้าผมจะกวนคุณหนักกว่าเดิม”

เซบาสเตียนหยุดเดิน เขาหรี่ตามอง ก่อนขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิง ผมประท้วง จับมือเขาออก เปลี่ยนเป็นผสานมือพวกเราไว้ด้วยกัน บีบกระชับไว้แบบนั้นก่อนออกเดินต่อ เซบาสเตียนไม่ได้ดึงออก ผมถือว่าเขาอนุญาต

“เมื่อก่อนฉันเกลียดตอนฝนตก” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา

“อือฮึ เพราะได้ยินเสียงผมงั้นเหรอ”

“มันทั้งน่ารำคาญและอึดอัดเวลาไม่ได้ยินอะไร” เขาหัวเราะในลำคอ “อ้อ มีเสียงนึงที่ได้ยิน แต่นั่นยิ่งน่ารำคาญกว่าเดิม”

“ถ้าคุณพูดคำว่ารำคาญออกมาอีกคำเดียวผมจะร้องไห้จริงๆ นะ”

“เป็นแมวขี้น้อยใจตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาแกล้งเกาคางผม

“ตั้งแต่ชอบคุณนั่นแหละ”

“ล้อเล่นน่า” เซบาสเตียนหัวเราะ พวกเราก้าวไปข้างหน้า พื้นเปียกแฉะ อากาศรอบตัวเย็นชื้น ผมได้กลิ่นไอดินผสมกับกลิ่นฝน มันเป็นกลิ่นที่บรรยายออกมาไม่ถูก แต่ผมค่อนข้างชอบมัน “ตอนนี้ไม่รำคาญแล้ว”

“เปลี่ยนจากรำคาญเป็นอะไรล่ะครับ?”

“ชอบ”

ผมยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบจากเซบาสเตียน เขาหันมายิ้มตอบผม พวกเราเดินมาถึงจุดชมวิวพอดี นักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา คงเพราะฝนตกและอากาศเปียกชื้น เหมาะแก่การนอนซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ มากกว่า แต่ผมกับเซบาสเตียนคิดต่างไป พวกเราไม่อยากเสียเวลาทิ้งอย่างนั้น

“วิวตรงนี้สวยอย่างที่เขาเขียนรีวิวไว้ในเว็บไซต์เลยนะครับ”

ผมมองออกไปข้างหน้า ตรงที่เรายืนอยู่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างพื้นดินทั้งสองฝั่ง ด้านหลังเป็นน้ำตกที่ตกจากชั้นบนสุด ส่วนข้างล่างเป็นน้ำตกอีกชั้นที่ต่อกัน ผมมองลงไปในแอ่งน้ำนั้น มันกระจ่างใสดูเย็นสบาย หญ้ามอสและเฟิร์นสีเขียวสดปรกคลุมโขดหิน ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาตามลม

“ถ่ายรูปไหมแพท”

“ถ่ายสิครับ มาถึงนี่ทั้งที” ผมหัวเราะ สบตาเขา “รู้ไหมว่าแลนมาร์คตรงนี้คู่รักนิยมมาถ่ายรูปกันเยอะเชียวนะ”

“งั้นมาถ่ายรูปคู่กัน”

เซบาสเตียนยิ้ม เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดกล้องหน้า ยืนเคียงข้างผม ภาพบนจอปรากฏรูปผมกับเซบาสเตียน ด้านหลังเป็นสายน้ำตกและธรรมชาติรอบตัว มันสวยมากทีเดียว

แชะ!

“อีกรูปสิครับ” ผมบอก เซบาสเตียนตามใจผมโดยไม่ปฏิเสธ ผมยิ้มกริ่ม จังหวะที่เขากำลังกดถ่าย ผมก็หันหน้าไปหอมแก้มเขาทันที

แชะ!

“เฮ้! เจ้าแมวยักษ์ฉวยโอกาส” เขาย่นคิ้ว ดีดหน้าผากผมไปทีนึง “ถ้าฉันตกใจจนถีบนายตกน้ำตกจะทำยังไงฮะ?”

“โธ่ คุณไม่ใจร้ายแบบนั้นสักหน่อย” ผมส่งยิ้มอ้อน เซบาสเตียนเลยส่ายหน้าให้

“หน้าฉันประหลาดชะมัด”

“ดูดีออก” ผมชะโงกหน้าดูรูปที่ถ่ายไว้ “น่ารักดี ปกติคุณไม่ทำหน้าเหวอแบบนี้”

“ฉันจะลบ”

“เฮ้ๆๆๆ หยุดเลยนะเซ็บ” ผมรีบแย่งโทรศัพท์เขามายัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง “ผมไม่ให้ลบ ผมชอบภาพนี้ ไม่ลบนะครับ นะๆๆ”

“หยุดอ้อน”

“ไม่หยุด” ผมยักคิ้วใส่ “คุณแพ้ลูกอ้อนผม เรื่องอะไรจะหยุดครับ”

“นายนี่จริงๆ เลยแพท”

เซบาสเตียนจิ๊ปาก สุดท้ายก็หลุดยิ้ม เขาบีบจมูกผม พึมพำว่ามันเขี้ยวๆ จนจมูกผมแดงแปร๊ดก่อนผละออก เท้าแขนกับขอบสะพาน มองออกไปข้างหน้า สายลมพัดมาแผ่วเบา ผมได้กลิ่นดอกไม้ป่าอีกครั้ง ละอองน้ำตกจากด้านหลังกระเซ็นมาเป็นระยะ ผมเงยหน้า ท้องฟ้ากำลังเปิด แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดลงมา บรรยากาศตอนนี้ดีสุดๆ

“แพท”

“ครับ?”

“มันฟังดูน่าอาย แต่ว่า…” เขาหันมองผม สายตาที่ส่งมาอ่อนโยน “...ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก นายเปลี่ยนวงจรชีวิตเดิมๆ ของฉันจากหน้ามือเป็นหลังมือ ขอบคุณ...ที่ไม่ยอมแพ้กับฉันนะ”

“คุณนี่ บทจะโรแมนติกก็ไม่บอกกล่าว”

“อย่าล้อน่า” เขาทำเสียงเข้ม แต่ริ้วแดงข้างแก้มบอกให้รู้ว่าเขิน

“ผมไม่ได้ล้อสักหน่อย”

“รู้ ฉันก็พูดไปอย่างนั้น” เซบาสเตียนยักไหล่ “เวลาผ่านไปเร็วมากแพท เหมือนฉันเพิ่งรู้จักนายได้ไม่ทันไร แต่ที่ไหนได้ นี่จะหมดหน้าฝนแล้ว ระหว่างทางมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเยอะแยะ ถ้าเมื่อก่อนตอนฉันยังอยู่ตัวคนเดียวคงไม่รู้จะจัดการกับเรื่องพวกนี้ยังไง”

“คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวสักหน่อย” ผมค้าน “ก่อนผมจะเข้ามาในชีวิตคุณ คุณเองก็มีคนคอยอยู่เคียงข้างตั้งเยอะ อย่ามองข้ามพวกเขาสิครับ อย่างน้อยเรื่องนี้แมทธิวก็ช่วยคุณมากกว่าผมแล้วกัน”

ผมหัวเราะออกมาเมื่อเซบาสเตียนแค่นเสียงใส่ตอนพูดถึงแมทธิว ผมชอบความสัมพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้ เหมือนจะไม่ชอบหน้าแต่สุดท้ายในใจพวกเขาก็เป็นห่วงกันตลอด

“อย่าพูดถึงแมทน่า” เซบาสเตียนกลอกตา “เสียบรรยากาศชะมัด ไม่รู้ป่านนี้หมอนั่นจามไปกี่รอบ”

“พูดถึงแมท สรุปเขาถูกคุณซีมอนย้ายไปสาขาที่ไหนเหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัย หลังเรื่องราวทุกอย่างคลี่คลาย เซบาสเตียนเล่าให้ผมฟังว่าแมทธิวถูกคุณซีมอนจับย้ายไปประจำบริษัทลูกซึ่งเป็นสาขาย่อยต่างประเทศเพราะขัดคำสั่งห้ามสืบเรื่องมือปืนที่ลอบยิงเมื่อครั้งนั้น

“ที่…” เขาพูดชื่อประเทศ ผมเผลอเบิกตากว้างทันที

“เดี๋ยวนะ ที่นั่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่อากาศหนาวติดลบเกือบตลอดปีไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่” เซบาสเตียนหัวเราะหึๆ ในลำคอ “แต่ถ้านายจะสงสารใครสักคน แจสเปอร์น่าสงสารที่สุด ตำแหน่งเขาต้องอยู่ข้างตัวแมทเสมอ และแจสเปอร์โคตรเกลียดอากาศหนาวเลย”

“หวังว่าพวกเขาจะไม่ตีกันตายคากองหิมะนะครับ”

“ฉันก็หวังแบบนั้น ที่แมทโดนลงโทษก็เพราะช่วยฉัน อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากให้เขาปวดหัวเพิ่ม” เซบาสเตียนตอบรับยิ้มๆ เขามองออกไปข้างหน้า สายตาทอดไกล ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร “และฉันก็หวังว่าพวกเรา...ทุกคนรอบตัวฉันจะมีความสุขกันสักที”

“เซ็บ” ผมเรียกเขา รอจนอีกคนหันมา ดวงตาสีมรกตไหววูบ ผมยิ้มให้เขา “คุณเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ?”

“หืม?”

“หลังเมฆฝนหายไปจะเจอสายรุ้งนะ”

“เข้าใจเปรียบเทียบดี” เขายิ้ม

“เฮ้ จริงนะคุณ” ผมทำตาโตใส่ “ไม่มีอะไรเลวร้ายได้ตลอดหรอก ก็เหมือนหน้าฝนที่บรรยากาศมืดครึ้ม เฉอะแฉะ เปียกชื้นไม่สะดวกทำอะไรสักอย่าง มันแย่ใช่ไหมล่ะ? แต่ฝนไม่ได้ตกตลอดไปสักหน่อย หลังมันหยุดอากาศก็กลับมาแจ่มใส แถมมีสายรุ้งสวยๆ ให้คุณมองด้วย”

“โอเค เชื่อแล้ว นายไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้น”

“กลัวคุณมองว่าผมคิดอะไรเป็นเด็กๆ”

“คิดอะไรเป็นเด็กๆ ก็ดีนะฉันว่า” เขายิ้มออกมาในที่สุด “ความคิดของเด็กไม่ซับซ้อน มันซื่อตรงและจริงใจ นายก็เป็นอย่างนั้นแพท มันเป็นข้อดีต่างหาก”

“คุณชมอีกคำเดียวผมจะลอยแล้วนะ”

“ก็เกินไป”

เซบาสเตียนหัวเราะ แววตากลับมาสดใสอีกครั้ง ผมรักที่มันเป็นแบบนั้น เวลาที่เซบาสเตียนยิ้มหรือหัวเราะทำให้ผมมีความสุขตามเขาไปด้วย เซบาสเตียนควรเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ถึงไม่ที่สุดในโลก แต่ก็ควรที่สุดในโลกของผม พวกเราต่างมีโลกเป็นของตัวเอง แต่ผมยินดีจะแบ่งปันโลกของผมให้เขาร่วมใช้ชีวิตด้วย

“ว่าแต่…”

“หืม?”

“ฝนในใจคุณหยุดตกแล้ว” ผมเกริ่น “ตอนนี้คุณเจอสายรุ้งของตัวเองหรือยังเซ็บ”

เซบาสเตียนสบตาผม พวกเราจ้องหน้ากันครู่หนึ่ง ในที่สุดเซบาสเตียนก็ยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มแผ่ไปถึงดวงตาที่หยีโค้ง เขาพยักหน้า จ้องลึกเข้ามาในตาผมราวกับจะบอกบางอย่างเป็นนัย

“อืม ฉันเจอแล้ว”

“ไหนครับ” ผมแกล้งถาม

“สายรุ้งของฉันคือนาย...แพท”

รอยยิ้มผมกว้างกว่าเดิม คำตอบของเซบาสเตียนเป็นประโยคสั้นๆ แต่แสนพิเศษ ผมรู้สึกว่าในใจตัวเองอุ่นวาบแม้บรรยากาศรอบตัวจะเย็นชื้น ช่วงชีวิตหนึ่งของผม การเป็นสายรุ้งและโลกทั้งใบให้ใครสักคนเป็นเรื่องราวที่มีความหมายที่สุด

เซบาสเตียนเองก็มีความหมายกับผมไม่น้อยไปกว่ากัน

ในวันที่ผมมองไม่เห็นเขาจะเป็นสีสันหนึ่งเดียวที่ผมมองเห็น

ในวันที่ผมไม่ได้ยินอะไร เซบาสเตียนจะเป็นเสียงเดียวที่ดังท่ามกลางความเงียบ

ในวันที่ผมไม่สามารถลิ้มรส เขาจะเป็นรสชาติเดียวที่ผมสัมผัสได้

ในวันที่ผมหลับตาและฝันไป ตัวตนของเซบาสเตียนจะแจ่มชัดในนั้น

ชื่อคุณจะสลักบนตัวผม ตัวตนของคุณจะฝังลึกในใจ

แด่คุณผู้มากับสายฝน

คุณที่เป็นทุกอย่างให้ผม

ผมขอเป็นสายรุ้งประจำตัวคุณตลอดไป...

“...ส่วนคุณก็เป็นโลกทั้งใบของผมครับเซ็บ”


The End





___________________________________
บทส่งท้ายแล้วค่ะ มันก็จะใจหายหน่อยๆ เพราะอยู่กับเรื่องนี้มาตั้งแต่ 1 กค. เลย เวลาผ่านไปเร็วมาก ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาด้วยกันจนถึงบทสรุปของเรื่องนะคะ เราอยากให้นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอีกเรื่องที่ทุกคนจะกลับมาอ่านใหม่ซ้ำอีกรอบในวันที่ต้องการกำลังใจหรือพลังบวก หวังว่ามันจะเป็นมากกว่างานเขียนชิ้นหนึ่งค่ะ

หน้าฝนใกล้หมดลงแล้ว หวังว่าหลังจากนี้ทุกคนจะเจอสายรุ้งของตัวเองนะคะ

ปล.เดี๋ยวมีตอนพิเศษแมทธิวกับแจสเปอร์ลงให้อ่านอีกตอน ฝากติดตามด้วยค่ะ

#คุณผู้มากับสายฝน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2018 21:21:52 โดย JackXy Wu »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รอตอนพิเศษ..ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะจ๊ะ  :catrun:

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ละมุนมากๆ TT
รออ่านสเปเลยต่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เดินทางมาด้วยกันจนจบตอน อ่านตอนฝนตกอีกแล้วยิ่งอบอุ่นเข้าไปใหญ่
ขอบคุณมากนะคะสำหรับเรื่องโรแมนติกอบอุ่นใจและลุ้นระทึกแถมลงเรือผิดลำอีก :m17:
รอติดตามตอนพิเศษค่ะคุณแจ็ค :pig4:

ออฟไลน์ _tosssalad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบจัง แด๊ดดี้ที่ไม่ใช่ผัว อร๊ายยยย :haun4: :jul1: :m25:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จบแล้ว ดีงามแต่ขัดใจตัวเองนิดหน่อยแบบคิดว่าเซบาสเตียนน่าจะรุกอ่ะ

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
Special 1

Will you please shut the fuck up?

[Matthew & Jasper]




โลกแม่งบัดซบหรือเพราะเขาเกิดเป็น ‘แจสเปอร์ คิม’ มันถึงบัดซบกัน?

แจสเปอร์เคยตั้งคำถามกับตัวเองหลายครั้ง และทุกครั้งคำตอบที่ได้คือ เพราะเขาเป็นแจสเปอร์ คิมยังไงล่ะ แม่เขาเป็นผู้อพยพ มาเจอกับพ่อขี้เหล้าไร้อนาคตที่ประเทศนี้ เขาคือผลผลิตจากความผิดพลาด ตั้งแต่จำความได้แจสเปอร์เห็นพ่อตบตีแม่ ความรุนแรงกลายเป็นสิ่งคุ้นชิน กระทั่งแม่หนีไป ทิ้งเขาไว้กับพ่อเวรๆ นี่

เขารับช่วงต่อความรุนแรงนั้น เป็นกระสอบทรายให้พ่อต่อยตี เมื่อคิดต่อต้าน ยิ่งโดนหนักกว่าเดิม

แจสเปอร์ไม่มีความผูกพันกับพ่อ พ่อก็แค่ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาเกิดมาโดยไม่ถามสักคำว่าอยากเกิดไหม โอเค รู้ว่าเรื่องแบบนี้ถามกันไม่ได้ ถึงอย่างนั้นแจสเปอร์ก็ไม่นึกเสียใจที่วันหนึ่งพ่อออกจากบ้านไปและไม่กลับมาอีก

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนั้น เขารู้แค่ไม่มีคนจ่ายค่าเช่าห้องรูหนูนี่แล้ว ตอนนั้นแจสเปอร์อายุแค่สิบสี่ปี ไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่มีความรู้และเด็กเกินกว่าใครจะรับทำงานพาร์ทไทม์ เมื่อเจ้าของห้องเช่ารู้เรื่องก็ติดต่อสถานสงเคราะห์ให้มารับเขาไป บ้านเด็กกำพร้าเป็นบ้านหลังที่สองที่แจสเปอร์ได้รับจากพระเจ้า

มันดีที่มีที่คุ้มหัว แม้สภาพแวดล้อมไม่ดีเท่าไหร่แต่ไม่แย่เท่าตอนเขาอยู่กับพ่อ ก็แค่พวกหัวโจกตั้งท่าจะรังแกเด็กใหม่อย่างเขา ห้องนอนรวมที่แออัดแต่หนาวเหน็บเมื่อเข้าหน้าหนาว อาหารรสชาติแปลกๆ แจสเปอร์คิดว่าชีวิตตัวเองในสถานสงเคราะห์ไม่ได้แย่เท่าไหร่ มีที่อยู่ ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เกือบดีแล้วเชียวถ้าติดว่าเขาเริ่มได้ยินเสียงใครบางคนในวันฝนตก...

แจสเปอร์เงียบ พยายามเงียบที่สุด ทำตัวเองให้ไร้ตัวตน เฝ้าฟังเสียงปริศนานั้นจนเวลาผ่านไป หนึ่งปี สองปี เรียนรู้ชีวิตอีกฝ่ายคร่าวๆ และเหมือนฝั่งนั้นจะรู้แล้วว่าเขาได้ยินเสียงตัวเอง

‘ฮัลโหล มีใครได้ยินไหม?’

“...”

‘เฮ้?’

“...”

‘ไม่ได้ยินจริงสิ? ว้า ฉันกำลังจะอ่านเรื่องผีล่ะ’ คืนนั้นจบที่แจสเปอร์นอนคู้ตัวคลุมโปง หลับตาปี๋ สองมือปิดหูแน่นแต่ไม่สามารถกันเสียงของอีกฝ่ายได้เลย

แจสเปอร์คิดว่ามันจะจบแค่นั้น แต่ไม่...ทุกครั้งที่ฝนตกเขาจะได้ยินเสียงโซลเมตเวรของตัวเองอ่านเรื่องผีจากเว็บสยองขวัญชื่อดังให้ฟัง อีกฝ่ายกำลังก่อกวนเขา น้ำเสียงเจือหัวเราะนั่นน่าหงุดหงิดชะมัด กระทั่งแจสเปอร์ทนไม่ไหวนั่นแหละ

“หุบปากสักทีได้ไหม!?”

อีกฝั่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนหัวเราะในลำคอ

‘ว้าว ว่าแล้วว่าฉันต้องมีโซลเมตเหมือนคนอื่นเขา’

“แม่งเอ๊ย ไอ้งี่เง่า หุบปากนายสักทีฉันจะนอน!”

แจสเปอร์ตะโกนอย่างหัวเสีย สวนทางกับอีกฝ่ายที่หัวเราะลั่นกลับคืนมา

นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับแมทธิว รอสซ์


[Jasper]

“ช่วยหุบปากสักชั่วโมงได้ไหมครับ หรือจะให้ผมตัดลิ้นคุณทิ้งดี?”

“ไม่เอาน่าแจสเปอร์”

“หุบปาก...” ผมนวดขมับตัวเอง ข่มใจไม่ให้ลุกจากเตียงไปบีบคอไอ้บัดซบที่นอนเหยียดยาวบนโซฟาในห้องผม เท้ากระดิกไปมาตามจังหวะผิวปาก แม่ง! นอกเวลางานไม่ต้องพูดเพราะกับมันแล้วให้ตายเถอะ “...ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแมท!”

“ไม่เห็นต้องหงุดหงิดขนาดนี้เลย” แมทธิวตีหน้าซื่อ เขาเหลือบตามองผม แววตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ แต่ในที่สุดก็หยุดผิวปากกวนประสาท “ทำไม แค่ฉันผิวปากฮัมเพลงมันกวนใจนายขนาดนั้นเชียว โอ้...หรือเพราะกำลังแชทคุยกับใครนะ”

“มารยาท”

“ฉันไม่ได้แอบดูสักหน่อย นายเองก็ไม่ได้ปิดบังนี่”

“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” ผมตัดบท ขี้เกียจเถียงกับเขา มันเปลืองพลังงานเปล่าๆ “ถึงจะเป็นบ้านนาย แต่นี่ห้องฉัน เกรงใจกันหน่อยคงไม่ตาย”

“นายก็รู้แจสเปอร์ ฝนตกแบบนี้ฉันอยู่ไหนนายก็ได้ยินเสียงฉันอยู่ดี” เขาเหยียดยิ้ม

“อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นหน้า” ผมโบกมือไล่ “ไปได้แล้วไป”

“ไม่ไป”

“แมท...” ผมกดเสียงต่ำ

“ฉันขอใช้สิทธิ์เจ้าของบ้าน ถึงนี่จะเป็นห้องนาย แต่ก็อยู่ในอาณาเขตบ้านฉัน เพราะฉะนั้นฉันมีสิทธิ์เหนือกว่า หรือนายจะไปเช่าห้องที่อื่นก็ได้นะ แต่อย่าลืมว่าประเทศนี้อะไรๆ ก็แพงไปหมด สู้ค่าเช่าทั้งปีไหวหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่ต้องมาขู่”

“ไม่ได้ขู่สักหน่อย” แมทธิวลุกนั่ง เอนตัวพิงโซฟา ตวัดขาไขว่ห้าง แขนสองข้างวางพาดพนักโซฟาท่าทางสบายใจ เขามองตรงมา เหยียดยิ้มมุมปาก ผมเกลียดรอยยิ้มเขา ยิ่งโดนลากมาดูงานสาขาต่างประเทศนี่ยิ่งหงุดหงิด “พูดความจริงทั้งนั้น น่าๆ เราก็คนกันเอง ฉันนอนไม่หลับ พรุ่งนี้วันหยุด ขออยู่ด้วยคนสิจะไล่กันท่าเดียวเลยหรือไง”

“งี่เง่าเอ๊ย! นายทำฉันปวดหัว” ผมกลอกตา ก้มมองจอโทรศัพท์เมื่อมันสั่น ผมเปิดอ่านข้อความล่าสุดที่ส่งมาก่อนเรื่องของแมทธิวจะหายไปจากหัว ผมยิ้ม พิมพ์ตอบอีกฝ่ายกลับไป

“เฮ้”

“อะไร” ผมขมวดคิ้ว เหลือบตามองใบหน้าคนที่เป็นทั้งเจ้านายและโซลเมตของตัวเอง เขาลุกจากโซฟา เดินตรงมา “แล้วใครอนุญาตให้ขึ้นเตียงวะ ลงไปซะแมท”

“คนคุยคนนี้น่ะ...จริงจังเหรอ”

“นายจะรู้เรื่องส่วนตัวของฉันไปทำไม?”

“ฉันไม่เคยเห็นนายคุยกับใครนานเท่าคนนี้” เขาเลิกคิ้ว เมินคำถามผม พวกเราสบตากันนิ่ง “สามเดือนที่นายคุยกับเธอคนเดียว...คบกันแล้ว?”

“ถ้าตอบว่าคบแล้ว?” ผมเลิกคิ้วดูปฏิกิริยาของแมทธิว เขาขมวดคิ้วแน่น แววตาขุ่นมัว จากนั้นเหยียดยิ้ม

“โอ้ เจ๋งนี่”

“เสียงนายฟังดูไม่ยินดีเท่าไหร่ รอยยิ้มจอมปลอมนั่นก็ด้วย”

“แหงล่ะ เมื่อก่อนนายทุ่มเททำงานให้ฉันเต็มร้อย ถ้านายมีคนรักแล้วเสียงานเสียการจะทำยังไง”

“ฉันมืออาชีพพอแมท” ผมยักไหล่ ไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไรและก้มหน้าพิมพ์แชทตอบคนคุยของตัวเองต่อ หูได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของแมทธิว เขาเงียบไปแล้ว มันค่อนข้างดีกับประสาทการได้ยินของผมนิดหน่อย แต่ผมลืมไปว่าการเงียบของแมทธิวไม่ต่างอะไรกับคลื่นใต้น้ำ “เฮ้! อะไรของนายวะ?”

“ให้ตาย! นายคบกับเธอแล้ว? ฉันถามจริง!?”

“ก็ตอบไปแล้ว” ผมถอนใจ แบมือไปตรงหน้า “ขอโทรศัพท์ฉันคืนด้วยแมท”

“ฉันไม่เชื่อว่านายจะคบกับเธอ” แววตาแมทธิวดื้อดึงและรู้ทัน เขายังไม่คืนโทรศัพท์ผม “นายใช้คำว่า ‘ถ้า’ แสดงว่านายสมมุติ”

“นายก็ฉลาดเหมือนเดิมนี่ เอาล่ะ คืนโทรศัพท์ฉันได้แล้ว”

“ให้เธอรอบ้างไม่เป็นไรหรอกน่า” เสียงแมทธิวอ่อนลง แววตาเขาก็เช่นกัน ส่วนรอยยิ้มจอมปลอมยังไม่หายไปไหน “ไม่ต้องรีบตอบหรอก”

“เอาล่ะแมท มาคุยกันดีๆ ก่อนฉันจะหงุดหงิดแล้วเตะนายออกจากห้อง” ผมเสยผมตัวเอง พยายามใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ชีวิตส่วนตัวจะโดนแมทธิวรุกล้ำอยู่ก็ตาม “ฉันจะถามนายสั้นๆ คำถามง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอย่าง...นายจะมายุ่งอะไรกับชีวิตส่วนตัวฉันไม่ทราบ?”

“ฉันไม่ชอบ”

“ขอเหตุผลที่ฟังขึ้นและมีสาระด้วย”

“นายอยากรู้จริงเหรอ” เขากลับมาขมวดคิ้วอีกครั้ง “ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ทั้งแน่ใจแต่ก็ไม่แน่ใจในเวลาเดียวกัน”

แมทธิวไม่ได้โกหกหรือตอบเลี่ยง ผมสบตาเขา เห็นแต่ความกังวลเต็มไปหมด แมทธิวถอนใจ เขายัดโทรศัพท์คืนใส่มือแล้วทิ้งหัวพิงไหล่ผมเงียบๆ

“ถ้าง่วงก็กลับไปนอนที่ห้องดีๆ ฉันเป็นผู้ช่วยนายไม่ใช่หมอน”

ผมพูดแบบนี้ทุกครั้งที่แมทธิวเอาไหล่ผมเป็นหมอน แต่เขาก็ไม่ฟังทุกครั้งนั่นแหละ

“นึกภาพวันที่ฉันไม่มีนายอยู่ด้วยไม่ออก” จู่ๆ ก็พูดไปอีกเรื่อง แต่แมทธิวก็เป็นแบบนี้ ผมชินซะแล้ว “จะทิ้งฉันไปมีครอบครัวจริงเหรอ นายมีวันนี้เพราะฉัน ฉันให้โอกาสนาย ดึงนายขึ้นมา พอปีกกล้าขาแข็งก็จะทิ้งฉันไปเนี่ยนะ?!”

คำพูดของแมทธิวทำให้ผมนึกถึงเรื่องในอดีต แมทธิวให้คุณซีมอนอุปการะผม ผมถูกอบรมและฝึกฝนให้มีความรู้ความสามารถมากพอจะเคียงข้างแมทธิวได้ในอนาคต เป็นผู้ช่วยมือดีที่ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

มีสำนวนกล่าวไว้ว่าอย่าพูดความลับเมื่อฝนตก แมทธิวเคยบอกว่าที่ดึงผมมาไว้ข้างตัวเพราะเขาคิดว่าการมีโซลเมตคือช่องโหว่ เขาอาจหลุดความลับทางธุรกิจออกมาโดยไม่ตั้งใจและผมอาจเอาไปทำเรื่องไม่ดีต่อเขาถ้าเป็นคนนอก แต่เมื่อผมเป็นคนของเขา แมทธิวสามารถควบคุมและบงการทุกอย่างได้

“ขอโทษนะ นี่เวลาลำเลิกบุญคุณหรือไง”

“แล้วบุญคุณทำให้นายอยู่กับฉันตลอดไปได้ไหมล่ะ”

แมทธิวเงยหน้าขึ้น เขาจ้องเข้ามาในดวงตาผม แววตาจริงจังไม่ล้อเล่นอีกต่อไป ผมค่อนข้างตั้งตัวไม่ทันและทำตัวไม่ถูก พวกเราเป็นโซลเมตกัน แต่ที่ผ่านมาเราเคียงคู่กันในฐานะนายจ้างกับลูกน้อง อาจคาบเกี่ยวความเป็นเพื่อนนิดหน่อยแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่แมทธิวจะพูดให้ผมคิดไปในทางอื่น

ต้องยอมรับว่าตกใจมาก มากโคตรๆ เลยล่ะ

“ในฐานะอะไรล่ะ” ผมหยั่งเชิง

“...”

“คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมารั้งกัน” ผมกระตุกยิ้ม ตบแก้มแมทธิวเบาๆ “หาคำตอบดีๆ ไว้ล่ะ”

ผมเลิกสนใจเขา เอนตัวพิงพนักเตียงและพิมพ์ข้อความโต้ตอบกับคนคุยต่อ เธอคุยสนุก น่ารัก ช่างเอาอกเอาใจแต่ไม่ก้าวก่าย นิสัยแบบนี้ตรงสเป็คผมสุดๆ

“เฮ้…” แมทธิวขยับตัวเข้าหา ไหล่เราชนกัน ไออุ่นจากตัวเขาส่งผ่านมาถึงผม “งั้นจนกว่าฉันจะให้คำตอบนายได้ ขออย่างเดียว เวลาที่อยู่กับฉันอย่าคุยกับเธอ”

“คราวนี้สั่งในฐานะอะไร เจ้านาย?”

“ในฐานะแมทธิว” เขายื่นหน้ามาใกล้จนผมได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัว มุมปากยกยิ้ม คราวนี้เป็นรอยยิ้มมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ “แมทธิวที่เป็นโซลเมตของนาย”

ผมมองดวงตาสีเขียวมรกตของเขาในระยะใกล้ พวกเราเคยใกล้กันขนาดนี้ไหมผมไม่แน่ใจ แต่ในเมื่อแมทธิวเป็นฝ่ายขยับเข้ามาโดยไม่ลังเล ผมก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ

ผมแตะแก้มเขา มือถือถูกปิดหน้าจอวางทิ้งไว้

“หึๆ หวงกันหรือไงคุณจาร์กัวแห่งรอสซ์” ผมแสร้งประชด “ใครเป็นคนบอกว่าความสัมพันธ์ของเราอยู่บนคำว่าธุรกิจ หืม?”

“ใครกันนะ ฉันชักจำไม่ได้ซะแล้วสิ”

“มารู้สึกเอาตอนนี้ ไม่คิดว่าช้าไป?” ผมแกล้งถาม แมทธิวกระตุกยิ้ม เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม

“อาจรู้สึกมานานแล้วก็ได้” เขายักไหล่ “แต่นายไม่เคยหยุดกับใคร...ไม่เคย ฉันเลยไม่กังวล”

“หึ กลัวฉันหยุดกับคนนี้หรือไง ทำไม ถ้าหยุดแล้วจะทำไม”

“แต่ฉันเป็นโซลเมตนายนะแจสเปอร์” เขายกคำนั้นขึ้นมาอ้าง ผมเลิกคิ้ว

“โซลเมตไม่จำเป็นต้องรักกัน นายรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว”

“ฉันแค่…” เขากลอกตา ดูพยายามหาข้อแก้ตัว “ก็ใช่ ฉันรู้น่า รู้ดีเลยล่ะ ก็แค่ แค่…”

“เฮ้ นายช่วยเงียบสักแป๊บได้ไหม”

แมทธิวก็แค่คนท่ามากคนหนึ่งเท่านั้นแหละ

ผมขยับแนบหน้าผากเราเข้าชิดกัน แตะปลายจมูกชนกับเขา หลุบตาลง จ้องริมฝีปากแมทธิวที่อยู่ใกล้กว่าที่เคย ปากที่ส่งเสียงกวนประสาทผมตั้งแต่แรกยันตอนนี้

มันค่อนข้างให้ความรู้สึกดีเมื่อประทับริมฝีปากลงไป

นุ่มหยุ่น อุ่น และเอาแต่ใจ

“นายกัดฉัน” แมทธิวกระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปากผม เขาขยับเข้ามาใกล้ แทบจะคร่อมกันอยู่ร่อมร่อ “ทำร้ายร่างกายเจ้านายแบบนี้ลงโทษยังไงดี”

ผมวางมือเหนือสะโพกเขา เหยียดยิ้มใส่เจ้านายที่ขมวดคิ้วตรงหน้า มุมปากมีเลือดซึม

“เสียใจ นี่นอกเวลางานฉันไม่นับนายเป็นเจ้านาย ออกไปได้แล้วแมท”

ผมดันตัวเขาออก แมทธิวไม่ได้ขืนตัว เขายอมผละออกง่ายๆ ผิดวิสัย ผมสงสัยปนไม่ไว้ใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร แต่ก็ได้คำตอบเมื่อแมทธิวชะโงกหน้าเข้ามาอีกครั้ง กดจูบหนักๆ ลงบนริมฝีปากผมและ…

กึด!

“ซี้ด!” ผมสูดปากเมื่อถูกฟันแหลมขบเข้าให้ ปลายลิ้นผมสัมผัสถึงรสเลือด “แมท!”

“ไปล่ะ ฝันดี”

เขากระตุกยิ้มมุมปาก สีหน้ายียวน โบกมือให้สองสามทีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ผมหรี่ตามองตามกระทั่งประตูปิดลง ในใจร่างแผนการเอาคืน สักวันผมจะกำราบเขา...

เอาให้ยิ้มไม่ออกเลยคอยดู!





_______________________________
มาอัปตอนพิเศษแล้วค่า คู่นี้ไม่ระบุโพซิชั่นนะคะ แล้วแต่จินตนาการของแต่ล่ะท่านเลย จบแบบปลายเปิดอย่างนี้แหละ 55555555

เดี๋ยวมีตอนพิเศษอีกตอนนะคะ ลงเฉพาะในเว็บ เป็นตอนพิเศษวันฮัลโลวีน เราจะอัปให้วันที่ 31 ตค นะคะ วันเกิดเราพอดี แล้วก็เป็นวันฮัลโลวีนพอดี 555

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทันกันดีจังคู่นี้  :katai2-1:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
กินกันไม่ลงเลยนะ ทั้งแจสเปอร์ทั้งแมทธิว
หึหึ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คู่กัด  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
Special

Halloween Day


Patrick X Sebastian


คุณแมด แฮท เทอร์และแมวเชสเชียร์ของเขา

[Sebastian]


31 ตุลาคม คือวันฮาโลวีนหรือเรียกกันอีกอย่างว่าวันปล่อยผี เมื่อถึงเทศกาลนี้ทีไรบรรยากาศภายในตัวเมืองคึกคักทุกครั้ง ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนแต่งผีไม่ก็ฉีกแนวเป็นแฟนตาซีไปเลย มหาวิทยาลัยที่ผมทำงานก็มีจัดกิจกรรมสำหรับเทศกาลนี้ทุกปี ผมไม่เคยเข้าร่วมสักปี กระทั่งปีนี้

เป็นปีแรกที่มา แถมไม่ได้มาคนเดียวซะด้วย

“บอกแล้วว่าคนต้องมองคุณเยอะแน่ๆ”

เสียงหงุดหงิดดังจากคนข้างตัว ผมหันมอง แพทริคกำลังหน้ามุ่ย เขาขมวดคิ้ว มองซ้ายทีขวาที จนคนอื่นที่มองมาพากันหันหนีแทบไม่ทัน

“เพื่อนร่วมงานกับลูกศิษย์ฉันทั้งนั้นแพท”

“ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สนใจคุณนี่”

“แต่เขาก็รู้ว่าฉันมีนายแล้ว” ผมพยายามปลอบแมวยักษ์ที่อารมณ์เสีย “ว่าแต่ฉัน นายเองล่ะรู้ตัวบ้างไหมว่าโดนมองเหมือนกัน”

“ฮะ? ผมน่ะเหรอ” แมวยักษ์หน้าเหรอหรา “มองทำไม ผมไม่ได้แต่งตัวเท่ๆ แบบคุณสักหน่อย”

“คอสเพลย์เป็นแมวแบบนี้นายก็น่ารักน่า”

ผมพยายามกลั้นขำ มองแพทริคในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางสีเทากับกางเกงสแลคสีดำ กระดุมเสื้อปลดลงหนึ่งเม็ดโชว์โชกเกอร์สีดำที่ลำคอ บนหัวสวมที่คาดผมหูแมวสีเทา  ส่วนเข็มขัดที่เขาใส่ ด้านหลังมีพวงหางแมวสีเทาสลับลายดำ ไม่นับรวมถุงมือครึ่งมือในรูปแบบอุ้งมือแมวสีเดียวกันที่เขาสวมนั่นอีก

“ผมไม่อยากเป็นแมวเชสเชียร์สักหน่อย”

“แต่ฉันเป็นแมด แฮทเทอร์” ผมยิ้ม ขยับหมวกทรงสูงที่ตัวเองสวมนิดๆ “และฉันอยากมีแมวเชสเชียร์เป็นของตัวเอง นายก็ยอมรับข้อตกลงนี่ ถ้าจะมาด้วยต้องแต่งเป็นแมวเชสเชียร์ จะปฏิเสธก็ได้แต่นายไม่ทำ”

“ก็ใครจะปล่อยให้คุณมางานแบบนี้คนเดียวล่ะ”

“แมวขี้หวง”

“ก็เจ้าของน่าหวง”

“ไหนใครเคยบอกว่าให้ฉันลองเปิดใจกับคนอื่นๆ ดู” ผมเลิกคิ้ว ยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบ “พอฉันทำแบบนั้นกลับเป็นนายซะเองที่แยกเขี้ยวขู่กลัวคนอื่นเข้าใกล้ฉัน”

“ก็ผม…”

“เซบาสเตียน!” ผมเงยหน้ามองตามเสียงเรียก ชายคนหนึ่งในชุดกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์โบกมือให้มาแต่ไกล “มาทางนี้หน่อยครับ”

“ใครน่ะ” เสียงแมวยักษ์ขู่ฟ่อ ผมยิ้ม

“เพื่อนร่วมงานน่ะ”

ตอบแค่นั้นก่อนเดินไปตามคำเชิญ เมื่อมาถึงผมก็พบมนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์ยืนขนาบข้างกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์อยู่ พวกเขาส่งยิ้มเมื่อเห็นผม

“ยินดีต้อนรับคุณแมด แฮทเทอร์กับแมวเชสเชียร์ของเขา”

“นี่แพทริค” ผมแนะนำเจ้าแมวยักษ์ที่ปั้นหน้ายิ้มให้พวกเขารู้จัก จากนั้นหันมาทางแพทริค “ส่วนนี่เพื่อนร่วมงานในคณะที่ฉันสอน แจ็ค สแปร์โรว์นั่นชื่อสตีฟ มนุษย์หมาป่าเมแกน ส่วนแวมไพร์นี่เจสัน”

“สวัสดีครับ”

แพทริคจับมือกับทุกคนด้วยอุ้งมือแมวนุ่มๆ นั่นจนทั้งสามหัวเราะ เล่นเอาแมวยักษ์หน้าขึ้นสี

“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก” เจสันตอบรับ “ได้ยินพวกนักศึกษาซุบซิบกันว่าแฟนของอาจารย์เซบาสเตียนหล่อมาก พอเจอตัวจริงถึงได้เข้าใจ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“หล่อที่ไหน” ผมว่า เหลือบมองแพทริคที่ยืนข้างกัน “น่ารักมากกว่า”

“น่ารักจริงๆ” เมแกนพยักหน้ารับ

ผมตวัดตามองเขา คลี่ยิ้มเย็น

“ของฉัน”

“หวงจนออกนอกหน้าเชียว” สตีฟแซวยิ้มๆ เขาสบตาผม “ไม่น่าเชื่อว่านายจะเป็นคนแบบนี้ เมื่อก่อนฉันไม่กล้าเข้าใกล้เพราะนายน่ากลัว พอมารู้จักกันจริงๆ มันต่างจากที่คิดเลยแฮะ”

“ช่วงก่อนเจอแมวน่ะ” ผมไหวไหล่ “พอเจอแมวแล้วนิสัยก็ดีขึ้น”

“เขาว่ากันว่าการเลี้ยงสัตว์ทำให้จิตใจอ่อนโยน” เจสันหัวเราะ เขามองผมอย่างรู้ทัน “ท่าจะจริง”

“แล้วนี่น้องแมว เอ๊ย แพทริคอายุเท่าไหร่ครับ ผมถามได้ไหม” เมแกนชวนแพทริคคุย คงกลัวว่าเขาจะอึดอัด แต่แววตาที่มองเจ้าแมวยักษ์ของผมไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่

“ยี่สิบสี่ครับ ใกล้จะยี่สิบห้าแล้ว”

“เด็กจัง งั้นเรียกฉันว่าพี่เมแกนก็ได้นะ”

“หืม จะดีเหรอครับ”

“ดีสิ คนกันเอง” เมแกนยิ้มหวาน ผมหรี่ตามองเขา ขยับเข้าโอบเอวแพทริคเอาไว้ เจ้าแมวยักษ์หันมองผม ดวงตาสีฟ้าใสงุนงง

โดนหยอดยังไม่รู้ตัวอีก

“ฉันไม่อนุญาตให้เรียก” ผมว่า ยิ้มเย็นใส่เมแกน “เขาเรียกฉันได้คนเดียว”

“โอเคๆ ไม่ต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นเลยนะ”

“นายรนหาที่เองเมแกน” สตีฟหัวเราะหึๆ

“ทำใจเถอะ ตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ” เจสันว่า เขามองหน้าผมยิ้มๆ “เสียดาย ที่จริงน่ะ ฉันสนใจนายมาตั้งนานแล้วล่ะเซบาสเตียน”

“ก็พอรู้” ผมตอบหน้าตาย เขาดูแปลกใจ

“ดูออกงั้นเหรอ”

“สายตานายมันน่ารำคาญ” ผมกระตุกยิ้ม “มองอยู่ได้ ใครจะไม่รู้ตัว”

“คนมองนายเยอะแยะ”

“อันนั้นฉันก็รู้”

“เซ็บครับ” จู่ๆ แพทริคก็กระตุกชายเสื้อผม “ผมรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย ช่วยพาไปห้องน้ำได้ไหมครับ”

ผมขมวดคิ้ว สายตาของแพทริคกับน้ำเสียงไม่ได้ดูเจ็บปวดอะไรสักนิด แววตาขวางๆ ด้วยซ้ำไป แต่สุดท้ายผมก็เล่นตามเกมเขา เอ่ยปากขอตัวกับเพื่อนๆ แล้วพาแมวยักษ์แยกตัวออกมา


ปึง!

“ปิดแรงแบบนั้น ระวังประตูจะพังนะ” ผมว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ไม่สะทกสะท้านแม้จะถูกดันเข้ามาในห้องน้ำเดียวกับแพทริค และถูกเขากักตัวเอาไว้

“เจสันชอบคุณ” เขาเบะปาก

“เมแกนก็ชอบนาย”

“ไม่เหมือนกัน”

“ยังไง?” ผมเลิกคิ้ว ยิ้มยั่วอีกฝ่าย เวลาเห็นแพทริคหึงแล้วมันมีความสุขแปลกๆ

“เมแกนแค่หยอดผมเล่นๆ แต่เจสันชอบคุณมาก่อนหน้านั้น” แพทริคขมวดคิ้ว คำรามฮึมฮัมในลำคอ เขาหลุบตามองเสื้อที่ผมใส่ “แล้วเนี่ย จะปลดกระดุมทำไมตั้งสองเม็ด รู้ไหมว่าใครมองมาบ้าง เห็นผมไม่พูดหน่อยคุณจะทำอะไรก็ได้เหรอ”

“แค่กระดุมเสื้อ” ผมหัวเราะเบาๆ “ทีนายใส่โชกเกอร์เซ็กซี่แบบนั้นฉันยังไม่ว่าอะไร”

“โชกเกอร์นี่คุณใส่ให้ผมไม่ใช่หรือไง”

ผมหลุดหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าเหลืออดของแพทริค เขาตลกชะมัด และผมเองก็นิสัยเสียน่าดูที่ชอบปั่นหัวเขาเล่นแบบนี้

“หัวเราะเข้าไปนะคุณ” แพทริคหรี่ตาลง “คิดว่าผมเด็กกว่าแล้วจะไม่กล้าลงโทษคุณเหรอ”

“จะทำอะไรล่ะ”

“เดี๋ยวก็รู้”

เขากระซิบชิดใบหูผม เบียดตัวเข้ามาใกล้ ผมยืนพิงกำแพงห้องน้ำนิ่ง ไม่คิดหนี อยากรู้เหมือนกันว่าแพทริคจะทำยังไงต่อไป เขาจ้องหน้าผม ปลายนิ้วลากผ่านลงมาถึงแผ่นอก กระดุมเสื้อเชิ้ตด้านในผมถูกปลด เขาแหวกสาบเสื้อผมออก กระตุกยิ้มร้ายแล้ววางอุ้งมือแมวนุ่มๆ ลงบนนั้นก่อนเริ่มนวดหน้าอกผมเบาๆ

“อืม...คราวนี้เป็นแมวนวดเหรอ” ผมกระซิบถาม ยื่นมือเกาะเอวเขาเอาไว้ แพทริคออกแรงนวดหนักมือกว่าเดิมจนผมต้องเม้มปากเอาไว้ “ทำไมชอบนวดนมฉันจังเลย หื้ม?”

“คุณรู้ไหมว่าทำไมแมวชอบนวด”

“ท...ทำไมล่ะ” เสียงผมสั่น เพราะแพทริคทั้งนวดทั้งสะกิดหัวนมผมจนมันเสียววาบไปหมด

“เพราะตอนแมวยังเด็ก เวลาดูดนมแม่แมว การนวดแบบนี้…” เขาออกแรงนวดเฟ้นและขย้ำบีบหน้าอกผมแรงๆ ประกอบคำอธิบาย “มันเป็นการกระตุ้นจุกนมของแม่แมวให้ผลิตน้ำนมออกมาเยอะๆ ไงครับ”

“อะ ฮะๆๆ” ผมหัวเราะออกมา เสียงกระท่อนกระแท่น “เด็กดี ถึงนายนวดมันจนช้ำก็ไม่มีน้ำนมให้นายหรอกนะ”

“จริงเหรอครับ” เขายิ้มร้าย “ต้องลองพิสูจน์ก่อนนะ”

แพทริคว่าพลางครอบริมฝีปากลงมา เขาดูดดุนหน้าอกผมพร้อมขย้ำเฟ้นไม่อ้อมแรง ปลายลิ้นซุกซนตวัดแยงละเลงรัวจนผมหลังแทบไม่ติดผนัง ผมสอดมือจิกเส้นผมเขา ระบายลมหายใจหนักๆ ออกมา เชิดหน้ามองเพดานห้องน้ำในขณะที่แอ่นอกให้แมวยักษ์ดูดจนหัวนมแดงก่ำ

ปลายนิ้วผมสะกิดโดนหูแมวที่เขาสวม มันนุ่มฟูจนเผลอออกแรงกำไว้ รู้ตัวอีกทีมันก็ยับคามือ

“อะ อะ แพท...เสียวไป”

“ไม่มีน้ำนมจริงๆ ด้วย” แพทริคพึมพำ ตวัดลิ้นเลียเบาๆ ส่งท้ายจนผมตัวสั่น เขาผละออก เงยหน้าสบตาผม รอยยิ้มร้ายๆ ไม่เหมือนแพทริคที่ไร้เดียงสาเวลาอยู่กับคนอื่นสักนิด “หิวนมจังเลยครับเซ็บ”

“ก็บอกแล้วไง” ผมว่าเสียงหอบ หน้าอกยังรู้สึกอยู่ทั้งที่แพทริคไม่ได้สัมผัสมันแล้ว “ว่าเต้าบนน่ะไม่มีน้ำนมหรอก”

“แล้วถ้าเต้าล่าง…”

เขาลากเสียง หรี่ตาและลดตัวลง ปลายนิ้วสาละวนกับซิปกางเกงผมโดยไม่ละสายตาจากกัน ผมโอบศีรษะเขาไว้ ออกแรงดันให้มาแนบชิด กระซิบเสียงพร่า

“ถ้าตรงนี้น่ะ มีให้นายกินจนอิ่มเลยล่ะเด็กดี”

จากนั้นแมวยักษ์ก็โอบรับมันไว้เต็มโพลงปาก ขยับหัวเข้าออกสร้างความสุขสมให้ผมจนแทบตาพร่า ผมปิดปากตัวเอง กลั้นเสียงร้องเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้าห้องน้ำ แต่ในขณะเดียวกันสะโพกกลับเด้งรับไม่หยุด ผมหลุบตาลง มองแพทริคที่กลืนกินผมไว้ มันกระทุ้งเต็มข้างแก้มเขาจนเห็นเป็นรูปร่าง ผมแตะใบหน้าเขาไว้ สัมผัสของตัวเองผ่านผิวแก้มอีกฝ่าย

เสียงกดชักโครกดังจากห้องข้างๆ จากนั้นเป็นเสียงเปิดประตูและเสียงล้างมือที่อ่างล้างหน้า ก่อนเสียงฝีเท้าจะเดินห่างออกไป แพทริคเร่งความเร็ว ผมปลดปล่อยเต็มปากเขาจนมันเลอะออกมาข้างนอก

เขากลืนมันลงไป

ผมหอบหายใจ คว้าทิชชู่ในห้องน้ำมาเช็ดทำความสะอาดตัวเองและใช้นิ้วปาดคราบที่เลอะมุมปากแพทริคทิ้งไป ริมฝีปากอิ่มเผยอค้าง แพทริคเลียนิ้วผมเบาๆ สีหน้าเว้าวอน ผมหลุบตาลงต่ำ ตรงนั้นของแมวยักษ์ตั้งชันจนดันเนื้อผ้าขึ้นมา

“อึดอัดไหมเด็กดี”

“ช่วยผมได้ไหมครับ”

“อยากให้ช่วยแบบไหนล่ะ” ผมถาม เห็นแพทริคตาเป็นประกายวาว

“คุณหันหลังได้ไหมครับ”

ความปรารถนาเขาลุกโชน ผมหันหลัง สองแขนเท้ากำแพงห้องน้ำ แพทริคโน้มตัวทาบทับลงมา กางเกงผมหล่นกองกับพื้น จากนั้นเขาก็เติมเต็มผมในวินาทีต่อมา พวกเรากลั้นเสียงเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อมีคนเข้ามาในนี้ ทั้งกลัวจะมีคนจับได้และตื่นเต้นที่ได้หลบซ่อน

“อะ อึก!”

“ชู่ เบาๆ ครับ” เขากระซิบเสียงพร่าข้างใบหู กระแทกเน้นเข้ามาทั้งที่บอกให้ผมเบาเสียง “อยากให้ห้องแรกเขารู้เหรอครับว่าเราทำอะไรกัน”

แหงล่ะว่าไม่

แต่ถ้าแพทริคยังกระแทกย้ำอยู่แบบนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนได้อีกสักเท่าไหร่...


Matthew & Jasper

แฟรงเกนสไตน์ตัวร้ายกับคุณชายโจ๊กเกอร์


[Matthew]


แจสเปอร์ไม่ชอบงานเลี้ยงวุ่นวาย ผมรู้ รู้ดีที่สุด และรู้ด้วยว่าถ้าผมบังคับ ยังไงซะเขาก็ต้องยอมตามมาด้วยอยู่ดี ตำแหน่งเลขาของเขาไม่สามารถปฏิเสธได้เมื่อผมเอาคำว่างานมาอ้าง

แต่คิดอีกทีผมไม่อยากให้เขามาด้วยแล้ว

“แจสเปอร์ คอเสื้อจะเปิดกว้างไปถึงไหน”

“หนักหัวนายหรือไง”

“ฉันพูดกับนายดีๆ นะ” ผมยิ้ม ตาเขม็งจ้องคอเสื้อคนที่แต่งเป็นแฟรงเกนสไตน์ที่ปลดกระดุมจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน “แต่งตัวบ้าอะไรของนาย ไร้รสนิยมสุดๆ”

“ของนายดีนักเหรอไง”

“อย่างน้อยก็ไม่ขาดเป็นรูทั่วตัวแบบนายแล้วกัน”

ผมส่ายหัว มันเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสามเม็ดบนจนเห็นแผ่นอกวับๆ แวมๆ ตัวเสื้อถูกกรีดขาดเป็นรูแหว่งๆ สวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังอีกชั้น กางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่ากับรองเท้าผ้าใบมอมๆ

“โจ๊กเกอร์เนี่ยนะ สิ้นคิดมาก” เขาแค่นเสียงใส่ ใบหน้าที่แต่งเอฟเฟคเป็นรอยเย็บบากฉายแววดูแคลนชุดที่ผมใส่ “ตั้งแต่เดินเข้างานมาก็เจอโจ๊กเกอร์เป็นสิบๆ คนแล้วมั้ง”

“แฟรงเกนสไตน์ก็ใช่จะมีนายคนเดียว”

“แต่ไม่ซ้ำเท่านาย”

“โอเคๆ ไม่เถียงแล้วก็ได้” ผมยกมือยอมแพ้ เหล่ตามองเสื้อเจ้าปัญหาที่เขาใส่อีกครั้ง “อย่างน้อยก็ติดกระดุมอีกสักเม็ดเถอะ ปลดขนาดนี้นายไม่ถอดทั้งแผงเลยล่ะ”

“ก็คิดอยู่”

“แจสเปอร์” ผมกดเสียงเรียกชื่อเขา “นายก็รู้ว่าที่ฉันพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”

“ก็รู้” เขายักไหล่ แสร้งหยิบขนมที่บริกรถือถาดผ่านมาเข้าปาก ดวงตาหรี่จ้องผม “แต่แล้วไง เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันนี่?”

“ฉันว่าฉันบอกแล้วนะ ว่าฉันจีบนายอยู่”

“แล้วติดหรือยังล่ะ?” เขาเลิกคิ้ว เหยียดยิ้มใส่ “ก็ไม่ เพราะฉะนั้นอย่าให้มากเกินไปแมท นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครบังคับ”

ผมหรี่ตามองเขา แจสเปอร์ก็ยังคงเป็นแจสเปอร์ เป็นไอ้ตัวร้ายที่ชอบท้าทายขีดความอดทนของผมอยู่ตลอดเวลา ผมไม่ได้ตอบโต้กลับ รู้ดีว่าแจสเปอร์พูดถูก สถานะพวกเราตอนนี้คือคนคุย ผมจีบเขา แต่แจสเปอร์ยังไม่ตอบตกลง ผมอยากหวงเขา แต่ผมไม่มีสิทธิ์มากขนาดนั้น

“สวัสดีค่ะคุณแมทธิว”

“สวัสดีครับลิซ่า” ผมยิ้ม จับมือทักทายกับลูกสาวบริษัทคู่ค้าของบริษัทผม “คุณเป็นมาเลฟิเซนต์ที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย”

“ปากหวานจังค่ะ” เธอหัวเราะ “คุณก็เป็นโจ๊กเกอร์ที่เท่ที่สุดเหมือนกัน”

“มันแน่นอนอยู่แล้วนี่ครับ”

ผมแกล้งไม่ถ่อมตัว ลิซ่าเลยหลุดหัวเราะหนักกว่าเดิม เธอเหลือบมองแจสเปอร์ที่ยืนเงียบอยู่ข้างผม เป็นฝ่ายยื่นมือให้จนแจสเปอร์ต้องจับมือตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

“สวัสดีค่ะ ฉันลิซ่า”

“แจสเปอร์ครับ”

“จะเป็นการรบกวนไหมคะ” ลิซ่ายิ้มหวาน “ถ้าฉันอยากเชิญคุณไปกับฉันหน่อย เพื่อนฉันสนใจคุณแต่ไม่กล้าเข้าหาคุณน่ะค่ะ”

“คนไหนครับ” แจสเปอร์ถามยิ้มๆ ลิซ่าชี้ไปทางกลุ่มเพื่อนเธอ ก่อนที่แจสเปอร์จะหันมาทางผม มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจแล้วหันกลับ “ได้สิครับ คุณลิซ่าอุตส่าห์มาเชิญทั้งที ผมไม่กล้าปฏิเสธหรอก”

“งั้นฉันขอยืมตัวมือขวาคนเก่งของคุณสักครู่นะคะแมท”

ผมยิ้มรับ แม้ในใจจะคุกรุ่น มองตามหลังแจสเปอร์ที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองกันสักนิด ผมเผลอกัดฟันกรอด อยากพุ่งไปคว้าข้อมืออีกคนดึงกลับมายืนอยู่ข้างตัวเองเหมือนเดิม เขาเป็นเลขา เป็นผู้ช่วยฝีมือดีที่รู้ใจผมที่สุด แจสเปอร์คือคนของผม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่คิดแบบนั้นสักนิด

ผมมองแจสเปอร์พูดคุยกับกลุ่มสาวๆ ตรงนั้น หงุดหงิดจนเผลอทุบโต๊ะระบายอารมณ์

เพล้ง!

“เวรเอ๊ย!”

ผมสบถ ก้มลงเก็บเศษแก้วที่ตกแตกจากฝีมือตัวเอง แต่เหมือนสติจะไม่อยู่กับตัวเท่าไหร่ ผมเผลอแตะเข้าที่ด้านคมของมันจนได้เลือด บริกรที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบวิ่งมาเคลียร์พื้นที่ ผมลุกขึ้น ถอนใจเมื่อเห็นปลายนิ้วตัวเองเลือดไหลเป็นสาย ผมกำลังจะเอ่ยปากขอผ้าจากบริกร แต่จู่ๆ ก็ถูกดึงมือไป จากนั้นผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดก็ถูกกดซับที่แผล

“ไม่อยู่ด้วยแป๊บเดียวทำไมต้องหาเรื่องเจ็บตัวด้วย”

“...”

“เรียกร้องความสนใจหรือไงเจ้านาย” แจสเปอร์แค่นเสียงประชด เขาสบตาผมนิ่ง “ไม่ต้องมายิ้ม มันไม่ได้ผล ที่ฉันกลับมาเพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลเจ้านายอย่างนาย”

“แค่นายกลับมาก็เกินพอแล้ว”

แจสเปอร์สบตาผม เขาหรี่ตาลง ถอนใจแผ่วเบา พันผ้าเช็ดหน้ากับนิ้วผมไว้แล้วเดินหายไปครู่หนึ่งก่อนกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล

“ตามมา เดี๋ยวทำแผลให้”

จริงๆ แล้วแจสเปอร์น่ะ...ใจดีกับผมจะตาย :)


“ไปทำยังไงให้แก้วแตก” เขาถามในขณะทำแผลให้ผม พวกเรานั่งอยู่ตรงบันไดหนีไฟ ไม่รู้ทำไมมานั่งตรงนี้ แต่แจสเปอร์บอกมันเงียบดี ผมเลยไม่ขัดใจเขา

“เผลอทุบโต๊ะแรงไปหน่อย”

“ทุบทำไม”

“เพราะหงุดหงิด”

“หงุดหงิดใคร”

“หงุดหงิดนาย” ผมตอบ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกแสบแผล แจสเปอร์เงยหน้าขึ้น เราสบตากัน “เพราะฉันดูเหมือนชอบนายอยู่ฝ่ายเดียว แต่นายไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลย”

“ไร้สาระ”

“ฉันไม่ใช่คนมีสาระอยู่แล้ว” ผมหลุบตาจ้องมือแจสเปอร์ที่กำลังใส่ยาทำแผลให้ผม “เบาๆ หน่อย แสบนะนั่น…”

“แสบที่ไหน”

“แผลสิ”

“นึกว่าแสบที่ใจ” แจสเปอร์หัวเราะเบาๆ ผมกลอกตา

“ถ้าที่ใจน่ะไม่แสบหรอก ชาหมดแล้ว”

“อย่าตัดพ้อฉันน่า” แจสเปอร์แกะพาสเตอร์และปิดลงบนแผลผม เขาเงยหน้าขึ้นมา “คนอย่างนายไม่เหมาะจะมาตัดพ้อใครหรอกนะ กระดิกนิ้วทีเดียวสาวๆ ก็แทบวิ่งเข้าหา”

“ฉันแค่ต้องการนาย ถ้ากระดิกนิ้วทีเดียวนายจะเข้าหาไหมล่ะ”

“นายดูจริงจังกว่าที่ฉันคิด”

“หรือที่ผ่านมานายคิดว่าฉันแกล้งเล่น” ผมเลิกคิ้ว สบตาเขานิ่ง “ฉันจริงจังแจสเปอร์ แค่เรื่องของนายนั่นแหละ อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมานายไม่ชัดเจนกับฉันสักทีเพราะไม่มั่นใจ?”

“ก็ไม่เชิง”

“ต้องทำยังไงนายถึงจะไว้ใจฉัน?”

ผมถาม แต่แจสเปอร์ไม่ตอบ เขาแค่ยักไหล่แล้วเงียบไป ผมหงุดหงิดนิดหน่อย คิดว่าตัวเองก็แสดงออกชัดเจนมากพอแล้ว ชัดกว่านี้ก็คงขอแต่งงานพาไปจดทะเบียนแล้วล่ะ

ผมขยับเข้าไปใกล้เขา แจสเปอร์จ้องหน้าผมนิ่ง ไม่หลบไปไหน ผมกดจูบลงบนริมฝีปากเขาเบาๆ เป็นการหยั่งเชิง แจสเปอร์ถอนใจ เขาประคองใบหน้าผมไว้ เป็นฝ่ายบดจูบลงมา

เราจูบกันมาก็หลายครั้ง

และทุกครั้งมันส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจผมตลอด

มันไม่ใช่ความชอบผิวเผิน ตอนนี้ผมรู้ใจตัวเองดี เหลือแค่ใจของแจสเปอร์ที่ไม่รู้จะตรงกับผมไหม บอกตามตรง กรณีของแม่และพ่อทำให้ผมกังวล พวกเขารักกันแม้ไม่ใช่โซลเมตกัน ผมกลัวว่าแม้กระทั่งคำว่าโซลเมตก็รั้งแจสเปอร์เอาไว้ไม่ได้

ผมผละออก กดจูบลงบนลำคอเขา ขบเม้มสร้างรอยจนแจสเปอร์สะดุ้ง มือผมป่ายไปตามสาบเสื้อ ดึงมันออกและจูบลงบนหน้าอกเขา ตำแหน่งเหนือหัวใจที่เต้นรัวนั่น ไม่รู้มันเต้นเพราะผมหรือเปล่า เม้มประทับตราจองโดยที่แจสเปอร์ไม่มีท่าทีจะต่อต้านหรือผลักไส

“นายเป็นของฉัน”

“ฉันยังไม่ได้เป็นของนาย อย่านิสัยเสีย”

“ไม่ นายเป็นของฉัน” ผมย้ำเสียงเข้ม เหยียดยิ้มสบตาแจสเปอร์ที่มองมา “นายพูดถูก ฉันมันนิสัยเสีย ถูกตามใจจนเคยตัว อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน”

“ไม่กลัวฉันเกลียดนายหรือไง”

“อย่างน้อยนายก็เกลียดฉัน” ผมยังคงยิ้ม “ดีกว่าไม่รู้สึกอะไรด้วยเลยไม่ใช่หรือไง”

“งี่เง่าน่ะแมท” เขาส่ายหัว สีหน้าเหนื่อยใจ

“ยอมรับ ฉันมันงี่เง่า” ผมยักไหล่ “ติดกระดุมซะ ถ้าไม่อยากให้ใครเห็นรอย”

“ไม่ล่ะ”

“นายหมายความว่าไง” ผมขมวดคิ้ว

“ก็เห็นไป จะได้รู้ว่าฉันมีคนของตัวเองแล้ว นายน่าจะพอใจ” แจสเปอร์หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ เขาสบตาผม แววตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจนน่าจับมาฟาดสักที

“ร้ายนักนะ”

“นายชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”

“เพราะเป็นนายเลยชอบต่างหากล่ะ”

แจสเปอร์เงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนหัวเราะออกมา เขาลุกขึ้น โคลงหัวไปทางประตูที่ปิดอยู่

“กลับเข้างานเถอะ”

“...”

“อยากโชว์รอยให้คนอื่นเห็นแทบแย่แล้ว”

ผมเหยียดยิ้ม

เซบาสเตียนเคยบอกว่าผมร้าย แต่เหมือนจะมีคนร้ายกว่าผมอยู่หนึ่งคน

ผมลุกขึ้น กระซิบชิดใบหูเขา

“อยากโชว์ว่านายเป็นคนของฉันแล้วเหมือนกันแจสเปอร์”





______________________
จริงๆ อยากเขียนโทนใสๆ ดอกไม้บาน กลายเป็นอะไรพอร์นๆ แบบนี้ได้ไงไม่รู้ แต่พยายามจำกัดเรทแล้วค่ะ ไม่ให้เยอะไป จริงๆ ตอนแรกว่าจะเขียนแค่แพทเซ็บ แต่คิดอีกที เขียนของคู่กัดแมทแจสด้วยเลยดีกว่า สองคู่สองอารมณ์ และโพสิชั่นปริศนา 5555555 ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายจริงๆ แล้วค่ะ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอดนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจ มีค่าสำหรับเรามากๆ ค่ะ นิยายที่เขียนเพื่อฮีลตัวเองในวันที่ชีวิตประสาทแดก ดีใจที่มันให้ความสุขกับทุกคนได้นะคะ รักมากมาย แล้วเจอกันเรื่องหน้าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2018 23:22:26 โดย JackXy Wu »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ฮืออ เราชอบเรื่องนี้จัง เราชอบเรื่องนี้จังง เราชอบเรื่องนี้จัง

ตอนแรกข้ามไปหลายทีเพราะไม่สนเรนเวิร์ส แต่พอเข้ามาอ่านแล้วค้นพบว่าตรงสเป็คไปหมดเลย โดยเฉพาะคุณเซบกับแพท แง แมวยักษ์น่ารักมาก แด้ดดี้ก็แซบมากกก

คุณแจสก็ดี ดี๊ดี ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่ะ ตัวละครคุณมีเสน่ห์ตรงสเปคเรามาก เคมีอะไรก็เป็นแบบที่ชอบเลย

เหมือนคุณเข้ามานั่งในใจเราเลยตอนเขียน เราชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ ขอบคุณค่ะ เราสามารถยิ้มเป็นบ้าไปได้ทั้งวันเพราะเรื่องนี้เลย น่ารักมากๆๆๆ

you made my day มากๆเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แซ่บทั้งคู่เลยจ่ะ  :hao6:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Prangkii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
แซ่บไม่แพ้กันเลย ทั้งสองคู่

  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Spoypopoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
งุ้ยยย ชอบคู่แมทมากกกกกกกก

ออฟไลน์ Sarujang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยังอ่านไม่จบ แต่ชอบมากๆๆๆๆ มีเวลาว่างจะตามอ่านจนจบแน่นอน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  อีกหนึ่งเรื่องค่ะ
 o18

ออฟไลน์ aqumay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คือเราสมัครเล้าเป็ดเพื่อมาคอมเม้นท์ให้คุณเลย
เราชอบเรื่องนี้มากก อ่านแล้วมันอุ่นตุ่นหัวใจมากๆ
คุณแพทอบอุ่นมากๆ อ่านไปยิ้มไป ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆ นะคะ


ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
แมวยักษ์ช่างร้ายกาจ โคตรหวงเจ้าของอ่ะ  :z1:
สนุกมากค่ะ  :pig4:  :3123:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ยังอ่านไม่จบนะคะ ได้ครึ่งเรื่องเองค่ะ
แต่อยาก "ชม" ก่อน ... ว่า ...

ภาษาดีจัง อ่านแล้วเพลิน
ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือยเกินควร
ตัวสะกดก็ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ...
มีผิดบ้างก็เช่น คำนี้ ปรากฏ ผิด 3 จุด ต้องสะกดด้วย นะคะ
หรือ เดินเรียบ ต้องเป็น เลียบ แต่คำนี้ในจุดอื่นก็ถูกต้องดี
กับที่ผิด เจอ 2 จุดคือคำว่า แซนวิส คำนี้ต้องทับศัพท์ว่า แซนด์วิช นะคะ
 
ถ้าจะผิดก็ประมาณพิมพ์ตกหล่น
เช่น กระหนำ มืดครื้น แต่งตัวเนียบ และอีกไม่กี่คำ ซึ่งเกิดจากการพิมพ์พลาด
และน้อยมากนะคะ
เรียกว่า ชอบเลยล่ะค่ะที่สะกดภาษาไทยได้เข้มแข็งขนาดนี้

เดี๋ยวอ่านจบแล้วจะมารีวิวนะคะถ้าไม่ลืม

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบทั้งสองคู่เลย :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด