[Rainverse] Beautiful Silence #คุณผู้มากับสายฝน : Special Christmas [25-12-61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Rainverse] Beautiful Silence #คุณผู้มากับสายฝน : Special Christmas [25-12-61]  (อ่าน 50513 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แพทริคนิสัยน่ารัก ใครๆได้รู้จักก็เอ็นดูทุกคน เจ้าแมวยักษ์ของเซ็บ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
 ลูกๆทำอะไรก็รู้เห็นไปซะหมดสมกับเป็นพ่อเสือ
และเรารู้สึกถึงความห่วงใยจางๆจากพ่อล่ะ

นี่รู้สึกว่าคุณเซ็บเปิดใจกับแพทมากขึ้นมากๆ
มีพูดคุย หยอกล้อ หึง แถมยังจะมาทำให้หวงด้วย
เราแพ้คุณเซ็บโหมดแบบนี้จริงๆ

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5


Chapter 19

Private Number



“ให้เข้ามาเลยครับ ขอบคุณ”

เอลตัน มิลาโนกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ หลังเลขาติดต่อเข้ามาว่ามีคนขอพบ เขาวางมือจากเอกสาร จัดสูทให้เรียบร้อยและนั่งหลังตรงเตรียมต้อนรับผู้มาเยือน

“สวัสดี”

“สวัสดีครับ” เขาพยักหน้ารับ ลุกยืนผายมือไปทางชุดโซฟารับแขกที่ตั้งอยู่มุมห้อง “เชิญนั่งก่อนครับ”

“เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม”

“แหม...คุณใจร้อนซะจริง รับกาแฟสักแก้วก่อนเถอะครับ”

“ไม่รบกวนคุณดีกว่า” อีกฝ่ายปฏิเสธ หรี่ตาจ้องหน้าเขาซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม เอลตันยิ้มรับ “ฉันแค่อยากรู้ความคืบหน้าว่าคุณดำเนินการไปถึงไหนแล้ว”

“ทุกอย่างราบรื่นดี” เอลตันยักไหล่ “ผมคุยกับเจ้าของโครงการแล้ว คาดว่าอีกไม่เกินอาทิตย์หน้าจะได้ข่าวดี”

“อย่าชะล่าใจไป ซีมอนไม่น่ายอมปล่อยให้คุณคว้าเนื้อชิ้นโตไปง่ายๆ”

“ผมเองก็คิดอย่างนั้น” เอลตันหน้าเครียดลง สีหน้าครุ่นคิด “ปัญหาที่เราสร้างขึ้นมามันไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่เกินกว่ารอสซ์จะหาทางแก้ไข…”

“แต่เขากลับปล่อยปัญหานี้ไว้”

“ใช่ นี่เป็นจุดเดียวที่ผมไม่วางใจ”

“ฉันถึงบอกว่าอย่าประมาทเสือแก่” อีกฝ่ายถอนหายใจ “ฉันเองก็ประมาทไม่ได้เหมือนกัน”

“เห็นว่ามีคนเข้ามาวุ่นวาย?”

“ใช่ ทุกอย่างผิดแผนไปหมด”

“คุณจะทำยังไงต่อล่ะ” เอลตันถามยิ้มๆ “มันน่าลำบากใจ...ใช่ไหมล่ะ”

“คุณไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องนี้ ฉันจะจัดการเอง”

“ผมช่วยคุณได้นะ ตอบแทนที่คุณ…”

“ฉันไม่ต้องการอะไรตอบแทนจากคุณ” เสียงปฏิเสธเรียบนิ่ง “คุณก็แค่ตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ความต้องการฉันบรรลุผล คุณเองก็ได้ประโยชน์ เราจบกันที่ตรงนี้ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรอีก”

“โอ้ อันที่จริงผมก็ไม่เชิงได้ผลประโยชน์สักเท่าไหร่ ในเมื่อคุณเองก็ปล่อยข่าวทำให้ผมเป็นผู้ต้องสงสัย”

“ไม่มีหลักฐานสืบมาถึงตัวคุณ แค่ข้อสันนิษฐาน ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน”

“แต่ชื่อเสียงผมเสียน่าดู”

“ชื่อเสียงคุณไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์มาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ” อีกฝ่ายพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เอลตันหรี่ตาลง รอยยิ้มหายไปจากมุมปาก “ทนกับข้อครหาเพิ่มอีกนิดแลกกับผลประโยชน์น่าจะเป็นสิ่งที่คุณคุ้นเคยนี่”

“ผมถามคุณตามตรงอีกครั้งนะ” เอลตันสบตาคนตรงหน้า “คุณเป็นคนทำใช่ไหม”

“หลักฐานล่ะ?”

เอลตันเงียบ เขาไม่มีหลักฐานอย่างที่อีกฝ่ายร้องขอ เมื่อเห็นเขาเงียบ ผู้มาเยือนก็ถอนใจ มุมปากยกขึ้น รอยยิ้มนั้นคาดเดาไม่ได้ สายตาที่มองมาเหนือกว่า

“รีบเอาโครงการนั้นมาเป็นของคุณซะ ฉันขอตัวก่อน”

ทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก็ลุกเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เอลตันนั่งอยู่ที่เดิม เขาจ้องบานประตูที่ปิดลง คิ้วขมวดเข้าหากัน วินาทีต่อมาจึงระบายลมหายใจ เขาไม่อยากตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่อีกฝ่ายมีอำนาจต่อรองเหนือกว่า แถมยังมีข้อเสนอน่าดึงดูดใจ วงการนี้มีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา และเอลตันคิดว่าเขาควรลองเสี่ยงให้สุดทาง

ไม่งั้นนอกจากจะโดนรอสซ์เอาคืนแล้ว เขาอาจโดนตระกูลใหญ่อีกตระกูลเล่นงานเอาได้


[Matthew]

ตั้งแต่เด็ก ผมค่อนข้างดื้อเงียบ...เงียบกริบชนิดไม่มีใครจับได้ กว่าจะรู้ผมก็ทำสิ่งนั้นสำเร็จแล้ว และนิสัยนั้นอยู่กับผมมาจนโต พ่อห้ามผมสืบต่อ โอเค ผมไม่หาหลักฐานเพิ่ม แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ศึกษาหลักฐานเก่าที่ได้มาก่อนหน้าให้ละเอียดกว่าเดิม

เช้านี้ผมเพิ่งได้ไฟล์จากกล้องวงจรปิดคอนโดฯ ของแพทริคมาจากเซบาสเตียน หลักฐานชิ้นนี้ไม่ถือว่าผมผิดสัญญากับพ่อ เรื่องมันเกิดก่อนที่พ่อจะขู่ให้ผมหยุด

ผมหมกมุ่นกับมันมากพอสมควร นั่นทำให้ผมพบเบาะแสดีๆ เข้าให้ เมื่อจัดการเทียบกับ ‘คลิปก่อนหน้านี้’ ผมรู้สึกเหมือนเดินมาถูกทาง อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่มองผ่านกลับปรากฏให้เห็นรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม นี่ทำผมประหลาดใจมากทีเดียว พวกเราเกือบเดินผิดทางกันซะแล้ว

ก๊อกๆ

ผมละสายตาจากจอไอแพดในมือ จัดการปิดไฟล์ทั้งหมดและล็อกหน้าจอ

“เชิญครับ”

ประตูเปิดเข้ามา ผมยิ้มเมื่อเห็นร่างสูงเพรียวของใครบางคน

“แมท”

“ไงครับแม่” ผมทัก “อะไรทำให้แม่บุกมาถึงห้องทำงานผมกันเนี่ย?”

“ต้องให้แม่พูดอีกเหรอ” แม่หรี่ตา ริมฝีปากสีแดงสดเหยียดยิ้ม “ไปทำเรื่องอะไรเอาไว้ ทำไมไม่บอกแม่”

“พ่อฟ้องแม่หรือไง”

“แค่แจ้งว่าลูกกำลังยุ่งในเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง ให้คอยจับตาดูไว้” แม่แก้คำ แต่ผมฟังแล้วอยากให้แม่ด่าออกมาตรงๆ ดีกว่าหลอกด่า “เฮ้ แมท...แม่ว่าเรื่องนี้ลูกไม่ควรยุ่งจริงๆ”

“ก็เลิกยุ่งแล้วไงครับ” ผมว่ายิ้มๆ “นั่งก่อนไหม ยืนแบบนั้นเมื่อยแย่”

“แม่เชื่อได้เหรอ”

แม่ไม่ได้นั่งบนเก้าอี้ เธอเดินมาหย่อนสะโพกพิงขอบโต๊ะทำงานผม สองมือกอดอก คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยยามทอดสายตามองมา

“แม่ไม่เชื่อผมแล้วจะเชื่อใครครับ” ผมสบตาแม่ ไร้พิรุธใดๆ ผมว่าตัวเองทำได้ดีทีเดียวในสถานการณ์ที่หลักฐานถูกล็อกหน้าจอวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ “แต่แม่ครับ...แม่ไม่สงสัยเหรอว่าทำไมพ่อถึงไม่อยากให้ยุ่ง”

“แม่เคารพการตัดสินใจของเขา”

“เหมือนตอนที่แม่ยอมให้พ่อแต่งงานกับน้าเบล?”

“แมท เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก” แม่กระตุกยิ้มมุมปาก แววตาเรียบนิ่ง “เรื่องในอดีตปล่อยมันไปซะ ในเมื่อปัจจุบันทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง”

“แม่เองก็ร้ายเหมือนกันนะครับ”

“แม่แค่มีความอดทน” แม่หัวเราะอย่างพอใจ แววตากลับมาเป็นประกาย “ต้องใช้เวลายี่สิบกว่าปีในการเปลี่ยนจาก ‘มาเรีย เมแกน’ เป็น ‘มาเรีย รอสซ์’ เชียวนะ”

“ถ้าเซ็บมาได้ยินคงไม่พอใจ”

“จะทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้หรอก ในเมื่อความสัมพันธ์มันยุ่งเหยิงมาตั้งแต่ต้น” แม่ถอนใจ “เบลกับเซ็บใช้ช่วงเวลาที่ตัวเองพอใจมามากแล้ว มันควรถึงตาแม่บ้าง”

แต่ผมคิดว่าช่วงเวลาของน้าเบลกับเซบาสเตียนมันไม่น่าพอใจเท่าไหร่สำหรับพวกเขาหรอก

“เฮ้อ...ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า” เพราะผมเองก็ลำบากใจเหมือนกัน “เรื่องพ่อน่ะ...ผมคิดว่าที่พ่อไม่ให้ยุ่ง อาจเพราะคนที่ลงมือเป็นคนใน…”

“แมท” แม่กดเสียง “ลูกไม่ควรคิดแบบนั้นนะ”

“เพราะผมไม่สามารถหาเหตุผลข้ออื่นมารองรับได้อีกแล้วไงครับ”

แม่มองหน้าผมนิ่งๆ ระหว่างพวกเรากลายเป็นความเงียบ ผมไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ อาจจะคิดตามที่ผมพูดและคล้อยตาม หรือไม่ก็คิดอย่างอื่น...

“อย่าพูดให้พ่อได้ยินเชียว” แม่เตือน “เรื่องจะวุ่นวายกว่านี้”

“ไม่พูดหรอกครับ ก็บอกแล้วว่าจะเลิกยุ่งกับเรื่องนี้”

“ให้จริงเถอะ”

ผมยิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แม่ชวนผมคุยเรื่องอื่น ผมเพิ่งรู้ว่านอกจากเรื่องที่พ่อฝากแม่มากำชับ ก็มีเรื่องงานเลี้ยงการกุศลอีกงาน และแม่ต้องการให้ผมออกงานนี้ด้วย

ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ ผมค่อนข้างชอบงานเลี้ยงพวกนี้ โดยเฉพาะตอนบังคับ...หมายถึงตอนรบกวนให้แจสเปอร์ผู้ที่เกลียดงานสังสรรค์ไปด้วยในฐานะผู้ช่วย สีหน้าเหม็นเบื่อของเขาทำให้ผมมองเพลินเชียวล่ะ

“อ้อ แม่ครับ”

“อะไรของลูกอีกล่ะ”

“แม่ใช้รองเท้าแบรนด์ Claudia หรือเปล่าครับ”

“ใช่” แม่พยักหน้า ขยับตัวออกห่างแล้วพรีเซนส์บูธส้นสูงหุ้มข้อที่สวมอยู่ให้ผมดู “แม่ชอบดีไซน์น่ะ เป็นเอกลักษณ์ดี หนังที่ใช้ก็นุ่มสบายเท้า ถามทำไมเหรอ?”

“เปล่าครับ”

ผมยิ้ม เงยหน้าสบตาเธอ

“สวยดีครับ :)


[Patrick]

วันนี้เซบาสเตียนมีบรรยายงานวิชาการที่มหาวิทยาลัย ก่อนวันงานผมรู้สึกว่าเขายุ่งและจริงจังกับหัวข้อบรรยายมากจนไม่กล้าวุ่นวาย แม้จะย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม พอวันงานผมก็ไม่ว่างมาให้กำลังใจเขาอย่างที่อยากทำ ถึงอย่างนั้นเซบาสเตียนก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าคนเราควรมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเองถูกแล้ว

แต่เหมือนเทพเจ้าแห่งความโชคดีจะเข้าข้างผม

คุณลูกค้าที่นัดเทรนกันช่วงบ่ายโทรมาแคนเซิลเพราะติดธุระด่วน นั่นหมายความว่าช่วงบ่ายผมว่าง...อันที่จริงไม่ว่างหรอกถ้านับพวกงานยิบย่อยในฟิตเนสอย่างการตรวจสอบดูแลเครื่องออกกำลังกายหรือพาลูกค้าวอล์กอินให้คำแนะนำต่างๆ ซึ่งให้คนอื่นรับหน้าที่แทนได้

ตอนนี้ผมเลยมาโผล่ที่มหาวิทยาลัยที่เซบาสเตียนทำงาน ผมโทรบอกเขา แต่อีกฝ่ายไม่รับ เดาว่าคงกำลังขึ้นเวทีบรรยายอยู่ในหอประชุม เลยเปลี่ยนเป็นส่งข้อความบอกแล้วเดินเล่นฆ่าเวลา มีบูธน่าสนใจเต็มไปหมด ส่วนมากเป็นของกิน ที่เหลือเป็นบูธกิจกรรมหารายได้เข้าชมรมและบริจาคมูลนิธิต่างๆ

ผมเดินผ่านลานดนตรี เสียงดนตรีบรรเลงสดทำให้ผมนึกถึงช่วงชีวิตสมัยเรียน มันสนุกสนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ผมไม่ได้นัดสังสรรค์กับเพื่อนนานแล้วตั้งแต่เริ่มชีวิตวัยทำงาน แรกๆ ก็มีบ้าง แต่หลังจากนั้นทุกอย่างมันหนักขึ้น ความรับผิดชอบต่างๆ สะสมทำให้เหนื่อยล้าและเลือกกลับห้องพักผ่อนมากกว่า

ผมถูกชีวิตวัยผู้ใหญ่กลืนกิน

ทุกคนถูกกลืนกินเมื่อก้าวพ้นคำว่าวัยรุ่น

“ยู้ฮู มีใครสนใจขึ้นเวทีไหมคะ” เสียงจากนักดนตรีเอ่ยถามผ่านไมค์ “มาสนุกกันเถอะค่ะ”

ผมกระตุกยิ้ม รู้ตัวอีกทีก็เดินไปข้างหน้า ผมสบตาเธอ

“ขอแจมด้วยได้ไหมครับ”


เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ผมคืนไมค์ให้หลังรับหน้าที่เป็นนักร้องจำเป็นจนเสียงเกือบแหบ ลงจากเวทีได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ดัง ผมหยิบขึ้นมา ชื่อที่โชว์หน้าจอส่งผลให้ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“เสร็จแล้วเหรอครับ”

“โดดงานมาหรือเปล่า” เซบาสเตียนถามเสียงเข้ม ผมอดหัวเราะไม่ได้

“ไม่ได้โดดครับ โชคเข้าข้างทำให้ว่างพอดี”

“อย่าให้รู้ว่าโดดงาน”

“ไม่เชื่อถามลุงมาคัสเลย” ผมโยนไปที่ลุง รีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณอยู่ไหน ผมจะไปหา”

“มาถูกหรือไง”

“อา…” ผมกลอกตา “ไม่ถูกครับ ไม่คุ้นทาง”

“เจ้าแมวโง่” เสียงเข้มเอ็ดปนหัวเราะ “นายอยู่ตรงไหน ดูรอบๆ ตัวแล้วบอกมา เดี๋ยวฉันเดินไปหา”

ผมหันมองรอบตัว พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าตึกแห่งหนึ่ง ผมอ่านชื่อตึกให้เซบาสเตียนฟัง เขากำชับให้ผมยืนอยู่ตรงนี้นิ่งๆ อย่าวิ่งไปไหนเดี๋ยวจะหลง ผมเริ่มสงสัยว่าในสายตาของเซบาสเตียนตัวเองเป็นยังไง หวังว่าคงไม่ใช่หนูน้อยสี่ขวบใส่หมวกเหลืองสะพายกระเป๋าเตรียมไปโรงเรียนอนุบาลหรอกนะ?

ในระหว่างที่ผมยืนรอเซบาสเตียน โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง ผมหยิบขึ้นดู พบว่าเป็นข้อความภาพ เบอร์ที่ส่งมาเป็น Private Number ลางสังหรณ์เตือนว่านี่มันไม่น่าไว้ใจ ผมเลื่อนนิ้วกดเปิดภาพนั้น มันเป็นภาพพ่อกับแม่ที่สวนหลังบ้าน มีทิมมี่วิ่งอยู่ด้านข้าง

“อะไรกัน?”

Rrrrrrr

ผมสงสัยได้ไม่นานก็มีสายเรียกเข้ามาใหม่ มันเป็น Private Number ผมกดรับทันที

“ฮัลโหล”

“เห็นรูปแล้วใช่ไหม” เสียงนั้นแปลกประหลาด เหมือนพูดผ่านเครื่องแปลงเสียง

“นั่นใคร” ผมกดเสียงเข้ม “คุณต้องการอะไร มายุ่งกับครอบครัวผมทำไม!”

“ต้องการอะไร? ลองคิดดูก่อนไหมว่าใครยุ่งเรื่องใครก่อนกันแน่”

อีกฝ่ายทวนคำถาม เสียงหัวเราะในลำคอทำผมหงุดหงิด

“เฮ้แพท?” ผมหันขวับเมื่อได้ยินเสียงเรียก เซบาสเตียนมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ที่รู้คือเขาขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นหน้าผม “เป็นอะไรหรือเปล่า”

ผมเม้มริมฝีปาก เสียงคนในสายทำให้ผมเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่

“หึ ถ้าคุณไม่รู้ผมจะบอกให้...”

“คุยกับใครแพท” เซบาสเตียนถาม เขาสังเกตสีหน้าผมแล้วยื่นมือมาข้างหน้า “เอามาให้ฉัน”

ผมส่งโทรศัพท์ให้เซบาสเตียนแต่โดยดี เขากดเปิดสปีกเกอร์โฟนพอดีกับคนปลายสายพูดขึ้นมา

“คุณเฮนเดอร์สัน ถ้าไม่อยากให้พ่อแม่และสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของคุณเป็นอันตรายล่ะก็...อย่ายุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันว่าฉันเตือนคุณแล้วนะ”

“แล้วมีใครเตือนแกหรือยังว่าถ้ามายุ่งกับคนของฉันจะเป็นยังไง”

เซบาสเตียนกรอกเสียงตอบกลับ น้ำเสียงเขาเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยแรงกดดันจนผมยังรู้สึกอึดอัดแทน ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณรอสซ์ ผมนึกแปลกใจว่าทำไมคุณกล้าพูดแบบนั้นทั้งที่ตัวคุณเป็นสาเหตุ”

“อย่ามายุ่งกับแพทริคและครอบครัวเขา”

“ฉันไม่ยุ่งแน่ ถ้าคุณไม่เข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้” เซบาสเตียนหน้าเครียดจนผมต้องดึงโทรศัพท์กลับมาแต่โดนยื้อไว้ แถมยังทำตาดุใส่

“คิดว่าขู่แพทเพื่อให้ฉันกลัวจะได้ผลหรือไง”

“...”

“ใช่ มันได้ผล ฉันไม่ปฏิเสธ” เซบาสเตียนว่าเสียงเย็น เขากระตุกยิ้มมุมปาก “แต่อย่าลืมว่ารอสซ์ไม่เคยเป็นเหยื่อใคร ฉันมีกำลังและคนมากพอจะปกป้องคนที่ฉันรักมากกว่าที่แกคิด”

ติ๊ด

แล้วเขาก็ตัดสายไปอย่างไร้เยื่อใย

“เซ็บ ผม…”

“แป๊บนึงนะแพท” เขาคืนโทรศัพท์ให้ผม ก่อนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาโทรออก “ว่างคุยไหมแมท...ดี มีเรื่องอยากให้ช่วย ขอยืมคนของนายหน่อย มันโทรมาขู่แพท พุ่งเป้าไปที่พ่อแม่เขา ส่งคนไปคุ้มกันที เดี๋ยวนี้เลย ที่ G-Village บ้านเลขที่ 162 ถนนเบเวอลีน เขตชานเมือง ใช่ ฝากด้วยแล้วกัน ขอบใจมาก”

“เซ็บ…”

“ขอโทษนะ” เขาสบตาผม วางมือบนหัวผมก่อนลูบเบาๆ “นายเดือดร้อนเพราะฉันตลอด คราวนี้มันลามไปถึงครอบครัวนายด้วย”

“ผมเป็นห่วงพ่อกับแม่”

“ฉันรู้ ฉันส่งคนไปคุ้มกันแล้ว นายไม่ต้องห่วงนะ” เซบาสเตียนปลอบผม “เรื่องนี้ฉันมีส่วนรับผิดชอบ นายอย่าเกรงใจ”

“ผมขอโทรหาแม่แป๊บนึงนะครับ”

ผมต่อสายหาแม่ พูดคุยกันสักพักจนแน่ใจดีว่าสถานการณ์ที่บ้านตอนนี้เป็นปกติไม่มีอะไรผิดสังเกต ผมไม่อยากบอกให้แม่กังวล เลยได้แต่บอกว่าคิดถึงและเป็นห่วง กำชับให้ดูแลตัวเองดีๆ ก่อนวางสาย ผมหวังว่าคนของแมทธิวจะไปทันก่อนที่ฝ่ายนั้นจะลงมือทำอะไร มันอาจจะแค่ขู่เฉยๆ แต่ผมไม่วางใจอยู่ดี

“ขอบคุณนะเซ็บ ผมทำอะไรเพื่อคุณได้บ้างนะ”

“ไม่งอแงสิ เป็นหน้าที่ฉันอยู่แล้ว”

“ผมอยากให้คุณพึ่งพิงผมได้บ้าง” ผมสารภาพ มันเป็นความรู้สึกแย่ที่ซ่อนอยู่ลึกๆ “แต่ผมกลับเป็นฝ่ายพึ่งคุณตลอด เหมือนเป็นคนไม่ได้เรื่องเลย”

“เฮ้ มานี่มา” เซบาสเตียนเดินนำผมไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ตึก ตรงนี้เงียบสงบเพราะส่วนใหญ่อยู่กันในงานด้านนอก “นายฟังฉันนะแพท นายไม่ได้พึ่งฉันตลอด มันก็มีเรื่องที่ฉันต้องพึ่งนาย แค่คนละเรื่องเท่านั้น คนเราสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ทุกคนนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง บางเรื่องเราเข้มแข็ง เราให้คนอื่นพึ่งได้ บางเรื่องเราอ่อนแอ เราก็ต้องพึ่งคนอื่น ฉันที่กลายเป็นฉันในตอนนี้ก็เพราะนาย ดีขึ้นกว่าเดิมก็เพราะนาย เพราะฉะนั้นเลิกน้อยใจได้แล้วเข้าใจไหม”

ผมสบตาเขา ความรู้สึกถูกปลดล็อกจากคำพูดของเซบาสเตียน

“ขอบคุณนะครับ”

“ขอบคุณนายเหมือนกันที่อยู่ข้างๆ”

“วันนี้คุณหล่อจัง” ผมยิ้ม ลบความกังวลออกจากใจ ไล่สายตามองชุดสูทที่เขาสวม แถมยังเซ็ตผมด้วย เซบาสเตียนดูภูมิฐานและโดดเด่นมาก “สาวๆ มองเยอะแน่เลยใช่ไหม”

“พอตัว”

“เซ็บคะ” เสียงใสดังขึ้น ผมเงยหน้ามองแม้ไม่ได้ถูกเรียกเอง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงมาทางพวกเรา เธอสวยมาก แต่คนสวยเอาแต่มองไปที่เซบาสเตียน “ฉันตามหาคุณตั้งนาน หลบมาอยู่นี่เอง”

“มีอะไรหรือเปล่าเมลิน่า”

อ้อ เมลิน่าคนนั้น…

ผมหรี่ตาลง

“บอกให้เรียกเมลไงคะ” เธอทำหน้ามุ่ย “ฉันจะมาถามว่าตกลงคุณจะไปปาร์ตี้ตอนเย็นกับพวกเราไหม อาจารย์ในภาควิชาเราไปกันเกือบหมดเลยนะ”

“ผมคงไม่ว่าง”

“เฮ้ ไม่เอาน่า คุณน่าจะสังสรรค์บ้างนะ ฉันอยากให้คุณไป”

“ผมมีนัดแล้วขอโทษที”

“กับใครคะ”

“คนนี้” เซบาสเตียนพาดแขนกับไหล่ผม “ลืมแนะนำให้รู้จัก นี่แพทริค เขาเป็นคนของผมเอง”

“คน...ของคุณ?”

“ครับ เขาเป็นโซลเมตผม”

“...”

“คนรักของผมเอง”

ผมหันมองเขาทันที เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำยืนยันสถานะจากปากของเซบาสเตียน เมลิน่าเงียบไป ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังตกใจหรือเป็นอะไร รู้แค่ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรง

มันเต้นแรงเกินไป

ถ้ามีอะไรที่ชัดเจนกว่าสถานะของพวกเรา

ก็คงเป็นเสียงหัวใจผมนี่แหละ


______________________________________


แจ็ค ทอล์ก

คุณเซ็บจะเป็นหลัวสำหรับเราตลอดกาลและตลอดไปค่ะ 555

มาอัปก่อนกำหนดเพราะวันเสาร์-อาทิตย์นี้ออกไปข้างนอกค่า กลับมาดึกเหมือนเคย เลยมาอัปไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้เขียนตุนไว้ถึงบทที่ 21 แล้ว จะทยอยอัปให้เรื่อยๆ นะคะ

จริงๆ ก็ใกล้จบแล้วค่ะ อีกประมาณ 5 บทจบ ฮือออ ใจหายมากค่ะ อยู่กันมาตั้งนาน ยังไงขอฝากทุกคนติดตามเรื่องนี้ไปจนจบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

#คุณผู้มากับสายฝน


ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณเซ็บหล่อจังเลย พอรู้เรื่องปุบสั่งการทันที มีคนลึกลับโผล่มาอีกแล้ว แม่แมทก็น่าสงสัย ทำไมถามแม่เรื่องรองเท้า ปมน่าสงสัยไปหมดืขอบคุณมากค่ะคุณแจ็ค รอตอนหน้าจ้า

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
จบตอนนี้ต้องขอยืมคำของแพทริคมาพูดเสียหน่อยค่ะ
“คุณ(เซ็บ)เท่ที่สุดเลย”
ไม่มีคำไหนจะมอบให้แล้ว หลัวในใจ หลัวในฝันจริงๆอ่ะ

ผู้ต้องสงสัยเต็มไปหมด คราวก่อนก็คนที่บ้านแม่คุณเซ็บ คราวนี้ก็คนที่บ้านพ่อ
ไม่รู้จะเพ่งเล็งใครดี
แต่....ถึงแม้เรื่องจะเริ่มเข้มข้นสักแค่ไหน ความละมุนของคุณสองคนก็ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด
เป็นห่วงหัวใจเจ้าแมวยักษ์มากๆ กลัวทำงานหนักเกินไป >///<

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชัดเจนดีจังเซบ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
หลงเซ็บจนหาทางออหไม่เจอแล้ววววว โซหลัวจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
มาตามเป็น FC คุณเซบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณมากค่า ผิดโพแต่ไม่เป็นไรค่า แฮปปี้ :hao7: :hao7: :hao7: :hao6:
สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5


Chapter 20

The last jigsaw piece


[Sebastian]


ยังจำที่ผมเคยบอกว่าอยากดีดนิ้วทีเดียวเหมือนธานอสแล้วแมทธิวสลายเป็นฝุ่นได้ไหม ตอนนี้ความรู้สึกนั้นกลับมาอีก และเป็นอีกครั้งที่ผมเสียดาย ที่มันเป็นได้แค่ความคิด

ผมวางมือจากงานตรงหน้า สื่อการเรียนการสอนยังไม่เสร็จดี ผมยังไม่ได้ตรวจแผนงานที่นักศึกษาส่งมาด้วยซ้ำ แต่แมทธิวที่นั่งกระดิกเท้ายิกๆ อยู่บนโซฟาทำให้ผมต้องวางงานทั้งหมดลงชั่วคราว

“คราวหลังโทรมาบอกก่อนเถอะ”

“ลืมไป ขอโทษที”

“มีเรื่องอะไร” ผมเข้าประเด็น พาตัวเองมานั่งตรงโซฟาเดี่ยวเยื้องกับแมทธิว “รีบคุยรีบเสร็จก่อนแพทจะกลับมา ฉันไม่อยากให้เขารู้อะไรมาก เดี๋ยวจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้”

“รู้เพิ่มหรือไม่ ยังไงก็กลายเป็นเป้าไปแล้วอยู่ดี”

“เข้าเรื่องเถอะ”

ผมถอนใจ เหลือบมองนาฬิกา อีกสิบห้านาทีแพทริคจะเลิกงาน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาจะกลับถึงนี่

“รู้ใช่ไหมที่พ่อสั่งห้ามพวกเราสืบต่อ”

“รู้ ฉันถึงประหลาดใจที่นายกล้ามาหาฉันถึงนี่ ทั้งที่คนของพ่อเฝ้าอยู่รอบคอนโดฯ คอยจับตาดูฉัน” ผมเลิกคิ้ว สบตาแมทธิวที่ไม่ทุกข์ร้อน “ไม่กลัวพวกนั้นรายงานพ่อหรือไง”

“ก็รายงานไปสิ”

“แมท”

“อย่าทำเสียงดุใส่ฉันน่า” เขาโบกมือ “พี่ชายจะมาเยี่ยมน้องชายแปลกตรงไหน นอกจากนี้พวกเขามีหลักฐานไหมล่ะว่าฉันมาหานายด้วยสาเหตุอื่น”

“...”

“ก็ไม่” เจ้าตัวหัวเราะหึๆ “พ่อไม่จัดการฉันถ้าไม่มีหลักฐานมากพอ อีกอย่างฉันก็เลิกสืบหาเบาะแสใหม่แล้ว”

“แต่ไม่ได้หมายความว่านายจะไม่ทำอะไรเลย ฉันพูดถูกหรือเปล่า” ผมแทรกขึ้น “ไม่งั้นไม่กี่วันก่อนนายคงไม่โทรมาบอกว่าเจออะไรดีๆ หรอกนะ”

“อย่างที่นายว่า” แมทธิวยิ้มรับ “ฉันหาเบาะแสใหม่ไม่ได้ เพราะพ่อจับตามองฉันเขม็งเชียวล่ะ แต่พ่อไม่ได้ห้ามให้ฉันทิ้งเบาะแสเก่าๆ สักหน่อย ฉันก็แค่ใช้เวลาว่างพิจารณามันอย่างละเอียดกว่าเดิมเท่านั้น”

“ได้อะไรมั่งล่ะ”

“เยอะกว่าที่นายคาด” แมทธิวหยิบไอแพดวางบนโต๊ะรับแขกตรงหน้า เขาเรียกให้ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ จากนั้นกดเปิดคลิปหนึ่งขึ้นมา “นี่เป็นคลิปจากคอนโดฯ แพททริคที่นายส่งมาให้ สังเกตดูดีๆ นายว่าคนนี้มีลักษณะยังไง”

ผมหรี่ตาพิจารณาคนในคลิป ยอมรับว่าพอได้ไฟล์มาผมเปิดดูแค่ครั้งเดียว ไม่ทันสังเกตอะไรมากเท่าไหร่ ในคลิปเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่นอกอาคาร มุมค่อนข้างอับ แต่ก็มองเห็นตัวคนนั้นได้มากพอสมควร เขาสวมเสื้อผ้ามิดชิด เสื้อฮู้ดสีดำแขนยาวสวมทับเสื้อยืดสีขาวตัวในและกางเกงตัวโคร่ง ตัวฮู้ดบังใบหน้า เห็นแค่ปลายคางเล็กน้อย

“พรางตัวขนาดนั้น นายคาดหวังว่าฉันจะตอบอะไร ถ้ารู้จะส่งไปให้นายช่วยคิดหรือไง”

“ตอนแรกฉันก็คิดเหมือนนาย แต่ดูนี่” แมทธิวเลื่อนความเร็วคลิปไปข้างหน้าแล้วกดหยุด เขามองหน้าผม มุมปากยกยิ้ม “มันเป็นจังหวะที่ลมพัดมาพอดี นายสังเกตเสื้อที่เขาใส่”

ผมหรี่ตามองตามที่แมทธิวชี้แนะ ความจริงบางอย่างเริ่มปรากฏ ผมเลื่อนคลิปถอยหลังแล้วกดเล่นเพื่อดูภาพเคลื่อนไหวให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง จังหวะที่ลมพัดทำให้เสื้ออีกฝ่ายแนบไปกับลำตัว ส่วนโค้งนูนปรากฎเด่นชัด

“เป็นผู้หญิง?”

“หน้าอกชัดขนาดนั้น”

“คิดถูกจริงๆ ที่ให้คลิปนายไปจัดการ” ผมสบตาแมท “คนเจ้าชู้อย่างนายสายตาไวกับเรื่องพวกนี้”

“นี่ชมหรือเปล่า”

“แล้วแต่จะคิด” แมทธิวกลอกตาเมื่อผมตอบปลายเปิด “แล้วยังไงต่อ นายเลยพิจารณาเรือนร่างเธอจนละเอียดเลยล่ะสิ?”

“อย่าพูดให้ฉันดูเหมือนโรคจิตน่า” แมทธิวพ่นลมหายใจ “แต่ก็ใช่ พอฉันเห็นว่า ‘เธอ’ เป็นผู้หญิงเลยลองดูรายละเอียดอื่นๆ อย่างพวกโครงร่าง ส่วนสูง ช่วงไหล่ ท่าทางการเดินพวกนี้ด้วย และค่อนข้างมั่นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงแน่ๆ”

“ฉันกำลังคิดอะไรบางอย่าง” ผมลูบปลายคางตัวเอง หรี่ตาจ้องภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอไอแพด

“บางอย่างที่นายคิดคืออะไร”

“เธอคล้ายจะถนัดมือซ้าย” ทั้งการยื่นจดหมายให้เด็กคนนั้นหรือแม้กระทั่งท่าทางการชี้มือ ส่วนใหญ่เป็นมือซ้ายทั้งนั้น ผมไม่อยากปักใจมากเกินไป แต่คนเราถ้าถนัดมือข้างไหนมักใช้ข้างนั้นบ่อยกว่าอีกข้างไม่ใช่หรือไงกัน

“เยี่ยม เพราะสิ่งที่นายคิดตรงกับสิ่งที่ฉันคิด”

“นายกำลังจะบอกว่าคนส่งจดหมายขู่แพทกับคนที่ยิงพ่อเป็นคนเดียวกัน” ผมเลิกคิ้ว “มือปืนเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ”

“คาดไม่ถึงสินะ”

“นายแน่ใจมากแค่ไหนแมท”

“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์”

“อีกสิบเปอร์เซ็นต์ล่ะ”

“กันไว้เผื่อสันนิษฐานผิดจะได้ไม่หน้าแตกมาก” เขาตอบหน้าตาย กดปิดคลิปที่เปิดอยู่ เปลี่ยนเป็นอีกคลิป มันเป็นคลิปที่พ่อผมถูกลอบยิง “เดี๋ยวจะหาว่าฉันคิดไปเอง นายลองสังเกตมือปืนคนนี้ดู ช่วงไหล่แคบมาก ถ้าเป็นผู้ชายจะกว้างกว่านี้ ถึงจะเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กขนาดไหนก็เถอะ แล้วจังหวะที่ยกปืนยิง...”

แมทธิวกดหยุดคลิปทำให้ภาพหยุดค้างตรงที่อีกฝ่ายยืดแขนไปด้านข้าง แขนเสื้อแจ็คเก็ตสีดำที่สวมร่นขึ้นจากข้อมือขึ้นไปเล็กน้อย

“นายเห็นข้อมือนั่นไหม เล็กอย่างกับอะไรดี แถมมือที่สวมถุงมือนั่นอีก”

“เหมือนมือผู้หญิงจริงอย่างที่นายว่า” ถ้าหากเธอไม่สวมถุงมือพรางเอาไว้แต่แรก พวกเราคงเอะใจเร็วกว่านี้ “แต่นายแน่ใจได้ยังไงว่าผู้หญิงสองคนนี้เป็นคนเดียวกัน”

“สัญชาตญาณ”

“เราใช้สัญชาตญาณเป็นหลักฐานอ้างอิงไม่ได้นะแมท”

“ล้อเล่นน่า” แมทธิวโบกมือไปมา คราวนี้เขาเปิดสองคลิปขึ้นเทียบกัน “นายเห็นรองเท้าบูธที่มือปืนสวมไหม”

“เห็น ทำไม”

“ทรงรองเท้าคล้ายทรงผู้ชาย แต่จริงๆ นั่นน่ะเป็นรองเท้าผู้หญิงแบรนด์ Claudia จุดเด่นของแบรนด์นี้อยู่ที่ดีไซน์รองเท้าที่เหมือนผู้ชาย แต่ถ้านายสังเกตดีๆ ตรงส้นรองเท้าจะเป็นส้นสูงแบบผู้หญิง ในคลิปนี้อาจเห็นไม่ชัด แต่ถ้าดูอีกคลิปนายจะเห็นชัดกว่านี้ พอลองมาเทียบ ฉันเลยสันนิษฐานว่าอาจเป็นคนเดียวกัน”

“เราเกือบไปผิดทาง” ผมรำพึงกับตัวเอง

“ฉันมีอะไรที่เด็ดกว่านั้น”

“อย่าอมพะนำแมท” ผมถอนใจ “บอกมาให้หมด”

“จำรายชื่อคนที่ไปซื้อยางรุ่นพิเศษนั้นได้ไหม”

“ที่นายไปบังคับข่มขู่ขอเขามา”

“เรียกว่าขอความร่วมมือดีกว่า” แมทธิวแก้คำ เขากระแอม เปิดไฟล์รายชื่อขึ้นมา ชี้ให้ผมดูรายชื่อหนึ่งในนั้น “ตอนแรกฉันไม่ทันเอะใจ จนกระทั่งเมื่อวานฉันออกไปพบลูกค้ารายใหญ่ ขากลับระหว่างทางเจอคนนี้มากับ…”

แมทธิวเล่าให้ผมฟังก่อนเปิดรูปที่แอบถ่ายให้ดู ผมจ้องรูปบนหน้าจอไอแพดนิ่ง ไม่รู้ควรจะพูดอะไรออกไปหาก ‘คนๆ นั้น’ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้จริง

“มั่นใจมากแค่ไหนแมท”

“บอกแล้วไงว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์”

“...”

“และอาจเป็นเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ถ้านายฟังสรุปข้อสันนิษฐานของฉันทั้งหมด” แมทธิวเงียบไปครู่หนึ่ง เขาสบตาผม ถอนใจแผ่วเบา “อยู่ที่ว่านายพร้อมรับฟังหรือเปล่า”

ผมเงียบ คิดหนักกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มันมีแนวโน้มเป็นจริงเกินครึ่ง

“บอกมาเถอะ ฉันพร้อม”

แมทธิวยิ้ม เขาตบบ่าผมหนักๆ ข้อสันนิษฐานทั้งหมดถูกนำมาต่อกันจนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายในทีแรกเป็นรูปเป็นร่าง ขาดเพียงคำสารภาพจากปากคนร้าย

จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายจึงจะถูกต่อครบโดยสมบูรณ์

ผมถอนใจ ระบายก้อนความอึดอัดทิ้ง กดดูคลิปนั้นอีกครั้ง พิจารณาตรงที่เธอยืนอยู่และสังเกตอะไรได้อีกอย่าง มันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ผมมองข้ามไป ไม่สิตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าคนร้ายคือ ‘ใคร’ แต่ตอนนี้ผมคิดว่ารู้ และอะไรเล็กๆ น้อยๆ นี่อาจช่วยผมยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่

ผมขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าป่านนี้หลักฐานจะถูกทำลายหรือยัง

“ฉันคงต้องไปพิสูจน์อะไรบางอย่าง”

ผมพูดกับตัวเอง แมทพยักหน้ารับ พวกเราจมอยู่กับความคิดตัวเองหลังจากนั้น


“คุณไปไหนมาน่ะเซ็บ ผมกลับมาไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับ”

แพทริคถามเมื่อผมกลับถึงห้อง ผมลังเล ไม่แน่ใจว่าควรบอกดีหรือไม่ แต่พอเห็นสายตาเป็นกังวลของแพทริคก็ใจอ่อนยวบ ในสถานการณ์แบบนี้ ผมดันหายตัวไปแถมไม่รับสายแพทริค ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ผมยังไม่มีบอดี้การ์ด เขาคงเป็นห่วงผมมากกว่านี้แน่

“จัดการธุระนิดหน่อย นายกลับมานานหรือยัง ไปอาบน้ำก่อนไป” ผมเดินไปที่ตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมากระป๋องนึง เดินมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาก่อนเปิดมันดื่ม

“คุณหายไปตั้งนาน ผมอาบแล้ว เปลี่ยนเป็นชุดนอนนี่คุณไม่สังเกตเลยเหรอ” เขาถาม แหงล่ะ ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ไม่มีสติจะสังเกตอะไร แพทริคเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ปลายจมูกโด่งกดลงข้างแก้ม เจ้าแมวยักษ์หอมแก้มผมดังฟอดแล้วคลอเคลียอยู่แบบนั้น “คุณก็ตัวหอม”

“หอมที่ไหน เพิ่งกลับมา ยังไม่ได้อาบน้ำ”

“อาบด้วยกันไหมครับ”

“ไหนใครบอกว่าอาบแล้ว” ผมเอี้ยวคอมองเขา เจ้าแมวยักษ์ยิ้มเผล่ แววตาเป็นประกาย “เป็นแมวเจ้าเล่ห์เหรอเรา?”

“อาบแล้วก็อาบอีกได้นะครับ”

“ถ้าอยากเปียกอีกรอบ ฉันว่านายเอารองเท้าไปซักเถอะ ทิ้งให้เปื้อนมาหลายวันระวังจะซักไม่ออก” ผมพูดถึงรองเท้าผ้าใบของแพทริค วันที่ย้ายของออกจากคอนโดฯ เจ้าแมวยักษ์ตัวนี้ซุ่มซ่ามเดินไปโดนสีบนทางเท้าที่ทางคอนโดฯ ให้ช่างมาทาใหม่ รองเท้าสีขาวที่ปกติมอมแมมอยู่แล้วเลยมีรอยเปื้อนสีเหลืองเพิ่มขึ้นมาอีกจนได้

“โธ่ เดี๋ยวผมซักน่า แต่อาบน้ำกับผมก่อนนะๆๆ”

“ไม่ล่ะ เสียใจด้วยแพท” ผมปฎิเสธ หลังจากนั้นเจ้าแมวยักษ์ก็ส่งเสียงหง่าวๆ โวยวายไม่หยุด เขาเดินอ้อมมาทิ้งตัวนั่งข้างผม เกยคางกับไหล่ จ้องผมด้วยดวงตาสีฟ้าคู่สวย “คิดว่าอ้อนแล้วฉันจะใจอ่อน?”

“ก็ต้องลองดู”

“มั่นใจในตัวเองเกินไปหรือเปล่า

“ผมน่ารักนะ คุณจะไม่ใจอ่อนจริงๆ เหรอ”

“ดื่มไหม” ผมยื่นเบียร์กระป๋องที่ดื่มอยู่ไปทางแพทริค เปลี่ยนเรื่องซะ จะได้ไม่เผลอใจอ่อนไปกับลูกอ้อนของอีกฝ่าย

“อยากดื่มจากปากคุณ”

“อ๋อ ให้ฉันพ่นใส่หน้านาย?”

“ไม่โรแมนติกเลยคุณ” แพทริคงอแง ผมอดไม่ได้ บีบจมูกเขาไปแรงๆ ทีนึง “อื้อ! เจ็บนะครับ”

“สมควรโดนแล้ว”

“โธ่” เขาผละตัวออกห่าง ลูบจมูกตัวเองป้อยๆ ผิวขาวพอโดนแตะแรงนิดหน่อยก็แดงจัด แพทริคจมูกแดงแจ๋เหมือนกวางเรนเดียร์ ผมอดหัวเราะไม่ได้ “หัวเราะผม ชอบใจ ให้ผมฟัดคุณบ้างดีไหมฮึ?”

“อย่าดื้อกับเจ้าของ”

“ถ้าดื้อแล้วคุณจะไม่รักเหรอ”

ผมยกเบียร์ขึ้นดื่ม แกล้งเว้นช่วงให้เจ้าแมวยักษ์กระสับกระส่ายเล่น ดวงตาสีฟ้าสั่นไหว เขาดูลุ้นกับคำตอบผมจนทนแกล้งต่อไม่ไหว แพทริคคงไม่รู้ตัวว่าเป็นคนที่น่าเอ็นดูมากแค่ไหน

“รักสิ”

ผมยื่นหน้าไปใกล้ ทาบมือกับแก้มเขา แตะริมฝีปากจูบเจ้าตัวดีเบาๆ กลิ่นเบียร์ลอยคลุ้งผสมกลิ่นมิ้นต์จากริมฝีปากอีกฝ่าย คงเป็นลูกอมที่แพทริคชอบอมประจำ ผมค้นพบว่าตัวเองคิดถูกทันทีที่ล่วงล้ำเข้าไปข้างใน ลูกอมเม็ดเล็กกำลังละลาย ผมกวาดต้อนมันด้วยความร้อนจากปลายลิ้น ไม่นานมันก็หายไป รสหวานเย็นติดลิ้นผม แต่ไม่ชัดเจนเท่าความหวานจากริมฝีปากแพทริค

“อื้ม เซ็บ…”

ผมถอนริมฝีปากออก ผิวเนื้ออ่อนที่แนบสนิทผละจากกัน เสียงหอบหายใจดังขึ้น ไอร้อนจากปากเป่ารดคละกัน หัวใจผมเต้นแรง สั่นสะเทือนจนน่าขัน แพทริคสบตาผม แววตานั้นลึกล้ำ เขาขยับหน้าเข้ามาอีกครั้ง จูบผมเบาๆ แล้วผละออก จูบอีกครั้ง และผละออกอีกครั้ง

รสสัมผัสชัดเจน ทุกอย่างตรึงอยู่ในความรู้สึก ริมฝีปากที่แนบสนิท จังหวะที่ถอดถอน เสี้ยววินาทีที่ห่างกันแสนสั้นแต่ความโหยหากลับขยายกว้าง มันแผ่ตัว เติบโตและโอบล้อมผมเอาไว้ ใจกลางความโหยหานั้นคือแพทริค เขาอยู่ตรงนั้นเสมอ

“คุณกำลังกังวลอะไรหรือเปล่า”

“ทำไมคิดอย่างนั้น”

“ไม่รู้สิ คุณแปลกไป” แพทริคกุมมือผมเอาไว้ พวกเราสบตากัน “อยากบอกผมไหม”

“ฉันไม่อยากให้นายถูกดึงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ผมเต็มใจ”

“ครอบครัวนายเดือดร้อนเพราะฉันด้วย”

“คุณส่งคนคุ้มครองพวกเขาแล้ว” แพทริคสบตาผม แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครเชื่อมั่นในสิ่งที่ผมทำมาก่อน แต่แพทริคทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิด “ผมเชื่อว่าพวกเขาจะปลอดภัย”

“แมทน่ะ” ผมเกริ่น “วันนี้เราคุยกันเรื่องหลักฐานที่ได้มา ทั้งหมดนั่นพุ่งเป้าไปที่คนคนนึง รวมกับข้อสันนิษฐานอื่นๆ แล้วฉันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”

“เป็นคนที่คุณรู้จักเหรอครับ”

“อยากให้ไม่เป็น” ผมถอนใจ เอนหัวพิงกับศีรษะแพทริค หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า “ขอยังไม่บอกนายตอนนี้ได้ไหมว่าใคร”

“คุณสะดวกใจค่อยบอกดีกว่าครับ”

“ขอบใจนะ”

“คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

“นิดนึง” ผมยิ้มเล็กน้อย ลืมตาจ้องเพดานห้อง กลัวแพทริคไม่สบายใจ เขาไม่ควรเก็บเรื่องวุ่นวายของผมไปคิดให้ปวดหัว มันเปล่าประโยชน์ “ได้พูดออกไปบ้างมันดีจริงๆ นั่นแหละ”

“อย่างที่คุณบอกผมไง”

“ฉันบอกอะไร?”

“คนเราสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง” แพทริคทวนความจำให้ผม “คราวนี้ถึงตาผมเป็นที่พึ่งให้คุณบ้างได้ไหม ผมรู้ว่าคุณโตกว่า คุณพยายามรับผิดชอบคนเดียวทุกอย่างเท่าที่ไหว แต่แบ่งเบามันให้ผมบ้างก็ได้ครับ”

“เข้าใจพูดนะ”

“ผมจริงจังนะเซ็บ”

“ฉันรู้แพท ขอบใจนายมาก” ผมตบหลังมือเขา เจ้าแมวยักษ์ยิ้มกว้าง พอใจกับคำชม ถ้าเขามีหูกับหางแมวจริงๆ ป่านนี้มันคงสะบัดไปมาแน่ๆ “แพท ฉันมีเรื่องจะขอนาย”

“ครับ? คุณว่ามาได้เลย”

“สุดสัปดาห์นี้ว่างไหม”

“ทำไมเหรอครับ” เขาเลิกคิ้ว ดูสงสัย “วันเสาร์อาทิตย์ผมหยุดอยู่แล้ว มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า หรืออยากให้ผมไปที่ไหนเป็นเพื่อน?”

“เซ้นส์นายนี่เร็วดีนะ”

“ครับ?”

“มันเป็นงานเลี้ยงการกุศล ทั้งรอสซ์และเปเรซได้รับเชิญให้ร่วมงานนี้” ผมอธิบาย สบตากับแมวยักษ์ที่มองตาแป๋วตั้งอกตั้งใจฟัง “ปกติฉันไม่ค่อยชอบงานพวกนี้ คนเยอะ น่ารำคาญ ยิ่งงานที่เปิดให้สื่อเข้ามาทำข่าวด้วย…”

“แต่ครั้งนี้คุณจะไป ผมพูดถูกหรือเปล่า”

“ใช่ ต้องไป แม่กับพ่อ…” ผมถอนใจ “เป็นครั้งแรกที่พ่อไม่ได้ออกงานพร้อมแม่ฉัน คราวนี้เขาไปกับน้ามาเรีย ฉันไม่อยากให้แม่รู้สึกแย่เลยจะไปด้วย แต่ก็รำคาญงานพวกนี้”

“อา...เข้าใจแล้ว ผมไปกับคุณได้นะ ถ้าไม่รังเกียจ”

“ฉันจะไปในนามของเปเรซ ถ้านายตกลงฉันจะส่งชื่อให้แม่แจ้งเขาว่ามีแขกของตระกูลไปด้วย”

“ชักประหม่านิดนึงแล้วแฮะ” แพทริคหัวเราะเบาๆ แววตาดูกังวล “ผมต้องไปเช่าชุดก่อน งานมันธีมอะไรครับ สูทธรรมดานี่พอไหวไหม ผมไม่ค่อยได้ออกงานทำนองนี้เท่าไหร่”

“เรื่องชุดไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปห้องเสื้อเจ้าประจำ ถ้าจะตัดใหม่คงไม่ทัน เอาเป็นแก้ทรงให้พอดีกับตัวนายแล้วกัน เดี๋ยวให้เขาจัดรองเท้ามาให้เลือกด้วย เสร็จแล้วค่อยไปทำผมกับร้านประจำฉัน ทุกอย่างฉันจัดการเอง นายมาแต่ตัวและเป็นเด็กดีทำตามที่บอกก็พอ”

“เอ่อ…”

“ที่พูดไปนี่เข้าใจหรือเปล่า ไม่พอใจตรงไหนบอกได้ ช่างที่ฉันคัดมาฝีมือดีที่สุดสมราคา ไม่ต้องกังวลว่าจะออกมาไม่ดี”

“ไม่เซ็บ คือผม…” แพทริคปาดเหงื่อ “มันต้องหรูขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ก็ไม่หรูเท่าไหร่นี่ ปกติจะตาย”

พอผมตอบไปแบบนั้น แพทริคเหมือนตาเหลือกไปชั่วขณะ เห็นท่าทางของเขาแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ผมทาบมือทั้งสองข้างกับแก้มแพทริค ออกแรงขยี้ด้วยความมันเขี้ยว

“ตาเหลือกหมดแล้วเจ้าแมวโง่”

“คุณรวยเกินไป ผมเข้าไม่ถึง” น้ำเสียงอีกฝ่ายคล้ายจะร้องไห้

“ไม่ดีเหรอ เลี้ยงนายได้ทั้งชีวิตเลย”

“คุณรู้ตัวหรือเปล่า พูดแบบนี้เหมือนเสี่ยกำลังจะล่อลวงเด็กเลย”

“ตีสักทีดีไหม เปรียบเทียบอะไรน่าเกลียด”

“ตีด้วยปากได้ไหมครับ แบบนั้นจะยอมเลย”

เจ้าแมวยักษ์ทำเป็นเก่ง เขาเชิดหน้าเถียงสู้ ผมหัวเราะในลำคอ ดูท่าทางผยองพองขนของเด็กดื้อแล้วนึกอยากแกล้งมากกว่านี้ ผมขยับเข้าไปใกล้ เอียงหัวกระซิบข้างหูแพทริคด้วยโทนเสียงแหบพร่า...ใช่ ผมจงใจ

“เรียกฉันว่า ‘แด๊ดดี้’ สิ แล้วนายจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ”

หลังจากนั้นแมวยักษ์ก็ช็อกตัวแข็งอยู่ร่วมนาทีก่อนก้าวหนีฉับๆ เข้าห้องไปทั้งที่ใบหูแดงเถือก


________________________________________________
แจ็ค ทอล์ก

วันนี้เฉลยเพิ่มอีกหนึ่งปม คนร้ายเป็นผู้หญิงค่ะ ฮ่าาาา

วันนี้กลับจากข้างนอกไวค่ะ ไปเลี้ยงรุ่นมา ตอนแรกนึกว่าจะกลับดึก แต่ไม่ดึกเท่าไหร่ เลยมาอัปให้อีกตอน

อ้อ แจ็ค แจ้งนิดนึงค่ะ ในบทที่ 17 แจ็คเพิ่มเบาะแสใหม่ไปครึ่งบรรทัด จะอ่านซ้ำอีกรอบก็ได้นะคะ แต่ไม่อ่านก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะมีพูดถึงในบทนี้อยู่ (แต่ไม่บอกหรอกว่าเบาะแสไหน ฮี่ๆ)

คิดว่าน่าจะอัปจนจบเรื่องภายในเดือนนี้นะคะ ฝากติดตามกันด้วยค่า

#คุณผู้มากับสายฝน

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ไม่นะ อย่าบอกนะว่าคุณแม่คือคนร้าย :serius2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไม่อยากปักว่าใครเป็นคนร้าย ประสบการณ์สอนเรามาว่าเดี๋ยวแหก  :hao7:

ปล. หมันไส้ความแง้วๆ ของแมวยักษ์  :hao5:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ผู้หญิงก็มีอยู่ไม่กี่คนมั้ยในนี้  :m28:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ไม่นะ อย่าบอกนะว่าคุณแม่คือคนร้าย :serius2:
คิดเหมือนกันเลยอ่ะ..ใจบ่ดี   :mew5:

ออฟไลน์ felin_kkr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เพิ่งมาอ่านค่ะลุ้นตามจนหยุดไม่ได้เลย
ในหัวนี่คิดตลอดเลย
ขอเดาว่า  คุณอเล็กซ์มีส่วนเกี่ยวข้องค่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เข็มเยนไปทางคุณแม่ แหะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
กรี๊ดดด แดดดี้ ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ :o8:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5

Chapter 21

Can you answer me?


[Patrick]


วันนี้ผมต้องไปงานเลี้ยงการกุศลเป็นเพื่อนเซบาสเตียน ผมหมดเวลาช่วงเย็นไปกับการปลอบใจตัวเองไม่ให้ตื่นเต้นเกิน เซบาสเตียนทำตามที่พูดทุกอย่าง ผมไม่ต้องทำอะไร แค่ทำตัวเป็นตุ๊กตาแมวยักษ์ที่ดีให้เขาจับแต่งตัว ไม่กี่วันก่อนนี้เซบาสเตียนพาผมไปหาช่างเสื้อเพื่อวัดตัวแก้สูทและจัดรองเท้าให้เข้าชุดเรียบร้อย

สารภาพว่าตอนแรกที่เห็นราวชุดสูทแบรนด์ต่างๆ แขวนเรียงอยู่ตรงหน้า ผมเกือบหน้ามืด เพราะมีแต่แบรนด์ดังระดับชั้นนำราคาสูงลิบที่ผมไม่กล้าแตะแน่ๆ แต่เหมือนเซบาสเตียนไม่รู้สึกอะไร เขาเดินฉับๆ หยิบตัวนั้นตัวนี้ทาบตัวผมอย่างคล่องแคล่ว พอผมแย้งว่าราคาสูทแต่ละตัวมันแพงเกินไป เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไล่ผมไปลองรองเท้าต่อ

เผด็จการที่สุดก็คุณเสือดำคนนี้นี่แหละ

“เข้ากับนายดี”

เขาพูดขึ้นหลังพวกเราแต่งตัวและเซ็ตผมเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ชาย การแต่งตัวใช้เวลาไม่นาน ส่วนคุณสาวๆ นั้นวุ่นวายกันตั้งแต่บ่าย

“อย่าหลอกให้ผมดีใจเก้อนะครับ” ผมแซวเขา เซบาสเตียนเลยดีดหน้าผากผม “เจ็บนะคุณ”

“มั่นใจตัวเองหน่อย นายดูดีมากวันนี้”

“คุณก็เหมือนกันเซ็บ”

ผมไล่สายตามองเซบาสเตียน เขาสวมสูทสีดำสนิทตรงกันข้ามกับผมที่เซบาสเตียนเลือกสูทสีครีมให้ เขาให้เหตุผลว่าผมเหมาะกับสีอ่อน มันขับให้สีผมของผมเด่นน่ามอง

ไม่รู้เคยบอกหรือยังว่าเซบาสเตียนเวลาอยู่ในชุดสูทภูมิฐานแบบนี้มันเหมาะกับเขามาก เขาดูสุขุม มาดนิ่งเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและเท่ในสายตาผมที่สุด ทรงผมถูกเซตเสยไปด้านหลัง ปอยผมสีดำตกละหน้าผากเล็กน้อย ขับให้ใบหน้าคมมีสเน่ห์น่าค้นหามากกว่าเดิม

เขาดูดีเกินไป ทุกคนต้องให้ความสนใจมากแน่

“จู่ๆ ก็หน้ามุ่ย เป็นอะไรหืม?”

“กำลังคิดว่าคนจะมองคุณเยอะไหม”

“ไม่มีใครกล้ามองหรอก ฉันน่ากลัว”

“คุณหล่อจะตาย”

“ปากหวาน แต่ไม่มีรางวัลให้นะ” เขายิ้ม หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันข้อความชื่อดัง เซบาสเตียนขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม

“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ?” ผมถามเมื่อเห็นความผิดปกติ เซบาสเตียนเงยหน้า เขาส่ายหัว

“เปล่า รีบไปกันเถอะ”

“ความลับเยอะจังนะครับ”

ผมตัดพ้อ เซบาสเตียนหัวเราะหึๆ เขาตบไหล่ผม ดันให้ออกจากร้านไปขึ้นรถคันหรูที่จอดรอรับอยู่ด้านหน้า งานใกล้จะเริ่มแล้ว ผมสูดหายใจลึก เตรียมเดินเข้าสู่โลกของเซบาสเตียน


“เซ็บ ผมว่าผมตื่นเต้น”

“แค่งานเลี้ยงธรรมดา” เขาพยายามปลอบ

“งานเลี้ยงธรรมดาในโรงแรมที่หรูที่สุด คนเดินผ่านไปมามีแต่คนดัง ไม่ก็ทายาทตระกูลใหญ่ๆ เนี่ยนะครับ?”

“‘จับมือกันไหม นายจะได้เลิกตื่นเต้นสักที”

“เดี๋ยว...นักข่าวเยอะนะครับ” ผมกระซิบ สบตาเซบาสเตียนที่มองมา “ถ้าเขาเอาคุณไปเขียนข่าวเสียหายล่ะ ผมทนไม่ได้หรอกถ้าทำคุณเดือดร้อน”

“ฉันไม่เดือดร้อนสักหน่อย” เขาว่า “แต่ลองเขียนอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับนายดูสิ ฉันจะฟ้องให้หมดตัว อย่าทำหน้าอย่างนั้นน่า ฉันไม่ได้ใจร้าย แค่สื่อสมัยนี้เคยตัวมากเกินไป แต่พวกนั้นคงไม่กล้าหรอก ในเมื่อฉันมีทั้งรอสซ์และเปเรซหนุนหลัง”

“ผมไม่ได้ห่วงตัวเองจะโดนเขียนแย่สักหน่อย ห่วงคุณนั่นแหละ แต่ถ้าคุณบอกว่าพวกเขาไม่กล้า งั้น…” ผมค่อนข้างลังเล สุดท้ายก็พูดออกไป “ผมจับมือคุณได้ไหม”

“รอให้พูดคำนี้ตั้งนาน”

เซบาสเตียนกระตุกยิ้ม เขาจับมือผมเอาไว้ ไออุ่นจากฝ่ามือเขาทำให้ผมรู้สึกตื่นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยน้อยลง ผมรู้ว่ามีหลายสายตามองมา แต่ในเมื่อสายตาเซบาสเตียนมีแค่ผม ผมก็จะไม่ใส่ใจสายตาคนอื่นเหมือนกัน

“วันนี้ผมจะเจอพ่อคุณไหมนะ”

“อยากเจอหรือไง” เขากระเซ้า

“สักวันก็ต้องเจอไม่ใช่เหรอครับ ในเมื่อพวกเราคบกันอยู่” ผมกระแอม สถานะนี้ชวนให้เคอะเขินไม่น้อย “แต่ว่ากันตามตรง ตอนนี้ผมค่อนข้างประหม่าเหมือนกัน พ่อคุณน่ากลัวนะครับ ถ้าเกิดเขาไม่ชอบผมนี่เรื่องใหญ่เชียวล่ะ”

“อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เหม็นหน้านายแล้วกัน”

“คุณรู้ได้ไง”

“คิดว่าเขาจะไม่รู้เรื่องของพวกเราเหรอ” เซบาสเตียนย้อนถาม ยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบ “พ่อรู้ แต่ยังยอมให้ฉันไปไหนมาไหนกับนายแบบนี้เท่ากับว่าเขาไม่ได้ขัดขวาง ไว้ถ้าวันนี้มีโอกาส ฉันจะแนะนำนายให้รู้จักพ่ออย่างเป็นทางการสักที”

“ตื่นเต้นจนเหงื่อออกมืออีกแล้ว”

“อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ” เซบาสเตียนพูดหน้าตาย แต่แววตาแพรวพราว “หรือนายไม่อยากได้ลูกเสือตัวนี้แล้ว?”

“คุณน่ะเป็นพ่อเสือต่างหาก”

แถมยังเป็นพ่อพันธุ์ซะด้วย

“เหรอ ถ้าเป็นพ่อเสือ...เมื่อไหร่นายจะเรียกฉันว่าแด๊ดดี้สักทีล่ะ”

“เซ็บ ผมบอกแล้วไงว่าอย่าเล่นมุกนี้” ผมเม้มปาก ใจเต้นกับมุกอันตรายนั่น “เห็นใจผมบ้างเถอะครับ แทบทะลุจากอกแล้ว”

“เด็กน้อย”

“เฮ้เซ็บ” เสียงเรียกดังจากด้านหลัง พวกเราหันไปพบแมทธิวยิ้มร่าเดินโบกมือมาแต่ไกล ด้านหลังเป็นแจสเปอร์ผู้ช่วยของเขา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้คุณผู้ช่วยหน้าแข็งตาขวางกว่าปกติ “มาอยู่นี่เอง ฉันเดินหาทั่วงาน โอ้ เฮ้แพท วันนี้ดูดีมากนะ”

“ขอบคุณครับ คุณก็เหมือนกันแมท”

วันนี้แมทธิวอยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ข้างในเป็นเชิ้ตสีดำสนิทปลดกระดุมสองเม็ดบนโชว์แผงอกกว้าง ลุคเขาวันนี้ดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่มีสเน่ห์ร้ายกาจ ผมเห็นสาวๆ มองตามเขาเป็นแถว

“ตามหาฉันทำไม”

“พ่อให้มาตาม” แมทธิวเหล่มาทางผม “บอกให้พาแพทมาคุยด้วยหน่อย อยากรู้จัก”

ผมเหงื่อตกทันทีที่ได้ยิน แต่ทำใจดีสู้

“ผมก็อยากเจอคุณซีมอนอยู่เหมือนกันครับ”

“ถามจริง?” แมทธิวเลิกคิ้ว “ฮ่าๆ ถามไปอย่างนั้นแหละ ตามมาสิ ทางนี้เลย”

แมทธิวเดินนำ ผมสูดหายใจลึกแล้วก้าวตาม เซบาสเตียนเดินอยู่ด้านข้าง เขาลูบหลังผม ตบเบาๆ แล้วเลื่อนมากุมมือผมไว้ ผมบีบมือเขาตอบ ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ผมไม่อยากให้เซบาสเตียนกังวลเรื่องของผมมากเกินไป ความเป็นผู้ใหญ่ของเซบาสเตียนจะทำให้ผมเคยตัวเข้าสักวัน

“เซบาสเตียน”

“สวัสดีครับพ่อ” เซบาสเตียนเอ่ยทักชายสูงวัยที่ยังดูแข็งแรงตรงหน้า ข้างเขาคือหญิงวัยกลางคน ใบหน้าสวยงามกับทรวดทรงสูงระหงทำให้เธอดูอ่อนกว่าวัยมาก “สบายดีนะครับน้ามาเรีย”

“ฉันสบายดี ไม่เจอกันนานเชียว”

“ช่วงนี้งานยุ่งครับ” เซบาสเตียนตอบรับสั้นๆ เขาหันมาทางผม “นี่แพทริคครับ”

“สวัสดีครับ”

“สวัสดี” ซีมอน รอสซ์พยักหน้าให้ผม เขาตอบรับเสียงนิ่งดวงตาสีมรกตจ้องตรงมา แรงกดดันแผ่จากตัวเขาจนผมลอบสูดหายใจ “แพทริค เฮนเดอร์สัน ได้ยินชื่อเธอมานาน ในที่สุดก็เจอกันสักที”

“เป็นเกียรติที่ได้พบคุณเช่นกันครับคุณรอสซ์”

“ไม่ต้องทางการนักหรอก”

“อ่า ครับ”

“ฉันขอตัวก่อนนะคะคุณ” คุณมาเรียพูดขึ้น เธอเหลือบมองผม ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มก่อนเดินจากไป ผมเดารอยยิ้มเธอไม่ออกว่ามีความหมายอะไร

“เซ็บ” คุณซีมอนเรียกเซบาสเตียน “พ่อขอคุยกับคุณแพทริคเป็นการส่วนตัว”

“พ่อ…”

“เฮ้ มาเถอะเซ็บ” แมทธิวพูดขัด “ไม่มีอะไรหรอก”

“ไม่เป็นไรเซ็บ” ผมยิ้มให้เขา ส่งสายตาว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี “เสร็จแล้วเดี๋ยวผมโทรหา ไม่ต้องห่วงนะครับ”

เซบาสเตียนมองผมนิ่งๆ สักพัก เขาถอนใจ เบนสายตาไปทางคุณซีมอน

“อย่าขู่อะไรเขานะครับ”

“คนนี้จริงจัง?”

“ผมจริงจัง”

เซบาสเตียนทิ้งท้ายก่อนหันหลังเดินไปกับแมทธิว ผมรวบรวมความกล้า เผชิญหน้ากับซีมอน รอสซ์ เสือร้ายแห่งวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คนที่ชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสมาพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว

“หาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า”

“ครับ”

เขาเดินนำผมออกจากภายในห้องบอลรูม ระเบียงทางปีกขวาเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพูดคุย มันเงียบสงบทีเดียว

“เครื่องดื่มหน่อยไหม” เขาพยักพเยิดไปทางบริกรที่ถือถาดเครื่องดื่มผ่านมา ผมยิ้มรับ หยิบมาแก้วหนึ่ง ไม่ได้อยากดื่ม แค่ถือไว้แก้เก้อไม่ให้มือรู้สึกว่าง “รู้จักกับเซบาสเตียนได้ยังไง”

“ผมได้ยินเสียงเขาตอนฝนตก” คุณซีมอนเลิกคิ้วขึ้น “ผมเป็นโซลเมตเขาครับ”

“งั้นเหรอ”

“ครับ”

“ลูกชายฉันคนนี้ไม่เชื่อเรื่องโซลเมต” น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงแววเยาะหยัน แต่แววตากลับหม่นลง “น่าประหลาดที่เขายอมรับเธอ”

“ผมแค่แสดงออกให้เซ็บเชื่อว่าผมชอบเขาจริงๆ”

“ใจกล้าไม่เลว” เขาจุ๊ปาก หรี่ตาจ้องผม แววตาพิจารณาอยู่ในที “อายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบสี่ครับ”

“ยังอายุน้อย” น้ำเสียงแหบต่ำเนิบนาบ ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “คิดว่าจะดูแลลูกชายฉันได้ดีแค่ไหน ไม่ใช่ว่าเป็นภาระให้เซบาสเตียนหรอกนะ? พูดกันตามตรง ฐานะครอบครัวเธออยู่ในเกณฑ์ธรรมดา เธอจะซัพพอร์ตลูกชายฉันได้มากแค่ไหน? ฉันไม่ว่าถ้าพวกเธอจะรักกัน แต่ถ้าทำให้ลูกชายฉันลำบาก...”

เขาเว้นท้ายประโยคให้คิด แววตาที่มองมาเย็นชา ผมเม้มริมฝีปากเมื่อได้ยินคำถามนี้ ไม่แปลกใจถ้าคุณซีมอนจะมองผมเป็นภาระของเซบาสเตียน ผมด้อยกว่าเขาในทุกด้าน เป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา ไม่ได้เป็นทายาทตระกูลใหญ่มีอิทธิพลคับฟ้า แต่ว่า…

“ผมอาจเด็กกว่า บางทีผมก็ต้องพึ่งเซ็บจริงอย่างที่คุณว่า แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นภาระเขานะครับ คุณคงไม่รู้ว่าพวกเราเติมเต็มกันและกันมากแค่ไหน ไม่สิ...คุณรู้หรือเปล่าครับว่าเซบาสเตียนต้องการอะไร เขาไม่ได้ต้องการคนที่สมบูรณ์แบบหรือรวย ถ้าต้องการ เขาจะปฏิเสธทุกอย่างที่คุณพยายามให้เหรอครับ? เซ็บแค่อยากใช้ชีวิตธรรมดา เขาแค่ต้องการคนที่รักเขา และผมเชื่อว่าตัวเองทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าที่คุณคิดแน่ๆ”

ผมพูดรัวจนเกือบหายใจไม่ทัน ทุกความรู้สึกอัดแน่นในใจ ผมไม่ได้กล้าหาญที่ต่อปากต่อคำกับซีมอน รอสซ์ แต่ผมกลัว...กลัวว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างผมจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่เคียงข้างเซบาสเตียน ความกลัวผลักดันให้ผมสู้ และผมไม่เสียใจที่ตอนนี้กำลังยืนจ้องตาสู้กับเสือร้ายแห่งรอสซ์

ซีมอนน่ากลัว แต่ผมกลัวเสียเซบาสเตียนไปมากกว่า

“คิดดีแล้วใช่ไหมที่กล้าต่อปากต่อคำกับฉันแบบนี้”

“ผมแค่อธิบาย”

“รอสซ์ต้องการทายาท นายรู้ใช่ไหม...” ซีมอนว่า ผมเงียบไป “...ว่าตัวเองมีลูกกับเซบาสเตียนให้ฉันไม่ได้”

“...”

“เซบาสเตียนคือทายาทสายตรง สายเลือดจากเขาเท่านั้นที่สามารถรับช่วงต่อได้”

“คุณกำลังจะบอกผมทางอ้อมว่าให้เลิกยุ่งกับเซ็บอย่างนั้นเหรอ”

“ที่ฉันกำลังจะบอกน่ะ…” เขายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ ดวงตาคมปลาบมองผมไม่ละไปไหน “...เธอสามารถรักกับเซบาสเตียนได้ แต่ฉันเองก็ต้องการทายาท เพราะฉะนั้นเขาต้องมี ‘ภรรยา’ และมีทายาทให้ฉัน ถ้าเธอรับได้ ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไร”

เอาล่ะ ผมคิดว่าเรื่องนี้มันยุ่งเหยิงไปกันใหญ่

และผมเริ่มหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน

“ผมขอโทษกับสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไปนี้ด้วยครับ” ผมออกตัว สูดลมหายใจเข้าลึก สบตากับซีมอน รอสซ์ผู้น่าเกรงขาม “คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณพูดมาถ้าเกิดขึ้นจริงจะเป็นยังไง? มันจะไม่ต่างจากตอนนี้สักนิด ขอไม่ขยายความนะครับ ผมอาจละลาบละล้วงมากเกินไป แต่ผู้หญิงคนที่คุณจะดึงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในฐานะภรรยาของเซ็บ คุณคิดว่าเธอจะมีความสุขเหรอครับ? ลูกของเธอที่โตขึ้นมาคงไม่ต่างกับเซบาสเตียนในตอนนี้ สับสนกับความสัมพันธ์ในครอบครัวตัวเอง ผมรู้ว่าคุณรู้ดีว่ามันแย่ยังไง ถ้าคุณต้องการทายาท ผมว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านั้น วิทยาศาสตร์ก้าวหน้ากว่าที่คุณคิดนะครับ”

ผมหอบหายใจ จ้องตาสู้กับชายสูงวัยตรงหน้า ใบหน้าเขาเรียบตึง แววตาไม่ปรากฎอารมณ์ ผมไม่รู้ว่าซีมอนคิดอะไรอยู่ บางทีคงกำลังคิดกำจัดเด็กปากดีอย่างผมที่บังอาจสั่งสอนเขาก็ได้

“หึ…” ทว่าซีมอนกลับหัวเราะออกมา มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้ม “ต้องชมอีกครั้งว่าเธอเป็นคนใจกล้า”

“ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ผมไม่มีทางให้คุณแยกผมกับเซ็บแน่ๆ คุณจะบงการชีวิตเขาไม่ได้”

“ฟังฉันพูดให้จบก่อน” เขาปราม ผมเลยเงียบไป “แน่ล่ะ สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดฉันรู้ซึ้งถึงผลลัพธ์ของมันดี และฉันไม่คิดจะให้ทุกอย่างซ้ำรอยเดิม”

“เดี๋ยวนะครับ?” ผมขมวดคิ้ว

“ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไร ถ้าฉันขัดขวางเธอ มันทำให้ฉันรู้ว่าเธอก็กล้าหาญและกล้าคิดไม่น้อย”

“เอ่อ ผม…”

ผมทำอะไรไม่ถูกเมื่อทุกอย่างพลิกไปหมด ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ซีมอนสบตาผม แววตาเขาอ่อนลงแต่ยังคงแฝงความน่าเกรงขามเอาไว้ เขาตบไหล่ผมหนักๆ

“สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคือให้ลูกชายฉันมีความสุข นั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยให้เขาได้เต็มร้อย ฉันหวังว่าเธอจะทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าอย่างที่พูดไว้ เรื่องทายาทเราค่อยคุยกันอีกที แต่เธอน่าจะสังเกตบ้าง ว่าฉันไม่ได้เข้มงวดเรื่องทายาทสายตรงอย่างที่แกล้งพูด ไม่อย่างนั้นงานส่วนใหญ่ฉันจะให้แมทธิวเข้ามาบริหารเหรอ ในเมื่อเซบาสเตียนปฏิเสธพวกมัน”

เขาหัวเราะหึๆ ผมเถียงไม่ออก ตอนนั้นอารมณ์นำจนไม่มีสติพิจารณาอะไรทั้งสิ้น

“ผม…”

“กลับไปหาเซบาสเตียนเถอะ ฉันหมดธุระกับเธอแล้ว” เขาตัดบทก่อนเดินจากไป ทันทีที่ร่างชายสูงวัยหายลับสายตาผมก็เผลอถอนใจยาว รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบไปหมด

“ถือว่าเรื่องเรียบร้อยได้ไหม?”

ผมพึมพำกับตัวเองในขณะเดินกลับไปข้างใน สวนทางกับร่างคุ้นตา อีกฝ่ายเองก็เห็นผมเช่นกัน แถมยังเป็นฝ่ายโบกมือทักก่อนด้วยซ้ำ

“เฮ้แพท เซ็บล่ะ”

“เขาแยกไปกับแมทน่ะครับ” ผมยิ้มรับ เอ่ยชมอีกฝ่าย “วันนี้คุณดูดีนะอเล็กซ์ แขนหายดีแล้วเหรอครับ?”

“หายดีแล้ว วันนี้นายก็หล่อมากเหมือนกัน” อเล็กซ์ยิ้ม แววตาแพรวพราว “ฉันใจเต้นเลยเนี่ย”

“เสียดายนะครับ ผมใจเต้นได้กับเซ็บคนเดียว”

“รู้ว่ารักกันมาก ไม่ต้องอวดขนาดนี้ก็ได้”

“แล้วน้าเบลกับลุงเบอนาร์ดล่ะครับ?”

“อยู่ทางนู้นน่ะ นายจะไปหาพวกเขาไหม”

“เดี๋ยวผมตามไปแล้วกันนะครับ ขอไปหาเซ็บก่อน”

“โอเค แล้วตามมานะ”

อเล็กซ์โบกมือให้แล้วเดินแยกไป ผมโทรหาเซบาสเตียน พอรู้ว่าเขาอยู่ไหนก็เดินไปทันที


“เซ็บ”

“เป็นไงบ้าง”

เขาทักผม เซบาสเตียนกับแมทธิวยืนพิงกำแพงทางเดินอยู่นอกห้องบอลรูมที่ใช้จัดงาน ตรงนี้เงียบและไม่มีคนผ่าน ผมนึกสงสัยว่าพวกเขาออกมาทำอะไร เพราะสีหน้าเซบาสเตียนดูไม่ดีเท่าไหร่

“ดีกว่าที่คิดครับ” ผมยิ้มรับ เดินเข้าไปใกล้ “แล้วนี่เป็นอะไรกันหรือเปล่า ทำไมหน้าเครียดกันขนาดนั้น”

ผมทัก ทั้งเซบาสเตียนและแมทธิวหน้าเครียดกว่าเดิม แมทธิวมองหน้าผม เขาหันไปสบตาเซบาสเตียน

“บอกเรื่องนั้นกับแพทหรือยัง?”

“ไม่ได้บอกทั้งหมด”

“หืม? นี่คุยเรื่องอะไรกันครับ” ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย สบตาเซบาสเตียน เขามีท่าทีหนักใจ “มีอะไรหรือเปล่าเซ็บ บอกผมได้นะครับ”

“แพท เรื่องที่ฉันเล่าให้นายฟังน่ะ”

“ครับ?”

“เรื่องคนๆ นั้น...” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง แววตาจริงจังกว่าเดิม “ฉันกับแมทตัดสินใจจะจบเรื่องแล้วล่ะ หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้ ฉันไม่อยากปล่อยให้มันยืดเยื้อ”

“ฉันพรินต์หลักฐานทั้งหมดเตรียมพร้อมแล้ว” แมทธิวว่า เขาโคลงศีรษะ “นายใจอ่อนเกินไปเซ็บ ฉันรู้ดีว่าถ้าไม่ทำแบบนี้นายจะปล่อยไป ดีแค่ไหนที่ฉันส่งข้อความบอกนายให้เตรียมใจล่วงหน้าก่อน”

ผมเบิกตาเล็กน้อย ได้คำตอบแล้วว่าใครส่งข้อความหาเซบาสเตียน และทำไมเขาถึงหน้าเครียดขนาดนั้น

“ฉันแค่…” เซบาสเตียนเงียบไป เขาถอนใจ เอียงหัวซบไหล่ผม “...มันน่าลำบากใจ”

“ใจเย็นๆ ครับเซ็บ” ผมโอบไหล่เขา ลูบเบาๆ ผ่านผิวผ้า “คนนั้นเป็นใคร คุณบอกผมได้ไหม ทำไมคุณถึงดูลำบากใจขนาดนี้”

“คนนั้นน่ะ…”

เซบาสเตียนพูดชื่ออีกฝ่ายขึ้นมา ผมเบิกตากว้าง เข้าใจความรู้สึกของเขาขึ้นมาทันที

ให้ตายเถอะพระเจ้า นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม?!


[Sebastian]

“แม่ครับ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”

“มีอะไรหรือเปล่าเซ็บ”

“เรื่องของพ่อ” ผมสบตาตรงๆ แม่ชะงักไปนิดนึง “สะดวกไหมครับ”

“เกิดอะไรขึ้น?”

ไม่ใช่แค่แม่ที่ดูตกใจ แต่รวมถึงลุงเบอนาร์ดและอเล็กซ์ที่ยืนอยู่ข้างกันด้วย ผมหันไปสบตาแมทธิวและแพทริค พวกเขาพยักหน้าให้ ผมเม้มริมฝีปาก สถานการณ์นี้ทำผมอึดอัดเหมือนมีหินก้อนใหญ่ถ่วงในใจ

“ไปหาที่เป็นส่วนตัวกว่านี้คุยกันเถอะครับ” ผมกวาดสายตามองพวกเขา “ทุกคนเลย”

“ทางนี้ครับ ผมเปิดห้องไว้แล้ว”

แมทธิวผายมือเชิญ เขายิ้มให้แต่แววตาเฉยชาก่อนเดินนำไป แม่สบตาผม ผมจ้องกลับ แตะมือที่แผ่นหลังเธอให้เดินตามแมทธิว แพทริคอยู่ข้างผม เขาบีบมือผมไว้ สายตาเป็นห่วงจนต้องยิ้มให้เขาสบายใจ

“อยู่ข้างฉันนะแพท”

“ผมไม่ทิ้งคุณอยู่แล้ว”

ผมเชื่อเขา เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แพทริคทำให้ผมเสมอมา


“ลูกจะบอกแม่ได้หรือยังว่านี่มันเรื่องอะไร” แม่เปิดประเด็นทันทีที่พวกเราเข้ามาในห้องหนึ่งของโรงแรมที่จัดงาน แมทธิวเพิ่งเปิดห้องนี้สดๆ ร้อนๆ แม่นั่งบนโซฟารับแขกกลางห้อง อเล็กซ์กับลุงเบอนาร์ดนั่งขนาบข้าง “สีหน้าลูกดูไม่ดีเลย เกิดอะไรขึ้น บอกแม่เถอะเซ็บ”

สายตาแม่เป็นกังวล และแม่คงกังวลมากกว่านี้แน่

“เรื่องที่พ่อถูกลอบยิง ผมรู้ตัวคนร้ายแล้วนะครับ”

“ลูกว่าอะไรนะ?!” แม่เบิกตากว้าง เสียงสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ครับ อย่างที่แม่ได้ยิน”

“เดี๋ยว ที่ลุงเตือนไปไม่ฟังกันเลยเหรอ ถึงได้มายุ่งกับเรื่องอันตรายพวกนี้?!” ผมหันสบตาลุงเบอนาร์ด เขาขมวดคิ้วมุ่น ผมไม่ตอบ แต่ยื่นมือขอซองเอกสารจากแมทธิว เขาส่งให้ผมทันที

“นี่ครับ”

“นี่มันอะไรเซ็บ”

“หลักฐานต่างๆ ที่พวกผมรวบรวมกันมา” ผมตอบข้อสงสัย แม่รับไปเปิดดู “รายละเอียดตั้งแต่ใหญ่ๆ จนไปถึงอันเล็กที่เกือบมองข้าม ลุงกับอเล็กซ์จะดูด้วยก็ได้นะครับ”

พวกเขาสบตาผม ก่อนหยิบเอกสารพวกนั้นขึ้นดู ผมเว้นจังหวะ ปล่อยให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงพลิกเอกสารพวกนั้น แรงบีบที่หัวไหล่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง แพทริคไม่ได้นั่ง เขายืนข้างโซฟาเดี่ยวที่ผมนั่ง แมทธิวเองก็เช่นกัน สองคนนี้ยืนขนาบผมเอาไว้

ผมตบมือแพทริคที่บีบไหล่ตัวเอง ยิ้มปลอบใจอีกฝ่ายให้คลายกังวล

ผมเข้มแข็งกว่าที่เขาคิด

“เซ็บ…” แม่เรียกผม เสียงแหบพร่า แววตาที่มองมาสั่นไหว “แม่...แม่ไม่เข้าใจ ลูกต้องการจะบอกอะไร”

“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ”

แม่ดูสับสน ผมเหยียดยิ้ม เบนหน้าไปข้างตัวแม่ สบตาใครบางคนที่มองตอบด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“และผมก็อยากเข้าใจว่า ‘เธอ’ ทำลงไปทำไม”

“...”

“ตอบฉันได้ไหม…”

“...”

“ว่ายิงพ่อฉันทำไม...อเล็กซานดร้า เปเรซ”

_____________________________________
แหะ...อเล็กซ์เป็นชื่อที่ใช้ได้ทั้งชายและหญิง เราไม่เคยบอกน้า ว่าอเล็กซ์เป็นผู้ชาย ถ้าย้อนอ่านฉากที่เปิดตัวอเล็กซ์ เราเองก็ไม่ได้บรรยายคำไหนที่ระบุเพศของอเล็กซ์ด้วย อย่าง เธอ เขา ครับ ค่ะ ไม่ได้ใส่ไปเลย 55555555555 เราค่อนข้างชอบเขียนอะไรที่เล่นกับจิตวิทยาคนอ่าน เห็นชื่ออเล็กซ์ครั้งแรกก็ตีความไปตามความเคยชินว่าเป็นผู้ชายงี้
เห็นหลายๆ เสียงเดาเป็นคุณแม่ คุณมาเรีย เมลิน่าอดีตคู่หมั้นเซ็บงี้ ฮื้อออ ขอโทษน้าาา แต่แอบเห็นมีคนลงหวยที่อเล็กซ์เหมือนกัน ถึงเราจะเขียนว่าคนร้ายคือผู้หญิงและเขียนหลอกว่าอเล็กซ์ไม่ใช่ผู้หญิงก็ตาม
ฝากส่งฟีดแบ็กด้วยนะคะ เราอยากรู้ว่าก่อนเฉลยกับหลังเฉลยทุกคนคิดเห็นไปทางไหนกันบ้าง อ้อ บทหน้าเซ็บก็จะบรรยายนะคะ ต้องให้คุณเขาบรรยายเรื่องในครอบครัวด้วย คุณแพทก็พักไปยาวๆ ก่อน อิอิ
#คุณผู้มากับสายฝน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนแรกคิดว่าเป็นผู้ชาย
อยากรู้แรงจูงใจๆๆๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เดาผิด  o22 o22

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
อ๊ากกกกก เดาผิดดดดด

ออฟไลน์ Prangkii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รู้สึกตะหงิดกับการเจ็บแขนของอเล็กซ์ แต่ไม่แน่ใจเลยไม่ได้สงสัยนึกว่าไม่มีอะไรแต่คดีพลิกเฉย

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
Chapter 22

Rosz` & Pérez


[Sebastian]

เธอยังนิ่ง หลังตรงคอแข็ง แววตากระด้างต่างจากอเล็กซานดร้าคนเดิมที่ผมรู้จัก

“อเล็กซ์…”

“มันอะไรกันอเล็กซ์?” แม่ถามเสียงเบา แววตาสั่นคลอน “ทำไมเซ็บถึง...!”

“หลักฐานแค่นี้จะเอาผิดฉันเหรอ” อเล็กซ์เลิกคิ้ว “ไม่ปรักปรำกันไปหน่อยหรือไง?”

“อยากให้ชัดเจนกว่านี้ไหม ผมช่วยชี้แจงให้คุณได้นะ” แมทธิวเหยียดยิ้ม เขาไม่สนิทกับอเล็กซ์อยู่แล้ว พอมีเรื่องนี้ยิ่งไปกันใหญ่ “เอาให้คุณจนต่อหลักฐานดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

“แน่ใจเหรอ ลองคิดดูใหม่ไหมคุณผู้หญิง?”

“แมทพอ” ผมห้าม แมทธิวเป็นคนใจร้อน เรื่องวุ่นวายอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้บานปลาย “ฉันจัดการเอง นายอยู่เฉยๆ”

“หวังว่านายจะไม่ใจอ่อน”

“พ่อนายก็พ่อฉัน” ผมตอบสั้นๆ เป็นอันรู้กันว่าถึงอเล็กซ์จะเป็นญาติที่ผมค่อนข้างสนิท แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะปล่อยเธอ

“เหอะ”

“เริ่มกันตรงไหนดี” ผมเมินเสียงแค่นหัวเราะของแมท สบตาอเล็กซ์นิ่ง เธอจ้องตอบ “รูปพรรณสันฐานคนร้ายดีไหม?”

ผมหยิบไอแพดแมทธิววางบนโต๊ะ เปิดไฟล์จากกล้องวงจรปิดให้พวกเขาดู

“คนร้ายเชี่ยวชาญถนนและตรอกซอยแถวนี้มาก รู้ว่าต้องไปทางไหนหรือหลบกล้องยังไง” ผมสบตาอเล็กซ์ “เบื้องต้นเราสันนิษฐานว่าคนร้ายเป็นคนในพื้นที่”

“ส่วนหลักฐานในที่เกิดเหตุ พื้นถนนตรวจพบรอยยางรถคนร้าย พอลองเทียบกับคลังข้อมูล มันเป็นยางรถแข่งรุ่นพิเศษ ลายดอกยางเป็นเอกลักษณ์ ยางรุ่นนี้พอเปิดตัวก็ได้รับการตอบรับดีมากเนื่องจากเป็นหนึ่งในแคมเปญอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ร้านที่นำเข้าในประเทศมีไม่กี่ร้าน กระจายย่อยไม่กี่ที่ในเมือง เป็นเรื่องบังเอิญที่ร้านนั้นอยู่ใกล้บ้านแม่และคอนโดฯ ของเธอ”

“ฉันไม่ได้ซื้อ”

“แต่เธอใช้”

“หลักฐาน?”

“มีแน่ แต่ฉันยังอธิบายไม่เสร็จ” ผมตอบกลับ อเล็กซ์เงียบไป “ในไฟล์กล้องวงจรปิด คนร้ายถนัดมือซ้าย ท่าทางการชักปืน เล็งและยิงคล่องแคล้ว เบาะแสทั้งหมดฉันสามารถจำกัดวงล้อมให้แคบเข้ามาอีกชั้น คนร้ายเป็นคนในพื้นที่ อาจเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับวงการแข่งรถ และมีทักษะการใช้ปืนขั้นสูง”

“เลยคิดว่าเป็นฉัน?” อเล็กซ์ถามเสียงสูง เธอกอดอก เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งในขณะที่หัวเราะ “ไม่เอาน่า แค่ฉันชอบแข่งรถกับยิงปืนเป็นงานอดิเรกมันไม่มากพอให้นายเอามาปรักปรำหรอก ไหนล่ะแรงจูงใจ? ฉันจะไปยุ่งกับครอบครัวนายทำไม”

“แรงจูงใจคือคุณเกลียดพ่อผมล่ะมั้ง” แมทธิวแทรกขึ้นมา น้ำเสียงประชดประชัน

“แมท” ผมปราม

“โทษที” เขาแค่นเสียง หันหน้าหนี “มันอดไม่ได้”

“แต่ลุงว่าหลักฐานเบาไปอยู่ดี” ลุงเบอนาร์ดพูดขึ้นหลังเงียบฟังมาสักพัก เขาสบตาผม สีหน้าเครียดขึง “ใช่ ลุงไม่ชอบพ่อของเธอ เขาทำให้น้องสาวลุงเจ็บปวด แต่มันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ เธอจะมาลงที่อเล็กซ์ไม่ได้ คนร้ายในคลิปไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ”

“จริงอย่างที่เบอนาร์ดว่า ลูกไม่ควรด่วนตัดสินใจ”

“ผมกำลังจะพูดต่อพอดีครับ” ผมว่าเสียงเรียบ “อีกอย่าง ถ้าผมไม่มั่นใจหลักฐานที่ตัวเองมี คงไม่กล้าชี้ตัวคนร้าย ทุกคนคงยังไม่เห็นไฟล์กล้องวงจรปิดอีกอัน มันเป็นกล้องวงจรปิดบริเวณคอนโดฯ ของแพทริค มีคนส่งจดหมายขู่เขาเพื่อให้ผมหยุดสืบเรื่องนี้”

ผมเปิดคลิปให้ทุกคนดู กดหยุดเมื่อถึงจุดสำคัญ

“ต้องขอบคุณที่ลมพัดมาพอดี มันทำให้แมทเอะใจกลับมาดูคลิปตัวแรก สังเกตสรีระคนร้าย ต่อให้เป็นผู้ชายที่ตัวเล็กกว่ามาตรฐานแค่ไหน ช่วงไหล่ก็ไม่แคบขนาดนี้ และข้อมือ...” ผมกดหยุดตอนคนร้ายยกปืนยิงจนแขนเสื้อเลิกขึ้น “...คงไม่เล็กและบางแบบนี้ ถึงสวมถุงมือพรางไว้ แต่ถ้าสังเกตดีๆ มันดูเป็นมือผู้หญิงมากกว่ามือผู้ชาย และสองคนนี้เป็นคนเดียวกัน”

“ทั้งสองคลิปไม่เห็นหน้าทั้งคู่ แน่ใจได้ยังไง” อเล็กซ์ไม่ยอมแพ้

“รองเท้าไงล่ะ” ผมว่า หันไปทางแมทธิว “ตรงนี้ฉันยกให้นายอธิบายแล้วกันแมท”

“ได้ตามที่นายต้องการ” เขายิ้มรับ เป็นรอยยิ้มที่แผ่ไม่ถึงดวงตา “ออกตัวก่อนว่าผมโชคดีมาก ตอนแรกไม่แน่ใจเรื่องรองเท้าเท่าไหร่ แต่ผมรู้สึกคุ้นเคยกับดีไซน์มันไม่น้อย จนนึกออกว่าเคยเห็นที่ไหน ใช่ครับ...คุณแม่ผมก็ใช้รองเท้าแบรนด์ Claudia เหมือนกัน มิน่าถึงได้รู้สึกคุ้น และบังเอิญจริงๆ ที่คนร้ายปริศนาจากทั้งสองคลิปสวมรองเท้าแบรนด์เดียวกันเป๊ะ”

“โอ้ ขอโทษนะ แต่ถามหน่อย คิดว่าเขาผลิตมาแค่คู่เดียวในโลกเหรอ?”

“นี่มันไม่ไร้สาระไปหรือไง!?” ลุงเบอนาร์ดกดเสียงเข้ม ตาจ้องแมทธิวเขม็ง “หยิบหลักฐานมั่วๆ มาผสมกันแล้วใส่ร้ายลูกสาวฉันเนี่ยนะ ให้ตายเถอะพระเจ้า ถ้าเราสืบหาตัวคนร้ายได้ด้วยหลักฐานแค่นี้ โลกคงไม่ต้องมีตำรวจ!”

“อเล็กซ์ จำวันที่ฉันไปหาเธอที่คอนโดฯ ได้ไหม” ผมไม่สนคำประชดของลุงเบอนาร์ดแต่หันไปถามอเล็กซ์แทน เธอไม่ตอบ ทำเพียงจ้องตาผมนิ่ง ในแววตาคู่นั้นผมเห็นความกังวลซ่อนอยู่ “เธอบอกแปลกใจที่ฉันมาหา ฉันรู้ว่าข้ออ้าง ‘ไม่รู้จะซื้อของขวัญอะไรให้แพทริคในโอกาสที่เราคบกัน’ มันไม่เหมาะกับฉันสักนิด แต่ก็ขอบคุณที่เธอช่วยให้คำแนะนำอย่างดี...เรื่องนี้ช่างมันก่อน อย่างที่ลุงเบอนาร์ดบอก จะหยิบหลักฐานมั่วๆ มาผสมกันแล้วเจาะจงว่าเป็นเธอคงเป็นเรื่องงี่เง่าน่าดู ฉันเลยต้องพิสูจน์บางอย่าง…”

“นายทำอะไร?”

“...”

“ฉันถามว่านายทำอะไร!”

“ใจเย็น” ผมปรามเธอ อเล็กซ์ดูร้อนรน เธอไม่เก็บอาการอีกต่อไป “วันนั้นที่ ‘เธอ’ เอาจดหมายขู่มาส่งให้แพทริค รู้ใช่ไหมว่าหน้าคอนโดฯ เขาทาสีทางเท้ากันอยู่ ในคลิปกล้องวงจรปิด ฉันเห็นคนๆ นั้นก้าวเหยียบสีที่ทาทิ้งไว้เต็มๆ ตอนหันหลังเดินกลับ ไม่รู้ว่าเธอรู้ตัวหรือเปล่า แต่คงไม่ เพราะถ้ารู้ เธอคงรีบทำความสะอาดมัน ไม่ปล่อยให้สีแห้งติดพื้นรองเท้าแบบนี้”

ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา เปิดภาพหลักฐานที่ถ่ายไว้วางกลางโต๊ะ มันเป็นภาพพื้นรองเท้าที่เปื้อนสีเหลืองจนเกือบเต็ม พื้นหลังเป็นห้องคอนโดฯ ของอเล็กซ์ ทุกอย่างชัดเจน บรรยากาศรอบตัวเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ

“...”

“อ้อ เกือบลืม เธอถามหาหลักฐานใช่ไหม เรื่องยางล้อรถนั่น แมทไปขอใบรายชื่อลูกค้าที่ซื้อยางมา อยู่ในกองเอกสารที่ฉันให้เธอไปนั่นแหละ แน่นอนมันไม่มีชื่อเธอ เพราะเธอไม่ได้ซื้อเอง แต่มีคนซื้อให้เธอ”

ผมหยิบใบรายชื่อที่แมทธิวพรินต์มา จิ้มนิ้วลงไปที่ชื่อหนึ่งในหน้ากระดาษ

“เอดิสัน มิลเลอร์ คุ้นๆ ชื่อนี้ไหม?”

“...”

“เธอน่าจะคุ้น นอกจากจะเป็นนักแข่งรถดาวรุ่งที่กำลังมาแรง เขายังตามจีบเธอด้วยนี่” ผมเว้นจังหวะ ปล่อยให้ความเงียบเป็นตัวกดดัน อเล็กซ์หน้าซีด เธอเม้มริมฝีปากแน่น “เธอรู้จัก อย่าปฏิเสธ ฉันมีหลักฐานว่าเธอไปดินเนอร์กับเขา”

“และต้องขอโทษที่เสียมารยาท” แมทธิวแทรก “เพราะผมนัดเจอเขา ถามว่าได้ซื้อยางนี่ให้คุณใช่ไหม เขาตอบว่าใช่ อย่าสงสัยทำไมเขาตอบผมง่ายๆ แค่อ้างชื่อเซบาสเตียนลูกพี่ลูกน้องคุณ หลอกถามนิดหน่อยก็แทบบอกข้อมูลทั้งหมดที่ผมอยากรู้และไม่อยากรู้ เขาเป็นคนดีนะ จริงใจกับคุณมากทีเดียว”

“หุบปาก ไม่ใช่เรื่องของคุณ!”

“โอ้ ขออภัยครับคุณผู้หญิง :)

“หลักฐานทุกอย่างชัดเจน เธอมีตรงไหนจะแก้ตัวหรือเปล่าล่ะ?”

อเล็กซ์เงียบ ทุกคนเงียบ จนในที่สุดมันก็ถูกทำลายลง

“ใช่ฉันทำเอง”

“เพราะฉันบังคับ อย่าโทษเธอ” ลุงเบอนาร์ดแทรกขึ้น ผมจ้องหน้าเขา ไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ อเล็กซ์ไม่มีวันทำเรื่องใหญ่แบบนี้คนเดียวแน่ “ฉันเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด ถ้าจะโทษใครสักคน ให้โทษฉัน”

“พ่อไม่ได้บังคับ ฉันเต็มใจทำ!”

“เงียบซะอเล็กซ์!” ลุงเบอนาร์ดกดเสียงเข้ม เขาหันมาทางผม “เป็นลุงเองที่ส่งคนไปตามสะกดรอยเธอ และก็เป็นลุงเองที่โทรไปขู่แพทริค ลุงไม่อยากดึงพวกเธอมายุ่งเรื่องนี้ ลุงเตือนแล้วแต่เธอไม่ฟังเลยจำเป็นต้องทำแบบนั้น แต่ลุงไม่มีความคิดจะทำร้ายพวกเธอหรือครอบครัวของแพทริคสักนิด”

“ทำไมถึงทำแบบนี้เบอนาร์ด อเล็กซ์” แม่มองหน้าลุงแวบนึงแล้วหันมาจับต้นแขนอเล็กซ์ไว้ บีบแน่น แววตาผิดหวังจนผมเจ็บในใจ ผมไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้สักนิด แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ “น้าไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสักนิด ตอบน้าสิอเล็กซ์!?”

แกร๊ก…


V
V
V

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5

อเล็กซ์ไม่ทันตอบ เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ทุกคนหันมอง ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นพ่ออยู่ตรงนั้น ข้างๆ คือน้ามาเรีย แจสเปอร์ยืนอยู่ด้านหลัง สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่

พ่อกวาดตามองพวกเราทุกคน แววตาเรียบนิ่ง เขาถอนใจ หันสบตาแมทธิวก่อนหยุดที่ผม

“พ่อบอกแล้วไง ว่าอย่ายุ่งกับเรื่องนี้”

“พ่อรู้?”

ผมหลุดปากเมื่อเห็นท่าทีไร้ความตกใจของเขา พ่อยักไหล่ เดินเข้ามาใกล้ ลุงเบอนาร์ดลุกขึ้น พวกเขายืนเผชิญหน้ากัน แรงกดดันแผ่จากตัวทั้งสอง ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา กระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น คนที่ควรจะแตกสลายจากเหตุการณ์นี้กลับเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุด

“เบอนาร์ด ทำแบบนี้ทำไม พี่บอกฉันมาเถอะ”

“เบล…”

“เพราะฉันหรือเปล่า” แม่จ้องหน้าลุง ดูสงบสติอารมณ์ได้มากกว่าตอนแรก แม้เสียงจะยังสั่นอยู่ก็ตาม ผมเผลอกำมือแน่นเมื่อเห็นสายตาของแม่ ผมไม่อยากเห็นแม่เจ็บปวดกับเรื่องนี้อีกต่อไป “ทำแบบนี้เพราะฉันหรือเปล่า”

“ฉันขอโทษ”

“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ ฉันต้องการคำอธิบาย ทั้งพี่ ทั้งอเล็กซ์ ทำไมทำแบบนี้” แม่เม้มปาก เว้นช่วงไปครู่หนึ่ง แววตาแดงก่ำแต่ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตา แม่เข้มแข็งเสมอ แต่ผมไม่รู้ว่าในใจแม่พังไปเท่าไหร่แล้ว

ผมหลุดจากภวังค์เมื่อไหล่ถูกบีบเบาๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นลูบปลอบ ผมเงยหน้าขึ้น แพทริคมองลงมา สายตาอ่อนโยนฉุดผมขึ้นจากหลุมดำมืด ผมยังมีเขา แพทริคอยู่ข้างผมเสมอ ในวันที่ผมอ่อนแอ อย่างน้อยผมก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

“ใช่...ที่ฉันทำแบบนี้ เพราะต้องการแก้แค้นให้เธอ”

“ฉันไม่ต้องการให้ใครมาแก้แค้นให้ทั้งนั้น” แม่ส่ายหน้า “ปล่อยให้เรื่องมันจบไปไม่ได้เหรอ ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรือไง ทำแบบนี้มันให้ผลดีตรงไหน ฉันไม่เห็นเลยสักนิด!”

“ให้ปล่อยมันจบงั้นเหรอ?” ลุงเบอนาร์ดขึ้นเสียงสูง ทว่าปลายเสียงสั่น ลุงแค่นหัวเราะ ตวัดสายตามองพ่อผมที่ยังยืนนิ่ง “มันทำร้ายจิตใจเธอมาตลอดหลายสิบปี เหมือนจะให้ความหวังเธอ แต่สุดท้ายก็แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าฉันจะรู้สึกยังไงที่เห็นน้องสาวตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มายี่สิบกว่าปี? ซีมอนไม่เคยรักเธอเบล ไม่เคยสักนิด เขาแต่งงานกับเธอเพราะผลประโยชน์ระหว่างตระกูลพวกเรา! ยังจะไปห่วงอะไรมันอีก คนที่เห็นผลประโยชน์นำหน้าอย่างมัน ลองให้สูญเสียบ้างจะเป็นไรไป?!”

“อ้อ คุณเลยวางแผนมาตั้งแต่ต้นสินะ” พ่อเลิกคิ้ว

“ใช่ ผมวางแผนมาตั้งแต่ต้น” ลุงเบอนาร์ดสบตาพ่อ สายตาแข็งกร้าวไร้ความเกรงกลัว “วันเกิดเหตุที่เบลนัดคุณมาพบก็ผมนี่แหละโน้มน้าวให้เธอกล้านัดพบคุณ ผมต้องการให้คุณอยู่ในสถานการณ์ที่คนติดตามน้อยที่สุด ผมรู้ว่าถ้าคุณมาหาเบลหลังออกปากจะไม่ยุ่งกับน้องสาวผมอีก ให้คนรู้เรื่องนี้น้อยที่สุดจะดีกว่า คงไม่ดีใช่ไหมถ้าเรื่องไปเข้าหูมาเรีย? มาหาภรรยาเก่าแบบนี้น่ะ มันเป็นไปตามแผนทุกอย่าง หึ...แต่ผมไม่ได้ต้องการให้คุณถึงตายหรอก”

“แค่ต้องการสร้างสถานการณ์และโยนความผิดไปให้เอลตันสินะ” พ่อเลิกคิ้ว “โอ้ จริงสิ ช่วงนั้นผมกับเขามีปัญหากระทบกระทั่งกันพอดีเสียด้วย คงเข้าทางคุณไม่น้อย ปัญหาต่างๆ ที่เกิดกับงานผมก็คงจะเป็นคุณอีกตามเคยที่ร่วมมือกับเอลตัน ผมพูดถูกไหม”

“คุณก็รู้ดีนี่” ลุงเบอนาร์ดไม่คิดปิดบัง “ใช่ ผมร่วมมือกับเขา เสนอทางเลือกให้ เขาได้โครงการนั้น ผมได้แก้แค้นคุณ ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นผมนี่แหละเป็นคนลงมือเอง พอใจหรือยัง”

“คุณกล้ามากเบอนาร์ด แต่ก็ขี้ขลาดมากเหมือนกันที่ให้ลูกสาวออกหน้าลงมือในส่วนที่อันตรายที่สุด ถ้าวันนั้นคนของผมตอบโต้กลับ คิดว่าลูกสาวคุณจะได้ยืนอยู่ตรงนี้ไหม?”

“คุณอย่ามาว่าพ่อฉัน!” อเล็กซ์ลุกขึ้น ตวาดกร้าว เธอจ้องหน้าพ่อผม แววตาแข็งกระด้าง “เรื่องนี้พ่อฉันไม่ผิด ใช่ พ่อเริ่มต้นเรื่องทุกอย่าง ฉันรู้เข้าโดยบังเอิญ ถ้าจะโทษเขา โทษฉันดีกว่าที่ไม่ห้ามและเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อทำ ฉันเป็นคนเสนอตัวเองว่าจะทำ ฉันไม่ต้องการให้มีคนนอกรับรู้ และอีกอย่าง...ฉันเกลียดคุณ!”

“เกลียดฉันตามพ่อเธอ?”

“ไม่ ฉันเกลียดที่คุณทำร้ายจิตใจน้าเบลมาตลอด” อเล็กซ์ประกาศชัดเจน “ฉันรักน้าเบลเหมือนแม่แท้ๆ ตั้งแต่จำความได้ ฉันไม่เคยเห็นเธอยิ้มอย่างมีความสุขจริงๆ สักครั้ง คุณทำให้เธอเสียใจ ในวันที่คุณควรไปจากเธอคุณกลับไม่ไป คุณทำให้น้าเบลมีความหวัง แต่สุดท้ายคุณก็ทิ้งเธอไปง่ายๆ พอกันที ฉันจะไม่อดทนกับคนอย่างคุณแล้วซีมอน!”

“พอเถอะอเล็กซ์ น้าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”

“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?” อเล็กซ์หันขวับ จ้องหน้าแม่เขม็ง “แน่ใจจริงๆ เหรอคะว่าไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไร ที่ผ่านมาไม่เคยเจ็บสักนิดเลยเหรอคะ?!”

“อเล็กซ์หยุดได้แล้ว” ผมแทรก ไม่ชอบที่เธอไล่ต้อนความรู้สึกแม่ผม “เธอกำลังทำแม่เสียใจ หยุดได้แล้ว อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

อเล็กซ์เงียบไป เธอสบตาผม แววตาแดงก่ำ

มือผมสั่นจนต้องกำไว้แน่น เล็บจิกเข้าเนื้อ ผมรู้สึกเจ็บ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมยังมีความรู้สึก

“เซ็บครับ”

แพทริคเรียกชื่อผม เป็นเสียงเรียกเบาๆ เขาคงอึดอัดกับสถานการณ์ตอนนี้ไม่น้อยในเมื่อเขาเป็นคนนอกคนเดียวในห้องนี้ ไม่รวมแจสเปอร์ แพทริคย่อตัวนั่งข้างโซฟา เขาสบตาผม ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เขาจับมือผมไว้ ออกแรงแกะเบาๆ ให้คลายออก จากนั้นสอดมือตัวเองเข้ามา บีบมือผมเอาไว้แทน

ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี

แววตาเขาบอกผมแบบนั้น

“ซีมอน ฉันขอโทษแทนพวกเขา ขอโทษแทนทุกอย่างที่เกิดขึ้น”

“ถ้าคำขอโทษลบล้างได้ทุกอย่าง บ้านเมืองจะมีกฏหมายไว้ทำไมคะเบล?” น้ามาเรียแทรก เธอสบตาแม่ผม ริมฝีปากเหยียดยิ้ม “คุณน่าจะรู้นี่คะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงเกินขอบเขตคำขอโทษไปแล้ว”

“ฉันไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้มาเรีย”

“ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกค่ะ” น้ามาเรียพยักหน้ารับ “ฉันเองก็เหมือนกัน ตั้งแต่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ถ้าเลือกได้ฉันก็ไม่อยากให้คุณก้าวเข้ามาในชีวิตของพวกเราหรอกค่ะ ถ้าไม่มีคุณตั้งแต่ต้น เรื่องวุ่นๆ วันนี้อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้”

“มันจะมากไปแล้วนะ!” ลุงเบอนาร์ดตวาดลั่น

“แล้วสิ่งที่คุณทำกับพ่อผมมันน้อยกว่าตรงไหน?!” แมทธิวไม่ยอมแพ้ เขาตั้งท่าจะเดินเข้าหา แต่แจสเปอร์เข้ามาล็อกตัวไว้ได้ทัน “คุณเองก็ไม่ต่างกันหรอก ทั้งคุณทั้งลูกสาวคุณนั่นแหละ!”

“คุณแมทธิว พอ!” แจสเปอร์กระซิบเสียงหนัก

“ปล่อยฉันแจสเปอร์!”

“ขอร้อง หยุดได้ไหมแมท เฮ้! มองฉันนี่” แจสเปอร์ตบเบาๆ ที่ใบหน้าแมทธิว “ใจเย็น ฉันอยู่นี่ไง เฮ้ โอเคไหม”

แมทธิวสงบลงแล้ว เขาซบหน้ากับไหล่แจสเปอร์ อีกฝ่ายตบหลังปลอบเขา

“เรื่องมันเริ่มที่ฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะเป็นคนตัดสินใจ ทุกคนไม่ต้องพูดอะไร ฟังฉันให้ดีๆ” พ่อพูดขึ้นเมื่อสถานการณ์ในห้องคงที่ เขาปรายตามองผม “พ่อรู้ทุกอย่างตั้งแต่ต้นแล้วเซ็บ รู้ว่าใครลงมือ ใครเป็นต้นเหตุ เรื่องมันละเอียดอ่อนเกินไป พ่อถึงไม่อยากให้ลูกมารับรู้ เดิมทีพ่อจะปล่อยให้เรื่องเงียบ ให้มันหายไปกับเวลา เบอนาร์ดต้องการแก้แค้นพ่อ พ่อก็จะให้เขาแก้แค้น เขาต้องการโครงการที่เราประมูลได้ พ่อก็จะให้ เพราะพ่อรู้ดีว่ามันทดแทนที่พ่อทำร้ายจิตใจแม่ของลูกมายี่สิบกว่าปีไม่ได้”

“แต่คุณคะ…”

“ไม่ มาเรีย ผมตัดสินใจแล้ว” พ่อยกมือห้ามเมื่อน้ามาเรียทำท่าจะขัด พ่อสบตาลุงเบอนาร์ด “เรื่องเอลตันผมเข้าไปคุยกับเขาแล้ว ถึงเปเรซจะมีอิทธิพล แต่อย่าลืมว่ารอสซ์เองก็มีเหมือนกัน เอลตันไม่โง่ เขารู้ดีว่าควรจัดการตัวเองยังไง เขาสารภาพกับผมทุกเรื่อง ผมไม่คิดเอาความ ในเมื่อเขาก็แค่เบี้ยตัวนึงที่คุณดึงเข้ามาในกระดาน คุณต้องการให้ผมเสียงานนี้ใช่ไหม ได้ เพราะผมยกโครงการนี้ให้เอลตันทำต่อแล้ว พรุ่งนี้ข่าวคงออกกันครึกโครม ผมหวังว่าเราจะจบกันตรงนี้ แลกกับผมไม่เอาเรื่องพวกคุณ...หลักฐานเยอะขนาดนี้ คุณคงไม่เสี่ยงอีกใช่ไหม?”

“คุณอย่าทำเหมือนผมเป็นหนี้บุญคุณคุณนะ!”

“อ้อ หรือไม่เป็น?”

“ผมไม่ต้องการความเห็นใจจากคุณ” ลุงเบอนาร์ดกัดฟันกรอด แววตาวาวโรจน์ “จับผมซะ! ดำเนินคดีตามกฏหมาย แต่อเล็กซ์ไม่เกี่ยวด้วย อย่ายุ่งกับเธอ”

“พ่อ!”

“ไม่เกี่ยวทั้งที่เธอเป็นมือปืน?” พ่อเลิกคิ้ว พูดต่อเสียงเรียบ “ถ้าจะแจ้งจับคุณ คิดว่าเรื่องจะจบตรงนั้น? ไม่หรอกเบอนาร์ด เขาจะสืบต่อ ลูกสาวคุณเดือดร้อนแน่ คิดใหม่อีกที ยอมรับความหวังดีของผมเถอะ”

“แต่ผม…!”

“พอเถอะ!” แม่ตะโกนขัด เธอลุกขึ้น เผชิญหน้ากับลุง “ขอร้อง ให้มันจบสักที เห็นแก่ฉันได้ไหม พี่ไม่อยากให้ฉันเจ็บปวดอีกต่อไปแต่สิ่งที่พี่ทำมันทำให้ฉันเจ็บมากนะ ฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุเรื่องนี้สักนิด คิดว่าฉันดีใจเหรอที่ทั้งพี่ชายและหลานสาวตัวเองทำร้ายคนอื่นเพื่อแก้แค้นให้ฉัน พี่อาจสะใจ แต่ฉันไม่ ซีมอนไม่รักฉัน ฉันรู้ แต่ฉันรักเขา รักทั้งที่เขาไม่รักฉัน ฉันรู้ดีทั้งหมดนั่นแหละ และพี่รู้อะไรไหม? ยิ่งกว่าการเห็นคนรักโดนทำร้าย คือคนที่ฉันรักไม่แพ้กันเป็นคนลงมือ มันทำให้ฉันเจ็บยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!”

“แม่ครับ”

ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป แม่ที่ยืนอยู่ตรงนี้เหมือนจะแตกสลายได้ทุกวินาที ผมลุกไปหา ดึงแม่มากอดไว้ แม่ตัวสั่นจนผมทำอะไรไม่ถูก เธอกำเสื้อผมแน่น ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่อก

แม่กำลังร้องไห้

ผมเศร้าที่ไม่สามารถช่วยอะไรแม่ได้ ผมไม่อยากให้เธอร้องไห้ แม่ไม่ควรมีน้ำตา แต่อีกใจหนึ่งผมก็อยากให้แม่ร้องออกมาให้หมด บางทีเก็บมันไว้ข้างในและแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

“ไม่ร้องนะครับ ผมอยู่นี่ อยู่ข้างแม่”

“เซ็บ…” แม่สะอื้น “แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้สักนิด”

“ผมรู้ครับ ผมรู้”

ผมกระซิบปลอบ ตลอดมาแม่เข้มแข็งและไม่เคยอนุญาตให้ตัวเองอ่อนแอ แต่คราวนี้แม่ทนไม่ไหว และผมเต็มใจอนุญาตให้แม่อ่อนแอได้ แม่ตัวเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่ในอ้อมกอดผม ความรู้สึกผิดกำลังกัดกินแม่ มันลามมาที่ผม

เชื่องช้า กัดกินไปทีละส่วน จนถึงตอนนี้ผมก็ช่วยอะไรแม่ไม่ได้มากอยู่ดี

“เซ็บ” เสียงนุ่มดังขึ้นข้างหู วงแขนอุ่นโอบกอดทั้งผมและแม่เอาไว้ ความอ่อนโยนของแพทริคทำให้ความรู้สึกผิดที่กัดกินใจผมสลายไป “ผมอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่เป็นไรนะครับ”

“เบล…” ลุงเบอนาร์ดเรียกแม่เสียงแผ่ว ผมเงยหน้ามองเขา อีกฝ่ายทอดสายตามองแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดผม แววตาอ่อนล้าและหม่นแสง อเล็กซ์ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดลุง ตอนนี้ทั้งห้องมีแต่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นปนกันจนแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร “ฉันขอโทษ ฉันไม่มีเจตนาจะให้เธอเจ็บปวดแบบนี้ ฉันไม่เคยเป็นพี่ชายที่ดีที่ปกป้องเธอได้เลยเบล”

คำพูดของลุงกระตุ้นให้แม่ร้องไห้หนักกว่าเดิม ผมลูบหลังปลอบ ก่อนแม่จะสูดหายใจลึกและขยับตัวจากอ้อมกอดผม แม่หันเผชิญหน้ากับลุง สีหน้าไม่ดีสักนิด ดวงตาแม่แดงก่ำและเหนื่อยล้า

“จบได้ไหมเบอนาร์ด สัญญากับฉันได้ไหมว่าจะไม่ยุ่งกับรอสซ์อีก”

“...”

“พวกเราเจ็บกันมามากแล้ว มันถึงเวลาที่ต้องปล่อยไปสักที พี่ไม่ต้องห่วง สักวันฉันจะเข้มแข็งขึ้น พี่ก็รู้ว่าฉันเข้มแข็งมาตลอด ฉันไม่เคยขอร้องอะไรพี่เลย แต่แค่ครั้งนี้ได้ไหม รับปากฉันทีว่าจะไม่ยุ่งกับพวกเขาอีก”

ลุงเบอนาร์ดเงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายเขาก็พยักหน้า

“ได้ ฉันสัญญา เรื่องทุกอย่างจะจบตรงนี้” ลุงถอนใจ ตวัดสายตามองพ่อ น้ำเสียงห้วนสั้น “ฉันขอโทษ”

“ขอบคุณ” แม่ยิ้ม แม้ริมฝีปากจะสั่นเล็กน้อย ก่อนหันไปทางพ่อ เขามีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เห็นแม่ร้องไห้ขนาดนี้ อย่างน้อยถึงพ่อไม่รักแม่ แต่ก็คงมีความผูกพันให้แม่บ้าง “ฉันขอโทษแทนพวกเขาอีกครั้งที่ทำให้คุณเดือดร้อน เรื่องพวกนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ”

“ช่างเถอะ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณหยุดร้องเถอะเบล”

“ฉันหยุดแล้วนี่ไง” แม่พยายามยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงแววตาหม่นหมองของแม่สักนิด “ฉันยิ้มให้คุณได้แล้ว วันนี้อาจได้แค่นี้ แต่ฉันเชื่อว่าสักวัน อาจจะสักสิบปี หรือสามสิบปีผ่านไป ฉันจะยิ้มให้คุณได้สดใสกว่านี้ ขอโทษที่เข้ามาในชีวิตคุณกับมาเรีย ฉันในวันนั้นเห็นแก่ตัวจนไม่น่าให้อภัย”

“พอเถอะค่ะเบล” น้ามาเรียแทรก เธอขมวดคิ้ว ท่าทางหงุดหงิดใจ “คุณจะไม่ได้รับการให้อภัย ถ้าคุณไม่เริ่มให้อภัยตัวเองก่อน ฉันยอมรับว่าทั้งโกรธทั้งเกลียดคุณ ฉันไม่อยากให้อภัยคุณหรอก เรื่องนั้นย้อนคิดทีไรก็น่าหงุดหงิด มันน่าหงุดหงิดจนฉันอยากจบมันแล้ว คุณให้อภัยตัวเองได้เมื่อไหร่ ฉันจะให้อภัยคุณเมื่อนั้นค่ะ”

แม่เงียบไป หลังจากนั้นถึงยิ้มออกมา

“ขอบคุณมาเรีย ฉันจะพยายาม”

“ผมขอคุยกับคุณได้ไหม” พ่อพูดขึ้น เขาสบตาแม่ “คราวนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ”

“เบล…” ลุงทำท่าจะห้าม สุดท้ายก็ถอนใจ “เอาเถอะ แล้วแต่การตัดสินใจของเธอ”

แม่สบตาพ่อ ก่อนหันมาสบตาผม ผมพยักหน้าให้เธอ แม่ยิ้ม หันกลับไปอีกครั้ง

“ได้ค่ะ”

“ขอคุยเป็นการส่วนตัว” พ่อว่าเสียงเรียบ เขากวาดตามองพวกเราทั้งหมดที่อยู่ในห้อง “รบกวนทุกคนออกไปก่อน ป่านนี้คนในงานคงสงสัยว่าพวกเราหายไปไหนกันหมด...ผมขออนุญาตนะมาเรีย”

“ฉันไม่มีปัญหาค่ะ คุณตามสบายเถอะ”

ทุกคนทยอยออกจากห้อง ผมเองก็ควรไปเช่นกัน

“มาเถอะเซ็บ” แพทริคแตะหลังผม เขาออกแรงดันเบาๆ ผมมองหน้าเขา สบกับแววตาอ่อนโยนคู่นั้น “ทุกอย่างกำลังจะเรียบร้อยดี มากับผมเถอะครับ”

“อืม”

ผมพยักหน้ารับ เดินเคียงออกจากห้องนั้น

ตลอดทางแพทริคอยู่ข้างตัวผม เขาไม่ถอยห่างสักนิด

ผมโชคดีที่มีเขา


“คุณเป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม”

แพทริคถามเมื่อพวกเราออกจากงาน ตอนนี้ผมกับแพทริคอยู่หน้าโรงแรม มันมีสวนหย่อมเล็กๆ ที่ประดับไฟสวยงามและมีเก้าอี้ให้นั่งพัก ผมถอดสูทออกจากตัว พับมันพาดไว้กับแขน ปลดกระดุมเชิ้ตตัวเอง รู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาบ้าง ผมพิงตัวกับพนักเก้าอี้ หลับตาลง รู้สึกได้ว่ามีคนนั่งลงข้างๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นแพทริคนั่นแหละ เขาไม่ได้ถามซ้ำเมื่อเห็นผมไม่ตอบ แต่ปล่อยให้ผมหลับตาทบทวนเรื่องราวต่างๆ

“เฮ้ แพท…” ผมลืมตา หันหน้าไปทางเขา

“ครับ”

“แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม…”

“ทุกอย่างอาจไม่ลงตัวสำหรับทุกคน แต่มันดีที่สุดเท่าที่จะหาทางออกได้แล้วครับ”

“นั่นสินะ” ผมพยักหน้ากับตัวเอง “หลังจากนี้มันคงยากขึ้น ฉันไม่รู้ว่าแม่จะรู้สึกยังไงที่ลุงกับอเล็กซ์ทำแบบนั้น พวกเขาเป็นพี่น้อง เป็นน้าหลาน เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันมันถึงยากจะจัดการกับความรู้สึก…”

“แล้วคุณล่ะครับ รู้สึกยังไงบ้าง”

“ฉันน่ะเหรอ…”

“คุณห่วงคนอื่นแต่ไม่ห่วงตัวเองเลยนะครับ” แพทริคสบตาผม ดวงตาสีฟ้าเข้มขึ้น ฉายประกายจริงจัง “เพราะคุณไม่ห่วงตัวเอง ผมเลยห่วงคุณว่าคุณจะรู้สึกยังไง ฝั่งนึงก็พ่อคุณ ส่วนอีกฝั่งคือลุงและลูกพี่ลูกน้องคุณ มันลำบากใจมากใช่ไหมครับเซ็บ”

“แพท มันยากมากเลย” ผมถอนใจ ทิ้งหัวพิงศีรษะเขา แพทริคลูบหัวผมช้าๆ ปล่อยให้ผมระบายสิ่งที่อยู่ในใจ “ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด แรงจูงใจของทุกคน เหตุผลของพวกเขา…”

“ความรักทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างจริงๆ นะครับ”

“นั่นสินะ ตลกดี” ถึงปากผมจะบอกว่าตลก แต่ผมหัวเราะไม่ออกสักนิด “ฉันโกรธที่พ่อถูกทำร้าย โกรธที่คนทำร้ายพ่อคือคนใกล้ตัวที่ไว้ใจ แถมพวกเขายังขู่นาย เอาครอบครัวนายมาเป็นข้อต่อรอง แต่พอมองมุมของลุงกับอเล็กซ์ ถ้าเป็นฉัน...ถ้าฉันเห็นคนที่ฉันรักเจ็บปวดมาตลอดยี่สิบกว่าปีแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรลงไป อาจแย่กว่าที่ลุงทำด้วยซ้ำ…”

“ฉันอยากโกรธพวกเขาทุกคน โกรธพ่อที่ไม่รักแม่แต่ยอมแต่งงานกับแม่เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ โกรธแม่ที่ก้าวเข้าไปในชีวิตคู่ของพ่อกับน้ามาเรีย โกรธลุงกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องโง่ๆ เพื่อแก้แค้น แต่สุดท้ายพอฉันเอาตัวเองไปมองในมุมของพวกเขา ฉันกลับตอบตัวเองไม่ได้ว่าถ้าเป็นฉัน ฉันจะจัดการกับมันยังไง ทุกคนมีเหตุผลในมุมมองของตัวเอง”

“ใช่ครับ ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง หลังตัดสินใจไปแล้ว ผมคิดว่าพวกเขาคงเตรียมพร้อมรับผลที่ตามมา การตัดสินใจของเขา ความรับผิดชอบของเขา ผมคงห้ามคุณคิดมากไม่ได้ เรื่องมันใหญ่เกินกว่าคุณจะไม่คิดอะไรเลย แต่ถ้าคุณเหนื่อย หรือรู้สึกแย่อะไรก็ตาม ผมหวังว่าคุณจะนึกถึงผม ผมอยู่ข้างคุณเสมอเซ็บ อยู่ตรงนี้ตลอด คุณล้มผมจะคอยฉุดให้ลุก คุณก้าวต่อไม่ไหวผมจะคอยพยุงจนคุณแข็งแรงดี ผมน่ะ...รักคุณมากนะครับ”

เขาจูบหน้าผากผม สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากเขาทำให้ผมยิ้มออกมาได้

น้ำตาผมไหล

ตื้นตันกับสิ่งที่แพทริคทำให้

ผมที่เข้มแข็งมาตลอด วันนี้อนุญาตให้ตัวเองอ่อนแอได้ เพราะแพทริคบอกเองว่าจะอยู่ข้างผม คอยฉุดในวันที่ผมล้ม คอยพยุงในวันที่ผมก้าวต่อไปไม่ไหว

“แพท…”

“ครับ?”

“ขอบใจนะ”

“ผมเต็มใจทำให้คุณ”

“อืม...ฉันก็เต็มใจรับมันเอาไว้เหมือนกัน”



________________________________________

ซีนอารมณ์ก็มา เฉลยในทุกๆ อย่างแล้วนะคะ ใช่ค่ะ คุณลุงเองก็มีส่วนเหมือนกัน แรงจูงใจก็น่าจะเหมือนที่หลายๆ คนเดาเอาไว้ จริงๆ ก็แอบคิดนะคะว่าใช้เหตุผลแค่นี้เป็นแรงจูงใจมันสมเหตุสมผลหรือเปล่า คิดไปคิดมาก็ อืม...อย่างที่แพทบอกนั่นแหละค่ะ ความรักทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างจริงๆ หวังว่าจะชอบตอนนี้กันนะคะ

อีกสองตอนจะจบเนื้อหาหลักแล้วค่ะ เราเลยตัดสินใจว่าจะอัปให้จบในเดือนนี้ไปเลย บทต่อไปจะอัปวันอาทิตย์นี้นะคะ แล้วเจอกันค่า


#คุณผู้มากับสายฝน

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ปริศนาได้รับการคลี่คลาย แพทดูแลไม่ห่างเลย ดีจัง ทุกอย่างเกิดเพราะรักจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด