[END]ສະບາຍດີຈອມດື້-สะบายดี ครั้งสุดท้าย[19/8/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]ສະບາຍດີຈອມດື້-สะบายดี ครั้งสุดท้าย[19/8/60]  (อ่าน 35285 ครั้ง)

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เอาจริงๆก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวของปั้นรักเลยนะ  :mew5:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ตอนนี้หวานมาก ค่อยๆเรียนรู้กันไปนะคะ ^^

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
บทจะรักกันก็หวานจนมดเอียนเลยนะคะ

แต่เหมือนเรื่องยุ่งๆ กำลังตามมา

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 15: คนนิสัยไม่ดี

บอกตามตรงว่าเรื่องที่ปั้นรักแชทคุยกับใครอะไรนั่น ผมไม่ได้ใส่ใจเลยนะ แล้วก็จะไม่สนใจด้วยถ้าหากว่าตลอดทางที่นั่งรถกลับมาเวียงจันทน์ ปั้นรักออกอาการกระสับกระส่ายตลอดเวลา แถมยังหยิบโทรศัพท์มาดูหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งก็มีพิมพ์ตอบกลับอีกฝ่ายไป จากนั้นก็แสดงท่าทางหัวเสีย จนสุดท้ายก็ปิดโทรศัพท์ไป

ผมมองแล้วก็เป็นห่วงขึ้นมา กลัวว่าปั้นรักจะทะเลาะกับแม่ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกเลยถามออกไปอย่างอดไม่ได้

“ทะเลาะกับใครหรือเปล่าปั้น”
ไม่เจาะจงถามว่าทะเลาะกับแม่หรือเปล่า เพราะผมไม่อยากให้มันรู้สึกว่าผมจี้ใจดำ

“เปล่า” ปั้นรักตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
ผมมองแวบเดียวก็รู้ว่ามันแสร้งทำทีเป็นปกติ แต่สีหน้าดูเคร่งเครียดแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมเลยถามไปอีก
“แน่ใจนะว่าไม่มีอะไร”
“อือ ไม่มี”

แทนที่จะจบแค่นั้น ผมดันถามออกไปอีกเพราะสีหน้าของมันไม่ได้ดีขึ้นเลย
“ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ได้นะ”
“ไอบอกว่าไม่มีอะไรไง ถามอะไรนักหนา!”

เพราะเซ้าซี้มากเกินไป ปั้นรักเลยขึ้นเสียงใส่ผมนิดหน่อย ผมเงียบไปเลย อันที่จริงก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ปั้นรักขึ้นเสียงใส่ผม แต่การขึ้นเสียงใส่โดยใช้อารมณ์ มันทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมา ขณะที่ปั้นรักรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไปก็รีบปรับน้ำเสียงและสีหน้า แล้วบอกผมเร็วๆ

“ไม่มีอะไรหรอก ยูไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวไอจะงีบสักหน่อย เหมือนจะเมารถ”

สิ้นเสียง ปั้นรักก็ปิดเปลือกตา พิงพนักเก้าอี้หลับไปเงียบๆ ผมรู้ว่ามันไม่ได้หลับหรอก แต่กำลังเลี่ยงที่จะคุยกับผมมากกว่า ผมอยากรู้นะแต่ไม่ถามดีกว่า เพราะไม่อยากทำให้ปั้นรักรู้สึกแย่ไปกว่านี้ และการที่มันหัวเสียได้ถึงขนาดนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องครอบครัวนั่นแหละ มันเป็นเด็กมีปมนี่นา



 
หลังจากนั้น ปั้นรักก็ทำตัวปกติจนมาถึงที่หมาย ผมก็ลืมเรื่องที่มันขึ้นเสียงใส่ผมในรถไปสนิทเลยซ้ำถ้ามันไม่ขอโทษที่เสียงดังใส่ผมอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมันหรอก ได้แต่ยิ้มแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะพากันนั่งรถสามล้อจากขนส่งมาที่เกสต์เฮ้าส์แม่มัน ตอนนี้ผมได้แต่หวังว่าคุณแอนคงจะไม่ตัดหางมันปล่อยวัดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าถึงเธอจะไล่ปั้นรักออกจากกองมรดก ผมก็ยินดีที่จะรับเลี้ยงดูมันนะ

...ก็มันเป็นแฟนที่ผมรักนี่

“ยูขึ้นไปรอบนห้องก่อนนะ เดี๋ยวไอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องก่อน อาบน้ำเสร็จแล้วเดี๋ยวจะไปหา”
เข้ามาที่ล็อบบี้ของเกสต์เฮ้าส์ได้ ปั้นรักก็เอ่ยขึ้น ผมพยักหน้า ไม่ได้ทักท้วงอะไรเพราะรู้ว่าห้องพักของปั้นรักอยู่ในโซนของห้องพักพนักงานซึ่งแยกจากห้องพักแขกที่ผมเช่าอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะคว้าข้อมือปั้นรักเอาไว้เมื่อเห็นมันทำท่าจะเดินไป

“อะไร” มันหันมาถาม
ผมกระซิบไปที่ข้างหู “ไปเอาแค่เสื้อผ้ามาอย่างเดียวก็พอ แล้วมาอาบน้ำที่ห้องพี่”
“โว้ย ทะลึ่ง” ปั้นรักโวยวายขึ้นมาน้อยๆ เรียกเสียงหัวเราะให้ผมเป็นอย่างดี ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเห็นดีด้วยหรอก แต่หลังจากประโยคนี้ มันก็ดันพยักหน้ารับ “เออๆ งั้นรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวไอไปเอาเสื้อผ้าแป๊บ”

เอาจริงดิ!?

ผมไม่ถามหรอก นอกจากเบิกตาโตเล็กน้อย แล้วหัวเราะให้กับความตรงไปตรงมาของมัน
“มาเร็วๆ นะ เดี๋ยวพี่คิดถึง”
หยอดมันไปอีกหน่อยก่อนจะแยกกัน

ปั้นรักพยักหน้ารับหงึกหงัก ก่อนที่ผมจะคลายมือออกจากข้อมือมัน ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวไปไหน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“Pun! (ปั้น!)”

หันไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่ง ผมสีทอง ตาสีฟ้าเลยล่ะ วัยไล่เลี่ยกันกับปั้นรักนี่แหละ ซึ่งผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าหากเธอไม่ร้องเรียกชื่อแฟนผมเสียงดังอย่างนั้น ไม่เว้นแม้แต่ปั้นรักเองที่หันไปมองแล้วก็มีสีหน้าประหลาดใจเหมือนกัน

ประหลาดใจเหรอ... ไม่หรอก ออกจะดูตกใจมากกว่า ก่อนที่มันจะครางพึมพำออกมา

“Lucy… (ลูซี่...)”

เพื่อนเหรอ?

แวบแรกผมคิดว่าอย่างนั้นนะ เพราะไม่งั้นทั้งคู่คงไม่รู้จักกันหรอก ก่อนจะตกใจขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นกึ่งวิ่งกึ่งเดินมากระโดดกอดปั้นรักอย่างรวดเร็ว

“Pun! I miss you! I really miss you! (ปั้น! คิดถึงนะ! คิดถึงมากเลย!)”
หูเจ้ากรรมดันดี แถมภาษาอังกฤษก็ดันดีขึ้นมาอย่างผิดปกติ ผมเข้าใจที่ผู้หญิงคนนี้พูดทุกคำ แต่ก็ยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนของปั้นรักนะ
“How can you come here!? (มาที่นี่ได้ไงเนี่ย!)”
ปั้นรักถามด้วยสีหน้าตื่นๆ ขณะที่ลูซี่ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย เอาแต่พูดพร่ำคำเดิม
“I’m sorry, babe. I really sorry. Please don’t leave me again. I’m sorry. (ฉันขอโทษนะที่รัก ขอโทษจริงๆ อย่าทิ้งกันไปอีกนะ ฉันขอโทษ)”

นี่ก็ดันแปลได้ทุกประโยค ทุกคำอีกเหมือนกัน วินาทีนี้เริ่มรู้สึกทะแม่งๆ ละ ผมเลยมองหน้าปั้นรักอย่างขอคำตอบทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร ขณะที่ปั้นรักเองก็เหลือบมามองผมด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก ดูคล้ายกับลำบากใจ ขณะเดียวกันก็ดูสับสนและเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

ทว่ายังไม่ทันที่ปั้นรักจะได้พูดอะไร ลูซี่ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“I love you, hun. Really love you. (ฉันรักนายนะ รักจริงๆ)”

รักเหรอ...

ประโยคนี้ทำผมย่นคิ้วยู่เลย แต่ย่นคิ้วหนักก็ตอนที่พอสิ้นเสียงหวาน ลูซี่ก็โผเข้าประกบปากจูบปั้นรัก ภาพที่เห็นทำเอาผมมือไม้อ่อนทันที กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ร่วงกระแทกพื้น ปากอ้าค้างด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าจะเห็นภาพบ้าๆ อะไรแบบนี้

เดี๋ยวนะ...นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!

ปั้นรักเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน รีบดันร่างบางออกห่างจากตัว

“Hey wait! What are you doing? (เฮ้ยเดี๋ยว ทำอะไรเนี่ย)”
“What do you mean? (หมายความว่าไง)” ลูซี่ย่นคิ้วถามกลับ
“Why did you do like this? (ทำแบบนี้ทำไม)” ปั้นรักดูหงุดหงิดขึ้นมา
ลูซี่เองก็ไม่ต่างกันนัก “Why!? You are my boyfriend. Why can’t I kiss you? (ทำไมล่ะ นายเป็นแฟนฉัน ทำไมจะจูบไม่ได้)”

โอเค... เริ่มแปลไม่ได้ละ รู้อย่างเดียวว่าสองคนนี้ทะเลาะกันละ แต่ถึงจะแปลไม่ได้ ผมก็เริ่มเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้รางๆ ขณะที่ลูซี่เริ่มโวยวายเสียงดังเมื่อปั้นรักทำท่าจะเดินหนีมาหาผม พร้อมกับคว้าแขนของปั้นรักเอาไว้

“I said don’t leave me. Stay and talk! (บอกแล้วไงว่าอย่าทิ้งฉัน อยู่คุยกันก่อน)”

ปั้นรักสบถอะไรสักอย่างออกมา ผมแปลไม่ได้แล้วล่ะ ถึงจะแปลได้ก็ไม่คิดจะแปลเช่นกัน เพราะในตอนนี้หัวของผมมึนงงไปหมด
ผู้หญิงคนนี้บอกว่าปั้นรักเป็นแฟน... อย่าบอกนะว่าเรื่องระหว่างผมกับมันที่ผ่านมา ปั้นรักมัน...นอกใจแฟนงั้นเหรอ

ผมเม้มริมฝีปากแน่น มองหน้าปั้นรักที่มองผมอยู่ด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่มันจะเรียกผม

“พี่ดื้อ...” ควรจะดีใจนะที่มันเรียกผมแบบนี้ แต่ไม่ใช่ในเวลานี้... “ไม่ใช่อย่างที่ยูคิดนะ”

มันรู้เหรอว่าผมคิดอะไร แต่เอาเถอะ มันคงจะเดาได้เพราะสถานการณ์ก็เอื้ออำนวยให้คิดแบบนั้นอยู่แล้ว ทว่าผมยังไม่พร้อมจะคุยกับมันตอนนี้เพราะลูซี่ที่เห็นปั้นรักเดินหนีเริ่มร้องไห้ออกมา พร้อมกับโวยวายอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปอาบน้ำแล้วเอาของไปเก็บก่อน ปั้นรักคุยกับ...” ผมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลั้นใจพูดมันออกมา “คุยกับแฟนไปก่อนแล้วกัน”
“พี่ดื้อ...”

ปั้นรักทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าผมจะพูดประโยคนี้ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรแล้ว คว้าเอากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วขึ้นไปบนห้องเพื่อตั้งหลักก่อน



 
ปั้นรักทำท่าจะตามผมขึ้นมาในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ด้านล่างเพื่อคุยอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนนั้น ขณะที่พอผมเข้าห้องมาได้ ก็ทิ้งตัวนั่งลงบนปลายเตียงด้วยความสับสนสุดๆ

ปั้นรักเป็นแฟนผม แต่พอกลับมาแล้วเจอผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนของปั้นรัก แล้วก็ดูเหมือนมันจะรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีเสียด้วย ถ้าลูซี่เป็นแฟนของปั้นรักเหมือนกัน งั้นก็แสดงว่าผมมาทีหลัง

งั้นผม...เป็นมือที่สามเหรอ?

เออ ไม่อยากคิดแบบนี้เลย แต่สถานการณ์มันให้มาก คิดแล้วก็ปวดหัว อีกทั้งยังปวดหนึบที่หัวใจอีกด้วย ปวดจนคิดไม่ออกว่าหลังจากนี้ถ้าได้เจอหน้าปั้นรักอีกครั้ง ผมควรจะวางตัวอย่างไรดี แต่ยังไม่ทันจะได้คิดออก เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมเหลือบไปมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์เล็กน้อย ก็เห็นว่าผ่านมาสองชั่วโมงกว่าแล้วหลังจากที่ขึ้นมานั่งเฉยๆ ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ในห้อง ก่อนจะลุกขึ้นจากที่ตรงนั้นเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก

“พี่ดื้อ เปิดให้หน่อย”
ผมก้าวไปหยุดที่หน้าประตู สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วชะงักไปเล็กน้อยว่าควรจะเปิดดีไหม แต่สุดท้ายก็เปิดออก พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่าย
“ว่าไง”
“ว่าไงอะไรล่ะ ถอย ไอจะเข้าไป”

ปั้นรักพูดเร็วๆ แล้วรีบก้าวเข้ามาในห้อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวผมจะปิดประตูใส่หรือเปล่าถึงได้ร้อนรนขนาดนี้

ผมปล่อยให้เลยตามเลย เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องคุยเรื่องนี้กัน และพอปิดประตูห้องได้ ปั้นรักที่เดินไปพิงโต๊ะวางทีวีก็รอให้ผมเดินไปนั่งที่ปลายเตียงเหมือนเดิม ก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
“พี่ดื้อ ไอ้ที่ยูเห็นน่ะนะ ไอมีคำอธิบาย”

ผมเหลือบมอง “ว่ามาสิ พี่รอฟังอยู่”

รอฟังจริงๆ ไม่ได้ประชดประชันแต่อย่างใด ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ผมเห็นมันตรงกับที่ผมคิดหรือไม่ ในใจก็ภาวนาไปด้วยว่าขอให้ทุกสิ่งที่เห็นและที่ผมคิดไปเองมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด

เป็นความเข้าใจผิดของผมเอง ขอให้มันเป็นแค่เรื่องตลกโง่ๆ อะไรแบบนั้น ขอให้ปั้นรักพูดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทมากเลยถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไปหน่อย หรืออย่างร้ายก็เป็นผู้หญิงที่มาชอบเขา แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้น

ทว่า... ความหวังของผมกลับถูกกลบมิดเมื่อปั้นรักเอ่ยออกมา

“ผู้หญิงคนนั้น...หมายถึงลูซี่น่ะ เธอเป็น...” พูดแล้วก็มีสีหน้าลำบากใจ ก่อนปั้นรักจะสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วเอ่ยออกมาอีกครั้ง “เป็นแฟนของไอเอง”

ผมมองหน้าปั้นรักนิ่ง ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ จะพูดออกมา เหมือนสมองถูกกระหน่ำตบจนชาเสียจนคิดอะไรต่อไม่ออก ขณะที่ปั้นรักก็ดูอึดอัดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่

“ไอกับลูซี่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยแล้ว อยู่ยูเดียวกัน”

สิ่งที่ผมคิดมันเป็นจริง...

แต่ผมไม่คิดว่ามันจะหนัก...

“แล้วเราก็มีแพลนจะแต่งงานกันหลังเรียนจบ”

ได้ยินมาถึงประโยคนี้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็ปวดร้าวขึ้นมาทันที ผมมองหน้าปั้นรักด้วยความรู้สึกที่เรียกได้ว่า...ผิดหวัง
ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเก็บงำเรื่องนี้ไว้ทำไม เพราะถ้ามันมีแฟนอยู่แล้ว จะมาคบกับผมทำไม อีกอย่าง แฟนมันก็ไม่ใช่ผู้ชายด้วย แต่เป็นผู้หญิง ซึ่งมันตอกย้ำให้ผมรู้ว่าปั้นรักไม่ได้เป็นเกย์ เพราะมันชอบผู้หญิง แต่ผมก็ไม่มีสิทธิไปโวยวายอะไรเพราะจู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นผมเองแหละที่ผิด ด้วยไม่เคยถามมันเลยว่ามีแฟนหรือยัง อย่าว่าแต่เรื่องแฟนเลย เรื่องอื่นๆ ของมัน ผมก็ไม่รู้
อายุเท่าไหร่ ส่วนสูง น้ำหนัก ชอบกินอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน ไม่เคยรู้เลยสักนิด ก็เหมือนกับที่มันไม่รู้เรื่องของผมนั่นแหละ เรียกได้ว่าเราสองคนตกลงคบกันทั้งที่ยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอเลยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ อะไรมันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะความจริงก็คือ...ผมเป็นคนมาทีหลัง

ทว่าปั้นรักก็ยังคงพูดอยู่
“จริงๆ แพลนแต่งงานของไอกับลูซี่จะมีขึ้นในอีกสามเดือน แต่มีปัญหากัน ไอก็เลยหนีมาหาแม่ที่นี่”

คล้ายกับว่าพยายามจะอธิบายนั่นแหละว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็อย่างที่ผมบอก ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว ผมมองปั้นรักแล้วว่าออกมาช้าๆ

“มันไม่ใช่เรื่องของพี่แล้วล่ะปั้น มันเป็นเรื่องของปั้นกับผู้หญิงคนนั้น”
“แต่ไอคิดว่ายูจะต้องรับรู้ไว้ เพราะยูเป็นแฟนไอ”

ผมสะดุดกับคำนี้

แฟนงั้นเหรอ? แฟนที่เพิ่งมาทีหลังขณะที่ปั้นรักมีแฟนอยู่แล้วน่ะนะ แบบนี้ไม่เรียกว่าแฟนหรอก เรียกว่ามือที่สาม

เพิ่งจะตระหนักได้ชัดเจนว่าสถานะของตัวเองคืออะไร ผมแค่นหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไป

“แฟนของปั้นไม่ใช่พี่หรอก คือคนที่ปั้นจะแต่งงานด้วยต่างหาก”
“ก็ใช่ แต่ไอมีคำอธิบายนะ ยูฟังไอก่อนได้ไหม”

คงจะรู้ว่าผมเริ่มปิดกั้นแล้ว ปั้นรักเลยร้อนรนขึ้นมา บอกตามตรงว่าผมไม่อยากฟังเลย ยิ่งฟัง มันก็ยิ่งทำให้ผมปวดใจ ผมก็เลยตัดบทเอาดื้อๆ

“พี่ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ปั้นกลับไปก่อนเถอะ พี่ขออยู่คนเดียวหน่อย”
ไม่พูดเปล่า จะลุกขึ้นไปเปิดประตูให้มันออกไปด้วย ทว่าปั้นรักกลับถลาเข้ามาคว้ามือผมไว้
“พี่ดื้อ ฟังไอก่อน”

วินาทีนี้เหมือนผมจะน็อตหลุดเลย หันไปมองมันแล้วว่าเสียงเรียบ

“ไม่มีประโยชน์ที่จะฟังแล้วปั้น กลับไปแคร์คนที่ต้องแคร์เถอะ คนนั้นเป็นว่าที่เจ้าสาวของปั้นนะ นอกใจมาหาพี่ได้ยังไง”
พูดไปก็ปวดแปลบไป ขณะที่ปั้นรักแผดเสียงออกมาอย่างสุดกลั้นคล้ายกับว่าหงุดหงิดเต็มทนที่ผมไม่ฟังมันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็ใช่ ผมยังจะต้องฟังอะไรมันอีกล่ะ ในเมื่อภาพที่เห็นมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

“ยูหยุดฟังไอพูดก่อนสิวะ ที่ไอทำแบบนี้มันมีเหตุผล!”
“ยังมีเหตุผลอะไรที่ฟังขึ้นสำหรับคนที่นอกใจแฟนอีกเหรอ” พอผมพูดไปอย่างนี้ ปั้นรักก็เงียบไปเลย “แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่มือที่สามอย่างพี่จะต้องฟังเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีอีก”

ยิ่งพูด ปั้นรักก็ยิ่งเงียบ ได้แต่มองหน้าผม

ผมเป็นคนที่ปั้นรักนอกใจแฟนมาหา...
ผมเป็นมือที่สาม...

มันชัดเจนอยู่แล้วว่าผมผิด ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็ผิด ปกติแล้วเคยเจอแต่แฟนไปมีคนอื่นน่ะนะ พอตัวเองตกเป็นมือที่สาม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะรู้สึกยังไงหรือควรทำตัวแบบไหน แล้วคนที่ทำผิดโดยไม่รู้ตัวแบบผม มันควรไปยืนแก้ตัวทีหลังเพราะเหตุผลที่ปั้นรักยกมาอธิบายเหรอ ควรทำอะไรให้สถานการณ์นี้มันดีขึ้นดีล่ะ หรือผมต้องไปบอกแฟนของปั้นรักว่า ‘ขอโทษนะที่เผลอใจไปกับปั้น ผมไม่รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว’ มันควรไปพูดแบบนี้เหรอ

ไม่เลย ไม่ควรสักนิด สิ่งที่ผมควรทำในตอนนี้คือเงียบ แล้วกลับมาอยู่ในที่ของตัวเองก็เท่านั้น

ใช่ ผมกำลังหมายถึงเลิกกับปั้นรัก ถึงจะไม่อยากทำ แต่เพื่อความถูกต้อง มันควรเป็นแบบนั้น

“ฟังไอก่อนได้ไหม” พอเห็นผมเงียบไป ปั้นรักก็ถามผมเสียงแผ่วออกมาอีกครั้ง

ผมพ่นลมหายใจออกมายาวราวกับสะกดอารมณ์หลายๆ อย่างที่วิ่งพล่านอยู่ในหัว
“พี่ไม่มีเรื่องจะคุยกับปั้นแล้ว กลับไปเถอะ เราจบกันแค่นี้แหละ”

พอบอกออกไปอย่างนั้น สีหน้าของปั้นรักก็ยุ่งเหยิงทันที

“ไม่คุยแล้วจะรู้เรื่องได้ไงวะ แล้วเราจะมาเลิกกันอย่างนี้เหรอ มันไม่ใช่เรื่องเลยนะเว้ย”
“ปั้น...”
“ฟังไอก่อนเถอะ ขอร้องล่ะ มันไม่ใช่อย่างที่ยูคิด ไอเป็นแฟนกับลูซี่ก็จริง แต่มันมีเรื่องอื่นที่ยูต้องรู้”
“ปั้น...”
“ฟังสิเว้ย!”
“ต้องฟังอะไรอีก พี่ก็เห็นตำตาอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร พอเถอะ จะหลอกแฟนตัวเองไปถึงไหน หยุดทำเรื่องที่มันไม่ถูกต้องสักที!”

กลายเป็นผมบ้างแล้วที่เสียงดังใส่ ปั้นรักชะงักกึกไปทันที คงจะพูดแทงใจดำมันน่ะ แต่มันจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าที่ผมพูดไปเมื่อกี้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมมันบีบรัดแค่ไหน

เจ็บ...โคตรเจ็บเลย เจ็บที่จะต้องยอมรับว่าคนที่ผมเรียกว่าแฟนมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง แท้จริงแล้วเป็นแฟนของคนอื่น ก่อนที่ผมจะกลั้นใจว่าออกมาช้าๆ พยายามข่มความเจ็บปวดที่พร่างพรายขึ้นมาอย่างสุดกลั้น

“หยุดทำนิสัยไม่ดีอย่างนี้สักทีปั้น พี่พอแล้ว”
“ไม่นะพี่ดื้อ อย่า...” ปั้นรักส่ายหน้า บีบมือของผมที่จับอยู่แน่นคล้ายกับรู้ว่าผมจะพูดอะไร

ผมเหลือบมองมือนั้นแล้วก็ค่อยๆ ดึงออกมาจากการเกาะกุมอย่างเชื่องช้า

“ไม่ใช่วันนี้ก็ต้องมีสักวันที่พี่ต้องพูด”
“พี่ดื้อ...” ปั้นรักครางออกมาอีก ท่าทางประหนึ่งว่าจะเตือนให้ผมหยุดพูดสิ่งที่จะพูดในลำดับถัดไป

แต่มันหยุดผมไว้ไม่ได้แล้ว เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าควรทำสิ่งที่ถูกต้อง

“ปั้น...” เรียกมันแล้วก็มองหน้า ก่อนจะว่าออกมาอีก “เราเลิกกันเถอะ”

ความเงียบงันหลั่งไหลเข้ามาโอบอุ้มเราสองคนเอาไว้ ปั้นรักดูสับสนไม่ใช่น้อย ขณะเดียวกัน แววตาของมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่...คนที่เจ็บกว่ามันหลายเท่าตัวนั่นคือผม

ผมรักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาก...มากเท่าที่คนอย่างผมจะมอบความรักให้ได้ รักมากเสียจนไม่มีความรักหลงเหลือไว้ให้ใครแล้ว แต่ตอนนี้ผมกำลังจะเอามันกลับมา ไม่ใช่เพราะคนอย่างปั้นรักไม่คู่ควรกับความรักของผม ทว่าผมแค่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง

“จบกับพี่แล้วกลับไปดูแลแฟนตัวเองให้ดีๆ”
ผมกลั้นใจพูดประโยคนี้ออกมา มือและเท้าชาไปหมด หัวใจก็ปวดแปลบราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง ขณะที่ปั้นรักซึ่งอ้าปากค้างไปเมื่อครู่ตั้งสติได้ ก่อนจะโวยวายเสียงดัง

“ได้ไงวะ เลิกไม่ได้นะเว้ย เวรเอ๊ย! ไอบอกแล้วไงให้ฟังไออธิบายก่อน มันไม่ใช่อย่างที่ยูคิด ลูซี่เป็นแฟนไอก็จริง แต่ว่าลูซี่น่ะ เธอ...”
“ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะปั้น หยุดทำตัวเหมือนคนนิสัยไม่ดีสักที”

ปั้นรักก็พยายามจะอธิบายเหตุผลของตัวเองน่ะนะ แต่ผมไม่พร้อมจะรับฟังแล้ว ถ้ามันยังอยู่ตรงหน้าผมนานกว่านี้ มีหวังผมต้องแสดงความอ่อนแอออกมามากกว่านี้แน่นอน ดังนั้นผมจึงต้องขัด

ปั้นรักชะงักไป ผมเลยได้ทีพูดขึ้นอีกครั้ง

“ไปเถอะปั้น เราจบกันแค่นี้แหละ ที่ผ่านมา พี่ขอบคุณมาก”
จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูทันที ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้มันออกไปได้แล้ว
“พี่ดื้อ...”

ปั้นรักครางเรียกผมออกมาอีก ทว่าก็ไม่พูดอะไรเมื่อเห็นผมปั้นหน้าเครียดใส่ ก่อนจะยอมเดินมาที่ประตูแต่โดยดี ทว่าจังหวะที่ผมกำลังจะปิดประตู ปั้นรักก็หันหลังกลับมา เอามือดันประตูไว้พลางว่า

“ไอรู้ว่ายูยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ คุยวันหลังก็ได้ แต่ขอโอกาสให้ไอได้อธิบายหน่อย ไอรับรองว่าสิ่งที่ไอทำ ทุกอย่างมันมีเหตุผล”

“พี่อยากพักแล้ว” ผมตอบรับเพียงเท่านั้น พร้อมกับออกแรงดันประตูปิด

ปั้นรักยอมจากไปแต่โดยดี ประตูปิดแล้ว แต่ผมยังยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองบานประตูด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะสั่นเทาขึ้นมาทีละน้อย

ไม่สิ... ไม่ใช่แค่มือ สั่นไปทั้งตัวเลยต่างหาก อะไรไม่ว่า นอกจากนี้ผมยังรู้สึกด้วยว่าการหายใจของผมติดขัดขึ้นมา รู้สึกตัวอีกทีว่าเป็นเพราะการสะอื้นก็ตอนที่น้ำตาไหลอาบซีกหน้าแล้วหยดลงบนพื้น

ผมกำลังร้องไห้...

ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มข้างหนึ่งแล้วก็ได้แต่มองปลายนิ้วเปื้อนของเหลวสีใสนิ่งๆ

ผมกำลังร้องไห้ให้กับความรักที่ผ่านเข้ามาและกำลังจะจากไปตลอดกาล...

ตอนแรกก็ว่าเจ็บแล้วนะ พอยิ่งร้องไห้ ความเจ็บปวดของผมก็ทวีคูณมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

ผมก็แค่อยากจะรักใครสักคนหมดใจ แล้วทำไมฟ้าต้องแกล้งผมด้วย
ผมไปทำอะไรให้คนบนฟ้าโกรธกัน พวกเขาถึงได้ทำร้ายผมแบบนี้
แล้วผมไปทำอะไรไว้ ปั้นรักถึงได้... ทำร้ายจิตใจผม

น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด หมดแล้วซึ่งมาดใดๆ ผมทนไม่ไหวอีกแล้ว

ทำไมผมจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทำไมกัน...
-----------------------------
มาเต็มตอนแล้วค่ะ
ฮือออ พี่ดื้อของเก๊า โอ๋ๆ นะ นิ่งเตะๆ
อกหักจากอีพี่เหนือมาแล้ว ยังจะโดนนังปั้นทำร้ายอีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อตอนใหม่ให้นะคะ ฝากฟีดแบ็กไว้ให้ด้วยเน้อ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เราเชื่อว่าปั้นมีเหตุผลนะ
แต่ตอนนี้ให้พี่ดื้อพักก่อน สงบสติอารมณ์
แล้วรีบมาอธิบายนะ ถ้าพี่ดื้อกลับไทยนี่เรื่องยาวเลยนะเนี้ยยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ก้อฟังไปสิโอ้ยจะร้องไห้ต่อหน้าปั้นมันก้อไม่ตายหรอก

เลสรุปไม่คุยกันให้จบก้อเลิกกันแล้ว อืมก้อเซงแทนเจ้าปั้นมันนะเนี่ย
แล่วยัยนั่นคือไปกับกับคนอื่นแล้วหวนกลับมาหรอ ก้าเนอะที่ตามมาถึงลาว

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เราว่าควรฟังเหตุผลกันนะเราว่า

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
แล้วทำไมพี่ดื้อไม่ฟังเหตุผลจากปากของปั้นบ้างล่ะ ทำไมไม่ลองฟังดูก่อนนน ฮื่ออ :sad4:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 16: กลับมาอยู่ในที่ของตัวเอง

จะว่าผมใจร้อนก็ได้ที่ไม่ฟังสิ่งที่ปั้นรักพยายามจะอธิบาย แต่ก็อย่างว่า มารู้ความจริงอย่างนั้น มีใครกันบ้างที่ไม่ช็อก บอกตามตรงว่านอกจากผิดหวังและเสียใจแล้ว ผมก็โกรธปั้นรักมากเหมือนกันที่ปิดบังเรื่องนั้นไว้ไม่ยอมบอกจนกระทั่งตอนนี้ ถึงความจริงแล้วจะเป็นความผิดผมส่วนหนึ่งที่ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของมันก่อนตกลงเป็นแฟนกันก็เถอะ ทว่าเรื่องอย่างนี้ก็ควรบอกก่อนหรือเปล่า

อย่างน้อยก็ต้องบอกก่อนที่จะตกลงเป็นแฟนกัน...

ผมไม่เข้าใจปั้นรักหรอกว่าถ้ามีแฟนอยู่แล้ว อีกทั้งมีแพลนจะแต่งงานกัน แล้วจะมาตกลงคบหากับผมซึ่งเป็นผู้ชายทำไม เพราะจริงๆ แล้ว มันไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่รสนิยมทางเพศของมันปกติ

ผมรอนะ รอที่จะฟังเหตุผลนั้น รอให้ปั้นรักมาแก้ตัวตามที่มันบอกเอาไว้

ทว่า...ผ่านไปหนึ่งวันก็แล้ว สองวันก็แล้ว เข้าวันที่สาม ผมก็ยังไม่เห็นว่าปั้นรักจะมาปรากฏตัวให้เห็นเลยสักครั้ง พอไปถามพนักงานที่ล็อบบี้ก็ได้ยินว่ามันออกไปกับผู้หญิงที่ชื่อลูซี่

ถึงจะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง แต่เหตุการณ์กำลังเดินไปอย่างนั้น

ปั้นรัก...เริ่มที่จะถอยกลับไปอยู่ยังที่ของมันแล้ว

ผมสรุปได้แล้วล่ะว่าสถานะของตัวเองตอนนี้เป็นยังไง ผมเป็นมือที่สาม และก็เป็นฝ่ายบอกเลิกมันเอง บอกให้ทุกอย่างจบ ปั้นรักก็คงจะตัดสินใจเลือกแฟนสาวที่คบหากันมาหลายปีมากกว่าคนอย่างผม ผมก็คิดในแง่ดีเอาว่าถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตแล้วกันที่ได้เป็นมือที่สามของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ในใจผมกลับไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับปั้นรักแล้ว ผมก็ยิ่งเจ็บเสียจนแทบทนไม่ไหว ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายแทบจะระเบิดออกมาให้ได้ มันปวดหนึบและสร้างความอึดอัดให้ผมทุกครั้งที่คิดถึงภาพปั้นรักกับลูซี่

ผมทนอยู่ในสถานการณ์นี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...

ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินกลับไทยให้เร็วที่สุด ไม่ได้ส่งข้อความบอกไอ้แสบหรือไอ้จอมแก่นก่อนด้วย เพราะคิดว่าถ้าพวกมันรู้ว่าผมกลับก่อนกำหนด พวกมันจะต้องสงสัยแล้วก็คาดคั้นถึงเหตุผลอย่างแน่นอน ซึ่งผมยังไม่อยากจะพูดถึง

หากแต่ก่อนจะกดจองตั๋วเครื่องบิน ผมกลับฉุกใจอะไรบางอย่าง เดินลงมาที่ล็อบบี้เพื่อถามหาปั้นรักอีกครั้ง และคำตอบก็คือแบบเดิม...มันไม่อยู่ ออกไปกับแฟน ดูโง่นะที่ถามทั้งที่พอจะเดาได้ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมีความหวังว่าจะได้เจอกับปั้นรักในครั้งนี้ ทว่าพอผลออกมาเป็นอย่างนี้ ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับคุณแอนซึ่งรับหน้าที่ตอบคำถามผมในครั้งนี้แทน

หากแต่พอผมขอบคุณและกำลังจะกลับขึ้นห้อง คุณแอนก็เรียกผมเอาไว้

“คุณดื้อคะ”
ผมหันไปมอง
“มาถามหาปั้นรักทุกวันแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือปั้นรักจะไปก่อเรื่องอะไรไว้”

ตามประสาแม่นั่นแหละ เป็นห่วงว่าลูกชายตัวดีจะไปก่อเรื่องวุ่นวาย เพราะก่อนหน้านั้น มันก็ป่วนผมเสียจนต้องออกปากว่าไม่อยากได้มันเป็นไกด์มาแล้ว จริงๆ ครั้งนี้ก็ก่อเรื่องไว้เหมือนกัน แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกไปว่าลูกชายของเธอทำผมเจ็บปวดแค่ไหน ที่สำคัญ คุณแอนน่าจะรู้ว่าปั้นรักกำลังจะแต่งงานกับแฟน การที่ผมหลุดปากออกไปว่ามันกับผมเคยเป็นอะไรกันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรสักนิด

ดังนั้น ผมจึงได้แต่ยกยิ้มแล้วตอบออกไป

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมจะกลับไทยแล้ว ก็เลยอยากเจอปั้นรักสักหน่อย”
“กลับไทยเหรอคะ ไหนว่าจะกลับอาทิตย์หน้า”
คุณแอนมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ผมก็ไม่ได้อธิบายอะไรหรอก นอกจากจะยิ้มฝืนๆ ให้ก็เท่านั้น และดูเหมือนเธอจะดูออกเสียด้วยว่าผมฝืนยิ้มให้ เธอเลยมองหน้าผมนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะว่าออกมา
“หนีปั้นรักกลับไทยหรือเปล่าคะคุณดื้อ”

แทงใจดำผมอย่างจังเลย จะว่าหนีก็ใช่แหละ แต่ขณะเดียวกัน ผมก็อยากเจอมันนะ อยากเจอจริงๆ อยากให้มันมาแก้ตัวอะไรแบบนั้น นึกเกลียดตัวเองเหมือนกันที่วันนั้นไม่ฟังมันก่อน ทว่าพอตอนนี้มาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าความรู้สึกของตัวเองย้อนแย้งลักลั่นยังไงพิกล

ทั้งรักทั้งเกลียดคงจะเป็นอย่างนี้แหละมั้ง แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เกลียดปั้นรักเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่รักเท่านั้น

...รักมากเสียด้วย

“ผมมีธุระต้องให้กลับไปจัดการน่ะครับ”
จัดการเรื่องหัวใจ... ไม่ต้องพูดออกไปหรอก ผมแค่บอกตัวเอง

คุณแอนร้องอ๋อ แล้วก็มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมา

“ค่อยยังชั่ว นึกว่าหนีไอ้ลูกชายตัวดีของฉันกลับไทยซะอีก นี่มันก็เพิ่งหนีแฟนมันมา ฉันล่ะปวดหัวกับมันจริงๆ”
ความจริงคุณแอนก็บ่นไปเรื่อยแหละนะ แต่มันดันทำให้ผมเลิกคิ้วสูงขึ้นมาทันควัน

“หนีเหรอครับ?”

“อ๋อ ใช่ค่ะ มันเพิ่งหนีลูซี่มา แล้วก็มาบอกกับฉันว่ามาหาที่ลาวเพราะอยากพักผ่อน จากนั้นก็บอกกับพ่อมันว่าไปอยู่บ้านแฟน แต่บอกกับลูซี่ว่าจะไปอยู่บ้านเพื่อนที่รัฐอื่นสักพักเพราะตอนนั้นทั้งคู่ทะเลาะกัน ลูซี่เพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เองค่ะว่าปั้นรักหนีมาลาว ถึงมาตามที่นี่ ไอ้ลูกคนนี้มันเหลือเกินจริงๆ หลอกคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ไม่รู้จักคุยให้เคลียร์ก่อนว่าจะเอายังไง จะแต่งงานกันอยู่แล้วแท้ๆ”

แค่ไม่กี่ประโยคที่หลุดออกจากปากของคุณแอนก็ทำให้ผมเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปั้นรักมาโผล่ที่นี่ได้ เจ็บตรงประโยคหลังสักหน่อย แต่ก็ทำให้ผมเข้าใจอยู่เหมือนกันว่าเพราะอะไร ปั้นรักถึงได้หวั่นไหวกับผม

คงเพราะทะเลาะกับลูซี่ แล้วพอมีผมเข้าไป ปั้นรักถึงได้ไขว้เขวล่ะสินะ

ผมก็ไม่อยากจะละลาบละล้วงหรอกนะว่าทั้งคู่ทะเลาะอะไรกัน แต่พอคุณแอนเปิดประเด็นมาอย่างนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะถามไม่ได้

“แล้วทะเลาะอะไรกันเหรอครับถึงขนาดที่ปั้นรักต้องหนีมาที่นี่”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถามแล้ว แต่ไอ้ตัวแสบยังไม่ยอมไม่บอก ดูท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกันเพราะไม่อย่างนั้นปั้นรักคงไม่หนีมา แล้วลูซี่ก็คงไม่ลงทุนมาตามข้ามทวีปกันแบบนี้”

ผมเดาไปต่างๆ นานาเลยว่าทะเลาะกันด้วยสาเหตุอะไร แต่ผมไม่ได้รู้จักสองคนนั้นมาก่อนจึงยากที่จะคาดเดาได้ไม่ใช่น้อย
แล้วความคิดของผมก็ถูกขัดขึ้นเมื่อคุณแอนว่าออกมาอีกครั้ง

“ฉันก็อยากให้เคลียร์กันได้ไวๆ แหละค่ะ เห็นปั้นรักเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็สงสารลูซี่ ดูท่าทางเด็กคนนี้น่าจะรักลูกชายฉันมาก เจอหน้าทีไรก็เห็นร้องไห้ทุกที คงไม่อยากให้งานแต่งงานล่ม”

จากที่มีความหวังว่าปั้นรักจะกลับมาหาผมอะไรนั่น ผมไม่หวังอะไรแล้วล่ะพอได้ยินคำพูดนี้ ก่อนจะตัดสินใจได้ว่าผมจะไม่ทำร้ายใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับปั้นรัก ถึงมันจะมาอธิบายเหตุผลที่ทำอย่างนี้ให้ฟัง แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เพราะผมคิดว่าต่อให้มันกลับมาเลือกผม แทนที่จะเลือกลูซี่ ทว่าการคบกับผมน่ะ มันดีแล้วเหรอ?

ไม่ดีหรอก ไม่ดีเป็นอย่างมาก ไม่ดีกับใครทั้งนั้น ลูซี่ก็ต้องสูญเสียคนที่เธอรักมากไป ปั้นรักก็ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ ขณะที่ผมเองก็คงจะเชื่อใจปั้นรักได้ไม่สนิทใจอีกแล้ว

ในเมื่อมันเลิกกับแฟนที่คบกันมานานเพื่อมาคบผมได้ แล้วในอนาคต มันจะไม่เลิกกับผมเพื่อไปคบคนอื่นเหรอ?

เพราะคิดอย่างนั้น ผมจึงไม่ลังเลอีกต่อไปว่าจะอยู่รอมันหรือไม่ พลันตัดบททันควัน
“ขอให้ปั้นรักเคลียร์กับแฟนได้ไวๆ ก็แล้วกันครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อน จะต้องไปจัดกระเป๋าน่ะ”

คุณแอนไม่ได้ทักท้วงอะไร พยักหน้ารับและขอบคุณผมเป็นการใหญ่ที่ที่ผ่านมาดูแลลูกชายของเธอเป็นอย่างดี ผมก็ได้แต่บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทว่าพอกลับเข้ามาที่ห้องแล้ว ความเข้มแข็งก่อนหน้าก็เหมือนจะถูกทำลายลงไปย่อยยับไม่มีชิ้นดี

ผมยืนพิงประตูห้องอย่างหมดแรง ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น กดโทรศัพท์จองตั๋วเครื่องบินสำหรับบินกลับไทยในวันพรุ่งนี้ พอจัดการเสร็จเรียบร้อยก็ทอดมองไปยังกระเป๋าเป้ตรงหน้าที่ยังเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่ไม่เรียบร้อยดีด้วยความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก

ถึงเวลา...ที่ผมต้องไปจริงๆ แล้วสินะ



 
ผมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปสนามบินแต่เช้า ความจริงจะบอกว่าตื่นก็ไม่ได้ เพราะอันที่จริงแล้ว ผมไม่ได้นอนหลับด้วยซ้ำ ในหัวเอาแต่คิดครุ่นเรื่องของปั้นรักเต็มไปหมด ใจไม่อยากจะไปหรอก มันยังอยากอยู่กับผู้ชายคนนั้น มันเรียกร้อง โหยหา อยากให้ปั้นรักกลับมา ทว่าผมกลับบังคับให้สมองบอกกับร่างกายตัวเองด้วยตรรกะและเหตุผลว่าผมควรกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง เพราะตอนนี้ปั้นรักก็กลับไปอยู่ในที่ของมันแล้ว

คิดอย่างนั้นถึงได้รวบรวมแรงยกกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายและลงมารอรถบัสที่จะมารับหน้าเกสต์เฮ้าส์เพื่อไปส่งที่สนามบินได้ ระหว่างที่รออยู่ จู่ๆ หูก็ได้ยินเสียงของคนคุ้นเคยดังเข้ามา

“พี่ดื้อ!”

หันไปมองก็เห็นว่าเป็นปั้นรักที่เดินมาหาผมด้วยสีหน้าตื่นๆ ก่อนมันจะเสียงดังใส่มาอีก
“ไหนบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้าไง ทำไมจู่ๆ ถึงกลับวันนี้ แล้วทำไมถึงไม่บอกไอ ไอยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
มันหมายถึงเรื่องที่ผมชวนไปไทยด้วย ดูก็รู้ว่ามันรู้ว่าผมเลือกที่จะกลับคนเดียวเพราะอะไร แต่ปั้นรักแสร้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า ผมเลยฝืนยิ้มให้มันเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

“ปั้นไม่ต้องไปไทยกับพี่แล้วล่ะ มันไม่จำเป็นแล้ว”
ปั้นรักมีสีหน้าตึงเครียดทันที “ทำไม”
“เพราะอะไร ปั้นก็น่าจะรู้ พี่ว่าปั้นใช้เวลาอยู่ที่นี่กับแฟนเถอะ เคลียร์กันให้รู้เรื่อง จะได้แต่งงานกันสักทีนะ”

กัดฟันพูดนะประโยคนี้ แต่ไม่ได้ประชดประชันสักนิด ผมแค่พูดไปตามความจริง หากแต่คงจะไม่เข้าหูปั้นรักล่ะมั้ง มันถึงได้ทำสีหน้าน่ากลัวขึ้นมา แล้วโวยวายใส่ผม

“ยูก็ฟังไอก่อนได้ไหม จะแดกดันกันทำไมวะ”
ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ประชดหรือแดกดันอะไร แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ

พอเห็นผมเงียบไป ปั้นรักก็ผ่อนเสียงลง
“ฟังไอก่อนนะ ขอไออธิบายหน่อย”

ผมอยากจะบอกว่าเวลาสำหรับการอธิบายเรื่องนี้มันจบลงแล้ว เพราะยังไงผมก็เลือกที่จะกลับไปแล้ว ทว่าผมก็ไม่อยากให้มันจบลงอย่างวันนั้น จึงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะว่าออกมา
“พูดมาสิ พี่รอฟังอยู่”

ปั้นรักมีสีหน้าโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยที่ผมยอมฟังจนได้ ก่อนที่มันจะรีบพูดอย่างรวดเร็ว
“ไอกับลูซี่เป็นแฟนกัน คบหากันมานานแล้วก็มีแพลนแต่งงานกันก็จริง แต่ก่อนที่ไอจะมาลาว เรามีปัญหากันมาก่อน มันค่อนข้างหนักหนาแล้วก็เกี่ยวกับเรื่องแต่งงานด้วย ไอก็เลยขอเวลามาคิดทบทวนก่อนว่าจะตัดสินใจยังไงเพราะไอรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้”

“แล้วยังไงต่อ”
“หลายวันที่ผ่านมา ไอคุยกับลูซี่แล้ว ไอคิดว่าไอจะเลิกกับลูซี่ แล้วก็มาคบกับยู”

ผมนิ่งงันไปนิด...

มันควรดีใจหรือเปล่าที่ปั้นรักบอกว่าเลือกผม?

ไม่สิ มันไม่ควรจะดีใจเลย เพราะคำตอบของคำถามต่อไปของผมที่หลุดออกมาจากปากปั้นรัก
“แล้วปั้นจะเลิกกับลูซี่เพราะอะไร”
“เพราะไอรักยู รักมากจนไม่อยากจะเสียไป”

ผมไม่รู้ว่าปั้นรักพูดจริงหรือเปล่า แต่ดูจากสายตาที่มองมายังผมนิ่งๆ นั้น ผมสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างที่แฝงอยู่ในนั้น บอกตามตรงว่าเกือบจะทำให้ผมใจอ่อนอยู่แล้ว ถ้าหากว่าผมไม่ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“ตอนนี้ปั้นรักพี่ ปั้นเลยอยากรั้งพี่ไว้ แต่ถ้าวันนึงปั้นไม่รักพี่ขึ้นมา แล้วจะเอาพี่ไปไว้ที่ไหน”
“มันจะไม่มีวันนั้น” ปั้นรักตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
แต่รู้อะไรไหม... ผมไม่เชื่อใจคนตรงหน้าแล้ว
“ขนาดคนที่คบกันมานานหลายปีและมีแผนที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ปั้นยังทิ้งมาเพราะคนที่รู้จักกันไม่กี่อาทิตย์ได้ ถ้าวันไหนที่ปั้นหมดใจจากพี่ พี่ก็ไม่ถูกปั้นทิ้งขว้างเหรอ”

พูดไปอย่างนั้น ปั้นรักก็อึกอักขึ้นมา

“พี่ดื้อ...”

ทำท่าคล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็นะ มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ ไม่ว่ายังไงเราก็กลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ไม่... ผมต่างหากที่กลับไปรู้สึกเชื่อใจปั้นรักเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้วต่อให้ยังรักมากเหมือนเดิมก็ตาม

“พี่มาที่ลาวเพื่อพักใจนะปั้น ไม่ได้มาเพื่อทำให้ตัวเองเจ็บมากกว่าเดิม แต่ผลที่ได้มา มันทำให้พี่แทบอยากจะตายไปเลยรู้ไหม ขอร้องล่ะปั้น อย่าทำร้ายพี่อีกเลย ปล่อยพี่ไปเถอะ แล้วปั้นก็ไปใช้ชีวิตของตัวเองซะ แคร์คนที่ควรแคร์รู้ไหม”
“ก็ยูไงคือคนที่ไอควรแคร์ ไหนบอกว่าจะฟังไงวะ สุดท้ายก็ไม่ได้ฟัง!”

พอไม่ได้ดั่งใจก็โวยวาย ผมฟังนะ ฟัง...แต่ยอมรับตามตรงว่าไม่ได้เปิดใจให้แล้ว วินาทีนี้ผมอยากจะหนีไปจากความเจ็บปวดที่คอยทิ่มแทงผมมากกว่า

“คนที่ปั้นควรแคร์น่ะ คือลูซี่ต่างหาก ไม่ใช่พี่”
ผมว่าเนิบๆ ขณะที่ปั้นรักออกอาการหัวเสีย
“ให้ตายเถอะ! ยูไม่ได้เข้าใจอะไรเลยนี่หว่า! ต้องให้อธิบายใหม่ไหมว่าไอรักยูมากแค่ไหน! รักมากกว่าลูซี่ เข้าใจหรือยัง!”

เสียงของปั้นรักที่ดังขึ้นมาเรียกสายตาจากทุกชีวิตในล็อบบี้ไป จากที่ไม่มีใครรู้ว่าผมกับปั้นรักเคยเป็นอะไรกัน ตอนนี้ดูท่าทางจะรู้หมดแล้ว ทว่าปั้นรักก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เอาแต่พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดเท่านั้น

“แล้วแม่งจะหนีกันไปแบบนี้น่ะนะ เรื่องที่ผ่านมามันไม่สำคัญเลยหรือไงวะ ทำไมถึงจะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้!”

ทิ้งเหรอ? จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ผมกำลังจะทิ้งปั้นรัก แต่นั่นก็เป็นเพราะผมทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่เหรอ?

ผมเกือบจะพูดออกไปอยู่แล้วถ้าไม่เห็นว่าปั้นรักที่โวยวายอยู่นั้นมองมาที่ผมด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ไอผิดที่ปิดบังยู ไอรู้ ขอโทษ แต่อย่าทิ้งกันไปแบบนี้ได้ไหม ขอร้องล่ะ อยู่คุยกันก่อน ใจเย็นๆ แล้วคุยกันได้ไหม อย่าคิดเองเออเองคนเดียว”

ไม่เพียงแต่ตาแดง ขอบตาก็มีน้ำสีใสเอ่อปริ่มอยู่ด้วย

ปั้นรักกำลังจะร้องไห้...

ผมเห็นแล้วก็อดไม่ได้ จะเอื้อมมือออกไปข้างหน้าเพื่อคว้ามันมากอดแล้ว ทว่าสายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นลูซี่ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้โผล่มาทางด้านหลังของปั้นรักเสียก่อน ทำให้ผมต้องหยุดความตั้งใจนั้น ดึงมือตัวเองกลับไปอยู่ในที่เดิมของมันอย่างยากลำบาก จังหวะเดียวกับที่หูได้ยินเสียงของพนักงานที่แจ้งกับแขกคนอื่นๆ ว่ารถบัสที่รับไปส่งยังสนามบินมาถึงแล้ว ผมจึงตัดสินใจตัดบทในวินาทีนั้น

“ปั้น...”
ปั้นรักมองหน้าผมนิ่ง ขณะที่ผมฝืนยิ้มออกมา
“พี่ขอให้ปั้นมีความสุข”

พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไปเลย ไม่สนใจเสียงเรียกของปั้นรักที่ดังไล่หลังมาแม้แต่น้อย

“พี่ดื้อ! เฮ้ย! พี่ดื้อเดี๋ยว!”

ผมก้าวขึ้นรถไปแล้ว ลูซี่ก็ตรงเข้ามาคว้าแฟนของตัวเองเอาไว้พร้อมกับถามอะไรบางอย่าง ผมเหลือบมองแล้วก็เดาเอาว่าคงจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ปั้นรักโวยวายใส่เธอ ทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีก ปั้นรักเลยต้องเคลียร์กับทางนั้นก่อน พอจะถ่วงเวลาให้ผมได้

รถบัสต้องทำเวลา การลำเลียงแขกของเกสต์เฮ้าส์ที่มีไฟลท์บินวันนี้ขึ้นรถจึงใช้เวลาไม่นานนัก ปั้นรักเห็นรถจะออกก็สลัดลูซี่ออกห่างจากตัว รีบเดินมาหา แต่รถบัสเคลื่อนตัวออกไปแล้ว

จากที่เดิน ปั้นรักก็เริ่มวิ่งเพื่อไล่ตามรถบัสให้ทัน พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดัง
“พี่ดื้อ!”

ทุกคนในรถหันไปมองผู้ชายที่วิ่งหน้าตั้งไล่หลังรถบัส คนขับชะลอรถด้วยคิดว่าผมยังมีเรื่องที่จะต้องสะสางกับผู้ชายคนนี้ ขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแขกจากเกสต์เฮ้าส์นั้นหันมามองผมเป็นตาเดียวด้วยเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้า และอยากรู้ว่าผมจะทำยังไงต่อไป

แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำอะไร นอกจากจะบอกกับคนขับที่หันมามองผมอย่างขอคำตอบเท่านั้น
“ไปเลยครับ เดี๋ยวผมตกเครื่อง”

คนขับพยักหน้ารับ ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไป ปล่อยให้ปั้นรักวิ่งตามจนมาถึงทางแยก จากนั้นก็ต้องหยุดวิ่งด้วยไม่สามารถจะวิ่งข้ามถนนในนาทีนั้นได้ ผมหันไปมองก็เห็นว่ามันมองตามรถที่ผมนั่งอยู่พลางหายใจหอบฮั่ก

กระทั่งรถมุ่งหน้าออกไปไกลจนภาพของปั้นรักหายจนลับสายตา ผมถึงกลับมานั่งในท่าปกติและมองตรงไปข้างหน้า พลางคิดใน
ใจ

ใช่ มันควรจะจบแบบนี้แหละ ผมตัดสินใจถูกต้องแล้ว...




 
การกลับมาโดยไม่ได้บอกกล่าวใครล่วงหน้าทำเอาไอ้แสบกับไอ้จอมแก่นตกใจไม่น้อย พี่กับน้องของผมพากันซักไซ้ไล่เรียงกันใหญ่ว่าทำไมผมถึงกลับมาโดยไม่บอกใคร และทำไมถึงกลับเร็วกว่ากำหนด ทว่าพอผมบอกว่ายังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ พวกมันก็เลิกเซ้าซี้ทันทีราวกับเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม

ผมอยากจะบอกพวกมันว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วยยังไม่พร้อมจะคุยกับใคร ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก อยากจะพักทั้งร่างกาย ทั้งใจ พักทุกๆ อย่างก่อน พวกมันก็เลยปล่อยให้ผมใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปอีกหลายวันโดยไม่ถามอะไรเรื่องลาวเลยสักคำ

จนเข้าวันที่สาม... เหมือนไอ้แสบจะทนไม่ไหว เพราะพอพวกมันปล่อยให้ผมใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ผมก็ดันเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง นอนมองเพดานเฉยๆ หายใจทิ้งให้เวลาหมดไปวันๆ มันเลยเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับผมถึงในห้องโดยไม่ถามไถ่ว่าผมพร้อมจะคุยไหมสักคำ

“เอ้า ตกลงมึงจะเล่าได้หรือยังว่ากลับไทยก่อนกำหนดทำไม”
มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามเลย ผมเหลือบมองมันที่ยืนกอดอกจ้องผมอยู่เล็กน้อย

“มึงไม่ไปเปิดร้านหรือไง ร้านเหล้ามึงเปิดสองทุ่มนี่ สองทุ่มครึ่งแล้วนะเว้ย”
“มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องไอ้ดื้อ อันนั้นกูให้เด็กไปเปิดแทนได้ มึงรีบเล่ามาดีกว่าว่ามึงมีเรื่องอะไรถึงได้หงอยเป็นหมาป่วยอย่างนี้”

ผมไม่ตอบในทันที ได้แต่ถอนหายใจออกมา ไอ้แสบมันเลยพูดออกมาอีก
“อย่าบอกนะว่ามึงโดนหนุ่มลาวหักอกมาอีก?”

เข้าเป้าอย่างจังเลยทีเดียว

“ทำไมมึงถึงคิดว่าเป็นเพราะเรื่องนั้นวะ”
“น้ำหน้าอย่างมึง ถ้าไม่ใช่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ มึงจะหงอยอย่างนี้เหรอวะ กูรู้นิสัยมึงดีไอ้ดื้อ มึงมันพ่อคนอ่อนไหว มึงเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

ไอ้แสบว่าเหน็บแนม ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก็สมกับที่เป็นพี่น้องคลานตามกันมาเกิดจริงๆ แหละ มันรู้จักผมดีชะมัด
“เอ้า เล่าสักทีว่าโดนทิ้งมาหรืออะไรยังไง”

เห็นผมไม่เล่าสักที มันก็เค้นออกมาอีก จังหวะเดียวกับที่จอมแก่นเดินเข้ามาสมทบพอดี ไอ้น้องชายคนเล็กของผมก็เลยขัดเข้าให้

“พี่แสบไปถามอย่างนั้นได้ไง พี่ดื้ออาจจะมีปัญหาอื่นก็ได้”
“มึงก็โลกสวยไอ้แก่น ทำอย่างกับไม่รู้จักพี่มึงว่าเป็นคนยังไงอย่างนั้นแหละ หงอยเป็นหมาป่วยมาแบบนี้ โดนทิ้งมาแน่นอน อกหักอีกแล้วน่ะสิมึงน่ะ”

ประโยคหลังหันมาถามผม ไอ้แสบก็เลยโดนจอมแก่นดุเข้าให้

“พี่แสบ พอได้แล้วน่า”
“ก็กูพูดจริง”
“แต่ก็ไม่เห็นต้องพูดตรงๆ แบบนั้น”

ตอนนี้รู้เลยว่าสองพี่น้องคู่นี้คิดแบบเดียวกัน ถึงตอนนี้ผมคงปิดพวกมันไม่มิดอีกแล้ว เลยดันตัวขึ้นนั่งแล้วเปิดปาก

“เออ กูโดนหักอกมา หนุ่มลาวหักอกกู”

ไอ้แสบตบมือดังป้าบทันที

“นั่นไง ผิดจากที่กูคิดซะที่ไหน” จากนั้นก็หัวเราะเหมือนสะใจที่เดาถูก เลยโดนจอมแก่นมองตาเขียวปั้ดไปที
“พอได้แล้วน่าพี่แสบ” ปรามเสร็จก็หันมาถามผม “แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงอะพี่ดื้อ ทำไมถึงถูกหักอกซ้ำสองได้อีก”

ไอ้นี่ก็พูดแทงใจดำผมเหมือนกัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่รู้ตัว เออ ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็เป็นเรื่องจริงที่ผมถูกหักอกสองครั้งติดๆ กันน่ะ

“ก็ไม่มีอะไร กูไปคบกับคนลาวที่เคยบอก พอเป็นแฟนกัน ทุกอย่างมันก็ดีแหละ แต่กูเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้ว่าจริงๆ แล้วเขามีแฟนอยู่แล้ว กูเป็นมือที่สาม”
“มึงเป็นมือที่สามแบบไม่รู้ตัว?” ไอ้แสบถาม

ผมพยักหน้ารับ

เท่านั้น ไอ้แสบกับจอมแก่นก็มองหน้ากันทันควัน ก่อนไอ้แสบทำท่าเหมือนอยากจะถามอะไรออกมาอีก แต่ก็ไม่ได้ถามเพราะจอมแก่นขยิบตาให้เป็นสัญญาณว่าให้หยุดซักไซ้ อาจจะเพราะเห็นสีหน้าผมไม่ดี หรือเพราะเห็นว่าผมฝืนใจเล่าล่ะมั้ง มันถึงไม่ให้พี่ชายคนโตถามอีก ก่อนที่จอมแก่นจะเดินมาทรุดตัวนั่งข้างๆ ผม

“พี่ดื้อ” เรียกด้วยเสียงแผ่วอีกด้วย
ผมหันไปมองมัน “อะไร”
“ไม่เป็นอะไรนะ”
“จะบอกว่าไม่เป็นไรก็คงยาก เอาเป็นว่ากูยังไม่ตายก็พอ” ผมว่าเจือหัวเราะที่ฟังดูโคตรจะแหบแห้งเลย แต่นั่นก็เพื่อทำให้น้องชายของผมสบายใจขึ้น

ทว่าไม่ได้ช่วยเลยสักนิด จอมแก่นมีสีหน้าหนักใจ จากนั้นก็พูดอะไรเลี่ยนๆ ออกมา
“ถึงพี่ดื้อจะถูกทิ้ง แต่พี่ดื้อก็ยังมีผมกับพี่แสบที่ไม่ทิ้งพี่ดื้อไปไหนนะ”
“ขนลุกเลยไอ้แก่น พูดบ้าอะไรของมึงเนี่ย”

คราวนี้หัวเราะออกมาได้อย่างเต็มที่เพราะนานๆ ทีจะได้ยินจอมแก่นพูดอะไรแบบนี้ และไม่ใช่แค่ผมด้วยที่ขนลุก ไอ้แสบที่ยืนฟังอยู่ก็ลูบแขนตัวเองเป็นการใหญ่

“เออ พูดบ้าอะไรของมึง ขยะแขยงฉิบหาย”
“อะไรของพวกพี่กันเนี่ย ผมพยายามปลอบใจพี่ดื้ออยู่นะ”

จอมแก่นโวยวายหน้ายู่ขึ้นมาเมื่อถูกผมกับไอ้แสบรุม แก้มขาวๆ ของมันป่องขึ้นมาเล็กน้อย มองยังไงมันก็น่ารัก เหมือนกับตอนเด็กๆ ที่วิ่งตามผมกับไอ้แสบไปโรงเรียนต้อยๆ ไม่มีผิด ทำเอาผมต้องคว้ามันมากอดคอแล้วใช้มือข้างหนึ่งยีผมเป็นพัลวัน
“งอนเหรอไอ้แก่น มึงไม่ต้องมาทำตัวน่ารักแถวนี้เลย พวกกูไม่เอ็นดูมึงหรอกเว้ยบอกไว้ก่อน”

ไม่เอ็นดูบ้าอะไรล่ะ เป็นน้องชายที่โคตรจะน่ารักของพวกผมเลยเถอะ

“เออ มึงอย่าคิดว่าเป็นน้องคนเล็กแล้วพวกกูจะเห็นว่ามึงน่ารักนะ” ไอ้แสบผสมโรง แต่ผมรู้ว่ามันก็คิดเหมือนผม

ไอ้จอมแก่นมันน่ารัก...

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาวิเคราะห์ว่ามันน่ารักน่าเอ็นดูหรือเปล่า ผมต้องแก้ความเข้าใจผิดของพี่น้องตัวเองก่อน
“แล้วอีกอย่าง กูอกหักมาก็จริง แต่กูไม่ได้ถูกทิ้งนะเว้ย กูทิ้งเขามา”

พูดจบก็ปล่อยจอมแก่นให้เป็นอิสระ จอมแก่นมุ่ยหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกผมฟัดจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตั้งหลักได้ มันก็ถาม
“พี่ดื้อทิ้งมา หมายความว่าพี่เป็นคนบอกเลิก?”

ผมพยักหน้า คราวนี้ไอ้แสบมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อ
“มึงเนี่ยนะทิ้งเขา?”

ผมพยักหน้าอีกที

ไอ้แสบกับจอมแก่นทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่พูด ก่อนไอ้แสบจะเดินมาตบบ่าผม

“ทิ้งเขามาแต่หงอยขนาดนี้ กูว่าคงเรื่องใหญ่ เอาเป็นว่ามึงพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็บอกพวกกูแล้วกัน มึงยังตัดใจตอนนี้ไม่ได้ สักวันมึงก็ทำได้ ใช้เวลาหน่อย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอก เดี๋ยวกูพาไปเที่ยว อย่างที่ไอ้แก่นมันบอก มึงไม่มีเขา แต่มึงก็ยังมีพวกกูนะไอ้ดื้อ”

“ขอบใจ” ผมยิ้มออกมา

ไอ้แสบเลื่อนมือมายีเส้นผมของผมเล็กน้อย ก่อนจะเรียกจอมแก่นออกจากห้องไป

“ปล่อยให้มันพัก ไอ้แก่น มึงอย่าไปกวนมัน เดี๋ยวมันติสต์แตก หนีไปที่อื่นแบบไม่บอกอีก กูขี้เกียจดูร้านนมให้มัน ได้กำไรไม่คุ้มเหนื่อย”
“เงินหมด กูไม่ไปแล้ว” ผมหัวเราะไล่หลัง ก่อนที่สองคนนั้นจะออกจากห้องผมไป

รู้สึกดีขึ้นมามากทีเดียวที่กลับมาเจออะไรแบบนี้ ยอมรับเลยว่าการตัดสินใจกลับมาพักใจที่บ้านเป็นอะไรที่ถูกต้องแล้ว

สักวัน...ผมจะลืมปั้นรักได้

...ลืมว่าเคยรักปั้นรักมากกว่าตัวเองแค่ไหน แล้วกลับมารักตัวเองสักที
------------------------------
มาเต็มตอนแล้วค่ะ
พี่ดื้อเป็นผู้ชายอ่อนไหวมากกก กลัวเจ็บไปหมดเลยเนอะ
แต่อย่าเพิ่งขัดใจไป เข้าใจพี่ดื้อหน่อย นางเจ็บมาเยอะ 555
ตอนหน้าก็เป็นตอนเกือบสุดท้ายแล้วค่ะ เดี๋ยวจะมาอัปให้นะ
ใครรอหนังสืออยู่ รออีกหน่อยนะ กำลังอยู่ในกระบวนการจัดพิมพ์ค่ะ ใกล้แล้วล่ะ

ฝากฟีดแบ็กให้ล่วยยย เจอกันพรุ่งนี้จ้า
 

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น่าตบบ้องหูทั้งคู่เลย คุยกันดีๆไม่ได้หรอเนี่ย  แล้วนี่แม่ก้อต้องมาวุ่นวายใจไปด้วยเจ้าปั้นนี่

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โถ... พี่ดืัอ เค้าเข้าใจพี่ดื้อนะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นเราเราก็คงทำเหมือนดื้อนะ เพราะจากสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้า จากที่พยายามอธิบายแต่ไม่เหมือนอธิบาย เอะยังไง ฟังๆ เหมือนคนเห็นแก่ตัว ทิ้งอีกคนมาเอาอีกคน หรือยังฟังไม่จบ แล้วทำไมไม่เอาแต่เนื้อๆ เหอๆ เอาเป็นว่าติดตามต่อไปดีฝ่าาา ขอบคุณค้าบบบ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
อยากจะปลอบใจพี่ดื้อจังเลย แต่นี่ก็สงสารปั้นรักเหมือนกัน :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ม่ากันไป พี่ดื้อก็นะแทบจะไม่ฟังอะไรเลยอ่อนไหวไปนี๊ด
จริงๆอยากให้พี่ดื้อเป็นเคะมากกว่าอ่ะ มันคงพีคกว่านี้เยอะ แต่ก้เปลี่ยนไม่ได้แล้ว แอบลุ้นมานานเผื่อปั้นจะรุก ลุ้นไม่ขึ้นเลย :ling1:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 17: สะบายดีจอมดื้อ[1]

บอกกับตัวเองว่าจะกลับมารักตัวเอง แต่ทำจริงๆ มันง่ายอย่างที่คิดเสียที่ไหน ผมก็ยังคิดถึงปั้นรักอยู่ ความรู้สึกดีๆ ต่างๆ ที่มีให้ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

ใช่ ผมยังรักมัน...ยังรักมาก คงจะลืมไม่ได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

เพราะรู้อย่างนั้น ผมก็เลยพยายามที่จะทำให้ตัวเองไม่ว่าง ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งาน พอร้านนมของตัวเองปิดก็ไปช่วยงานที่ร้านเหล้าของไอ้แสบต่อ กลับมาถึงบ้านก็พยายามนอนให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดอะไร แต่ก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไรสักเท่าไหร่นักเพราะทุกครั้งที่ผมหลับตา ภาพใบหน้าของปั้นรักก็โผล่มาหลอกหลอนเสียจนนอนหลับไม่เคยสนิทสักวัน ตอนกลางวันเลยจะมีสภาพโทรมไม่ต่างจากซอมบี้

ส่วนปั้นรัก... หลังจากที่ผมกลับมาไทย ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่ติดต่อมานะ มันพยายามทั้งโทรหาและส่งข้อความมาตลอด ตอนแรกผมก็รับสายด้วยไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ของใคร แต่พอรู้ว่าเป็นมัน ผมก็เลือกที่จะตัดสาย ก่อนจะตัดการติดต่อด้วยการเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วยรู้ว่ามันคงเอาเบอร์ผมมาจากข้อมูลลูกค้าที่จองเกสต์เฮ้าส์ พอติดต่อผมด้วยการโทรและส่งข้อความไม่ได้ มันก็เปลี่ยนมาส่งอีเมลแทน ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่เคยเปิดเข้าไปอ่านเลยแม้แต่น้อย

อย่างที่บอก...ผมกำลังตัดใจ

แต่เหมือนมันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด ด้วยอาการผมไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย รังแต่จะแย่มากขึ้นไปอีก ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็เป็นอันต้องเหม่อลอย และอาการนั้นมันก็ต่อเนื่องมาเป็นหลายอาทิตย์ ทำเอาพี่กับน้องของผมชักทนไม่ไหว ถึงขนาดต้องออกปากด่า พร้อมยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามอย่างอดไม่ได้

“มึงเลิกซึมกระทือเดี๋ยวนี้เลยไอ้ดื้อ ไป รีบไปเก็บเสื้อผ้า กูจะพาไปหาพ่อกับแม่ที่เชียงใหม่”
เดินเข้ามาในห้องผมได้ ไอ้แสบก็ออกปากสั่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผมที่นอนเหม่อมองเพดานอยู่เหลือบไปมองมันทันใด
“ไปหาทำไมวะ”
“กูก็จะไปฟ้องแม่ว่ามีคนหักอกน้องกูน่ะสิ”
ไอ้แสบว่าด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

ผมจ้องมันนิ่งไปครู่ รู้อยู่ว่ามันเป็นห่วงผม การที่ผมมีเวลาว่างทีไรก็เอาแต่เหม่อลอยมันไม่ใช่เรื่องดีเลย คงจะทำให้มันเป็นห่วงมากพอสมควรถึงได้พยายามที่จะช่วยให้ผมผ่อนคลายด้วยการพาออกไปข้างนอกอย่างนี้ แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ...ทำไมต้องเป็นที่บ้านพ่อกับแม่

“กูไม่อยากไป”
ผมตอบกลับทันที ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอหน้าพ่อกับแม่นะ อยากเจออยู่นั่นแหละ แต่ไม่อยากให้พวกท่านรู้ว่าผมอกหักมาอีกแล้ว เพราะทุกครั้งที่ผมตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ พ่อกับแม่ก็จะประคบประหงม เอาใจผมราวกับเป็นเด็กเล็กๆ ทุกที ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกผิดเลยไม่อยากให้พวกท่านรู้

ทว่าไอ้แสบไม่สนเลยสักนิด เห็นผมปฏิเสธ มันก็ยกมือขึ้นกอดอก
“ถึงมึงไม่อยากไปก็ต้องไป เพราะกูกับไอ้แก่นตกลงกันแล้วว่าจะไป”
ผมย่นคิ้วทันควัน
“พวกมึงอยากไปก็ไปกันเองสิ กูอยู่เฝ้าบ้านก็ได้”
“ได้อะไรล่ะ ถ้าเกิดพวกกูไม่อยู่ขึ้นมาแล้วมึงฆ่าตัวตายคาบ้าน พวกกูจะทำยังไง ไอ้แก่นมันกลัวผี มึงก็รู้”

ไอ้แสบอ้างอะไรไปเรื่อยเปื่อย แถมยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่างหาก ถึงผมจะอกหักรักคุดมา แต่ก็ไม่ได้ทนความเจ็บปวดไม่ไหวถึงขนาดคิดสั้นอย่างนั้น ที่สำคัญ...ไอ้แก่นมันก็ไม่ได้...
“ผมไม่ได้กลัวผีสักหน่อย”

จอมแก่นที่โผล่เข้ามาในห้องพร้อมตะกร้าเสื้อผ้าของผมที่เพิ่งเก็บมาจากหลังบ้านโพล่งแทรกขึ้นมา

นั่นแหละที่ผมจะบอก ไอ้จอมแก่นมันไม่ได้กลัวผี

“มึงก็กลัวสักหน่อยก็ได้ เผื่อพี่มึงเป็นห่วงว่าน้องจะกลัว มันจะได้ไม่คิดสั้น” ไอ้แสบหันไปมองน้องชายคนเล็กพร้อมกับบอกเหตุผลไร้สาระออกมา

จอมแก่นส่ายหน้าด้วยระอา ก่อนจะเอาตะกร้าเสื้อผ้าในมือไปวางไว้หน้าตู้เสื้อผ้าของผม
“อันนี้เสื้อผ้าใหม่นะพี่ดื้อ ผมซักให้แล้ว พับเอาเองนะ”
สั่งเป็นแม่โดยไม่สนใจไอ้แสบที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างหลังอีกเลย ขณะที่ผมตอบรับเสียงเบา
“อือ”
จอมแก่นทำท่าจะออกจากห้องไป แต่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยร้องถามไอ้แสบขึ้น
“แล้วพี่แสบบอกพี่ดื้อหรือยังว่าเสาร์ - อาทิตย์นี้จะไปบ้านสวนของพ่อกับแม่”
“บอกแล้ว มันไม่ยอมไปอยู่เนี่ย มึงชวนพี่มึงเองเลยไหม”
ฟังแล้วก็รู้เลยว่าไอ้สองพี่น้องคู่นี้มันวางแผนกันมาก่อน ไม่ได้เป็นแผนของไอ้แสบคนเดียว ก็อยากจะขอบใจพวกมันอยู่หรอกนะที่เป็นห่วงผม แต่ผมไม่มีอารมณ์จะไปไหนทั้งนั้น

“กูไม่ไป ไม่ต้องชวน”
ผมสวนกลับทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครคะยั้นคะยอให้ไปด้วย ทำเอาจอมแก่นจ้องหน้าผมเขม็ง
“ทำไมถึงไม่ไปอะ พี่ดื้อไม่ได้เจอพ่อกับแม่มาหลายเดือนแล้วนะ”
“กูไม่มีอารมณ์ไปเที่ยว” ผมว่า
“ก็ไม่ได้บอกให้ไปเที่ยว แต่ให้ไปพักผ่อน”
กลายเป็นจอมแก่นบ้างแล้วที่บังคับผมกลายๆ แต่ผมก็ตอบไปแบบเดิมอีก
“กูไม่อยากไป กูอยากพักที่นี่”
คราวนี้จอมแก่นชักสีหน้า
“ตอนพักใจจากพี่เหนือยังถ่อไปถึงลาวได้ ทีตอนนี้ชวนไปพักผ่อนที่บ้านตัวเองแท้ๆ กลับไปไม่ได้ พ่อกับแม่รู้คงน้อยใจตาย”

พูดอีกก็ถูกอีก หลังจากที่ผมเรียนจบ ป.ตรี ผมก็มาอยู่ที่พิษณุโลกกับไอ้แสบที่ดันอินดี้บ้าบออะไรก็ไม่รู้ อยากจะมาเปิดร้านเหล้าที่บ้านเกิดของพ่อ ในขณะที่พ่อกับแม่ทำธุรกิจสวนผลไม้อยู่ที่เชียงใหม่ ส่วนจอมแก่น พอรู้ว่าพี่ๆ ย้ายมาที่นี่กันหมดก็ดันอยากตามมาอีก ด้วยมันติดผมกับไอ้แสบมากพอสมควร พวกเราก็เลยได้มาอยู่บ้านเก่าของพ่อซึ่งย่าได้ให้ไว้ก่อนตาย ปกติแล้วเราจะกลับไปที่บ้านเดือนละหนึ่งถึงสองครั้ง แต่เดือนนี้ยังไม่ได้กลับไปสักครั้ง มีหวังป่านนี้พ่อกับแม่คงรอแย่แล้ว

แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น ผมก็...
“กูอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบๆ ว่ะ พวกมึงไปกันเถอะ ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าไว้กูจะกลับไปหาวันหลัง”
...ไม่อยากไปอยู่ดี

จอมแก่นถอนหายใจออกมา หันมองหน้าไอ้แสบ ขณะที่ไอ้แสบส่ายหน้าช้าๆ
“เรื่องของมึงแล้วกัน”
เหมือนไอ้แสบจะถอดใจแล้ว ยกเว้นจอมแก่นที่ไม่ยอมง่ายๆ
“เรื่องของพี่ดื้ออะไรล่ะ ไม่รู้แหละ ยังไงก็ต้องไป เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าด้วย ผมอุตส่าห์ซักมาให้แล้ว ยังไงก็ต้องไป”
“นี่มึงเป็นน้องหรือแม่กูกันแน่เนี่ยไอ้แก่น”
จอมแก่นไม่สนใจผมแล้ว สั่งเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ไอ้แสบพูดทิ้งท้าย
“ตัดสินใจเอาเองแล้วกันไอ้ดื้อ กูไม่ได้บังคับ แต่มึงต้องไป”
สิ้นเสียงก็เดินตามจอมแก่นออกไป

ไม่บังคับก็เหมือนบังคับแหละวะ

ผมถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกับความเป็นห่วงของพวกมันเสียเหลือเกิน พลันนอนนิ่งๆ อย่างนั้นอีกสักครู่หนึ่ง ก่อนจะดันตัวขึ้นนั่ง ลุกจากเตียงไปจัดการคุ้ยเสื้อผ้าออกมาเตรียมพับ การทำให้ตัวเองไม่ว่างคือสิ่งที่ทำให้ผมพอจะลืมปั้นรักได้บ้างในเวลานี้ หากแต่การพับผ้าดูท่าจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่เมื่อจู่ๆ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นเสื้อยืดสีดำตัวหนึ่ง ไม่รู้อะไรดลใจให้หยิบมันขึ้นมา สะบัดๆ สองสามครั้ง จากนั้นก็คลี่ออก ก่อนจะชะงักไปทันทีที่เห็นลายเสื้อ

เสื้อจอมดื้อของปั้นรัก... มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย

ดูท่าทางน่าจะติดกระเป๋าผมมาจากตอนที่ไปเที่ยวกัน แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่ผมคิดถึงปั้นรักขึ้นมามากเสียจนแขนและขาสั่นไหวขึ้นมาน้อยๆ ยิ่งนึกถึงภาพเก่าๆ ที่เคยมีความสุขด้วยกัน ความอดทนในการข่มอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ของผมที่พยายามกักเก็บมาหลายวันก็พังทลายลงทันที

น้ำตามากมายไหลอาบใบหน้า ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ผมกอดเสื้อตัวนั้นไว้แน่น ซุกใบหน้าลง สูดดมกลิ่นของมันด้วยหวังว่าจะยังมีกลิ่นของปั้นรักหลงเรืออยู่

ปากครางเรียกเจ้าของเสื้อออกมาเสียงแผ่ว
“ปั้น... พี่คิดถึง”

คิดถึง...
คิดถึงมากจริงๆ...

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะปล่อยให้ความอัดอั้นนั้นถูกระบายออกมาด้วยการร้องไห้เท่านั้น

ผมต้องทำยังไงถึงจะลืมมันได้สักที...




 
จากตอนแรกที่คิดว่าอยากอยู่ที่บ้านหลังนี้เงียบๆ คนเดียว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนผมอยู่ในห้องคนเดียว มันทำให้ผมรู้เลยว่าขืนผมอยู่คนเดียว ผมจะต้องคิดฟุ้งซ่านอย่างรุนแรงแน่ๆ พอตั้งสติได้ ผมเลยเดินลงมาบอกพี่กับน้องของตัวเองว่าจะกลับบ้านด้วย ไม่กี่วันให้หลัง ผมก็มาโผล่หัวอยู่ที่เชียงใหม่ตามแผนการของไอ้แสบกับจอมแก่นจนได้
จริงๆ การกลับมาบ้านมันก็ไม่ได้แย่ และการที่พ่อแม่รู้ว่าผมอกหักมาอีกแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เช่นกัน ถึงพ่อกับแม่จะโอ๋ราวกับผมเป็นเด็กเล็กๆ แต่มันก็ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นได้ไม่น้อย

ในเวลาที่คนอื่นไม่รักเรา ก็ยังมีครอบครัวนี่แหละที่รักเรา

คนอื่น... ผมไม่อยากคิดเลยว่ามันเป็นคำที่ใช้เรียกปั้นรักในตอนนี้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผมพยายามไม่คิดถึงเรื่องของมันนะ
ครอบครัวผมก็ให้ความช่วยเหลือให้ผมหยุดคิดถึงอดีตแฟนเป็นอย่างดี ด้วยการพาไปทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย เริ่มตั้งแต่ช่วยแม่ทำกับข้าว ช่วยพ่อคุมคนงานในสวนเก็บผลไม้ ไปเจอหน้าเพื่อนเก่าๆ ที่ยังอยู่ในเชียงใหม่ พอตกกลางคืน ไอ้แสบก็พาไปเที่ยวผับที่เพิ่งเปิดใหม่ในย่านใจกลางเมือง

ผมไม่ได้อยากมาหรอก แต่ก็มา อย่างที่บอกว่าต้องการทำตัวเองให้ไม่ว่างเพื่อให้ลืมปั้นรัก ทว่าดูท่าจะเสียการเปล่า ต่อให้ผับนี้ใหญ่หรือคนเยอะ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแยะ เปิดเพลงมันส์น่าเต้นแค่ไหน ผมก็ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ดื่มบ้าง คุยกับเพื่อนๆ ของไอ้แสบที่มาร่วมก๊วนด้วยบ้างเป็นพักๆ

ดื่มไปก็ดูไอ้แสบคุยสรวลเสเฮฮากับเพื่อนๆ มันไปเพลินๆ ก่อนจะขอตัวแยกไปเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระของตัวเองเสร็จ ผมก็น่าจะเดินกลับมาที่โต๊ะตามปกติ แต่ทว่าระหว่างเดินอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีใครบางคนคว้าแขนผมเอาไว้ พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นมือของผู้หญิงคนหนึ่ง

...ผู้หญิงชาวต่างชาติเสียด้วย

แสงไฟสลัวทำให้ผมมองเห็นหน้าเธอไม่ชัดนัก แต่พอเสียงของเธอดังมาให้ได้ยิน ผมก็เอะใจขึ้นมาทันที
“Hey, You are Pun’s friend, right? Did you remember me? (เฮ้ คุณเป็นเพื่อนปั้นใช่ไหม จำฉันได้หรือเปล่า)”

บอกตรงๆ ว่าผมแปลไม่ได้หรอก เสียงรอบข้างดัง แถมเธอยังพูดเร็ว แต่เพราะได้ยินชื่อของใครบางคน เท่านั้นก็ทำให้ผมขมวดคิ้วเป็นปมทันที

“ยู...” ผมเอ่ยออกมา พลางเพ่งมองหน้าเธอ ก่อนจะใจหายวาบ “ลูซี่...”

ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนั้น ผมว่าผมจำหน้าเธอได้รางๆ นะ ขณะที่เธอพยักหน้ารับเร็วๆ

“Yes, I am! (ใช่ ฉันเอง!)”
ว่าพลางยิ้มร่า ขณะที่ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แต่จะถามออกไปก็เรียงประโยคไม่ถูกอีก ส่วนลูซี่ก็ว่าสวนมาเร็วๆ
“What a coincidence! I never think to meet you again. Don’t you live here? (บังเอิญอะไรอย่างนี้! ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณอีก บ้านอยู่นี่เหรอ?)”

แม่ง...แปลไม่ได้เลย

“It’s very nice to meet you. I wanna talk to you about Pun. (ดีจังที่ได้เจอ อยากจะคุยกับคุณเรื่องปั้นพอดี)”
“เอ่อ...”

ผมเงอะงะไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไร รู้อย่างเดียวว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องปั้นรัก อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องฟังเธอก็ได้ เพราะผมคิดจะตัดใจจากมันอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ผมยังตัดใจไม่ได้ พอได้ยินอย่างนั้นก็เกิดอยากรู้ขึ้นมา ทว่าการสื่อสารภาษาอังกฤษของผมติดลบเป็นอย่างมาก จึงทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนคนนึงของไอ้แสบที่มาเที่ยวด้วยกันพูดภาษาอังกฤษได้ ผมเลยรีบบอกกับลูซี่

“โอเค เดี๋ยวๆ เว็ตก่อน...เอ่อ...คัมๆ ฟอลโลว์มี”

ภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ มาก แต่ลูซี่น่าจะเข้าไปเพราะทันทีที่ผมพูดจบ เธอก็ยอมเดินตามผมกลับมาที่โต๊ะ ผมรีบบอกความต้องการของตัวเองให้เพื่อนไอ้แสบรู้ ก่อนที่เขาจะตกปากรับคำให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ผมทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับลูซี่ ก่อนที่จะอธิบายให้ไอ้แสบเข้าใจด้วยเวลาอันรวดเร็วว่าลูซี่เป็นใคร พอเสร็จสิ้น เธอก็เริ่มเอ่ยปาก ในขณะที่เพื่อนของไอ้แสบคอยแปลให้ เริ่มจากเรื่องที่เธอมาโผล่ที่เชียงใหม่ เธอบอกว่าหลังจากที่ผมกลับมาไทย เธอกับปั้นรักก็ทะเลาะกันอย่างหนักถึงขั้นเลิกกันจริงจัง เพราะปัญหาที่เกิดระหว่างพวกเขามันรุนแรงเสียจนกลับไปต่อไม่ติดอีกแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องการแต่งงานก็เป็นอันยกเลิกด้วย เธอเลยตัดสินใจเดินทางมาหาเพื่อนที่นี่เพื่อเที่ยวเล่นระหว่างรอกำหนดกลับไปอเมริกา
ดูเธอเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรนะเพราะใบหน้ายังมีรอยยิ้ม แต่ผมสัมผัสได้ว่าลูซี่เองก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน เธอย้ำหลายต่อหลายครั้งว่าไม่อยากเลิกกับปั้นรัก แล้วก็บอกกับปั้นรักไปแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับบอกว่ารักผม นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เธออยากจะคุยกับผมเช่นกัน

จะอะไรก็ช่าง มันไม่ใช่ปัญหาของผม ที่ผมอยากรู้ก็คือ...ทั้งคู่ทะเลาะอะไรกันต่างหาก คำพูดของลูซี่ก็เหมือนที่ปั้นรักบอกนั่นแหละ แต่มันยังกำกวม ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทั้งสองคนมีเรื่องอะไรถึงทะเลาะกันหนักหนาอย่างนี้ ถึงจะไม่ใช่เรื่องของผม ทว่าผมก็อยากรู้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับผม

...เกี่ยวเนื่องกับหัวใจของผม

“พี่ถามให้หน่อยได้ไหมว่าลูซี่กับปั้นทะเลาะกันเรื่องอะไรแน่ ปั้นถึงขอเลิกอย่างนี้”
เพื่อนไอ้แสบจัดการแปลให้เสร็จสรรพ ลูซี่เม้มริมฝีปากไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมา แล้วจากนั้นเพื่อนไอ้แสบก็แปลให้ผม
“เธอบอกว่าเธอท้อง”

ผมใจหายวาบไปอีกระลอก
“ท้อง...ลูกของปั้นเหรอ”

ผมคิดลบกับปั้นรักไปเลย ถ้าจะเลิกกับผู้หญิงคนนี้เพราะผม ผมจะโกรธและเกลียดมันจริงๆ แล้วนะ

แต่ผมกลับคิดผิดเพราะเมื่อเพื่อนไอ้แสบหันไปถามอีกที คำตอบกลับไม่ใช่อย่างที่ผมคิด
“กับคนอื่น”
“หมายความว่าไงที่ว่าท้องกับคนอื่น” ผมขมวดคิ้วมุ่น แต่เชื่อไหมว่าในใจกลับโล่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน

พอถามไปอย่างนั้น ลูซี่ก็เล่าออกมาอย่างหมดเปลือก
“เธอบอกว่าตอนนั้นที่ทะเลาะกับปั้น เป็นเพราะว่าเขาจับได้ว่าเธอนอนกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งในกลุ่มของปั้น ปั้นก็เลยรับไม่ได้ หนีหน้าเธอ เธอตามง้อ แต่ปั้นขอเวลาคิดทบทวนก่อนว่าจะเอายังไงต่อ ทีนี้เวลามันผ่านมาหลายเดือน ปั้นก็ไม่ให้คำตอบสักที งานแต่งงานก็ใกล้เข้ามา เธอก็เลยไปตามหา จากนั้นก็รู้ว่าปั้นหนีไปอยู่ที่ลาว พอมาตามตัวเจอที่ลาว ปั้นก็สรุปว่าอยากเลิกกับเธอ เธอเสนอว่าจะเอาเด็กออกเพื่อไม่ให้ปั้นเลิก แต่สุดท้ายก็รั้งเขาไว้ไม่ได้”

เป็นการเล่าเรื่องที่สรุปได้กระชับ แต่ผมเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะยินดีเลยนะ ทว่าผมกลับโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ปั้นรักไม่ได้เป็นฝ่ายนอกใจลูซี่ก่อน ถึงจะมาคบกับผมซ้อน มันก็ยังถือว่าเป็นการคบกันในขณะที่ทั้งคู่มีระยะห่างระหว่างกัน

สรุปแล้วผมไม่ใช่มือที่สามใช่ไหม?

โล่งใจเสียจนหลุดแสดงสีหน้าออกมา ก่อนที่ลูซี่จะเล่าออกมาอีก โดยมีเพื่อนไอ้แสบแปลให้อย่างรู้งาน

“แล้วเธอก็บอกว่าพอมาคิดทบทวนดีๆ แล้ว การเลิกกับปั้นก็ดีเหมือนกัน เพราะจริงๆ เธอก็คงจะไม่ได้รักเขาเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้านอกใจไปนอนกับเพื่อนเขาอย่างนั้น ที่ไม่อยากเลิกในตอนแรกเป็นเพราะความผูกพัน แบบว่าคบกันมานานอะไรแบบนี้ จริงๆ แล้ว คนที่เธออยากใช้ชีวิตด้วยคือเพื่อนของปั้นที่เคยนอนด้วยต่างหาก” แปลมาถึงตอนนี้ คนแปลก็มีสีหน้ายุ่งเหยิงขึ้นมา ก่อนจะหันมามองหน้าผม “อารมณ์ประมาณว่ายัยนี่กับเพื่อนของปั้นแอบกินกันมานานแล้ว แต่เพิ่งถูกจับได้ครั้งหลังสุดว่ะ”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก เข้าใจได้ทันที ก่อนจะอดคิดไม่ได้ว่าปั้นรักจะรู้สึกยังไงตอนที่รู้ว่าแฟนที่ตัวเองคบหามาหลายปีกับเพื่อนสนิทแอบแทงข้างหลังอย่างนั้น มันคงช็อกมากเลยทีเดียวถึงได้หนีข้ามน้ำข้ามทะเลมาพักใจอย่างนี้ พลันโทษความงี่เง่าของตัวเองที่ไม่ยอมใจเย็นฟังปั้นรักอธิบายให้จบ

ถ้ามันพูดเรื่องนี้...
ถ้าบอกอย่างนี้ตั้งแต่แรก...
ผมก็คงไม่หนีมันมาอย่างนี้หรอก

ผมไม่โทษว่าเป็นความผิดของปั้นรักนะ โทษว่าเป็นเพราะความบ้าบอของตัวเองเต็มประตูเลย

“แล้วมีเท่านี้เหรอที่ลูซี่อยากบอก”
เพื่อนไอ้แสบหันไปถามให้ ลูซี่ว่าพลางมองหน้าผม ก่อนจะได้รับคำแปล
“เธอบอกว่าใช่ แล้วก็อยากจะฝากให้มึงดูแลปั้นให้ที ถึงเธอกับปั้นจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่เธอก็เป็นห่วงปั้นในฐานะคนที่รู้จักกันมานาน เธอรู้ว่าปั้นรักมึง แล้วมึงก็รักปั้น เลยอยากจะฝากให้ดูแลหน่อย”

ผมพยักหน้ารับ หลังจากนั้นลูซี่ก็คุยอะไรต่ออีกนิดหน่อย ตบท้ายว่าเพื่อนที่เธอมาหาที่นี่ก็คือเพื่อนของปั้นรักที่เธอนอกใจมานอนด้วยนั่นแหละ หมอนั่นมาเที่ยวไทยรอบทสรุปเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปั้นรัก ก่อนที่จะแยกไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าลูซี่จะเป็นยังไง หรือไปที่ไหนกับใครต่อ ในตอนนี้ผมมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น

อยากบินไปหาปั้นรักที่ลาวเดี๋ยวนี้!
 
คิดได้เท่านั้น ผมก็เรียกไอ้แสบทันที
“ไอ้แสบ! ไปส่งกูหน่อย”
ไอ้แสบที่กำลังกระดกขวดเบียร์ดื่มอยู่มองหน้าผม
“ไปส่งไหน”
“สนามบิน กูจะไปหาปั้นที่ลาว”
ไอ้แสบถึงกับเบ้หน้า ก่อนจะรีบคว้าแขนผมเอาไว้เมื่อเห็นผมผุดลุกขึ้นอย่างร้อนรน
“มึงจะไปทำบ้าอะไรตอนนี้ ดูเวลาด้วย แล้วมึงเตรียมตัวอะไรไว้ซะที่ไหน ทำอะไรอย่าหุนหันสิวะ”
“แต่กูอยากคุยกับปั้น” ผมบอก
ไอ้แสบถอนหายใจออกมาอย่างระอา
“ถ้าผมอยากจะคุย มึงก็โทรไปหาสิวะ”
“กูไม่มีเบอร์ เปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้ว เบอร์ที่ปั้นใช้โทรมามันหายไปหมดแล้ว”
“แม่มันทำเกสต์เฮ้าส์ไม่ใช่เหรอ มึงก็โทรไปสิ”
“เออว่ะ”

พอผมครางตอบรับออกมาอย่างนั้น ไอ้แสบก็ด่าผมว่าโง่ออกมาชุดใหญ่ ทว่าผมไม่สนใจอะไรแล้ว นอกจากเสิร์ชหาเบอร์ของเกสต์เฮ้าส์แล้วต่อสายตรงไปทันที ทว่าก็ต้องผิดหวัง เพราะทันทีที่ได้คุยกับคุณแอน ผมก็ได้รับคำตอบว่า...ปั้นรักหายตัวไปไหนก็ไม่รู้

หายไปแบบไม่บอกไม่กล่าวตั้งแต่หลายวันก่อน ตอนแรกคุณแอนคิดว่ากลับอเมริกา แต่พอโทรถามกับทางพ่อของมันที่นั่นก็ได้คำตอบว่าไม่ได้กลับ พอโทรไปตามหากับเพื่อนฝูง ก็ไม่มีใครเจอปั้นรักสักคน ตอนนี้เลยตามหาตัวกันอยู่

ผมได้ยินอย่างนั้นก็เป็นห่วงขึ้นมาเสียจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ จากที่ถูกไอ้แสบปรามไว้ว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ตอนนี้อยากจะบินตรงไปลาวอีกแล้ว

ไม่ต้องบินก็ได้ นั่งรถทัวร์หรืออะไรก็ตาม ผมยอมหมด ขอให้ได้เจอกับปั้นรักเท่านั้น ทว่าพอผมพูดออกไปอีก ไอ้แสบก็ตบหัวผมดังป้าบ พร้อมกับดุออกมา
“มึงเลิกกระสับกระส่ายสักที ถึงมึงจะไปตอนนี้ก็ใช่ว่าจะตามหาแฟนมึงเจอสักหน่อย กลับไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนแล้วค่อยไปก็ยังไม่สายหรอกเว้ย”


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สะบายดี ครั้งที่ 17: สะบายดีจอมดื้อ[2]

 
นั่นแหละ เพราะประโยคนั้น วันรุ่งขึ้น ผมกับไอ้แสบ แล้วก็จอมแก่นก็มุ่งหน้ากลับไปยังพิษณุโลกทันที ด้วยผมอยากจะรีบไปจัดการเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย และแน่นอนว่าไอ้แสบไม่ยอมให้ผมแตะพวงมาลัยรถเลย เพราะมันกลัวว่าผมจะเหยียบมิดไมล์เพื่อให้ถึงที่หมายให้ไวที่สุดน่ะ

ไอ้ถึงที่หมายมันไม่เท่าไหร่ แต่จะไปเยี่ยมยมบาลก่อนกำหนดนี่แหละที่ทำให้มันกลัว
กว่าจะกลับมาถึงพิษณุโลกก็ค่ำแล้ว รถเคลื่อนตัวเข้าไปในซอย กระทั่งมาถึงหน้าบ้าน ผมกำลังจะบอกให้จอมแก่นลงไปเปิดประตูรั้ว แต่ไอ้แสบก็โพล่งขึ้นมาก่อน

“ใครมานั่งอยู่หน้าบ้านวะ”
เท่านั้น ทั้งผม ทั้งจอมแก่นก็เพ่งมองไปยังร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งฟุบหน้ากอดเข่าอยู่หน้าบ้าน ไอ้แสบกะพริบไฟใส่ อีกฝ่ายก็ไม่ได้สังเกตเห็น มันเลยบีบแตรไปทีหนึ่งเพื่อให้ผู้ชายคนั้นถอยออกไป พลางบ่นพึมพำไปเรื่อย

“นักท่องเที่ยวหลงทางหรือเปล่าวะ หรือจะเป็นคนจรจัด”
ผมเพ่งมอง จากนั้นก็นิ่งค้างไปด้วยคุ้นตากับผู้ชายคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองเพราะตกใจเสียงแตรรถ ผมก็อ้าปากค้างทันใดด้วยจำได้ดีว่าคนที่นั่งอยู่หน้าบ้านผมนั้นคือ...
“ปั้นรัก...”

ใช่ ปั้นรักอย่างแน่นอน มันในตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนล้าไม่ใช่น้อย ข้างกายมีกระเป๋าเป้ใบเขื่องตั้งอยู่ และเพราะผมพูดออกไปอย่างนั้น ไอ้แสบกับจอมแก่นก็หันมามองผมทันที
“อย่าบอกนะว่าไอ้นี่คือคนที่มึงทิ้งมา?”

ผมพยักหน้า ไอ้แสบครางออกมาด้วยไม่เชื่อ
“โอ้โห มันก็ลงทุนแฮะ ที่มันหายตัวไปไม่บอกใครคงเพราะมาหามึงนี่แหละมั้งไอ้ดื้อ”

ผมก็คิดอย่างนั้น แต่ยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือเรื่องจริง ก่อนที่จอมแก่นจะเรียกสติผม
“มัวอึ้งอยู่ได้ รีบลงไปสิพี่ดื้อ ไปเร็วเข้า!”

เรียกสติไม่พอ ดันให้ผมลงจากรถไปอีก ผมรีบพยักหน้า ก่อนกุลีกุจอเปิดประตูรถ พอลงมายืนบนพื้นได้ ผมก็ร้องเรียกคนตรงหน้าทันที

“ปั้น...”
ปั้นรักหยีตามอง พอเห็นว่าเป็นผมก็ยิ้มออกมา
“สะบายดีจอมดื้อ”
ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรใดๆ ขณะที่ปั้นรักผุดลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อตัวเล็กน้อย ก่อนจะเกาคอแก้เขิน
“คือไอมาตามที่อยู่ที่ยูเคยให้ไว้น่ะ”

นึกขึ้นมาได้ว่าครั้งหนึ่ง ผมเคยให้ที่อยู่มันเอาไว้ตอนที่ชวนมันมาไทยด้วยเพราะมันบอกว่ากลัวจะหลง แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงยืนนิ่ง มองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“ขอโทษที่โผล่มาแบบไม่บอก แต่ไออยากอธิบายให้ยูเข้าใจว่าจริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นยังไง ช่วยฟังไออีกสักครั้งได้ไหม สัญญาว่าครั้งนี้จะเล่าทุกอย่าง”

นี่มาหาผมถึงที่เพื่อจะพูดเรื่องนี้เหรอ?

ผมก็ยังไม่พูดอะไรออกไปอยู่ดี ทว่าในใจกลับชุ่มฉ่ำไปหมดเมื่อสัมผัสได้ว่าปั้นรักแคร์ผมมากแค่ไหน ความรู้สึกเดิมๆ ที่พยายามจะลบล้างมันไปหวนกลับมาอีกครั้ง

ผมรักปั้นรัก... รักมาก... รักจนไม่อยากจะแยกจากกันอีกแล้ว

ขณะที่ปั้นรักพยายามจะอธิบายเรื่องเดิม

“คือ...มันพูดลำบากน่ะนะ ไอคิดว่ายูคงไม่เชื่อ แต่ว่าสาเหตุที่ไอกับลูซี่ทะเลาะกันน่ะ เป็นเพราะลูซี่กับเพื่อนของไอไปมีอะไรกัน แล้วลูซี่ก็ท้อง พอไอจับได้ ไอรับไม่ได้ก็เลยหนี...”

พูดยังไม่ทันจบ ผมก็คว้ามันเข้ามากอดแน่น ปั้นรักอุทานออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงียบไปเมื่อผมว่าออกมา
“พี่รู้แล้วปั้น พี่รู้แล้ว”
“หมายความว่ายังไงที่ว่ารู้แล้ว”
มันถาม ส่วนผมก็กอดมันแน่นกว่าเดิม
“ลูซี่เล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว”
“ยูเจอลูซี่ตอนไหน”

น้ำเสียงของปั้นรักดูงุนงงมาก แต่ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะอธิบายใดๆ คิดแต่เพียงว่าตอนนี้ผมได้คนที่ผมรักกลับคืนมาแล้ว ได้แต่กระชับอ้อมกอดแน่น ซุกใบหน้าลงไปบนไหล่ของอีกฝ่ายแล้วพึมพำออกมา

“พี่ขอโทษที่พี่ไม่ฟังนะปั้น”
ปั้นรักที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างชะงักไป ก่อนที่จะโอบกอดผมตอบเมื่อผมพูดออกมาอีก
“ขอโทษที่พี่ใจร้อน ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า อย่าโกรธพี่เลยนะ”
“ไอไม่ได้โกรธ ถ้าโกรธก็คงไม่ถ่อมาหาถึงที่หรอก ที่ไอ้อยากทำก็คืออยากขอโทษที่พูดไม่เคลียร์ มันลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้น่ะ ลูซี่เป็นผู้หญิง ไอก็เลย...”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้พี่เข้าใจแล้ว” ผมขัดขึ้นมา

ปั้นรักผละออกจากผมเล็กน้อย “ยูจะไม่ฟังไออธิบายอะไรหน่อยเหรอ”
“มีเรื่องอะไรนอกจากที่ลูซี่เล่าให้ฟังที่พี่ควรต้องรู้อีกไหมล่ะ”
“ไอไม่รู้ว่าลูซี่เล่าอะไรให้ยูฟัง อยากจะฟังไอเล่าอีกรอบไหม เผื่อจะเป็นหนังคนละม้วน”

ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย ปั้นรักก็ยังคงเป็นปั้นรัก ยังคงความกวนประสาทได้เหมือนเดิม แต่ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง ตอนนี้ผมก็ไม่สนแล้ว ผมสนแค่ว่าคนที่ผมอยากเจอมากที่สุดมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว และสิ่งที่ผมอยากทำก็คือกอดมันเอาไว้... กอดไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ให้ใครมาแทรกกลางระหว่างเราได้อีก

“ถ้าปั้นอยากเล่า พี่ก็ยินดีจะรับฟัง พี่พร้อมฟังแล้ว”
ไม่เพียงแค่คิด ผมทำจริงๆ ด้วยหลังจากพูดประโยคนี้จบ กอดมันแน่นอีกครั้ง ปั้นรักก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้ผมกอดแต่โดยดี พลันถามออกมาสั้นๆ
“แน่ใจนะว่าพร้อมจะฟัง?”
“แน่ คราวนี้จะฟังจริงๆ แต่ปั้นก็พูดเอาแต่สาระนะ น้ำๆ ไม่เอา”

ปั้นรักหัวเราะออกมาเล็กน้อย ว่าติดขำๆ
“มันก็ต้องมีเกริ่นกันก่อนสิวะ”
“เกริ่นพอแล้ว” ผมว่า คลายอ้อมแขนเล็กน้อย “เข้าไคลแม็กซ์เลยเถอะ” จากนั้นก็จรดจูบโดยไม่ทันให้ปั้นรักตั้งตัว

ปั้นรักเบิกตาโตขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าครู่เดียวก็จูบตอบผมคล้ายกับว่าโหยหาสัมผัสจากผมเช่นกัน ช่วงเวลานั้นหยุดหมุนไปฉับพลัน ราวกับว่าโลกนี้มีแค่ผมกับปั้นรักเพียงสองคนเท่านั้น จนลืมไปสนิทเลยว่าด้านหลังของพวกเรายังมีพี่กับน้องของผมนั่งดูเหตุการณ์อยู่ในรถ ก่อนที่เสียงบีบแตรจะดังมาอีก ทำเอาพวกเรากระเด้งออกจากกันอย่างรวดเร็ว และตามมาด้วยเสียงของไอ้แสบที่ชะโงกหน้าออกมาโวยวายน้อยๆ

“เอ้า ไปต่อกันในบ้านไป กูนั่งรอจนรากงอกแล้ว ไอ้แก่นจะหลับแล้วเนี่ย!”
ผมหัวเราะออกมา ขณะที่ปั้นรักย่นคิ้วยู่
“นั่น...”
“พี่ชายของพี่เอง ที่นั่งอยู่ด้านหลังนั่นก็น้องชาย เข้าบ้านกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะแนะนำให้รู้จักนะ”

ผมว่าเร็วๆ เดินไปเปิดประตูรั้วให้ไอ้แสบขับรถเข้าไปจอดในรั้วบ้าน ก่อนจะช่วยปั้นรักถือของ แล้วยื่นมือออกไปตรงหน้าให้มันจับ
“มาสิ”
ปั้นรักมองมือผมเล็กน้อย พลันเอื้อมมือมาทำท่าจะจับ ทว่าก็ชะงักเพราะผมโพล่งขึ้นมาก่อน
“คิดให้ดีนะถ้าจะจับมือพี่ ครั้งนี้ถ้าจับแล้ว พี่จะไม่ปล่อยปั้นไปอีก”
“ประโยคนั้น ไอต้องพูดมากกว่า คนที่ทิ้งคนอื่นไปหน้าตาเฉยไม่มีสิทธิ์พูดหรอกเว้ย ไอจะจับไม่ปล่อยเลยคอยดู”

สิ้นเสียงก็คว้ามือผมไปจับแน่น เชื่อแล้วล่ะว่ามันจะจับมือผมไม่ปล่อยจริงๆ เพราะขนาดผมหนีมา มันยังมาตามถึงที่ แล้วไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะ ชอบ...ต้องขอบคุณมันด้วยที่เห็นผมสำคัญขนาดนี้

ผมยิ้มออกมา กระชับฝ่ามือนั้นแนบชิดเป็นการบอกมันโดยนัยว่าผมเองก็จะไม่ปล่อยมือมันเหมือนกัน ต่อให้มีเรื่องอะไรหลังจากนี้ ผมก็จะไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆ อย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว

แต่ก่อนจะไปคุยเรื่องเครียดๆ เพื่อปรับความเข้าใจกัน ผมอยากจะพูดอะไรบางอย่างก่อน
“พี่รักปั้นนะ”

นี่แหละที่ผมอยากพูด

ปั้นรักมองหน้าผม ยิ้มกว้างออกมา
“ไม่เชื่อโว้ย หนีกันขนาดนี้ ไม่เชื่อหรอกว่ารัก”
“งั้นพี่จะพิสูจน์ตัวเองนะ” ว่าจบ ผมก็ดึงปั้นรักเข้ามาจูบอีกครั้ง

จูบในครั้งนี้ดูดดื่มกว่าครั้งแรกเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่าต่างคนต่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป ผมซึมซับทุกความรู้สึกไว้ด้วยหัวใจที่กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ประหนึ่งว่าความเจ็บปวดที่ผ่านมาถูกดูดกลืนไปด้วยรสจูบของผู้ชายตรงหน้า ก่อนที่เสียงของไอ้แสบจะดังมาให้ได้ยินอีก

“เอ้า กูบอกให้ไปต่อกันในบ้าน ไม่ใช่ในรั้วบ้าน เข้ามาได้แล้ว”
ผมผละออกจากปั้นรัก หันไปมองก็เห็นมันยืนอยู่ข้างจอมแก่นที่โพล่งขึ้นมาบ้าง
“พาพี่เขาเข้าบ้านเถอะพี่ดื้อ ข้างนอกยุงเยอะ”

ผมพยักหน้ารับ กระชับฝ่ามือของปั้นรักอีกครั้ง
“เข้าบ้านกันนะ พี่มีเรื่องจะคุยกับปั้นเยอะแยะเลย”

ไม่มีการตอบรับเป็นคำพูดจากปั้นรัก มีรอยยิ้มเป็นคำตอบแทน ก่อนที่พวกเราจะเดินเข้าไปในตัวบ้านพร้อมๆ กัน

ดูท่าทางคืนนี้ผมคงจะมีเรื่องต้องคุยกับปั้นรักยาวอย่างแน่นอน การปรับความเข้าใจอาจจะต้องใช้เวลา แต่ความรักที่อยู่ในใจผม ถึงจะไม่ต้องใช้เวลาแต่ผมก็รู้ดีว่าหัวใจผมต้องการอะไร

ปั้นรัก... ผมต้องการปั้นรัก แค่ผู้ชายคนนี้เท่านั้นที่ผมรัก

และจะรักตลอดไป...
------------------------
มาซะเช้าเลย มัวแต่ไปเขียนเรื่องอื่นอยู่ ลืมไปเลยค่ะว่าสัญญาจะอัปเรื่องนี้ 555
ตอนหน้าเป็นบทสรุปแล้วนะคะ ฝากฟีดแบ็กตอนนี้ไว้ด้วยเน้อ
เจอกันพรุ่งนี้ค่า

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รู้สึกว่าจบไวมากเลยเพิ่งคืนดีกันเองนะ
ทั้งสองคนต้องขอบใจยัยลูซี่และแฟนนางนะที่มาไทยแล้วบอกเรื่องนี้กับปั้นนางก้แไม่ใช่คนเลววหรอกแม้จะเคยทำผิดมา  คนเราถ้าไม่จริงจังจะปล่อยให้ท้องได้เหรอ
ถึงจุดนี้แล้วสงสารปัั้นรักยิ่งกว่าอีก
ปั้นคงจะชอบพี่ดื้อก่อนใช่ไหมล่ะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ว่าแล้ว ปั้นต้องตามมา ^^

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
จะจบแล้วหรอเร็วจังเลลย

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
จบละเหรออ แต่เรื่องน่รักดีค่ะ อิอิๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด